ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปฏิบัติการค้นหานางฟ้า Find to Angle [FicTVXQ Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #15 : ห้องลับ

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 51


    ซีวอนรู้สึกตัวหลังจากที่สลบไปพักใหญ่ ร่างสูงหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ  ร่างบางนั้นยังคงสลบไสลอยู่
    “ชางมินฟื้นสิ   ชางมิน”ร่างสูงเรียกพลางตบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ 

    ชางมินส่ายหน้าไปมาอย่างรำคาญก่อนจะเปิดเปลือกตาลืมขึ้นมา แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายและบรรยากาศรอบข้างดวงตาเรียวก็เบิกโพล่งอย่างตกใจ


    “ที่นี่มันที่ไหน?”ร่างบางถามพลางมองไปรอบๆ ที่มีแต่ความมืดมิด


    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”ชายหนุ่มตอบแล้วเดินคลำทางไปรอบๆหาสวิตส์ไฟ อย่างน้อยถ้ามันสว่างคงจะดีกว่านี้


    “นายไม่รู้ได้ไง? ไหนเคยบอกว่ามาที่นี่บ่อย”ชางมินว่าอย่างหงุดหงิด ซีวอนหันไปมองคนพูดยิ้มๆ 


    ไม่ได้ยิ้มกับคำพูดนั้น แต่ยิ้มที่มือเรียวของคนช่างว่าเกาะแขนของเขาซะแน่นนี่มากกว่า

    “ถึงผมจะเคยมาที่นี่บ่อย แต่ก็ไม่เคยคิดเที่ยวที่พิเรนอย่างคุณหรอกนะ”ร่างสูงพูดและแน่นอนว่าต้องได้ค้อนจากคนข้างๆมาอีกหนึ่งขวัญเป็นของตอบแทน แม้จะไม่เห็นแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกได้


    ซีวอนคลำไปเรื่อยๆ ก็พบสิ่งที่กำลังค้นหา พอไฟเพียงดวงเดียวในห้องสว่างวาบขึ้น ทั้งสองก็มองไปรอบๆ ที่มีแต่กำแพงกับกำแพง เป็นเพียงกำแพงสีปูนที่ไม่ได้รับการตกแต่งหรือทาสีใดๆ ไม่มีหน้าต่าง หรือแม้แต่ประตู หรือแม้แต่ช่องทางที่พวกเขาเพิ่งผ่านเข้ามาเมื่อกี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของห้องนี้ มีเพียงโต๊ะตรงกลางห้องที่คล้ายๆโต๊ะทำงานตั้งอยู่



    “นี่มันห้องอะไรเนี่ย? อย่างกับห้องขัง”ซีวอนอุทาน แล้วเหลือบไปมองคนข้างๆ ที่ยังเกาะแขนของตนแน่น ชางมินเริ่มรู้ตัวก็ปล่อยมือออกทันที พลางเช็ดมือกับกางเกงอย่างรังเกียจ


    “ทีเมื่อกี้เกาะแขนเราซะแน่น มาตอนนี้ทำกลับมาทำท่ารังเกียจ อย่างนี้แหละ พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง”ซีวอนมองท่าทางอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างน้อยอกน้อยใจอย่างน่าหมั่นไส้ ส่งผลให้ร่างบางหน้าแดงเรื่อเสมองไปที่กำแพง คลำหาทางออก ซีวอนเห็นอย่างนั้นก็ลงมือช่วยหา



    “มันห้องอะไรกันเนี่ย? ไม่เห็นมีทางออกเลย แล้วไอ้ทางที่เราเข้ามาเมื่อกี้ก็ไม่รู้หายไปไหนแล้ว”ชางมินบ่นเมื่อเดินหามาได้พักใหญ่แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอทางออก พลางทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นที่มีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็พบว่าไม่มีสัญญาณ ร่างบางโยนทั้งอย่างโมโห



    “ทีต้องการใช้งานล่ะไม่ได้เรื่อง”


    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกนั้นเห็นว่าเราหายไปก็ออกตามหากันเองแหละ”ซีวอนพูดอย่างสบายๆ แล้วนั่งลงข้างๆ อีกคน


    “ดูนายไม่เดือดร้อยเลยนะ”ชางมินพูดอย่างหมั่นไส้


    “จะเดือดร้อยทำไม นานๆจะได้มีโอกาสมาอยู่กับคุณสองต่อสองอย่างนี้”ซีวอนพูดแล้วหันไปมองอีกฝ่ายนิ่ง 



    “ว่าแต่......”ชายหนุ่มพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ อีกคน ชางมินถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวเมื่อร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ 



    “นะ...นายจะทำอะไรน่ะ”ร่างบางถามอย่างตะกุกตะกัก


    “เปล๊า แค่จะบอกว่าเมื่อกี้เรายังคุยกันไม่จบเลยนี่ คุณคิดอะไรของคุณน่ะ”ร่างสูงตอบด้วยหน้าตาที่กวนโอ๊ยเป็นที่สุด


    “จะคุยแล้วทำไมต้องยื่นหน้ามาใกล้ๆ อย่างนี้ด้วย”ร่างบางพูดพลางผลักใบหน้าคมนั้นออกไปห่างๆ แก้เขินที่หลงคิดมากไปเอง


    “คุณยังไม่ตอบผมเลย ว่าทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นคนทำ”


    “นายจะรู้ไปทำไม”

    “ก็ผมอยากรู้ว่าอะไรทำให้คุณเข้าใจผมผิดอย่างนั้น”

    แค่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ก็ทำให้ชางมินเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน แล้วโยนบางอย่างที่พกติดตัวมาตลอดใส่หน้าอีกฝ่าย

    “เข้าใจผิดงั้นเหรอ? แล้วไอ้นี่มันหมายความว่าไง?”ร่างบางตะโกน น้ำตาเริ่มเอ่อคลอดวงตาเรียว


    ซีวอนมองอาการอีกฝ่ายอย่างตกใจ แล้วก้มลงหยิบสิ่งที่ร่างบางโยนนอนอยู่บนพื้นขึ้นมา 

    มันคือ.....สร้อยข้อมือของเขานั่นเอง


    “สร้อยข้อมือผมนี่ มันไปอยู่ที่คุณได้ยังไง?”ชายหนุ่มหันไปมองอีกฝ่ายงงๆ


    “ยังจะมาไขสืออีก  นายเองไม่ใช่รึไงที่ถือมีดไปแทงชั้นที่ห้องชั้นวันนั้น ถ้าโฮนาไม่มาซะก่อนชั้นคงตายคามือนายไปแล้ว แต่น่าเสียดายนะที่นายทำนี่ตกไว้ตอนที่นายหนี ไม่งั้นชั้นคงหลงเชื่อหน้าซื่อๆของนายไปอีกนาน”ชางมินยังคงตะโกนออกไปทั้งน้ำตา


    “อะไรนะ? คุณกำลังจะบอกผมว่า มีคนเอามีดไปแทงคุณงั้นเหรอ?”ร่างสูงพูดพลางจับไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่าย


    “นายอย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย”ชางมินพูดพลางสะบัดตัวออกจากมือร่างสูง


    “ฮึ...ฮึ...งั้นเหรอ? ดีจังที่คุณไม่เป็นอะไร อย่างนั้นเหรอ? นี่สินะที่ทำให้คุณคิดว่าผมเป็นคนทำ ฮึ..ฮ่า....ฮ่า มันก็สมควรแล้วที่คุณจะเข้าใจอย่างนั้น”ซีวอนพูดไปหัวเราะไปอย่างกับคนบ้า แล้วถอยหลังลงไปนั่งกับพื้นริมกำแพง ในมือยังคงกำสร้อยข้อมือไว้แน่น


    “ฮึ..ฮึ..ทำไม? ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย ฮือ...ฮือ”หลังจากหัวเราะ ซีวอนก็เริ่มร้องไห้ ร่างสูงก้มลงเช็ดน้ำตาแล้วมองชางมินอย่างรวดเร็ว ชางมินมองอาการของร่างสูงงงๆ


    นี่มันบ้าไปแล้วเหรอ?


    “ตอนนี้ไม่มีใครทำไมไม่ฆ่าชั้นซะเลยล่ะ ครั้งนี้มันคงไม่พลาดเหมือนคราวก่อนแน่”ชางมินพูด


    “ฮึ...ผมไม่โง่อย่างนั้นหรอก ตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคน ถ้าคุณตายเขาก็รู้หมดสิว่าผมเป็นคนทำ ต่อจากนี้ไปคุณจะไม่ได้เจออย่างนั้นอีกแน่”ซีวอนพูดยิ้มเหี้ยม หายจากอาการแปลกๆ เมื่อกี้โดยสิ้นเชิง 


    ซีวอนคนเดิมกลับมาแล้ว


    “แค่ตอนนี้น่ะสิ”พูดเองก็เจ็บเอง แล้วเดินไปนั่งชิดกำแพงฝั่งตรงข้ามกับที่ร่างสูงนั่งอยู่


    ทำไมนายไม่ปฏิเสธ นั่งแสดงว่านายยอมรับว่านายเป็นคนทำใช่มั้ย? ซีวอน มันเจ็บนะ เจ็บกว่าตอนที่จะถูกนายฆ่าซะอีก



     
    “นี่! ซีวอนกับชางมินหายไป”ชินดงพูดพลางหอบเข้ามาในห้องของฮันกยอง


    “นายหมายความว่าไง?”โซจินถามอย่างแปลกใจ


    “เมื่อกี้ชั้นเห็นว่าพวกเขาหายไปนานแล้ว เลยไปตามหา ไม่ว่าจะที่ห้อง ล็อบบี้ ห้องอาหาร สวนข้างหน้า หรือโรงละครก็ไม่มีเลย โทรหาก็ไม่ติด ทำไงดี?”ชินดงบอกอย่างกระวนกระวาย


    “พวกเขาหายไปไหนของเขากัน”ดงแฮถามอย่างตกใจ

    “งั้นเราลองแยกย้ายกันไปตามหาอีกทีดีกว่า”ฮันกยองว่า แล้วทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

    “รอแป๊บนึงนะ”อยู่ๆยุนโฮก็พูดขึ้น ทำไห้ทุกคนหันไปมองอย่างแปลกใจ ไม่รอคำตอบ ร่างสูงก็พุ่งออกไปจากห้องทันที ไม่กี่นาทียุนโฮก็กลับมาที่ห้องอีกครั้ง พร้อมกับร่างของจุนซูในอ้อมแขน


    ชายหนุ่มวางร่างที่สลบไสลลงข้างๆ ร่างของยูชอนที่ยังคงหลับอยู่ไม่ต่างกัน ตามมาด้วยแจจุงและโฮนาที่ทำหน้าตื่นๆ

    “แจจุง นายอยู่นี่นะ คอยดูแลสองคนนี้ โฮนาด้วย ชั้นไว้ใจเธอนะ”ยุนโฮสั่ง แม้ว่าแจจุงจะมีท่าทีคัดค้าน แต่พอมองเพื่อนรักทั้งสองที่นอนอยู่บนเตียง ก็พยักหน้ารับ เช่นเดียวกับโฮนา

    “ทำไมนายต้องระแวงขนาดนั้น”ฮันกยองถามอย่างแปลกใจ

    “จากเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นติดๆ กันนี่ ชั้นคงไว้ใจอะไรไม่ได้หรอก”ยุนโฮตอบเรียบๆ

    “ระวังตัวนะ”แจจุงพูดสีหน้ายังคงไม่คลายกังวล ร่างสูงพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที   เช่นเดียวกับคนที่เหลือ


     
    ในห้องลับที่มีแต่กำแพง ชางมินนั่งมองซีวอนที่เมื่อกี้เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ราวกับคนบ้า แต่ตอนนี้กลับมานั่งกินขนมปังหน้าตาเฉย


    ซะงั้น

    “กินมั้ย?”ถามทั้งๆ ที่ปากยังคงเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่   ชางมินส่ายหน้าแล้วหันไปมองทางอื่น ซีวอนเลิกคิ้วพลางยักไหล่แล้ว่ลงมือกินต่อ อย่างไม่สนใจอีกคน ที่แม้จะเชิดหน้าไปมองทางอื่น แต่ก็ยังแอบกลืนน้ำลาย


    คนบ้า...ทำไมต้องมานั่งกินล่อด้วย คนยิ่งหิวๆ อยู่ คนอะไรพกขนมปังไว้ในเสื้อเดินไปเดินมา

    ซีวอนมองท่าทางอีกคนยิ้มๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตากินต่อจนหมด

    “เฮ้อ...อิ่ม”ตอกย้ำให้เจ็บใจอีกสักที ชางมินหันไปมองคนพูดตาโต

    คนใจร้าย....ใจดำ จะแบ่งให้สักนิดก็ไม่มี  ชิ 



    ชางมินคิดอย่างเจ็บใจ พลางดึงเสื้อให้กระชับมากขึ้น เมื่อเริ่มรู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นขึ้นทุกที คงเป็นเพราะข้างนอกพระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว เพียงเสื้อยืดตัวบางที่สวมอยู่ดูจะไม่ค่อยช่วยอะไรได้เลย 


    อยู่ๆ ซีวอนก็ลุกเดินมานั่งข้างๆ แล้วถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่สวมอยู่ส่งให่คนที่นั่งกอดเข่าอยุ่ แต่ร่างบางกลับเชิดหน้าหนีไปอีกทางอย่างถือทิฐิ ไม่ยอมรับเสื้อที่ส่งมาให้


    “ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ”ร่างสูงบ่นเบาๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พลางห่มเสื้อให้อีกคนทางด้านหน้า แล้วดึงเสื้อมาห่มตัวเองด้วย ทำให้ร่างกายของทั้งสองแนบชิด


    จนรับรู้ถึงไออุ่นของกันและกัน


    ชางมินสะบัดตัวหนี แต่ก็ถูกแขนแกร่งรั้งเอาไว้ จนลุกไปไหนไม่ได้ จึงได้แต่ส่งสายตาเขียวปัดไปให้อย่างไม่พอใจ


    “ผมก็หนาวเหมือนกัน อยู่อย่างนี้น่ะดีแล้ว อุ่นดี”ซีวอนพูดอยู่ข้างหู แล้วกระชับวงแขนให้อีกฝ่ายเข้ามาแนบชิดตนมากขึ้น แต่อีกคนก็ยังดิ้นไม่เลิก


    “ถ้าไม่หยุดดิ้น ผมปล้ำจริงๆนะ เอ้า....ถึงตอนนี้จะฆ่าคุณไม่ได้ แต่ปล้ำได้นะ”ซีวอนพูดพลางจ้องตาคนในอ้อมแขนนิ่ง ชางมินจึงนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในอ้อมแขนอุ่นนั่นทันที


    ถึงจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง ในเมื่อที่นี่มันก็ลับตาคน แถมอยู่กันแค่สองคน เกิดเจ้านี่บ้าเลือดขึ้นมาจริงเขาจะแย่เอา


    “อย่างนี้สิ ถึงจะน่ารัก”ซีวอนพูดยิ้มๆ เลยได้ค้อนมาจากร่างบางมาอีกควับ


    จ๊อก.........



    พอได้ยินเสียงนั้น ซีวอนถึงกับหลุดขำ ในขณะที่เจ้าของเสียงหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วตอนนี้


    ทำไมต้องมาร้องตอนนี้ด้วยนะ ฮึ้ย...>///<


    ซีวอนขยับตัวยุกยิกๆ อยู่สักพัก ก็ยื่นขนมปังแบนๆ มาให้

    “กินซะสิ จะได้หยุดร้องซะที”ร่างสูงพูดพลางหัวเราะ





    เจ้านี่มันกระเป๋าโดเรม่อนรึไง ถึงได้มีมาพร้อมอย่างนี้!


     
    “เจอมั้ย? ยุนโฮ”แจจุงถามขึ้น เมื่อทุกคนกลับเข้ามาที่ห้องอีกครั้ง แล้วก็ได้รับการส่ายหน้าแทนคำตอบ ร่างบางหันไปมองนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีดำไปเรียบร้อยแล้ว


    “ตอนนี้นายอยู่ไหนนะ? ชางมิน”แจจุงพูดอย่างกังวล

    ยุนโฮเดินเข้าไปจับมือคนรักพลางบีบเบาๆ

    “ชางมินจะต้องไม่เป็นไร อย่าลืมสีว่ายังมีซีวอนอีกคน ซีวอนจะต้องดูแลชางมินได้แน่”แจจุงหันไปมองเจ้าของมือที่เกาะกุมมือของตนไว้ แล้วพยักหน้ารับ

    “นั่นสิ ยังไงสองคนนั้นก็ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งของที่นี่แน่ๆ”โซจินพูด

    “แต่เราก็หากันทั่วแล้วนะ”ชินดงพูดอย่างกังวลไม่แพ้กัน

    “นี่นายเป็นเจ้าของบ้านประสาอะไร ไม่รู้ได้ไงว่ายังมีที่ไหน ที่เรายังไม่ได้หาบ้าง”ดงแฮหันไปตะคอกใส่ฮันกยองอย่างหงุดหงิด

    อยู่ๆ ฮันกยองก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคนเหมือนนึกอะไรได้

    “จริงสิ ยังเหลืออีกที่นึง”ร่างสูงพูด ทุกคนหันไปมองเจ้าของบ้านอย่างสนใจ .

    ไม่พูดพล่ามทำเพลง เจ้าตัวก็เดินออกจากห้องไป ทุกคนมองฮันกยองงงๆ แต่ก็เดินตามไป ทั้งให้โฮนะดูแลสองคนที่ยังคงหลับอยู่เพียงลำพัง
    ฮันกยองเดินนำทุกคนไปตามทางเดินของโรงแรม แล้วอยู่ๆ ก็หยุดเดินหันไปแตะรูปภาพที่ประดับอยู่บนกำแพง


    ครืน....ครืน....

    จากกำแพงทึบก็เลื่อนหายเข้าไปจนเกิดเป็นทางเดินลงไปข้างล่าง เจ้าของบ้านเดินนำลงไปท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน

    “ชั้นไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว จนลืมไปเลยว่าที่นี่มีห้องใต้ดินอยู่ ไม่แน่สองคนนั่นอาจเล่นพิเรนทร์ ไปอยู่ที่นั่นก็ได้”ฮันกยองพูด



     
    ซีวอนมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้หลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    กินเสร็จก็นอนเลนนะ
    ร่างสูงคิดยิ้มๆ แล้วจับศีรษะของอีกฝ่ายให้มาซบกับไหล่ตน ซึ่งชางมินก็เอนมาตามแรงของซีวอนอย่างง่ายดาย ร่างสูงให้มือเกลี่ยปอยผมที่ลงมายังใบหน้ามนนั้นออกไปให้พ้นสายตา เพื่อที่จะมองใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายได้ชัดยิ่งขึ้น

    แต่แล้วกำแพงก็เลื่อนออก ซีวอนมองอย่างตกใจ แต่พอเห็นหน้าของคนที่เดินเข้ามา ร่างสูงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก


    “ซีวอน!”
    “ชางมิน!”
    บุคคลที่เข้ามาใหม่ตะโกนเรียกชื่อทั้งสองอย่างดีใจ เสียงเอะอะโวยวายทำให้คนที่หลับอยู่ ลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย

    “เอะอะโวยวายอะไรกัน”ชางมินบ่นพลางขยี้ตา แต่แล้วพอลืมตาเห็นทุกคนที่ยืนมองตัวเองพลางยิ้มกรุ่มกริ่มก็เริ่มงง 


    พอหันไปมองคนข้างๆ ก็เข้าใจทันทีว่าที่ทุกคนมองอย่างนั้นเพราะอะไร 

      ใบหน้ามนก็เริ่มแดงเรื่อขึ้นอย่างเขินอาย ร่างบางจึงรีบลุกขึ้นสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนขของร่างสูงทันที แล้วเดินไปหาแจจุงและยุนโฮที่ยังคงยืนยิ้มอยู่


    “ยิ้มอะไรกัน?”ชางมินว่าพลางถลึงตาใส่ทั้งสอง ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังคงแดงก่ำ แล้วเดินหนีขึ้นไป

    “ที่จริงไม่น่าเป็นห่วงเลยนี่เนอะ”แจจุงว่ายิ้มๆ แล้วจูงมือคนรักให้เดินตามชางมินไป

    “แล้วนายมาเล่นพิเรนทร์อะไรที่นี่”ฮันกยองถาม

    “ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน คุยกันอยู่ดีๆ ก็ล่วงลงมา  แล้วจะรีบโผล่มาทำไมก็ไม่รู้”ประโยคหลังซีวอนบ่นกับตัวเองเสียงเบา แต่ก็ดังพอที่คนที่ยืนอยู่จะได้ยิน

    “เสียใจด้วยนะ ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ชั้นคงมาช้ากว่านี้”ชินดงว่า

    “ใครจะไปรู้ล่า ว่าจะมาขัดจังหวะ ไอ้เราก็หลงเป็นห่วง”ดงแฮพูด
    ยิ้มๆ แล้วไปชนไหล่กับชินดง แล้วพากันออกมาจากห้องใต้ดินแห่งนั้น


    -------------------------------------------------
    อัฟแล้วน้า....เปลี่ยนชื่อเรื่องนิดหน่อย  เห็นว่าชื่อเก่ามันดูทื่อๆ  เลยเพิ่มเข้าไปนิดนึง  (ไม่รู้ว่าดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่)
    แล้วจะมาอัฟต่อนะ 
    อ่านแล้วอย่าลืมเม้นท์ด้วย

    ขอร้อง.............................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×