ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : มันเป็นเพียงอุบัติเหตุแน่หรือ?
โคมระย้าอันใหญ่ยังคงสั่นไม่หยุด ราวกับว่าแรงยื้อเส้นสุดท้ายทานน้ำหนักไม่ไหว และขาดในที่สุด โคมระย้าที่สั่นอยู่จึงพุ่งลงมาที่พื้นดีนอย่างรวดเร็ว
“แจจุง!”ชางมินตะโกนลั่นมองร่างบางที่ยืนงงอยู่ ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่อยู่บนเวที
ขาเรียวไวเท่าความคิด ก้าวเข้าไปหาร่างที่ยืนอยู่ แล้วออกแรงผลักอีกฝ่ายจนถลาเข้าสู่วงแขนของยุนโฮที่กำลังวิ่งเข้ามาเช่นกัน จนล้มกระเด็นออกไปทั้งคู่
แต่เจ้าตัวกลับไปยืนแทนตำหนักของเพื่อนที่เพิ่งจะถูกผลักออกไป โคมระย้าก็พุ่งลงมาในความเร็วที่ร่างโปร่งไม่อาจจะหลบไปไหนได้ทัน
โครม!
เพล้ง.....แก๊ง...กิ๊ง......(เสียงเอฟเฟค)
สายตาทุกคู่มองโคมระย้าที่เคยสวยงามกลับแตกกระจายอยู่เต็มพื้นเวที หมดความสวยงามอีกต่อไป
“ชางมิน..”แจจุงตะโกนเรียนชื่อเพื่อนรักอย่างตกใจในวงแขนของยุนโฮ แต่ก็ต้องสะอึกแทบพูดอะไรไม่ออกได้แต่กลืนเสียงของตัวเองกลับลงคอ
O-O หน้าแจจุง
O[]O หน้าของทุกคน
สิ่งที่ทำให้ทุกคนเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะการล่วงลงมาอย่างกะทันหันของโคมไฟเพียงอย่างเดียว แต่เป็นภาพตรงหน้าเวลานี้ก็น่าอึ้งไม่แพ้กัน
ภาพที่ชางมินนอนอยู่บนเวทีไม่ไกลจากซากศพของโคมระย้าเจ้าปัญหา แต่ร่างโปร่งไม่ได้นอนอยู่คนเดียว บนร่างของชางมินกลับมีร่างของชายหนุ่มที่คน ที่เคยยืนอยู่ข้างๆคนข้างใต้ คนที่ได้รับบทเป็นองครักษ์อีกคน ใบหน้าของทั้งสองนั้นแนบชิดกัน
แนบชิดขนาดไหน?
แนบชิดขนาดไหน?
แนบชิดแบบที่จมูกของซีวอนชนกับแก้มนิ่มของอีกคน แถมริมฝีปากเรียบยังประกบปากอีกฝ่ายไว้แนบแน่นอีกด้วย
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะตอนที่ร่างโปร่งวิ่งเข้าไปผลักแจจุงก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ซีวอนที่เห็นคนข้างๆพุ่งไป ก็รีบพุ่งตามไปเช่นกัน แล้วคว้าตัวของอีกฝ่ายออกมาจากวิถีทางของโคมระย้ามาได้อย่างหวุดหวิด แต่กลับกลายเป็นอย่างนี้แทน
ชางมินที่ได้สติหลังจากอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ (เลยเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายได้จูบอยู่นาน) ก็ผลักร่างสูงโดยแรง จนกระเด็นไปอีกทาง ใบหน้ามนแตงเรื่อขึ้นเสียไม่ได้
เพลี้ย!
ใบหน้าขาวของซีวอนหันไปตามแรงตบของร่างโปร่ง ที่ใช้มืออีกข้างเช็ดปากไปมาเหมือนพยายามจะลบสัมผัสเมื่อครู่
แม้จะรู้สึกชา แต่ซีวอนไม่ถือสามองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู พลางเลียริมฝีปากแล้วยิ้มใส่ดวงตาเขียงปัดที่มองมา ชางมินที่เห็นอย่างนั้นก็จะยกมือขึ้นตบอีกรอบ แต่ร่างสูงกลับจับมือไว้ได้
“โอ๊ย!”ชางมินร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พลางมองไปที่ข้อซอกข้างขวาที่มีเลือดไหลเป็นทางยาว คงเป็นแผลจากเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่
ร่างสูงจึงดึงแขนอีกฝ่ายขึ้นมาดูอย่างตกใจ
“แผลยาวเหมือนกันนะเนี่ย ไปผมจะทำแผลให้”ซีวอนว่า แต่ชางมินกลับสะบัดแขนออกจากมือของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไร ชั้นทำเองได้”
“อย่าดื้อนักเลยน่ะ”ซีวอนพูดเหมือนรำคาญ แล้วจับอีกฝ่ายอุ้มขึ้นอกทันที
“ฮันกยองช่วยจัดการเคลียที่นี่ด้วยล่ะ”ร่างสูงหันไปสั่งเพื่อนแล้วเดินจากไป
ฮันกยองพยักหน้ารับเรียบๆ แต่คนอื่นมองทั้งสองคนที่อุ้มกันออกไปค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น
มันอุ้มไปง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ?
“พวกนายไปพักกันเถอะ เดี๋ยวชั้นให้คนมาจัดการที่นี่”ฮันกยองพูดขึ้น แล้วทุกคนก็พากันเดินออกไป เหลือเพียงแต่เหล่าเทพเจ้าที่เหลืออีก 4 คน
“ยุนโฮ”แจจุงเรียกร่างสูงแผ่วเบา พลางเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายแล้วบีบไว้แน่น ทำให้เจ้าของชื่อมองคนเรียกอย่างตกใจ
“เจ้านั่น มันตามเรามาที่นี่”เสียงของแจจุงเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาคลออย่างหวาดกลัว ร่างสูงหันมากุมมือเรียวไว้แน่น
“มันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุก็ได้ อย่าคิดมากเลยนะ”ร่างสูงพูดแล้วโอบร่างของคนรัก
“ใช่ อย่าคิดมากเลยแจจุง ถึงเจ้านั่นจะมาที่นี่จริงๆ เราก็จะสู้กับมันให้ได้”จุนซูเดินเข้ามาบีบไหล่บางของเพื่อนรักเบาๆ ร่างบางหันไปมองจุนซูและยูชอนที่ส่งยิ้มมา ก็ยิ้มตอบทั้งน้ำตา
“ขอบคุณมาก จุนซู..ยูชอน”แจจุงพูดแล้วโผกอดจุนซูแน่น ร่างเล็กลูบผมดำขลับของอีกฝ่ายยิ้มๆ
“เช็ดน้ำตาได้แล้ว เราต้องไปดูชางมิน เดี๋ยวอดดูฉากเด็ดนะ”จุนซูพูดยิ้มๆ เหมือนล่อเด็กขี้แยด้วยขนมหวาน แต่มันก็ใช้ได้ผล แจจุงหยุดร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตาทันที
“จริงด้วย อุ้มกันไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าทำแผลกันท่าไหน?”ร่างบางพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเดินจูงมือกับจุนซูไป โดยมีคนรักร่างสูงของทั้งคู่เดินตามยิ้มๆ
อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่ายจริงแฟนผ้ม.......
ทางด้านชางมิน พอถึงห้องร่างสูงก็จัดการวางคนในอ้อมแขนที่ดิ้นมาตลอดทางลงบนเตียง แล้วจัดการทำแผลให้แม้อีกฝ่ายจะพยายามดึงแขนออกตลอดเวลาก็ตามที เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลสุดท้ายชางมินก็ยอมให้อีกฝ่ายทำแผลให้
ชางมินลอบมองใบหน้าคมของอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด
ถ้านายต้องการจะฆ่าชั้น แล้วนายมาช่วยชั้นทำไม ทำดีกับชั้นอย่างนี้ทำไม....ซีวอน
แล้วดวงตาเรียวก็เหลือบไปเห็นข้อมือของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีสร้อยข้อมือสวมอยู่
“สร้อยข้อมือนายหายไปไหนซะล่ะ?”ร่างบางถามขึ้น ทำหน้าเหมือนถามไปงั้นๆ แต่ในใจกลับเต้นโครมครามกับคำตอบที่กำลังจะมาถึง
“หายไปไหนก็ไม่รู้ เมื่อคืนยังใส่อยู่แท้ๆ ไม่รู้ไปทำล่วงหายที่ไหน? คุณสังเกตด้วยเหรอ”ซีวอนถามยิ้มๆ
โกหก....โกหกหน้าด้านๆ
เสียงตะโกนก้องอยู่ในหัว แต่เรียวปากบางกลับเม้มเข้าหากันแน่นไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง
“มีอะไรเหรอ?”ซีวอนถามขึ้นเมื่อเห็นร่างบางไม่บอก เอาแต่จ้องหน้าเขาเขม็ง
แอ๊ด!
เสียงเปิดประตูโดยไม่มีการเคาะ ตามมาด้วยใบหน้าหวานของแจจุงและจุนซู ทั้งสองมองคนในห้องที่นั่งทำแผลกันเฉยๆ ก็หันไปมองหน้ากันอย่างเซ็ง ๆ
ชางมินมองเหน้าเพื่อนทั้งสองก็พอจะเดาได้ว่าทั้งคู่คิดอะไรอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ซีวอนทำแผลเสร็จพอดี ร่างโปร่งจึงรีบชักมือกลับ แล้วเดินไปหาเพื่อนที่ประตูทันที
“มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่พวกนายคิดหรอกน่ะ”ชางมินพูดดักคอแล้วเดินนำเพื่อนไปที่ห้องอาหาร
“ก็เห็นอุ้มกันมาซะขนาดนั้นน่ะ...เนาะ?”จุนซูพูดพลางไปพยักเพยิดกับแจจุง ที่พยักหน้าเห็นด้วย
ชางมินได้แต่มองหน้าเพื่อนทั้งสองแล้วส่ายหน้าอย่างระอา ทั้งสามมัวแต่คุยกันเพลินจนลืมสังเกตุว่ายุนโฮและยูชอนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ยุนโฮและยูชอนเดินหลบทั้งสามที่เดินคุยกันเจื่อยแจ้ว ไปนั่งที่ล็อบบี้
“นายคิดว่า ที่โคมระย้านั่นล่วงลงมาเป็นอุบัติเหตุหรือฝีมือเจ้านั่นกันแน่”ยุนโฮถามเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าไม่มีคน
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนชั้นคงคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้เราเจออุบัติเหตุมามากเกินกว่าที่จะคิดอย่างนั้นได้แล้ว”ยูชอนว่าสีหน้าเครียดไม่แพ้กัน
“ถ้าอย่างนั้น เจ้านั่นก็มาที่นี่”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผู้ต้องสงสัยก็จะลดลงเหลือเพียงหกคนเท่านั้น”
“นายสงสัยบ้างมั้ย?”ยุนโฮถาม อีกฝ่ายส่ายหน้า
“เราไม่รู้ว่าใครที่เคยรู้จักกับยองอาบ้าง ยองอาฆ่าตัวตายเพราะอะไร จียองก็ไม่ยอมบอก โอ๊ย...มันมืดไปหมด ทำไมเราจะต้องรอเป็นฝ่ายโดนอยู่ข้างเดียวอย่างนี้ด้วยวะ
”ยุนโฮพูดอย่างหงุดหงิด
”ยุนโฮพูดอย่างหงุดหงิด
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย ตอนนี้เราทำได้แค่คอยสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน อย่าให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง แล้วก็สังเกตคนที่เหลือ น่า....เราจะต้องผ่านกันไปได้”ยูชอนพูดพลางบีบไหล่อีกฝ่ายยิ้มๆ
“ชั้นว่าเราไปหาพวกนั้นกันเถอะ เดี๋ยวจะงอนอีก”ยุนโฮพูดขึ้น
“นั่นฮันกยองนี่”ยูชอนพูดเมื่อเห็นร่างสูงเจ้าของโรงแรมเดินเข้ามา
“นายจัดการเคลียเวทีเสร็จแล้วเหรอ”ยูชอนถาม อีกฝ่ายพยักหน้า
“งั้นชั้นไปแต่งเพลงดีกว่า เดี๋ยวโดนชางมินว่าเอา นายไปหาพวกนั้นเถอะฝากบอกจุนซูด้วยนะว่าชั้นไปที่โรงละคร”ยูชอนหันไปพูดกับยุนโฮ
“มันอาจจะมีเศษแก้วหลงเหลืออยู่บ้างเดินดีๆล่ะ”ฮันกยองพูดแล้วเดินจากไป
ทั้งสองมองคนที่เดินจากไปแล้วมองหน้ากัน
ถ้าจับเจ้านี่อยู่กับชางมินคงวังเวงดีพิลึก
แล้วทั้งคู่ก็ต่างแยกย้ายกันไป
ยุนโฮเมื่อมาเจอกับทั้งสามที่นั่งกินข้าวกันอยู่ ก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆ แจจุง
“ไปไหนมา? แล้วยูชอนล่ะ?”แจจุงถาม
“ไปคุยอะไรกับยูชอนมานิดหน่อย เจ้านั่นบอกว่าจะไปแต่งเพลงที่โรงละครน่ะ”ตอบคำถามเสร็จร่างสูงเดินไปสั่งอาหารมากิน
ยูชอนเดินมาที่โรงละครที่ไร้ผู้คน นิ้วเรียวยามเริ่มกดลงไปบนคีย์สองสามครั้ง ใบหน้าคมเต็มไปด้วยความครุ่นคิด แล้วเริ่มกดลงไปใหม่ เสียงดนตรียังคงแล้วเงียบไปตามตัวโน๊ตที่ร่างสูงแต่ง
ยูชอนมัวแต่แต่งเพลงจนไม่รู้เลยว่า มีใครคนนึงได้เข้ามาฟังการบรรเลงของเขาอย่างเงียบๆ ร่างนั้นเดินมาอย่างเงียบเชียบ ไปที่ด้านหลังของร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าแกรนเปียโนอันใหญ่ ในมือนั้นกำแจกันอันใหญ่ไว้แน่น
เพล้ง...
ไม่ทันได้รู้ตัวยูชอนล้มลงตามแรงกระแทกที่ได้รับ แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังไม่ได้สลบในทีเดียว พยายามจะมองคนที่ทำร้าย แต่เลือดที่ไหลลงมาเข้าตาจนมองอะไรแทบไม่เห็น รวมถึงสติที่ใกล้จะหลุดลอยไปเต็มที ได้ยินเพียงแต่เสียงฝีเท้าที่เริ่มไกลออกไป
ร่างสูงใช้แรงเฮือกสุดท้ายเอื้อมไปกดที่คีย์เปียโนอย่างแรง สองสามครั้ง ก่อนที่จะล้มฟุบลงไปลงบนคีย์จนดังสนั่นเป็นครั้งสุดท้าย
ห้องอาหาร
ชายหนุ่มทั้งสี่คนนั่งกินอาหารไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน แต่แล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น
ปึง....ตึง.....พึ่ง ตึง!
(เสียงเปียโนพิมพ์ยังไงดี? มันคือเสียงเปียโนน่ะนะ....)
(เสียงเปียโนพิมพ์ยังไงดี? มันคือเสียงเปียโนน่ะนะ....)
ทั้งสี่ลุกขึ้นยืนอย่างตกใจกับเสียงเปียโนที่ฟังดูเหมือนกระแทกนั้น
“นั่นมันเสียงเปียโนนี่”จุนซูพูดขึ้น ทั้งสี่มองหน้ากันใจเริ่มสั่นไหว กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกคนที่คิดว่าน่าจะอยู่ที่นั่น
ทั้งสี่วิ่งไปที่โรงละครทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ระหว่างทางก็เจอโฮนา โซจิน ซีวอน ดงแฮ ฮันกยองและชินดง ที่แยกย้ายกันไปพักผ่อน เมื่อพอได้ยินเสียงเปียโนแปลกๆ ก็กำลังวิ่งไปที่นั่นเหมือนกัน
เมื่อไปถึงที่โรงละคร ประตูโรงละครถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ ทุกคนเดินผ่านเข้าไป แต่แล้วภาพบนเวทีก็ทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจ ร่างของชายหนุ่มที่เป็นนักแต่งเพลงในงานนี้ ล้มฟุบอยู่บนคีย์ แกรนเปียโนสีขาวกลับมีสีแดงของเลือดไหลเปรอะเปลื้อนจนดูเหมือนผ้าขาวที่ถูกย้อมด้วยสีแดง รอบๆ ร่างชายหนุ่มมีแต่เศษแจกันแตกกระจายเต็มไปหมด
“ยูชอน!”
จุนซูวิ่งขึ้นไปบนเวทีทันที เดินเข้าไปไปหาชายหนุ่มที่เป็นดั่งดวงใจทั้งน้ำตา ไม่สนใจเศษแก้วมีกราดเกลื่อนเต็มพื้น แม้ว่าร่างเล็กจะใส่รองเท้าแต่ก็เป็นเพียงรองเท้าฟองน้ำบางๆ ไม่อาจที่จะทนต่อการเหยียบย่ำบนพื้นที่มีแต่เศษแก้วได้ จนเท้าเล็กทั้งสองข้างถูกบาดจนเลือด เป็นรอยเท้าตามที่เจ้าตัวเดินไป พยุงร่างของคนรักขึ้นมาแนบอก ใบหน้าคมเต็มไปด้วยเลือดที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด
“ฮึก...ช่วยด้วย...ยูชอน อย่าเป็นอะไรนะ....ใครก็ได้....ฮึก.....ช่วยยูชอนที”จุนซูพูดพลางสะอื้น
ยุนโฮที่เห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปช่วย แต่ร่างสูงยังมีสติพอที่จะใช้เท้าปัดเศษแจกันที่แตกกระจายนั้นออกไปให้พ้นทางก่อนแล้วค่อยเดินไปหาทั้งสองที่แกรนเปียโน
แจจุงมองเหตุการณ์ตรงหน้าทั้งน้ำตา สงสารเพื่อนทั้งสองจับใจ มือบางถูกใช้ปิดปากไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ชางมินโอบกอดร่างบางอย่างปลอบโยนทั้งๆ ที่ตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
ยุนโฮเดินไปถึงร่างจุนซูจนได้ ร่างสูงพยายามดึงตัวอีกฝ่ายออกมา แต่จุนซูก็ขืนตัวไว้ไม่ยอมห่างจากร่างที่นั่งจมกองเลือดอยู่ ชายหนุ่มจับร่างเล็กขึ้นแนบอก จุนซูหันมาโอบคอร่างสูงทั้งน้ำตา
“ยุนโฮ...ฮึก...ช่วยยูชอนด้วย...ฮึก...ยูชอน”จุนซูพูดพลางสะอื้น
“ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้นายต้องออกไปก่อน ชั้นจะได้ช่วยยูชอนไง...นะ”เสียงทุ้มพูดข้างหูพลางลูบผมปลอบใจร่างเล็กพยักหน้ารับแต่ยังไม่หายสะอื้น ยุนโฮส่งจุนซูไปให้ซีวอนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แล้วหันไปประคองร่างยูชอนโดยมีฮันกยองช่วยอีกแรง
ชางมินและแจจุงรีบพุ่งไปหาจุนซูทันที ทั้งคู่มองไปที่เท้าของเพื่อนรักที่มีแผลเล็กแผลน้อยเต็มไปหมด
“แจจุง..ฮึก....ชางมิน...ยูชอน...ยูชอน”ร่างเล็กเรียกชื่อเพื่อนทั้งน้ำตา
“ไม่เป็นไรจุนซู ยูชอนจะต้องไม่เป็นไร เชื่อชั้นนะ”แจจุงพูดพลางเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอีกฝ่าย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ต่างกัน
“ผมว่า พาจุนซูไปทำแผลที่ห้องผมก่อนดีกว่า”ซีวอนว่า ทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วยทันที แล้วพากันเดินจากไปโดยมีโฮนาเดินตามไปด้วยอย่างเป็นห่วง
“เท่าที่ดูยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ พาไปทำแผลที่ห้องผมก่อนดีกว่า”ฮันกยองพูดขณะดูแผลของยูชอน ยุนโฮพยักหน้ารับแล้วช่วยกันพยุงร่างสูงขึ้นมา
“ดงแฮ นายไปขอกล่องพยาบาลจากล็อบบี้มาที่ห้องด้วย”ฮันกยองหันไปสั่งเพื่อนร่วมห้อง ร่างบางพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งออกไปทันที ทั้งสองพยุงร่างคนเจ็บไปโดยมีโซจินและชินดงคอยช่วยเปิดประตูให้
เมื่อมาถึงห้องพัก ทั้งคู่ก็จัดการวางคนเจ็บลงบนเตียง พอดีกับที่ดงแฮมาพร้อมกับกล่องพยาบาล ฮันกยองจัดการทำแผลให้อย่างเชี่ยวชาญ
“ยูชอนเป็นยังไงบ้าง?”ชางมินที่เพิ่งเข้ามาพร้อมกับซีวอนถามขึ้นอย่างห่วงใย
“ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว แผลก็ไม่ใหญ่มาก พักสักสองสามวันก็คงหาย”ฮันกยองพูด ทำให้ชางมินถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พรุ่งนี้ชั้นว่ากลับไปให้หมอเอ็กซเรย์ดูอีกทีดีกว่า ว่ากระทบกระเทือนตรงไหนบ้าง”ชางมินพูด โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของตนนั้นทำให้ใครคนนึงตกใจไม่น้อย
แค่นี้ก็จะกลับเลยเหรอ? เสียแผนหมด พวกแกยังเจออะไรไม่ครบเลย จะรีบหนีไปไหน? สงสัยต้องเปลี่ยนแผนซะแล้ว คราวนี้พวกแกไม่ใช่แค่เจ็บตัวอย่างนี้อีก
“แล้วจุนซูเป็นยังไงบ้าง?”ยุนโฮหันไปถามชางมิน
“ไม่เป็นไรมากหรอก ตอนนี้หลับอยู่ แจจุงกับโฮนากำลังดูแลอยู่”ชางมินหันไปตอบ ยุนโฮพยักหน้ารับ
“ดีแล้วล่ะ”
พอตอบคำถามของเพื่อนเสร็จร่างโปร่งก็เหลือบมองร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกันอย่างโกรธแค้น
“ซีวอน ชั้นมีเรื่องจะคุยด้วย”ชางมินพูดลอดไรฟันให้ได้ยินเพียงแค่สองคน ใบหน้าเรียวดูเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไร แต่ดวงตาที่มองมาแทบจะเผาผลาญอีกคนให้เป็นจุล แล้วเดินออกไปโดยไม่รอคำตอบรับของอีกฝ่าย ซีวอนมองท่าทางนั้นงงๆ แต่ก็ยอมเดินตามไปโดยดี
ชางมินเดินนำมาจนถึงทางเดินที่คิดว่าไม่มีคนจึงหยุดรออีกฝ่ายที่เดินตามมา พอร่างสูงเดินมาถึงก็ไม่รีรอ กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายชกลงไปที่ใบหน้าขาวนั้นเต็มแรง จนอีกคนกระเด็นลงไปนอนกับพื้น
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ! ทำไมแกจะต้องทำแบบนี้ จะแค้นอะไรนักหนา ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าแกกับยองอาเป็นอะไรกัน แต่นี่มันมากเกินไป เพื่อนชั้นไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทำไมเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้ ทำไม...”ร่างโปร่งตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นทั้งน้ำตา มองคนที่ลงไปนอนเพราะแรงหมัดของตนตาลุกวาว
ซีวอนมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ พลางเลียเลือดที่ออกมาจากมุมปากแล้วลุกขึ้นยืนประจันหน้าอีกฝ่าย
“คุณคิดว่าผมทำอย่างนั้นเหรอ?”ร่างสูงพูดจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง ดวงตานั้นดูเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ในความรู้สึกของร่างบาง
ชางมินถอยหลังอย่างไม่รู้เมื่อร่างสูงเริ่มเดินเข้ามา จนแผ่นหลับชนกับกำแพงเย็นเชียบ ทำให้ร่างบางสะดุ้งอย่างไม่รู้ตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจ้องตาอีกฝ่ายกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“อะไรทำให้คุณคิดว่าผมเป็นคนทำกัน”ร่างสูงพูดเสียงเย็น
ชางมินเกิดพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย
คิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ไปเรียกมันมา.....ไม่น่าทำไปเพราะอารมณ์เล้ย
“ว่าไงล่ะ?ชางมิน ผมถามว่าทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นคนทำ”ร่างสูงพูดยิ้มๆ อยู่ตรงปลายจมูกอีกฝ่าย จนรับรู้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของร่างบาง พลางลูบริมฝีปากได้รูปนั้นอย่างเบามือ
“ก็นาย.....เฮ้ย!”พูดยังไม่ทันจบก็ต้องตกใจ เมื่อเหมือนกับว่ากำแพงที่เคยเป็นหลักให้พิงอยู่เกิดหายไป ทำให้เสียหลักหงายหลัง แต่ร่างบางก็ไขว่คว้าร่างสูงไว้หวังเป็นที่พึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าดึงให้อีกฝ่ายล้มลงไปด้วยกัน
พอไม่มีกำแพงแล้วแทนที่จะล้มลงไปที่พื้น แต่ร่างของทั้งสองกลับเจอกับทางลาดชันที่ทำให้ไหลลงไปยังเบื้องล่างที่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน มองไปรอบๆมีแต่ความมืดมิด
ลับล่างของทั้งสองแล้ว กำแพงที่หายไปนั้นก็กลับมาปิดสนิทดังเดิมราวกับว่าไม่เคยมีใครยืนอยู่ตรงทางเดินนั้น
------------------------------------------------------------------------------------
อัฟแล้วน้า อ่านแล้วอย่าลืมเม้นท์กันด้วยนะ..^-^
------------------------------------------------------------------------------------
อัฟแล้วน้า อ่านแล้วอย่าลืมเม้นท์กันด้วยนะ..^-^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น