ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ซีวอน!
บ่าย 3 โมง
ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ โดยมีซีวอนและชางมินนั่งอยู่หัวโต๊ะ
“ตกลงเราจะแสดงเรื่องอะไรกัน”ชางมินถามขึ้น เป็นการเปิดการประชุม โฮนายกมือขึ้นทันที
“ดั่งดวงหฤทัย”หญิงสาวพูดขึ้น ดวงตาเป็นประกาย
ก็ชั้นชอบเรื่องนี้นี่ ^-^
ก็ชั้นชอบเรื่องนี้นี่ ^-^
“ทำไมเอานวนิยายไทยขนาดนั้นล่ะ น่าจะเล่นพวกเรื่องคลาสสิคอย่างโรมิโอกับจูเลียตมากกว่า”ดงแฮเถียงขึ้น
“อย่างนั้นน่ะเห็นบ่อยแล้ว ต้องดั่งดวงหฤทัย หรือทวิภพนี่ โรแมนติกสุดยอด.........”โฮนาพูดอย่างใส่อารมณ์
“เธอแสดงความเห็นฉอดๆ เป็นกรรมการกับเขารึไงเนี่ย”จุนซูหันไปกระซิบเบาๆ กับหญิงสาว
“ถ้านายไม่พูดชั้นลืมไปเลยนะเนี่ย”พูดจบหญิงสาวก็หันไปยิ้มแหยๆให้กับทุกคน แล้วลุกขึ้นไปยืนถ่ายภาพการประชุม ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เธอมาในครั้งนี้
“แต่ชั้นว่าความคิดของโฮนาก็ไม่เลว แปลกดีออก”โซจินพูด
“พวกชั้นยังไงก็ได้...ใช่มั้ย?แจจุง”ยุนโฮพูดแล้วหันไปหาร่างบางที่นั่งข้างๆ แจจุงพยักหน้าเบาๆแทนคำตอบ
“มีใครมีข้อเสนออื่นอีกมั้ย?”ชางมินถามเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่มีใครมีอะไรคัดค้านอีก
“ตกลงเราจะเล่นเรื่องดั่งดวงหฤทัยกัน งั้นโฮนาเธอไปจัดการเขียนบทมานะ”ชายหนุ่มหันไปสั่งหญิงสาวช่างภาพที่ยืนกดชัตเตอร์อยู่
“เยสเซอร์....จะทำให้เสร็จสมบูรณ์ตามบัญชา ก่อนพรุ่งนี้เช้าแน่นอน ครับผ้ม”หญิงสาวพูดพลางทำท่าตะเบะเหมือนตำรวจ สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนในห้อง
“เพลงประกอบ ยูชอนนายเป็นคนจัดการนะ”ชางมินยังคงสั่งต่อไป
“ที่นี่มีเปียโนใช่มั้ย?”ร่างบางหันไปถามฮันกยอง อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเรียบๆ
“แต่ชั้นไม่ได้เล่นเปียโนมานานแล้ว”ยูชอนแย้ง
ตั้งแต่ที่เกิดเรื่อง แล้วจุนซูก็เอาแต่เก็บตัวเงียบ เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจเล่นเปียโนอีก
“ชั้นเชื่อว่านายต้องทำได้”ชางมินพูดอย่างเชื่อมั่น ร่างสูงมองไปที่แจจุงและคนตัวเล็กข้างกาย ทั้งคู่ก็ทำหน้าไม่ต่างจากชางมินเลย
“ก็ได้ ถ้าพวกนายเชื่อกันอย่างนั้น”สุดท้ายร่างสูงก็พยักหน้ารับอย่างยอมจำนน ต่อสายตาของทั้งสาม
“แล้วใครจะรับบทเป็นอะไรบ้างล่ะ”โฮนาถามอย่างตื่นเต้น
“จุ้นอีกจนได้สิน่า”จุนซูบ่นเบาๆ แต่ก็ดังพอที่คนจุ้นจะได้ยิน จึงค้อนให้อีกหนึ่งควับ
“เดี๋ยวนายได้โดนสักทีแน่ ไอ้ป๊อกกี้”โฮนาพูดเบาๆ แค่พอให้อีกฝ่ายได้ยิน แล้วกลับไปยืนถ่ายภาพต่อ
“พระเอก หรือ เจ้าหลวงรังสิมัน ก็น่าจะให้ยุนโฮเล่นนะ เพราะเขาเป็นดาราดัง ถ้ามีคนรู้จะต้องเป็นที่สนใจแน่ๆ”ซีวอนว่า ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ยกเว้น
“ไม่เอาอ่ะ...ชั้นเป็นนักร้องนะ ไม่ใช่นักแสดง เล่นละครไม่เป็นหรอก”เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็ง
แต่พอหันไปสบตาชางมินที่ส่งมาเป็นนัยๆ ว่า ถ้าไปไม่เล่นนายตายแน่ ก็กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับชะตากรรมอย่างเศร้าๆ
“แล้วใครจะรับบทเป็นเจ้าหญิงทรรศิกา (นางเอก) ล่ะ”ดงแฮถาม
“ในนี้มีผู้หญิงอยู่แค่ 2 คน งั้นให้โซจินเล่นเป็นไง?”ชินดงออกความเห็น
“ไม่เอาหรอก....ชั้นเล่นกับยุนโฮไม่ได้ ชั้นถือคติที่ว่า เป็นแฟนคลับที่ดี ต้องไม่ใกล้ชิดกับดาราที่ชอบจนเกินไป (มีมั้ยไอ้คติอันนี้น่ะ...) เอาเป็นว่า....”โซจินพูดแล้วเหลือบมองแจจุง
“ให้แจจุงเล่นสิ ตอนนี้ทั้งคู่เป็นข่าวกันอยู่ ถ้านักข่าวรู้งานโรงเรียนคราวนี้ได้ดังเป็นพลุแตกแน่”หญิงสาวพูดตาเป็นประกาย
“แต่แจจุงเป็นผู้ชาย”ซีวอนเถียง
“หน้าตาอย่างนี้ แต่งสักหน่อยใครจะรู้ ขนาดไปเที่ยวแต่งตัวเป็นผู้ชายแท้ๆ คนเขายังเห็นเป็นผู้หญิงเลย”หญิงสาวพูดทั้งที่ยังมองแจจุงไม่วางตา
ก่อนหน้านี้เป็นแฟนคลับยูโนวมานาน ขอผันตัวมาเป็นแฟนคลับยุนแจดีกว่า คู่นี้น่ารัก น่าหยิกดีเป็นบ้า เหมาะสมซะจนไม่อยากจะให้แยกออกกันเลย เดี๋ยวต้องก่อตั้งแฟนคลับยุนแจขึ้นมาใหม่ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว ^O^ 555+
ร่างบางพอถูกมองมากๆ ก็ได้แต่นั่งก้มหน้าแดงเรื่อไปถึงหูแล้วตอนนี้
“อีกอย่างนะ ถ้าแจจุงเล่น ยุนโฮก็จะได้เลิกทำหน้าอย่างนั้นสักที”โซจินพูดแล้วชี้ไปที่ชายหนุ่มที่นั่งทำหน้าเหมือนไร้วิญญาณอยู่ข้างๆ แจจุง
“ชั้นก็เห็นด้วยกับโซจินนะ งั้นให้ยูชอนเล่นเป็นเจ้าชายทยุติธร(พระรอง-พี่นางเอก)เป็นไง เขาเองก็ป๊อบในโรงเรียนเราที่สุด”ชินดงพูดบ้าง
“ยูชอนนายทำทั้งแสดงและแต่งเพลงได้มั้ย?”ชางมินหันไปถามเพื่อน ร่างสูงพยักหน้ารับเรียบๆ
“งั้นดีเลย....เจ้าหญิงมนิสราก็ต้องเป็นจุนซูสิ เราจะแยกคู่เขาได้ยังไง ^-^”ดงแฮว่ายิ้มๆ พอหันไปมองจุนซูที่นั่งหน้าเหรอหราอยู่ ก็หลุดหัวเราะออกมา
“นายหวานกันซะขนาดนั้น คนเขารู้หมดแล้ว ว่าพวกนายเป็นแฟนกันน่ะ”ดงแฮพูดให้หายสงสัย
“ส่วนชั้นจะรับบทเป็นมีนนาเอง (ตัวโกงน่ะนะ)”โซจินพูด
“งั้นชั้นจะเล่นเป็นเบลลี ส่วนชางมินก็เล่นเป็นราชิด(ที่เป็นองครักษ์ของพระเอกน่ะ)”ซีวอนพูดขึ้น
ร่างบางที่นั่งข้างๆหันไปมองอย่างแปลกใจปนหงุดหงิดนิดๆ
“ใครบอกว่าชั้นจะเล่นบทนี้”ร่างบางถามอย่างเอาเรื่อง
“ก็ชั้นไง เมื่อกี้ไม่ได้ยินเหรอ ^O^” คำตอบกวนดีแท้
“ชั้นไม่เล่น”
“เมื่อกี้คุณสั่งคนอื่นฉอดๆ พอถึงทีตัวเองจะไม่เล่นเนี่ยนะ....เอาเปรียบคนอื่นไปรึเปล่า คุณเล่นบทนี้น่ะดีแล้ว เข้ากับคุณที่สุด หน้านิ่งๆ ปนเย็นชา แถมดูหยิ่ง พูดน้อย มันคุณชัดๆ”ร่างสูงพูดออกมายาวเหยียด พอร่างบางอ้าปากจะเถียง ซีวอนก็หันไปที่ประชุมอีกครั้ง
“งั้นตกลงตามนี้นะ”พอรวบรัดตัดความเสร็จ ชางมินก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆอยู่อย่างนั้น
ผลสรุปคนที่เหลือก็รับบทตามนี้
ฮันกยอง รับบทเป็นเสนาบดี เมืองกาสิก (ที่เป็นตัวโกงใหญ่)
ดงแฮ รับบทเป็นกระวาน (หญิงชาวป่าที่คอยรับใช้นางเอกน่ะ)
ชินดง รับบทเป็นเสนาบดี เมืองพันธุรัฐ (ที่เป็นคนดี)
เนื่องจากมีบทน้อย ทั้งสามคนจึงช่วยทำฉากให้อีกด้วย
ตกค่ำ
ชางมินที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงอย่างครุ่นคิด พอหลับตาลงใบหน้าขาวๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสที่ถูกประดับด้วยลักยิ้มน่ารัก ก็ลอยขึ้นมาเสียทุกครั้ง
ด้วยความหงุดหงิดตัวเอง
ร่างบางจึงลุกขึ้นไปยืนสูดอากาศที่ระเบียง พอมองลงไปข้างล่างก็เห็นร่างสูงที่คุ้นตาเหมือนเพิ่งหลับตาเห็นมาเมื่อกี้ กำลังเดินลับๆล่อๆ อยู่ข้างล่างตรงสวนหมากรุก ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ขาเรียวก็ก้าวออกจากห้องตามไปทันที
ร่างบางจึงลุกขึ้นไปยืนสูดอากาศที่ระเบียง พอมองลงไปข้างล่างก็เห็นร่างสูงที่คุ้นตาเหมือนเพิ่งหลับตาเห็นมาเมื่อกี้ กำลังเดินลับๆล่อๆ อยู่ข้างล่างตรงสวนหมากรุก ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ขาเรียวก็ก้าวออกจากห้องตามไปทันที
ชางมินเดินตามร่างสูง ที่เดินผ่านสวนด้านหน้าโรงแรม แต่อยู่ๆ เงาของอีกฝ่ายก็หายเข้าไปในสวนต้นสนที่ดำทะมึนอยู่ตรงหน้า
“หายไปไหนของเขานะ”ร่างบางบ่นอย่างหงุดหงิด แล้วพยายามมองเข้าไปในป่าสน แต่ก็มืดเสียจนมองอะไรแทบไม่เห็น
เมื่อกี้ตามมาติดๆแท้ๆ ไม่น่าจะคลาดสายตาไปได้
ขณะที่ร่างบางคิดอย่างหงุดหงิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีมือคู่หนึ่ง เข้ามาล็อกคอจากด้านหลัง โดยเอามือปิดปากไว้ไม่ให้ร่างบางได้ร้องสักแอะ
ชางมินเบิกตาโพล่งอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะถูกโจมตีระยะใกล้ขนาดนี้ แม้จะพยายามดิ้นยังไง แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงของอีกฝ่ายจะเหนือกว่า
“อยู่นิ่งๆ ถ้าเงียบแล้วจะปล่อย”อีกฝ่ายกระซิบที่ริบใบหู ร่างบางรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายที่รดอยู่ข้างแก้มนิ่ม
ชางมินจึงยอมอยู่นิ่งๆ แต่โดยดี จึงหลุดพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่าย
พอหันไปมองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืด แต่แสงจันทร์และแสงดาวที่สาดส่องลงมาเพียงน้อยนิด ก็เพียงพอที่จะเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย
“คุณตามผมมาทำไม?”ซีวอนถาม “หรือว่าคุณจะตกหลุมรักผมเข้าแล้ว”พูดพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้
“ใครเขาตามนายไม่ทราบ....ชั้น....ชั้นก็แค่....นอนไม่หลับ.......เลยออกมาเดินเล่น.....ก็เท่านั้น”ร่างบางพูดตะกุกตะกัก ส่ายตาไปมาอย่างมีพิรุธ
“แล้วนายล่ะ มาทำอะไรมืดๆ ค่ำๆ ป่านนี้”
“ก็เหมือนคุณ นอนไม่หลับ เลยมาเดินเล่น”ซีวอนพูดพลางยักไหล่อย่างสบายๆ
“ในเมื่อนอนไม่หลับด้วยกันทั้งคู่ เราไปนั่งดูดาวตรงนั้นกันดีกว่า”พูดจบร่างสูงก็จัดการจับมืออีกฝ่ายแล้วดึงไปนั่งที่ลานหญ้าในสวนด้วยกัน ชางมินก็เดินตามไปแต่โดยดี แต่สายตายังไม่ละจากสวนสนที่ร่างสูงเพิ่งออกมา
นายเข้าไปทำอะไรในนั้นนะ?
“นั่นดาวอะไรน่ะ?”อยู่ๆ ร่างสูงก็ทักขึ้น พลางชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ร่างบางหันไปมองตามมือของอีกฝ่าย ก็เห็นสร้อยข้อมือรูปดาวห้อยอยู่
เจ้านี่ใส่สร้อยข้อมือด้วยเหรอ? เพิ่งสังเกตุแหะ
เจ้านี่ใส่สร้อยข้อมือด้วยเหรอ? เพิ่งสังเกตุแหะ
“ไหน?”
“นั่นไง ดวงนั้นน่ะ”ซีวอนพูดแล้วชี้อีกครั้ง พลางเขยิบเข้าไปใกล้อีกคน ร่างบางมัวแต่มองตามไม่ทันสังเกตว่าร่างสูงเขยิบเข้ามาจนใบหน้าแทบจะติดกันอยู่แล้ว
“ไม่รู้สิ”ชางมินตอบคิ้วขมวด ตอบออกไปง่ายๆ
แม้เขาจะฉลาดแต่ก็ไม่ได้รู้เรื่องดาวสักหน่อย......
“แล้วดวงนั้นล่ะ....ดาวอะไร?”ร่างสูงยังคงถามต่อไป แล้วชี้ไปที่ดาวอีกดวง
ร่างบางมองตามมือของซีวอนอย่างสนใจ ทำให้ใบหน้ายิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายยิ่งขึ้น จนตอนนี้จมูกของร่างสูงละอยู่ตรงแก้มใสที่คลอเคลียอยู่ตรงหน้า
“ไม่รู้เหมือนกัน”ร่างบางพูดทั้งๆที่ยังมองดาวอยู่
“แล้วนี่ล่ะ....ดาวอะไร?”ร่างสูงพูดแล้วชี้ไปที่แก้มของอีกฝ่าย ร่างบางหันไปมองร่างสูงอย่างงงๆ แต่แล้วก็รู้สึกว่าแก้มของตนชนกับจมูกของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง ดวงตาสองคู่ก็สบกันนิ่งนาน รับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายได้ พอได้สติร่างบางก็เด้งตัวออกมา
“ดาวอะไรของนาย”พูดอย่างไม่พอใจ ปนตกใจ ผสมเขินไปด้วย
ซีวอนมองอาการของอีกฝ่ายยิ้มๆ
“ก็ดาวในนี้ไงล่ะ ^-^”ร่างสูงพูดแล้วชี้ไปที่อกข้างซ้าย
โอ๊ย.....เน่าซ้า.......
ได้ยินอย่างนั้น ร่างบางถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งใบหน้า
“เขินเหรอ....ดูสิหน้าแดงเชียว”ร่างสูงพูดแล้วเขยิบเข้าไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆ
“บ้า....อยู่กับนายแล้วปวดหัว....ไปนอนดีกว่า”ร่างบางว่าแล้วลุกขึ้นเดินไปอย่างเขินอาย
“หลับฝันดีนะครับ.....ฝันถึงผมด้วยจะดีมากเลย”ซีวอนยังตะโกนไล่หลังไป ชางมินหันมาค้อนให้อีกทีแล้วเดินเข้าโรงแรมไป ร่างสูงมองตามยิ้มๆ
พอร่างบางเดินจนลับสายตาไป รอบยิ้มที่เคยระบายอยู่บนใบหน้า ก็หุบลงแทบจะทันที ชายหนุ่มมองไปที่สวนสนอีกครั้ง ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิดเศร้าๆ
อย่าชางมิน.....อย่าหลงคารมของเขา....เขาอาจจะมาใกล้ชิดกับนายเพียงเพื่อต้องการทำร้ายเพื่อนๆ ก็ได้....ไม่ว่ายังไง ซีวอนจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่.....นายจะต้องไม่ใจอ่อน...นายจะต้องปกป้องเพื่อนให้ได้.....
อย่าชางมิน.....อย่าหลงคารมของเขา....เขาอาจจะมาใกล้ชิดกับนายเพียงเพื่อต้องการทำร้ายเพื่อนๆ ก็ได้....ไม่ว่ายังไง ซีวอนจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่.....นายจะต้องไม่ใจอ่อน...นายจะต้องปกป้องเพื่อนให้ได้.....
ร่างบางคิดแล้วมองไปที่กระจกตรงหน้า ที่มีเงาของตนเองอยู่ แล้วนึกย้อน
ไป เมื่อ 4 ปีก่อน
ไป เมื่อ 4 ปีก่อน
ตอนที่เขาถูกพลักตกบันได จนต้องไปนอนที่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ กลับมาก็พบว่า แจจุงและจุนซูเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเก็บตัวอย่างที่เห็น ไม่ว่าจะพยายามถามยังไงทั้งคู่ก็ไม่เคยปริปาก
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่กำลังจะออกไปข้างนอกโรงเรียน ก็มีนักเลงกลุ่มนึงดักรออยู่ ทั้งสามคนมีไม้ท่อนใหญ่เป็นอาวุธ เตรียมที่จะฟาดมาที่เขาเต็มที่
ร่างบางได้แต่หลับตารอรับชะตากรรมที่จะมาถึง
พลัวะ!
เสียงไม้ฟาดดังลั่น แต่ร่างบางกลับไม่รู้สึกเจ็บอะไร พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่า มีร่างของคนๆ นึงยืนขวางเขากับนักเลงพวกนั้นอยู่
หลังจากนั้น พวกนักเลงก็พยายามจะรุมพวกเขาทั้งสองคน โดยสองคนรุมร่างสูง ส่วนอีกคนหันมาเล่นงานชางมินแทน ร่างบางต่อสู้ไม่ได้มากเพราะเดิมก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องชกต่อยอย่างนี้อยู่แล้ว จึงพลาดท่าถูกชกไปหลายที ร่างสูงที่จัดการสองคนแรกที่ทำท่าจะรุม แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นฝ่ายถูกกระทืบแทน จนหนีไปได้ ร่างสูงจึงหันมาดึงตัวร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดแล้วถีบคนที่ทำร้ายร่างบางเข้าอย่างจัง พอนักเลงพวกนั้นเห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งหนีไป
ชางมินมองชายหนุ่มที่ยังคงโอบกอดตนไว้ ก่อนที่จะฝืนตัวเองออกจากอ้อมกอดอุ่นนั้น พอรู้สึกถึงอาการดิ้นของคนในอ้อมแขนร่างสูงก็ปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”ร่างสูงถาม แล้วมองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มที่มีลักยิ้มทั้งสองข้าง
ร่างบางส่ายหน้าแทนคำตอบ พอพ้นจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายมาได้ ร่างบางก็มองหน้าร่างสูงได้เต็มตา ก็พบว่าที่หน้าผากของร่างสูงนั้น มีเลือดไหลซึมออกมาจากกลุ่มผม ชางมินรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าไปซับเลือดอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
“กดไว้ก่อนนะ เลือดนายออก ขอบคุณมากนะที่ช่วยไว้ ถ้าไม่ได้นายชั้นคงแย่”ชางมินพูดพลางมองแผลของอีกฝ่าย แล้วพาไปที่ห้องพยาบาล
“แผลแค่นี้เอง ไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น ชั้นซีวอน”ร่างสูงหันมาพูดยิ้มๆ เมื่อถึงห้องพยาบาลแล้ว
“ชั้นชางมิน”ร่างบางยิ้มตอบ
“รู้อยู่แล้ว”ซีวอนบ่นเบาๆ จนอีกฝ่ายฟังไม่ชัด แต่ชางมินก็ไม่ได้สนใจที่จะถามอีก
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ร่างบางประทับใจในตัวของซีวอนอยู่ไม่น้อย แต่เพราะตอนนั้นเพื่อนรัก เหมือนกับกำลังเจอกับปัญหาร้ายแรง เขาจึงยังไม่คิดเรื่องความรักหรือคิดเรื่องส่วนตัวในตอนนี้ เขาจะต้องช่วยเพื่อนๆ ที่เขารัก จนเขาห่างหายไม่ได้ติดต่อกับซีวอนอีก สุดท้ายเขาก็ช่วยอะไรเพื่อนทั้งสองไม่ได้สักอย่าง จึงได้แต่เศร้าเสียใจ เลยได้แต่เก็บตัวแล้วกลายเป็นคนบ้างานไป จนลืมคิดถึงซีวอนไปเสียสนิท จนได้พบกับร่างสูงอีกครั้งในงานกิจกรรมครั้งนี้
ด้วยความที่ไม่ได้พบกันนานทำให้ไม่กล้าทักในตอนที่เจอกันครั้งแรก พอได้เข้าใจกับเพื่อนๆ รู้ว่าพวกเขาเจอกับปัญหาร้ายแรงเพียงไหน ยังไงก็ต้องปกป้องเพื่อนให้ได้ แต่ทุกเหตุการณ์ที่เพื่อนๆ ถูกทำร้าย กลับมีร่างสูงอยู่ด้วยทุกครั้ง จนร่างบางเริ่มสับสน
นายต้องการอะไรกันแน่...ซีวอน หรือที่นายทำดีกับชั้นเพียงเพื่อจะใช้ชั้นเป็นสะพานเพื่อเข้ามาทำร้ายเพื่อนของชั้น
สุดท้ายร่างบางก็ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า ทั้งทางกายและจิตใจ แล้วหลับไปในที่สุด ด้วยความที่เพลียจากการเดินทางมาทั้งวัน ร่างบางจึงหลับสนิท จนไม่รู้สึกถึงการมาของใครบางคน
ผู้มาเยือนมองคนที่นอนด้วยสายตาว่างเปล่า ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงวัตถุบางอย่างในมือที่สะท้อนแสงไปมา
ร่างนั้นเดินไปที่ข้างเตียงเจ้าของห้องด้วยความเงียบกริบ พลันเอื้อมมือไปปิดปากของคนบนเตียงไว้อย่างไม่ให้รู้ตัว
ร่างบางที่รู้สึกตัวจากการคุกคามของอีกฝ่าย ก็เบิกตาโพล่งอย่างตกใจ แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมานั้นกลับน้อยนิด เสียจนแทบไม่ได้ยิน เมื่อดวงตาเรียวเหลือบเห็นแสงสะท้อนจากวัตถุในมือของอีกฝ่ายท่ามกลางความมืด
ความกลัวก็คืบคลานเข้ามาจับหัวใจ เมื่ออีกฝ่ายง้างมีดขึ้นสุดมือ แล้วทำท่าจะปักลงตรงกลางหัวใจของคนที่นอนอยู่
ชางมินมองมีดที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย พลางส่งเสียงร้องดังลั่น เมื่อเงาดำนั้นทำท่าจะทิ่มลงมาที่ตัว แต่เสียงที่ออกมานั้นแทบไม่ได้ยิน น้ำตาไหลพรากอย่างหวาดกลัว
ก๊อก. ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ชางมิน ชางมิน....หลับอยู่รึเปล่า? ชางมิน”เสียงของโฮนาดังขึ้น ดึงความสนใจของคนในเงามืดจนหันไปมองที่ประตู
ร่างบางอาศัยจังหวะนั้นเองเอื้อมมือข้างขวาไปจับคอของอีกฝ่ายจากด้านหน้า แล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งกดไปที่ลำคอของอีกฝ่ายอย่างแรง ส่วนมืออีกข้างก็คว้ามือที่ถือมีดนั้นไว้ก่อนที่จะง้างลงมาได้ทัน
คนในเงามืดถึงกับหน้ามืดจากการบีบของร่างบาง เมื่อเห็นว่าคนที่โดนคุกคามมาตลอดเริ่มสู้ จึงรีบสะบัดมือออกแล้วหนีออกไปทางระเบียงทันที ร่างบางรีบลุกขึ้นวิ่งตามไป แต่ก็ไม่ทัน เมื่อเงานั้นหายลับไปในความมืดซะแล้ว
ชางมินมองระเบียงของโรงแรมแห่งนี้ ที่เชื่อมระเบียงของทุกห้องเข้าด้วยกันอย่างครุ่นคิด
ไม่รู้ว่าเงานั้นจะหายเข้าไปที่ห้องไหน แต่ที่แน่ๆ น่าจะเป็นคนที่มาในค่ายครั้งนี้แน่นอน
“ชางมิน หลับยัง?”เสียงของโฮนาทำให้ร่างบางได้สติ แล้วเดินกลับไปเปิดประตูให้หญิงสาวเข้ามา มือเรียวที่กำลูกบิดประตูยังคงสั่นระริก
“นอนแล้วเหรอ? เปิดประตูช้าจัง เอ้า....บทที่ให้เขียนชั้นเขียนเสร็จแล้ว” หญิงสาวพูดแล้วยื่นกระดาษปึกใหญ่ให้
พอเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ซีดเผือด ปนกับเหงื่อที่เกาะอยู่เต็มใบหน้า
“นายเป็นอะไร? ไม่สบายรึเปล่า....เหงื่อโชกเชียว”หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก ทำเสร็จแล้วเหรอ? เร็วดีนี่”ชางมินพูดพลางฝืนยิ้มให้หญิงสาวเต็มที่ พยายามบังคับมือให้หยุด
สั่นอย่างสุดฤทธิ เพื่อรับบทมาจากอีกฝ่าย
“ฮื่อ...ปั่นสุดฤทธิเลย เที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย ถึงว่าสิง่วงชะมัด”โฮนาบ่นงึมงำๆ แล้วเดินโซซัดโซเซกลับห้องไป
พอร่างของหญิงสาวลับตา ชางมินก็รีบปิดประตูแล้ววิ่งไปที่ประตูระเบียงล็อกอย่างรวดเร็ว พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วปล่อยกายลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยว
แรง ร่างบางก้มลงมองมือตัวเองที่ยังคงสั่นไม่หยุด แขนเรียวหันมากอดตัวเองไว้อย่างหวาดกลัว ดวงตาสวยเริ่มมีน้ำตาไหลรินช้าๆ ทำได้แค่นั่งกอดตัวเองร้องไห้อยู่เงียบๆอย่างนั้น
แรง ร่างบางก้มลงมองมือตัวเองที่ยังคงสั่นไม่หยุด แขนเรียวหันมากอดตัวเองไว้อย่างหวาดกลัว ดวงตาสวยเริ่มมีน้ำตาไหลรินช้าๆ ทำได้แค่นั่งกอดตัวเองร้องไห้อยู่เงียบๆอย่างนั้น
แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งที่ข้างเตียงไม่ไกลจากที่นั่งอยู่นัก ร่างบางคลานไปหยิบขึ้นมาดูอย่างสนใจ พอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือชัดๆ ดวงตาก็ต้องเบิกโพล่งอย่างตกใจ
สร้อยข้อมือรูปดาว!
มือเรียวกำสร้อยข้อมือไว้แน่น พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหลอีกครั้ง อย่างเจ็บปวด
นายเองเหรอที่ต้องการจะฆ่าชั้น....ซีวอน ถ้านายต้องการอย่างนั้น นายจะช่วยชั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ชั้นตายไป ทำไมต้องมาทำดีกับชั้น....ทำไม?
ร่างบางคิดอย่างรวดร้าว แล้วเอามือทุบพื้นไม่หยุด จนมือบางเริ่มแดงช้ำและมีเลือดซึม แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ ยังคงทุบลงไปไม่ยั้ง ราวกับจะระบายความอัดอั้นตันใจที่มีอยู่
การกระทำของคุณในวันนั้น....ช่างตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
ทุกถ้อยคำ....ทุกการกระทำของคุณ....ชั้นไม่เคยลืม
มันยังคงอยู่ในนี้....อยู่ในหัวใจดวงนี้
แต่....เมื่อในวันนี้....คุณไม่ต้องการใจดวงนี้แล้ว
อยากทำลายมันนัก....เชิญทำได้เลย....
คุณทำได้อยู่แล้ว.........
เพราะชั้นจะไม่มีวันขัดขืน
วันนี้...ที่ชั้นดิ้นรนไป....เพราะชั้นไม่รู้
ชั้นไม่รู้ว่านั่น....คือคุณ
ขอโทษ.....ชั้นขอโทษจริงๆ
---------------------------------------------------------------------------
เขียนไปเขียนมา มีแต่เรื่องของชางมิน หวังว่าแฟนคลับยุนแจกับยูซูจะไม่โกรธนะ
ให้น้องเล็กของเรามีบทบ้าง....(หลังจากที่ไม่ค่อยมีบทมานาน)
ถูกใจกันบ้างมั้ยเอ่ย?..........
ขอคอมเม้นท์ตอบกลับแทนคำตอบนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ............^-^
---------------------------------------------------------------------------
เขียนไปเขียนมา มีแต่เรื่องของชางมิน หวังว่าแฟนคลับยุนแจกับยูซูจะไม่โกรธนะ
ให้น้องเล็กของเรามีบทบ้าง....(หลังจากที่ไม่ค่อยมีบทมานาน)
ถูกใจกันบ้างมั้ยเอ่ย?..........
ขอคอมเม้นท์ตอบกลับแทนคำตอบนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ............^-^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น