ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปฏิบัติการค้นหานางฟ้า Find to Angle [FicTVXQ Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #10 : เพราะความดังเป็นเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 51


    “นี่แจจุง....นายเคยชอบใครมั้ย?”หญิงสาวคนนึงถามขี้น ใบหน้าของเธอนั้นแดงขึ้นเล็กน้อย

    “นึกยังไงถามชั้นยังงี้ยองอา?”เด็กชายผมดำถามอย่างสงสัย

    “จะว่าเคยก็เคยนะ อย่าเรียกว่าเคยเลยดีกว่า เพราะตอนนี้ชั้นก็ยังชอบเขาอยู่”เด็กหนุ่มตอบแล้วหันไปยิ้มกับรูปที่วาดอยู่

    “คนในรูปนี้....ใครน่ะ? ไม่ยักเคยเห็น”หญิงสาวพูดแล้วมองรูปที่อีกฝ่ายวาด


    “อย่าบอกนะว่าคนที่นายชอบคือคนในรูปนี้”ยองอาพูดทีเล่นทีจริง แต่แจจุงกลับหน้าแดงเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อถูกพูดแทงใจดำเข้า


    “จริงๆ หรอเนี่ย?”เธอว่าอย่างตกใจ ทั้งน้ำเสียงและใบหน้า เด็กหนุ่มยังคงนิ่งเงียบแต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะตอบคำถามนั้นแล้ว


    “ชั้นเองน้า........ก็เริ่มรู้สึกว่าชอบคนๆนึงเหมือนกัน ความรู้สึกนี้ดีจังเลยน้า....ไม่ว่าเราจะรู้สึกกับใคร ชายหรือหญิงมันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ว่าเรารักเขาก็พอแล้ว จริงมั้ย?”ยองอาพูดพลางทำหน้าเคริ้มฝัน 


    “ชอบสิ....ชอบมาก....ชอบจนคิดว่าชาตินี้คงชอบใครไม่ได้อีก แม้จะไม่รู้จักชื่อ แต่ใบหน้าและท่าทางก็ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ แม้อาจจะไม่ได้พบกันอีก แต่ชั้นก็หลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเลยล่ะ”เด็กชายพูดเสียงเบา แต่น้ำเสียงที่พูดนั้นกลับหนักแน่นและมั่นคง



    อยู่ๆ มือของหญิงสาวก็เอื้อมมากุมมือของเด็กชายไว้แน่น


    “งั้นเรามาพยายามด้วยกันนะ ทั้งเธอและชั้นจะต้องมาทำให้รักครั้งนี้สมหวังให้ได้”เด็กสาวพูดอย่างมุ่งมั่นกุมมือนั้นไว้แน่น อีกฝ่ายได้แต่บีบมือกลับ พลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มแค่ปากแต่ยิ้มไปถึงดวงตาเลยทีเดียว


    แต่ใครจะเชื่อเล่าว่าวันต่อมา 


    เด็กชายจะต้องมาเดินตามเสียงกรีดร้องโวยวายของเพื่อนๆ ในโรงเรียนอย่างสงสัย แต่แล้วพอเดินฝ่ากลุ่มคนที่มุ่งดูอยู่ไปจนถึงหน้าตึกเรียน กลับได้เห็นร่างของหญิงสาวที่เมื่อวานสัญญาว่าจะทำให้ความรักสมหวังไปด้วยกัน นอนจมกองเลือดอยู่หน้าตึก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าแตกต่างกับเมื่อวานลิบลับ น้ำตากับเลือดปนเปเต็มใบหน้าเธอไปหมด ดวงตาเบิกโพล่งด้วยความกลัวแต่กลับไม่ไหววูบ



    เหมือนไร้วิญญาณ


    “ยอ.....อา.......ทำไม......ไหน.....สัญญ.....กันไว้.....ไม่ใช่...เหรอ.....นี่มั........อะไร.........”



    แจจุงร้องไม่ออก พูดแทบไม่เป็นภาษา แทบหมดสิ้นเรี่ยวแรง แล้วล้มลงไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ ที่อยู่รอบๆ



     
    ร่างบางสะดุ้งตื่นสุดตัว 


    พอมองไปรอบๆ ก็พบว่าตนกำลังนั่งรถแท็กซี่กับยุนโฮออกจากสุสาน



    “ฝันไปหรือเนี่ย?”แจจุงพูดพลางเช็ดเหงื่อที่ออกมาชุ่มราวกับว่าเพิ่งไปวิ่งทางไกลมา แล้วก็หันไปซบไหล่อีกคนอย่างขอกำลังใจ



    “นายเป็นอะไรรึเปล่า?หน้าซีดๆ เหงื่อท่วมตัวเชียวร้อนเหรอ?”ยุนโฮว่าพลางเช็ดเหงื่อบนใบหน้าหวาน แล้วหันไปบอกคนขับแท็กซี่ให้ช่วยเร่งแอร์อีก ร่างบางได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ 



    “ชั้นยังไม่อยากกลับเลย....ยุนโฮ ชั้นอยากไปเที่ยวกับนาย เราไปดูหนังกันเถอะนะ”อยู่ร่างบางก็เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างอ้อนๆ



    “นายไม่เป็นอะไรแน่นะ......ดูแปลกๆ...มีอะไรบอกชั้นได้นะ”ยุนโฮพูดพลางจับหน้าอีกฝ่าย ที่ยังคงบ่งบอกว่ามีเรื่องกังวลใจ



    “ชั้นไม่เป็นไร....แค่อยากไปเที่ยวกับนายแค่นั้นเอง เรายังไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลยนะ”แจจุงพยายามฝืนยิ้ม



    “แต่นี่มันเย็นแล้วนะ”ร่างสูงบ่ายเบี่ยงอย่างไม่สบายใจ



    “กว่าหอจะปิดก็ตั้งสี่ทุ่ม นะ....น้า ไปเถอะนะ”ร่างบางยังคงอ้อน แล้วมีหรือที่หมีจะทนไหว ก็ต้องพยักหน้าอย่างหนักใจ



    ไอ้ไปเที่ยวกับนายชั้นก็อยากไปอยู่หรอก แต่ชั้นจะรอดมั้ยเนี่ย ไปที่คนพลุกพล่านขนาดนั้น หวังว่าคงไม่เรื่องวุ่นวายขึ้นหรอกนะ



     
    ที่โรงพยาบาล



    ตอนนี้ในห้องมีเพียงจุนซูกับยูชอนเท่านั้น เพราะโฮนาก็ขอตัวกลับไปตั้งนานแล้ว 
    โดยร่างเล็กกำลังนั่งปากแอปเปิลอยู่ข้างเตียง



    “ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่ายุนโฮเข้ามาเรียนได้ไม่นาน ก็ทำให้แจจุงกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ทรงผม ไอ้นิสัยขี้งอนก็กลับมาด้วย”ยูชอนพูดยิ้มๆ มองคนรักที่นั่งฟังอยู่



    “ก็แน่สิ นายก็น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าแจจุงหลงรักคนในรูปนั้นมาตลอด แล้วยุนโฮก็คือคนๆนั้น”



    “ชั้นว่าจะถามนายอยู่ นายจำได้หรอว่ายุนโฮคือคนในรูป ถึงได้ไปตีสนิทด้วย ชั้นจำไม่เห็นได้เลย”ร่างสูงถามอย่างแปลกใจ


    “จำไม่ได้หรอก เปลี่ยนไปซะขนาดนั้น”



    “อ้าว.....!”




    “แต่คนวาดเขาจำได้ ตอนนั้นน่ะที่ยุนโฮเข้ามาแนะนำตัววันแรก แจจุงงี้....ตาค้างแถมยังทำปากกาตกอีกต่างหาก ชั้นก็เลยคิดว่าคนนี้คงไม่ธรรมดา เลยตีสนิทไว้ แล้วก็ไม่ผิดซะด้วย”จุนซูพูดพลางหัวเราะคิกคัก แล้วป้อนแอปเปิ้ลให้คนบนเตียง



    “หวานจัง”ยูชอนเคี้ยวแล้วพูดยิ้มๆ “แต่คงจะอร่อยกว่านี้ถ้ามีจูบหวานๆตามมาด้วย”ร่างสูงพูดพลางใช้นิ้มลูบริมฝีปากแดงเรื่อของอีกฝ่าย



    “พูดอะไรน่ะ? >////<”ร่างเล็กพูดแล้วยิ้มเขิน หันหน้าหนีดวงดาเป็นประกายของอีกฝ่าย



    “จุนซู”เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา แล้วยื่นหน้าไปกระซิบที่ริมหูแดงจัดของอีกฝ่าย “เรามาต่อจากเมื่อกลางวันเถอะนะ”เสียงทุ้มนุ่นปนกระเส่าของคนบนเตียงอดทำให้ร่างเล็กหน้าแดงเรื่อขึ้นอีกไม่ได้ ยิ่งหลบสายตาคมเป็นพัลวัน จนยูชอนทนไม่ไหวจับคางมนนั้นไว้ ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ยอมอยู่นิ่ง แล้วหลับตารอรับสัมผัสที่ร่างสูงจะมอบให้แต่โดยดี




    ร่างสูงเลียริมฝีปากเล็กน้อยอย่างตื่นเต้น แม้ก่อนหน้านี้จะเคยจูบมาหลายหน แต่พอเป็นคนตรงหน้าที่สำคัญกับหัวใจเกินกว่าใครหลายๆคน ก็อดตื่นเต้นทุกครั้งที่สัมผัสไม่ได้


    ยูชอนยื่นหน้าเข้าไปเรื่อยๆ




    จากคืบ.....เหลืออีกเพียงไม่กี่เซน.......





    ......เหลืออีกเพียงไม่กี่มิล........




    .....จนรู้สึกถึงปลายสัมผัสที่แตะโดนริมฝีปากแดงนั้นแต่แผ่วเบา.....





    ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก....





    “นำยามาส่งค่ะ”


    เสียงของนางพยาบาลดังขึ้น ส่งผลให้ร่างเล็กลืมตาโพลงแล้วพลักร่างสูงอย่างตกใจ




    ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยนะ ยูชอนคิดอย่างโมโห



    พยาบาลที่เปิดประตูเข้ามาก็มองอาการของทั้งสองคนอย่างแปลกใจ คนบนเตียงที่นั่งดึงทึ้งผมตัวเองเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง กับอีกคนที่นั่งกดรีโมทโทรทัศน์อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ใบหน้านั้นกลับแดงจัดราวกับคนเป็นไข้ แต่หญิงสาวก็ไม่พูดอะไร วางยาแล้วเดินออกจากห้องไป




    พอเหลือกันอยู่สองคน ก็หันมามองหน้ากัน แล้วจุนซูก็หลบตาไปมองโทรทัศน์อีกครั้ง ทำตัวแข็งราวกับเป็นหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน



    “หมดกันบรรยากาศที่แสนโรแมนติค”ยูชอนบ่นพลางมองอีกฝ่ายยิ้มๆ แล้วหันไปหยิบยามากิน 



    จุนซูยังคงทำเป็นไม่ได้ยิน นั่งตัวแข็งต่อไป



    “เอ๊ะ....”อยู่ๆจุนซูก็อุทานขึ้น สายตายังคงจับจ้องไปที่ทีวี ที่กำลังฉายมิวสิควีดีโอของนักร้องคนนึง ยูชอนหันไปมองร่างเล็กอย่างแปลกใจ



    “นายว่าคนนี้หน้าตาคุ้นๆมั้ย”จุนซูถาม ยังคงมองคนในจอสี่เหลี่ยมไม่กระพริบ



    ที่แท้ก็เป็นมิวสิควีดีโอเพลงของยุนโฮน่ะเอง โดยในนั้นร่างสูงแต่งตัวเป็นแนวพังค์ แล้วทำผมสีทอง แตกต่างจากตอนนี้ที่เป็นสีดำ แล้วเอาลงมาเฉยๆ ไม่มีการตกแต่งใดๆ พร้อมด้วยแว่นตาเชยๆ อีกหนึ่งอัน



    “นั่นสี...เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ?”ยูชอนเห็นด้วยสีหน้าครุ่นคิด ทั้งสองยังคงมองแล้วคิดต่อไป แต่ไม่ว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออกสักที



    (ทำไมถึงโง่กันอย่างนี้นะ แค่นี้ก็คิดไม่ออก ที่อยู่กับพวกนายตอนกลางวันไง โง่จริงๆเลย : คนเขียน..)



    (แล้วใครมันเป็นคนเขียนเหอะ เดี๋ยวปัดฆ่าทิ้งซะเลยนี่ : ยูชอน+จุนซู)



    ------------------------------------------------------------------------------------
     
    กลับมาที่คู่เอกของเราดีกว่า



    ยุนโฮและแจจุงก็มาถึงที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่โตแห่งหนึ่ง ร่างบางนั้นดูร่าเริงเป็นพิเศษผิดกับอีกคนที่ดูเหมือนกับมีเรื่องกลุ้มใจอยู่



    ทำไมสลับกันไปได้เนี่ย?


    เอาวะ....เป็นไงเป็นกัน คงไม่มีใครเขาจำเราได้หรอก นานๆได้มีโอกาสมาเที่ยวทั้งที ต้องสนุกหน่อย


    ร่างสูงคิดได้อย่างนั้น ก็หันไปหาร่างบางที่เดินจับมือไปด้วยกัน


    “อยากดูหนังเรื่องอะไรล่ะ”ยุนโฮหันไปถามยิ้ม


    “ไม่รู้สิ....ไปดูก่อนว่ามีเรื่องอะไรบ้าง”


    แล้วทั้งสองก็พากันไปที่หน้าโรงหนัง หลังจากที่ยืนดูโปรแกรมหนังอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจได้ว่าจะดูหนังญี่ปุ่น เรื่อง L สมุดโน้ตวันสิ้นโลก (ชื่อเรื่องถูกเปล่าหว่า...)



    ยุนโฮมองไปรอบๆ ก็ถอนหายใจดูเหมือนคนจะไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่ แปลว่าคนที่นี่ก็คงจำเขาไม่ได้เช่นกัน



    เอ๊ะ....หรือว่าเราจะไม่ได้ดังอย่างที่คิด



     “โห...กว่าหนังจะฉายอีกตั้งชั่วโมง เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า”ร่างบางพูดแล้วดึงร่างสูงไป


    ทั้งคู่เดินไปผ่านร้ายขายซีดี แจจุงก็หยุดดู


    “ชั้นไม่ได้ซื้อเพลงไปฟังนานแล้ว ไม่รู้มีเพลงใหม่อะไรบ้าง เข้าไปดูกันเถอะ”พูดจบก็ดึงร่างสูงไปทันที แต่อีกฝ่ายขืนตัวไป


    “เราไปกินข้าวกันดีกว่า”ยุนโฮพูดแล้วดึงอีกฝ่ายไปทันที


    ไม่ได้ ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด ถึงคนจะจำเขาไม่ค่อยได้ แต่ไอ้รูปที่หราอยู่หน้าร้าน คงสะกิดใจคนในร้านบ้างแหละ 


    แจจุงเดินตามร่างสูงอย่างแปลกใจ แต่แล้วสายตาก็หันไปเห็นรูปของชายหนุ่มขนาดใหญ่ ที่ติดอยู่บนกระจกของร้านซีดี


    คนอะไรหน้าตาหล่อจัง แต่หน้าคุ้นๆ แหะ


    (ก็คนที่ยืนอยู่ข้างๆไง)


    สุดท้ายทั้งคู่ก็เดินมาถึงKFCจนได้ หลังจากที่เดินไปเดินมาคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรกัน ก็มาหยุดในร้านนี้ ยุนโฮหาที่นั่งที่ดูด้านในสุดของร้าน แล้วเดินไปสั่งให้ แจจุงได้แต่มองตามยิ้มๆ


    ร่างสูงกลับมาอีกครั้งพร้อมไก่ชุดใหญ่ ทั้งคู่ลงมือกินอย่างอร่อย แต่ไม่รู้ว่าอร่อยเกินไปรึเปล่า แจจุงถึงได้กินจนปากเลอะซอสไปหมด ยุนโฮได้แต่มองยิ้มๆ  แล้วเอื้อมมือไปเช็ดซอสนั้นอย่างแผ่วเบา แล้วเอากลับไปเลียซะเฉยๆ



    ทำเอาแจจุงหน้าร้อนวูบวาบเลยทีเดียว



    “ทำอะไรน่ะ? คนมองกันหมดแล้ว”ร่างบางพูดอายๆ



    “ใครเขาจะมามองเรา”ยุนโฮพูดยิ้มๆ แล้วพอหันไปมองคนในร้าน ก็อยากจะงับคำพูดเมื่อกี้คืนมาซะเหลือเกิน เพราะตอนนี้คนในร้านต่างจ้องมองพวกเขาเป็นตาเดียว
    อะไรกันแค่ผู้ชายสองคนนั่งกินด้วยกัน เช็ดปากให้กันก็ต้องมองขนาดนี้ด้วย
    ยุนโฮคิดอย่างแปลกใจ 



    แต่เขาคงจะลืมอะไรไปอย่าง.........




    ขณะนั้นเอง มีผู้หญิงกลุ่มนึงเดินเข้ามาหาพร้อมกล้องถ่ายรูป


    “เอ่อ...ใช่ ยูโนวรึเปล่าค่ะ ขอถ่ายรูปได้มั้ยค่ะ แล้วคนนั้น....”หญิงสาวคนนึงพูดขึ้น แล้วที่เหลือก็เอาแต่กรี้ดกร้าดอย่างตื่นเต้นดีใจ



    แค่นั้นยุนโฮก็รู้ตัว
     


    “ขอโทษครับไม่ใช่ คุณคงจำคนผิดแล้ว”พูดจบไม่รีรอรีบคว้าแขนของร่างบางวิ่งฝ่าหญิงสาวกลุ่มนั้นทันที แม้จะยังงงอยู่บ้างแต่ร่างบางก็ยังวิ่งตามไป



    แต่ใช่ว่าทั้งสองจะหนีพ้นไปได้ง่ายๆ เมื่อเสียงกรี้ดนั้นทำให้คนในห้างเริ่มสนใจ และมองพวกเขามากขึ้น คนที่จำได้ก็เริ่มวิ่งตามมากขึ้น เกิดความแตกตื่นขึ้นไม่น้อยทีเดียว



    ทั้งสองวิ่งไปเรื่อยๆ จนร่างสูงพาหักเลี้ยวแล้วพบตู้ถ่ายสติกเกอร์ ก็รีบพาร่างบางเข้าไปทันที พอได้ยินเสียงกลุ่มคนวิ่งผ่านไป ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก



    “นี่มันเรื่องอะไรกัน?ยุนโฮ”แจจุงถามอย่างเหนื่อยหอบ




    “ถ่ายรูปรึเปล่าค่ะ?”พนักงานถามขึ้น ทำให้ทั้งสองหันมามองหน้ากัน



    “ถ่ายครับ”แจจุงตอบขึ้นทันทีด้วยรอยยิ้ม พนักงานคนนั้นมองยุนโฮนิดหน่อย ก่อนจะหายไปด้านหลัง



    แล้วทั้งคู่ก็โพสท่าถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน แจจุงนึกครึ้มเขย่งเท้าหอมแก้มร่างสูงไปฟอดใหญ่ อีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าเหวอ แล้วตอนนั้นเองที่รูปถ่ายออกมา



    แจจุงมองรูปในมือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยุนโฮในรูปทำหน้าเหวอแล้วน่ารักไปอีกแบบ คนอะไรถ่ายอะไรก็ดูดีไปหมด


    ร่างสูงมองคนรักของตัวเองแล้วยิ้ม ในที่สุดแจจุงก็กลับมาร่าเริงอีกครั้ง ทั้งคู่เดินกลับมาที่โรงหนังอีกครั้ง 


    โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้พนักงานที่ตู้ถ่ายสติกเกอร์ กำลังนั่งมองรูปของทั้งสองคน อย่างตกตะลึงหลังจากที่นึกออกว่าร่างสูงนั้นเป็นใคร

     รูปที่ร่างบางหอมแก้มนั้นต้อง........ขยาย 




    ต่อจากนี้ร้านเราได้ดังแน่ เมื่อรูปนี้แปะอยู่หน้าร้าน พนักงานคิดอย่างตื่นเต้นดีใจ




    หลังจากที่ทั้งคู่ดูหนังจบก็พากันกลับมาที่หอพัก 


    เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงก็ดังขึ้น



    “นี่แกไปทำเรื่องอะไรไว้รู้บ้างมั้ย?”เสียงของลีซูมาน ผู้จัดการของเขาดังอย่างหงุดหงิด


    “เรื่องอะไรครับ”ร่างสูงตอบเนื่อยๆ


    “แกไปห้างมาใช่ไหม แกรู้ไหมตอนนี้ข่าวแต่ดังไปทั่วแล้ว แกไปกับใคร ตอนนี้เขากำลังตามหาผู้หญิงคนนั้นให้ทั่วแล้ว ทำไมทำอะไรไม่คิดเลยห๊ะ”ปลายสายยังคงโวยวายกลับมาเป็นชุด



    “ผู้หญิง?”


    “ก็วันนี้แกไปเที่ยวกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? รูปแกหราขนาดนั้นน่ะ หอมแก้มด้วย แล้วชั้นจะไปแก้ตัวกับนักข่าวยังไง?”


    “ก็ไม่เห็นต้องแก้ตัวอะไรเลย ก็บอกไปสิครับว่าเป็นแฟนผม”ยุนโฮตอบสบายๆ แล้วมองไปที่ร่างบางที่มองมาแล้วยิ้ม 


    ก็หน้าตาอย่างนี้นี่น้าคนเขาถึงได้มองเป็นผู้หญิงไป



    “แกพูดง่ายนักนะ แต่มันไม่ได้ทำง่ายๆนะเว้ย”



    “ผมฝากพี่ด้วยแล้วกัน ยังไงที่ผมทำงานนี้ก็เพราะพี่ พี่ก็ต้องรับผิดชอบ”ร่างสูงพูดแล้ววางสาย โดยไม่สนใจว่าปลายสายจะตอบอะไร



    แล้วเดินเข้าไปหาร่างบางที่ยังนั่งเอารูปถ่ายแปะสมุดอยู่ สวมกอดเบาๆ ร่างบางไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่ยิ้มแล้วเอนซบไหล่กว้างนั้น



    “วันนี้ชั้นมีความสุขที่สุดเลย....รู้มั้ย?”แจจุงพูดขึ้น


    “ชั้นก็เหมือนกัน มีความสุขที่มีนายอยู่ในอ้อมกอดอย่างนี้”ร่างสูงพูดแล้วมองคนในอ้อมกอด



    นายจะรู้ตัวบ้างมั้ยนะ ว่าตอนนี้กลายเป็นคนดังไปซะแล้ว


    “ชั้นว่าจะถามนาย....ทำไมคนพวกนั้นถึงได้ตามนายขนาดนั้นล่ะ”อยู่ๆร่างบางก็ถามขึ้น พลางเงยหน้ามองอย่างสงสัย


    “ก็ไม่มีอะไรหรอก เห็นอย่างนี้ แฟนนายเสน่ห์แรงนะ สาวไหนเห็นก็หลงรักจนวิ่งตามเป็นพรวนขนาดนั้นแหละ”



    “แถไปเรื่อย”แจจุงพูดพลางตีอกอีกฝ่ายเบาๆ “ยังไม่อยากบอกก็ตามใจ แต่อย่าให้รู้นะว่าแอบไปมีใครที่ไหน”พูดจบไม่วายส่งตาดุๆมาด้วย



    “ดุจริงแฟนผม”ยุนโฮพูดยิ้มๆ แล้วก้มไปจูบอีกฝ่ายเนิ่นนาน ทั้งคู่แลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อน แม้จะคบกันมาได้สักพัก แม้จะนอนกอดกันทุกคืน แต่ร่างสูงก็ไม่เคยล่วงเกินร่างบางไปมากกว่าการจูบและโอบกอด ยังอยากถนอมเอาไว้


    ไม่ได้อยากจะปิดบัง เพียงแต่ตอนนี้ร่างบางก็เรื่องให้คิดมากพอแล้ว ไม่อยากเอาปัญหาเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มาให้ปวดหัวเข้าไปอีก ถึงจะต้องเลิกเป็นนักร้องเพื่อได้อยู่กับคนในอ้อมแขนนี้ 




    เขาก็ยอม.........



    พอปล่อยให้ริมฝีปากแดงระเรื่อของอีกฝ่ายเป็นอิสระ ร่างบางก็รีบหายใจเข้าเต็มปอดทันที ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



    “ทำไมนายจูบเก่งขึ้นขนาดนี้”ร่างบางบ่นเบาๆ แต่ร่างสูงก็ยังคงได้ยิน


    “มันเป็นความสามารถเฉพาะตัว ^_^”ร่างสูงตอบยิ้มๆ



     
    ในที่สุด ก็มาถึงวันที่พวกเขาจะต้องไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัด หลังจากที่ทุกคนเก็บข้าวของมาที่หน้าหอพัก เพราะชางมินนัดไว้ที่นี่



    “ทำไมเราไม่ไปขึ้นรถที่หน้าโรงเรียนล่ะ ต้องให้รถขับเข้ามารับเราอีกยุ่งยากจัง”จุนซูบ่นขึ้น


    “ก็พวกกลุ่มบีบอกว่ากลุ่มเรามีดาราดังไปด้วย ชั้นว่าจะถามนายอยู่พอดีเลยยูชอน นายไปเป็นดาราตั้งแต่เมื่อไหร่?”ชางมินถามขึ้น


    “บ้าสิ...ชั้นเคยเป็นดาราที่ไหนกัน?”ยูชอนปฏิเสธ


    รถตู้เข้ามาพอดี พร้อมกับที่กรรมการกลุ่มบีลงมาจากรถอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่สีหน้าของแต่ละคนดูเหนื่อยอ่อนชอบกล



    “เหนื่อยเป็นบ้าเลยยุนโฮ....เพราะนายทำให้เราต้องลำบากขนาดนี้”โซจินบ่นพลางเช็ดเหงื่อบนหน้า



    หา.....O[]O



    “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ”ชางมินถามอย่างสงสัย



    “ก็ยุนโฮทำให้เราต้องลำบากไง”


    “งั้นก็หมายความว่า ดาราที่ว่า....คือนายเหรอ?”ชางมินถามแล้วชี้ไปที่ยุนโฮ



    ฝั่งกรรมการกลุ่มเอตอนนี้เกิดอาการเอ๋อเหรอกันทุกคน รวมไปถึงโฮนาด้วย 



    ไม่นึกว่าเจ้านี่จะเป็นดาราดังไปได้



    “ใช่น่ะสิ พวกนายยังไม่รู้เหรอ นี่ไง”โซจินพูดแล้วดึงแว่นตาของยุนโฮออก แล้วปัดผมที่ลงมาปิดหน้าขึ้นไป



    “นายคนที่ร้องเพลงวันนั้น”จุนซูพูดแล้วชี้หน้ายุนโฮ


    “นายเป็นคนในรูปหน้าร้านซีดีนั่น”แจจุงพูดอย่างตกใจ


    “ขอโทษที่ไม่ได้บอก คือไม่อยากให้พวกนายต้องมาวุ่นวายเพราะชื่อเสียงของชั้น”ยุนโฮพูดพลางทำหน้าเศร้า


    “แต่ยังไงก็วุ่นอยู่ดี แล้วยิ่งนายไปสร้างข่าวอย่างวันนั้นอีก เดือดร้อนแน่พ่อคุณเอ๊ย....”โซจินพูดแล้วมองยุนโฮกับแจจุง



    “นี่ใช่คนข่าวปะเนี่ย”หญิงสาวถาม


    “ข่าวอะไรเหรอ”ร่างบางถามอย่างแปลกใจ



    “ก็ข่าวที่ว่า หญิงสาวนิรนามที่ควงยูโนวนักร้องหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ไปเที่ยวห้างดังแถวปูซาน”โซจินพูด “แต่ใครจะรู้เนี่ย ว่าหญิงสาวที่ว่าเป็นผู้ชาย”



    “ทำไมนายไม่บอกชั้นล่ะ ว่านายเป็นนักร้อง” แจจุงถามหลังจากที่พวกเขาขึ้นมานั่งรถตู้เรียบร้อยแล้ว ร่างบางเปิดม่านดูเห็นว่านอกรถนั้นมีกลุ่มนักเรียนเบียดกัน
    แออัด โดยไม่กลัวว่ารถจะชนเลยท่ามกลางเสียงกรี้ดที่ดังกระหึ่ม



    “นี่มันม๊อบย่อยๆเลยนะเนี่ย”ยูชอนพูด



    “ชั้นไม่อยากให้นายต้องมาคิดมากเรื่องพวกนี้ไง ถึงจะเป็นนักร้องหรือไม่ได้เป็นชั้นก็ยังเป็นยุนโฮของนายเสมอ”ร่างสูงพูดแล้วดึงร่างบางเข้ามากอดไว้ ท่ามกลางสายตาของทุกคนในรถตู้



    “อะ แฮ่ม....เบาหน่อยเพื่อน เบาหน่อย”ยูชอนพูด 



    ซึ่งตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างๆ คู่หวานของเรานี่เอง 
    ที่ร่างสูงอารมณ์เสียก็ไม่ใช่เพราะอะไร เป็นเพราะโลมาน้อยของเขานั่งอยู่ข้างหน้า(โดนจับแยกกันว่างั้น) กับชางมินและซีวอน 




    ที่ดูจะนั่งหน้าหงิกไม่ได้มีแค่คนเดียว ยังมีโฮนาอีกคน หลังจากที่พยายามจะนั่งกับซีวอนยังไง แต่ดูท่าชายหนุ่มจะไม่เล่นด้วยเลย หนีมานั่งกับชางมินและจุนซูจนได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า 


    “ผมมีธุระจะคุยกับชางมิน”


    หญิงสาวเลยได้ไปนั่งกับโซจินและชินดงไปโดยปริยาย แล้วดงแฮกับฮันกยองนั่งข้างหน้ากับคนขับ


    แม้ว่าเหตุผลของซีวอนจะเป็นอย่างนั้น แต่นั่งมาตั้งนานก็ไม่เห็นว่าจะพูดธุระอะไรสักที



    “ไหนนายว่ามีธุระจะคุยกับชั้นไง”ชางมินถาม



    “ผมลืมไปแล้ว”ร่างสูงเจ้าของลักยิ้มตอบกลับมาหน้าตาเฉย ชางมินได้แต่มองแล้วค้อนให้อีกหนึ่งที 



    การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอย่างยาวนาน เมื่อรถตู้คันน้อยออกจากโรงเรียนมาได้อย่างยากเย็น ผ่านไปได้สักพักทุกคนก็เริ่มหลับอย่างเหนื่อยอ่อน ล้มนอนระเนระนาด ยกเว้นเพียงคนสองคน



    คนแรกก็คือ    คนขับ (แหงอยู่แล้วถ้าคนนี้หลับก็ไม่ได้ไปค่ายแล้ว ไปนรกกันเลยดีกว่า)



    คนที่สอง...........ชายหนุ่มไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ในเมื่อความแค้นยังอยู่ในอก เขามองไปข้างหลังด้วยความอาฆาต


     
    ที่ค่ายนี่แหละ.......ที่จะเป็นที่ตายของพวกแก 

    ---------------------------------------------------------------------------------
    เป็นไงกันบ้างเอ่ย  ถูกใจกันบ้างมั้ย?  เขียนกุ๊กกิ๊กได้แค่นี้แหละ......แต่ก็จะมีมาให้ชื่นใจกันอยู่เรื่อยนะ.......

    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์......ยิ่งเม้นท์ยาวๆ  ยิ่งชอบ.......

    แล้วจะมาอัฟใหม่นะ........

    ตอนต่อไป   เข้าค่ายคราวนี้จะมีเหตุการณ์ระทึกใจอะไรบ้าง......ติดตามกันด้วยน้า...............^-^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×