ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เราไม่ต้องรักกัน....แต่ชั้นต้องรักเธอ
ตอนที่ 8
เราไม่ต้องรักกัน....แต่ชั้นต้องรักเธอ
ในถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน ที่ต่างเดินไปมาเพื่อทำธุระของตร ตามสภาพของเมืองกรุงที่มักปรากฏภาพเหล่านี้ให้เห็นจนชินตา
ภายในรถสีดำคันหรูที่จอดอยู่หน้าร้านตัดเสื้อชื่อดังในย่านนั้น มีร่างสูงของชายคนหนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยสีดำไม่ต่างกับสีรถ ช่วยขับให้ใบหน้าขาวนั้นเด่นชัดขึ้น รับกับคิ้วหนาและดวงตาคมที่เหม่อมองผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ภายนอก จนไม่รู้ว่าสายตานั้นมองอะไรอยู่กันแน่?
แต่สิ่งที่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเหลียวมองไม่ใช่ชายหนุ่มหน้าคมที่นั่งอยู่ภายในรถ เพราะรถนั้นติดฟิล์มสีทึบไว้จนมองไม่เห็นภายในรถแม้แต่น้อย แต่เป็นชายฉกรรจ์ชุดดำห้าหกคนที่ยืนอยู่รอบรถด้วยใบหน้าเคร่งขรึมนั่นต่างหาก ทำให้พวกเค้าต่างอยากรู้ว่า
บุคคลที่นั่งอยู่ภายในเป็นใครกันแน่? .....ถึงต้องมีคนคุ้มกันมากมายขนาดนี้
ชายหนุ่มในรถคันนั้นก็คือ ชอย ซีวอน หัวหน้าแก๊ง SUJU นั่นเอง ชายหนุ่มมองไปเรื่องๆ ดวงตาคมก็สะดุดกับรอยยิ้มสดใสของหนุ่มน้อยคนนึง ซึ่งกำลังยืนคุยกับเพื่อนอยู่ตรงหัวถนนไม่ไกลจากรถที่เค้านั่งอยู่นัก
รอยยิ้มนั่นช่างดูสดใสไม่แพ้ดวงตากลมโตที่ดูเป็นประกาย ดูไร้เดียงสาจนเค้าอดที่จะจ้องมองไม่ได้
เมื่อไหร่กันนะที่เค้าไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขแบบนั้น คงตั้งแต่ที่เค้าได้เห็นเพื่อนรักที่สุด เพื่อนที่เค้าไว้ใจ...ฆ่าพ่อของเค้าในบ้านของเค้าเอง ใช่แล้วมัน.....ยุนโฮ!
เมื่อก่อนเค้าและยุนโฮเป็นเพื่อนที่รักกันมาก รู้จักกันในมหาวิทยาลัย พูดคุยกันถูกคอจนสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ทั้งคู่ต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกเต้าเหล่าใคร อีกทั้งที่ทั้งคุ่ก็ไม่ได้คิดจะสนใจ เพราะความเป็นเพื่อนของพวกเค้าไม่เกี่ยวว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร รวยจนยังไง ทั้งคู่คบกันด้วยใจอย่างแท้จริง
แต่ดูเหมือนชะตากลั่นแกล้งคนทั้งคู่ เมื่อความเป็นเพื่อนไม่ได้อยู่ยาวนานอย่างที่คิด เมื่อวันหนึ่ง ซีวอนได้พายุนโฮไปที่บ้านของเค้า หรือคฤหาสดีๆ นี่เอง
เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!
ตอนนั้นซีวอนมัวแต่ไปที่ครัวเมื่อบอกแม่บ้านให้เตรียมของไปให้เค้าและเพื่อนที่ห้องรับแขก โดยทิ้งเพื่อนรักเอาไว้เพียงลำพัง
‘ป้าครับ ช่วยเตรียมของว่างให้ผมกับเพื่อนหน่อยนะครับ ที่ห้องรับแขก’ ซีวอนในวัยเยาว์พูดยิ้มๆ พลางเดินไปกอดแม่บ้านที่เลี้ยงเค้ามาจนโตอย่างออดอ้อน
‘ได้สิค่ะ เดี๋ยวป้าเตรียมอาหารให้คุณผู้ชายเสร็จแล้ว จะเตรียมของว่างให้นะค่ะ’หญิงวัยกลางคนบอกพลางยิ้มอย่างใจดี
‘คุณพ่ออยู่บ้านด้วยเหรอเนี่ย? ดีเลยผมจะได้แนะนำยุนโฮให้พ่อรู้จัก’ซีวอนพูดอย่างดีใจ และแล้วเสียงที่แทบจะกระชากหัวใจของเค้าออกมาจากร่างก็ดังขึ้น
เปรี้ยง !
เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
เสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัด และตามมาอีกสองนัดติดๆ กัน ซีวอนและแม่บ้านวัยกลางคนรีบวิ่งออกมาจากห้องไปที่ต้นเสียงทันที ซึ่งก็คือห้องรับแขกที่ยุนโฮอยู่นั่นเอง
ระหว่างทางชายหนุ่มพบเหล่าลูกน้องของผู้เป็นพ่อวิ่งตามมา เพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องรับแขกกันแน่!
เมื่อไปถึงที่ห้องรับแขก ภาพที่ปรากฎตรงหน้า ราวกับมีตะปูมาตรึงขาซีวอนไว้จนแทบก้าวไม่ออก
ภาพที่ยุนโฮกำลังประคองร่างของพ่อเค้าที่นอนจมกองเลือดอยู่ โดยมีปืนตกอยู่ข้างๆตัว
‘ชั้นเปล่านะ’ยุนโฮปฏิเสธเสียงเบาราวกับกระซิบ มองซีวอนที่ยืนนิ่งไม่รับรู้อะไรแล้วในเวลานี้
‘แกฆ่านายท่าน จับตัวมันไว้’เสียงของจีฮวานลูกน้องคนสนิทของพ่อซีวอนดังขึ้น ทำให้เหล่าชายชุดดำทำท่าจะกรูเข้าไปจับยุนโฮ
ยุนโฮรีบคว้าปืนขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปล๊อกคอซีวอนที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
‘อย่าเข้ามานะ ชั้นไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ชั้นถูกใส่ร้าย’ยุนโฮพูดพลางกวาดปืนใส่เหล่าชายชุดดำที่ทำท่าจะบุกเข้ามา แต่ประโยคหลังเหมือนจะพูดกับคนที่เค้าจับตัวอยู่มากกว่า
ยุนโฮเอาปืนจ่อที่หัวของซีวอนไว้เพื่อเป็นตัวประกัน แล้วลากร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่าย เดินออกไปจนถึงประตูรั้วด้านนอก
พอดีกับที่แท็กซี่คันหนึ่งวิ่งเข้ามาพอดี ยุนโฮจึงรีบเรียกไว้
‘ชั้นอยากให้นายเข้าใจ ชั้นถูกใส่ร้าย ชั้นไม่ได้ทำ’ยุนโฮพูดทิ้งท้ายกับเพื่อนรักแล้วปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระก่อนที่จะรีบหนีขึ้นรถแท็กซี่ไป
เวลานั้น ซีวอนแทบจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น จนเวลาล่วงเลยมาถึงงานศพของพ่อเค้าที่ผู้คนต่างมาร่วมงานไว้อาลัยอย่างล้นหลาม ทั้งคนรู้จัก ญาติสนิท และเหล่าลูกน้องในแก๊ง เค้าก็ได้รับรู้ว่าเพื่อนที่เค้าหลงไว้ใจนั้นเป็นลูกชายของแก๊งคู่อริของพ่อเค้านั่นเอง
‘ได้ข่าวว่า ที่ท่านตายเป็นเพราะลูกชายพาศัตรูเข้าไปฆ่าท่านถึงที่เลยนี่’เสียงคนนึงพูดในงาน
‘ใช่...เห็นเค้าว่าเจ้าตัวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกศัตรู’อีกคนกระซิบต่อทันที
‘อย่างนี้คุณท่านก็ตายเพราะความโง่ของลูกชายน่ะสิ’
‘ใช่’
‘ไม่น่าเชื่อว่า คนเก่งและฉลาดอย่างท่าน จะต้องมาตามเพราะความโง่เง่าของลูกชายตัวเอง’
แม้คนเหล่าจะพยายามกระซิบคุยกันให้เบาอย่างไร แต่ทุกถ้อยคำกลับเจ้าหูของซีวอน มันดังเจ้าไปถึงใจเลยทีเดียว จนหัวใจที่เคยเป็นสีแดงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ
ด้วยความแค้นในความโง่ของตัวเอง และเพื่อนทรยศหักหลังอย่าง...ยุนโฮ!
พ่อครับ ผมขอโทษที่ทำให้พ่อต้องตาย ผมสัญญาผมจะแก้แค้นแทนพ่อให้ได้
ชั้นจะไม่มีวันปล่อยแกไป....แกจะต้องตายตามพ่อชั้นไป...ชอง ยุนโฮ!
หลังจากนั้น คดีพ่อของซีวอนก็เงียบไปโดยไร้เหตุผล อาจเป็นเพราะเส้นสายของพ่อยุนโฮ ทำให้คดีเงียบไปอย่างไม่มีบทสรุป และตัวยุนโฮเองก็หนีไปเรียนต่อที่เมืองนอกทันที่
ถึงตำรวจจะปล่อยแกไป แต่ชั้น...ชอย ซีวอน ไม่มีวันปล่อยแกไปแน่
หลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตลง และตัวของซีวอนเองก็เด็กเกินกว่าที่จะรับช่วงต่อได้ หน้าที่ดูแลแก๊งจึงเป็นเป็นหน้าที่ของจีฮวานคนสนิทของพ่อซีวอนไปโดยปริยาย
หลายปีต่อมา จากเด็กหนุ่มก็กลับกลายเป็นหนุ่มใหญ่มากความสามารถ ซีวอนกลับเข้ามาดูแลแก๊งอีกครั้ง เป็นช่วงเดียวกับที่จีฮวายล้มป่วยจนถึงกับชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นลูกชายเพียงคนเดียวของชายผู้นี้ ที่ไปเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องกับพ่อของซีวอน ก็ไม่ยอมกลับมาดูใจผู้เป็นพ่อในนาทีสุดท้าย ไม่ว่าซีวอนจะพยายามให้คนตามหายังไงก็ไม่พบ ราวกับคนๆ นี้ ได้หายเข้าไปในกรีบเมฆไปแล้ว ไร้ล่องลอย...ไร้วี่แวว
ซีวอนจึงเป็นผู้จับงานศพให้จีฮวานอย่างสมเกียรติ ในฐานะคนสนิทของพ่อและยังเป็นผู้มีพระคุณที่คอยดูแลแก๊งแทนเค้าในช่วงที่ไปเล่าเรียน
“มองอะไรอยู่เหรอฮะ?”เสียงหวานของฮีซอลทักขึ้น พร้อมกับแขนเรียวบางที่เข้ามาคล้องแขนของชายหนุ่มไว้ ทำให้ซีวอนได้สติหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด
“ไม่มีอะไรหรอก”ตอบเรียบๆ พลางยิ้มที่มุมปาก แต่ดวงตาคมยังไม่ละจากเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างนอกนั่น จนฮีซอลอดที่จะชะเง้อมมองตามไม่ได้ ด้วยความอยากรู้
“นายทำธุระเสร็จแล้วเหรอ?”อยู่ๆ ร่างสูงก็หันมาถาม จนฮีวอลต้องรีบหันมามองหน้าชายหนุ่มทันที ด้วยกลัวว่าซีวอนจะรู้ว่าเค้ามองตาม แล้วรีบพยักหน้ารับแทนคำตอบ
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า นายอยากกินอะไรล่ะ?”ซีวอนยังคงถามเสียงเรียบ
“แล้วแต่คุณแล้วกัน ผมกินอะไรก็ได้ ขอแค่มีคุณ”ฮีซอลว่าพลางเอนไปซบอกกว้างอย่างออดอ้อน
ซีวอนยิ้มให้กับท่าทางอ้อนๆ นั้น แล้วหันไปมองเด็กหนุ่มยิ้มหวานที่ตอนนี้เดินมายืนอยู่กลับร่างสูงอีกคนก่อนที่จะสั่งให้คนขับออกรถ
ฮีซอลทนความอยากรู้ไม่ไหว ว่าร่างสูงมองอะไรอยู่กันแน่? ถึงได้มีสายตาอ่อนโยนขนาดนั้น ดวงตากลมสวยเหลือบมองตามโดยไม่ให้ร่างสูงรู้ตัว ก็เห็นใบหน้าคมที่คุ้นตากำลังมองมาที่เค้าอยู่เช่นกัน รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออก ข้างๆ กันนั้นมีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักยืนอยู่ พอสบกับดวงตาคมที่มองมาอย่างอ้างว้างและห่วงหา แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอย่างประหลาดนั้น ฮีซอลก็อดที่จะร้อนวูบที่ใบหน้าไม่ได้ จนต้องก้มหลบตาที่สื่อความหมายมากมายนั้น
รถยนต์คันงามเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ โดยมีสายตาคู่นึงมองตามไปจนลับสายตา
“หมอฮัน มองอะไรอยู่เหรอครับ?”ชางมินที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ หมอหนุ่ม ทักคนที่ยืนเหม่ออย่างแปลกใจ
“อ้อ...เปล่าหรอก มาตรวจเหรอ? งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ”ฮันกยองพูดราวกับ
พยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา แล้วเดินนำเด็กหนุ่มเข้าไปในคลีนิก
พยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา แล้วเดินนำเด็กหนุ่มเข้าไปในคลีนิก
ชางมินมองตามอย่างสงสัย ดวงหน้าเรียวหันกลับไปมองถนนว่างเปล่าที่เคยมีรถสีดำคันหรูจอดอยู่อย่างแปลกใจ เมื่อกี้รู้สึกเหมือนมีใครมองเราอยู่รึเปล่านะ?
คิดแล้วหนุ่มน้อยก็สะบัดหัวไปมาสองสามทีราวกับจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้ง แล้วเดินฮันกยองไป
ฮันกยองเดินเข้ามาในคลีนิก ดวงตาคมเหลือบเห็นตุ๊กตาไม้ที่ตั้งโชว์อยู่ในตู้ ทำให้ร่างสูงหยุดมองอีกครั้ง
เมื่อกี้นายใช่มั้ย?....ฮีซอล ต้องเป็นนายแน่ๆ ชั้นไม่มีวันจำนายผิด นายคงมีความสุขดี
ชั้นดูจากรอยยิ้มของนายชั้นก็รู้ว่า...นายกำลังมีความสุข ถึงแม้ว่าตอนนี้นายจะไม่มีชั้นก็ตาม......
ชั้นดีใจที่นายได้เจอคนที่รัก...คนๆ นั้น...ในรถนั่น
ชั้นดีใจจริงๆ ทีได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของนายอีก
แม้ว่ามันจะไม่ได้มีให้ชั้นตาม...............
ร่างสูงยืนยิ้มให้กับตุ๊กตาไม้ในตู้ราวกับว่าเห็นมันเป็นหน้าของใครอีกคนที่ไม่เคยเลือนไปจากใจ
ชั้นเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำ....ไร้ก้านใบ
แต่เธอเหมือนดอกไม้ที่สดใส......ทุกยาม
ชั้นเหมือนก้อนดินที่ด่างพร้อยและต้อยต่ำ
แต่เธอเหมือนเมฆงามที่อยู่สูง.....เกินคว้า
กับคนไม่สำคัญ....เธอ....สำคัญกว่าฟ้า.......กว่าใครบนโลกนี้
เธอเป็นดั่งสายผน...ของคนอ่อนไหว
เธอเป็นลมหายใจที่ชั้นต้องมี....เป็นที่สุดสิ่งดีๆ ที่เจอ....
พอใจแค่ได้รัก...รักเธอเท่านั้น
เราไม่ต้องรักกัน...แต่ชั้นต้องรักเธอ
รู้ตัวอยู่เสมอ....หัวใจที่ซ่อนเล้น เต้นได้อยู่....ก็เพราะเธอ
หลงเหลืออยู่กี่วันนับจากนี้....ไม่เป็นไร
ก็จะรัก....จะให้ให้หมดทุกนาที
พรุ่งนี้ต้องเป็นวันสุดท้ายก็ยังดี
แค่วันนี้...พบเธอมันก็คุ้มหนักหนา
แค่วันนี้...พบเธอมันก็คุ้มหนักหนา
กับคนไม่สำคัญ....เธอ....สำคัญกว่าฟ้า.......กว่าใครบนโลกนี้
เธอเป็นดั่งสายผน...ของคนอ่อนไหว
เธอเป็นลมหายใจที่ชั้นต้องมี....เป็นที่สุดสิ่งดีๆ ที่เจอ....
พอใจแค่ได้รัก...รักเธอเท่านั้น
เราไม่ต้องรักกัน...แต่ชั้นต้องรักเธอ
รู้ตัวอยู่เสมอ....หัวใจที่ซ่อนเล้น เต้นได้อยู่....ก็เพราะเธอ
ทุกวันที่โหดร้าย...ชั้นหายใจ...ได้เพราะเธอ
“หมอฮัน...หมอครับ...หมอ”เสียงของชางมินดังขึ้น พร้อมกับแรงสะกิดที่แขน ทำให้ฮันกยองได้สติหันไปมองคนทักอย่างตกใจ
“อะ...อะไรเหรอ?ชางมิน”
“วันนี้หมอดูเหม่อๆ ลอยๆ ชอบกลนะครับ ไม่สบายรึเปล่า?”เด็กหนุ่มถาอย่างเป็นห่วง
“เปล่าหรอก มาดูซิอาการเป็นยังไงบ้างช่วงนี้”ฮันกยองตอบยิ้มๆ แล้วพาชางมินเข้าไปตรวจร่างกายพร้อมกับฉีดยาให้ตามปกติ
“เอ้อ..ชางมิน รู้รึเปล่าว่า คุณดองวุคเค้าจัดทัวร์ไปชุงชอง ให้คนในหมู่บ้านได้ไปเที่ยวฟรี นายลองชวนแจจุงไปสิ”ฮันกยองพูดขึ้นขณะฉีดยาให้เด็กหนุ่ม
ชางมินที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตาเป็นประกายทันที “แล้วคุณหมอไปรึเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มถาม
“ชั้นคงไม่ไปหรอก อยากอยู่ที่คลีนิกมากกว่า”ร่างสูงพูดพลางเดินไปจัดยาให้หนุ่มน้อย
“ไม่ใช่ว่าหมอรอเจอคนๆนั้นของหมอหรอกเหรอ?”ชางมินถามพลางยิ้มทะเล้น แต่พอเห็นใบหน้าหมอหนุ่มดูหมองลงทันที ก็รีบแก้คำพูดทันที
“หมอห่วงคลีนิก แล้วหมอไม่ห่วงผมมั่งเหรอ ถ้าเกิดผมเป็นอะไรขึ้นมาที่นู่นล่ะ”ชางมินพูดพลางทำแก้มป่องอย่างงอนๆ จนฮันกยองหันมายิ้มให้กับท่าทางงอนตุ๊บป่องนั้น
“ก็ได้ๆ ถ้านายไป หมอก็จะไป หายงอนได้ยัง?”ร่างสูงว่ายิ้มๆ พลางลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ซึ่งชางมินก็ยิ้มรับทันที
เค้าพอจะดูออกว่า วันนี้ฮันกยองดูเศร้าผิดปกติ มันอาจจะเป็นเรื่องของเจ้าของตุ๊กตาไม้ตัวนั้นก็เป็นได้ เลยอยากให้อีกฝ่ายได้ไปเที่ยวผ่อนคลายบ้าง
ชางมินกลับมาที่ร้านในตอนเย็น ก็พบว่าลีทึก และคังอินมาที่ร้าน และตอนนี้ดูเหมือนทุกคนกำลังพูดกันเรื่องไปเที่ยวที่ชุงชองอยู่ด้วย
“ไปเถอะ...แจจุง ใช่ว่าจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวไกลๆ อย่างนี้ฟรีบ่อยๆนะ”ลีทึกว่า เดินเข้าไปยืนตรงหน้าแจจุงที่ทำเป็นก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่บนเคาเตอร์ ซึ่งทุกคนในที่นั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลีทึก
“ถ้าไป ก็ต้องปิดร้านตั้งหลายวัน พี่ก็รู้ ช่วงนี้ที่ร้าน กำลังมีปัญหากับนักเลงพวกนั้น ทุนหายกำไรหดไปหลายบาทแล้ว”แจจุงว่าน้ำเสียงเจือแววหนักใจ
“แค่ไม่กี่วัน ร้านนายไม่ถึงกับเจ๊งหรอก ถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน นายเอาของพี่ไปก่อนก็ได้ พี่พอมีเงินเก็บ”ลีทึกเสนอ ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“น่า...นายน่าจะไปเที่ยวคลายเครียดบ้างนะ พี่อยากเห็นนายมีความสุขกว่านี้นะ”คราวนี้เจ้าของร้านดอกไม้ทำเสียงเศร้าจนแจจุงเริ่มทำหน้าลำบากใจ
“จริงด้วยครับ ผมเองก็อยากไป พี่แจจุงไม่ไปเหรอ?”ชางมินที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ เดินเข้ามาพูดแก้สถานการณ์ที่ดูย่ำแย่
“นายก็อยากไปเหรอ?”แจจุงหันมาถามน้องชาย ชางมินพยักหน้ารับทันที
“ผมได้ยินมาจากหมอฮัน ว่าจะมาชวนพี่อยู่พอดี ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยไปชุงชองเลย ผมอยากไปสักครั้ง นะพี่แจจุง ไปกับผมเถอะ ถ้าพี่ไม่ไปแล้วผมจะไปกับใคร”ชางมินพูดพลางเกาะแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน
แจจุงเหลือบมองหน้าน้องชายก่อนจะถอนใจ แล้วพยักหน้าตกใจ
“ก็ได้ แล้วแต่นาย ยังไงพี่ก็ให้นายไปคนเดียวไม่ได้หรอก”
แค่นั้นแหละ ทุกคนในที่นั้นต่างพากันไชโยอย่างดีใจ ยูโนวถึงกับเดินไปกอดชางมินจนหันไปเห็นสายตาเชือดเฉือนจากคนสวย จึงรีบปล่อยหนุ่มน้อยทันที รยอวุคมองท่าทางของยูโนวกับแจจุงก็เผยรอยยิ้มออกมา จนหันไปเห็นสายตาคมของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าก็มลายหายไปทันที เยซองได้แต่มองท่าทางนั้นอย่างงุนงง
ในที่สุด วันเดินทางไปชุงชองก็มาถึง ทุกคนขนกระเป๋ามาที่รถบัสที่จอดอยู่หน้าบ้านดองวุคอย่างตื่นเต้น เรียกได้ว่าขนมากันเกือบทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว พอดองวุคหันมาเห็นพวกของแจจุงก็เดินยิ้มเข้ามาทักทันที
“พี่ดีใจนะ..ที่แจจุงไปด้วย”แจจุงเพียงแต่ยิ้มรับคำทักทายนั้น
“แจจุงนั่งกับพี่นะครับ”ดองวุคพูดต่อ โดยไม่รอคำตอบจากร่างบางก็คว้ากระเป๋าในมืออีกฝ่ายมาถือไว้ แล้วจูงมือคนสวยไป ไม่สนใจสายตาอาฆาตจากร่างสูงที่ยืนมองอยู่ข้างหลัง
“โดนแซงหน้าไปซะแล้ว....พี่ยูโนว”ชางมินแซวยิ้มๆ แล้วเดินขึ้นรถไปกับซองมิน
“ถ้ายังไงนั่งกับหมอก็ได้นะ”ฮันกยองหันมาพูดกับยูโนว ที่ยังยืนมองแจจุงกับดองวุคที่ขึ้นไปนั่งคู่กันบนรถเรียบร้อยแล้ว
“ครับ”ตอบรับสั้นๆ ใบหน้าคมยังงองุ้มอย่างไม่พอใจ จนฮันกยองอดยิ้มขำไม่ได้
“งั้นนายนั่งกับชั้นนะ”เยซองหันไปพูดกับรยอวุคที่ยืนมองคู่ยูโนวอยู่
“ทำไมชั้นต้องนั่งกับนายด้วย”รยอวุคหันมาถามหน้าบึ้ง
“ก็คนอื่นเค้านั่งคู่กันหมดแล้วนี่”เยซองพูดยิ้มๆ พยักหน้าไปทางคู่ลีทึกกับคังอิน ซึ่งต้องนั่งด้วยกันอยู่แล้ว
รยอวุคมองตามก็ได้แต่เดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถไปอย่างไม่พอใจ แต่ปากเรียวกับแอบยิ้มไม่ให้ร่างสูงรู้ตัว แต่รอยยิ้มนั้นไม่สามารถหลบสายตาคมของยูโนวไปได้ ร่างสูงจึงส่งยิ้มกลับมาอย่างรู้ทัน จนใบหน้าเนียนร้อนวูบเหมือนถูกจับได้
เยซองมองท่าทางของทั้งสองคนอย่างแปลกใจ เค้าเฝ้าสังเกตุสองคนนี้มานานแล้ว รยอวุคมักแอบมองยูโนวเสมอ แถมเวลาคุยกับยูโนวก็ดูจะสดใสผิดปกติ ยิ่งระยะหลังๆ มานี่ร่างบางทำท่าที่ปั้นปึงกับเค้าอย่างไม่มีเหตุผม ยิ่งทำให้เค้าแน่ใจว่าอาจเป็นเราเพราะรยอวุคคิดว่าเค้าอาจจะรับไม่ได้ ถ้ารู้ว่าตัวรยอวุคนั้นเป็นเกย์และหลงรักยูโนวอยู่!
เยซองอยากบอกให้รยอวุครู้ไว้เลยว่า ไม่ว่ายังไงรยอวุคก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเค้าเสมอ....แม้ว่าในใจลึกๆ เค้าไม่อยากให้รยอวุคมีใครก็เถอะ
“นายอยากนั่งกับพี่ยูโนวมั้ย? เดี๋ยวชั้นไปนั่งกับหมอฮันเอง”เยซองถามเมื่อเดินมานั่งข้างๆ ร่างบาง
“ไม่ต้องหรอก”รยอวุคปฏิเสธเรียบๆ ในใจก็นึกแปลกใจ เยซองนึกยังไงถึงคิดว่าเค้าอยากนั่งกับพี่ยูโนวกัน
รยอวุคลืมปฏิเสธไปว่าไม่ได้อยากนั่งกับยูโนว บอกแต่เพียงว่าไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอก ทำให้คนฟังยิ่งเข้าใจผิดไปอีก
“พี่ดองวุด นึกยังไงจัดทัวร์นี้ขึ้นมาครับ”แจจุงถามขึ้นเมื่อรถเริ่มออกตัวมาได้ระยะ
“พอดีว่า บริษัทส่งออกที่พ่อพี่สร้างขึ้นมา ทั้งพี่และแม่ไม่มีความรู้และดูแลไม่ได้
ตั้งแต่พ่อจากไป เลยทำสัญญาร่วมกับบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง คล้ายๆ ขายให้เค้าน่ะนะ แต่ยังยังถือหุ้นของเราอยู่ ได้เงินมาพี่เลยขอแม่ให้จัดทัวร์นี้ขึ้นมา เพราะคิดว่า....”
ตั้งแต่พ่อจากไป เลยทำสัญญาร่วมกับบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง คล้ายๆ ขายให้เค้าน่ะนะ แต่ยังยังถือหุ้นของเราอยู่ ได้เงินมาพี่เลยขอแม่ให้จัดทัวร์นี้ขึ้นมา เพราะคิดว่า....”
นี่อาจเป็นโอกาสที่พี่ได้มาเที่ยวกับแจจุง ก่อนที่พี่จะ....
ดองวุคพูด แต่ไม่สามารถพูดประโยคหลังได้อย่างใจคิด พอนึกถึงข้อตกลงของเค้ากับแม่แล้วใบหน้าคมก็เริ่มหมองลง
‘ถึงเราจะขายให้เค้าดูแล แต่แม่ทำสัญญาไว้ว่า แกจะต้องมีส่วนร่วมในการบริหาร ต่อจากนี้แกไม่ต้องมาดูแลเรื่องหมู่บ้านนี่อีก แม่จะจัดการเอง ส่วนแกไปดูแลศึกษางานกับผู้บริหารของบริษัทใหญ่ ที่กำลังเดินทางมาจากอเมริกา’
‘แต่แม่ครับ..’
‘ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แกต้องทำตามที่แม่สั่ง แกจะได้เลิกยุ่งกับเจ้าของร้านอาหารนั่นสักที’
ใช่แล้ว แม่ของเค้าไม่ชอบให้เค้าไปยุ่งกับแจจุง แม่ของเค้าหวังเสมอว่า เค้าจะได้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆ ที่มีฐานะพอกัน แต่เค้าก็ดื้อแด่งมาตลอด
‘ได้ครับ ผมจะทำตามที่แม่สั่ง แต่ผมขอ...’ แล้วทัวร์ครั้งนี้ก็เกิดขึ้น
“ดีจังเลยนะครับ อยู่ดีๆ ก็มีคนเสนอตัวเข้ามาดูแลบริษัทให้”แจจุงพูดพลางยิ้มหวาน ดองวุคยิ้มรับทันที
ยูโนวที่นั่งอยู่เบาะหลัง มองทั้งคู่อย่างหงุดหงิด
ชิ...คุยอะไรกันถึงได้ยิ้มหวานกันซะขนาดนั้น
การเดินทางชุงชองใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็มาถึงที่พัก ซึ่งดองวุคได้จองไว้แล้ว หลังจากที่ถกเถียงกันอยู่นาน ว่าใครจะนอนกับใคร สุดท้ายก็ได้ผลสรุปว่า
แจจุงนอนกับลีทึก ชางมินนอนกับซองมิน และรยอวุคที่ยังไงก็ไม่ยอมนอนกับเยซองเด็ดขาด ยูโนวนอนกับฮันกยอง คังอินนอนกับเยซองไปโดยปริยาย และดองวุคที่ได้นอนคนเดียวเพราะเป็นเจ้าของทัวร์ ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันเข้าห้องพักของตน
ช่วงบ่าย คณะทัวร์ก็พามาที่ตลาดพื้นเมืองของชุงชอง ของที่ระลึกมากมายหลากหลายต่างแข่งกันอวดโฉมแสดงเอกลักษณ์ของสถานที่ ให้นักท่องเที่ยวได้ตระการตา และพากันจับจ่ายซื้อของโดยไม่เสียดายเงิน
ยูโนวยังคงเดินตามเจ้าของร้านคนสวย ที่เดินดูไป หัวร่อต่อกระซิกอยู่กับดองวุคอย่างหงุดหงิด โดยที่คังอินและลีทึกรวมทั้งซองมิน ชางมินและฮันกยอง ก็ต่างพากันแยกย้ายไปดูของตามที่ตัวเองสนใจ จนทนดูภาพบาดตาไม่ไหว ร่างสูงหันไปมองร้านขายเครื่องประดับที่ตั้งอยู่ข้างๆ ก็สะดุดตากับสร้อยเงินเส้นเล็กประดับด้วยจี้หินสีดำมันวาวเส้นหนึ่งเข้า ร่างสูงหยุดมองอย่างสนใจ ถ้าสร้อยเส้นนี้อยู่บนคอขาวๆ ของใครคนนึงคงจะตัดกับสีหินนี่ดีแท้
“สนใจสร้อยนี่หรือจ๊ะ? ตาถึงจริงๆ หินนี้เค้าว่ากันว่า ถ้าได้ให้กับคนรัก จะทำให้ได้อยู่ครองคู่กันตลอดไป”เจ้าของร้านที่เห็นร่างสูงหยุดดู รีบเข้ามาอธิบายสรรพคุณทันที
“ไม่แพงเลยนะ สำหรับให้แฟนเป็นที่ระลึก”
“เท่าไหร่เหรอคับ?”ยูโนวถาม
“เส้นละ พันสองเท่านั้นเอง”คนขายพูดพลางยิ้ม
ตอนนี้ยูโนวอ้าปากหวอไปเรียบร้อยแล้ว มือที่ทำท่าจะแตะสร้อยชักกลับอย่างไว
“แต่ถ้าคุณสนใจ เจ๊ลดให้ก็ได้นะ”คนขายเห็นท่าทางของชายหนุ่มรีบพูดต่อทันที
“เหลือสองร้อยได้มั้ย? ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีแค่ห้าร้อยเอง”ร่างสูงพูดพลางหยิบเงินให้คนขายดู แถมด้วยเอากระเป๋าออกมาเทให้อีกด้วย
“จากพันสองหรือสองร้อยเนี่ยนะ ต่ออย่างกับพวกแขก”คนขายบ่น แต่พอเห็นว่าร่างสูงทำท่าเสียใจเดินคอตกออกไป จึงคว้าแขนไว้
“เอาเหอะ ขายให้ก็ได้ เห็นแก่หน้าตานะเนี่ย ถ้าไม่หล่อเจ๊ไม่ขายให้นะ ราคาเนี้ย”
ยูโนวหันมามองคนขายตาเป็นประกาย แล้วรีบซื้อทันที ก่อนที่จะเดินตามร่างบางไปอีกครั้ง
-----------------------------------------------------------------------
มาอัฟให้แล้วจ้า.........................ตามที่บอก
คู่ฮันซินอาจจะออกน้อยไปนิด.....อย่างอนเน้อ.....................
มันยังไม่ถึงเวลาที่พวกเค้าจะได้พบกัน
ตอนนี้อาจจะย้อนอดีตมากสักหน่อย......คงไม่ว่ากัน
ถ้าจะว่าก็มาทางคอมเม้นแล้วกันนะ
อยากอ่านม๊าก...มาก
(แม้ว่ามันจะเป็นคำด่าก็เถอะ....ล้อเล่นนะ^-^)
-----------------------------------------------------------------------
มาอัฟให้แล้วจ้า.........................ตามที่บอก
คู่ฮันซินอาจจะออกน้อยไปนิด.....อย่างอนเน้อ.....................
มันยังไม่ถึงเวลาที่พวกเค้าจะได้พบกัน
ตอนนี้อาจจะย้อนอดีตมากสักหน่อย......คงไม่ว่ากัน
ถ้าจะว่าก็มาทางคอมเม้นแล้วกันนะ
อยากอ่านม๊าก...มาก
(แม้ว่ามันจะเป็นคำด่าก็เถอะ....ล้อเล่นนะ^-^)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น