ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สะดุดรักนายมาเฟีย [Fic TVXQ+SUJU]

    ลำดับตอนที่ #8 : หอมแล้วก็....อุ้ม ปิดท้ายด้วย....จูบ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 52


    ตอนที่ 7 
    หอมแล้วก็....อุ้ม ปิดท้ายด้วย....จูบ


     
    รุ่งเช้า

     
    แจจุงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก เปลือกตาดูเหมือนจะหนักผิดปกติจนแทบยกไม่ขึ้น อาจเป็นเพราะเมื่อนอนดึกเกินไป แต่พอลืมตาขึ้นมาภาพดวงตาคมของอีกคนที่อยู่ใกล้ชนิดที่หน้าแทบจะแนบกันอยู่แล้ว แถมจมูกและหน้าผากยังชนกันจนรับรู้ถึงไออุ่นจากอีกฝ่าย


    ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นอะไรชัดเจน ความง่วงที่เคยมีหายไปเป็นปลิดทิ้ง มือเรียวยกขึ้นตบบ้องหูอีกฝ่ายอย่างแรงจนร่างหนาล้มลงไปนอนร้องครวญครางกับพื้น


    ทำบ้าอะไรของนาย?ถามออกไปอย่างโมโห ใบหน้าขาวแดงเรื่อขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ มือบางถูกยกขึ้นมาทาบอกที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหหรืออะไรกันแน่?

    โอ๊ย....เจ็บเป็นบ้าเลย มือหนักชะมัด ผมก็แค่เห็นว่าคุณยังไม่ตื่น ทั้งๆ ที่ปกติออกจะตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ก็หลงเป็นห่วงนึกว่าไม่สบาย เลยจะวัดไข้ แค่นี้เองไม่เห็นต้องมาทำร้ายกันเลยพ่นพลางทำแก้มป่อง เอามือจับหัวเหมือนเด็ก

    ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ตื่นมาเห็นหน้านายใกล้ซะขนาดนั้น แล้วไอ้วิธีวัดไข้เนี่ยใช้มือไม่ได้รึไง?พูดเสียงดังพลางลุกเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ใบหน้าหวานยังคงไม่หายแดง

    พอแจจุงลงมาข้างล่างก็พบว่าชางมินออกไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรยอวุคและเยซองที่ดูหายดีแล้วจัดโต๊ะกันอยู่ และดูเหมือนจะเถียงกันไปด้วย

    นายยังไม่บอกชั้นเลยนะ ว่าทำไมเมื่อเช้าถึงไม่รอชั้นเหมือนทุกวัน หนีมาคนเดียวอย่างนี้เยซองถามพลางมองรยอวุคอย่างคาดคั้น แต่มือก็ยังคงจัดโต๊ะทำหน้าที่ของตนต่อไป


    ชั้นรีบตอบสั้นๆ โดยไม่มองหน้าคนถามที่เหมือนจะควันออกหูแล้ว มือบางยังคงเก็บกวาดร้านใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีรอยยิ้มเหมือนทุกวัน แล้วเหลือบไปเห็นเจ้าของร้านที่เดินลงมาพร้อมร่างสูงอีกคน


    สวัดดีครับพี่แจจุง พี่ยุนโฮใบหน้าเนียนมองทั้งสอง เผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามร่างสูงข้างๆ นี่เพียงลำพัง

    แจจุงเพียงพยักหน้ารับยิ้มๆ แกล้วเดินไปเช็คของที่ครัวทันที ยูโนวจึงเดินเจ้าไปหาคนทัก


    เป็นไง? บรรยากาศแปลกๆ ทะเลาะกันเหรอ?ร่างสูงถามเสียงเบาด้วยกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน พลางพยักหน้าไปทางเยซองที่จัดโต๊ะอยู่


    เปล่าหรอกครับ แค่เมื่อเช้าปมมาที่นี่ก่อนโดยไม่รอเค้าแค่นั้นเอง ผมมาคิดดูแล้ว ที่พี่พูดมาก็ถูก ผมทนดูเค้าอยู่กับคนอื่นไม่ไหวแล้ว ผมจะตีตัวออกห่างมาเอง ถ้าผมมีความสำคัญกับเค้าบ้าง เค้าคงหันมาสนใจความรู้สึกของผมมากกว่านี้รยอวุคพูดเสียงเบาพลางเหลือบไปมองเยซองที่มองมาที่ทั้งสองเช่นกัน ดวงตาเรียวหมองลงทันทีแล้วสูดหายใจเข้าลึก เหมือนจะพยายามไม่ให้เสียงสั่นและน้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาตอนนี้ แล้วพูดต่อ


    ถ้าเค้าไม่ได้รู้สึกอะไรเลย   ผมจะได้ทำใจและถึงเวลาที่ต้องจากเค้าไปสักที มันเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจครั้งสุดท้ายของผมร่างบางพูดต่อเสียงเศร้า ก้มหน้าแอบเช็ดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ จนคนฟังอดที่จะเอื้อมไปบีบไหล่บางนั้นอย่างให้กำลังใจ

    สู้เค้า รยอวุค อย่าลืมว่าพี่และทุกคนคอยเชียร์นายอยู่ อย่าเพิ่งท้อแท้สิยูโนวพูดพลางยิ้มให้กำลังใจอีกฝ่าย รยอวุคเงยหน้ามองร่างสูงรอยยิ้มและคำพูดนั้นเป็นเหมือนพลังที่ช่วยให้เค้าเข้มแข็งขึ้น ร่างเล็กพยักหน้าตอบดวงตาฉายแววมุ่งมั่น


    ต่อจากนี้....เค้าจะไม่ยอมเจ็บซ้ำไปซ้ำมาอยู่คนเดียวอีกแล้ว...เค้ายังมีพี่ชายอย่างยูโนวอยู่ เค้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เค้าเจ็บ แม้มันอาจจะรุนแรงจนเค้าแทบขาดใจก็ตาม แต่มันก็ยังดีกว่าเจ็บช้ำเรื่องเดิมๆทุกวี่วัน


    ยูโนวไปซื้อของได้แล้วแจจุงพูดขึ้น เมื่อเดินออกมาจากครัวพร้อมกระดาษโน้ตในมือ 


    ยูโนวหันไปพยักหน้ากับรยอวุคอีกครั้งแล้วเดินตามเจ้าของร้านคนสวยไป


    แจจุงและยูโนวขับรถมาถึงตลาดในเวลาไม่นาน พอลงจากรถก็พบร่างสูงของดองวุคยืนพิงรถเก๋งคนหรูมองทั้งสองด้วยรอยยิ้ม


    อ้าว...บังเอิญจังเลยสนะ พี่ก็ว่าจะมาซื้อของเหมือนกัน เดี๋ญวพี่ช่วยแจจุงถือของนะดองวุคเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเสนอตัวทันที

    อย่าดีกว่าครับ ผมเกรงใจ อีกอย่างผมก็มียูโนวช่วยถือแล้ว ไม่รบกวนพี่ดีกว่าแจจุงตอบกลับลางยิ้มหวาน


    ใช่...คุณแจจุงมีผมอยู่แล้ว คงไม่ต้องให้คนอื่นมายุ่งอีกยูโนวพูดสำทับอย่างแฝงความหมาย พร้อมกับส่งสายตายียวนข้ามหัวร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าไปให้ร่างสูงอีกคนที่เหมือนเป็นศัตรูหัวใจ 


    ดองวุคมองยูโนวอย่างเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายส่งมา ประกาศตัวเป็นศัตรูเต็มที่เลยนี่ แน่นอนว่าชายหนุ่มก็ส่งสายตาแข็งกร้าวกลับไปไม่แพ้กัน ทั้งคู่ส่งสายตาที่ต่างจะแผดเผาฝ่ายตรงข้ามใส่กันราบกับประกาศทำสงคราม


    แจจุงเงยหน้ามองทั้งสองคนที่เอาแต่มองหน้ากันไม่พูดไม่จาอย่างแปลกใจ  พอทั้งคู่รู้ตัวก็รีบปรับสายตาให้เป็นปกติแล้วยิ้มให้กันทันที


    รบกง...รบกวนอะไรกัน   พี่อยากช่วย ไป...เราไปซื้อของกันดีกว่าดองวุคหันมาพูดกับแจจุงพลางยิ้ม จับแขนร่างบางให้เดินไปด้วยกัน โดยไม่ฟังคำคัดค้านจากร่างบาง
    ยูโนวมองอย่างไม่พอใจ จะเดินเข้าไปแทรก ดองวุคก็รีบหันไปกระซิบทันที “เป็นคนใช้ก็ต้องเดินตามหลังสิ จะมาเดินข้างเจ้านายได้ยังไง?แล้วพาแจจุงที่มองทั้งสองคนอย่างงุนงงไม่รู้เรื่องศึกชิงแจที่เกิดขึ้น เดินตามดองวุคไป


    ถึงยังไงเรื่องนี้ชั้นก็เป็นพระเอกฟะ ไอ้หน้าจืด (ต้องขอโทษแฟนคลับเซเว่นด้วย มันเป็นไปตามบทเน้อ)ยูโนวพูดอย่างหงุดหงิด เดินตามสองคนที่เดินประคองกันไปตรงหน้าอย่างไม่พอใจ


    ทั้งสามเดินมาจนถึงในตลาด ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าหรือผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของต่างหันมามองชายหนุ่มทั้งสามอย่างสนใจ ราวกับมีดารามาเดินก็ไม่ปาน


    แจจุง น่าอิจฉาจังน้า ควงหนุ่มหล่อมาซื้อของตั้งสองคน ดูคนเค้าอิจฉากันทั้งตลาดแล้วแม่ค้าขายผักเจ้าประจำเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับหลิ่วตาให้


    เจ้ ทำไมพูดอย่างกับผมเป็นผู้หญิงไปได้ ถ้าให้ถูกต้องบอกว่ามีหนุ่มหล่อสามคนมาเดินตลาดเลยเป็นที่สนใจของสาวๆ ทั้งตลาดต่างหาก ถึงจะถูกแจจุงเถียงกลับไปอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าหวานแดงเรื่อไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรืออายกันแน่? 

    ทำไมทุกคนต้องทำตัวเหมือนเค้าเป็นผู้หญิงอยู่เรื่อย 

    โธ่...คุณ พูดไปได้ อย่างคุณนี่เค้าไม่เรียกหนุ่มหล่อหรอก เค้าเรียกหนุ่มสวยมากกว่ายูโนวพูดแทรกขึ้นมาทันที แม้ค้าคนเดิมชี้หน้าชายหนุ่มพยักหน้าประมาณว่า พ่อหนุ่มคนนี้พูดถูก


    พูดมากนัก ไปซื้อของเลยไป ซื้อผักตามลิสต์นี่นะแจจุงหันไปว่ายูโนว ใบหน้าหวานงองุ้ม เมื่อถูกรุมเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ยืนกระดาษส่งให้ชายหนุ่ม


    ซื้อผักอีกแหละ นี่ต้องซื้อหอมด้วยป่ะเนี่ย?ยูโนวถามพลางทำหน้าเซ็งสุดฤทธิ์ แล้วกลับเป็นหน้าขยาดเมื่อนึกถึงการซื้อเมื่อครั้งก่อน


    ซี้อมาด้วยก็ได้ร่างบางพยักหน้า นึกขำใบหน้าขยาดของร่างสูง


    หอมแดง หอมใหญ่ หรือ หอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวาดีร่างสูงถามพลางเอียงหน้าซ้ายขวาประกอบคำพูด


    ทะลึ่ง เอาหอมแดง ส่วนนายจะเอาหอมแก้มซ้ายหรือขวา ก็ไปซื้อกับเจ้เค้าเองแจจุงว่าพลางถลึงตาใส่หน้าทะเล้นของร่างสูง  แล้วหันไปหาดองวุคที่ยืนมองอยู่


    ไปซื้อของทางโน้นกันเถอะครับ พี่ดองวุคแจจุงว่าพลางชี้ไปอีกทางแล้วคว้าแขนอีกฝ่ายเดินไปทันที แต่ก็ยังไม่วายหันมาแยกเขี้ยวใส่คู่กัดอยู่ดี


    ตกลงเอาไงจ๊ะ พ่อหนุ่ม จะเอาแก้มซ้าย....หรือแก้มขวาดีแม่ค้าวัยกลางคนพูดพลางหัวเราะ เมื่อเห็นชายหนุ่มรีบส่ายหน้าปฏิเสธจนหัวแทบหลุด


    เอาแค่หอมแดง.....อย่างเดียวก็พอครับ แล้วก็ผักตามโน้ตนี่ยูโนวพูดเสียงอ่อย เดินเข้าไปเลือกซื้อของตามคำสั่งทันที


    แจจุงและดองวุคเดินซื้อของกันไปได้สักพัก โทรศัพท์ของร่างสูงก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับ แล้วเหลือบมองคนข้างๆ ทันที ใบหน้าคมแสดงออกถึงความเสียดายอย่างเห็นได้ชัด พูดเพียงสองสามคำก็เก็บมือถือเข้าที่ดังเดิม


    พี่ต้องกลับก่อนนะครับ พอดีแม่พี่โทรตามดองวุคว่าเสียงอ่อย


    ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมถือเองได้ มีแค่นี้เองร่างบางว่ายิ้มๆ แล้วหยิบของในมืออีกฝ่ายมาถือไว้ พี่ไปเถอะครับ เดี๋ยวคุณป้ารอ
    ดองวุคมองคนตรงหน้าอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจเดินจากมา แจจุงมองท่าทางของอีกฝ่ายยิ้มๆ แล้วเดินกลับมาที่รถอีกครั้งเมื่อซื้อของเสร็จ ก็พบร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนยืนรออยู่แล้ว


    แล้วไอ้หน้าจืดไปไหนแล้วล่ะ?ยูโนวถามขึ้น เมื่อไม่เห็นศัตรูหัวใจเดินตามร่างบางมา


    อ๋อ...พอดีแม่เค้าโทรตามเลยต้องรีบกลับก่อนแจจุงทำท่าคิดสักพักก่อนจะเข้าใจว่าร่างสูงหมายถึงใครแล้วค่อยตอบ พลางเอาของในมือไปวางไว้ในรถ



    ที่แท้ก็ลูกแหง่ติดแม่นี่เองยูโนวพูดลอยๆ พลางพยักหน้าหงึกหงัก ร่างบางหันมามองคนพูดตาดุ


    ทำไมต้องไปว่าพี่เค้าอย่างนั้น เค้ายังไม่ได้ทำอะไรให้นายเลยนะ
    เรื่องอย่างนี้ แค่เห็นแวบแรก็รู้แล้วว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาต เหมือนไทยกับพม่าที่รบกันไม่มีจบสิ้น พวกเราข้าศึกตีเมืองท่าด่านแล้วร่างสูงพูดอย่างห้าวหาญ ชูมือขึ้นประกอบ
    เหมือนชั้นกับนายใช่ไหม?แจจุงถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง


    อย่างคุณกับผมน่ะ เค้าเรียกว่าคู่กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน เหมือนโกโบริกับอังสุมาริน หรือขวัญกับเรียมอะไรอย่างนั้นร่างสูงว่าพลางหลิ่วตาให้อย่างเจ้าเล่ห์


    บ้าสิ....กลับไปที่ร้านได้แล้วเจออย่างนั้นเข้าเล่นคนสวยพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ว่าอีกฝ่ายหน้าแดง เดินหนีขึ้นรถไป ยูโนวมองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู แล้วตามขึ้นรถไปอีกคน




     
    ณ คฤหาสตระกูลชอง

    ภายในห้องทำงานตรงชั้นสอง ร่างสูงของยูชอนกำลังนั่งทำงานอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมายก่ายกอง 


    ประตูเพียงบานเดียวของห้องถูกเปิดขึ้นหลังจากมีเสียงเคาะเบาๆ สองสามครั้งดังเข้ามา ตามด้วยร่างเล็กของคุณหนูเล็กเจ้าของคฤหาส ในมือถือถาดที่มีกาขนาดเล็กลวดลายน่ารัก แล้วแก้วชาเข้าชุด
    ใบหน้าเนียนยิ้มให้กับร่างสูงพลางหันไปปิดประตูแผ่วเบา แล้วเดินเข้าไปหายูชอนที่มองอยู่ตั้งแต่เค้าเดินเข้ามา


    งานเยอะมากเลยเหรอ? ชั้นเห็นนายไม่ได้ออกจากห้องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนจุนซูพูดขึ้น


    นิดหน่อยน่ะ พอยุนโฮไม่อยู่หลายอย่างก็เลยแปรปรวนยูชอนตอบ ใบหน้าคมเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด มือหนาหยิบกระดาษที่กองเกะกะบนโต๊ะเก็บให้เรียบร้อยเพื่อให้อีกฝ่ายมีเนื้อที่พอจะวางถาดที่ยกมา



    พอดีเมื่อวานชั้นได้รู้จักเพื่อนใหม่ เค้าให้ใบชามา หอมมากเลย ชั้นเลยชงมาให้เผื่อนายจะคลายเครียดลงบ้างพูดยิ้มๆ มือเรียวเทชาหอมกรุ่นอย่างบรรจงส่งให้ร่างสูง



    ยูชอนสูดกลิ่นหอมอ่อนจากแก้วชาในมือแล้วจิบ หอมจริงๆ ด้วย ขอบคุณนะหันไปบอกคนชงยิ้มๆ จุนซูได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร


    แล้วเพื่อนใหม่นั่นไปรู้จักได้ยังไง เค้าเป็นใครมาจากไหนเหรอ?ยูชอนถาม


    เรื่อยๆ เหมือนชวนคุยธรรมดา แต่จุนซูก็พอจะรู้ว่า ร่างสูงจะต้องให้คนไปตามสืบเป็นแน่ เพราะช่วงนี้พวกเค้าต้องระวังตัวจากศัตรูที่จ้องแล่นงานอยู่ การที่จะคบหากับคนแปลกหน้าในเวลานี้ย่อมไม่ดีแน่


    ดงแฮเค้าพาไปน่ะ เป็นเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ในชุมชนวาย สวยมากเลยนะ สวยจนแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นผู้ชายเลยล่ะ ถึงจะดูดุสักหน่อย แต่ก็เป็นคนจริงใจดีนะ ถ้านายว่างเมื่อไหร่ชั้นจะพาไปกินอาหารฝีมือเค้า อร่อยมากเลยล่ะจุนซูพูดไปยิ้มไปไม่หยุด ทำให้คนฟังพลอยยิ้มตามไปด้วย


    ดูท่าทางนายจะถูกใจเพื่อนใหม่คนนี้นะ
    ไม่รู้สิ ชั้นรู้สึกถูกชะตากับเค้ามาก เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงเราสองคนอยู่ร่างเล็กพูดแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง มองลงไปยังเบื้องล่างที่เป็นสวนสไตล์ยุโรปถูกตัดแต่งอย่างสวยงาม แต่ที่สะดุดนัยน์ตาเรียวให้มองตามอย่างสนใจ เห็นจะเป็นร่างสูงของบอร์ดี้การ์ดคู่ใจกับร่างเล็กของเพื่อนรัก ที่ฝ่ายแรกเอาแต่เดินหนี ในขณะที่ฝ่ายหลังก็เดินตามอย่างไม่ลดละ


    นี่...นายยังไม่หายโกรธชั้นอีกเหรอ?ดงแฮถามพลางวิ่งไปดักหน้าร่างสูงที่กำลังเดินหนี


    ผมเปล่าโกรธครับคิบอมพูดเรียบๆ เดินผ่านร่างเล็กของคนตรงหน้าไปราวกับมองไม่เห็น


    เดินหนีชั้นอย่างนี้น่ะนะ ไม่ได้โกรธดงแฮตะโกนไล่หลังร่างสูงที่เดินไกลออกไป


    หยุดเดี๋ยวนี้นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดงแฮพูด ใบหน้าหวานครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็ยิ้มกว้างดีดนิ้วขึ้นมาดังเป๊าะอย่างนึกแผนเด็ดได้


    ชั้นบอกให้หยุดไง โอ๊ะ...โอ๊ย!”ตะโกนอีกครั้ง แล้วแกล้งร้องโวยวายลงนอนกับพื้นหญ้าราวกับเพิ่งสะดุดล้ม


    คิบอมที่ได้ยินเสียงร้องก็หันมามองร่างบางที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าอย่างตกใจ รีบวิ่งกลับไปหาคน (แกล้ง) เจ็บทันที


    ชั้นเจ็บขา สงสัยขาแพลงแน่เลยดงแฮพูดพลางจับข้อเท้าตัวเอง ทำหน้าราวกับเจ็บเสียเต็มประดา จนน่าจะได้รางวัลตุ๊กตาทองเสียจริง 


    คิบอมรีบดูตามทันทีมือหนาจับข้อเท้าเล็กนั้นแผ่วเบาราวกับกลัวจะทำให้เจ็บมากขึ้น ใบหน้าและดวงตาฉายแววห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด


    อุ้มชั้นไปนั่งที่โต๊ะหน่อยสิ ชั้นเดินไม่ไหวคนเจ็บพูดอ้อน คิบอมมองคนพูดพลางถอนใจ แต่ก็ยอมอุ้มอีกฝ่ายไปนั่งโต๊ะใกล้ๆนั้นโดยดี


    ดงแฮเหลือบมองใบหน้าคมนั้นเผลอยิ้มไม่หยุด   คนอะไรเชื่อคนง่ายจังแหะ จนหลุดหัวเราะออกมา คิบอมที่เห็นใบหน้าทะเล้นนั้นก็รู้ตัวทันทีว่า    ถูกหลอก


    นี่คุณ หลอกผมเหรอ?ถามพลางลุกขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างโมโห


    ก็นายชอบเดินหนี ชั้นง้อนายจนเหนื่อยแล้ว เลยต้องใช้วิธีนี้ดงแฮพูดทำหน้าตาบ๊องแบ๊วราวกับว่าไม่ได้ทำอะไรผิด คว้ามืออีกฝ่ายไว้เมื่อเห็นว่าคิบอมทำท่าจะเดินหนีอีก


    อย่างเพิ่งโกรธสิ ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าทำอะไรให้นายโกรธ แต่นี่ชั้นก็ง้อนายมานานแล้วนะ น่าจะดีกันได้แล้วพูดพลางมองร่างสูงอย่างอ้อนวอนไม่แพ้น้ำเสียง


    คิบอมเห็นอย่างนั้นก็ถอนใจ ยอมกลับไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าอีกฝ่าย สุดท้ายเค้าก็ต้องยอมคนๆ นี้ พอเห็นอีกฝ่ายเริ่มใจอ่อน ดงแฮก็ยิ้มหวานอย่างดีใจ ดวงตาเรียวเหลือบมองขึ้นไปบนชั้นสองเห็นเพื่อนรักมองลงมาที่หน้าต่างก็ยิ้มให้พลางโบกมือ


    นายรู้มั้ย? ว่าทำไมคุณยูชอนถึงทำตัวห่างเหินกับจุนซูจัง
    คิบอมเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ 



    อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเรื่องซะงั้น


    คุณยูชอนคงคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคุณจุนซูที่เป็นลูกของผู้มีพระคุณคิบอมตอบอย่างคนที่พอจะรู้เรื่อง


    นายอย่าทำตัวอย่างนั้นนะดงแฮพูดทำหน้าดุใส่ แต่สำหรับคนมองคิดว่ามันน่ารักซะมากกว่า


    เอ๋?
    นายอย่าคิดดูถูกตัวเองอย่างนั้น นายเองก็มีดีไม่แพ้คนอื่น การที่นายดูถูกตัวเองก็เหมือนกับนายดูถูกคนที่รักนาย คุณยูชอนก็เหมือนกัน เค้าเองก็มีดีกว่าใครหลายๆคนที่ชั้นรู้จัก เสียแต่ที่เจ้าตัวชอบดูถูกตัวเอง นั่นก็เท่ากับเค้าดูถูกจุนซูที่รักเค้าน่ะแหละ สุดท้ายก็ต้องมานั่งเจ็บทั้งสองฝ่ายดงแฮพูดใบหน้าเนียนดูเศร้าลงเมื่อนึกถึงเพื่อนรัก


    ชั้นไม่อยากเป็นอย่างจุนซูหรอกนะพูดปิดท้ายพลางยิ้มให้อีกฝ่าย คิบอมได้ยินอย่างนั้นก็มองดวงตาเรียวของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ


    คุณต้องการจะบอกอะไรกับผมกันแน่?



    จุนซูที่ยืนมองทั้งคู่อยู่นานถึงกับอมยิ้มกับท่าทางงอนง้อของทั้งคู่ ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูเอาแต่ใจอย่างดงแฮจะแพ้ให้กับบอร์ดี้การ์ดแสนทื่ออย่างคิบอม


    มองอะไรอยู่น่ะ?ยูชอนเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารเห็นร่างบางยืนยิ้มอยู่คนเดียวถามขึ้น


    เปล่า...ไม่มีอะไรหรอกจุนซูปฏิเสธยิ้มๆ พลางเดินออกจากหน้าต่างมาหาร่างสูงที่โต๊ะทำงาน มองเอกสารบนโต๊ะอย่างช่างใจ สุดท้างก็ตัดสินใจพูดออกไป


    งานพวกนี้เหลืออีกเยอะมั้ย?
    ก็นิดหน่อยน่ะ มีอะไรเหรอ?ยูชอนตอบ ทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือ




    ชั้นอยากไปดูหนัง พาชั้นไปดูหนังหน่อยสิพูดเรียบๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่คนฟังถึงกับเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ



    ปกติจุนซูไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเค้า ออกแนวจะเงียบๆ เรียบร้อยซะด้วยซ้ำ นี่ไปกินยาอะไรผิดมากันเนี่ย? ถึงได้ลุกขึ้นมาอ้อนเค้าอย่างนี้





    ทำไมไม่ไปกับคิบอมล่ะ?ในที่สุดยูชอนก็เอ่ยปากออกมาหลังจากอึ้งอยู่นาน



    ก็ชั้นอยากไปกับนายนี่ งานพวกนี้ช้านิดช้าหน่อยที่พรรคคงไม่ว่าอะไรหรอก นายเองก็ยังไม่ได้พักเลย ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว ดีทั้งสองฝ่าย น้า....ไปดูหนังกันเถอะร่างบางพูดอ้อน หยิบกระดาษในมืออีกฝ่ายไปเก็บพลางดึงตัวร่างสูงขึ้นมาอย่างออดอ้อน ยูชอนได้แต่ลุกตามอย่างงุนงง



    แม้จะเคอะเขินอยู่บ้างเพราะไม่เคยทำอะไรอย่างนี้ แต่เสียงของแจจุงที่ดังอยู่ในหัว




    ผมว่าถ้าเค้าทำตัวน่าเบื่ออย่างนั้น คุณก็อย่านิ่งสิ ยิ่งคุณนิ่งเค้าก็จะยิ่งทำตัวงี่เง่าเข้าไปอีก คุณต้องรุก แสดงให้เค้าเห็นว่าเรื่องฐานะบ้าบอนั่นมันไม่สำคัญ ถ้าเค้ามีใจให้คุณจริง ยังไงก็อดใจไม่ไหวหรอก เชื่อชั้นสิ





    ทำให้จุนซูตัดสินใจทำอย่างนั้นลงไป


    ยูชอนเหลือบมองคนข้างๆ ที่นั่งบิดมือไปมาอย่างแปลกใจ ใบหน้าขาวเดี๋ยวก็แดงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เดี๋ยวก็กลับเป็นปกติ สักพักก็กลับไปแกงขึ้นอีก เหมือนเจ้าตัวนึกเรื่องอะไรแล้วเขินอยู่คนเดียว ทั้งคู่นั่งอยู่ในรถอย่างเงียบเชียบไม่พูดอะไร ได้แต่มองตากันแล้วเขินอย่างแปลกประหลาดกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอะเจอ



    แล้วนายคิดรึยังว่าจะไปดูหนังเรื่องอะไร?ยูชอนถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ จุนซูเงยหน้าขึ้นมามองพลางส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วกลับไปก้มหน้ามองมือตัวเองอีกครั้งอย่างทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ต้องกลับไปเงียบตามเดิม


    ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง แล้วพากันมาจนถึงหน้าลิฟท์เพื่อจะขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นชั้นโรงหนัง พอลิฟท์เปิดขึ้นก็พบกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังกอดจูบกันอย่างเมามันภายในลิฟท์ แม้จะตกใจแต่ยูชอนก็จูงมือจุนซูเดินเข้าไป



    ชายหนุ่มยังคงจูบหญิงสาวต่อไป ไม่สนใจสายตาสองคู่ที่มองมาอย่างเคอะเขิน แม้ว่าหญิงสาวจะเริ่มอายและพยายามฝืนตัวออกมา


    อายเค้าน่ะ หยุดเถอะเธอพูดอย่างแผ่วเบาพลางเหลือบมองทั้งคู่


    อย่าสนใจเลย เห็นๆ อยู่ว่าคนเค้าอยากอยู่ตามลำพัง ยังเข้ามาสอดอีก อย่างนี้ต้องโชว์สักหน่อยพูดอย่างหื่นๆ แล้วลูบคลำแฟนสาวเยาะเย้ยทั้งคู่ จนจุนซูเริ่มทนไม่ได้ หลบไปยืนข้างหลังยูชอนพยายามไม่มองคนทั้งคู่ ใบหน้าเนียนแดงเรื่อไปหมด
    ยูชอนกระแอมสองสามที อย่างตั้งสติ ใบหน้าคมยังคงเรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไร ยืนบังคนตัวเล็กที่อายจนแทบจะแทรกลิฟท์หนีไว้ไม่ให้เห็นคนทั้งคู่


    กล่องสี่เหลี่ยมเลื่อนขึ้นมาสองชั้น สองหนุ่มสาวก็พากันเดินออกไป ฝ่ายชายยังไม่วายหันมามองยูชอนอย่างเยาะเย้ยก่อนจะเดินออกไป ประตูลิฟท์ปิดลงอีกครั้ง พอเหลือกันเพียงแค่สองคน จุนซูถึงกับถอนใจอย่างโล่งอก ยูชอนหันมามองอีกฝ่ายที่ยืนก้มหน้าอยู่อย่างห่วงใย ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร 



    ประตูลิฟท์ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผู้คนนับสิบกรูกันเข้ามาจนยูชอนเซเข้าไปหาจุนซูที่ยืนอยู่ข้างหลังและถอยจนชิดกำแพงดีที่แขนของร่างสูงหันมายันกับกำแพงไว้ ไม่งั้นมีหวังได้ทับคนตัวเล็กจนแบนแน่ แม้จะพยายามกันตัวเองให้จุนซูได้มีเนื้อที่ยืน แต่แรงของคนที่ดันเข้ามาก็มีมากจนแทบฝืนไม่ไหวได้แต่ยืนกันไว้อย่างนั้น
    จมูกของร่างสูงคลอเคลียอยู่ที่หน้าผากคนตัวเล็ก ซึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเก็บซ่อนความอาย ระบายลมหายใจออกมาแทนความอึดอัดที่มีอยู่ แต่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า ลมหายใจร้อนๆ ของตนที่เป่ารดอยู่ตรงซอกคอร่างสูง จะก่อความรู้สึกวาบหวามอย่างประหลาดให้ร่างสูง




    ในที่สุดทั้งคู่ก็ออกมาจากตู้ลิฟท์มหาภัยจนได้ ยูชอนพาคนตัวเล็กเดินไปที่โรงหนังทันที ทั้งคู่ยืนดูโปรแกรมอยู่นาน สุดท้ายก็เลือกที่จะดูหนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง
    พอเข้าไปในโรงหนังที่เริ่มฉายไปได้ไม่นาน ผู้คนภายในโรงมีอยู่เพียงน้อยนิด อาจเป็นเพราะเป็นหนังที่ไม่ค่อยดังและฉายมานานแล้วจึงคนนั่งอยู่เบาบาง ทั้งคู่เลือกที่นั่งของตาแล้วดูภาพเคลื่อนไหวจากจอสี่เหลี่ยมอันใหญ่ตรงหน้า



    จุนซูดูหนังไปกินป๊อปคอร์นที่ชื้อมาไปอย่างเพลิดเพลิน แต่อีกคนไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนังน่าเบื่อ หรือทำงานมาหนักจนไม่ได้หลับได้นอน จึงเผลอหลับไป ตั้งแต่หนังยังฉายไม่ถึงครึ่งเรื่อง


    ศีรษะได้รูปเอนไปมาเมื่อเจ้าของเริ่มไม่ได้สติ สุดท้ายก็ตกลงมาที่ไหล่บางของคนข้างๆ จุนซูสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อศีรษะของอีกฝ่ายซบลงมา วางป๊อปคอร์นในมือลงทันที ดวงตาเรียวเหลือบมองใบหน้ายามหลับสนิทนั้น ท่ามกลางแสงจากจอภาพที่ส่องมากระทบให้เห็นเพียงรำไร มือเรียวประคับประคองใบหน้านั้นขึ้นมามองให้เห็นเต็มตาอีกครั้ง เรียวปากบางเผลอยิ้มออกมากับภาพตรงหน้า



    ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงและเสียงจากจอภาพยนตร์ ใบหน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้ายามหลับของอีกคนอย่างหลงใหล ริมฝีปากบางสัมผัสริมฝีปากหนาของร่างสูงอย่างแนบชิดและแผ่วเบา แต่ย้ำลึกเข้าไปถึงจิตใจ สัมผัสอ่อนนุ่มและอ่อนโยนที่เจ้าตัวจะไม่มีวันลืมเลือน แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้รับรู้ด้วยก็ตาม



    จุนซูกลับมานั่งมองจอภาพยนตร์อีกครั้ง หลังจัดศีรษะอีกคนให้ซบไหล่ตนดังเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใจกลับเต้นแรงเร็วไม่เป็นจังหวะ ดีที่ความมืดช่วยกลบเกลื่อนใบหน้าที่แดงซ่านไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่จุนซูไม่รู้เลยว่า หัวใจของอีกคนก็เต้นแรงไม่แพ้กัน


     
    ----   ------- -----   ---- ------- ---- ------- ---   -----   ----- --- ---- ------- --------
    มาอัฟให้แล้วน้า...............................ยูซู และ คิเฮ ตามคำขอ
    หวังว่าคงถูกใจ..........................
    ตอนต่อไป...ใครที่ติดตามคู่ฮันซินมีมานำเหนอ และเราจะแง้มๆ คู่วอนด้วย ว่าสุดท้ายพ่อหนุ่มที่เต็มไปด้วยความแค้นจะคู่ใครและ ปิดท้ายด้วยเบื้องหลังความแค้นของซีวอน
    ทำไมซีวอนถึงได้แค้นยุนโฮนัก
    ติดตามได้ในตอนหน้าน้า........................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×