ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : รักแรกพบ (100%)
ตอนที่ 3
รักแรกพบ
รักแรกพบ
แจจุงและยูโนวกลับมาถึงที่ร้านก็ช่วยกันขนของเข้าไปข้างใน ต้องพบกับร่างสูงของใครคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอชายคนนั้นหันมาเห็นทั้งสองที่มีของอยู่เต็มมือ ก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยถือพร้อมรอยยิ้ม
“แจจุง ออกไปซื้อของมาหรือครับ พี่ว่าจะมาช่วยอยู่พอดี”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหวาน พร้อมรอยยิ้มบาดใจ แจจุงยิ้มรับพลางเอาของในมือตนและของร่างสูงตรงหน้าส่งให้ยูโนวที่ยืนมองเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ รับไปถือพะรุงพะรัง แต่ร่างบางก็หาได้สนใจจับมือแขกเดินไปนั่งที่โต๊ะ
“นี่ก็สิ้นเดือนแล้ว นี่ครับค่าเช่าร้าน ขอโทษด้วยนะครับพี่ดองวุค ที่ผมมักจะจ่ายช้าอยู่เสมอ”แจจุงพูดใบหน้าหวานก้มลงอย่างรู้สึกผิด มือเรียวหยิบเงินใส่มือของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่จริงยังไม่ต้องรีบจ่ายก็ได้ ไม่จ่ายยังได้เลย”ร่างสูงพูดพลางจะยัดเงินกลับใส่มือของร่างบางคืน
“ไม่ได้หรอกครับ ผมมาเช่าร้านก็ต้องจ่าย....แม้ว่าตอนนี้จะต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาชางมิน แถมต้องตกแต่งร้านอีก แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่เปิดร้านให้นานขึ้นอีกหน่อยก็คงจะพอกับค่าใช้จ่าย”แจจุงพูดพลางถอนหายใจมองหน้าอีกฝ่าย พยายามจะยัดเงินคืน
“ถ้าอย่างนั้น เพื่อความสบายใจของทุกคน พี่ขอเก็บค่าเช่าแค่ครึ่งเดียวละกัน ส่วนทีเหลือเนี่ยถือว่าพี่ช่วยค่ายาของชางมิน”ดองวุคพูดแล้วหยิบเงินครึ่งนึงยัดใส่มือแจจุงที่ยังทำท่าปฏิเสธ จึงกุมมือนั้นไว้
“นะครับ พี่อยากช่วย”เอ่ยอ่อนโยน แจจุงได้แต่พยักหน้ารับ
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่มีพี่ ไม่รู้ป่านนี้ผมกับน้องจะเป็นยังไงบ้าง”เอ่ยเสียงหวานพร้อมส่งสายตาที่หวานไม่แพ้เสียง เอ่ยอ้อนจนแทบทำให้คนมองหัวใจละลายไปกับดวงตากลมโตคู่นั้น
“ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดี”พูดด้วยรอยยิ้ม มือหนายังคงกอบกุมมือคนสวยตรงหน้าไว้อย่างเคริ้มฝัน
แจจุงพยายามดึงมือตัวเองออกมาอย่างยากเย็น พลางแกล้งส่งยิ้มให้อีกฝ่ายต่อไป
อีกด้านหนึ่งของร้าน ยูโนวที่เดินเอาของไปเก็บในครัว เดินกลับออกมาเห็นทั้งสองนั่งคุยกันหนุงหนิงก็เกิดอาการหงุดหงิดโดยไร้สาเหตุ ร่างสูงเดินเข้าไปหารยอวุคที่ยืนจัดโต๊ะอยู่ไม่ไกลนัก
“นายคนนั้น ใครน่ะ?”ถามพลางบุ้ยหน้าไปทางดองวุค สายตาและท่าทางบ่งบอกว่าไม่ถูกชะตาสุดขีด
“อ๋อ....คุณดองวุคน่ะ เป็นลูกของเจ้าของแถวนี้ เค้าจะมาเก็บค่าเช่าร้านค้าแถวนี้ แต่ดูท่าทางจะติดใจพี่แจจุง เห็นตามจีบมานานแล้วล่ะ แต่เท่าที่ดูเหมือนพี่แจจุงเค้าไม่คิดจะรับรักหรอก คงแค่หลอกใช้มากกว่า”รยอวุคพูดอย่างรู้จักแจจุงเป็นอย่างดี แล้วหันไปมองคนถามที่ยังคงมองสองคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม? หึงเหรอ?”หนุ่มน้อยถามยิ้มๆ แต่ยูโนวกลับหน้าแดงเรื่องขึ้นซะอย่างนั้น
“หึงบ้า หึงบอ อะไรล่ะ? ไปทำงานไป๊”ปฏิเสธเสียงดัง ส่ายตาไปมาไม่ยอมสบตาคนถามที่ถามแทงใจดำเข้า ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังคงไม่หายแดง มือหนาผลักตัวคนพูดที่ยังหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ก่อนที่จะเดินหนีไป
“นี่น่ะนะ ไม่ได้หึง หน้าแดงซะขนาดนั้น”รยอวุคพูดพลางหัวเราะกับตัวเอง
“คุยอะไรกัน? หัวเราะคิกคัก ท่าทางมีความสุขน่าดู”เยซองที่มองทั้งคู่คุยกัน เข้ามาทักคนน่ารักที่ยืนหัวเราะอยู่คนเดียว
รยอวุคหันไปมองคนพูด รอยยิ้มที่มีอยู่เจื่อนลงแทบจะทันที แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังพยายามฝืนยิ้มให้ร่างสูง
“ไม่มีอะไรหรอก”ปฏิเสธเรียบๆ ก่อนที่จะเดินจากไป ทิ้งให้เยซองมองตามอย่างงุนงง
ทำท่ามีความลับ มันอะไรกันนะ
ตะวันคล้อยลงบ่งบอกว่าใกล้จะหมดวันอีกหนึ่งวัน ชางมินและซองมินเดินออกมาจากโรงเรียนด้วยกัน จนมาถึงทางแยกที่ชางมินจะต้องแยกไปที่คลีนิกของฮันกยองเพื่อตรวจอาการในอาทิตย์ละครั้ง
“งั้นชั้นกลับบ้านก่อนนะ เดินดีๆล่ะ เกิดนายเป็นอะไรขึ้นมา มีหวังชั้นได้โดนพี่แจจุงด่าเปิงแน่ ว่าแต่นายเดินไปคนเดียวได้นะ”ซองมินว่ายิ้มๆ แต่ดวงตายังมีแววกังวล
“ไม่เป็นไรหรอก เดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงคลินิกหมอฮันแล้ว นายกลับไปทำธุระเหอะ”ชางมินตอบพลางส่ายหน้า เพราะรู้ว่าวันนี้เพื่อนจะต้องรีบกลับไปดูแลน้องๆ ที่อยู่ตามลำพัง เนื่องจากพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน
ซองมินพยักหน้ารับ สายตามองเพื่อนรักอย่างไม่คลายกังวล ก็อาการที่เจ้าตัวเป็นอยู่บทจะกำเริบเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คราวก่อนเดินอยู่ดีๆ ก็เป็น ดีที่มีเค้าอยู่ข้างๆ มีหวังได้ไปเฝ้ายมบาลแล้วก็ไม่รู้
ร่างเล็กยืนมองเพื่อนของตนเดินจากไปจนลับตา จึงเริ่มก้าวข้ามถนนเพื่อจะกลับไปที่บ้านของตน แต่เพราะความเหม่อลอย หรือไม่ทันสังเกตก็ไม่รู้ ว่าถนนที่เหมือนโล่งนั้น กลับมีรถลีมูซีนสีดำเงา วิ่งมาด้วยความเร็วพอที่คนขับจะเหยียบเบรคไม่ทัน เมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้าเดินเข้ามาขวางทาง ทั้งๆ ที่สัญญาณไฟก็ส่งสีเขียวว่าให้ขับตรงไปได้
เสียงบีบแตรดังสนั่น หวังจะให้คนบนถนนรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง ซองมินที่ยืนอยู่กลางถนน หันมองรถตรงหน้าที่วิ่งมาด้วยความเร็วอย่างตกใจ
ขณะนั้นเองก็มีอ้อมแขนของใครคนหนึ่งเข้ามาคว้าตัวของคนที่มัวแต่ยืนตื่นตะลึงนั้นพุ่งหลบออกไปข้างทาง จนล้มลงไปนอนบนฟุตบาทด้วยกันทั้งคู่ หลบรถคันงามนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด
ซองมินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแขนผู้ช่วยชีวิต ก็พบกับใบหน้าคมที่ดูเหมือนเย็นชา แต่แววตากลับดูอ่อนโยนและล้ำลึกจนดูเหมือนจะถูกกลืนเข้าไปในความมืดมิดนั้น
ร่างสูงลุกขึ้นยืนพลางคว้าแขนคนตัวเล็กขึ้นมายืนด้วยกัน ก้มลงมองตามร่างกายของตนเองและคนในอ้อมแขน
“เป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”ถามเสียงเรียบ แต่ก็ปนไปด้วยความห่วงใย
ซองมินได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธแทนคำตอบ ใบหน้าเนียนกลับแดงเรื่อขึ้น เมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่นาน
“ไม่ทราบว่าเป็นอะไรกันบ้างหรือเปล่าครับ?”ร่างสูงของคนขับรถที่ลงมาดูทั้งสองอย่างห่วงใย เอ่ยถามขึ้น แต่พอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงที่เข้าไปช่วยคนตัวเล็กไว้ก็เบิกตาขึ้นอย่างตกใจ
“คยูฮยอน”เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง
“คิบอม”ร่างสูงที่ยังประคองคนตัวเล็กไว้ อุทานออกมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน
ซองมินมองอาการของร่างสูงทั้งสองคนอย่างงุนงง สุดท้ายคิบอมก็ได้สติรีบหันไปสนใจคนตัวเล็กที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”ชายหนุ่มถาม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ตกใจนิดหน่อย ผมผิดเองที่ข้ามถนนไม่ดูสัญญาณไฟ คุณไม่ต้องกังวลหรอกครับ”ซองมินว่าพลางยิ้ม คิบอมพยักหน้ารับสายตายังคงมองหน้าคยูฮยอนไม่วางตา ก่อนที่จะยื่นนามบัตรของตนใส่มือซองมิน
“ถ้ามีอะไร ติดต่อผมได้ตลอดเลยนะครับ”พูดจบก็เดินกลับไปที่รถทันที ใบหน้าคมยังดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยผมไว้”ซองมินพูดพลางดันตัวเองออกมาจากอ้อมแขนอุ่นของอีกฝ่าย คยูฮยอนที่มัวแต่มองคิบอมอยู่ก็ได้สติรีบปล่อยร่างเล็กออกเป็นอิสระทันที
“ไม่เป็นไร”พูดจบร่างสูงก็เดินจากไปทันที ไม่สนใจว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะพูดอะไรต่อ
ซองมินมองร่างสูงที่เดินจากไป ใบหน้าเนียนมุ่ยลงอย่างผิดหวัง แต่สุดท้าริมฝีปากเรียกก็ยกยิ้มขึ้น
“คยูฮยอนงั้นเหรอ? ชื่อแปลกดีแหะ คยูฮยอน คยู......ฮยอน”ร่างเล็กว่า และลากเสียงเป็นจังหวะ เดินกึ่งกระโดดกลับบ้านไปอย่างมีความสุข
จะได้เจอกันอีกไหมนะ? คุณคยูฮยอน
ทางด้านคิบอมที่เดินกลับมาที่รถอีกครั้ง ใบหน้าคมยังเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“มีอะไรรึเปล่า? คนนั้นเค้าเป็นอะไรมากมั้ย?”จุนซูที่นั่งรออยู่ในรถถามขึ้น
“เค้าไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ตกใจนิดหน่อย ผมให้นามบัตรเค้าไว้แล้วเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น”คิบอมตอบกลับอย่างสุภาพ
ผู้เป็นนายพยักหน้ารับ สายตายังคงจับจ้องบอร์ดี้การ์ดคู่ใจอย่างสงสัย
คยูฮยอนมาทำอะไรที่นี่ รึว่าคนของแก๊ง SUJU ก็ออกตามหาคุณยุนโฮเหมือนกัน อย่างนี้ไม่ได้การต้องรีบหาตัวคุณยุนโฮให้เจอก่อนฝ่ายนั้นให้ได้
คิบอมคิดอย่างกลัดกลุ้ม ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่รายงานเรื่องนี้ให้จุนซูทราบ เพราะกลัวว่าเจ้านายจะคิดมากจนล้มป่วยไปอีก
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ ป่านนี้ดงแฮรอที่สนามบินแย่แล้ว ขืนไปช้าเจ้านั่นได้หงุดหงิดโวยวายแน่”จุนซูพูดทำให้ร่างสูงได้สติรีบออกรถอย่างว่องไว
เมื่อรถลีมูซีนสีดำเคลื่อนตัวมาจนถึงสนามบิน เจ้านายร่างบางและบอร์ดี้การ์ดรูปหล่อก็รีบตรงมาที่พักของผู้โดยสารทันที ที่นั่นร่างเพรียวบางของชายหนุ่มคนหนึ่ง ผมซอยยาวเคลียไหล่ ดวงตาถูกบดบังด้วยแว่นดำอันหนา แต่กลับสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงสบายๆ มีเพียงสร้อยเงินเส้นยาวเป็นเครื่องประดับ แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอที่จะโดดเด่นสะดุดตากว่าคนรอบข้าง ในมือถือโทรศัพท์หมุนไปมาอย่างบอกอารมณ์ว่าหงุดหงิดเพียงใด .
จุนซูยิ้มออกมานิดนึ่งก่อนที่จะเดินนำหน้าคิบอมเข้าไปหาชายหนุ่ม พอคนตรงหน้าเห็นทั้งสองก็รีบถอดแว่นออก เผยให้เห็นดวงหน้าใสๆ ที่สะกดใจผู้พบเห็น
“มาช้าเป็นบ้าเลย ให้ชั้นรอตั้งนาน”แม้จะกล่าวอย่างหงุดหงิด แต่ใบหน้ากลับยิ้มโอบกอดเพื่อนรักที่เดินเข้าไปหา หอมแก้มซ้ายขวาของอีกฝ่ายอย่างคิดถึง
“ขอโทษ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”จุนซูพูดยิ้มๆ พลางกอดตอบ
“อุบัติเหตุ? แล้วนายเป็นอะไรรึเปล่า”ถามออกมาอย่างตกใจ หมุนตัวอีกฝ่ายไปมา จุนซูหัวเราะแล้วส่ายหน้าทันที
ดงแฮเพิ่งจะเหลือบมองเห็นร่างสูงอีกคน ที่ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนรัก
“คุณ....ยูชอนเหรอ?”ถามออกมาพลางชึ้หน้าคิบอม
คิบอมส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ผมคิบอมครับ...เป็นบอร์ดี้การ์ดของคุณจุนซู”แนะนำตัวพลางก้มหน้าคำนับ
ดงแฮพยักน้า ปากเรียวอ้าค้างเหมือนจะร้องว่าอ้อ.... แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“ชั้นดงแฮ เป็นเพื่อนจุนซูที่อังกฤษ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณบอร์ดี้การ์ดรูปหล่อ คงจะไม่เป็นการรบกวนนะ ถ้าชั้นจะขอให้คุณช่วยแบกกระเป๋าพวกนี้ไปที่รถให้ชั้นด้วย”เอ่ยพลางยิ้มหวาน แล้วเดินเข้าโอบกอดร่างสูงที่ยืนตัวแข็ง
เมื่อร่างบางตรงหน้าจู่โจมเข้ามา ดงแฮมองอาการร่างสูงแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุก เลยหอมแก้มอีกฝ่ายสักที แล้วค่อยพละออกมาหาจุนซู
“อย่าไปแกล้งเค้าน่า”จุนซูกระซิบ แล้วดึงมือเพื่อนรักที่ยังหัวเราะคิกคัก หันไปมองบอร์ดี้การ์ดหนุ่มที่ตอนนี้ยืนตัวแข็งหน้าแดงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปสะกิด พอคิบอมได้สติก็พบกับรอยยิ้มบางๆ จากเจ้านาย จึงรีบเสไปยกกระเป๋าใบใหญ่ที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาเดินนำไป
“น่ารักอย่างนี้ ไม่แกล้งได้ไงไหว?”ดงแฮพูดพลางยิ้ม จุนซูได้แต่มองเพื่อนแล้วยิ้มอย่างระอา นึกสงสารบอร์ดี้การ์ดของตนจับใจ
“แล้วนายกลับมานี่ พี่ชายนายเค้ารู้รึยัง?”จุนซูถามเพื่อนรักข้างกาย ดงแฮส่ายหน้าทันที
“ยังไม่รู้หรอก ว่าจะโทรบอกอยู่เหมือนกัน แต่ชั้นยังไม่อยากกลับไปเจอหน้าพี่บ้านั่นหรอก ชั้นขออยู่กับนายสักพักนึงนะ”พูดพลางกอดแขนเพื่อนรักอย่างออดอ้อน จุนซูเหลือบมองอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนที่จะพยักหน้ารับยิ้มๆ
สงสัยงานนี้คิบอมได้เจอศึกหนักแน่
พอเห็นเพื่อนอนุญาตดงแฮก็กอดรัดอีกฝ่ายอย่างดีใจ
“แต่น่าเสียดายนะ นายน่าจะพาคุณยูชอนมาด้วย ชั้นอยากเห็นหน้าสุดที่รักของนายใจจะขาด”กระซิบข้างหูเพื่อนรักที่เริ่มแดงขึ้น ในขณะเดียวกันดวงตาสวยก็แลเศร้าลงเพียงแป๊ปเดียวก็กลับมาสดใสขึ้นอีกครั้ง
“เดี๋ยวก็ได้เจอเองแหละ”พูดยิ้มๆ พลางจูงมืออีกฝ่ายให้เดินตามคิบอมไป
ดงแฮเป็นเพื่อนของเค้าที่รู้จักกันตอนที่ไปเรียนที่อังกฤษ อาจเป็นเพราะเป็นคนเกาหลีเหมือนกันเลยสนิทกันง่าย อีกอย่างดงแฮก็เป็นคนร่าเริงสนิทกับคนง่าย ถึงอย่างนั้นเค้าก็ไปรู้เลยว่าดงแฮนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รู้แต่ว่ามีเพียงพี่ชายคนเดียวที่คอยส่งเงินให้ ไม่มีพ่อแม่เหมือนกับเค้า เลยทำให้ทั้งสองคนยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น จนกล้าที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟัง
-----------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
กลับมาที่คลินิกหมอฮัน
ซึ่งตอนนี้เจ้าของคลินิกกำลังตรวจร่างกายของชางมิน และฉีดยาให้ แม้ว่าหนุ่มน้อยจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเข็ม แต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน้อยคนนี้จะมีร่างกายอ่อนแอ แต่จิดใจกลับเข้มแข็งยิ่งกว่าเค้าซะอีก นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เค้าเอ็นดูพี่น้องคู่นี้ก็ได้
ซึ่งตอนนี้เจ้าของคลินิกกำลังตรวจร่างกายของชางมิน และฉีดยาให้ แม้ว่าหนุ่มน้อยจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเข็ม แต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน้อยคนนี้จะมีร่างกายอ่อนแอ แต่จิดใจกลับเข้มแข็งยิ่งกว่าเค้าซะอีก นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เค้าเอ็นดูพี่น้องคู่นี้ก็ได้
“เอ้า เสร็จแล้ว”พูดพลางหันไปจัดยาให้ ชางมินมองคนที่เค้าเคารพมาตลอดแล้วยิ้ม
“หมอฮันก็ออกจะหล่อ นิสัยก็ดี แถมยังมีอาชีพการงานดีอีก สาวๆ ก็มาชอบเยอะ
แยะ แต่ทำไมคุณหมอที่น่ารักของผมถึงยังปล่อยตัวเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้นะ”ชางมินพูดพลางเหล่ตามองอีกฝ่ายที่หันมายิ้ม
แยะ แต่ทำไมคุณหมอที่น่ารักของผมถึงยังปล่อยตัวเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้นะ”ชางมินพูดพลางเหล่ตามองอีกฝ่ายที่หันมายิ้ม
“อาจจะรอให้นายโตก่อน แล้วชั้นค่อยไปสู่ขอกับแจจุงก็ได้”
“ดูพูดเข้า ไม่ใช่ว่าในใจหมอมีใครอยู่เหรอครับ อาจจะเป็นคนที่เกี่ยวกับตุ๊กตาไม้ตัวนั้นก็ได้”ชางมินพูดพลางชี้ตุ๊กตาไม้ในตู้โชว์ ฮันกยองมองเด็กหนุ่มแล้วเดินมาขยี้ผมคนพูดอย่างหมั่นไส้ ที่ทำเหมือนรู้ไปซะทุกเรื่อง
“พูดอย่างกับอ่านใจหมอออกงั้นแหละ”
“แน้....แสดงว่าผมพูดถูก”หนุ่มน้อยพูดพลางชี้อีกฝ่ายที่เริ่มแดงเรื่อขึ้น แล้วหัวเราะชอบใจ
“หมอครับ ผมมาให้ตรวจดูแผลหน่อย”เสียงของยูโนวดังขึ้น ทำให้ทั้งสองหันไปมองผู้มาใหม่อย่างสนใจ
“นายมาพอดีเลย เดี๋ยวพาเจ้าเด็กนี่กลับไปด้วย ชักจะพูดมากขึ้นทุกที”ฮันกยองพูดพลางหันไปตรวจแผลของร่างสูง
“พูดแทงใจดำเข้าหน่อย ทำเป็นรับไม่ได้”ชางมินว่าพลางทำหน้ามุ่ยใส่ ฮันกยองเหลือบมองแต่ก็ไม่สนใจหันมาตรวจแผลของยูโนวต่อ
“แผลสมานดีขึ้นมากแล้วล่ะ อีกวันสองวันก็หาย”พูดพลางพันแผลให้ใหม่ แล้วจัดยามาให้ร่างสูง คนป่วยและคนเจ็บทั้งคู่คำนับขอบคุณแล้วพากันไปขี่มอร์ไซด์ที่ยูโนวขี่มาโดยมีชางมินซ้อนท้ายกลับไปด้วย ฮันกยองมองทั้งสองยิ้มๆ แล้วหันกลับไปมองตุ๊กตาไม้ในตู้โชว์อีกครั้ง
“มันนานแค่ไหนแล้วนะ ที่เราไม่ได้เจอกัน”พูดกับตัวเองเบาๆ พลางหยิบตุ๊กตาไม้มาลูบไล้อย่างทนุถนอม ภาพวันเก่าๆ ไหลเวียนกลับมาราวกับหนังที่ฉายซ้ำไปมาไม่หยุด เหมือนกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งจะผ่านไปได้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง
เสียงใสๆ พร้อมกับใบหน้าหวานของเด็กชายอีกคนที่เติบโตมาด้วยกันก็แจ่มชัดขึ้นมาในความทรงจำ ใบหน้าที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไรก็ไม่เคยลืมเลือน
เมื่อก่อนชายหนุ่มโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้รู้จักกับเพื่อนหน้าหวานที่ให้ตุ๊กตาตัวนี้กับเค้า
“ชั้นให้นายแล้วกัน ต่อจากนี้เราเป็นเพื่อนกันนะ”เด็กชายตัวเล็กใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใส พูดด้วยรอยยิ้มพลางยื่นตุ๊กตาไม้ให้เด็กชายอีกคนที่นั่งเงียบไม่ยอมพูดจากับใคร
เจ้าตัวจะรู้บ้างมั้ยนะ ว่ารอยยิ้มนั้นทำให้เค้าหายใจขัดเพียงใด หลังจากนั้นทั้งคู่ก็สนิทกันมากขึ้น จนมาถึงวันที่ต้องแยกจาก วันที่มีคนมารับทั้งคู่ออกไปจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้น ตั้งแต่นั้นมาเค้าก็ไม่มีโอกาสได้พบใบหน้าหวานนั้นอีกเลย
ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันนะ....ฮีซอล
ณ สวนหญ้ากว้างใหญ่ ที่มีป้ายหินสีขาวนับร้อยนับพันตั้งอยู่บนผืนหญ้าเขียวชอุ่ม ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มยืนทอดสายตามองหลุมศพประจำตระกูล ดวงตาคมเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก
“พ่อครับ อีกไม่นาน ผมจะส่งมันไปหาพ่อ มันจะต้องได้รับโทษที่ทำกับพ่ออย่างนี้ ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่......ชอง ยุนโฮ”เสียงทุ้มต่ำกล่าวหนักแน่นกับป้ายหลุมศพ ก่อนที่จะผินตัวเดินกลับมาที่รถ ซึ่งมีลูกน้องจำนวนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว
ซีวอนก้าวขึ้นรถก็พบกับร่างบางที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าสวยหันมามองพลางยิ้มหวาน ชายหนุ่มโอบไหล่บางนั้นไว้ซึ่งเจ้าตัวก็เต็มใจเขยิบเข้ามาแนบชิดกับอกกว้างอย่างออดอ้อน
“ทำไม ไม่ให้ผมไปไหว้หลุมศพพ่อคุณบ้าง?”ร่างบางกล่าว
“มันไม่ใช่ที่ที่นายควรไป...ฮีซอล”ซีวอนพูดเสียงเรียบ
ขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น มือหนายกขึ้นมากดรับแล้วกรอกเสียงลงไปทันที
‘พี่เหรอนี่ผมเองนะ’เสียงสดใสดังมาตามสาย
“แกเองเหรอ....เจ้าตัวแสบ กลับมาเกาหลีตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอก”ซีวอนว่าเรียวปากยกยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของน้องชายเพียงคนเดียว
‘แหม....น้องนุ่งโทรมาแทนที่จะบ่นคิดถึง ดันมาว่า รู้งี้ไม่โทรมาสักก็ดีหรอก’ปลายสายพูดกระเง้ากระงอดอย่างน่ารัก ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากร่างสูงได้ทันที
‘ผมเพิ่งกลับมาวันนี้นี่แหละ แต่ยังไม่กลับบ้านนะ จะอยู่บ้านเพื่อนก่อน’
“ชั้นไม่ยักรู้ว่าแกมีเพื่อนที่เกาหลี?”ถามอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่รู้มาน้องชายของตนก็โตที่อังกฤษมาตลอด จะกลับมาที่เกาหลีอย่างมากก็แค่ปีละครั้ง
‘ก็รู้จักตอนอยู่ที่อังกฤษน่ะแหละ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมสบายดี แล้ววันหลังจะแวะไปหา ผมรักพี่นะครับ แค่นี้นะ บ๊าย...บาย......จุ๊บ..อะ I LOVE YOU’เสียงใสยังคงกรอกมาไม่หยุด ซีวอนได้แต่ยิ้มกับมือถือตนเองก่อนที่จะวางสายไป
“เจ้าดงแฮน่ะ กลับมาเกาหลีแล้วแต่คงไปเที่ยวที่ไหนกับเพื่อนก็ไม่รู้”ซีวอนบอกเล่า ใบหน้ายังคงยิ้มเมื่อนึกถึงน้องชายสุดที่รัก
ฮีซอลเงยหน้ามองใบหน้าคมที่อยู่ห่างเพียงคืบ ปากเรียวยิ้มตอบอีกฝ่าย แต่ดวงตาเรียวกับแลดูเศร้าสร้อย
เค้ารู้ว่า ถึงแม้ซีวอนจะซื้อตัวเค้าออกมาจากซ่อง พาเค้าออกหน้าออกตาในสังคมมากกว่าคู่ขาคนอื่นที่เป็นเพียงที่ระบายความใคร่ พาไปไหนมาไหนเอาใจทุกอย่าง สิ่งที่อยากได้จะถูกจัดหามาให้อย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งเดียวที่เค้าไม่ได้คือ....ความรัก
ทุกสิ่งที่ได้มันเป็นเพียงการดูแลตุ๊กตาที่เป็นของเล่นชิ้นโปรดเท่านั้น เค้ารู้มาตลอดมาไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในหัวใจที่มืดมิดของคนๆ นี้ได้....ไม่เคยเลย แต่เค้าก็เต็มใจที่จะรัก และพอใจที่ได้อยู่เคียงข้างคนๆ นี้ แม้ว่าต่อไปอาจจะถูกขว้างทิ้งราวกับของเล่นที่น่าเบื่อก็ตาม
------------------------------------------------------------------------
ครบตอนสักที ขอโทษที่มาอัฟช้า เกินอุบัติเหตุทางเทคนิคนิดหน่อย
ตอนนี้ก็คงพอจะรู้แล้วว่าหมอฮันของเราคู่ใคร
ส่วนรูปของSJ ที่คยูหายต้องขอโทษจริงๆ ว่างเมื่อไหร่ เราจะหามาเปลี่ยนนะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และคอมเม้นท์
อ่านจบแล้วอย่าลืมเม้นท์กันด้วยนะ อยากให้คู่ไหนออกก่อน
ถ้าเม้นท์มามากเราอาจจะลัดคิวมาให้ก่อนเลยตามความต้องการของคุณผู้อ่าน
^-^----------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------
ครบตอนสักที ขอโทษที่มาอัฟช้า เกินอุบัติเหตุทางเทคนิคนิดหน่อย
ตอนนี้ก็คงพอจะรู้แล้วว่าหมอฮันของเราคู่ใคร
ส่วนรูปของSJ ที่คยูหายต้องขอโทษจริงๆ ว่างเมื่อไหร่ เราจะหามาเปลี่ยนนะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และคอมเม้นท์
อ่านจบแล้วอย่าลืมเม้นท์กันด้วยนะ อยากให้คู่ไหนออกก่อน
ถ้าเม้นท์มามากเราอาจจะลัดคิวมาให้ก่อนเลยตามความต้องการของคุณผู้อ่าน
^-^----------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น