ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : สายลมแห่งความว่างเปล่า
ตอนที่ 12
สายลมแห่งความว่างเปล่า
ดองวุคที่เดินกลับเข้าบ้าน หลังจากหายไปรักษาแผลใจที่ทะเลมาเกือบอาทิตย์ ก็พบแม่เค้านั่งหน้าบึ้งรออยู่ก่อนแล้ว
“แกหายหัวไปไหนมา?”ผู้เป็นแม่ถามหน้าบึ้ง ดองวุคไม่ตอบ ทำท่าจะเดินหนีเข้าห้องไป “ชั้นได้ข่าวว่า ไอ้เจ้าของร้านอาหารนั่นมันมีแฟนแล้วนี่ แถมได้คนงานซะด้วย แกก็อย่างไปยุ่งกับมันให้ชั้นขายหน้าอีกล่ะ แล้วพรุ่งนี้ไปทำงานที่บริษัทด้วย”พูดยาวเหยียดก่อนที่สั่งเสียงเฉียบขาด แล้วเดินจากไป
ดองวุคทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง น้ำตาทำท่าจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันถึงเวลาที่จะหยุดแล้ว เค้าต้องหยุดเสียใจกับเรื่องแจจุงสักที
วันรุ่งขึ้น ดองวุคขับรถอีกคันไปที่บริษัทส่งออกขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเจ้าของบริษัทเค้าไปแล้วถึง 60% ชายหนุ่มขึ้นไปยังชั้นบนสุด แล้วเดินเข้าไปหาเลขาแสนสวยที่นั่งอยู่หน้าห้องท่านประธาน
“ผมดองวุค จากบริษัทเซเว่น ต้องการมาขอพบท่านประธานครับ”ชายหนุ่มพูด เลขาคนสวยเงยหน้ามามองพลางยิ้มอย่างมีมารยาท
“เชิญค่ะ ท่านประธานรอพบคุณอยู่แล้ว”หญิงสาวพูดพลางผายมือเชื้อเชิญ ดองวุคกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าประตูบานใหญ่ไป
พอเข้าไปภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม และกว้างขวาง สามารถมองเห็นตึกเล็กตึกน้อยด้านนอกจากกำแพงกระจกขนาดใหญ่ ตรงกลางมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ แต่ที่เก้าอี้บุหนังที่น่าจะมีท่านประธานอยู่กลับหันหลังให้ จนชายหนุ่มไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย
“ผมดองวุค จากบริษัท เซเว่น จำกัดคับ มารายงานตัวเพื่อศึกษางานครับ”
“เชิญนั่งครับ....คุณดองวุค”คนที่นั่งอยู่หลังโซฟาพูดขึ้นโดยที่ยังไม่หันมา ดองวุคเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามทันที
“เป็นไงบ้างครับ....รถคุณ? ซ่อมเสร็จรึยัง? ของผมแย่เลย ต้องเข้าอู่เป็นเดือน”อีกฝ่ายพูดต่อพร้อมกับหันมามองหน้าดองวุคตรงๆ
“นาย...!”ดองวุคมองหน้าอีกฝ่ายตาโต ยมมือขึ้นชี้หน้าอย่างตกใจ
ก็ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ดันเป็นคนเดียวกับที่ขับรถชนกับเค้าเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะสิ!
ร่างสูงหลังโต๊ะทำงานมองท่าทางนั้นยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นจับมือที่ชี้หน้าเค้าอยู่ให้ลดลงจนวางอยู่บนโต๊ะ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออก
“ผมจีฮุน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ...คุณดองวุค”ร่างสูงพูดพร้อมกับส่งตาเป็นประกายไม่แพ้รอยยิ้ม แถมมือที่จับมือดองวุคอยู่ ยังลูบไล้ไปมาบนผิวเนียนเล่น
ดองวุคที่เริ่มรู้สึกตัวว่าถูกลวนลามก็รีบชักมือกลับ พลางถลึงตาใส่ดวงตาเป็นประกายคู่นั้น
“ผมต้องมาศึกษางานที่นี่ ไม่ทราบว่าคุณจะให้ผมเริ่มจากแผนกไหนก่อน?”ดองวุคพยายามพูดเป็นการเป็นงาน ไม่สนใจระยิ้มกับตาเป็นประกายนั่น
“ถ้ามัวแต่ศึกษาทีละแผนก เมื่อไหร่คุณจะศึกษาครบล่ะ ผมคิดไว้แล้วว่า.....จะให้คุณมาเป็นเลขาผมดีกว่า ศึกษางานจากผมนี่แหละ....ดีที่สุด”จีฮุนพูดพลางยื่นหน้าเข้ามากระซิบคำสุดท้ายที่ข้างหู ทำให้ดองวุคถอยหลังหนีทันที มองรอยยิ้มบนใบหน้าคมอย่างตกใจ
“ผมว่า...ผมควรศึกษางานตั้งแต่ระดับล่างก่อน จะได้เข้าใจงานมากขึ้น”ดองวุคพูด แต่สายตายังคงมองร่างสูงที่ลุกขึ้นมายืนข้างหลังเค้าอย่างไม่ไว้ใจ มือหนาแตะลงที่ผนักเก้าอี้ แต่ด้วยความที่มองด้วยหางตาทำให้ดองวุคนึกว่าร่างสูงจะจับไหล่เลยผงะหนี จีฮุนมองท่าทางตื่นๆ นั้นอย่างชอบใจ
“ผมเป็นคนสอนงานคุณนะ ผมบอกว่าให้คุณอยู่ศึกษางานกับผม คุณก็ต้องทำตามสิ”ร่างสูงก้มลงพูด แต่ดองวุคไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก้มลงมาจะหันไปเถียง ทำให้จมูกชนกับแก้มหยาบของอีกฝ่าย ใบหน้าขาวแดงเรื่อขึ้นทันที มองอีกคนอย่างตำหนิ
“คุณก็มีเลขาอยู่แล้วจะให้ผมทำอะไรล่ะ?”ดองวุคพูด ก้มหน้าหลบใบหน้าแดงซ่านของตัวเองไว้ไม่ให้ร่างสูงเห็น ในขณะที่จีฮุนมองอย่างชอบใจ
“เค้าก็ทำงานของเค้า คุณก็ทำงานของคุณ ในห้องนี้....กับผม”จีฮุนพูดพลางชี้ตัวเอง ดองวุคได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อคำพูดนั้นดูเฉียบขาด หมดสิทธิต่อรองอะไรได้อีก
แล้วเค้าจะรอดจากเงื้อมมือมันมั้ยเนี่ย?
ณ คฤหาสตระกูลชอย
คยูฮยอนที่หลังจากสังเกตการณ์อยู่ละแวกร้านของแจจุง เพราะกลัวว่าจะเจอพวกของคิบอมเข้าจึงต้องมองดูอยู่ห่างๆ จนแน่ใจว่ายุนโฮมาอาศัยอยู่ที่ร้านอาหารนั้นจริงๆ จึงมารายงานให้ซีวอนรู้
ซีวอนได้ฟังแล้ว กำมือแน่นพลางยิ้มเหี้ยม “คยูฮยอน นายส่งคนไปจับมันมา ชั้นจะฆ่ามันด้วยตัวชั้นเอง”ซีวอนสั่งเสียงเหี้ยมดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความแค้น
ท่ามกลางผู้คนที่คลาคล่ำอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมือง ยูโนวกำลังยืนก้มๆ เงยๆ มองแหวนเงินประดับด้วยหินสีดำหลังกระจกนิ่ง ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างสุขใจ พร้อมกับประตาวิบวับ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองอาทิตย์ก่อน
‘พี่ยูโนว....รู้รึเปล่าอีกสองอาทิตย์ก็จะถึงวันเกิดพี่แจจุงแล้วนะ’อยู่ๆ ชางมินก็เข้ามาพูดกับเค้า ทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้น
‘ยังไม่รู้ล่ะสิ ปกติทุกปีพี่แจจุงเค้าก็ยุ่งจนลืมวันเกิดตัวเองประจำ มีแต่ผมนี่แหละคอยจัดเซอร์ไพรส์ให้เค้าทุกปี แต่ปีนี้....มันเป็นหน้าที่ของพี่นะ’ชางมินพูดพลางเอาศอกกระทุ้งร่างสูงเบาๆ พร้อมกับหลิ่วตา
หลังจากนั้น เค้าก็เที่ยวคิดมาตลอดว่าจะให้อะไรกับคนสวยดี สุดท้ายก็มาพบกับแหวนวงนี้ แต่ราคาที่แปะอยู่ก็สูงเสียจนเหงื่อตกแทบจะตัดใจ แต่หลังจากที่เค้าพยายามแอบทำงานพิเศษมาตลอดสองอาทิตย์ เค้าก็มีเงินพอที่จะซื้อมันได้
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้านที่ดูขัดกับการแต่งตัวโทรมๆ ของตัวเอง แต่ยูโนวก็ไม่คิดจะสนใจ แค่คิดว่าถ้าแจจุงได้เห็นแหวนวงนี้ จะยิ้มหวานขนาดไหนมันก็สุขไปทั้งใจ
แหวนวงนี้ ถือเป็นแหวนหมั้นของผมครับ...แจจุง
วันนี้ยูโนวนัดเจ้าของวันเกิดไว้ที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากห้างแห่งนี้มากนัก โดยบอกแค่ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ไม่ให้คนสวยได้รู้ตัวถึงงานเซอร์ไพรส์ที่เตรียมขึ้น ต่อจากนั้นก็ไปดินเนอร์กันที่ริมแม่น้ำฮัน เดินจูงมือกัน.....
โอ๊ย....อะไรจะโรแมนติกอย่างนี้ >///<
ยูโนวคิดอย่างมีความสุข แล้วซื้อแหวนวงนั้นมาถือไว้ทันที ก่อนจะเดินออกจากห้างเพื่อไปหาคนที่คิดถึง
แต่ร่างสูงไม่รู้เลยว่า เวลานี้มีคนกลุ่มนึงกำลังเดินตามเค้าไปด้วย
ร่างสูงเดินมาได้สักพักด้วยสัญชาติญาณที่มีอยู่ ก็เริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินตามมา ชายหนุ่มพยายามวิ่งหนีและหลบเข้าที่ซอกตึกตรงหน้า เห็นชายชุดดำกลุ่มนึงที่เค้าไม่รู้จักวิ่งมา ยูโนวก็เตะเข้าที่ท้ายทอยคนที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที เหล่าชายชุดดำหันมามองร่างสูงอย่างตกใจ ตั้งท่าจะรุม แต่ด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า ทำให้ยูโนวหลบได้ทุกกระบวนท่าและเสยกลับจนล้มระเนระนาด ชายชุดดำคนนึงเห็นท่าไม่ดี จึงชักปืนออกมาเล็งที่ยูโนวทันที
ร่างสูงมองวัตถุสีดำในมืออีกฝ่ายผงะ
ไอ้พวกนี้เล่นปืนเลยเหรอวะ? แล้วตัวเปล่าอย่างเค้ามีหรือจะสู้ลูกตะกั่วในมือพวกมันได้
ยูโนวเหลียวซ้ายแลขวาหาทางรอด แล้วรีบวิ่งข้ามถนนที่ว่างเปล่าไปอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันสังเกตุรถเบนซ์สีดำที่วิ่งมาด้วยความไวไม่แพ้กัน
เอี้ยด..................!
โครม!
“กรี้ด..............!”
รถเบนซ์คันงามชนเข้ากับร่างสูงอย่างจัง จนกระเด็นไปนอนอยู่ข้างทาง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่อยู่ละแวกนั้น ต่างกรีดร้องอย่างตกใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ยูชอนที่นั่งอยู่ในรถ รีบลงมาดูคนเจ็บทันที พร้อมกับคนขับรถ ดวงตาคมเบิกโตขึ้นเมื่อเห็นหน้าที่มีเลือดซึมออกมาไม่หยุดของคนเจ็บ
“ยุนโฮ!”
พวกชายชุดดำ ที่เห็นยูชอน และคนติดตามก็รีบหนีไปทันที
ยูโนวรู้สึกถึงอาการเจ็บที่หัวอย่างรุนแรง พร้อมกับของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาตามจมูกและปาก ดวงตาหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้น เจ็บจนแทบสิ้นสติ ไม่ได้รับรู้ถึงเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังอยู่รอบข้าง มือหนายังคงกำแหวนในมือแน่น ภาพใบหน้าหวานของอีกคนฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำ......ก่อนที่สติจะดับวูบ
แจจุง..............
ที่สวนสาธารณะ แจจุงที่นั่งรอยูโนวอยู่ตามนัด ใบหน้าหวานยังคงยกยิ้มไม่หยุด
เค้าพอจะรู้ว่า วันนี้ยูโนวนัดเค้ามาทำไม ก็วันนี้เป็นวัดเกิดเค้าน่ะสิ....อย่าคิดว่าเค้าจำไม่ได้นะ ถึงทุกปีจะจำไม่ได้ก็เถอะ แค่เห็นอาการมีลับลมคมในของยูโนวกับชางมินก็พอจะรู้แล้ว
แต่แล้วสายลมเย็นก็พัดวูบมาปะทะใบหน้า พร้อมกับเสียงทุ้มของคนที่กำลังคิดถึงดังขึ้นมาในหัว....เสียงที่เหมือนเรียกชื่อเค้า
แจจุงมองซ้ายแลขวา หาร่างสูงที่คุ้นตา แต่ก็ไม่พบ ใบหน้าหวานเริ่มตระหนกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกสังหรณ์บางอย่างตีขึ้นมาในอกอย่างไม่รู้สาเหตุ รู้สึกหวิวๆ ราวกับจะต้องสูญเสียบางอย่างไป นึกห่วงยูโนวขึ้นมาทันที
“คงแค่หูแว่วน่ะ....แจจุง”ร่างบางพูดปลอบใจตัวเอง ทั้งๆ ที่ใจยังเต้นไม่เป็นส่ำ
แจจุงยังคงนั่งรอจนกระทั่ง ตะวันที่เคยอยู่บนฟ้า เริ่มลดลงต่ำลงจนท้องฟ้าที่สว่างกลับมืดมิด พร้อมกับที่ผู้คนเริ่มบางตาลง มือเรียวถูกบิดไปมาอย่างกังวล
ยูโนวไม่น่าจะหายไปนานขนาดนี้ ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับเค้าเลย ได้โปรด....ขออย่าให้ลางสังหรณ์ของลูกเป็นจริง เค้าจะต้องกลับมาหาลูก
ความหนาวเริ่มเข้ามาคลอบคลุมจนแจจุงต้องถูแขนไปมาเพื่อให้อุ่นขึ้น ไอร้อนออกมาจากปากท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็นจนเป็นควันขาวๆ อยู่ๆ ก็มีมือข้างนึงแตะเข้าที่ไหล่บาง จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง แจจุงหันมองเจ้าของมือยิ้มกว้าง ด้วยคิดว่าเป็นร่างสูงที่คิดถึง แต่พอเห็นใบหน้าเจ้าของมือรอยยิ้มที่มีก็จางลง
“ชางมิน....พี่ลีทึก”แจจุงเรียกทั้งสองคนที่ยืนมองตนอยู่
“ทำไมพี่มานั่งอยู่นี่คนเดียวล่ะ พี่ยูโนวไปไหน? ผมกับพี่ลีทึกเป็นห่วง เห็นว่าดึกแล้วก็เลยออกมาตามหา”ชางมินพูด ลีทึกพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าไปไหน? พี่นั่งรอเค้ามาตั้งแต่บ่ายแล้ว เค้าก็ไม่มา พี่สังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ เค้าไม่เคยหายไปนานอย่างนี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นกับเค้ารึเปล่า”แจจุงพูดเสียงสั่น น้ำตารื้นขึ้นมา
ลีทึกดึงคนพูดมากอดไว้อย่างปลอบโยน “อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย เดี๋ยวเราลองตามหาเค้าดู เค้าอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้”
สุดท้ายทั้งสามคน ต่างแยกย้ายกันออกไปตามหา โดยมีคังอินมาช่วยหาอีกแรง แต่ก็ไร้ร่องรอย ไม่มีวี่แววของยูโนวเลย
แจจุงกลับมาที่ร้านกับชางมิน เมื่อตอนเกือบขึ้นวันใหม่ ใบหน้าหวานยังมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ชางมินได้แต่กอดปลอบไว้
“พี่แจจุง....พรุ่งนี้เราค่อยออกตามหาพี่ยูโนวใหม่ อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะ ยังไงเราก็ต้องหาพี่เค้าพบ....แน่นอน”ชางมินพูดประโยคสุดท้ายอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“พี่ไม่รู้....ชางมิน พี่กลัวว่า เค้าจะเป็นเหมือนลม ที่อยู่ๆ ก็พัดมา แล้วก็พัดไป พี่กลัวเค้าจะไปจากพี่....ชางมิน ทำไม? วันนี้เป็นวันเกิดของพี่แท้ๆ พี่ต้องเจอเรื่องดีๆ สิ......แต่ทำไม? ฟ้าต้องมาพรากคนที่พี่รักไปจากพี่ด้วย......ทำไมชางมิน?”แจจุงพูดไปร้องไห้ไปไม่หยุด
คนเป็นน้องพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กอดพี่ชายไว้แน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาอีกคน เวลานี้เค้าต้องเข้มแข็ง เค้าจะต้องปกป้องพี่ชายคนนี้ไว้ให้ได้
ที่โรงพยาบาล
ยูชอนนั่งรออยู่หน้าห้องไอซียู ที่ยุนโฮหายเข้าไปตั้งแต่บ่าย โดยมีจุนซู ดงแฮ และคิบอมที่เพิ่งรู้เรื่องนั่งอยู่ข้างๆ ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดและเป็นกังวล
ประตูห้องไอซียูถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของคุณหมอ ทุกคนรีบลุกเข้าไปหาทันทีอย่างร้อนใจ
“คุณหมอ...พี่ผมเป็นยังไงบ้างครับ?”จุนซูถามเสียงสั่น
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่สมองได้รับแรงกระแทกมาก หมอต้องขอดูอาการอีกสักระยะ ตอนนี้คงต้องให้คนไข้พักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกสักหนึ่งอาทิตย์”คนในชุดขาวพูด ทำให้ทุกคนในที่นั้นถอนใจพลางยิ้มอย่างโล่งอก
“ในที่สุด พี่ยุนโฮก็ปลอดภัยสักที”จุนซูพูดอย่างดีใจ หันไปกอดดงแฮที่ยิ้มรับอยู่
“พลาดงั้นเหรอ? คยูฮยอน! ทำไมเรื่อแค่นี้ก็ปล่อยให้พลาด!”ซีวอนตะคอกอย่างโมโห มือหนาง้างขึ้นมาหมายจะตบหน้าคยูฮยอน แต่ก็ชักมือกลับไม่ทำ หันไปปัดข้าวของบนโต๊ะแทนอย่างระบายอารมณ์
“ตอนนี้ยูชอนดันโผล่มาช่วยไว้พอดี เราเลยจับตัวยุนโฮมาไม่ได้”คยูฮยอนรายงานเรียบๆ ไม่แสดงอาการใดๆ
“ไอ้ยูชอน!”ซีวอนพูดพลางกำมือแน่น “ถ้ามันไปอยู่กับไอ้ยูชอนแล้ว เราคงเข้าถึงตัวมันยาก ทำไมมันถึงดวงแข็งอย่างนี้นะ”ซีอวนพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด แล้วเหมือนคิดแผนดีๆ ได้ ทำให้ใบหน้าคมยิ้มเย็นขึ้นอีกครั้ง
“งั้นนายส่งคนไปจับคนรักมันมา ชั้นอยากรู้นัก...ถ้ามันรู้ว่าแฟนมันมาอยู่ในกำมือชั้น....มันจะทุรนทุรายแค่ไหน?”ซีวอนสิ่งเสียงเหี้ยม
หลายวันผ่านไป
ไม่ว่าแจจุง ชางมิน ลีทึก คังอิน และเยซองจะช่วยกันตามยังไง ก็ไร้วี่แววของยูโนว จะไปแจ้งความก็ทำไม่ได้ เพราะพวกเค้าไม่รู้ว่าอดีตของยูโนวเคยเป็นผู้ร้ายอยู่ในบัญชีดำของตำรวจรึเปล่า ถ้าแจ้งความไปอาจทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ จนแจจุงเริ่มสิ้นหวัง
หรือยูโนวจะเป็นสายลมจริงๆ พัดมาและพัดไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย ทิ้งไว้เพียงความอบอุ่นและความหนาวเย็นในความทรงจำ
“พวกพี่กลับไปที่ร้านเถอะครับ”แจจุงหันไปบอกลีทึกกับคังอินพลางยิ้มบางๆ ยิ้มที่ชัดกับดวงตาหมองหม่นไร้ประกายนั่น รวมทั้งร่างกายที่ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ผิดที่เคยขาวเนียนกระจ่างก็ดูซีดขาวราวกับคนป่วย
“เถอะครับ...ผมอยู่ได้ นี่ผมก็ปิดร้านมาหลายวันแล้ว เห็นทีวันนี้คงถึงเวลาเปิดร้านสักที แค่นี้ก็เสียรายได้แย่แล้ว”แจจุงพยายามปรับน้ำเสียงให้ร่าเริง เมื่อเห็นว่าทุกคนยังมองเค้าอย่างห่วงใย
“นายด้วย...ชางมิน ไปโรงเรียนได้แล้ว หยุดมาหลายวันแล้ว ถึงนายจะฉลาด แต่หยุดนานๆ อย่างนี้เดี๋ยวไม่จบเอานะ”แจจุงหันไปบอกน้องชายเสียงดุ
“ผมอยู่ได้ ยังไงก็มีเยซองอยู่ทั้งคน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”แจจุงพูดพลางถอนใจก่อนจะยิ้มให้ทุกคนอีกครั้ง
ลีทึกและคังอินพยักหน้าเข้าใจ แต่ลีทึกยังไม่วายหันมากำชับ “งั้นเดี๋ยวตอนเย็น...พี่มาหานะ”ก่อนที่จะเดินไปกับคังอิน
“งั้นผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ”ชางมินพูดพลางจับมือพี่ชายไว้ยิ้มอย่างให้กำลังใจ และหันไปฝากฝังกับเยซองอีกครั้ง แจจุงมองน้องชายยิ้มๆ แต่ดวงตายังคงหมองหม่นเช่นเดิม หันไปมองเยซองก่อนจะทำท่ากระปรี้กระเปร่า
“เรามาจัดร้านกันเถอะ....เยซอง”
ลีทึกและคังอินเดินออกมาด้วยกัน ยังคงไม่วายพูดถึงน้องรักอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่....ยูโนวจะกลับมาก ไม่รู้ตอนนี้...เค้าหายไปไหนของเค้านะ แล้วแจจุงจะต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกนานมั้ย แล้วเราจะทำยังไงดี....คังอิน”ลีทึกเดินบ่นเป็นชุดอย่างหงุดหงิด แล้วหันไปเกาะแขนร่างสูงเป็นเชิงถาม
คังอินจับไหล่บางไว้อย่างเข้าใจความรู้สึก ทั้งสองคนเป็นห่วงน้องทั้งสองจนโมโหโชคชะตา ที่กลั่นแกล้งคนทั้งคู่ให้น้องเค้าต้องเจ็บปวดอย่างนี้ แต่ยังไม่ทันที่คังอินจะได้พูดอะไร โทรศัพท์ของเค้าก็ดังขึ้นซะก่อน ร่างสูงหยิบขึ้นมากดรับอย่างงุนงง
‘คังอิน....ชั้นมีข่าวดีมาบอก คุณยูชอนพบตัวหัวหน้ายุนโฮแล้วนะ ตอนนี้ท่านรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเตซอง พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมท่านกัน นายจะไปด้วยมั้ย?’ชินดงเพื่อนในแก๊งของชายหนุ่ม โทรมาพูดยืดยาวอย่างตื่นเต้น
แม้ว่าคังอินจะตาโตอย่างดีใจ แต่พอเห็นใบหน้าเศร้าของลีทึกก็ต้องตัดใจ
เวลานี้เค้าควรจะอยู่ข้างๆ คนสวยมากกว่า
“ชั้นไม่ไปหรอก พอดีเกิดเรื่องที่นี่นิดหน่อย พวกนายไปเถอะ”ตัดที่จะปฏิเสธไป แม้ว่าจะเสียดายก็ตาม
‘นายไม่ไปแน่เหรอ? นี่เป็นโอกาสเดียวเลยนะ ที่เราจะได้พบหัวหน้ายุนโฮ และคุณยูชอน นายรอเวลาที่จะได้พบทั้งสองคนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?’ชินดงส่งเสียงแปลกใจมาตามสาย
ร่างสูงได้ยินอย่างนั้นก็เหลือบมองคนข้างตัวอีกครั้ง....อย่างลังเล ลีทึกมองท่าทางนั้นก็เดาออก เค้าพอจะได้ยินเสียงที่ดังผ่านโทรศัพท์มา และรู้ว่าคนข้างตัวอยากไปแค่ไหน?
“ไปเถอะ....ชั้นอยู่คนเดียวได้”ลีทึกพูดพลางจับแขนร่างสูงไว้ยิ้มๆ
คังอินยังไม่ตอบปลายสายไป กลับมองคนข้างตัวนิ่ง
“รีบไปรีบมาล่ะ....ชั้นจะรอที่ร้าน”ลีทึกพูดตัวบทพลางยิ้ม แล้วเดินจากไปทันที ไม่รอให้ร่างสูงได้ลังเลอีก
คังอินจึงบอกชินดงว่าจะไปด้วย และรีบไปสมทบกับเพื่อนทันที เพื่อที่จะได้ไปพบคนที่เค้าเคารพนับถือ แม้จะยังไม่เคยได้พบตัวจริงสักครั้งเลยก็ตาม
คังอินและชินดงกับเพื่อนอีกสองสามคน มาที่โรงพยาบาลอย่างตื่นเต้น เมื่อเดินไปที่ห้องพักที่เพื่อนเค้ารู้มาว่าเป็นที่พักฟื้นของยุนโฮ ด้านหน้าห้องนั้นมีทั้งเหล่าบอร์ดี้การ์ด และคนในแก๊งยืนออกันอยู่เต็มไปหมด
ชินดงพาพวกเค้าไปที่ประตูทันที พลางก้มลงคำนับคนที่มีระดับสูงกว่าตลอดทาง จนประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมกับที่ยูชอนเดินออกมา พวกเค้ารีบคำนับทันที พอรู้ว่าเป็นยูชอนทุกคนก็มองอย่างชื่นชมก่อนที่ ชินดงจะแนะนำตัวเองและเพื่อนๆ พร้อมกับส่งของเยี่ยมให้ ยูชอนรับไปยิ้มๆ แล้วเดินนำเข้าห้องไป
“นี่ก็หลายวันแล้ว แต่ยุนโฮยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย ตอนนี้เราทำได้แค่รอเท่านั้น”ยูชอนพูดเรียบๆ
พอเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนก็มองคนบนเตียงอย่างสนใจ คังอินมองคนบนเตียงนิ่ง ใบหน้าคมที่คุ้นตาโผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม แทบทำให้เค้ายืนไม่อยู่ สีหน้าดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด จนทุกคนในที่นั้นมองท่าทีนั้นอย่างสนใจ
“ยูโนว.....”คังอินอุทานเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ยังคงมองใบหน้าของคนบนเตียงไม่กระพริบ
ยูโนวคือคุณยุนโฮ....มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้ จริงสิ....ช่วงเวลาที่คุณยุนโฮหายตัวไป ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ยูโนวมาอยู่กับแจจุง ทำไมเราไม่คิดได้ก่อนหน้านี้นะ นี้เค้าอยู่กับคุณยุนโฮ คุยเล่นกับท่านมาเป็นเดือนเลยเหรอเนี่ย?
แจจุง.......
ร่างสูงพยายามตั้งสติ ที่เกือบจะน็อกเมื่อได้รู้ความจริง ก่อนจะขอตัวออกมา แล้วรีบโทรหาแจจุงด้วยมือที่สั่นเทา
“แจจุง...พี่เจอยูโนวแล้ว เค้าอยู่ที่โรงพยาบาลเตซอง”คังอินพูดรัวเร็วเมื่อแจจุงรับสาย แล้วเดินลงไปรอที่หน้าโรงพยาบาลทันที
แน่นอนว่า พอได้ยินคำพูดของคังอิน แจจุงก็รีบวิ่งออกมาจากร้านทันทีอย่างดีใจ ไม่ทันได้บอกอะไรเยซอง ที่มองอย่างงุนงง จะตามไปก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยู่เฝ้าร้าน
เพียงไม่นาน แจจุงก็วิ่งมาหาคังอินหน้าตาตื่น ร่างบางหอบจนตัวโยน
“จริงเหรอ...พี่คังอิน...ที่ว่า......เจอ.....ยูโนว”แจจุงพูดพลางหอบ แต่ใบหน้าแสดงถึงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด
คังอินพยักหน้ารับ “ใช่...ยูโนว เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้พักอยู่ข้างบน”คังอินพูดเพียงแค่นั้นไม่สามารถพูดออกไปได้ว่า ตอนนี้ยูโนวไม่ใช่ยูโนวคนเดิมอีกแล้ว เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังของแจจุง เลยเลือกที่จะเก็บไว้ แล้วพาร่างบางไปที่ห้องที่เค้าเพิ่งเดินจากมา
เราจะได้พบกันแล้วนะ....ยูโนว!
-------------------------------------------------------------
มาอัฟให้แล้วน้า.....................
ตอนนี้อาจจะเศร้าไปนิด.....แต่คงไม่นานหรอก (มั้ง)
ถ้ายังไงช่วยติดตามกันด้วยน้า......................
แล้วอย่าลืมเม้นท์ให้ด้วย.....อยากอ่านมั่งอ่ะ.....555+
มาอัฟให้แล้วน้า.....................
ตอนนี้อาจจะเศร้าไปนิด.....แต่คงไม่นานหรอก (มั้ง)
ถ้ายังไงช่วยติดตามกันด้วยน้า......................
แล้วอย่าลืมเม้นท์ให้ด้วย.....อยากอ่านมั่งอ่ะ.....555+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น