ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ขอบคุณ...ที่รักกัน
ตอนที่ 10
ขอบคุณที่รักกัน
พระอาทิตย์คล้อยลงต่ำจนแทบจะจมหายไปในพื้นดิน บ่งบอกว่าเป็นเวลาโพล้เพล้เต็มที ร้านค้าละแวกนั้นต่างพากันเก็บข้าวของกลับบ้าน แจจุงที่ออกมาส่งอาหารให้ลูกค้าที่ห่างจากร้านมาพอสมควรแทนรยอวุคที่เคยทำหน้าที่นี้ หลังจากที่รยอวุคขาเจ็บที่ร้านต้องพลัดเปลี่ยนกันออกมาส่งอาหารให้ลูกค้า ยกเว้นชางมินที่ไม่ว่ายังไง แจจุงก็ไม่ยอมให้ออกมาส่งอาหารไกลๆ อย่างนี้เพียงลำพัง ดีที่บางครั้ง ลีทึก คังอิน และซองมินแวะเวียนกันมาช่วยตามแต่โอกาส ทำให้ความวุ่นวายลดลงไปได้มาก
ร่างบางมองบรรยากาศเงียบเหงารอบข้าง ไม่น่าเชื่อว่าแค่หัวค่ำผู้คนแถวนี้ก็พากันหายไปหมด ไม่เหมือนแถวร้านเค้าที่เป็นย่านชุมชน ทำให้มีคนพลุกพล่านอยู่จนดึก พอส่งอาหารเสร็จแจจุงก็ต้องเดินกลับที่ต้องใช้เวลาอีกประมาณยี่สิบนาทีกว่าจะถึงร้าน
รู้งี้เอารถมาก็ดีหรอก ไม่นึกว่าจะไกลขนาดนี้ ร่างบางบ่นพึงพำในใจ
แจจุงเดินต่อไปโดยไม่ได้สังเกตว่าตัวเองกำลังเป็นเป้าสายตาของกลุ่มวัยรุ่นที่เคยมาทำลายข้าวของที่ร้าน ที่กำลังจับกลุ่มกินเหล้าอยู่ในร้านอาหารข้างทางเล็กๆ ไม่ไกลจากที่เจ้าตัวเดินอยู่นัก
“เฮ้ย...นั่นมันเจ้าของร้านอาหารที่ไม่ยอมจ่ายเงินเรานี่หว่า”พวกมันคนหนึ่งใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนให้หันไปมองตาม
“มาส่งอาหารมั้งวะ ขยันจริงๆ มาส่งยันนี่”
“ขยันๆ อย่างนี้น่าเอามาเป็นเมียนะ มึงว่าไง?”อีกคนถามความเห็นเพื่อน
“นั่นมันผู้ชายนะเว้ย”
“ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่ขาวและสวยขนาดนั้น ทั้งชาติมึงก็หาไม่ได้หรอก กูอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมั่งวะ พวกมึงเอาด้วยมั้ย? สวยอย่างนี้หายากนะมึง”ข้อเสนอแกมชักชวนของพวกมันคนนึงทำให้ทุกคนต้องหันมามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา แล้วก็ต่างพากันยิ้มเห็นด้วยกับความคิดอุบาทว์อันนี้
พวกมันพยักหน้าชวนกันเดินตามแจจุงไปห่างๆ โดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัวว่า เวลานี้ตัวเองไม่ได้เดินกลับร้านเพียงลำพังซะแล้ว
กลุ่มวัยรุ่นเดินตามแจจุงมาได้เกือบครึ่งทาง ร่างบางก็เริ่มรู้ตัว แจจุงหันมามองกลุ่มวัยรุ่นทั้งห้าคนที่ตามหลังมาอย่างไม่ไว้ใจ เมื่อเริ่มจำได้ว่าพวกมันเป็นใคร เท้าเรียวก้าวเร็วขึ้นโดยอัตโนมัติจนกลายเป็นวิ่ง แต่ความรีบร้อนนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อพวกนั้นเร่งฝีเท้าตามทันในที่สุด ร่างบางตัดสินใจทิ้งข้าวของในมือออกวิ่ง แต่ก็ไปได้ไม่กี่ก้าว
ใครคนหนึ่งในกลุ่มของพวกมัน ตามมากระชากผมของร่างบางไว้ได้ และออกแรงดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชกเข้ามาที่ใบหน้าขวาอย่างจัง แจจุงถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจและเจ็บปวด เมื่อร่างถูกเหวี่ยงลงไปคลุกกับพื้นจนผิวขาวถลอกปอกเปิกไปหมด หนำซ้ำเลือดยังซึมออกมาจากปากจากการถูกชกเมื่อกี้
เสียงร้องนี่เองที่ทำให้ยูโนว ซึ่งกำลังขี่มอไซด์เพื่อมารับร่างบางขับอยู่ไม่ไกลนัก ต้องหยุดชะงัก เงี่ยหูฟังอย่างสนใจ
แจจุงพยายามดิ้นรนและต่อสู้สุดแรง แต่คนเพียงคนเดียวกับคนห้าคน มีหรือที่จะต่อกรไหว กำปั้นรุ่นๆ ของมันก็ตุ้ยเข้ามาเต็มท้อง ในขณะที่อีกคนก็ฟาดเข้ามาที่สันคอจนมึนไปหมด ร่างบางทั้งเจ็บและจุกจนแทบร้องไม่ออก ตัวงอเป็นกุ้งลงไปนอนอีกหน ขณะที่พวกมันอีกสองคนเข้ามาจับต้นแขนเรียวคนละข้าง ลากเข้าข้างทางอย่างรวดเร็ว โดยมีพวกอีกสองคนเฝ้าต้นทางไว้ และไอ้คนต้นคิดก็เดินตามเข้าไปอย่างกระหยิ่มใจ
แจจุงหายใจถี่ๆ ด้วยความเจ็บปวดและแสบไปหมด หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวและความโกรธที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ร่างบางถูกจับแขนและขาตรึงไว้ด้วยพวกมันอีกสองคน มือหนาปิดปากที่ตั้งท่าจะร้องไว้แน่น จึงทำได้เพียงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเคียดแค้น และดิ้นรนขัดขืนไปมาด้วยแรงที่เหลือเพียงน้อยนิด ซึ่งก็แทบจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
มือหยาบกระด้างจับคางมนบีบให้เงยหน้าขึ้นรับจูบหนักหน่วงรุนแรง ที่ตั้งใจมอบให้ ลิ้นหนาความหาความหวานละมุนอย่างหนำใจ สัมผัสชวนสะอิดสะเอียนทำให้ร่างบางแทบทนไม่ไหว กัดลิ้นผู้บุกรุกเข้าเต็มแรงจนอีกฝ่ายต้องพละถอนปากออกอย่างโมโห
“กัดกูเหรอมึง!”คนพูดไม่รอช้าง้างมือตบจนหน้าหัน แก้วขาวขึ้นรอยแดงและบวมช้ำ
“สารเลว! พวกแกไม่มีวันได้ตายดีแน่”ร่างบางตะโกนด่า ดวงตาใสวาววับด้วยความโกรธแค้น
เสียงนี่เองที่ทำให้ยูโนว ซึ่งเดินอยู่ไม่ไกลได้ยินชัดเจน และรีบวิ่งตามมา
“ปากดีนักนะ กูอยากรู้นัก เวลาที่ปากร้ายๆ นี่ร้องครวญคราง มันจะเพราะสักแค่ไหน”พูดพลางบีบแก้มขาว จ้องเข้าไปในดวงตาโกรธแค้นที่มองมาอย่างสะใจ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากพรรคพวกที่เห็นดีด้วย
“ปิดปากมันไว้ เดี๋ยวมันแหกปากเสียงดังอีก”สั่งเสียงเข้ม พรรคพวกที่จับแขนร่างบางอยู่ก็ใช้อีกมือเอื้อมมาปิดปากร่างบางไว้อย่างแน่นหนา
มือหนากระชากเสื้อแจจุงออกจนขาดติดมือไป เผยให้เห็นผิวขาวเนียนกระจ่างยิ่งกว่าหญิงสาวคนใดที่พวกมันเคยพบ พวกมันต่างพากันหายใจเข้าออกเสียงดังอย่างหื่นๆ สร้างความขยะแขยงให้กับแจจุงไม่น้อย
ริมฝีปากหนาสัมผัสตั้งแต่ซอกคอไปจนถึงอกนุ่ม ดูดดุนจนเกิดร่องรอยกระจ่างบนผิวขาวเนียน ร่างบางขนลุกซู่อย่างรังเกียจไปกับสัมผัสนั้น ดวงตากลมโตที่เคยสดใสกลับเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เสียงร้องและด่าทอยังคงลอดออกมาจากมือหนาที่ปิดปากไว้ตลอดเวลา
พวกมันกระทำการอันเร็วทรามต่อไป โดยไม่รู้ว่าพวกสองคนที่ยืนดูต้นทางอยู่นั้น ตอนนี้สลบไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะใครคนนึง พวกมันไม่ทันแม้จะร้องสักแอะให้คนข้างในได้รู้ตัว
ยูโนวที่จัดการไปเรียบร้อยแล้วสองคน เดินตามเสียงไปจนเห็นพวกมันที่เหลือ ภาพตรงหน้าแทบทำให้ชายหนุ่มหน้ามืดด้วยความโกรธ จัดการคว้าคอคนที่นั่งจับขาร่างบางอยู่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชกหน้าอีกฝ่ายอย่างแรงสองทีติดจนเลือดกบปากกลับลงไปนอนกับพื้น
สองคนที่เหลือพอรู้ว่ามีคนบุกเข้ามาก็รีบตั้งท่าจะชก แต่ดูเหมือนจะช้าไปนิด เมื่อเท้าเตะเข้าที่ก้านคอจนน็อกล้มลงไปนอนกับพื้นอีกคน คนสุดท้ายพอเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็ทำท่าจะวิ่งหนี แต่ยูโนวก็กระชากคอเสื้อไว้ได้ทัน ก่อนที่จะเอาเข่ากระทุ้งที่สีข้างอย่างแรงจนล้มไปนอนอีกคน
ร่างสูงมองทั้งสามที่นอนร้องโอดโอยอย่างเคียดแค้น ใบหน้าคมยังดูกร้าวไม่หาย หันไปกระทืบทั้งสามไม่หยุด จนพวกมันเกือบปางตาย ถ้าไม่มีเสียงหวานเบาๆ เรียกเค้าไว้จนได้สติ
“ยู......โนว.....ยูโนว”ยูโนวที่พอได้สติ ก็รีบถลาไปหาร่างบางที่พยายามลุกขึ้นนั่ง เอาเสื้อขาดรุ่งริ่งที่กองอยู่ขึ้นมาปกปิดร่างกาย
ร่างสูงรีบถอดเสื้อแจ็กเก็ตสวมให้อีกฝ่ายทันที สัมผัสได้ถึงอาการสั่นเป็นเจ้าข้าวของอีกฝ่าย มันเจ็บไปถึงใจของร่างสูงเลยทีเดียว ยูโนวดึงร่างสั่นเทานั้นมากอดไว้แน่น
“ผมขอโทษ.....ขอโทษที่มาช่วยคุณช้า ขอโทษ....ที่ปล่อยให้คุณต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้”ร่างสูงพูดอย่างรู้สึกผิดข้างหูคนที่เอาแต่ร้องไห้อยู่กับอกกว้าง แจจุงส่ายหน้าไปมาอยู่ที่อกอีกฝ่าย ทั้งที่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด
“ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่ความผิดของนาย อีกอย่าง.....พวกมันก็ยังไม่ได้ทำอะไรชั้น”
“งั้นเรากลับไปที่ร้านกันเถอะนะ”เสียงทุ้มถามพลางเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แจจุงส่ายหน้า
“ชั้นยังไม่อยากกลับตอนนี้ ชั้นไม่อยากให้ชางมินเห็นชั้นในสภาพนี้ เดี๋ยวเค้าจะเป็นห่วง”
“งั้นเดี๋ยวผมพาไปหาหมอฮัน”ร่างสูงเสนอ แต่อีกคนก็ยังส่ายหน้าอีก
“ชั้นไม่อยากเจอใครทั้งนั้น ช่วยพาชั้นไปจากที่นี่ที....ได้มั้ย?”แจจุงพูดเสียงเบา มองใบหน้าคมที่อยู่ห่างเพียงคืบอย่างอ้อนวอน
ยูโนวพยักหน้ารับ แล้วอุ้มอีกฝ่ายขึ้นแนบอก ซึ่งแจจุงก็อยู่นิ่งๆ ยอมให้อุ้มอย่างเต็มใจ ร่างสูงเดินมาจนถึงรถมอไซด์ที่จอดทิ้งไว้ ก็จับให้แจจุงนั่งอยู่ข้างหน้า แล้วขึ้นไปนั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง เอื้อมมาจับแฮนด์สตาร์ทรถราวกับจะโอบกอดร่างบางไว้
มอไซด์คันเล็กขับออกไปอย่างรวดเร็ว ขับไปเรื่อยๆ ราวกับไร้จุดหมาย ลมเย็นปะทะเข้ากับใบหน้าหวานจนเริ่มชา แต่ถึงอย่างนั้นก็เหมือนกับจะช่วยปัดเป่าคราบ
น้ำตา และความเศร้าให้จากหายไป แม้ลมที่พัดผ่านจะหนาวเย็นสักแค่ไหน แต่ไออุ่นจากแผ่นอกกว้างข้างหลัง ก็ดูเหมือนจะทำให้แจจุงรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ
น้ำตา และความเศร้าให้จากหายไป แม้ลมที่พัดผ่านจะหนาวเย็นสักแค่ไหน แต่ไออุ่นจากแผ่นอกกว้างข้างหลัง ก็ดูเหมือนจะทำให้แจจุงรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ
ร่างบางมองไฟข้างทางที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความผ่อนคลายเริ่มเข้ามาในจิตใจ จนเรียวปากบางเผลอยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
“สบายใจขึ้นรึยัง?”เสียงทุ้มถามอยู่ข้างหูจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่สัมผัสอยู่บนผิวแก้ม แจจุงพยักหน้ารับแทนคำตอบ
ร่างสูงหักเลี้ยวรถเข้าไปในสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆ ความเร็วของรถชะลอลงจนจอดสนิท ร่างสูงประคองแจจุงไปนั่งที่โต๊ะไม้ในสวนสาธารณะที่เริ่มมืดมิดไร้ผู้คน
“รอผมอยู่นี่นะ เดี๋ยวผมไปซื้อยาที่มินิมาร์ทตรงนั้นก่อน” ร่างสูงพูดก่อนที่จะวิ่งหายเข้าไปในมินิมาร์ท ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีสายตาของแจจุงมองตามอยู่เงียบๆ ไม่นานร่างสูงก็วิ่งกลับมาพร้อมหลอดยาในมือ
ยูโนวคุกเข่าลงตรงหน้าร่างบาง บีบยาทาแก้มเนียนที่เป็นรอยแดงช้ำอย่างแผ่วเบา ตามด้วยแขนและขาที่มีรอยเขียวช้ำไม่แพ้กัน
“เจ็บมั้ย?”เสียงทุ้มถามขณะทายา แจจุงส่ายหน้าให้แทนคำตอบ
“ขอบคุณนะที่ช่วยชั้นไว้ ถ้าไม่มีนาย ชั้นคง........”แจจุงพูดเสียงเบา ท้ายประโยคสั่นเครือเสียจนแทบไม่มีเสียง ไม่แพ้ร่างกายที่ยังคงสั่นระริก เมื่อนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าร่างสูงมาช่วยไว้ไม่ทัน ดวงตากลมโตมีน้ำตาซึมขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ยูโนวที่รู้สึกถึงอาการสั่นของคนตรงหน้า ก็เอื้อมมือไปกุมมือบางไว้อย่างนุ่มนวล
“อย่าคิดมากเลยครับ คุณเป็นคนช่วยชีวิตผมไว้ ผมจะไม่มีวันยอมให้อะไรร้ายๆ มาเกิดขึ้นกับคุณแน่ ผมเคยสัญญากับคุณไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าผมจะปกป้องคุณไม่ให้รามาทำอะไรคุณได้อีก”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล
แจจุงเงยหน้ามองร่างสูง น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัวที่ยังเหลืออยู่ หรือเพราะความตื้นตันใจกันแน่?
ยูโนวยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงมาที่แก้มนวลอย่างอ่อนโยน
“หรือคุณคิดว่าผมเป็นคนไม่รักษาสัญญา......หือ?”เอ่ยถามพลางยิ้มให้คนเจ้าน้ำตาหลุดยิ้มออกมาจนได้
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เพียงแค่......”พูดออกมาเพียงแค่นั้น แจจุงก็ก้มหน้าลงไปอีกราวกับจะหลบตาอีกฝ่าย
“ยูโนว”อยู่ๆ แจจุงก็เงยหน้าขึ้นมาเรียกชื่ออีกฝ่าย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“อะไรครับ?”คนถูกเรียกถามพลางยิ้ม ดวงตาคมสื่อความหมายลึกซึ้งจนแจจุงต้องก้มหน้าหลบตาคู่นั้นอีกครั้ง
“คือว่าชั้น......ชั้นไม่ใช่คนดีอะไรนักอย่างที่นายเข้าใจหรอกนะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะช่วยนายจริงๆ หรอก อาจเป็นเพราะชั้นเองด้วยซ้ำที่ทำให้นายจำอะไรไม่ได้อย่างนี้”แจจุงพูดเสียงเบา
“ชั้นเป็นคนขับรถชนนายที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จนกระเด็นไปชนข้าง
ทาง แรงกระแทกครั้งนั้นกระทบกระเทือนจนนายจำอะไรไม่ได้ ตอนนั้น....ชั้นแค่รู้สึกผิดที่ชนนาย ไม่ได้ตั้งใจช่วยนายไว้เลย ชั้น.....”ร่างบางพูดออกมายืดยาวราวกับจะระบายความรู้สึกผิดในใจ
ทาง แรงกระแทกครั้งนั้นกระทบกระเทือนจนนายจำอะไรไม่ได้ ตอนนั้น....ชั้นแค่รู้สึกผิดที่ชนนาย ไม่ได้ตั้งใจช่วยนายไว้เลย ชั้น.....”ร่างบางพูดออกมายืดยาวราวกับจะระบายความรู้สึกผิดในใจ
ยูโนวเอานิ้วแตะริมฝีปากบางไว้ให้หยุดพูด
“ถึงยังไงคุณก้เป็นคนช่วยชีวิตผมไว้อยู่ดี ถ้าไม่มีคุณ.....วันนั้น ผมคงนอนตายอยู่ตรงนั้นแล้ว ส่วนอดีตผมไม่สนหรอกว่า เมื่อก่อนผมจะเป็นใคร....มาจากไหน? ผมสนแค่.....วันนี้ ผมได้เป็นยูโนวอยู่ในร้านของคุณ ได้อยู่ใกล้ๆ คุณ และได้.........รักคุณ เท่านั้นก็พอแล้ว”
“นายว่าอะไรนะ?”แจจุงเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนพูดอย่างไม่แน่ใจ ว่าที่ได้ยินนั้นถูกหรือไม่? ดวงตากลมโตมองลึกเข้าไปในดวงตาคมอย่างค้นคว้า
“ผมรักคุณ”เสียงทุ้มเอ่ยย้ำหนักแน่น เช่นเดียวกับสายตาที่ส่งมาให้
ใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากอมชมพูระเรื่อของคนตรงหน้าอย่างห้ามใจไม่ไหว ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนรับรู้ถึงไออุ่นของลมหายใจของกันและกัน
แต่อยู่ๆ ใบหน้าหวานก็ก้มลงจนยูโนวได้สติและผละออกมา ปากหนาเลียริมฝีปากอย่างเสียดาย
“เรากลับกันเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวชางมินจะเป็นห่วง”แจจุงพูดพลางลุกขึ้น แล้วเดินไปที่รถ โดยไม่แม้แต่จะมองหน้าร่างสูง
ทั้งคู่กลับมาถึงที่ร้านก็พบเพียงชางมินอยู่ลำพัง เนื่องจากเยซองขอตัวกลับไปดูแลรยอวุคที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพังตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว แจจุงพยายามหลบหน้าน้องชายไม่ให้ได้เห็นแผลตามตัวขึ้นไปบนห้อง โดยมีสายตาสงสัยของชางมินมองตามทุกย่างก้าวกับอาการผิดปกติของพี่ชาย ซึ่งแม้จะซักถามยูโนวยังไง ก็ได้เพียงคำตอบที่ว่า ไม่มีอะไรหรอก ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่น่าพอใจที่สุด!
แจจุงเดินมาจนถึงห้องนอน ก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที
อยากล้างออกไปให้หมด ความสกปรกจากสัมผัสของพวกนั้น อยากล้างให้หมดจากกายนี้
ร่างบางถอดเสื้อผ้าออกจากตัวจนหมด แล้วเปิดฝักบัวให้น้ำรดใส่ตัวตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า ดวงตากลมโตเริ่มแดงก่ำอีกครั้ง เมื่อมองไปที่กระจก ร่างกายของตัวเองที่เคยขาวสะอาด กลับมีรอยแดงช้ำจากการกระทำอันต่ำช้าของคนที่แสนรังเกียจตามซอกคอและหน้าอก
มือเรียวแตะตามร่องรอยต่างๆ มาจนถึงริมฝีปาก เมื่อนึกถึงรสจูบที่แสนจะขยะแขยง น้ำตาไหลออกมาปนกับสายน้ำที่คล้ายจะช่วยล้างคราบน้ำตาให้
สกปรก.......
.........ร่างกายนี้ถูกคนต่ำช้าแตะต้องจนเปรอะเปื้อนไปหมด ถึงแม้จะยังไม่ได้ถูกล่วงล้ำ แต่มันก็ยังสกปรกอยู่ดี ร่างกายนี้มันสกปรกเกินกว่าที่จะได้รับความรักจากนาย.
.........ยูโนว
.........ยูโนว
มือบางถูกยกขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่จะออกมา ร่างบางคุกเข่าลงร้องไห้อยู่กับสายน้ำของฝักบัวอย่างหมดสภาพคนที่เคยเข้มแข็งเลย ตอนนี้กลับดูอ่อนแอและเปราะบาง โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมที่มองมา
ยูโนวเดินตามร่างบางมาเมื่อปลีกตัวออกมาจากชางมินได้ ก็ได้ยินเสียงน้ำฝักบัว จึงเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง แล้วพบว่าประตูห้องน้ำนั้นไม่ได้ล็อก อาจจะเป็นเพราะร่างบางรีบร้อนจนลืมล็อกนั่นเอง และพบอาการเศร้าเสียใจของคนสวยตรงหน้า ใบหน้าหวานนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรังเกียจตัวเอง
ร่างสูงก้าวเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคนที่ยังก้มหน้าก้มตาร้องไห้ไม่รู้ตัว จนเปียกปอนไปทั้งคู่ มือหนาจับใบหน้าหวานให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก้มลงประทับริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้ร่างบางได้ปฏิเสธอีก
ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างรวดเร็วและเร่าร้อน โอบกอดร่างที่เย็นเชียบไว้ท่ามกลางสายน้ำที่เย็นฉ่ำ แต่ก็ไม่สามารถดับความเร่าร้อนในใจได้ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันอย่างโหยหาไม่หยุด
แจจุงยกแขนขึ้นจับไหล่หนาไว้แน่น เพื่อประคองตัวเองที่เริ่มไร้เรี่ยวแรง ราวกับถูกอีกฝ่ายดูดออกไปจากรสจูบจนหมด พอรับรู้ว่าคนในอ้อมกอดเริ่มหายใจไม่ทัน ร่างสูงจึงผละริมฝีปากออก ก่อนที่จะประกบปิดอีกครั้งราวกับติดยาเสพติดที่ห่างไม่ได้แม้เพียงนาที
“คุณไม่ได้สกปรกเลย...แจจุง คุณยังคงขาวสะอาด......บริสุทธิ์เสมอ....ในใจผม”ยูโนวกระซิบข้างหูคนที่หอบหายใจอยู่ในอ้อมกกอด ราวกับอ่านความคิดของร่างบางออก
“ผมรักคุณ....แจจุง ไม่ว่ายังไง ผมก็รักคุณ”พร่ำบอกอีกครั้ง แจจุงสบดวงตาคมที่มองมาอย่างแน่วแน่จริงจัง ก็เริ่มร้องไห้อีกครั้งด้วยความดีใจโอบกอดอีกฝ่ายไว้แน่น
“ชั้นก็รักนาย....ยูโนว ฮึก....รัก......ฮึก นาย.....”แจจุงพูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
ร่างสูงประทับรอยจุมพิตทับรอยเก่าที่เคยถูกคนต่ำช้าสร้างไว้เป็นรอยใหม่ที่เด่นชัดกว่า เค้าอยากจะลบรอยที่สร้างมลทินนี้ไป และประกาศให้คนทั้งโลกนี้รู้ว่า คนสวยคนนี้เป็นของเค้าคนเดียวเท่านั้น
ท่ามกลางสายน้ำที่เย็นฉ่ำ ก็ไม่สามารถดับไฟรักของทั้งสองคนได้ ความเร่าร้อนที่ร่างสูงเป็นผู้จุด เริ่มลุกโหมเมื่อร่างบางตอบรับอย่างเต็มใจ
บัดนี้ แจจุงรู้แล้วว่าคนที่เค้าจะยอมให้สัมผัสร่างกายนี้มีเพียงยูโนวคนเดียวเท่านั้น เค้ายอมรับกับตัวเองแล้วว่า จากนี้และตลอดไป เค้าจะรักเพียงยูโนวเท่านั้น
หลังจากที่ทั้งคู่ผ่านช่วงเวลาอันเร่าร้อนด้วยกัน แล้วกลับมานอนที่เตียงแล้วนั้น
แจจุงก็รู้สึกถึงความเย็นจากวัตถุอย่างนึงที่สัมผัสอยู่แถวต้นคอ มือบางจับสร้อยที่ร่างสูงสวมให้แล้วเงยหน้ามองคนให้ท่ามกลางความมืดสบกับดวงตาคมที่มองมาเช่นกัน
“สร้อยเส้นนี้ แม้มันจะไม่มีราคาอะไร แต่ผมก็ตั้งใจซื้อมาให้คุณ ผมซื้อมาตั้งแต่ตอนที่เราไปเที่ยวที่ชุงชอง คนขายบอกว่า หินนี่จะทำให้คนที่รักกันอยู่ครองคู่กันตลอดไป ผมตั้งใจจะให้คุณตั้งแต่ตอนที่เราดูดาวด้วยกันคืนนั้น แต่เกิดเรื่องของรยอวุคขึ้นซะก่อน เลยไม่ได้ให้จนถึงตอนนี้”
แจจุงจบสร้อยที่สะท้อนอยู่กับแสงจันทร์ส่องแสงแวววาวอยู่ท่ามกลางความมืด ปากบางแย้มยิ้มอย่างดีใจ
“ขอบคุณนะ ชั้นจะใส่มันติดตัวไว้ตลอด เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”พูดพลางโผเข้าไปจูบริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา แล้วผละออกอย่างรวดเร็ว แต่มีหรือที่ยูโนวจะยอมให้เป็นอย่างนั้น มือหนาคว้าตัวร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดประกบจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
“ยูโนว”ร่างบางเรียกชื่ออีกฝ่ายอีกครั้ง เมื่อริมฝีปากได้เป็นอิสระ ซึ่งคนถูกเรียก็มองใบหน้าหวานเป็นประกายอยู่ก่อนแล้ว
“นายรู้มั้ย? ก่อนหน้านี้....ชั้นเคยคิดว่า.....ทั้งชีวิตนี้ ชั้นมีเพียงชางมิน เค้าคนเดียวที่ชั้นรักหมดใจ ให้ได้ทั้งชีวิตเพื่อแลกกับความสุขเพียงเล็กน้อยของเค้า แต่ตอนนี้......ใจดวงนี้ มันถูกแบ่งออกเป็นสอง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่นายเข้ามาแย่งพื้นที่ในหัวใจ”ร่างบางพูด ใบหน้ายังคงแดงไม่หายแม้ในความมืดก็ยังเด่นชัด
“ชั้นรู้แต่ว่าตอนนี้คนสำคัญในชีวิตชั้นเพิ่มเข้ามาอีกคน คนที่ชั้นให้ได้ทั้งชีวิตและหัวใจ ยังมีนายอีกคน”แจจุงพูดต่อจนจบในสิ่งที่อยู่ในใจ แล้วเลียริมฝีปากอย่างเขินอาย
ไม่รู้ว่าพูดออกไปได้ยังไง?
“ผมก็เหมือนกัน ไม่ว่าต่อไปจะเป็นยังไง? ชีวิตของยูโนวคนนี้......เป็นของคุณ”
------------------------------------------------------------
มาอัฟให้แล้วน้า.............
คราวที่แล้วเน็ตมันหลุด....เนื้อหามันเลยไม่ติด
เลยมาลงให้ตอนนี้แทน.......คงไม่ช้าเกินไปเน้อ.........
ขอบคุณที่เข้ามาทวงให้นะจ้า..................
แล้วจะมาอัฟใหม่....^_^
------------------------------------------------------------
มาอัฟให้แล้วน้า.............
คราวที่แล้วเน็ตมันหลุด....เนื้อหามันเลยไม่ติด
เลยมาลงให้ตอนนี้แทน.......คงไม่ช้าเกินไปเน้อ.........
ขอบคุณที่เข้ามาทวงให้นะจ้า..................
แล้วจะมาอัฟใหม่....^_^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น