ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ชั้นมีค่าแค่ไหน...สำหรับเธอ
ตอนที่ 9
ชั้นมีค่าแค่ไหน...สำหรับเธอ
ชั้นมีค่าแค่ไหน...สำหรับเธอ
ที่บังกะโล
รยอวุคที่ไม่ได้ตามคณะทัวร์ไปเที่ยวตลาดด้วย เดินมานั่งที่ธารน้ำตกไม่ไกลจากที่พักมากนัก
“ทำไมถึงไม่ไปเที่ยวตลาดกับพวกเค้าล่ะ?”เสียงทุ้มของเยซองดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“แล้วนายล่ะ...ทำไมไม่ไป?”รยอวุคพูดโดยไม่หันไปมอง สายตายังจับจ้องไปยังสายน้ำที่ไหลไม่หยุด
“ชั้นก็อยู่เป็นเพื่อนนายไง”
“ไม่จำเป็น ชั้นอยู่คนเดียวได้”รยอวุคว่า แล้วทำท่าจะลุกเดิน ถ้าไม่ติดว่ามีมืออีกคนจับแขนไว้
“ทำไมนายต้องคอยหลบหน้าชั้นด้วย”ร่างสูงถาม มองสบตารยอวุคอย่างค้นหา
“ชั้นเปล่า”รยอวุคตอบพลางเมินหน้าหนีไปอีกทาง
ทนสบตาคู่นั้นไม่ไหว ใจมันดูเหมือนจะสั่นไปหมด
“นี่นะเปล่า พอชั้นมานายก็จะไป พอชั้นคุยด้วยนายก็มองไปอีกทาง ถ้านายหลบหน้าชั้นเพราะกลัวว่าชั้นจะรับไม่ได้เรื่องนายเป็นเกย์ล่ะก็ ขอบอกไว้เลยว่า นายไม่ต้องหลบหรอก”เยซองพูดเสียงดังอย่างเหลืออด โดยที่อีกคนหันมามองคนพูดตาโต
“นายรู้...”รยอวุคพูดออกมาได้เพียงแค่นั้น ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจผสมปนเปไปหมด
“ใช่...ชั้นรู้ ชั้นรู้ว่านายรักพี่ยูโนว ชั้นรู้ว่าเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ไม่ว่านายจะเป็นยังไง...รักใคร นายก็ยังเป็นเพื่อนชั้นเสมอ”
“นายว่าอะไรนะ?”รยอวุคถามความดีใจที่เคยมีจางหายไปสิ้น “นายว่าชั้นรักใครนะ?”
“พี่ยูโนวไง ชั้นเห็นนายชอบมองพี่เค้าบ่อยๆ แถม..”
เพลี๊ยะ!
เยซองพูดยังไม่ทันจบ ก็ต้องหน้าหัน เมื่อมือเรียวของคนตรงหน้าตบเข้ามาที่แก้มอย่างจัง จนชาไปทั้งหน้า พอจะหันไปต่อว่าด้วยความโมโห ก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่ตบหน้าเค้าตอนนี้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาจนเต็มสองแก้ม ใบหน้าเนียนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“โง่...นายมันโง่ ใครว่าชั้นรักพี่ยูโนว คนที่ชั้นรักคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าชั้นนี่ต่างหาก ใช่...ชั้นรักนายเยซอง อย่างที่นายบอก ความรักมันห้ามกันไม่ได้ เหมือนที่ชั้นห้ามใจไม่ให้รักนายได้ยังไงล่ะ คราวนี้นายจะยังเห็นชั้นเป็นเพื่อนอีกมั้ย?...เยซอง”รยอวุคตะโกนเสียงดัง ใส่คนที่ยืนตกใจอยู่ตรงหน้า น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจที่จะเช็ด ยังคงพูดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจต่อไป
“ชั้นแอบรักนายมาตลอด ทนเห็นนานควงคนโน้นคนนี้ไม่ซ้ำหน้า แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะชั้นเป็นได้แค่เพื่อนนายเท่านั้น ฮึก...ฮือ นาย...นายเคยรู้บ้างไหม? ว่ามันเจ็บแค่ไหน ที่ต้องเห็นคนที่รักไปกับคนอื่นต่อหน้าต่อตา ชั้นทนไม่ไหวแล้ว....ชั้นทนเจ็บซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้นไม่ไหวแล้ว ฮือ...ฮึก ชั้นทนเป็นเพื่อนนายไม่ได้แล้ว นี่แหละ...เหตุผลที่ชั้นหลบหน้านาย”พูดจบร่างบางก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย วิ่งหนีไปทันที
เยซองได้แต่มองแผ่นหลังบอบบางที่วิ่งหายไป ด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง ทั้งตกใจ งุนงง สับสน ดวงตาคมยังคงเบิกกว้างอย่างตกใจ ยืนนิ่งราวกับคนไร้สติ เค้าไม่เคยคิดเลยว่า รยอวุคจะรักเค้า....จะรักเค้าเกินกว่าคำว่า เพื่อน!
รยอวุควิ่งออกมาอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง น้ำตายังไหลออกมาไม่หยุด ความเสียใจถาโถมจนไม่อยากรับรู้ว่าจะวิ่งไปไหน ขอแค่ให้ไกลจากคนๆนึงก็พอ ไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ภาพใบหน้าของเยซองที่ดูตกใจยังไม่หายไปจากความทรงจำ
จบเสียที...ต่อจากนี้ ความเป็นเพื่อนก็ไม่มีเหลือ แค่ได้เห็นหน้านายชั้นก็รู้คำตอบแล้ว ว่าชั้นไม่อาจเป็นได้มากกว่าเพื่อนของนาย....และชั้นก็ไม่อาจเป็นเพื่อนนายได้อีกต่อไป ชั้นเจ็บพอแล้ว....เยซอง
ด้วยความหลับหูหลับตาวิ่ง รยอวุคจึงไม่ทันสังเกตุเห็นสิ่งไม้ที่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน ขาเรียวสะดุดเข้าอย่างจังจนล้มอย่างตั้งหลักไม่อยู่ และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อข้างหน้านั้นกลับเป็นทางดิ่งลงไปเบื้องล่าง
ร่างเล็กกลิ้งหลุนๆ ลงไปอย่างเร็ว จนขาฟาดเจ้าที่กิ่งไม้ใหญ่เข้าอย่างจัง เจ็บจนถึงกระดูก พอได้นอนนิ่งอยู่เบื้องล่าง ดวงตาเรียวมองเนินเขาที่เคยยืนอยู่นิ่ง เจ็บแสบไปทั้วแต่ แต่ยังแพ้แจ็บที่ใจ ที่ใจมันเจ็บสาหัสจนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น สุดท้ายสติที่เคยมีก็หลุดลอยไป ดวงตาเรียวปิดลง พร้อมกับน้ำตาเม็ดสุดท้ายที่ไหลลงสู่พื้น แต่ถึงอย่างนั้นใจก็ยังนึกถึงใบหน้าของใครคนนึง...
..............เยซอง
..............เยซอง
เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเธอคอยดูแลอยู่
เมื่อเธอเหงาใจ...เป็นเพียงคนนึงที่เธอเห็นแล้วผ่านไป
เธอ...เธอรู้รึเปล่า ในใจมีเธอทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว
แต่ก็เท่านั้นเอง เป็นลมเบาเบาที่เธอนั้นไม่เคยเห็น....เธอไม่เคยมองดูที่ชั้น
ไม่ได้ขอให้เธอมารัก....ไม่เคยขอให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยาก....อยากจะถามเธอ
ถ้าคนอย่างชั้น...ตายจากไป เธอ..เศร้าใจรึเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอ...ยามเหงา มัน...มีค่าสักแค่ไหน...สำหรับเธอ
เดินเพียงลำพัง...เพราะชั้นมันตัวคนเดียว
เธอไม่เคยสนใจ...ยังมีเพียงเธอ และจะรักตลอดไป
ต่อให้ใจเธอไม่มีชั้น
ไม่ได้ขอให้เธอมารัก....ไม่เคยขอให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยาก....อยากจะถามเธอ
ถ้าคนอย่างชั้น...ตายจากไป เธอ..เศร้าใจรึเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอ...ยามเหงา มัน...มีค่าสักแค่ไหน...สำหรับเธอ
โปรดเถอะตอบคำถาม ช่วยยืนยันให้ชั้นฟังก่อน
อยากจะรู้....กับเธอแล้ว
ความรักนี้ของชั้น....มีค่าแค่ไหน
ถ้าคนอย่างชั้น...ตายจากไป เธอ..เศร้าใจรึเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอ...ยามเหงา มัน...มีค่าสักแค่ไหน...สำหรับเธอ
ตกค่ำเยซองเดินกลับที่บังกะโลหลังจากที่ออกไปเดินเล่นคลายเครียดกับเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มา และตัวเค้าเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับรยอวุคในตอนนี้อีกด้วย แต่พอมาถึงกลับพบว่าชางมินและซองมินดูร้อนรนแปลกๆ ราวกับเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ชางมิน...ซองมิน”
“พี่รยอวุคหายไป เค้าไม่ได้ไปกับพี่เหรอ?”ชางมินถามสีหน้ายังดูร้อนรน
“เมื่อตอนบ่ายเราไปด้วยกัน แต่เค้ากลับมาก่อน นี่เค้ายังมาไม่ถึงอีกเหรอ?”เยซองถามอย่างแปลกใจ ตอนนี้ในอกเริ่มเต้นระรัว อะไรบางอย่างบอกกับเค้าว่ากำลังเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับรยอวุค
“ยังเลย ผมกับเยซองหากันทั่วบังกะโลแล้ว นี่ก็ดึกแล้วด้วย รอบๆนี่ก็มีแต่ป่า พี่เค้าหายไปไหนของเค้านะ”ชางมินว่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ลีทึก คังอิน และฮันกยองที่ได้ยินทั้งสามคนคุยกัน ก็เริ่มเป็นห่วงและเริ่มต้นแยกย้ายกันค้นหาอีกครั้ง
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
แจจุงที่ออกมาเดินเล่นเพียงลำพังที่สวนของทางบังกะโลที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม ร่างบางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดพลางยิ้ม
วันนี้ดาวเต็มท้องฟ้าเลยแหะ
แล้วร่างบางก็รู้สึกว่ามีร่างสูงของใครอีกคน ทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ
“ดาวสวยนะ...ว่ามั้ย?”ผู้มาใหม่ถามขึ้น แจจุงหันไปพยักหน้ายิ้มๆ
“ชั้นไม่ค่อยเห็นนายพูดเลย ปกติอยู่บ้านออกจะพูดมาก มาเที่ยวไม่สนุกเหรอ?”ร่างบางหันมาถาม
“คุณสนด้วยเหรอ? ว่าผมจะพูดหรือไม่พูด เห็นสนใจแต่คุณหนูหน้าจืดนั่นทั้งวัน”ร่างสูงว่าพลางทำแก้มป่องแบบเด็กๆ จนแจจุงอดที่จะเอานิ้วไปจิ้มแก้มนั้นไม่ได้ให้อีกฝ่ายเอาลมออกจากปาก
“เด็กๆ ทำมันก็น่ารักอยู่หรอก แต่หมีทำนี่มันน่าหมั่นไส้”แจจุงว่าพลางแยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ยังยิ้มไม่หยุด
“ดูคุณมีความสุขจังนะ ผมเห็นคุณยิ้มตลอดเลย ไม่เหมือนตอนอยู่ร้าน วันๆ ทำแต่หน้าอย่างนี้”ยูโนวพูดพลางขมวดคิ้มมุ่นประกอบคำพูด จนแจจุงหลุดขำอีกรอบ
“บ้าสิ...ชั้นไม่เคยทำหน้าน่าเกลียดแบบนั้นสักหน่อย”พูดพลางตีแขนคนทำหน้าเลียนแบบเบาๆ “แต่ก็จริงนะ ชั้นไม่ได้มาเที่ยวอย่างนี้นานแล้ว พอไม่นึกถึงปัญหาที่มันประดังเข้ามาเหมือนตอนอยู่ร้านก็เลยสบายใจ”ร่างบางพูดต่อพลางเงยหน้ามองดาวที่แข่งกันส่องแสงกระพริบอยู่บนฟ้า
ยูโนวมองใบหน้าด้านข้างนั้นอย่างหลงใหล เค้าไม่เคยเห็นใบหน้าหวานดูมีความสุขอย่างนี้มาก่อน มันยิ่งทำให้สวยกว่าทุกวัน ดาวทั้งฟ้ายังสวยสู้คนตรงหน้านี่ไม่ได้เลย
“แจจุงครับ”ยูโนวเรียกเสียงหวาน พร้อมกับเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายมากุมไว้ แจจุงมองการกระทำนั้นอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ชักมือกลับ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคมที่เหมือนจะสื่อความหมายบางอย่าง ใบหน้าหวานก็แดงเรื่อขึ้นอย่างไร้สาเหตุ เรียวปากบางเผลอยิ้มอย่างเขินอายโดยไม่รู้ตัว
ร่างสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า กะจะหยิบสร้อยที่นอนอยู่ภายในให้คนที่นั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้า แต่เสียงเอะอะที่ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดการกระทำและหันไปมองอย่างสนใจ เช่นเดียวกับแจจุงที่รีบชักมือกลับทันที แต่ใบหน้าหวานยังคงแดงซ่านอยู่
“พี่ดองวุคอยู่นี่เอง ผมตามหาซะทั่ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ พี่รยอวุคหายตัวไปตั้งแต่บ่ายจนป่านนี้แล้วยังหาตัวไม่เจอเลย”ชางมินพูดเสียงดังพลางหอบ
ดองวุคที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากที่ที่แจจุงและยูโนวนั่งอยู่นัก หันมามองชางมินอย่างตกใจ เช่นเดียวกับแจจุงและยูโนวที่เดินมาจนได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม
“งั้นเดี๋ยวพี่จะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนพวกนายช่วยกันแยกย้ายกันตามหาอีกที อย่าไปคนเดียวนะ ไปกันเป็นกลุ่มๆ”ดองวุคสั่ง แล้วรีบวิ่งไปที่สำนักงานของบังกะโลทันที
“พี่เยซองบอกว่า เค้าแยกกับพี่รยอวุคที่น้ำตกข้างลำธารตั้งแต่บ่าย แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นพี่เค้าอีกเลย ตอนนี้พี่เยซองกำลังวิ่งเข้าไปตามกับพวกพี่ลีทึกและซองมิน”ชางมินว่า ยูโนวจึงรีบเดินนำสองพี่น้องไปทันที
เยซองและฮันกยอง แยกออกมาหาอีกทางของน้ำตก ส่วนลีทึก คังอินและซองมอน เดินหาตามน้ำตกอยู่อีกทาง เสียงเรียกชื่อรยอวุคดังอยู่ไม่ขาดในพื้นที่ละแวกนั้น
“รยอวุค...นายอยู่ไหน? ได้ยินมั้ย...รยอวุค”เยซองตะโกน เสียงทุ้มเริ่มสั่นน้อยๆ จนคนฟังรู้สึกได้ถึงความกลัวในจิตใจ ดวงตาคมฉายแววหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
ทำไมตอนนั้นชั้นไม่ห้ามนายไว้ ชั้นไม่น่าปล่อยนายวิ่งไปตามลำพังเลย ชั้นมันเลว....ชั้นมันโง่ ทำไมแกมันงี่เง่าอย่างนี้วะ...เยซอง ถ้านายเป็นอะไรชั้นจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย....รยอวุค
มือหนาชกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างตัวอย่างเจ็บใจ จนฮันกยองต้องรีบห้ามไว้ ตอนนั้นเองที่ดวงตาคมเหลือบเห็นร่างของคนๆ นึงนอนนิ่งอยู่ด้านล่างท่ามกลางความมืด
“เยซอง นั่น...รยอวุค”ฮันกยองพูด เยซองรีบมองตามทันที พอเห็นร่างที่คุ้นตานอนอยู่ร่างสูงก็ไถลลงไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้านล่างทันที ไม่สนใจกิ่งไม้และก้อนหินที่ขวางทางอยู่ เกี่ยวแขนและขาขนถลอก
พอได้เห็นร่างนั้นชัดๆ เต็มสองตา หัวใจเต้นระรัวราวกับกลอง มือหนาประคองร่างที่นอนนิ่งไร้สติขึ้นมาแนบอก น้ำตาหยดไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเห็นบาดแผลและรอยฟกช้ำที่มองเห็นท่ามกลางแสงจันทร์เพียงน้อยนิด แต่ก็ยังชัดเจน บีบหัวใจเยซองจนแทบหายใจไม่ออก
“ชั้นขอโทษ...รยอวุค ชั้นผิดเอง”พูดเสียงเบาพลางสะอื้น กอดร่างที่นอนนิ่งนั้นแน่น
ฮันกยองที่เพิ่งตามลงมา ดูอาการของรยอวุคทันที “เยซอง ใจเย็นไว้...รยอวุคไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่หมดสติไปเท่านั้น ส่วนขาเค้าอาจจะโดนกระแทกจนหัก เรารีบพาเค้าไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า”หมอหนุ่มพูดให้อีกคนได้สติ
เยซองพยักหน้าแล้วรีบอุ้มคนเจ็บขึ้นแนบอกทันที ก่อนที่จะเดินขึ้นไปอย่างยากลำบาก
ทั้งคู่เดินออกมาได้สักพักก็เจอพวกของลีทึกและยูโนว ทุกคนมองสภาพของรยอวุคอย่างตกใจ แล้วรีบพากันไปที่โรงพยาบาลด้วยรถที่ดองวุคหามา
เยซองจับมือคนเจ็บไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ราวกับกลัวว่าจะต้องสูญเสียคนๆ นี้ไป น้ำตาก็พาลไหลออกมาย่างไม่อายใคร
รถขนคนเจ็บมาถึงโรงพยาบาลในตัวเมืองในเวลาไม่นาน เตียงพยาบาลถูกเข็นมาอย่างรู้หน้าที่ เยซองรีบอุ้มคนเจ็บวางลงบนเตียงอย่างเบามือ เตียงพยาบาลถูกเข็นไปอย่างรีบร้อนเพื่อรักษาคนเจ็บที่ไร้สติอยู่ตอนนี้ ห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก หมอและพยาบาลต่างวิ่งเข้าใส่ ส่วนที่เหลือถูกกันให้ยืนรอข่าวอยู่ข้างนอก
แจจุง ลีทึก และชางมินทั้งโอบกอดกันร้องไห้เงียบๆ ด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่คังอินเดินไปเดินมาเป็นหนู (หมู)ติดจั่น ส่วนซองมิน ฮันกยอง และดองวุค นั่งเงียบมองไฟบนห้องฉุกเฉิน ว่าเมื่อไหร่จะดับและหมอเดินออกมาสักที
เยซองนั่งเอามือประสานกันแน่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสั่นอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกไม่หยุด จนรู้สึกได้ถึงมือข้างหนึ่งบีบที่ไหล่ของเค้าเบาๆ เยซองมองเจ้าของมือนั้นอย่างรวดร้าว
“รยอวุค...ไม่เป็นไรหรอก หมอฮันเค้าก็บอกแล้ว เชื่อพี่สิ”ยูโนวพูดพลางยิ้มบางๆ
“ที่เค้าต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้ก็เพราะผม ผมมันโง่ที่ปล่อยเค้าไป ผมทำร้ายจิตใจเค้ามาตลอด เพราะความโง่ของผมเอง”เยซฮงพูดเสียงสั่น
“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป มันแก้ไขอะไรไม่ได้ ต่อจากนี้ต่างหากที่นายต้องคิด ว่านายจะเอายังไง ถามใจตัวเองดูว่า รยอวุคน่ะ.....เป็นอะไรสำหรับนาย”
“ผมจะไม่ทำให้เค้าเสียใจอีกแล้ว ตอนที่เห็นน้ำตาของเค้า...มันเจ็บเหลือเกิน ยิ่งรู้ว่าน้ำตาพวกนั้นมันเกิดเพราะผมเองก็ยิ่งเจ็บ ผมเพิ่งจะรู้ว่า สำหรับผมแล้ว....รยอวุคไม่ได้เป็นแค่เพื่อน เค้าเป็นมากกว่านั้น...แต่ผมไม่เคยเห็นความสำคัญของมันเอง จนเกือบจะต้องสูญเสียมันไป คนโง่ๆ อย่างผมถึงจะรู้ตัว”ยูโนวบีบไหล่เยซองอีกครั้ง อย่างเข้าใจความรู้สึก
ขณะนั้นเอง ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก พร้อมกับร่างของคุณหมอที่ทุกคนรอคอย ทุกคนที่นั้นแทบจะถลาเข้าไปหาคนในชุดขาวทันที
“คุณหมอ ญาติผมเป็นยังไงบ้างครับ?”แจจุงถามขึ้นทันที
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว มีแค่ขาที่กระดูกร้าวและรอยฟกช้ำจากการตากจากที่สูง ซึ่งหมอได้เข้าเฝือกไว้ให้แล้ว สักสองสามเดือนก็สามารถเอาออกและหายเป็นปกติ หมอได้เอ็กซเรย์สมองดูแล้วพบว่าไม่กระทบกระเทือนอะไร คนไข้พักผ่อนสักวันก็คงฟื้น”คุณหมอพูดพลางยิ้มให้กับทุกคนที่พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนดองวุคเดินตามคุณพยาบาลไปติดต่อเรื่องห้องพักและค่ารักษาพยาบาล
เพียงไม่นาน เตียงคนไข้ที่มีสายน้ำเกลือระโยงรยางค์ก็ถูกเข็นออกมา รยอวุคที่สวมชุดคนไข้ขาวสะอาด ตามตัวมีรอยฟกช้ำ และขาข้างหนึ่งถูกเข้าเฝือกเอาไว้ ใบหน้าเนียนซีดเผือดแต่ดีที่หน้าอกยังขึ้นลงเป็นจังหวะ บ่งบอกว่าคนไข้แค่หลับไปเพราะฤทธิ์ยาเท่านั้น
ห้องพิเศษที่รยอวุคนอนอยู่เป็นห้องที่ดองวุคได้จองเอาไว้ให้ โดยภายในห้องมีเพียงเยซองที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ส่วนคนอื่นๆ พากันกลับไปที่พัก และจะมาใหม่กันในวันพรุ่งนี้ เพราะอยากให้ทั้งสองคนได้อยู่กันตามลำพัง และคนเจ็บก็ไม่ได้มีอาการน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
ร่างสูงจับมือคนเจ็บมากุมไว้ ดวงตาคมมองใบหน้าเนียนของคนบนเตียงไม่ละสายตา
“รยอวุค....ชั้นขอโทษ ที่ก่อนหน้านี้ ชั้นงี่เง่าและตาบอดจนมองไม่เห็นความรักของนาย แต่มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีก เมื่อนายลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ชั้นสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายเสียน้ำตาเพราะชั้นอีก เพราะชั้นเองก็รักนาย....ไม่น้อยไปกว่าที่นายรักชั้นเลย รีบตื่นขึ้นมานะ.....รีบตื่นขึ้นมาฟังคำว่ารักจากชั้น.....ตื่นขึ้นมาให้ชั้นได้แก้ตัว....แก้ไขสิ่งที่ชั้นได้ทำผิดพลาดไป....ให้ชั้นได้ให้ความรักกับนายบ้าง”เยซองพูดเสียงเศร้า จูบมือบางที่ตนกุมไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ดูเหมือนคนบนเตียงยังไม่รับรู้อะไร
แสงแดดเริ่มขึ้นจากขอบฟ้า ทำให้ห้องที่เคยอยู่ในความมืดมิดเริ่มสว่างไสว ตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดออกช้าๆ เมื่อคนที่นอนมานานเริ่มรู้สึกตัว สิ่งแรกที่เห็นคือ เพดานสีขาว รวมทั้งห้องก็ขาวไปหมด แสงที่ส่องเข้ามาทำให้คนป่วยต้องหยีตาลงอีกครั้งเพื่อปรับสายตา เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มเรียงลำดับเข้ามาในความคิดจนเดาได้ว่า ที่นี่คงเป็นโรงพยาบาล
มือเรียวทำท่าจะยกขึ้น แต่ก็รู้สึกหนักเหมือนมีอะไรมาทับไว้ พอมองไปก็พบกับผมดำๆของใครคนนึงนอนทับแขนเค้าอยู่ อาการขยุกขยิกของเจ้าของมือ ทำให้เยซองรู้สึกตัวเงยหน้ามองคนบนเตียงทันที ใบหน้าคมยิ้มขึ้นอย่างดีใจ
“เยซอง....ทำไมนายมาอยู่นี่?”เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงนั้นได้หายไปกับลำคอ
“ชั้นมาเฝ้านาย เจ็บมากมั้ย? หิวรึเปล่า? กินน้ำก่อนมั้ย?”เยซองถามรัวเป็นชุดอย่างดีใจ
รยอวุคได้แต่ส่ายหน้า แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้น เยซองรีบเจ้ามาช่วยพยุงพร้อมกับเอาหมอนมาจัดให้คนเจ็บได้นั่งพิงสบายๆ แล้วหันไปเทน้ำให้คนเจ็บได้กินแก้
กระหาย ฟังจากเสียงแหบพร่านั้นก็รู้แล้วว่าคอแห้ง
กระหาย ฟังจากเสียงแหบพร่านั้นก็รู้แล้วว่าคอแห้ง
รยอวุครับไปดื่มโดยดี แต่ก็ยังคงมองร่างสูงอย่างแปลกใจ แล้วส่งคืนให้ เยซองหันไปเก็บแล้วกลับมามองคนเจ็บอีกครั้ง
“ชั้นขอโทษ.....รยอวุค”เยซองเริ่มพูดสิ่งที่อัดอั้นในใจมาตลอดทั้งคืนทันที ใบหน้าคมแลดูเศร้าไม่แพ้คำพูดเลย “ชั้นไม่เคยเข้าใจนายเลย ชั้นมองข้ามความรักของนายมาตลอด”
“อย่าพูดถึงมันอีกเลย...เยซอง ชั้นจะลืมมันไปให้หมด เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ”รยอวุคพูดด้วยเสียงที่พยายามให้สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ชั้นคงกลับไปเป็นเพื่อนกับนายอีกไม่ได้แล้ว”เยซองตอบกลับทันที รยอวุคเงยหน้ามองใบหน้าคมนิ่ง
แม้แต่ความเป็นเพื่อน นายก็ให้ชั้นไม่ได้เหรอ....เยซอง?
ไม่ทันให้ร่างบางได้พูดอะไรต่อ เยซองก็โผเข้ากอดอีกฝ่ายไว้แน่น จนคนถูกกอดแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมัวแต่ตกใจกับการกระทำของร่างสูงมากกว่า
“นายรู้มั้ย? ตอนที่ชั้นเห็นนายนอนเจ็บ ใจดวงนี้มันเจ็บแค่ไหน เจ็บใจ...ที่ความโง่ของตัวเองทำให้คนที่รักต้องเจ็บทั้งกายและใจขนาดนี้ เรื่องคราวนี้....ทำให้ชั้นรู้ว่า นายสำคัญต่อชีวิตชั้นแค่ไหน ชั้นคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย ชั้นรักนายนะ...รยอวุค ชั้นขอโทษที่เคยทำให้นายเสียใจ”เยซองพูดน้ำตาเริ่มไหลขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับคนฟัง
“ยกโทษให้ชั้นได้มั้ย? ให้โอกาสชั้น....ได้แก้ตัว ให้ชั้นได้รักนาย....ชั้นรักนาย รยอวุค”เยซองพูดซ้ำไปซ้ำมา น้ำตาไหลรินย้ำว่าทุกคำมาจากใจ คนในอ้อมกอดไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตากับอกหนา แต่คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ...ดีใจจนพูดอะไรไม่ออก มือเรียวยกขึ้นกอดตอบร่างสูงแน่น เช็ดน้ำตากับอกกว้างที่โหยหามานาน
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้....วันที่ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของคนๆ นี้ ......ได้ฟังคำที่ฝันอยากได้ยินมาตลอด....คำว่า “รัก”
เยซองปล่อยคนในอ้อมกอดออกมา เพื่อจะได้เมองใบหน้าเนียนให้ชัดๆ มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เช่นเดียวกับรยอวุคที่ใช้มือเช็ดน้ำตาให้ร่างสูงเหมือนกัน เช็ดน้ำตาให้กันพลางยิ้ม
ไม่เคยมีความสุขและอบอุ่นเท่านี้มาก่อน
“ต่อจากนี้....ชั้นสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายต้องเสียน้ำตาเพราะชั้นอีก ชั้นจะอยู่ข้างนาย....ดูแลนาย...และจะรักนายให้มากที่สุด เท่าที่ชีวิตชั้นจะให้นายได้...ชั้นสัญญา”เยซองพูดแล้วก้มลงประทับรีมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มของอีกฝ่าย แทนย้ำคำสัญญา และรยอวุคก็ยิ้มรับสัญญานั้นจากใจ
เป็นการทำสัญญาที่อบอุ่นและอ่อนหวานที่สุดที่เค้าเคยทำมา
ตอนสาย พวกแจจุงก็มาเยี่ยมอีกครั้งพร้อมหน้าพร้อมตา โดยที่คังอินเตรียมเสื้อผ้ามาให้เยซองด้วย
“เป็นไงบ้าง?”แจจุงเดินเจ้าไปถามคนเจ็บยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรมากหรอกครับ แค่เดินไม่ได้สองสามเดือนเอง”รยอวุคตอบกลับ
“แต่มันก็คุ้มไม่ใช่เหรอครับ ยังไงก็มีคนพร้อมจะเป็นขาให้พี่รยอวุคอยู่แล้ว”ซองมินแซวยิ้มๆ พลางหลิ่วตาให้ จนคนเจ็บหน้าแดงเรื่อขึ้นทันที ดีที่ตอนนี้เยซองไปอาบน้ำ ไม่งั้นได้อายมากกว่านี้แน่
“คุยกันรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย?”ยูโนวถามขึ้นมาบ้าง
“ครับ...ขอบคุณพี่ยูโนวมากเลย ถ้าไม่ได้คำแนะนำจากพี่ ผมคงไม่มีวันนี้”รยอวุคตอบด้วยรอยยิ้ม ทั้งปากและดวงตา เป็นรอยยิ้มที่พลอยทำให้คนมองมีความสุขไปด้วย
“พี่ดีใจด้วยนะ”ยูโนวพูดพลางลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“คุณดองวุคไปคุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่าพรุ่งนี้นายก็กลับบ้านได้ เราจะได้กลับพร้อมคณะทัวร์ด้วยเลย”ลีทึกพูดขึ้น
รยอวุคหันไปมองดองวุคที่ยืนอยู่ริมกำแพง “ขอบคุณมากเลยนะครับ ที่ช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาให้”
“ไม่เป็นไร ผมยินดีช่วย”
“ส่วนงานที่ร้านไม่ต้องห่วงนะ พักผ่อนให้สบายเถอะ หายดีเมื่อไหร่ค่อยกลับไปทำ ยังไงที่ร้านก็มียูโนวกับชางมินช่วยอยู่แล้ว”แจจุงพูดยิ้มๆ
“ขอบคุณ ทุกคนมากนะครับ”รยอวุคพูดอย่างซาบซึ้งในน้ำใจที่ทุกคนมีให้ จนน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมา
“อ้าวๆ....นี่ทุกคนแกล้งอะไรแฟนผมเนี่ย”เยซองที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำพูดขึ้น พลางเดินไปยืนข้างๆ “แฟน”
“แหม...หมั่นไส้ ที่ตอนนี้ล่ะออกนอนหน้าเชียวนะ”ยูโนวพูดอย่างหมั่นไส้จริงๆ
“อ้าว...ก็ผมรักของผมนี่...จริงมั้ยจ๊ะ?”เยซองพูดแล้วหันไปถามคนบนเตียง แล้วก็ได้คำตอบเป็นนิ้วเรียวๆ ที่หยิกเนื้อที่แขนให้สักที เพราะชักจะหมั่นไส้เหมือนกัน
“โอ๊ย....เจ็บนะ มาทำเค้าได้ไงน่ะ เค้าอุตส่าห์พูดเรื่องจริง”เยซองแกล้งร้องโวยวายเสียงดัง แล้วทำเสียงเศร้าราวกับถูกกลั่นแกล้งได้ขัดกับหน้าตาเป็นที่สุด จนรยอวุคต้องค้อนให้อีกสักที ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องได้
ความสุขอบอวบไปทั่วทั้งบรรยากาศ
ความสุขที่เติมเต็มเข้ามาในหัวใจ
จนลืมเลือนความทุกข์ที่เคยได้พบเจอ
ความสุขที่สามารถสัมผัสได้เมื่อผ่านทุกข์มาอย่างแสนสาหัส
ความสุขที่เหมือนท้องฟ้าอันแจ่มใสหลังพายุที่มืดครึ้ม
แต่มันจะอยู่ไปได้นานแค่ไหนกัน......
...............................................................................................................
มาอัฟให้แล้วน้า สำหรับคุณอิ อิ ใช่แล้วค่ะ คู่นี้เป็นคู่ใหม่วอนมินนี่
ด้วยความที่ชอบคู่ฮันซินมากกว่า คุณวอนของเราเลยต้องอกหักไป เลยให้คู่กับน้องมินที่มักจะไร้คู่ซะเลย
หวังว่าคงชอบคู่นี้กันนะค้า
ส่วนตอนต่อไป คู่พระเอก-นางเอก ของเราซะที ยุนแจนั่นเอง
ใครที่รอว่าเมื่อไหร่คู่นี้จะสมหวังกันสักที ติดตามได้ในตอนหน้านะจ๊ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น