ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สะดุดรักนายมาเฟีย [Fic TVXQ+SUJU]

    ลำดับตอนที่ #1 : Who are you? And Who am I ?

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 52


    ตอนที่ 1 
    Who are you? And Who am I ?


    เอี๊ยด
    !
     
    ปัง!
     
    ปัง ปัง!
     
    เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วถนนใจกลางกรุงโซล ผู้คนพากันแตกตื่น หลบหนีลูกกระสุนที่กราดไปมา เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังลั่น

    ท่ามกลางผู้คนที่กำลังแตกตื่น ชายหนุ่มสองคนที่เพิ่งลงจากรถที่ถูกยิงจนเป็นรูพรุนไปหมด โดยมีชายชุดดำล้อมหน้าล้อมหลังป้องกันเต็มที่ 

    เสียงปืนโต้ตอบระหว่างชายชุดดำ และกลุ่มคนปริศนาที่แฝงอยู่ในกลุ่มคนที่วิ่งแตกตื่น ดังขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด

    ยูชอน ชั้นว่าเราควรแยกกันดีกว่า อยู่เป็นเป้านิ่งให้มันยิงอยู่อย่างนี้ชายหนุ่มผิวขาว หนึ่งในสองคนที่อยู่กึ่งกลางกลุ่มชายชุดดำที่เริ่มถูกยิงตายไปทีละคน หันไปพูดกับคนข้างๆ

    ชายผู้นี้คือ ชอง ยุนโฮ เรื่องรูปร่างหน้าตาคงไม่ต้องพูดถึง เพราะทุกคนก็คงรู้กันอยู่แล้ว สรุปได้คำเดียวว่าหล่อลากดิน เขาเป็นหัวหน้าแก๊ง TVXQ แก๊งมาเฟีงที่มีอิทธิพลต่อประเทศเกาหลีเลยทีเดียว แต่คนที่รู้จักหน้าค่าตาของชายหนุ่มจริงๆ มีเพียงไม่กี่คน  เพราะเค้ามักจะให้ยูชอนที่เปรียบเสมือนมือขวาจัดการแทนโดยมีชายหนุ่มสั่งการอยู่เบื้องหลัง

    จะดีเหรอ?ยูชอนถามอย่างไม่แน่ใจ

    ดีสิ งั้นเดี๋ยวเราไปเจอกันที่คฤหาสเลยยุนโฮพูดตัดบท แล้ววิ่งไปอีกทาง

    ยูชอนมองตามเจ้านายที่วิ่งไปด้วยใจที่ว้าวุ่น เหมือนกับว่าการจากกันครั้งนี้ อาจจะยาวนานกว่าที่คาดคิด แต่เสียงปืนที่ตามหลังมาก็ทำให้ชายหนุ่มได้สติรีบวิ่งไปอีกทาง

    ปาร์ค ยูชอน เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีมากอีกคนหนึ่ง เค้าเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า รู้จักกับยุนโฮตอนที่เค้าไปวิ่งราวทำตัวเหลวแหลกอยู่ในถนนที่ไร้คนมีการศึกษา หลังจากนั้นยุนโฮก็ทำให้เค้าได้มาอาศัยใบบุญหัวหน้าแก๊งคนก่อน ซึ่งก็คือพ่อของยุนโฮนั่นเอง แม้ว่ายุนโฮจะเห็นเค้าเป็นเหมือนเพื่อนสนิท แต่บุญคุณที่มีท่วมหัว จึงทำให้เขาไม่อาจตีตัวเสมอได้ และเจียมตัวเสมอมา ชายหนุ่มคิดไว้เสมอว่าบุญคุณครั้งนี้ แม้ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ยูชอนคนนี้ก็ยินดี

    ยุนโฮวิ่งมาเรื่อยๆ ตามตรอกซอกซอยที่ผู้คนเริ่มลดน้อยลง เช่นเดียวกับบอดี้การ์ดของเค้าที่ตอนนี้หดหายจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ในขณะที่อีกฝ่ายยังเหลืออีก 3-4 คน

    ทำไมคนที่เค้าจ้างมาฝีมือมันห่วยแตกอย่างนี้วะ

    คิดอย่างหงุดหงิด แล้วยิงสวนไปพลางวิ่งหนี แต่ปืนกระบอกเดียวหรือจะสู้ปืนหลายกระบอกได้ กระสุนสองนัดจึงพุ่งทะลุไหล่ซ้าย และหน้าท้องด้านขวา เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาอย่างกับท่อน้ำรั่ว แม้จะเจ็บจนแทบขาดสติ แต่ชอง ยุนโฮจะมาตายง่ายๆ อย่ายนี้ได้ยังไง ร่างสูงยังคงวิ่งต่อไป แม้จะโซเซเต็มที ชายหนุ่มเดินมาจนถึงรางรถไฟที่มีไม้กั้นไว้ บ่งบอกว่ารถไฟกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
    ตอนนี้ชายหนุ่มมีทางเลือกอยู่สองทาง คือ

    หนึ่ง อยู่รอให้พวกมันมายิ่งตายที่นี่ หรือ

    สอง จะเสี่ยงวิ่งไปให้รถไฟชนตาย แต่ถ้าข้ามไปอีกฝั่งได้ พวกนั้นก็จะตามเค้าไม่ทันแน่

    ยุนโฮหยุดคิด สุดท้ายก็เลือกหนทางที่สอง 


    เอาวะ โดนรถไฟชนตายดีกว่าโดนมันยิงตายอย่างกับหมาจนตรอก

    พอคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็รีบปีนข้ามรั้วไม้ กระโดดข้ามรางรถไฟไปทันที
    ปู๊น......ปี๊ด!
    รถไฟขบวนใหญ่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว แม้คนขับจะเหยียบเบรกจนมิดยังไง ก็ไม่มีทางที่จะหยุดได้ทันก่อนถึงร่างที่ยืนอยู่
    ยุนโฮพุ่งตัวออกไปอีกฝั่งอย่างเร็ว ร่างล้มลงพื้นถนน กายสัมผัสถึงลมจากรถไฟที่วิ่งอยู่ไม่ไกลนัก กับเสียงที่ดังจนหูอื้อไปหมด ชายหนุ่มหันไปมองพวกนั้นผ่านขบวนรถไฟที่ยืนอึ้งกิมกี่กันอยู่ ไม่รอช้าก็รีบพาตัวเองไปจากที่นั่นทันที แต่เดินไปได้ไม่เท่าไร ยุนโฮไม่ทันเห็นรถกระบะคันเล็กที่ขับมาอย่างเร็ว



    เอี้ยด.......โครม!
    ถึงคนขับจะเหยียบเบรกแล้วก็ตาม แต่ก็หยุดไม่ทันก่อนที่จะถึงร่างที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมา จนร่างนั้นกระเด็นไปนอนอยู่ข้างทาง เจ้าของรถกระบะคันเก่ามองคนที่นอนอยู่อย่างตกใจ

    ชั้นชนคนตาย.....ชั้นชนคนตาย หนีเร็ว ที่นี่ไม่มีคน ไม่มีใครรู้หรอก


    คิดได้ดังนั้น เท้าเรียวเหยียบคันเร่งออกไปทันที แต่พอดวงตากลมโตเหลือบมองร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ผ่านกระจกรถส่องหลัง จิตสำนึกที่มีอันน้อยนิดก็ทำให้เท้าเรียวเหยียบเบรกลงจากรถไปดูคนเจ็บอย่างหงุดหงิด

    ทำไมเราต้องมารู้สึกผิดตอนนี้ด้วยนะ!
    ร่างบางแบกร่างสูใหญ่ของอีกฝ่ายขึ้นรถอย่างทุลักทุเล แล้วขับรถไปที่คลินิกที่รู้จักดี ร่างสูงในชุดกาวสีขาวหันมามองร่างบางที่แบกร่างใหญ่อีกคนมาด้วย ร่างกายของทั้งสองเต็มไปด้วยเลือด จนแทบดูไม่ออกว่าเป็นเลือดใครกันแน่

    “แจจุงเกิดอะไรขึ้น?”ชายหนุ่มในชุดกาวถามอย่างตกใจ

    “อย่าเพิ่งพูดมากเลยฮันกยอง ช่วยชั้นพาเจ้าหมีนี่ไปนอนที่เตียงก่อน”แจจุงพูดอย่างหงุดหงิด ร่างสูงที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าและเข้าไปรับร่างที่เต็มไปด้วยเลือดมานอนที่เตียงขาว

    “เจ้านี่ มันใครกัน? ถูกยิงซะขนาดนี้”ชายหนุ่มพูดพลางทำแผลคนเจ็บที่ยังคงสลบไสลอยู่

    “ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆ เจ้านี่ก็โผล่ออกมาจากข้างทาง เลยชนเข้าให้ แล้วก็พามาให้นายนี่แหละ โดนยิงขนาดนี้สงสัยเป็นโจรที่ไหนรึเปล่าก็ไม่รู้”แจจุงพูดพลางยักไหล่ เดินไปนั่งที่โซฟามองคุณหมอใหญ่จัดการทำแผลคนเจ็บ

    “วันนี้สงสัยลูกเห็บตกแหงๆ คุณแจจุงอุตส่าห์ช่วยคนที่ไม่รู้จัก”ฮันกยองพูดยิ้มๆ
    “เห็นอย่างนี้ชั้นก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ทิ้งคนกำลังจะตายได้หรอกนะ (ถึงจะไม่ค่อยอยากช่วยก็เถอะ)”ร่างบางพูดงอนๆ โดยที่ไม่ได้ออกเสียงประโยคสุดท้ายให้ได้ยิน 
    “งั้นชั้นกลับไปดูร้านก่อนแล้วกัน ตอนค่ำๆ ค่อยมาใหม่”พูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป โดยไม่รอคำคัดค้านจากเจ้าของบ้าน

    ฮันกยองมองร่างบางยิ้มๆ แล้วหันไปทำงานของตนต่อ เค้ารู้จักกับแจจุงมานานแล้ว แจจุงเปิดร้านอาหารเล็กๆ ไม่ไกลจากคลินิกของเค้ามากนัก เนื่องจากว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้ทั้งคู่สนิทกันมาก 

    พ่อแม่ของแจจุงตายไปตั้งแต่เจ้าตัวยังเล็ก ร่างบางจึงต้องดูแลน้องชายเพียงลำพัง ทำให้ต้องอดทนทำงานทุกอย่าง สู้ชีวิตเลี้ยงตัวเองและน้อง เลยกลายเป็นคนขวางโลก ปากร้าย และขี้งกจนเกลือแทบเรียกพี่ แต่ใครที่รู้จักแจจุงดี จะรู้ว่าแท้จริงแล้วร่างบางเป็นคนอ่อนโยนและมีน้ำใจมาก แต่ก็ต้องทำตัวแข็งแกร่งก็เพื่อปกป้องน้องชายที่อ่อนแอเท่านั้น จนวันนี้แจจุงมีเงินเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง ด้วยฝีมือทำอาหารที่ไม่เป็นรองใคร ก็ทำให้ร้านของแจจุงขายดีพอส่งน้องเรียนหนังสือ   เรียกได้ว่าชีวิตของสองพี่น้องคู่นี้ก็เริ่มที่จะดีขึ้น

    ชางมินน้องแจจุงเอง แม้จะอ่อนแอด้วยโรคไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดขาวผิดปกติ จนต้องถ่ายเลือดกับเค้าอยู่บ่อยๆ แต่เด็กหนุ่มก็มีจิตใจที่เข้มแข็ง แถมยังเรียนดีจนได้เป็นนักเรียนทุน นิสัยที่นอบน้อม เรียบร้อยน่ารัก ก็ทำให้ทุกคนที่พบเห็นเอ็นดูอย่างง่ายดาย พูดได้เลยว่าสองพี่น้องคู่นี้เป็นที่รักของคนในชุมชนนี้เลยทีเดียว

    “กลับมาแล้วเหรอครับพี่”ชางมินถามยิ้มๆ เมื่อเห็นหน้าหวานๆ ของพี่ชาย 

    แจจุงพยักหน้ารับแล้วไปนั่งหน้าหงิก บ่นถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้น้องชายฟังอย่างหงุดหงิด ชางมินได้แต่ฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้มๆ แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ทนๆฟังไปเถอะ


    ตกค่ำ
    แจจุงก็กลับมาที่คลินิกของฮันกยองอีกครั้ง  พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณหมอเจ้าของคลินิกนอนเลื้อยดูทีวีอยู่
    “แล้วเจ้านั่นล่ะ? เป็นไงบ้าง?”
    “ไม่เป็นไรแล้ว นอนหลับอยู่ในห้องโน่นแหนะ”ฮันกยองตอบทั้งที่สายตายังไม่ละจากจอทีวี แต่ร่างบางก็ไม่คิดจะสนใจ เดินเข้าไปยังห้องคนไข้ ที่ทั้งคลินิกก็มีอยู่แค่ห้องเดียว สายตาก็พบร่างของคนเจ็บนอนสลบอยู่บนเตียงคนไข้ ตามร่างกายถูกพันด้วยผ้าพันแผล จนอดคิดไม่ได้ว่ามอมมี่รีเทิร์นมาอยู่ตรงหน้านี่รึไง?
    แจจุงก้าวเจ้าไปยืนข้างๆ เตียง พินิจใบหน้าคมที่แม้จะมีบาดแผลหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็มิอาจบดบังความหล่อที่มีอยู่ได้
    ดูไปดูมาเจ้านี่ก็หน้าตาดีเหมือนกันแหะ แต่งตัวก็ดีมีภูมิฐาน   ไม่น่าคิดสั้นเป็นโจรเล้ย
    ร่างบางคิดพลางก้มลงไปมองใบหน้าคมนั้นใกล้ยิ่งขึ้น



    พลึบ!
    “เฮ้ย!

    อยู่ๆ คนที่ควรจะหลับก็กลับลืมตาโพล่งขึ้น แจจุงได้แต่ผงะถอยหลังร้องอย่างตกใจ ไม่เพียงเท่านั้น   มือของคนป่วยยังกุมคอเล็กของคนที่แอบมองไว้แน่น จนร่างบางเริ่มขาดอากาศหายใจ สมองมึนตื้อไปหมด

    “ปล่อยนะ....ไอ้บ้า”แจจุงพูดออกมาอย่างลำบาก ชกอกอีกฝ่ายอย่างแรง

    พอเห็นภาพตรงหน้าชัดๆ จากดวงตาแข็งกร้าวเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาตอนแรก ก็เริ่มออกแสงลง ฉายแววสับสนออกมาอย่างชัดเจน สบดวงตากลมโตที่เริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมาของคนในมือ มือหนาก็คลายลงปล่อยแขนทั้งสองข้างลงข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง
    พอเป็นอิสระ แจจุงก็รีบออกมาไกลจากอีกฝ่ายทันที

    “แค่ก....แค่ก...เป็นบ้าอะไรวะ? คนเค้าอุตส่าห์ช่วย...แค่ก....นี่นะวิธีตอบแทนบุญคุณ”ร่างบางบ่นไปสำลักอากาศที่แย่งกันเข้าปอดกันยกใหญ่ไป พลางเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า มองคนบนเตียงอย่างโมโห

    “นายช่วยชั้นไว้เหรอ?”
    “ก็ใช่นะสิ”แจจุงตะโกนอย่างโมโห
    “มีอะไรกัน เสียงดังไปข้างนอกโน่น อ้าว นายฟื้นแล้วเหรอ?”ฮันกยองที่วิ่งเข้ามาดูทั้งสองคนเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย แล้วหันไปถามคนเจ็บ
    “แล้วนายเป็นใคร?”คนบนเตียงถามพลางชี้ไปที่แจจุง
    “ชั้นคิม แจจุง อยู่แถวนี้แหละ เห็นนายบาดเจ็บเลยพามานี่ ส่วนนี่หมอฮัน...ฮันกยอง”แจจุงตอบ แล้วชี้ไปที่ฮันกยองแนะนำตัวให้อีกฝ่ายเสร็จสรรพ
    คนบนเตียงฟังแล้วพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ
    “แล้วชั้นล่ะ?”คนเจ็บหันมาถามทั้งสองแล้วชี้ตัวเองอย่างงุนงง
    “ห๊า!อะไรนะ”ทั้งสองหันไปมองร่างสูงอย่างตกใจ เหมือนได้ยินไม่ค่อยชัด แต่ที่จริงน่ะเต็มสองหูเลย
    “แล้วชั้นล่ะ เป็นใคร?”ร่างสูงพูดย้ำอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ แจจุงและฮันกยองหันมามองหน้ากันอย่างตกใจ
    งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ?


     
    “นี่มันอะไร? หมอฮัน ทำไมเจ้านั่นถึงพูดอย่างนั้น”แจจุงถามทันที เมื่อหมอหนุ่มเดินออกมาจากห้องตรวจ
    “ความจำเสื่อมน่ะ เหมือนจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แต่การใช้ชีวิตประจำวันรับรู้ได้ตามปกติ อาจกระทบกระเทือนตอนที่นายขับรถชนเค้าก็ได้”ฮันกยองตอบ
    “อะไรกันชนแค่นั้น ความจำกระเด็นเลยรึไง”ร่างบางพูดเสียงดังพลางส่ายตาไปมา เหมือนไม่อย่างรับผิด แล้วเสเดินเข้าไปในห้องคนไข้ หนีซะงั้น
    “ท่านผู้มีพระคุณ ขอบคุณมากครับที่ช่วยผมไว้”ร่างสูงบนเตียงพูดพลางลุกขึ้นนั่งคุกเข่าแล้วก้มคำนับ
    “เอ้อ   ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แล้วก็ไม่ต้องเรียกอย่างนั้นก็ได้ เรียกว่าแจจุงก็พอ”แจจุงพูดตะกุกตะกัด เริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นกับท่าทางที่เปลี่ยนไปราวฟ้ากับดินของร่างสูง ที่จริงก็เพราะเค้าน่ะแหละที่ทำให้เจ้านี่เป็นอย่างนี้
    “ครับ คุณแจจุง รู้จักผมมาก่อนรึเปล่า?”เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
    “ไม่ล่ะ ชั้นเห็นนายนอนจมกองเลือดอยู่ข้างทางเลยพามานี่แหละ ไม่เคยรู้จักนายมาก่อน”แจจุงพูดพลางส่ายหน้า
    “ทำไมไม่บอกไปด้วยล่ะ ว่าก่อนอยู่ข้างทางน่ะ โดนนายชนกระเด็นไปนอนอยู่ตรงนั้น”ฮันกยองหันไปกระซิบที่ร่างบางเล่าไม่หมด
    “น่า....หยวนๆ”พูดพลางโบกมือไปมา
    “แล้วจะเอายังไงกับเจ้านี่ล่ะ”ฮันกยองถามเรียบๆ
    “ก็อยู่กับนายนี่แหละ”แจจุงตอบแบบไม่ต้องคิด
    “เรื่องอะไร นายพามานายก็รับผิดชอบไปสิ”คุณหมอตอบพลางเลิกคิ้วสูง
    “งั้นเอาไปส่าตำรวจให้สิ้นเรื่อง โดนยิงมาขนาดนี้คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ ตำรวจเค้าอาจจะตามหาอยู่ก็ได้”ร่างบางสรุป
    “ไม่นะครับ อย่าเอาผมส่งตำรวจเลย”คนเจ็บที่นิ่งเงียบมองสองคนเถียงกันไปเถียงกันมาขัดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของคนสวย มือหนาคว้ามือเรียวของอีกฝ่ายมากุมไว้แน่น ส่งสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์
    แจจุงถึงกับผงะเมื่อเจอสายตาอย่างนั้น

    “คุณแจจุงให้ผมไปอยู่ด้วยคนไม่ได้เหรอครับ ผมจะทำตามคำสั่งของคุณ
    ทุกอย่าง ผมกินไม่มากหรอก ไม่เรื่องมากด้วย นอนที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ขอแค่อย่าส่งผมให้ตำรวจเลยนะครับ”ร่างสูงยังคงอ้อนต่อไป
    “ช่วยแล้วก็ควรช่วยให้ถึงที่สุดสิ”ฮันกยองพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นคนสวยเริ่มเงียบ คนเจ็บหันไปมองคุณหมอแล้วพยักหน้าหงึกหงักเหมือนจะบอกว่า คุณหมอพูดถูก
    “ดีซะอีก นายจะได้มีคนช่วยขายของไง ได้ข่าวว่าที่ร้านขายดีจนคนไม่พอไม่ใช่เหรอ? แล้วอีกอย่าง...”ฮันกยองลดเสียงลงแล้วขยับเข้าไปกระซิบใกล้ๆหู “คิดซะว่ารับผิดชอบที่ชนเค้า”
    ถูกเอ่ยถึงความผิด ทำให้เจ้าตัวถึงกับร้อนรน  ไม่น่าไปชนมันเลยสิ...ให้ตาย
    “เออ ก็ได้ๆ”แจจุงพยักหน้ารับทั้งๆที่ คิ้วเรียวยังคงขมวดมุ่นอยู่
    “เย้...ขอบคุณครับ   คุณแจจุง”ร่างสูงร้องอย่างดีใจ ดึงมือเรียวที่ยังเกาะกุมอยู่ จนเจ้าของมือเซเข้าหาอ้อมกอดอุ่นที่รัดแน่นอย่างดีใจ
    “เฮ้ย ปล่อยชั้นนะ”ร่างบางพยายามพลักอกหนาแรงๆ แต่แขนแกร่งนั้นก็เหนียวเหลือเกิน 
    ฮันกยองได้แต่มองคนทั้งคู่ยิ้มๆ
    และแล้วเรื่องราวของมาเฟียหนุ่มสมองเสื่อมกับเจ้าของร้านแสนสวยจอมแสบก็เริ่มขึ้น

    ---------------------------------------------------------------------------
    ในที่สุดเรื่องที่สามของเราก็มาแล้ว  ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยน้า

    แล้วจะมาอัฟใหม่ในเร็ววันนี้จ้า  ^-^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×