คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
มันเป็นเวลาราวเที่ยงคืนที่เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มถูกหิ้วปีกสองข้าง หน้าตาซีดเซียว แขนขาอ่อนแรง ซ้ำยังมีคราบน้ำลายแห้งกรังที่มุมปาก ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นถูกจัดวางให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงของโรงพยาบาล ดวงตาของเขายังครึ่งหลับครึ่งตื่น หลังจากได้รับการปฐมพยาบาลจากนางพยาบาลกะกลางคืนแล้ว ชายหนุ่มค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ น้ำเย็นสักแก้ว และยาดมหนึ่งหลอด ช่วยให้สมองของเขากลับมาแจ่มใสขึ้น มือของชายหนุ่มลูบคลำบริเวณรอบคอซ้ำแล้วซ้ำอีก หากแต่มันไม่มีบาดแผลให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งรอยฟกช้ำ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองนั่งรออยู่บนเตียงคนไข้นานเท่าไหร่ เขาไม่มีนาฬิกา ในห้องก็ไม่มีนาฬิกา แต่เขาไม่รู้สึกกระวนกระวายจากการรอคอย อันที่จริง ช่วงเวลานี้สำหรับเขาแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ดีเอามาก ๆ เลย จนกระทั่งประตูห้องได้แง้มเปิด นายแพทย์วัยประมาณสี่สิบเดินเข้ามาภายในห้อง “คุณประวีร์ใช่ไหมครับ” “คะ...ครับ” “ผมได้สอบถามคนที่พาคุณมาแล้ว พวกเขาบอกว่าคุณมีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก นิ้วมือนิ้วเท้าเกร็ง” คุณหมอหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านคุณได้ยินเสียงคุณร้อง พอจะบอกได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ไม่มีคำตอบจากประวีร์ มีเพียงอาการสั่นกระตุกบริเวณหางตาและปลายนิ้ว “บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้” คุณหมอบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่เธอจำเป็นต้องบอกหมอ แล้วเราจะช่วยกันแก้ไขปัญหานั้น” สายตาของประวีร์จับจ้องมองป้ายชื่อสีดำบนหน้าอกของชายตรงหน้า ‘นายแพทย์วิศวัสต์’ นั่นเป็นชื่อของคุณหมอตรงหน้า คุณหมอวิศวัสต์กำลังรอคอยคำตอบด้วยความสงบ เขารู้ว่าความเงียบจะช่วยให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย ปัญหาที่ฝังลึกลงในจิตใจจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการรื้อถอน “เธอคิดว่าหมอเป็นยังไง” “คุณหมอดูสะอาดสะอ้าน ภูมิฐาน น่าเคารพ ใจดีและกรุณามากครับ” “แต่รู้ไหมว่าหมอก็เคยทำเรื่องเลวร้ายมา” น้ำเสียงของหมอแผ่วเบาลงเหมือนเสียงกระซิบที่ให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “ตอนที่หมอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ หมอถูกไล่ออกมาหนหนึ่ง” สายตาของประวีร์ยังคงเหม่อมองไปทางอื่น “เป็นเพราะหมอโดดเรียน ก็เที่ยวเตร่ไปตามประสาวัยรุ่นนั่นแหละนะ ผลการเรียนเลยออกมาแย่ หมอไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ กลัวท่านเสียใจ ท่านอุตส่าห์ขายที่ขายนาเพื่อส่งเสียให้หมอเรียน หมอโกหกท่านว่าป่วยและขอเงินเพิ่มเพื่อนำไปสมัครที่มหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่ง กว่าจะจบมาได้ก็ใช้เงินไปไม่น้อยเลย” ประวีร์ไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่คุณหมอวิศวัสต์เล่า นิสัยเกเรในอดีตช่างขัดกับบุคลิกอันน่าเชื่อถือในตอนนี้เป็นอย่างมาก “นี่ถือเป็นความลับระหว่างเรานะ” หลังจากนิ่งเงียบไประยะหนึ่ง ในที่สุดประวีร์ก็เริ่มเปิดปากอีกครั้ง “คุณหมออยู่แผนกไหนครับ” “จิตเวช” จากห้องตรวจไข้ธรรมดาถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องบำบัดจิตแผนกจิตเวช ประวีร์นอนราบบนเก้าอี้นอนยาว ศีรษะถูกหนุนขึ้นในระดับที่สะดวกสบาย มีเสียงเข็มนาฬิกาดังต๊อก ๆ ท่ามกลางความเงียบสงบ อุณหภูมิห้องถูกปรับให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ร่างกายของประวีร์รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ เขาสามารถปิดเปลือกตาที่ไม่สามารถหลับมาหลายคืน ไม่ทันที่ดวงตาของประวีร์จะปิดลงได้เนิ่นนาน เขาก็ได้ยินเสียงเก้าอี้ลากข้ามห้องมาที่ข้างกาย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบกับใบหน้าของคุณหมอวิศวัสต์ตรงหน้า ท่าทางของเขาสงบนิ่ง ผ่อนคลายและไม่รีบร้อน สองมือกุมอยู่บนตัก เสียงแกร็กดังขึ้นทีหนึ่ง ประวีร์เห็นเทปอัดเสียงเริ่มหมุน “เอาล่ะ เล่าให้อาฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” “ผมนอนไม่หลับครับ” “สาเหตุล่ะ” “ถ้าผมนอน ผมจะฝันร้าย ผมฝันร้ายแทบทุกคืน” “เธอไม่ได้หลับมานานเท่าไหร่แล้ว” “ไม่สิ บางทีผมอาจจะไม่ได้ฝันไปก็ได้ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้” ประวีร์ไม่ได้ตอบคำถาม เขาเริ่มมีอาการสับสนมากขึ้น แต่คุณหมอวิศวัสต์ยังคงถามย้ำถามเดิม “เธอไม่ได้นอนมานานเท่าไหร่แล้ว” “อาทิตย์กว่าแล้วเห็นจะได้” “ไม่ได้นอนเลยเหรอ” น้ำเสียงของคุณหมอแสดงถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด “นอนได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นครับ” “ทำไมล่ะ เธอเห็นอะไรในความฝัน” “ผม...ผมเห็น ไม่สิ ผมคิดว่าผมเห็นแอน” “แอนเป็นใคร” “แอนเป็น...เคยเป็นคนพิเศษสำหรับผม” “แล้วเกิดอะไรขึ้น” “...” “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับแอน” “...” ไม่มีคำตอบจากปากประวีร์ คุณหมอวิศวัสต์รู้สึกได้ว่าคนไข้ตรงหน้าเกิดอาการอึดอัดกับคำถาม ลมหายใจของประวีร์ขาดห้วงไป ลูกตากลอกกลิ้งไปมาภายใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่ ประวีร์กำลังลังเลที่จะตอบคำถาม สองมือขยับยุกหยิกไปมา คุณหมอวิศวัสต์ต้องยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง “เธอรู้จักกับแอนมานานเท่าไหร่แล้ว” “ปีนี้เป็นปีที่สองครับ” “เธอสองคนรู้จักกันได้ยังไง” “เราเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เรียนอยู่คณะเดียวกันครับ” “แล้วแอนเป็นคนยังไง มีตรงไหนที่เธอชอบเป็นพิเศษ” “แอนเป็นคนสวยครับ ขี้เล่น สดใส ร่าเริงและเป็นกันเอง แต่บ่อยครั้ง...” “บ่อยครั้ง...” “บ่อยครั้งเธอก็อารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปรกติของคนเป็นแฟนกัน” “ในความฝันของเธอ แอนเป็นอย่างนั้นไหม” “คะ...มีบ้างครับ” ปัญหาเรื่องจิตวิทยาส่วนใหญ่ หากไม่ใช่เรื่องการถูกทำร้ายร่างกายตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว ก็เป็นเรื่องของปัญหาความรักนี่แหละ คุณหมอรู้ว่าเขาเดินมาตรงจุดแล้ว “แล้วตอนนี้แอนเป็นยังไงบ้าง” “เธอ...ตายแล้วครับ”
ดวงตาของเขายังครึ่งหลับครึ่งตื่น
หลังจากได้รับการปฐมพยาบาลจากนางพยาบาลกะกลางคืนแล้ว ชายหนุ่มค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ น้ำเย็นสักแก้ว และยาดมหนึ่งหลอด ช่วยให้สมองของเขากลับมาแจ่มใสขึ้น
มือของชายหนุ่มลูบคลำบริเวณรอบคอซ้ำแล้วซ้ำอีก หากแต่มันไม่มีบาดแผลให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งรอยฟกช้ำ
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองนั่งรออยู่บนเตียงคนไข้นานเท่าไหร่ เขาไม่มีนาฬิกา ในห้องก็ไม่มีนาฬิกา แต่เขาไม่รู้สึกกระวนกระวายจากการรอคอย อันที่จริง ช่วงเวลานี้สำหรับเขาแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ดีเอามาก ๆ เลย
จนกระทั่งประตูห้องได้แง้มเปิด นายแพทย์วัยประมาณสี่สิบเดินเข้ามาภายในห้อง
“คุณประวีร์ใช่ไหมครับ”
“คะ...ครับ”
“ผมได้สอบถามคนที่พาคุณมาแล้ว พวกเขาบอกว่าคุณมีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก นิ้วมือนิ้วเท้าเกร็ง” คุณหมอหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านคุณได้ยินเสียงคุณร้อง พอจะบอกได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ไม่มีคำตอบจากประวีร์ มีเพียงอาการสั่นกระตุกบริเวณหางตาและปลายนิ้ว
“บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้” คุณหมอบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่เธอจำเป็นต้องบอกหมอ แล้วเราจะช่วยกันแก้ไขปัญหานั้น”
สายตาของประวีร์จับจ้องมองป้ายชื่อสีดำบนหน้าอกของชายตรงหน้า ‘นายแพทย์วิศวัสต์’ นั่นเป็นชื่อของคุณหมอตรงหน้า
คุณหมอวิศวัสต์กำลังรอคอยคำตอบด้วยความสงบ เขารู้ว่าความเงียบจะช่วยให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย ปัญหาที่ฝังลึกลงในจิตใจจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการรื้อถอน
“เธอคิดว่าหมอเป็นยังไง”
“คุณหมอดูสะอาดสะอ้าน ภูมิฐาน น่าเคารพ ใจดีและกรุณามากครับ”
“แต่รู้ไหมว่าหมอก็เคยทำเรื่องเลวร้ายมา” น้ำเสียงของหมอแผ่วเบาลงเหมือนเสียงกระซิบที่ให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “ตอนที่หมอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ หมอถูกไล่ออกมาหนหนึ่ง”
สายตาของประวีร์ยังคงเหม่อมองไปทางอื่น
“เป็นเพราะหมอโดดเรียน ก็เที่ยวเตร่ไปตามประสาวัยรุ่นนั่นแหละนะ ผลการเรียนเลยออกมาแย่ หมอไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ กลัวท่านเสียใจ ท่านอุตส่าห์ขายที่ขายนาเพื่อส่งเสียให้หมอเรียน หมอโกหกท่านว่าป่วยและขอเงินเพิ่มเพื่อนำไปสมัครที่มหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่ง กว่าจะจบมาได้ก็ใช้เงินไปไม่น้อยเลย”
ประวีร์ไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่คุณหมอวิศวัสต์เล่า นิสัยเกเรในอดีตช่างขัดกับบุคลิกอันน่าเชื่อถือในตอนนี้เป็นอย่างมาก
“นี่ถือเป็นความลับระหว่างเรานะ”
หลังจากนิ่งเงียบไประยะหนึ่ง ในที่สุดประวีร์ก็เริ่มเปิดปากอีกครั้ง
“คุณหมออยู่แผนกไหนครับ”
“จิตเวช”
จากห้องตรวจไข้ธรรมดาถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องบำบัดจิตแผนกจิตเวช ประวีร์นอนราบบนเก้าอี้นอนยาว ศีรษะถูกหนุนขึ้นในระดับที่สะดวกสบาย มีเสียงเข็มนาฬิกาดังต๊อก ๆ ท่ามกลางความเงียบสงบ อุณหภูมิห้องถูกปรับให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ร่างกายของประวีร์รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ เขาสามารถปิดเปลือกตาที่ไม่สามารถหลับมาหลายคืน
ไม่ทันที่ดวงตาของประวีร์จะปิดลงได้เนิ่นนาน เขาก็ได้ยินเสียงเก้าอี้ลากข้ามห้องมาที่ข้างกาย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบกับใบหน้าของคุณหมอวิศวัสต์ตรงหน้า ท่าทางของเขาสงบนิ่ง ผ่อนคลายและไม่รีบร้อน สองมือกุมอยู่บนตัก
เสียงแกร็กดังขึ้นทีหนึ่ง ประวีร์เห็นเทปอัดเสียงเริ่มหมุน
“เอาล่ะ เล่าให้อาฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ผมนอนไม่หลับครับ”
“สาเหตุล่ะ”
“ถ้าผมนอน ผมจะฝันร้าย ผมฝันร้ายแทบทุกคืน”
“เธอไม่ได้หลับมานานเท่าไหร่แล้ว”
“ไม่สิ บางทีผมอาจจะไม่ได้ฝันไปก็ได้ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้”
ประวีร์ไม่ได้ตอบคำถาม เขาเริ่มมีอาการสับสนมากขึ้น แต่คุณหมอวิศวัสต์ยังคงถามย้ำถามเดิม
“เธอไม่ได้นอนมานานเท่าไหร่แล้ว”
“อาทิตย์กว่าแล้วเห็นจะได้”
“ไม่ได้นอนเลยเหรอ” น้ำเสียงของคุณหมอแสดงถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“นอนได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นครับ”
“ทำไมล่ะ เธอเห็นอะไรในความฝัน”
“ผม...ผมเห็น ไม่สิ ผมคิดว่าผมเห็นแอน”
“แอนเป็นใคร”
“แอนเป็น...เคยเป็นคนพิเศษสำหรับผม”
“แล้วเกิดอะไรขึ้น”
“...”
“มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับแอน”
“...”
ไม่มีคำตอบจากปากประวีร์ คุณหมอวิศวัสต์รู้สึกได้ว่าคนไข้ตรงหน้าเกิดอาการอึดอัดกับคำถาม ลมหายใจของประวีร์ขาดห้วงไป ลูกตากลอกกลิ้งไปมาภายใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่
ประวีร์กำลังลังเลที่จะตอบคำถาม สองมือขยับยุกหยิกไปมา คุณหมอวิศวัสต์ต้องยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง
“เธอรู้จักกับแอนมานานเท่าไหร่แล้ว”
“ปีนี้เป็นปีที่สองครับ”
“เธอสองคนรู้จักกันได้ยังไง”
“เราเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เรียนอยู่คณะเดียวกันครับ”
“แล้วแอนเป็นคนยังไง มีตรงไหนที่เธอชอบเป็นพิเศษ”
“แอนเป็นคนสวยครับ ขี้เล่น สดใส ร่าเริงและเป็นกันเอง แต่บ่อยครั้ง...”
“บ่อยครั้ง...”
“บ่อยครั้งเธอก็อารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปรกติของคนเป็นแฟนกัน”
“ในความฝันของเธอ แอนเป็นอย่างนั้นไหม”
“คะ...มีบ้างครับ”
ปัญหาเรื่องจิตวิทยาส่วนใหญ่ หากไม่ใช่เรื่องการถูกทำร้ายร่างกายตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว ก็เป็นเรื่องของปัญหาความรักนี่แหละ คุณหมอรู้ว่าเขาเดินมาตรงจุดแล้ว
“แล้วตอนนี้แอนเป็นยังไงบ้าง”
“เธอ...ตายแล้วครับ”
ความคิดเห็น