คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : FIC [March&Tou] - LIE.. - ep.1
ผม.. มาร์ช จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล
นักศึกษาปี 4 ที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการฝึกงาน..
น้อยคนนักที่จะเข้าใจระบบการดำเนินชีวิตที่ผมกำลังต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ ตื่นมาตอกบัตรตอนเช้า.. และคร่ำเคร่งอยู่กับเอกสารกองเท่าภูเขาหน้าเครื่องถ่ายเอกสาร ตั้งแต่เช้ายันเย็น
หนึ่งอาทิตย์มาแล้ว ที่ผมเข้ามาฝึกงานที่บริษัทนี้ หน้าที่หลักที่ได้รับก็คือ..ถ่ายเอกสาร แลดูเหมือนมันจะแสนง่าย แต่เปล่าเลย.. เอกสารแทบจะทั้งบริษัทถูกส่งมาที่นี่ คนนั้นจะเอาอันนี้ด่วน ส่วนคนนี้ก็จะเอาอันนั้นด่วน เครื่องถ่ายเอกสารมีเครื่องเดียว และคนถ่ายเอกสารก็มีคนเดียว มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการ
วันนี้ก็เช่นกัน.. ยืนอยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสารตั้งแต่บ่ายจนขาแข็ง คือโต๊ะทำงานก็มีนะ แต่ไม่เคยจะได้นั่ง
“น้องมาร์ช..” เสียงเรียกยาวดังขึ้นจากด้านหลัง ผมเงยหน้าขึ้นจากเครื่องถ่ายเอกสาร แล้วหันกลับไปมองตามเสียงเรียกนั้น
“ครับ?” ผมตอบรับ
“วันนี้ต้องทำโอนะจ๊ะ” พี่พิมพ์ฝ่ายบุคคลเดินเข้ามาหาแล้วยิ้มกริ่ม
“แล้วเดี๋ยวน้องมาร์ชเข้าเว็บ สั่งพิซซ่าให้หน่อยนะจ๊ะ” พูดเสร็จก็แปะออเดอร์ไว้หน้าคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของผมที่ผมแทบจะไม่ได้นั่ง
“เขียนคำสั่งพิเศษด้วยนะ บอกให้น้องตั้วเป็นคนมาส่ง” พูดเสร็จก็ส่งยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนเดินนวยนาดออกไป
‘ใครวะ?’ ผมงง ไม่แน่ใจว่ามันเลือกคนส่งได้ด้วยเหรอ แต่ก็ระบุไปให้ตามที่สั่ง
..
สักพัก.. ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดจากด้านนอก จนผมต้องเดินออกไปดู
พิซซ่ามาส่ง.. จะบ้าตาย แค่พิซซ่ามาส่งทำไมต้องกรี๊ดกร๊าดกันขนาดนี้
สาว ๆ ในออฟฟิศห้า-หกคนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังคนมาส่งพิซซ่า ก็แค่ผู้ชายสูงแล้วก็หน้าตาดีนิดหน่อยก็แค่นั้น จะอะไรกันนักหนา ผมขาวกว่าแถมหล่อกว่าตั้งเยอะไม่ยักกะมีใครมาสนใจ
ขณะที่กำลังมอง คนถูกมองก็คงรู้ตัวแหละ เจ้านั้นเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมแล้วยิ้ม..
ปัง..!!
รู้สึกเหมือนถูกยิง
“อ่ะ” ผมร้องเบา ๆ แล้วติดนิ่งอยู่ 5 วิ ได้ ก่อนจะเสมองไปทางอื่น พ่นลมหายใจออกมา แล้วหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง
เจ้านั้นหันไปคุยกับสาว ๆ ที่ออฟฟิศแล้ว ไม่ได้มองผมอยู่
‘โล่งอก’ โล่งอกทำไม?
“เดี๋ยวตั้วขอตัวก่อนนะครับ”
“โหย..น่าเสียดายอ่ะ อยู่ต่ออีกแป๊บไม่ได้เหรอ” สาว ๆ บ่นเสียดายกันเป็นแถว
“ตั้วต้องไปรับออเดอร์อื่นอีกน่ะครับ” คนพูดส่งยิ้มน้อย ๆ
สาว ๆ ส่งตาละห้อยมอง
“พี่ ๆ สั่งออเดอร์เพิ่มอีกได้นะครับ เดี๋ยวตั๋วมาส่งให้อีก” กระเป๋าสะพายถูกกระชับให้เข้าที่ เจ้านั้นส่งยิ้มให้สาว ๆ อีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับ
‘ขายของเก่งเหมือนกันนะเจ้านี่’ ผมคิดในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป เพราะกลัวจะโดนพี่ ๆ ที่กำลังมองตามหลังเจ้านั้นไปตาละห้อยเขม่นเอา
เสียงกรี๊ดกร๊าดสงบลง..
ก็ได้เวลาที่ทุกคนจะสนใจกองพิซซ่าที่อยู่ตรงหน้าซะที
..
ได้เวลาเลิกงาน.. เป็นอีกวันที่เมื้อยไปหมดทั้งตัว 4 ทุ่มแล้ว คงต้องรีบกลับ
ผมเดินลงจากตึก ลัดเลาะออกมาทางด้านหลัง ทะลุออกซอยเล็ก ๆ ก็ถึงคอนโดที่พัก
ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะใกล้กับที่ฝึกงาน คอนโดของป๊าที่ซื้อไว้นานแล้ว ตอนแรกกะจะให้คนมาเช่า แต่จนแล้วจนลอดก็ยังหาคนเช่าไม่ได้สักที อาจจะเพราะค่าเช่ามันแพงเกินไป
ซึ่งมันก็กลายเป็นผลดีสำหรับผมในตอนนี้
บริษัทที่ผมฝึกงานอยู่ เป็นบริษัทของเพื่อนป๊า จะพูดก็คือ..ผมใช้เส้นเข้ามาฝึกงานนั้นเอง เพราะฉะนั้นรับรองผลได้ว่า A แน่นอน
แต่เพราะผมเส้นบิ๊กขนาดนี้นี่แหละ เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไม่มีสาว ๆ ในออฟฟิศคนไหนกล้าเข้ามายุ่งหรือส่งสายตาให้กับผม ซึ่งผมก็ไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่นัก ณ จุดนี้
“อ๊ะ” ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ผมก็บังเอิญชนใครบางคนที่หน้าลิฟท์
ผมหันไปมอง สายตาสบกันโดยบังเอิญ หน้าคุ้น ๆ นะ ผมว่า แล้วจึงนึกได้
เด็กส่งพิซซ่าคนนั้น..
มองสบตากันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เจ้านั้นจะหลบตา
“ขอโทษ” ผมเอ่ยขอโทษเบา ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ระวังเอง” คนตอบก็ตอบเบา ๆ เช่นกันแล้วยิ้ม.. อีกแล้ว.. ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว
ยังไม่ทันจะมีใครพูดอะไรต่อ ประตูลิฟท์ก็เปิดออก ผมเดินเข้าไปก่อน อีกคนจึงเดินตาม
“ชั้นไหน?” ผมหันไปถาม
“18 ครับ”
‘ชั้นเดียวกันเลยแฮะ’ ผมคิดในใจก่อนกดลิฟท์
ไม่มีการเสวนาใด ๆ เกิดขึ้นอีก จนลิฟท์เปิด ผมเดินออกมาก่อน เลี้ยวซ้ายแล้วเดินต่อไปเรื่อย ๆ รู้สึกตัวตลอดเวลาว่ามีคนเดินตามมา จนเกือบถึงหน้าห้องผมจึงหันกลับไป เห็นเจ้านั้นยืนหยุดอยู่หน้าห้องเยื้องกับห้องของผม ก่อนจะรูดบัตรเปิดประตูเข้าห้องไป แต่ก่อนที่เจ้านั้นจะเดินพ้นประตู ก็หันมามองผมอีกครั้ง แล้วยิ้มแบบเดิมอีก
ยิ้มแปลกนะ.. ไม่เหมือนใคร.. พอเห็นแล้วโลกมันดูสว่างขึ้นยังไงพิกล..
ผมสายหน้าสอง-สามครั้ง ไล่ความคิดแปลก ๆ ในหัวออกไป ก่อนจะหันไปเปิดประตูห้องของตัวเองบ้าง
..
แสงไฟในห้องสว่างขึ้น.. เป้หลังถูกวางลงบนที่นอนแผ่วเบา
“ฮู้ววววววว” ลมหายใจที่อัดแน่นถูกปล่อยออก
“วันนี้บังเอิญจังแฮะ.. ไม่นึกเลยว่าจะเจอพี่มาร์ช” ผมนั่งลงบนที่นอนแล้วหันไปมองรูปของใครบางคนที่ใส่กรอบตั้งไว้ที่หัวเตียง
ภาพงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์เมื่อปีที่แล้วลอยกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
ผมกับเพื่อนตั้งใจจะไปเชียร์ทีมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยในฝันที่ผมปรารถนาจะเข้าให้ได้ และแน่นอนว่า ผมตั้งใจที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอลด้วยเช่นกัน แต่แล้ว..ทันทีที่ผมเห็นใครบางคนในสนาม อะไรบางอย่างในตัวผมก็สั่งให้ผมเชียร์ทีมจุฬาโดยไม่รู้ตัว
ผู้ชายผิวขาวที่น่าจะตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อย วิ่งอยู่ในสนามอย่างกระตือรือร้น บางคราบบางคราวแอบทำท่าทางให้ผมขำอยู่เล็ก ๆ แปลก.. หัวใจของผมเหมือนถูกกระชากให้สั่นไหวเข้าอย่างจัง
ตลอดการแข่งขัน สายตาของผมจับจ้องอยู่แต่กับคน ๆ นั้น จนแทบจะไม่ได้สนใจเกมการแข่งขันตรงหน้าเลย เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ผมรู้สึกอะไรแบบนี้
หลังจากนั้นมา ผมก็สอบถามจากเพื่อน และเพื่อนของเพื่อน จนได้รู้ว่า เขาคนนั้นชื่อ มาร์ช เรียนอยู่ปี 3 คณะบัญชี แถมผมยังแอบย่องเข้าไปส่องเฟสและแอบเซฟรูปเขามารูปหนึ่งด้วย คิดถึงตอนนั้นแล้วก็ตลกตัวเองนะ..
ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีก..
ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน หน้าผมคงกำลังยิ้มอยู่ซินะตอนนี้..
“ดีใจจังฮะที่ได้เจอพี่อีก” ผมคงไม่ได้เผลอพูดดังไปจนพี่ได้ยินใช่ไหม..
--------------------------------------------------------
**เรื่องราวทั้งหมดที่จะกล่าวต่อไปนี้
เป็นเพียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากจิตนาการของผู้แต่ง
ไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดเกี่ยวข้องกับเรื่องจริง
บุคคลจริง หรือเหตุการณ์จริงใด ๆ ทั้งสิ้น
และทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
มิได้มีเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างไร
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้รับความสุขเมื่อกลับออกไป**
ความคิดเห็น