The Last Wish.. - The Last Wish.. นิยาย The Last Wish.. : Dek-D.com - Writer

    The Last Wish..

    เรื่องสั้นปริศนา

    ผู้เข้าชมรวม

    155

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    155

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ก.ค. 49 / 00:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กึ..กรึก.....

      ฉันริซาโกะ ซุกายะ และ มิยาบื นัทซึยากิ

      เราทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็กๆแล้ว อันที่จริงจะว่าไปเราทั้งคู่อาจจะรู้จักกันก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ  เพราะว่าแม่ของนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่งงานพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็คลอดเราในวันเดียวกันด้วยอาจจะฟังดูเหลือเชื่อไปบ้างแต่มันก็คือเรื่องจริง เราทั้งคู่นั้นอาจจะรู้กันตั้งแต่ตอนอยู่ในท้องแม่แล้วก็ได้ ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มจำความได้เอาเป็นว่าฉันกับมิยะนั้นไม่เคยจะแยกออกจากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว! 

      เราเรียนอนุบาลที่เดียวกันและแน่นอนอยู่ห้องเดียวกันด้วย  ทั้งอาจารย์และเพื่อนๆที่เรียนด้วยกันต่างรู้จักเราในชื่อคู่แฝด 'นัทซุ' คือการนำชื่อนามสกุลตัวหน้าของเรามาเรียกรวมกัน

      เราทั้งคู่อาจจะมีอะไรหลายๆอย่างไม่เหมือนกันฉันมีผมน้ำตาลเข้มหยักศกส่วนมิยะก็มีผมสีดำที่ยาวตรงสลวย ฉันเป็นคนเงียบๆส่วนมิยะเป็นคนร่าเริง

      ใช่มะ ? ฟังดูไม่น่าเข้ากันเล้ยยยย....แต่ความสัมพันธ์ของเราทั้ง 2 คนนั้นคงจะไม่มีอะไรที่จะมาตัดให้ขาดออกจากกันได้ จนกระทั่งปัจจุบันพวกเราขึ้นชั้นมัธยมต้นแล้วเราก็ยังอยู่ห้องเดียวกัน

      มิยะและฉันชอบที่จะนั่งเล่นตรงริมฝั่งแม่น้ำของเมืองตั้งแต่ยังเด็กแล้ว  ซึ่งแม่ๆของพวกเราก็มักจะชอบห้ามว่าอย่าไปเล่นตรงนั้นนะเพราะว่ามันอันตราย ก็ตรงนั้นน่ะน้ำเชี่ยวออกจะตายนี่นา....

      .....แต่พวกเราก็ชอบที่จะแอบแม่มาเล่นกันตรงนั้นอยู่เป็นประจำอยู่ดีแหละ ฮิฮิ

      ฉันจำได้ว่ามีครั้งนึงตอนเราอยู่อนุบาล วันนั้นท้องฟ้าแจ่มใสสลับกับมีเมฆมาก ขณะที่กำลังเล่นกองทรายกันอยู่ มิยะก็ถามฉันแปลกๆเรื่องนึงที่ฉันยังจำได้ดีจนตัวเองก็อดแปลกใจไม่ได้


      นี่ริจังรู้มั้ยว่าคำอธิษฐานของคนเราจะแรงกล้าที่สุดตอนไหน ?

      ...ไม่รู้อ่ะตอนไหนเหรอ

      ก็ตอนใกล้ตายยังไงล่ะ.....


      พอมานึกๆดูแล้วทำไมตอนนั้นฉันไม่กลัวมิยะเลยนะ หน้ามิยะหน้ากลัวมากตอนนั้นพวกคุณนึกไม่ออกหรอกเหมือนปีศาจตัวน้อยๆเลยล่ะ แต่พอมาคิดตอนนี้แล้วนะแค่คิดก็ขนลุกซู่แล้ว  แต่ไม่ว่ายังไงสำหรับฉันน่ะขอแค่มีมิยะก็พอแล้วล่ะ....

      นี่ยังจำได้ไหมว่าฉันเคยบอกให้พวกคุณฟังว่ายังไงฉันกับมิยะน่ะตัวติดกันตลอดเวลาไม่ว่าเวลาไหนใช่มั้ย ?

      แต่......มีอยู่ครั้งนึงที่เราต้องแยกจากกัน แล้วก็เป็นการแยกจากกันตลอดกาลแบบไม่มีวันที่จะสามารถเรียกย้อนกลับมาได้ซะด้วยสิ

      อะไรนะพวกคุณอยากจะรู้ยังนั้นหรือ ?

      ........................

      ให้ตายสิพวกคุณนี้เซ้าซี้จังเลยนะ  งั้นจะเล่าให้ฟังก็ได้

      คือมันเป็นเรื่องเมื่อ 6 เดือนก่อน ฉันแอบชอบเด็กผู้ชายอยู่คนนึงเค้าเรียนห้องเดียวกับฉันนี่แหละ เค้านะทั้งเรียนเก่ง นิสัยก็ดี แถมกีฬาบาสที่เค้าเล่นก็เก่งมากซะด้วยสิ  เค้านะ pop ในหมู่สาวๆที่โรงเรียนมากเลยล่ะ ฉันน่ะชอบเค้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้วล่ะ เรียนกว่า 'ตกหลุมรัก' ซะล่ะมั้ง อายจังฉันพูดอะไรไปเนี่ย....

      ฉันน่ะชอบเค้ามากเลยล่ะ แต่ก็ไม่กล้าบอกหรอกก็กลัวเค้าปฎิเสธน่ะสิ  ก็เค้า pop ออกจะขนาดนั้นตลอดเวลาฉันก็ได้แต่คอยมองเค้าอยู่ห่างๆไม่ได้ทำอะไรให้ใครผิดสังเกตุหรือให้ใครรู้ได้ว่าฉันชอบเค้า  แต่แล้ววันนึงมิยะก็กลับกล้าทำในสิ่งที่ฉันไม่กล้าทำ ใช่!!!!

      วันนั้นฉันเดินทอดน่องกำลังจะไปดื่มน้ำที่ด้านหลังโรงเรียน ฉันก็บังเอิญเห็นเข้าพอดี มิยะสารภาพรักกับเค้าคนนั้น.......แล้วเค้าก็ตอบตกลงด้วย

      ฉันทั้งเสียใจทั้งรู้สึกช๊อกมากๆที่โดนมิยะเพื่อนสนิทหักหลังเข้า.....

      ตอนเย็นฉันเดินกลับกับมิยะเส้นทางเดิมที่ๆเราชอบไปนั่งเล่นกัน ฉันรวบรวมความกล้าถามมิยะไปว่าเธอคบกับเค้าคนนั้นตริงรึเปล่า

      ไม่มีคำตอบแต่มิยะหน้าแดง.............

      ฉันโมโหมากที่มิยะมีความกล้าที่ฉันไม่มี โมโหทึ่มิยะบังอาจมาชอบคนๆเดียวกับที่ฉันชอบ ฉันกับมิยะมีปากเสียงกัน เถียงไปจนถ้อยคำหยาบคำสบถต่างๆเริ่มมากตามขึ้นเรื่อยๆ  กระทั่งในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวฉันตบหน้ามิยะ มิยะก็ตบหน้าฉันกลับฉันเอื้อมมือไปคว้าผมดำที่พริ้วสบัดของมิยะแล้วกระชากเต็มแรง มิยะก็ตอบโต้ด้วยการจิกเล็บลงที่ใบหน้าของฉัน 

      เรา 2 คนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาจนกระทั่งพลัดตกลงไปในแม่น้ำ เราสองคนว่ายน้ำไม่เป็นต่างคนต่างตะเกียดตะกายหวังจะเอาชีวิตรอด  ฉันเอามือตะกรุยน้ำด้วยกำลังทั้งหมดเพื่อจะให้ไปถึงฝั่ง แต่ก็ไม่สามารถเพราะน้ำในแม่น้ำเชี่ยวมากจนสู้แรงไม่ไหว ปากก็สำลักน้ำที่ทะยอยโถมเข้ามาเรื่อย  หางตาฉันเองก็เหลือบไปเห็นมิยะที่ก็พยายามจะเอาชีวิตรอดไม่ได้ต่างจากฉันเลย 

      สติของฉันเริ่มจะเลือนลางลงทุกทีตัวค่อยๆจมลงสู่ก้นแม่น้ำ แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังจะใจจู่ๆฉันก็พลันนึกเรื่องของมิยะที่เล่าให้ฟังในวัยเด็กได้

      นี่ริจังรู้มั้ยว่าคำอธิษฐานของคนเราจะแรงกล้าที่สุดตอนไหน ?

      ...ไม่รู้อ่ะตอนไหนเหรอ

      ก็ตอนใกล้ตายยังไงล่ะ.....

      ฉันนึกขึ้นได้ก็เริ่มลองอธิษฐานดูก็ไหนๆก็จะตายอยู่แล้วนี่ก็ลองดูซักหน่อยถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริงอะไรก็เถอะ ฉันเริ่มตั้งใจอธิษฐานด้วยสติสัมปชัญญะที่จวนเจียนจะขาดเต็มที

      ฉันอธิษฐานขอให้มิยะหายไปจากโลกใบนี้ซะ.....

      แล้วฉันก็ปล่อยล่างให้จมดิ่งลงสู่ก้นของแม่น้ำ  ตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในห้องสีขาวสะอาดสะอ้านยังนึกตลกอยู่เลยว่า 'ตายแล้วจะมาอยู่ในห้องแบบนี้เองหรอเนี่ย' จากนั้นก็มีผู้หญิงในชุดขาวเดินเข้ามาในห้องก็เลยนึกขึ้นได้ว่า อ๋อ โรงพยาบาลนั่นเอง

      ฉันรอดจากการจมน้ำ โดยพยาบาลเล่าให้ฟังว่ามีคนเห็นฉันเดินๆอยู่ก็พลัดตกลงไปในน้ำเลยช่วยไว้ได้ทัน

      เอ๋....? ฉันรอดแล้วมิยะล่ะ

      ฉันลองถามพยาบาลดู คุณพยาบาลก็ทำหน้า งงๆ  ฉันก็เลยบอกไปว่าก็คนที่ตกลงไปในน้ำพร้อมกับฉันยังไงล่ะ พยาบาลก็ยังทำหน้างงอยู่  แล้วก็บอกกับมาว่าจากรายงานนั้นมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้

      ฉันเริ่มสับสนนี่ฉันรอดคนเดียวเพราะว่าคนช่วยไม่เห็นมิยะ ? หรือว่าคำอธิษฐานของฉํนเป็นจริงกันแน่

      ไม่เอาน่ะเรื่องหลอกเด็กยังนั้นจะเป็นจริงไปได้ยังไงกัน....

      ฉันนอนโรงพยาบาลอยู่ 1 วันเพื่อดูอาการพอได้ออกปุ๊บฉันก็ตรงดิ่งไปบ้านมิยะที่อยู่ข้างๆทันที แต่ปรากฎว่าบ้านมิยะกลายเป็นบ้านร้างเป็นบ้านเก่าๆที่ขึ้นรกไปด้วยเถาวัลย์ต่างๆพันไปมาอยู่หน้าประตูและกำแพง

      มิยะหายไป........

      คำอธิษฐานของฉันกลายเป็นจริง ถามพ่อกับแม่ก็ไม่มีใครรู้

      นี่มันเรื่องจริงใช่มั้ย .........?

      ฉันทำให้มิยะอันตธารหายไปจากโลกนี้ได้แล้วสินะ......

      งั้นทีนี้เค้าคนนั้นก็จะต้องเป็นของฉันตลอดไป.....ฉันชนะ.....

      .....................

      ..................

      ..............

      ..........

      ........

      ....

      กึ....กรึก.....

      "เป็นยังไงครับ ?" ชายในชุดกาวด์เลื่อนมือจากเครื่องเล่นเทปมาประสานไว้ตรงหน้าตัวเอง "นี่คือเทปที่เราทำการอัดตอนที่ ซุกายะ ริซาโกะ หรือบุตรสาวของคุณนั้นพูดระหว่างการตรวจสอบสภาพจิตใจช่วงเดือนที่ผ่านมา....."

      หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝ่ายตรงข้ามกับผู้ชายใส่เสื้อกาวด์ทำท่ากอดแขนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆจนแน่น

      "ผลสรุปมีดังนี้นะครับ เรายังไม่สามารถปล่อยให้เธอออกไปใช้ชีวิตปกติที่ข้างนอกกับพวกคุณได้ จากที่ได้ฟังพวกคุณก็คงจะรู้กันแล้วนะครับคือเธอยังเอาความฝันหรือจินตนาการรวมเข้ากับความเป็นจริงอยู่เราจึงไม่สามารถที่จะอนุมัติให้ออกไปได้ แล้วก็ขอบคุณมากนะครับที่อุตส่าสละเวลามา"

      โฮ.........

      เสียงร้องไห้ของหญิงวัยกลางคนที่ปล่อยออกมาดังลั่นอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีหน้าต่างบานเล็กเปิดสู่ภายนอกรับลมของฤดูร้อนที่โชยเข้ามา


      ฉันชนะ........


      End.......

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×