คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [I]-Roommate -
-Roommate I-
ผมคิดว่ามันง่าย หากเราจะย้อนเวลากลับไป
“ฉันขออะไรนายอย่างหนึ่งได้มั้ยยองแจ?” เสียงทุ้มต่ำมากๆของบังยงกุก เอ่ยทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบภายในห้อง เพราะหลังจากที่เราทั้งสองคนแนะนำตัวกันเรียบร้อย เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย ผมเดินกลับมายังโต๊ะเครื่องเขียน และนั่งอ่านหนังสือเรียนไปเรื่อยเปื่อย ส่วนเขาก็คงจะจัดของใช้ส่วนตัวต่อไป และจนถึงเมื่อกี้ที่เขาเอ่ยประโยคขึ้นมา ผมจึงเอี้ยวตัวกลับไปทางที่เขายืนมองผมอยู่
“ฉันจะขอยืมห้อง 3 วันต่อสัปดาห์น่ะ วันละประมาน 3 ชั่วโมง ฉันอยากจะให้นายไปอยู่ที่อื่นสักพักในช่วงเวลานั้น” เขาอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
“นายคิดจะทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรอยงกุก?” มันคงไม่ใช่อย่างที่ผมกำลังคิดใช่มั้ย?
“ทำอย่างว่าน่ะ....กับคนที่มาซื้อฉัน” เขาตอบออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับสิ่งที่พูดนั่นคือเรื่องลมฟ้าอากาศ
และนั่นมันทำให้ผมรู้สึกผิดหวัง
“นายพูดอะไรออกมา? มันไม่ตลกเลยนะที่นายจะมาทำเรื่องอย่างว่าในห้องที่มีพื้นที่ของฉันด้วยเหมือนกัน” ผมเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมานิดๆ ใครมันจะไปชอบกัน!
“นายไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไม่วุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของนาย หรือใช้เตียงของนาย หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย ฉันจะเปิดหน้าต่างไว้...ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำให้มันเป็นปัญหาใหญ่”
“นี่มันแย่มากเลยนะ ที่นายมาพูดขอยืมห้องกันแบบนี้” ผมลุกจากเก้าอี้และยืนขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ผมไม่รู้ว่าผมชักสีหน้าใส่เขาไปมากขนาดไหน ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้นจริงๆนั่นแหละ ไม่ควร!
“ฉันจะจ่ายค่าเช่าห้องให้กับนายด้วยนะ” แต่ดูเขาสิ เขายังพูดด้วยท่าทีเป็นมิตรไม่เปลี่ยนไปเลย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย ใครก็ได้บอกผมที
“นายคิดว่าฉันอยากจะรับเงินพวกนั้นหรอบังยงกุก?” หน้าผมเหวี่ยงเต็มที่แล้วนะ ผมคิดว่า
“ถ้ามันเป็นปัญหามากนัก....นายก็คิดซะว่าทำบุญทำทานให้กับฉันก็แล้วกัน....หรือนายอยากให้มันเป็นอย่างนี้....ฉันย้ายออกไปก็ได้นะ”
นี่เขาทำเหมือนผมเป็นปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้เลยนะ เหอะ! รู้สึกผิดเป็นบ้าเลยล่ะ พูดจ้องตากับผมเสร็จก็หันหลังไปเก็บของใช้ส่วนตัวเฉย เฮ้ย! นี่จะเอาจริงหรอ? ทำไมคนที่รู้สึกผิดกลับกลายเป็นยูยองแจว่ะเนี่ย!!
“ก็ได้ๆ แต่ลองดูก่อนสองอาทิตย์นะ ถ้ามันโอเคดีก็ตามนั้นแหละ!” ต้องรีบพูดให้ไว เพราะเห็นว่าเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้นั่นเตรียมจะยัดลงกระเป๋าเดินทางอีกรอบแล้ว นี่ไม่พูดเปล่า ยังเดินไปรั้งแขนของอีกฝ่ายอีก ทุ่มเทไปนะบางที
“นายพูดจริงนะยองแจ?....ดีจัง” เสียงทุ้มต่ำนั้นเรียกชื่อของผมอย่างดีใจ ใช่มั้ย? ดีใจมากใช่หรือเปล่า?
“แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะ” ผมบอกเขาเสียงอ่อน ก่อนจะรีบปล่อยมือที่จับแขนของเขา ช่วงขณะที่เขาหันกลับมาหลังจากที่ผมปล่อยแขนเขาแล้ว เขายิ้มให้ผมนิดๆ ผมมองสบดวงตารีเรียวของเขา แต่นัยน์ตานั้นก็ไม่เคยยิ้มตามริมฝีปากของเขาเลย
ทำไมผมรู้สึกแย่จัง
เช้านี้ผมนั่งกินมื้อเช้าอยู่ที่ห้องอาหารของหอ ผมพลาดมื้อเช้าก่อนเข้าเรียนไม่ได้หรอกนะ และถ้าถามว่าเมื่อคืนผมนอนหลับสบายหรือเปล่า ตอบได้เลยว่ามาก รูมเมทคนใหม่ไม่ได้ทำให้การหลับนอนของผมเป็นปัญหา แต่ก็แอบคิดนิดๆหน่อยๆนั่นแหละ อย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่นอนกรนจนเป็นที่น่ารำคาญเหมือนรูมเมทคนก่อนของผม
“อรุณสวัสดิ์หนูแจ”
นั่นไงพูดถึงเป็นไม่ได้ ตายยากเนอะ!!
“อือ...รุณหวัด” ผมตอบรับไปส่งๆก่อนจะกัดขนมปังเข้าปากตามเดิม ไม่เหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“อะไรเนี่ย!! อย่าทำเมินกันสิยองแจอ่า....” พูดมากยังไม่เท่าไหร่ แต่เอามือมาจับแขนเขาให้หยุดกินนี่แบบ โม๊โห!!
“ไม่เล่นนะจองแดฮยอน ฉันต้องรีบไปเข้าคลาส...ปล่อย!!” สะบัดแขนให้หลุดจนแผ่นขนมปังที่อยู่ในมือแทบจะตบหน้าอีกฝ่ายอยู่ล่ะ แล้วดูมันทำ มากัดขนมปังของผมหน้าตาเฉย.......กวนตีน
“ก็เรียนคลาสเดียวกัน ฉันยังไม่รีบเลยเนี่ย ยองแจก็อย่าตีหน้ายับสิ หมดสวยนะยองแจอ่า....” แดฮยอนพูดยิ้มๆ พลางทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามผม ผมจิ๊ปากใส่มันก่อนจะก้มหน้าลงกินขนมปังต่อ จะได้รีบๆไปเข้าคลาสเรียน อันที่จริงก็ยังไม่สายหรอกนะ
“นี่ยองแจ...เจอรูมเมทคนใหม่แล้วใช่ป่ะ?” แดฮยอนถามผมพร้อมกับท่าเท้าคางบนโต๊ะอาหาร หน้ามันจริงจังมาก เรื่องเสือ กล่ะขอให้บอก ของกินที่ว่าแน่ยังไม่ยอมแตะเลยคิดดู
“อืม....ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ถามทำไม?” แค่วันแรก หมอนั่นยังไม่มีลูกค้าหรอก ยังไม่เป็นปัญหา แต่ในอนาคตนี่ไม่แน่
“ก็หมอนั่นมันดังในเรื่องไหนล่ะ เลยถามดูว่าเป็นไงบ้าง แต่หมอนั่นก็ยังดูลึกลับอยู่ดีนั่นแหละ ยองแจของฉันนี่เจอแจ็คพ็อตจริงๆเลยนะ” เอาน้ำส้มคั้นสาดหน้ามันตรงประโยคหลังได้มะ?
“พูดให้มันดีๆจองแดฮยอน” ผมทำเสียงเย็นชาใส่อีกฝ่าย ที่ยังนั่งเท้าคางส่งยิ้มชวนอ้วกมาให้ไม่ขาดสาย ผมลืมแนะนำไป ว่าหมอนี่คือใคร สั้นๆง่ายๆ จองแดฮยอนคือเพื่อนสนิทของผมเอง เคยเป็นรูมเมทกันมาก่อนหน้านี้ ส่วนคำพูดชวนอ้วกนี่อย่าไปใส่ใจเลย ผมเองก็รำมันมากเหมือนกัน
“เปล๊า...ก็แค่อยากเตือนยองแจของฉันเฉยๆ ยองแจไม่กลัวบ้างหรือไง ถ้าหมอนั่นอยากนอนกับนายขึ้นมาล่ะเพื่อนรัก”
ไส้กรอกที่ใช้ส้อมจิ้มกำลังจะเข้าปากนี่ร่วงพล็อยเลย มือนี่ยกค้างอยู่กับที่ราวกับถูกสต๊าฟ พอตั้งสติได้ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเพื่อนรักกำลังกัดกินไส้กรอกแท่งยาวอย่างเอร็ดอร่อย จนนี่เผลอกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผาด
หาชิบไม่เจอ!!!!! กูลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย!!!!!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ยองแจ.......นี่ยองแจ?”
*สะดุ้ง!!!!*
“หะ....ห๊ะ! อะไรหรอ!!!??” ขวัญเอ้ยขวัญมา นี่นั่งเหม่อไปถึงกำแพงเมืองจีนแล้วหรอยูยองแจ ㅠ[]ㅠ
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันเรียกตั้งหลายครั้ง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามผมอยู่ใกล้ๆ เขาคงอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะเครื่องเขียนของผมแน่ๆ แต่ไม่กล้าหันหลังไปเลยแฮะ
“ม...ไม่เป็นอะไรนี่” เสียงอย่าสั่นได้มะ!!! ลุกลี้ลุกลนแปลกๆนะผมเนี่ย
*หมับ*
“แต่ตัวนายสั่น สบายดีแน่นะ”
เขาไม่พูดเปล่า แต่มือของเขายังจับลงบนไหล่ของผม นี่ผมตัวสั่นหรอ? ตอนที่มือของเขาสัมผัสอยู่บนไหล่ของผม ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจเลย ผมรู้ได้ทันทีว่าเขายืนชิดกับเก้าอี้ของผมมากขนาดไหน ผมหยุดคิดไม่ได้เลย ผมหยุดคิดเรื่องที่แดฮยอนบอกกับผมไม่ได้เลย แบบนี้มันแย่ชะมัด เขาทำให้ผมรู้สึกกลัวนิดหน่อยนะ
‘ยองแจไม่กังวลเรื่องนั้นบ้างหรือไง บ้างทีถ้าหมอนั่นอยากนอนกับยองแจขึ้นมาล่ะ’
“ฉันไม่ทำเรื่องอย่างว่ากับยองแจหรอกนะ อย่ากังวลไปเลย”
เดี่ยวนะ!!! นี่เขารู้หรอ ว่าเรากำลังคิดอะไร
“นายจะพิสูจน์มันยังไงล่ะบังยงกุก!!!” ผมหันไปตะวาดเสียงดังใส่เขาที่ยังยืนอยู่ข้างหลังเก้าอี้ผม ให้ตายเถอะ! เขายังไม่ยอมปล่อยไหล่ของผมเลย นี่หน้าผมแดงหรือเปล่าเนี่ย โธ่เว่ย!!! แต่ที่มันแดงก็เพราะโมโหหรอกนะ!!! ตอบมาสิว่ะ ยังจะมาส่งยิ้มให้อีก
“ฉันก็มีกฎของฉันนะยองแจ....ฉันไม่เคยนอนกับรูมเมทของตัวเอง เพราะถ้าเกิดพวกเขาถามฉันตอนที่ฉันนอนกับพวกเขา มันจะเป็นปัญหาใหญ่และวุ่นวายในภายหลัง ลูกค้าที่มาตามหึงฉันกับรูมเมทน่ะ มันดูไม่ดีเลยนะ ฉันเลยตั้งกฎนี้ไว้น่ะ”
เขายังคงพูดมันอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่คิดเลยสักนิดว่าตอนนี้ผมจะรู้สึกอย่างไง ผมมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยสายตาแบบไหน ผมเองก็ยังไม่รู้ ผมพูดอะไรไม่ออกเลย เมื่อเขาอธิบายกฎเกณฑ์บ้าบออะไรนั่นออกมา
“นายจะนอนกับฉันก็ได้....แต่นายต้องจ่ายเงินให้ฉัน และนายต้องไม่ใช่รูมเมทของฉัน”
เสียงทุ้มต่ำนั้นพูดอยู่ใกล้ๆกับใบหน้าของผม เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้กับผม จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจหอมกรุ่นนั่น เขาจ้องตาผมขณะที่พูด และส่งยิ้มอ่อนหวานนั้นมาให้ผม คุณรู้มั้ยว่าใจของผมมันเต้นแรงแค่ไหน มือผมสั่นไปหมด.....แต่พอสมองได้คิดไตร่ตรองตามคำพูดของเขาแล้ว ผมเองก็รู้สึกสบายใจ เพราะอย่างน้อย.....ผมก็เป็นรูมเมทของเขา
ผมรีบหันหน้าหนีเขา กลับมานั่งก้มหน้ามองหนังสือที่โต๊ะเครื่องเขียนของตัวเองอยู่เงียบๆ ผมไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรตอบโต้เขาออกไปเลย แต่เสียงของเขานี่สิ ดังอยู่ในหัวผมตลอดเลย
“แก้ปัญหาได้แล้ว...เล่มนี้ขอยืมอ่านหน่อยนะ” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นใกล้ๆผมอีกครั้ง ก่อนที่หนังสือที่ผมนั่งมองอยู่จะลอยติดมือของเขาออกไป ผมคิดว่าเขาจะแตะต้องร่างกายของผมอีกครั้งเสียอีก นี่แอบเอามือยกขึ้นทาบอกเลยนะ
เฮ้อ..........ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่อย่างน้อยๆตอนนี้ร่างกายของยูยองแจก็จะปลอดภัยดีล่ะนะ
แต่เดี๋ยวก่อนสิ!!!
“เดี๋ยวก่อนยงกุก!!!” ผมหันหลังกลับไปเรียกเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป และเขาก็หันกลับมามองผมด้วยหางคิ้วที่ยักขึ้นเป็นประโยคคำถาม
“ถ้าเกิดนายชอบฉันขึ้นมา....นายคงไม่ทำอะไรกับตัวฉันใช่มั้ย?”
ยูยองแจ นี่นายพูดบ้าอะไรออกไปอีกแล้วเนี่ย!!!!
TBC…
Masoo Talk: ขอบคุณสำหรับเสียงตอบรับนะคะ พาตอนแรกมาเสิร์ฟแล้ว ทำไมแต่งไปแต่งมามันขำอ่ะ ยิ่งพาแด้ออกมาเท่านั้นแหละ รูมเมทกลายเป็นฟิคตลกไปเลย ฮอล.............ตอนแต่งคือนั่งขำ นี่มันฟิลไหนกันหนิฟิคเรื่องนี้ เอาเป็นว่าธีมเรื่องรวมๆกันล่ะกันค่ะ เอาทุกอย่างมายำรวมกันให้หมด กร๊ากกกกกกกกกกกก โอ้ยยยย ดูไร้สาระนะท็อคเนี่ย แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ คึ
ฝากแท็กค่ะ ชอบก็แท็ก ไม่ชอบก็แท็ก จะด่าก็แท็ก จะสกรีมก็แท็ก จะเวิ่นก็แท็ก ไม่เม้นท์ไม่ว่าค่ะ มาแท็กกันนะตัวเองงงงงงงงงงงงง #รูมเมทบังแจ
Follow me >>> @MASOOBAPFiction
ความคิดเห็น