คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 มังกร ! (ปรับ)
โจเอลและทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพอสูรกายขนาดยักษ์ มันทำให้ทุกคนนึกถึง มังกร อสูรกายในตำนาน ไม่ว่าจะเป็นคอและหางที่ยาว หรือปีก ที่มีรูปร่างเหมือนปีกค้างคาว ลำตัวเป็นสีขาว สะท้อนแสงระยิบระยับราวกับอัญมณี
เจ้ามังกรบินอยู่เหนือปากถ้ำ คล้ายต้องการขับไล่มากกว่าจะทำร้ายกลุ่มของฮานส์ โจเอลเองก็ไม่ได้กลัวเจ้ามังกรตัวนั้นเลย เขารู้สึกประหลาดใจเสียมากกว่า ถ้าเช่นนั้น...ความรู้สึกกดดันที่ทุกคนได้รับ มาจากไหนกันแน่?
พลันที่ตั้งข้อสงสัย ลูกไฟขนาดยักษ์ก็พุ่งออกมาจากแนวป่าด้านหลัง ตรงเข้าใส่เจ้ามังกรที่บินอยู่ มันจึงพ่นลูกไฟเข้าสกัดกั้น ลูกไฟทั้งสองปะทะกันกลางอากาศเหนือหมู่บ้าน สะเก็ดไฟตกลงมาถูกอาคารบางหลังจนอาจลุกไหม้ ทว่ากลับไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อน เมื่อผู้ที่เริ่มเปิดฉากการโจมตีได้เผยโฉมออกมาจากแนวป่า...การเผชิญหน้ากับมังกรก็นับว่าแย่แล้ว แต่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมังกรถึงสองตัว!
มังกรอีกตัวที่เพิ่งปรากฏ มีร่างกายล่ำสันกว่า ยาวราวห้าสิบฟุต เกล็ดเป็นสีแดงด้าน คล้ายหินลูกรัง แหลมคมเป็นตะปุ่มตะป่ำเหมือนหนาม เสริมให้ดูน่าเกรงขาม บนศีรษะมีเขาคู่โตชี้ไปด้านหลัง เขี้ยวขาวยาวโง้งเรียงเต็มปากชวนให้สยดสยอง ปีกคู่มหึมารูปทรงเดียวกับปีกค้างคาวมีลวดลายคล้ายดวงตาอยู่ข้างละสามดวง เพียงสะบัดปีกครั้งเดียวก็พาเจ้าของร่างให้พุ่งทะยานจนเกือบถึงยอดเขา มังกรทั้งสองต่างต่อสู้ห้ำหั่นกันเองโดยไม่สนใจพวกมนุษย์แม้แต่น้อย แต่แทนที่ทุกคนหันไปดับเพลิง พวกเขากลับยืนนิ่ง มองดูการต่อสู้ระหว่างมังกรทั้งสองด้วยความตื่นตะลึง นี่อาจเป็นภาพที่ไม่มีผู้ใดเห็นมานานนับศตวรรษ
มังกรทั้งสองต่างต่อสู้กันด้วยอาวุธทรงอาณุภาพ ทั้งเปลวเพลิงและสายอสุนีบาต เจ้ามังกรสีขาวตอบโต้พลางหนีไปพลางทั้งที่ได้เปรียบ แต่เจ้ามังกรสีแดงก็ตั้งใจจะยุติการไล่ล่า ด้วยการบัญชาสายฟ้าให้ผ่าลงมาดักทางเจ้ามังกรสีขาวไว้ทั้งสามทาง พร้อมกับเนรมิตร่างตนเองให้ร้อนแรงจนมองคล้ายถ่านที่คุโชน พุ่งเข้าใส่เจ้ามังกรสีขาวด้วยความต้องการจะเผด็จศึก ทุกขณะที่เข้าใกล้ ร่างของเจ้ามังกรสีแดงยิ่งร้อนแรงมากขึ้น จนเกิดเป็นแสงสว่างจ้าประหนึ่งดวงอาทิตย์
เจ้ามังกรสีขาวไม่ได้หลบหนี มันตอบโต้ด้วยการพ่นไอเย็นแรงขึ้นทุกขณะจนกลายเป็นพายุหิมะ ด้วยความหนาวเย็นหฤโหด สุดท้ายเปลวเพลิงรอบตัวเจ้ามังกรสีแดงก็มลายสิ้น แม้แต่ตัวมันก็มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะจนบินต่อไม่ไหว ร่วงหล่นกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น
เจ้ามังกรสีขาวมองร่างคู่ต่อกรที่นอนแน่นิ่งด้วยความเวทนา มันพ่นลมอุ่น ๆ เพื่อสลายเกล็ดน้ำแข็งให้ ก่อนจะบินลับไป ไม่นานนักเจ้ามังกรแดงก็ลุกขึ้นและบินไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ
หลังจากมังกรทั้งสองบินลับฟ้าไปแล้ว โจเอลและคนอื่น ๆ กลับยังคงนิ่งตะลึง แทบไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่ประจักษ์ เพียงเหยียบย่างเข้ามาในแดนการ์กอนไม่ทันพ้นวัน พวกเขาก็ได้พบกับสิ่งที่เคยเชื่อว่ามีเพียงในตำนานเท่านั้น แล้วหนทางเบื้องหน้ายังมีสิ่งใดรออีก...
“ฮ่า ฮ่า ไอ้ตัวนี้ล่ะ ที่ข้าต้องจับให้ได้!” เฮอร์มโพล่งขึ้นมา ในขณะที่ทุกคนยังคงนิ่งงัน ครั่นคร้ามกับสัตว์ตัวนั้น...สัตว์ที่เฮอร์มประกาศว่าจะจับให้ได้
ไม่รู้ว่าพรานเฒ่าพูดเล่นหรือจริง แต่ทุกคนก็พากันหัวเราะเจื่อน ๆ เหมือนมันเป็นมุขตลกฝืด ๆ ท่ามกลางสถานการณ์แย่ ๆ แต่ก็ยังดีที่ได้หัวเราะออกมาบ้าง ทว่าเสียงหวีดก็ดังขัดจังหวะจากอาคารหลังใหญ่ที่ใช้ควบคุมเชลย ซึ่งกำลังวอดวายด้วยเปลวเพลิง !
โจเอลสั่งทหารให้เร่งดับไฟที่ลุกไหม้ ถึงจะเร่งสาดน้ำดับไฟกันมือเป็นระวิง แต่การที่ไม่ได้ควบคุมแต่เนิ่น ๆ ก็ทำให้ไฟลามจนเกินควบคุม ขณะที่เชลยซึ่งอยู่ภายในได้แต่ร้องอย่างสิ้นหวังเพราะถูกมัดแขนขา หมดหนทางหลบหนีจากความตาย
เมื่อเห็นว่าคงไม่สามารถดับไฟได้ โจเอลจึงตัดสินใจทำบางอย่าง เขาฝากให้จอร์ชควบคุมทหารต่อสู้กับเพลิงต่อไป ขณะที่ตนเองถอดเกราะออก แล้วเทน้ำรดตัวจนชุ่มเพื่อป้องกันความร้อน ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือเชลย
ภายในอาคาร ควันไฟลอยคละคลุ้งทำให้หายใจและมองเห็นลำบาก โชคดีที่มันเป็นอาคารที่ไม่ซับซ้อน โจเอลจึงเข้าถึงกลุ่มเชลยได้อย่างรวดเร็ว พวกเชลยชาวการ์กอนยังคงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว บางคนสำลักควันจนเป็นลม บางคนดิ้นรนจากเชือกที่พันธนาการจนถลอกปอกเปิก โจเอลใช้ดาบฟันเชือกจนขาด แล้วฝากคนที่ยังแข็งแรงให้พาคนที่สลบออกไป
เชลยส่วนใหญ่หนีออกไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงยักษ์ชาวการ์กอนสองตนที่ถูกมัดโดยเถาวัลย์สีเงิน โจเอลพยายามฟันอยู่หลายรอบแต่ก็แทบไม่เป็นผล ในที่สุดเจ้ายักษ์สีแดงก็ตะโกนบอกเป็นภาษาการ์กอน ให้ใช้ไฟเผาเถาวัลย์ โชคดีที่โจเอลเข้าใจภาษาการ์กอน เขารีบคว้าท่อนไม้ที่ติดไฟลนเถาวัลย์ที่มัดเจ้ายักษ์สีแดงซึ่งขาดอย่างง่ายดาย จึงหันไปทำเช่นเดียวกับเถาวัลย์ที่มัดยักษ์สีน้ำเงิน ทว่าทันทีที่เป็นอิสระ เจ้ายักษ์สีน้ำเงินกลับคว้าคอโจเอลอย่างรวดเร็ว ขณะที่แขนก็ถูกเจ้ายักษ์สีแดงยึดไว้ ไม่ให้ป้องกันตัว !
สถานการณ์ด้านนอก ไฟไหม้ตามจุดอื่น ๆ ล้วนถูกควบคุมได้หมดแล้ว มีเพียงอาคารหลังใหญ่ที่โจเอลหายเข้าไปเท่านั้นที่ยังลุกไหม้อย่างหนัก กระนั้นพวกเชลยที่เพิ่งหนีตายออกมาก็ยังพอเป็นเบาะแส ว่าโจเอลน่าจะยังมีชีวิต
จอร์ชและคนอื่น ๆ ทำได้เพียงเร่งรีบดับไฟ กระทั่งมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง...ยักษ์ฝาแฝดวิ่งฝ่าเปลวเพลิงออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อาคารทั้งหลังจะถล่มลงมาเพียงชั่วอึดใจ !
ทุกคนดีใจที่ยักษ์ทั้งสองพาโจเอลออกมาด้วย แต่เมื่อเห็นว่าพวกมันจับโจเอลไว้ในฐานะตัวประกัน ความรู้สึกของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
เจ้ายักษ์สีน้ำเงินตะโกนออกมาด้วยภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ แต่ด้วยการกระชับมือที่กุมลำคอโจเอลก็ทำให้เข้าใจความหมายได้ไม่ยาก จอร์ชสั่งทหารให้เปิดทางให้ แต่พวกมันก็ยังไม่พอใจ กลับชี้ไปที่เชลยชาวการ์กอนที่ถูกควบคุมตัว จอร์ชจึงต้องปล่อยไปอย่างไม่เต็มใจ ยักษ์ฝาแฝดปล่อยให้เชลยคนอื่นหลบหนีไปก่อน จนเมื่อทุกคนหลบหนีไปได้แล้วจึงปล่อยโจเอลแล้วหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
โจเอลไออย่างหนักหลังสูดอากาศบริสุทธิ์ ที่คอมีรอยแดงช้ำแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ท่ามกลางผู้คนที่รีบวิ่งมาดูด้วยความเป็นห่วง กลับมีบางคนไม่พอใจ ตะโกนออกมา
“โจเอล! ท่านทำอะไรลงไป ดูสิ! ทาสของข้าหนีไปแล้ว!”
เมื่อทุกคนหันไปยังต้นเสียงก็เห็นเฮอร์มยืนเท้าสะเอวด้วยความหงุดหงิด
“ท่านมาปล่อยตัวมันอย่างนี้ รู้หรือเปล่าว่าข้าตั้งราคาไว้เท่าไหร่?” พรานเฒ่าโวยวายต่อ โดยไม่แยแสสายตารอบข้างที่มองอย่างตำหนิ ทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่ว่าการที่ยักษ์สองตัวหนีไปได้ เป็นเรื่องสุดวิสัย และโจเอลก็ยังไม่ทันได้พักให้หายเหนื่อยหลังเกือบเอาตัวไม่รอดจากกองเพลิง
“เจ้าจะเดือดร้อนอะไรนักหนา ต่อให้โจเอลไม่ปล่อยพวกมันก็ต้องตายในกองเพลิงอยู่ดี แล้วเจ้าจะหาประโยชน์อะไรกับคนตายได้” จอร์ชรีบเข้ามาปกป้องสหาย ขณะที่โจเอลยังคงไออย่างหนัก เพราะสูดควันเข้าไปไม่น้อย
“ได้สิ ถึงมันจะถูกไฟคลอกตาย ข้าก็จะเอาศพมันไปขาย แล้วตอนนี้เล่า โจเอลท่านทำอะไรกับสิ่งที่ข้าได้ลงทุนไป” พรานเฒ่าไม่ยอมลดราวาศอก เพราะลงทุนลงแรงกับเจ้ายักษ์ไปมากโข
“แค่ก...แค่ก...แค่ก...เฮอร์ม เจ้าต้องการเท่าไหร่ก็ว่ามา แค่ก...แค่ก...แค่ก...ข้าจะชดใช้ให้” โจเอลยื่นข้อเสนอทั้งที่ยังไออย่างหนัก เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย
พรานเฒ่าหยุดคิดพักหนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นจนผิดปกติ
“หึ หึ ในเมื่อท่านยอมรับปาก ถ้าอย่างนั้นข้าจะเรียกค่าชดเชยในเวลาที่สมควรก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าขอกลับไปคำนวณให้ถ้วนถี่เสียก่อน”
กล่าวจบ เฮอร์มก็เดินจากไป พร้อมกับผิวปากสบายอารมณ์ แต่โจเอลกลับรู้สึกตรงกันข้าม การไม่ยื่นข้อเสนอที่ชัดเจน ทำให้อดระแวงไม่ได้ว่าพรานเฒ่าแอบวางแผนอะไรไว้
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” จอร์ชเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“แค่ก...แค่ก...ข้าไม่เป็นอะไร แค่สูดควันมากไปเท่านั้น” โจเอลตอบหลังนั่งพักจนหายใจหายคอได้ปกติ ระหว่างนั้นทั้งสองต่างมองไปยังอดีตอาคารหลังใหญ่ ซึ่งบัดนี้หลงเหลือเพียงซากดำเป็นตอตะโก
“ข้าทำผิดพลาดอีกแล้ว...ข้าทำให้พวกเชลยหนีไปได้ โดยเฉพาะเจ้ายักษ์สองตัว พวกมันอาจกลับมาจู่โจมพวกเราเมื่อไหร่ก็ได้...” โจเอลตำหนิตัวเอง แต่จอร์ชก็ตบบ่าเขาอย่างแรง เป็นการปรามไม่ให้พูดอะไรเช่นนั้นอีก
“ท่านทำในสิ่งที่สมควรแล้ว ในฐานะมนุษย์ที่มีความเมตตา...” จอร์ชพูดปลอบใจ
“แล้วในฐานะผู้นำทัพ...?” โจเอลยังคงกังขา
จอร์ชยิ้มให้ ไม่ตอบในทันที แต่ลุกขึ้นแล้วมองไปทางดไวเซน “ถ้าขนาดท่านดไวเซนยังไม่ว่าอะไร เรื่องนี้ก็คงจะไม่เลวร้ายจนเกินไปกระมัง”
โจเอลมองไปทางเดียวกับจอร์ช จริงอยู่ที่ดไวเซนไม่ได้พูดอะไร แต่อัศวินหนุ่มก็มองไปทางแนวป่าที่พวกเชลยหนีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทว่าก็ทำได้เพียงเท่านั้น ด้วยความมืดและไม่ชำนาญพื้นที่ การติดตามเชลยนับเป็นความเสี่ยงอย่างมากจึงทำได้เพียงเฝ้าระวัง
“กลุ่มของฮานส์เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน ท่านอยากสอบถามพวกเขาหรือเปล่า?” จอร์ชเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น โจเอลพยักหน้าเป็นการตอบรับ ชายทั้งสองจึงพากันเดินไปยังกลุ่มของฮานส์ที่นั่งพักด้วยความเหนื่อยอ่อน สีหน้าแต่ละคนซีดด้วยความเสียขวัญ ไม่เว้นแม้แต่ฮานส์
“นะ...นายท่าน เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” ฮานส์เป็นฝ่ายถามไถ่ก่อน เมื่อได้เห็นโจเอลในสภาพกระมอมกระแมม
“ข้าไม่เป็นอะไรมาก แล้วพวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง?” เมื่อโจเอลถามกลับ ฮานส์ก็ได้แต่มองมือที่สั่นเทาของตัวเอง เขาเคยเชื่อมั่นในฝีมือตัวเองมาตลอด แต่กับอสูรกายตัวนั้น...พลังอำนาจของมันช่างห่างไกลเกินกว่ามนุษย์จะต่อกร
“อะ...อาวุธของพวกเรา...ทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย...” ฮานส์บ่นพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
โจเอลตบบ่าผู้เป็นบ่าวเพื่อให้กำลังใจ การเผชิญหน้ากับสัตว์ที่ทรงอำนาจเช่นมังกร สามารถข่มขวัญได้ แม้กระทั่งคนกล้าที่สุดอย่างฮานส์
“พรุ่งนี้ท่านบารอนเคอร์เบนจะนำกำลังมาเสริม ถึงตอนนั้นเราค่อยคิดอ่านกันต่อ” โจเอลเล่าถึงแผนการเพื่อให้เบาใจ ทว่าฮานส์กลับไม่เห็นด้วย
“นะ...นายท่าน ตอนขึ้นไปสำรวจถ้ำ ข้าพบผู้ต้องสงสัย...ข้าเห็นหน้ามันไม่ชัด แต่มันถือมงกุฎ ประดับอัญมณีไว้ด้วย พวกข้าเกือบจะไล่ตามเจ้านั่นทันอยู่แล้ว ถ้าไม่เจอกับ...” ฮานส์หยุดลงกะทันหัน ด้วยยังคร้ามเกรงในสิ่งที่เพิ่งเผชิญ “หากนายท่านอนุญาต ข้าจะขอนำคนขึ้นไปค้นหาต่อ...เราน่าจะไล่ตามมันทัน จะได้ยุติเรื่องนี้เสียที...” เขากล่าวต่อ พร้อมอาสาทั้งที่น้ำเสียงยังคงสั่นกลัว
โจเอลนิ่งตรึกตรอง เขาเองก็อยากยุติเรื่องทั้งหมดโดยเร็ว แต่ก็ลำบากใจที่จะให้ฮานส์ไปเผชิญหน้ากับมังกรอีก
“โจเอล ข้าอยากแนะนำให้ท่านช่วยรอถึงวันพรุ่งนี้ก่อน เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าในถ้ำมีอะไรอยู่ จึงน่าจะรอให้สว่างเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย” จอร์ชเสนอแนะ
“แต่ข้าว่ารีบไปตอนนี้ล่ะดีที่สุดแล้ว” เฮอร์มยื่นหน้าออกความเห็นโดยไม่มีใครร้องขอ จนเมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาเป็นตาเดียว พรานเฒ่าจึงทำท่ากระแอมกระไอ อธิบายต่อ “พวกท่านก็เห็นแล้ว ว่าเจ้ามังกรตัวนั้นมีฤทธิ์เดชแค่ไหน ต่อให้เจ้าหมูตอน เอ่อ...ข้าหมายถึงบารอนเคอร์เบนน่ะ ต่อให้ส่งคนมาเพิ่มอีกร้อยคน ข้าก็ไม่คิดว่าเราจะทำอะไรได้ แต่ถ้ารีบฉวยโอกาสเข้าไปสำรวจตอนที่มันไม่อยู่น่าจะดีที่สุด เพราะหากมันกลับมาเมื่อไหร่ก็เท่ากับหมดหวังจะสำรวจถ้ำนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย”
โจเอลนิ่งคิดอีกครา คำแนะนำของทั้งสองต่างก็มีเหตุผล และขณะที่กำลังครุ่นคิดก็อาจสูญเสียโอกาส
ระหว่างที่โจเอลยังไม่อาจตัดสินใจอยู่นั่นเอง ดารูเกนซ์ก็เดินตรงมาด้วยท่าทางร้อนรน
“ท่านโจเอล...ลาร์ซ...มังกรของข้าหายไป...ท่านจะช่วยตามหามันได้หรือไม่?” อัศวินมังกรพูดเข้าเรื่องอย่างรวบรัด พร้อมกับยื่นสายบังเหียนที่ขาดให้ดู บางทีมังกรของเขาอาจจะกัดจนขาดแล้วหนีเตลิดไปตอนที่ทุกคนมัวชุลมุนกับการดับไฟ
ขณะที่ยังคิดอยู่ว่าควรจะตอบเช่นไร แบเรียมก็เดินตามมาจนพบดารูเกนซ์
“เจ้าอยู่นี้เอง อย่ามัวเสียเวลาขอร้องพวกคนชั้นต่ำอยู่เลย อีกเดี๋ยวเจ้าสัตว์ตัวนั้นก็คงกลับมาเอง เลิกทำให้ข้าขายหน้าได้แล้ว” แบเรียมตำหนิหลานชาย
ฮานส์ก็ชักสีหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดดูหมิ่นผู้เป็นนาย แต่ไม่ทันได้กล่าวอะไร เสียงหนึ่งก็ลอยมาจากทางยอดเขา เสียงดังกล่าว ทุ้มต่ำเหมือนเสียงครางในลำคอ ทว่ากลับกังวานไปไกล
“ลาร์ซ...” ดารูเกนซ์รำพึงออกมาเมื่อได้ยินเสียงนั้น
“เป็นเสียงมังกรของท่านหรือ ?” เฮอร์มเอ่ยถามโดยพลัน ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ชั่วขณะ “ถ้าอย่างนั้นเรื่องก็ลงตัวพอดี โจเอล ท่านขึ้นไปตามหาหัวขโมย ส่วนท่านอัศวินผู้นี้ก็ขึ้นไปตามหามังกรของเขา” พรานเฒ่ารีบเสนอทันที พร้อมตบอกโจเอลราวกับสนิทสนม
โจเอลนิ่งคิดพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจ “ก็ได้ แต่เราต้องไปให้เร็วที่สุด ท่านดารูเกนซ์ หากจะไปด้วยกัน ข้าขอให้ท่านนำผู้ติดตามไปเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”
“หา ! ไม่ใช่ว่าเราจะไปกันหมดหรอกหรือ?” เฮอร์มร้องเสียงหลง เมื่อได้ยินว่าโจเอลจะพาคนไปเพียงหยิบมือ
“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าเราต้องรีบ หากจะไปกันทั้งหมด คงต้องเตรียมการกันนาน” โจเอลย้อนคำเฮอร์ม ทำเอาพรานเฒ่าเลิกต่อปากต่อคำ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่จะได้เผชิญหน้ากับมังกรด้วย” ดไวเซนแทรกขึ้นมา
“ท่านดไวเซน ข้าอยากจะขอให้ท่านรออยู่ที่นี่” โจเอลปฏิเสธ
“ทำไมหรือ?” ดไวเซนถามเหตุผล
“ประการแรก เราไม่ได้จะไปเผชิญหน้ากับมังกร หากแต่จะขึ้นไปสำรวจแล้วกลับลงมาโดยไม่ให้มันรู้ตัว ข้าถึงให้ไปกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ อีกประการหนึ่ง พวกเชลยที่หนีไปอาจรวมตัวกันโจมตีกลับ ถ้าทั้งข้าและท่านดารูเกนซ์ขึ้นไปสำรวจบนเขา ก็เหลือเพียงท่านที่จะดูแลหมู่บ้านแห่งนี้” โจเอลอธิบาย
“...ถ้าเช่นนั้น ข้าจะอยู่ที่นี่ตามที่ท่านขอ” ดไวเซนยอมรับในที่สุด
“โจเอล ข้าขอติดตามไปด้วย” จอร์ชเอ่ยขึ้นบ้าง แม้จะรู้ว่าภารกิจครั้งนี้มีความเสี่ยง แต่เขาสังหรณ์ว่าเฮอร์มจะแอบวางอุบายอะไรไว้ จึงขอตามไปด้วย
“ดีเลย ข้าคิดจะขอให้ท่านไปด้วยอยู่เชียว” โจเอลตอบรับด้วยความยินดี เพราะคิดว่าการค้นหาในครั้งนี้ จะต้องพึ่งพาความสามารถของจอร์ช
“นายท่าน...แล้วข้า?” ฮานส์ตั้งใจจะขออาสาไปด้วย
“เจ้ารออยู่ที่นี่ ดูแลคนของฟอร์ทอังเคิลให้ดี” โจเอลฝากฝังความรับผิดชอบไว้ ซึ่งฮานส์ก็รับคำ
หลังตัดสินใจจะขึ้นไปหาหัวขโมยที่หลบซ่อนในถ้ำตามคำบอกเล่าของฮานส์ โจเอลและดารูเกนซ์ก็เลือกคนติดตามฝ่ายละห้าคน โจเอลฝากให้ฮานส์บัญชาการคนในฟอร์ทอังเคิล ส่วนคนของดารูเกนซ์ได้ให้แบเรียมเป็นคนดูแล แบเรียมพยายามทัดทานหลานชายไม่ให้ขึ้นไปเสี่ยงแต่ก็ไม่เป็นผล
“ขอให้พวกท่านกลับมาอย่างปลอดภัย” ดไวเซนกล่าวอวยพรขณะออกมาส่ง
โจเอลค้อมศีรษะแทนการขอบคุณ พักหนึ่งก็มีเสียงร้องของลาร์ซดังมาจากยอดเขาอีกครั้ง กระตุ้นให้ดารูเกนซ์ร้อนใจ โจเอลก็เช่นกัน เขาเกรงว่าเสียงร้องนั้นจะดึงดูดให้มังกรกลับมายังถ้ำเร็วขึ้น จึงบอกให้คณะรีบออกเดินทาง ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบตามมา
“เดี๋ยว ! ท่านโจเอล ท่านจะไปโดยไม่มีคนแกะรอยอย่างนั้นหรือ?” เฮอร์มร้องโวยวาย หอบข้าวของมากมาย ซึ่งคงเป็นสาเหตุให้ล่าช้า
“ถ้าเช่นนั้นก็ออกนำทางสิ” โจเอลตอบกลับเรียบ ๆ เพราะไม่มีเวลาต่อปากต่อคำ ซึ่งเฮอร์มก็รีบนำทางทันที
จอร์ชแปลกใจในความกระตือรือร้นของเฮอร์ม แต่ไม่ได้กล่าวอะไร หากเพียงจ้องมองชายสูงวัยที่เดินนำอย่างไม่วางใจ...
ความคิดเห็น