ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rider Zero

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 ชายผู้หนีจากความมืด (2)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 49


    เสียงนกร้องขับขานเจื้อยแจ้วเป็นสัญญานของวันใหม่  ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนทำให้พื้นเดินเฉอะแฉะจนน่ารำคาญใจ  ในวันเช่นนี้หากใครไม่มีธุระอันใดก็มักจะคลุกตัวอยู่ในบ้านเสียมากกว่า  ทว่ากลับมีชายผู้หนึ่งกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว

    เพื่อหลีกเลี่ยงจากหล่มโคลน  เขาจึงอาศัยการกระโจนจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปสู่อีกต้นหนึ่ง  เขาต้องเร่งรีบเพื่อจะได้ไปถึงบ้านอันอบอุ่นที่ฝังอยู่ในความทรงจำ  ยิ่งเร่งฝีเท้าเท่าไหร่ความฝันนั้นก็ยิ่งใกล้เข้ามาจนรับรู้ได้  และเหตุผลอีกประการที่เขาต้องรีบเร่ง  นั่นก็เพราะต้องการจะหนีจาก โฮตารุ  ชายผู้ร่วมชะตากรรมให้ไกลที่สุด...

     

    ***************************************************************************

     

    ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่  คือศาลเจ้าร้างที่ซึ่งชายผู้หนีจากความมืดทั้งสองได้พักหลบฝนเมื่อคืนนี้  หนึ่งในนั้นได้หายไปเสียแล้ว...

    โฮตารุลืมตาตื่นขึ้น  อันที่จริงจะเรียกว่าลืมตาก็ดูจะไม่ตรงซักเท่าไหร่  เพราะดวงตาของเขาไม่มีหนังตาเหมือนปกติ  ความรู้สึกของเขาดูจะเฉื่อยชาไปมากหลังจากกลายสภาพเป็นเช่นนี้  โดยปกติเขาไม่ใช่คนที่ตื่นสาย  หากคราวนี้กลับต่างไปมาก

    ชายหนุ่มพยายามยันกายลุกขึ้นแต่มันก็เป็นไปอย่างยากลำบาก  ทีแรกเขาคิดว่าเกิดจากน้ำหนักตัวที่มากขึ้นเหมือนเช่นทุกครา  แต่เมื่อสังเกตดูถึงได้รู้ว่ามีใยสีขาวคล้ายใยแมงมุมพาดทับตัวเขาจนวุ่นวาย  แต่ละเส้นมีขนาดที่ใหญ่และเหนียวกว่าใยแมงมุมธรรมดามากนัก  น่าแปลกที่เวลาผ่านไปเพียงคืนเดียว  ทำไมถึงได้มีใยแมงมุมมากมายถึงเพียงนี้

    แต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรคนัก  โฮตารุนิ่งไปพักหนึ่ง  จากนั้นก็ยันกายลุกขึ้นอย่างปกติ  จนเหมือนกับว่าใยแมงมุมเหล่านั้นเป็นเพียงอุปสรรคธรรมดาๆที่ใครก็สามารถทำลายได้  หากแต่เสียงไม้ที่แตกเปรี๊ยะ  และท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่หักติดมาเท่านั้น  ที่พอจะบอกได้ว่าเส้นใยเหล่านั้นมีความเหนียวขนาดไหน

    ฝ่าเท้าสี่เหลี่ยมใหญ่และหนักก้าวเหยียบไปบนแผ่นไม้ผุๆจนน่ากลัวว่ามันจะทะลุลงไป  ทว่าเจ้าของฝ่าเท้านั้นไม่ได้กังวลสักนิด  นั่นเพราะเขารู้จักสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี  ดีพอที่จะเลือกเป็นที่พักสำหรับเมื่อคืน

    เขาเดินไปยังสถานที่หนึ่ง  มันเป็นห้องลับมืดทึมที่ซ่อนตัวอยู่ในศาลเจ้านี่เอง  ไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามาเลยสักนิด  แต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรคสำหรับโฮตารุ  ในความมืดนั้นเขามองเห็นได้ชัดเจนไม่ผิดกับในแสงสว่าง  ซากสัตว์ตายทับถมส่งกลิ่นคลื่นเหียนหรือน่าจะเป็นเช่นนั้น  เพราะเขามิได้รับรู้ถึงกลิ่นมาพอสมควรแล้ว  แต่ความทรงจำในสมองบอกว่ามันต้องเหม็นมากแน่ๆ

    เขาฉีกยิ้มซึ่งอันที่จริงเป็นเพียงความต้องการที่จะฉีกยิ้ม  เพราะใบหน้านั้นไม่อาจแสดงอารมณ์ได้อีก  เมื่อมองไปริมห้องด้านหนึ่งมีชั้นวางของที่พาดยาว  บนชั้นมีขวดโหลอยู่หลายใบ  ขวดแก้วใสของฝรั่งสำหรับที่นี่แล้วมีราคาค่างวดอยู่พอสมควร  แต่สิ่งที่ทำให้เขาอยากยิ้มไม่ใช่ความภูมิใจในของสะสมแสนแพงนั้น  หากแต่คือสิ่งที่อยู่ภายใน  ร่างไร้วิญญาณของสัตว์หลายจำพวกมองมาทางเขาด้วยแววตาที่ไร้ชีวิต  ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขาในการชำแหละพวกมันเพื่อดูโครงสร้างการทำงาน  หลายขวดตกแตกกล่นเกลื่อนอยู่ตามพื้นแต่ไม่มีตัวอย่างสิ่งมีชีวิต  นั่นเพราะมีสัตว์นักล่าบางจำพวกที่หากินง่ายๆกับสัตว์ที่ตายแล้ว  รสฟอร์มาลีนคงไม่อร่อยเท่าไหร่  แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยวิ่งไล่ให้เปลืองแรง  งูพิษตัวหนึ่งซึ่งคงจะหากินกับที่นี่ชูหัวส่งเสียงขู่ฟู่ฟ่อ  โฮตารุเดินผ่านอสรพิษนั้นอย่างเฉยเมย  ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในหัวของเขาคือการไล่ตามบุรุษไร้นามให้เร็วที่สุด...  เขาจึงเข้ามายังห้องลับนี่เพื่อควานหาพาหนะที่จะใช้ติดตาม...

    จะปล่อยเจ้านั่นไปไม่ได้ !”

     

    ***************************************************************************

     

    หมอนั่นไว้ใจไม่ได้  ต้องรีบหนีให้ห่างมันที่สุด  บ้าน!  ชั้นกำลังจะได้กลับบ้านแล้ว!”  ชายนิรนามบ่นกับตัวเอง  บางอย่างกระซิบบอกในใจเขา  ว่าคนที่ชื่อโฮตารุจะขัดขวางไม่ให้เขาได้กลับบ้าน  อันที่จริงแค่ที่คุยกันเมื่อคืนนั้นก็น่าจะรู้  ร่างของชายหนุ่มเผ่นแผล็วไปตามต้นไม้ริมทางเดิน  เขากำลังใกล้ถึงหมู่บ้านเข้าไปทุกขณะ...

    กรี๊ด!!”  เสียงร้องของหญิงสาวที่อยู่บริเวณนั้นทำให้เขาต้องเหลียวหันไปมอง  บ้าจริง!’  ชายนิรนามสบถในใจ  ความรีบร้อนทำให้เขาไม่ทันระวัง  ทั้งๆที่วางแผนไว้ว่าจะต้องไม่ให้ใครพบเห็น  เพราะเขารู้ดีว่าร่างกายของตนนั้นเปลี่ยนไปจนไม่อยากให้ใครพบเจอ

    สัตว์ประหลาด!”  ชาวบ้านที่รวมตัวกันเริ่มส่งเสียงเซ็งแซ่  ต่างโจษจันกันถึงรูปลักษณ์อันพิลึกพิลั่นของคนที่อยู่บนต้นไม้  ผู้หญิงและเด็กต่างวิ่งเข้าบ้านอันเป็นที่ปลอดภัย  พวกผู้ชายที่กล้าหน่อยก็คว้าหินเข้าขว้างปา  ชายนิรนามหวาดผวาต่อปฏิกิริยาที่ได้รับ  เขารู้ดีว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปบ้าง  แต่ไม่คิดว่าจะสร้างความรังเกียจได้ถึงเพียงนี้

     

    นายจะคิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง  โดยไม่คิดว่าเขาจะรับได้หรือไม่นั้นหรือ?...

    อย่าลืมสิ  ว่าพวกเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว  คิดหรือว่าจะมีใครยอมรับสิ่งนี้ได้...

     

    คำพูดของชายที่ชื่อโฮตารุดังก้องอยู่ในหัวเหมือนจะเยาะเย้ยที่เขาไม่ฟังคำเตือนนั้น  เพราะมัวแต่ตะลึงงันอยู่  ทำให้เขาไม่ทันได้ระวังตัวให้ดี  หินก้อนหนึ่งได้กระแทกเข้ากับศีรษะของเขาเต็มแรง  แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดจากหินก้อนนั้นสักเท่าไหร่  แต่มันกลับสร้างความโกรธขึ้งให้เขาเป็นอย่างมาก  หรือบางทีนั่นอาจแค่ทลายเส้นแบ่งเล็กๆ  ระหว่างความรู้สึกคับแค้น  โดดเดี่ยว  และแปลกแยก...

    ฮูมมมมม!!!!”

    เสียงคำรามดังก้องระเบิดความอัดอั้นออกมา  ทั้งกรีดแหลมและแหบห้าวทุ้มต่ำฟังดูวิปลาสราวกับไม่ได้ออกมาจากปากของมนุษย์  น้ำตาไหลออกมาจากความรู้สึกสับสนและสิ้นหวังที่ไม่อาจใช้ชีวิตเช่นเดิมได้อีก  ไม่  มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้  พวกมันจะพรากทุกสิ่งจากฉันไปไม่ได้  ฉันไม่ยอม!!’  ชายนิรนามตัดพ้อ  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนต้องประท้วงต่อใคร  เพราะ พวกมัน ที่เขาว่าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่  ความโกรธเกรี้ยวของเขาจึงถูกระบายออกอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง

                    ชาวบ้านที่เหลืออยู่ต่างวิ่งหนีกันอย่างเสียขวัญ  แต่นั่นไม่เร็วไปกว่าผู้ที่ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด  ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียวร่างนั้นก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าผู้คนที่ตื่นตระหนก  ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดเงื้อจอบในมือขึ้นฟาดอย่างฉุกละหุก  มันฟาดเข้าใส่เป้าหมายเต็มแรง  ทว่า...มันไม่มีโอกาสที่จะกระทบกับเป้าหมาย  เมื่อเจ้าของจอบด้ามนั้นได้ถูกเส้นใยสีขาวคล้ายไยแมงมุมรัดรึงร่างไว้จนมิอาจขยับเขยื้อน  ชายฉกรรจ์ที่เหลือซึ่งตามมาก็ถูกหยุดไว้ด้วยสิ่งนี้เช่นกัน

                    เพียงชั่วอึดใจ  ผู้คนที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้นก็ถูกตรึงไว้ด้วยเส้นใยสีขาวจนหมด  ชายไร้นามที่ถูกชาวบ้านเรียกว่าสัตว์ประหลาด  บัดนี้ได้คลายโทสะลงไปมาก  แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนในตอนนี้ก็คือ...  ความหิว...

              เหมือนถูกกระซิบจากจิตใต้สำนึก  ชายไร้นามมองเห็นพวกชาวบ้านไม่ต่างไปจากอาหารอันโอชะ  ในสมองของเขาตอนนี้ปราศจากความคิดเรื่องคุณธรรมโดยสิ้นเชิง  เมื่อท้องหิว...  เขาก็แค่ต้องทำไปตามสัญชาติญาณ...

                    ชายไร้นามยอบตัวลงต่ำ  จับจ้องเอาชายผู้หนึ่งที่ถูกตรึงอยู่ริมหนองน้ำเป็นเป้าหมายแรก  แขนที่ผอมยาวและมีขนหยาบๆขึ้นรกรุงรังค้ำอยู่เหนือร่างเหยื่อ  ชายไร้นามยืดตัวขึ้นชั่วอึด  เตรียมที่จะฝังเขี้ยวลงไปบนเหยื่อ  หากว่าสิ่งหนึ่งหยุดยั้งเขาไว้...

                    ตรงหน้าของชายไร้นาม  เขาเห็นภาพ...  ภาพสะท้อนบนผืนน้ำ...  ภาพของคนที่มีขนรกรุงรังขึ้นทั่วตัว  ดวงตาวาวทั้งสี่คู่จ้องตอบกลับมาจากเงาสะท้อนไร้วี่แววของความเป็นมนุษย์  เขี้ยวคู่โตยาวยื่นออกมาจากปาก  นี่คือรูปลักษณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของเขาอย่างนั้นหรือ...?

                    มือหยาบลูบคลำไปทั่วใบหน้าตนราวกับต้องการคำยืนยันในภาพสะท้อน  แน่แล้ว...  นั่นเป็นความจริงมิใช่ความฝัน...  เขาไม่เหลือเค้าลางของความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว  แม้แต่จิตใจที่อยากจะกัดกินเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้นก็ด้วย

                    ภาพสะท้อนที่มองเห็นทำให้ชายนิรนามนิ่งไป  ความทรงจำที่อยากลืมไปให้สิ้นกลับหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา  เขาเริ่มจำได้ถึงตอนที่เรือประมงของตนอับปางและได้ถูกช่วยไว้จากกลุ่มคนลึกลับ  คนพวกนั้นสวมผ้าคลุมหน้าตาไว้จนมิดชิด  มีเพียงดวงตาสีฟ้าดูประหลาด  และความสูงที่เกินกว่าคนญี่ปุ่นทั่วไปเท่านั้นที่พอให้จดจำได้...

                    พวกมันไม่ได้ช่วยเขาเอาไว้อย่างที่คิด  เพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกนำไปทดลอง  ฤทธิ์ของยาลึกลับทำให้เขาแทบไม่รู้สึกตัว  แต่จำได้ลางๆว่าถูกกระบวนการบางอย่างที่ทำให้ร่างกายของตนเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ  หลังจากนั้นพฤติกรรมของเขาก็ผิดมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ  รวมไปถึงการกินเนื้อดิบ  จนกระทั่ง...  เรือลำที่ขังเขาไว้ถูกพายุเข้าเล่นงาน...

                    ขณะที่ชายไร้นามยังคงอยู่ในภวังค์นั้น  จู่ๆเขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายสำเหนียกถึงบางสิ่ง  ใช่แล้ว...  บางสิ่งกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ...

                    หวู๊ดดดดด!!!”

                    เสียงแหลมสูงกรีดผ่านความเงียบ  นำร่องการปรากฏตัวของคนผู้หนึ่ง  ชายไร้นามอุดหูนอนตัวสั่นงันงก  เพราะเสียงนั้นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน...  มันเหมือนกับเสียงบนเรือเหล็กไม่มีผิด... 

                    หนี!  ต้องหนี!  เขาจะไม่ยอมถูกพวกมันจับตัวอีกเป็นอันขาด!

                    ร่างผอมยาวเผ่นแผล็วขึ้นต้นไม้  พยายามหลบหนีจากสิ่งที่ไล่กวดมาข้างหลัง  แต่ช้าเกินไปเสียแล้ว...  ผู้ไล่ล่ามาถึงตัวเขาเร็วกว่าที่คิด!

                    พาหนะรูปร่างประหลาดมุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง  มันมีกายเป็นเหล็กและไม้ผสมกัน  แต่มิได้มีขาเฉกเช่นสิ่งมีชีวิตทั่วไป  สิ่งที่ทำให้มันเคลื่อนไปคือกงล้อเหล็กคู่หนึ่ง  โดยอันแรกอยู่ที่ด้านหน้า  และอีกอันอยู่ที่ด้านหลัง  เจ้าพาหนะประหลาดพ่นลมหายใจออกมาเป็นหมอกไอราวกับมาจากนรก

                    ผู้ที่มาพร้อมพาหนะนั้นมิใช่ใครที่ไหน  เขาคือโฮตารุนั่นเอง!  แสงแดดในยามนี้ทำให้มองเห็นร่างนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  ผิวกายกายภายนอกของชายผู้นี้เป็นเหล็กสีดำล้วน  โครงสร้างดูตันและเข้มแข็ง  มีเพียงผ้าพันคอสีขาวที่ปลิวไสวเท่านั้นที่ยังพอให้เห็นความอ่อนโยนอยู่บ้าง

                    เมื่อรู้ว่าหนีไม่พ้นแน่แล้ว  ชายผู้มีรูปร่างคล้ายแมงมุมจึงพ่นใยเหนียวดักการเคลื่อนไหวของผู้ไล่ล่าแทน  ได้ผล...  พาหนะรูปร่างประหลาดล้มคว่ำอย่างรุนแรง  จนไถลครูดกับพื้นไปชนยุ้งข้าวเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

                    ชายไร้นามทิ้งตัวลงจากต้นไม้  มองผลงานความวินาศสันตะโรของตนด้วยความพึงพอใจ  เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้ใดรอดจากหายนะนั้น  หากแต่ความยินดีนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน...

                    ร่างดำทะมึนลุกขึ้นมาจากซากปรักอย่างไม่สะทกสะท้าน  ดวงตาสีเขียวสว่างวาบขึ้นอย่างไม่อาจจะคาดเดาอารมณ์  ชายไร้นามหวาดผวาเมื่ออสูรเหล็กไหลเยื้องย่างเข้าหาเขาอย่างช้าๆ  เมื่อมาถึงตรงนี้ก็มีแต่ต้องสู้กันเท่านั้น!

                    ใยสีขาวเหนียวหนึบถูกพ่นออกมาอีกครั้งหวังจะตรึงร่างเหล็กไว้กับที่  แต่มันก็ทำได้เพียงสร้างความรำคาญเล็กน้อยเท่านั้น  เมื่อมืออันแข็งแกร่งฉีกกระชากเส้นใยเหล่านั้นลงไม่เป็นชิ้นดี

                    เลิกทำเรื่องไร้สาระได้แล้ว!  นายกำลังจะทำอะไรกันนี่!?”  โอตารุตะโกนออกมา

                    ฉันจะกลับบ้าน!  นายอย่ามาขวาง!”  ชายไร้นามตะคอกกลับ  ท่าทางเกรี้ยวกราด

                    นายจะกลับไปไม่ได้!  ยังไม่ยอมรับสภาพตัวเองอีกหรือ!”  โฮตารุตอบกลับ  คำกล่าวนั้นสร้างความเดือดดาลให้กับอีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง  อสูรกึ่งแมงมุมคว้าเอาจอบที่ตกอยู่แล้วกระโดดเข้าฟาดมันใส่โฮตารุเต็มแรง  แขนเหล็กถูกยกขึ้นป้องกันทว่ามันไม่ขยับ!  เส้นใยเหนียวถูกพ่นเข้ารัดแขนทั้งสองข้างของศัตรูไว้  แม้จะไม่อาจตรึงไว้ได้นาน  แต่แค่ชั่วเสี้ยววินาทีก็เพียงพอให้ปลายแหลมคมของจอบเหล็กได้ฟาดเข้าใส่เป้าหมายด้วยกำลังที่เหนือมนุษย์!

                    เปรี้ยง!!!”

                    เสียงดังสั่นหวั่นไหวเมื่อโลหะทั้งสองกระทบกันอย่างแรง  ผลก็คือด้ามจอบที่เป็นไม่เนื้อแข็งหักสะบั้นคามือ  ทว่าร่างของโฮตารุกลับไม่มีแม้แต่รอยสะกิด!  หากแต่มันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น  เมื่อใยแมงมุมที่พันร่างศัตรูไว้ถูกฉีกขาดจากการขยับแขนเพื่อที่จะคว้าข้อมือที่ยาวเก้งก้างไว้

                    กลับไปกับฉัน!”  ชายเหล็กล่าวอย่างเอาจริง  แต่อีกฝ่ายยังคงดึงดันโดยใช้เขี้ยวคู่โตเข้ากัด...  กัดเข้าไปที่แขนผอมยาวข้างที่ถูกยึดไว้ทันที!  ความเจ็บปวดแล่นปลาบจนแทบสิ้นสติ  แต่ชายไร้นามยังคงกัดแขนของตนจนขาด  เขาจะไม่ยอมถูกจับอีกเป็นอันขาด!

                    โฮตารุตกใจกับการกระทำที่ดูเหมือนเสียสตินั้น  ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ  การมองเห็นของเขาก็ถูกบดบังด้วยใยแมงมุม

                    ไม่มีทาง!  ฉันจะกลับบ้าน!!”  เสียงแหลมสูงตะโกนทิ้งท้าย  แล้วร่างผอมยาวเก้งก้างก็รีบกระโดดหายลับไป  ปล่อยให้โฮตารุวุ่นอยู่กับการฉีกใยที่เกาะหน้าออกให้หมด

     

                    ความเจ็บปวดจากแขนซ้ายยังคงแล่นอยู่ในสมอง  หากแต่สองขานั้นจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะไปถึงที่ที่ต้องการ  เพราะยิ่งก้าวไปเท่าใด  เขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความทรงจำของบ้านอันอบอุ่น...  ใช่แล้ว...  แค่พ้นหัวมุมนั้นไปเขาก็จะได้พบกับ...

                    ระวัง!”  น้ำเสียงเข้มแผดลั่นจากชายผู้สวมชุดเจ้าหน้าที่บ้านเมือง  มิใช่คำเตือนต่ออสูรอัปลักษณ์  หากแต่เป็นคำสั่งสำหรับแถวลูกน้องที่เล็งปืนไฟเรียงเป็นตับ  ดวงตาทั้งแปดดวงของชายนิรนามเบิกโพลงเมื่อพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด  ทว่าไม่อาจหยุดยั้งร่างกายที่พุ่งไปด้วยความเร็วได้ทัน...

                    ยิง!!”  สิ้นคำสั่งที่เด็ดขาด  เสียงแผดร้องของปืนไฟนับสิบกระบอกก็ขานรับขึ้นทันที  ลูกตะกั่วขนาดเท่าหัวแม่มือทะยานออกจากลำกล้องด้วยความเร็วสูง  บางนัดพลาดจากเป้าหมาย  แต่อีกหลายนัดชำแรกผ่านเนื้อหนังอันหยาบกระด้างเข้าไปจนลึก

                    หลังสิ้นเสียงการโจมตีระลอกแรก  บรรดาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่างพยายามเขม้นมองผ่านกลุ่มควันโขมงที่เกิดจากการระเบิดของดินปืน  หลายคนยังคงมีอาการสั่นเทาจากการที่ได้ประจันหน้ากับอสูรกายที่ไร้ความเป็นมนุษย์  แต่เมื่อหมอกควันจางลงพวกเขาก็ต้องตกตะลึงมากขึ้น  ร่างอัปลักษณ์มิได้ล้มลงแต่อย่างใด...  มันยังคงหยัดยืน  ทว่าสตินั้นเลือนรางเต็มที...

                    ชุดที่สอง  เตรียมตัว!!”  คำสั่งดังมาจากหัวหน้าคนเดิม  แม้จะพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ  แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังคงสั่นอยู่ในที  ร่างที่อ่อนระโหยโรยแรงจ้องกลับมาด้วยดวงตาที่ไร้แวว  ลมหายใจแทบจะปลิดปลิวอยู่เต็มแก่  เหลือก็แค่ยืนรอคำสั่งประหารเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น...  และมันกำลังจะมาถึงในไม่ช้า...

                    ยิง!!!”  บทเพลงแห่งการสังหารถูกเล่นวนอีกครั้งด้วยจังหวะที่ผิดเพี้ยนไปเพียงเล็กน้อย  แต่ความเหลื่อมล้ำของลำดับมิใช่สิ่งที่ทำลายอรรถรสหลัก  มันคือท่อนจบที่เปลี่ยนไปต่างหากที่ทำให้ทั้งวงต้องล้มครืนลงอย่างไม่เป็นท่า!  ปราศจากเสียงเนื้อหนังถูกทะลุทะลวงอันรื่นหู  กลับกลายเป็นเสียงหยาบกระด้างของตะกั่วที่ที่กระทบแผ่นเหล็กแทน  เสียงก๊องแก๊งไร้ซึ่งรสนิยมสิ้นดี!

                    ไวทยากรเอกมองผู้ที่มาล่มการบรรเลงด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบาย  แต่มันคงมีความตกตะลึงผสมอยู่ไม่น้อยแน่ๆ  ตัวประหลาดแค่ตัวเดียวก็แย่แล้ว  แต่นี่มันดันมีเพิ่มอีกตัว!  แถมเจ้าตัวนี้ดูจะไม่สะทกสะท้านกับอาวุธอันทันสมัยเสียอีก!  ก็มันเล่นเอาตัวมาบังร่างอสูรกายตนเดิมอย่างไม่เกรงกลัวต่อลูกกระสุน!...

                    บรรจุลูก!  บรรจุลูก!!”  หัวหน้าคนเดิมสั่งขึ้นอีก  คราวนี้น้ำเสียงลนลานอย่างเห็นได้ชัด  ลูกน้องทั้งหมดต่างเร่งบรรจุกระสุนด้วยอาการสั่นเทาไม่แพ้กัน

                    อย่างที่เขาว่ากัน ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า  และเจ้าอสูรเหล็กก็ไม่มีเวลามานั่งรอพวกเขาเสียด้วย!  มันขยับตัวขึ้นทีหนึ่งซึ่งทำให้เกิดไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากรอยต่อบนร่าง  ด้วยเวลาที่รวดเร็วกว่าการกระพริบตา  ร่างเหล็กก็ปรากฏตรงหน้ากลุ่มคนที่เล็งปืน  ไม่ทันให้เหนี่ยวไก  กำปั้นอันแข็งแกร่งก็ชกเข้าเต็มแรง!

                    ตูม!!!”  เสียงกึกก้องกัมปนาท  หมัดของโฮตารุชกลงไปที่พื้นดินตรงหน้ากลุ่มคนที่เล็งปืน  ด้วยการชกเพียงครั้งเดียว  พื้นดินก็ยุบลงไปเป็นวงกว้าง  แม้จะไม่มีใครโดนหมัดนั้น  แต่แรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินก็ทำเอาบรรดาเจ้าหน้าที่ล้มระเนระนาด  และทันทีที่คนเหล่านั้นก้าวขาออก  ทั้งบริเวณก็ไม่เหลือเจ้าหน้าที่พวกนั้นแม้แต่คนเดียว...

                    โฮตารุยืดกายลุกขึ้นอย่างช้าๆ  เขาหันกลับไปหาชายไร้นามที่ล้มตัวลงนอนหายใจรวยริน  ทำไมเขาต้องช่วยชายคนนี้ด้วยนะ...  บางทีอาจเพราะชะตาที่มีร่วมกันก็เป็นได้...  หรือเพราะเขาเริ่มตระหนักได้ว่า  ไม่มีสังคมใดอื่นสำหรับเขาอีก  นอกจากผู้ที่ถูกทดลองเหมือนกันเท่านั้น...

                    ข...  ข้านึกออกแล้ว...  ชายไร้นามละล่ำละลัก  เลือดสีเขียวไหลออกมาท่วมปาก  โฮตารุวางมือลงบนร่างนั้นเป็นเชิงห้าม  แต่ถึงจะห้ามไปก็คงเท่านั้น  เพราะกระสุนได้เจาะทะลุไปทั่วร่าง  ยากที่จะรอดไปได้

                    ข้า...  ชื่อ...  ยาคุโมะ...  ตรงนั้นคือ...  บ้านข้า...  นั่นคือคำพูดสุดท้ายของชายผู้ต้องพบชะตากรรมอันโหดร้าย  ชื่อของเขาคือยาคุโมะ...  มือของเขาชี้ไปยังบ้านหลังหนึ่ง  ก่อนจะทิ้งลงอย่างไร้การควบคุมตามวิญญาณที่หลุดลอย

                    โฮตารุอุ้มร่างไร้วิญญาณไปยังบ้านหลังนั้น  โชคชะตาคงเมตตาต่อยาคุโมะอยู่บ้าง  ที่ให้เขาสิ้นลมก่อนถึงที่หมาย  มันทำให้เขาไม่ต้องเผชิญกับความผิดหวัง...  เพราะที่นั่นเป็นเพียงบ้านร้างอันว่างเปล่า  ไม่มีใครรอคอยการกลับมาอย่างที่ยาคุโมะหวัง  โฮตารุค่อยๆวางร่างของผู้ร่วมชะตากรรมบนพื้นภายในบ้าน  ร่างนั้นก็ค่อยๆสลายไปราวกับไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตอัปลักษณ์เช่นนั้นอยู่...

                    ยาคุโมะจะพกพาความคิดใดไปสู่สัมปรายภพนั้นสุดที่โฮตารุจะคาดเดา  แต่สำหรับเขาแล้วมีแต่ความครุ่นคิดที่สับสนและมืดมนทิ้งไว้  หากว่ายาคุโมะมิได้ถูกความทรงจำบิดเบือนหลอกหลอนแล้ว...  ก็หมายความว่าไม่มีใครรอคอยการกลับมาของเขาจริงๆ...  ถ้าเช่นนั้น...  ชะตากรรมของโฮตารุก็อาจเป็นเช่นเดียวกัน...

     

    ..........

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×