ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brave & Honor

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 15 ถ้ำดาราราย

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 49


                    มาโก๊กเดินนำทางคนทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วผิดกับร่างกายอันใหญ่โตนั้นมาก  อันที่จริงเขาและน้องชายเคยผ่านถ้ำนี้มาไม่กี่ครั้ง  ทว่าก็จำเส้นทางได้ขึ้นใจ  ด้วยความที่ทั้งโก๊กและมาโก๊กเคยเป็นศัตรูตัวร้ายมาก่อน  ทำให้โจเอลและทุกคนยังไม่ไว้วางใจนัก  ต่างก็ระมัดระวังกันอย่างเต็มที่  กริ่งเกรงอยู่ว่าอาจมีการดักซุ่มโจมตีเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้

                    อย่างไรก็ดี  การที่โก๊กยักษ์ผู้น้องถูกจับเป็นตัวประกันอยู่กลางขบวนก็ทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง  และอากาศที่ถ่ายเทอยู่ตลอดก็พอจะยืนยันคำกล่าวของยักษ์ทั้งสองได้เป็นอย่างดี  ว่ามีทางออกอยู่อีกฟากหนึ่ง

                    สภาพภายในถ้ำนั้นดูงดงามอย่างน่าประหลาดใจ  จากที่คาดว่าจะต้องเผชิญกับความมืดทึมภายในถ้ำ   กลับกลายเป็นมีแสงสว่างให้เห็นได้พอประมาณ  ดูเหมือนว่าแหล่งกำเนิดแสงจะมาจากบนเพดานถ้ำนั่นเอง  พวกเขาสังเกตเห็นได้ว่ามีหินที่เรืองแสงวับวาวราวกับแสงดาวฝังตัวบนเพดานอยู่หลายก้อนด้วยกัน  แสงนั้นส่องสว่างนำทางได้พอเลาๆ  เพื่อจะให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย  คบไฟจึงยังมีความจำเป็นอยู่ดี  แต่แสงที่เห็นก็ช่วยให้รมรื่นใจได้พอสมควร  ดีกว่าการเดินไปภายในถ้ำที่มืดทึมไร้สิ่งเจริญใจ

                    แน่ทีเดียวว่าเฮอร์มและอีกหลายคนอยากจะเก็บหินเหล่านั้นไว้เป็นที่ระลึก  แต่พวกมันก็ฝังตัวแน่นอยู่บนเพดานถ้ำ  สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง  และพวกเขาก็ไม่มีเวลาให้มัวอ้อยอิ่ง  เส้นทางเดินทอดต่ำลงเรื่อยๆแต่ก็ไม่สู้จะชันนัก  พอให้ม้าและกองเสบียงก้าวไปได้อย่างไม่ลำบากเท่าไหร่

                    ระหว่างทางโจเอลใช้เวลาไปในการเจรจากับโก๊กเป็นเวลานาน  แม้ชายหนุ่มจะไม่คล่องแคล่วกับการใช้ภาษาต่างถิ่นแต่ก็พอให้คุยกันได้รู้เรื่อง  ทั้งสองสนทนากันอยู่นานราวกับไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน  จากที่ได้พูดคุยกันทำให้โก๊กทราบถึงความตั้งใจเดิมของฝ่ายโจเอลดีขึ้น  ทว่าการกล่าวหาว่าชาวการ์กอนเป็นขโมยนั้นเป็นการดูหมิ่นกันอย่างร้ายกาจ  และโมเกอร์ผู้เป็นทูตให้กับโจเอลก็ไม่แตกฉานในภาษาพอที่จะเลี่ยงประเด็นอันละเอียดอ่อนนี้

                    เมื่อโจเอลให้ยักษ์สีน้ำเงินช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดเหล่านี้  โก๊กก็กลับมีสีหน้าหนักใจขึ้นมาทันที  เขากล่าวว่าเรื่องนี้เห็นทีต้องไปเปลี่ยนความคิดวาคียา  เพราะตอนนี้วาคียาคือผู้ถืออาญาสิทธิในการประกาศสงครามกับต่างเผ่า  แถมผู้นำทัพการ์กอนคนนี้ยังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากที่ถูกคนต่างถิ่นรุกรานแย่งยึดหมู่บ้านเอาไป  และประกาศไว้ว่าจะฆ่าผู้บุกรุกทั้งหมดเพื่อมิให้ผู้ใดกล้าที่จะย่างกรายมายังดินแดนนี้อีก

                    คำตอบของโก๊กสร้างความเคร่งเครียดให้กับโจเอลเป็นอย่างมาก  ชายหนุ่มปลีกตัวไปอีกครั้ง  บางทีเขาคงต้องการคิดหาทางออกสำหรับอนาคตข้างหน้าก็เป็นได้...

     

                    ดวงตางดงามของลูนาร์มองไปยังโจเอลอย่างไม่สู้จะพอใจนัก  ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการวางตัวใกล้ชิดกับพวกการ์กอนเกินไป  ในสายตาของเธอคนพวกนี้ยังคงไม่น่าไว้วางใจอยู่ดี  แต่อีกส่วนที่ทำให้เธอไม่พอใจ  คงเป็นเพราะ...  โจเอลไม่ได้เข้ามาเอาใจใส่กับเธอสักเท่าไหร่...  ผิดกับจอร์ชที่เทียวดูอาการเธออยู่เป็นระยะ  คอยพูดคุยมิให้เบื่อหน่ายเกินไปนักกับการเดินทาง

                    ที่จริงข้อเท้าของลูนาร์ก็แทบจะหายดีแล้ว  ตอนนี้เธอจึงเปลี่ยนมาขี่ม้าแทนการนอนบนเสลี่ยงเพื่อมิให้ลำบากกับพวกทหารเกินไป  แต่เธอก็ยังต้องการให้โจเอลเอาใจใส่อยู่ดี  ทำให้ติดจะน้อยใจที่เขาเอาเวลาไปพูดคุยกับคนต่างเผ่าพันธุ์

                    ตั้งแต่การตายของดไวเซน  ลูนาร์ก็เริ่มจะคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา...  ระหว่าง... การรัก และ การได้รับความรัก นั้น  อย่างไหนจะสำคัญไปกว่ากัน...?

                    เธอเคยมีความสุขกับการเป็นฝ่ายรัก  ทว่าก็ทุกข์ใจที่ไม่ได้รับการตอบสนอง  แล้วคนที่รักเธอล่ะ...  เขาจะรู้สึกเช่นนี้หรือเปล่า...?

                    ในอีกทางหนึ่ง  เธอรู้สึกอึดอัดใจในยามเป็นฝ่ายถูกรัก  เฉกเช่นผู้ที่ถูกตั้งความหวัง  ซึ่งมักหวั่นเกรงที่จะทำให้ผู้ใดต้องผิดหวัง  และเธอก็ไม่อาจจะมอบความรู้สึกที่มีให้ได้กับทุกคน  ซ้ำยังเกรงใจที่จะรับไมตรีจากผู้อื่นแต่เพียงฝ่ายเดียว  หรือว่าโจเอลอาจจะรู้สึกเช่นนี้ต่อเธอเช่นกัน  แล้วจะมีทางใดบ้าง...  ที่จะพาให้ความรู้สึกทั้งสองนี้ได้บรรจบพบกัน...  หรือว่า...  เธอควรเริ่มจากการปรับเปลี่ยนความคิดตัวเอง...

                    ลูนาร์มิได้ตาบอดหรือไร้เดียงสาเกินไปจนละเลยต่อความรู้สึกที่จอร์ชมีต่อเธอ  เพียงแต่จอร์ชเองก็คงรู้ถึงความคิดที่เธอมีต่อโจเอล  เขาจึงมิกล้าที่จะแสดงออกมากนัก  ทว่ามันก็เพียงพอจะให้เธอรับรู้ได้...  แล้วหากว่าลูนาร์ได้เลือกคนที่รักเธอ  แทนที่จะเป็นคนที่เธอรักดูล่ะ...  บางทีเรื่องราวทั้งหมดอาจจบลงได้อย่างลงตัวพอดี...

                    จอร์ชนั้นถึงจะเป็นคนลึกลับไม่รู้หัวนอนปลายเท้า  ทว่าก็เป็นหนุ่มรูปงามที่มีลักษณะคล้ายดั่งคนชั้นสูง  ตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัว  สาวๆที่ฟอร์ทอังเคิลก็เอาแต่พูดถึงไม่ขาดปาก  หนำซ้ำชายหนุ่มผู้นี้ยังเป็นคนฉลาดเฉลียวและมีความสามารถเหนือคนอื่นๆ  แต่ที่ผ่านมาลูนาร์ติดจะไม่ชอบใจชายผู้นี้เท่าไรนัก

                    ความสัมพันธ์ของเธอกับจอร์ชนั้นเป็นไปในแบบพ่อแง่แม่งอนเสียมากกว่า  หลายครั้งที่ลูนาร์แสดงอาการเอาแต่ใจออกมา  ซึ่งจอร์ชก็มักจะตั้งแง่เง้างอนเหมือนจะไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กัน  สิ่งนั้นทำให้เธอไม่ชอบใจเอามากๆ  ต่างกับโจเอลที่ตามใจเธออยู่บ่อยครั้ง

                    ไหนจะเรื่องพื้นเพที่มาที่ไปซึ่งจอร์ชไม่ยอมปริปากบอกใครอีก  นั่นทำให้เธอหงุดหงิดใจเป็นที่สุด  คงไม่มีคนดีๆที่ไหนจะปกปิดอดีตของตัวเองขนาดนี้  การที่ชอบทำตัวลึกลับนี้เห็นจะตรงข้ามกับโจเอลเป็นที่สุด  เพราะโจเอลออกจะเป็นคนที่ใจกว้างและเปิดเผย  รวมทั้งมีน้ำใจแก่ผู้คนอย่างไม่แบ่งแยก  จนทำให้บางครั้งทำให้เธอสงสัยอยู่ว่าโจเอลมีใจให้เธออยู่บ้าง  หรือเป็นแค่ไมตรีจิตตามปกติวิสัย

                    เธอต้องพยายามสลัดความคิดออกไป  ทำไมกันนะ?  ทั้งๆที่เธอตั้งใจที่จะลองเปิดรับส่วนดีของจอร์ช  แต่กลายกลับเป็นการคิดถึงแต่เรื่องของโจเอลแทน  ราวกับว่าจะไม่สามารถคิดถึงชายคนอื่นได้นอกจากโจเอล...  บางทีเธอควรเริ่มต้นด้วยการกระทำดู  เมื่อคิดได้ดังนั้น  ไม่ช้าริมฝีปากชมพูระเรื่องดงามได้รูปก็แย้มยิ้มขึ้น  ตามติดด้วยการเป็นฝ่ายเชิญสนทนาขึ้นบ้าง

                    ท่าทีของสาวน้อยจอมเอาแต่ใจทำให้จอร์ชประหลาดใจ  ที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าลูนาร์ไม่ค่อยลงรอยกับเขาเท่าไหร่  และเพื่อปกปิดความรู้สึกของตัวเอง  เขาก็มักจะปั้นปึ่งต่อเธอไม่แพ้กัน  ประสบการณ์และการเลี้ยงดูที่ผ่านมาทำให้ชายหนุ่มร่างบอบบางผู้นี้รู้จักการสวมหน้ากากไว้  มากกว่าการเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมด  แม้แต่กับเรื่องความรัก...  มันทำให้เขารู้สึกปลอดภัย  ทว่าก็โดดเดี่ยว...  แต่แล้วรอยยิ้มของสาวงามก็ทำลายหน้ากากที่ชายหนุ่มสวมอยู่  มันทำให้จอร์ชเก็บซ่อนความดีใจไว้ไม่ได้  บางทีหัวใจของเขาอาจพร้อมจะรับความรู้สึกของผู้อื่นขึ้นมาได้บ้าง...

     

                    โจเอลมิได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของทั้งสองแต่อย่างใด  เพราะเขามีเรื่องให้ให้ต้องขบคิดอยู่มากมายทีเดียว  เขาได้ลองประเมินดูในท่าทีและการเจรจา  ทำให้วางใจได้ในระดับหนึ่งว่าโก๊กและมาโก๊กนั้นเข้ามาช่วยพวกเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ

                    นัยน์ตาสีเหลืองของโก๊กนั้นมิได้หลบสายตาของโจเอลแม้แต่น้อย  ซึ่งคนที่โกหกมักจะหลบสายตาหรือส่ออาการอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา  แต่โจเอลมิอาจจับพิรุธจากยักษ์ทั้งสองได้แม้แต่น้อย  หรือไม่...  ทั้งคู่ก็คงจะเป็นจอมหลอกลวงที่เก่งกาจ...

                    แต่ถึงโจเอลจะทายใจยักษ์แฝดได้ก็เป็นความสบายใจเพียงครึ่งเดียว  เพราะบางทีทั้งคู่อาจจะไม่รู้ถึงแผนการณ์ของพวกการ์กอนด้วยกัน  จะอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องระวังให้มากในท้องที่อันไม่คุ้นชินเช่นนี้

                    ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น  เพราะแม้ว่าทั้งหมดจะผ่านอุโมงค์แห่งนี้ไปด้วยดีตามคำของยักษ์สองพี่น้อง  ทว่าพวกเขาจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากนั้น?  ถึงจะได้แหล่งพักพิงที่ดีและมีเสบียงอันเพียบพร้อม  ทุกคนก็ยังคงตกอยู่ในวงล้อมอยู่ดี  ซ้ำร้ายยังอยู่ห่างจากฟอร์ทอังเคิลมากกว่าเดิม...  ทั้งหมดนี้นับเป็นเรื่องที่น่าหนักใจยิ่ง  ที่ชายหนุ่มอายุเพียง17ปีจะต้องแบกรับชะตากรรมของตนและคนเกือบร้อยไว้บนบ่า  แต่สิ่งทำให้โจเอลกังวลใจเป็นอย่างมากก็คือลูนาร์  เขาต้องคุ้มครองเธอให้ปลอดภัยที่สุด  แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของตนก็ตาม...

     

                    ทั้งหมดเดินทางต่อไปเรื่อยๆในอุโมงค์ที่ยืดยาวจนน่าประหลาดใจ  เมื่อมองจากภายนอก  ไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้องเดินทางนานถึงเพียงนี้  ซึ่งถัดจากทางที่ลาดลงก็พบกับพื้นที่อยู่ในระดับเดียวกัน  นั่นอาจหมายความว่าพวกเขาได้ลงมาจนถึงจุดที่ต่ำที่สุดแล้ว  อุโมงค์กว้างขึ้นและมีแสงสว่างสีเงินยวงรออยู่เบื้องหน้า  ทำให้ทุกคนพากันดีใจเพราะคิดว่านั่นคือทางออก  แต่โก๊กได้บอกแก่โจเอลว่า  พวกเขายังไปได้แค่เพียงครึ่งหนึ่งของระยะทางเท่านั้น  จึงไม่น่าเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะใกล้ถึงทางออก

                    เมื่อไปถึงแสงสว่างดังกล่าวก็พบว่าจริงดังคำพูดของโก๊ก  มันมิใช่ทางออกอย่างที่ทุกคนหวัง  หากแต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า  คือห้องโถงที่สรรสร้างโดยธรรมชาติ  กินเนื้อที่กว้างขวางราวสองร้อยหลา

                    แสงสว่างที่เห็นนั้นมาจากก้อนผลึกขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่กึ่งกลางเพดานเสมือนตัวแทนของดวงจันทร์ในยามราตรี  มันมีขนาดราวสองฟุต  แสงสีเงินที่สาดส่องออกมานั้นสว่างพอที่จะมองเห็นพื้นที่รอบๆได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคบไฟ  บนเพดานที่สูงขึ้นไปกว่าร้อยฟุตนั้น  ยังมีผลึกมีหลายชิ้นส่องแสงอยู่กล่นเกลื่อน  ต่างมีขนาดลดหลั่นอวดแข่งรัศมีความงามแก่กัน  ทว่าไม่มีชิ้นใดจะเทียบกับชิ้นที่อยู่ตรงกลางได้แม้แต่น้อย

                    เมื่อกะเกณฑ์จากที่พวกเขาเดินทางอยู่ในถ้ำแห่งนี้  ทั้งหมดคงกินเวลาไปราวๆหกชั่วโมง  ซึ่งขณะนี้ภายนอกน่าจะเป็นช่วงสองทุ่ม  ต่างก็พักเป็นระยะมาตลอดทาง  แต่ก็ไม่ใช่การหยุดพักอย่างจริงๆจังๆ  คงเหมาะทีเดียวหากพวกเขาจะพักพลลงที่นี่

                    คำสั่งให้หยุดพักนั้นตรงกับความต้องการของทุกคน  กระโจมที่พักถูกตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว  หลังจากนั้นทั้งหมดก็พากันพักผ่อนกันตามอัธยาศัย  แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์เบื้องหน้ามากกว่า

                    นอกจากผลึกบนเพดานถ้ำที่คล้ายจะเลียนแบบหมู่มวลดาราบนท้องนภาแล้ว  ยังปรากฏลวดลายคล้ายกลุ่มเมฆอยู่บนนั้นอีกด้วย  ซ้ำมันยังเคลื่อนที่ได้ราวกับว่าเป็นเมฆของจริง  สิ่งนั้นทำให้ทุกคนพิศวงว่าเวทมนต์ใดหนอที่สรรสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา

                    ที่ด้านหนึ่งของถ้ำเป็นน้ำตกขนาดย่อมๆที่ไหลลงสู่สระขนาดใหญ่  กระแสน้ำที่ไหลเอื่อยๆแสดงให้รู้ว่าสระนี้คงเป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำใต้ดินที่ไหลออกไปยังหมู่บ้านคูอูล  โจเอลคิดจะนำน้ำเหล่านี้มาเติมเสบียงจึงถามแก่โก๊ก  ยักษ์ผู้มีผิวเป็นสีน้ำเงินพยักหน้าตอบ  แต่ก็กำชับไว้ว่าให้ตักในครั้งเดียวและอย่าเทคืน  รวมถึงห้ามทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไปเป็นอันขาด  ชายหนุ่มรับคำและสั่งให้ทหารผู้หนึ่งไปตักน้ำโดยสั่งความตามที่โก๊กบอกให้รู้โดยทั่วกัน

                    ยักษ์ผู้น้องยังบอกอีกว่า  ชาวการ์กอนได้เรียกถ้ำแห่งนี้ว่าถ้ำดาราราย  อันเป็นสถานที่ซึ่งพวกเขาจะมาทำพิธีศักดิสิทธิ์กันในสี่ปีครั้ง  นอกจากนั้นแล้วจะไม่มีใครกล้าเข้ามาเพ่นพ่านในที่แห่งนี้เป็นอันขาด

                    นั่นคือหินแทนตัวของเมยานาร์  มารดาแห่งเผ่าการ์กอน*  มาโก๊กเข้ามาผสมโรงด้วยน้องชาย  พลางชี้มืออันใหญ่โตไปยังผลึกที่ใจกลางห้อง

                    ส่วนหินก้อนอื่นๆคือตัวแทนบุตรแห่งเมยานาร์*  ยักษ์ผู้น้องเสริม  เขาชี้ไปยังผลึกที่สุกสกาวสองชิ้นที่อยู่ติดกันแล้วกล่าวต่อ  นั่นคือหินของเราสองพี่น้อง*

                    โจเอลมองตามทิศทางที่ทั้งสองชี้  พลันให้สะดุดใจกับผลึกชิ้นที่ส่องแสงระยิบระยับโดดเด่นกว่าชิ้นอื่นๆ  จะเป็นรองก็เพียงแค่ชิ้นที่อยู่ใจกลางห้อง  เขาจึงเอ่ยปากถามขึ้น

                    แล้วชิ้นนั้นล่ะ?*

                    นั่นคือตัวแทนของวาคียา*  มาโก๊กตอบ  โจเอลสงสัยถึงลำดับความสำคัญหรือความสว่างนั้นว่ามีกฎเกณฑ์ใดหรือไม่  ทว่าไม่ทันได้ถามอะไรต่อเฮอร์มก็เข้ามาแทรกเสียก่อน

                    ดูท่านจะสนุกกับการใช้ภาษาต่างถิ่นเสียจริงนะ  ท่านโจเอล..  ตาเฒ่าขัดจังหวะขึ้น

                    เจ้ามีอะไรก็ว่ามาเฮอร์ม  โจเอลซักกลับ  บางครั้งเขาก็รู้สึกหน่ายใจกับการพูดโยกโย้ไม่เข้าประเด็นของเฮอร์มเต็มที  ตาแก่ขยับยิ้มขึ้นทีหนึ่งก่อนจะเข้าเรื่อง

                    ข้าพบร่องรอยคนคนหนึ่ง  ท่าทางเพิ่งผ่านมาที่นี่ได้ไม่นานนัก  จะใช่คนที่ท่านต้องการตัวหรือเปล่า?  เฮอร์มหยิบขนาดเท่าหัวแม่มือที่เพิ่งพบมาให้ดูเป็นหลักฐาน  โจเอลรับมันมาดูอย่างพิเคราะห์  แล้วพรานเฒ่าก็เสริมขึ้นอีก

                    ข้าว่ามันชอบกลอยู่นา  เศษขนมปังชิ้นใหญ่ขนาดนี้นี่...  มันเหมือนจงใจทิ้งไว้ชัดๆ...

                    ความเห็นของเฮอร์มทำเอาคิ้วเข้มสีน้ำตาลของชายหนุ่มขมวดปมขึ้นทันที  หากเป็นเช่นนั้น...  หมายความว่าเจ้าหัวขโมยนั่นต้องการให้ตามไปถูกอย่างนั้นรึ?  แล้วหัวขโมยที่ไหนจะอยากให้ถูกตามกันนะ?  เรื่องนี้บางทีเขาอาจต้องการความเห็นของจอร์ชสักหน่อย  สหายผู้นี้แม้จะทำตัวลึกลับ  แต่บ่อยครั้งที่เขาดูจะรู้อะไรดีๆอยู่มากมายทีเดียว  ไม่แน่ว่าครั้งนี้เขาอาจพอรู้เบาะแสอะไรบางอย่าง

                    เมื่อกวาดตามองหาสหายผู้ลึกลับ  เขาก็พบว่าจอร์ชกำลังยืนอยู่กับลูนาร์ที่ริมสระ  ดูเหมือนโจเอลจะมีเรื่องให้ครุ่นคิดมากจนลืมที่จะใส่ใจต่อลูนาร์ไป  เขาจึงคิว่าควรจะเดินไปหาทั้งคู่สักหน่อยเพื่อจะได้คุยกับลูนาร์บ้าง  หวังเพียงว่าเธอจะไม่น้อยใจเขาไปเสียก่อน

     

                    ดวงตาสีฟ้าสดใสของหญิงสาวลอบชำเลืองไปด้านหลัง  เธอรู้อยู่แล้วว่าโจเอลกำลังเดินมาหา  ทว่ากลับทำเป็นไม่สนใจด้วยความเง้างอนตามประสา  อีกเหตุผลหนึ่งนั้นเพราะสายตาของเธอจับจ้องในสิ่งหนึ่งอยู่

                    ไม่ไกลจากที่ที่ลูนาร์และจอร์ชยืน  ดอกไม้ดอกหนึ่งชูช่ออวดความงามล้อแสงจันทร์จำแลงอยู่กลางสระ  หญิงสาวยืนมองมันอยู่นานโดยไม่รู้เบื่อ  จอร์ชชำเลืองมองลูนาร์แล้วก็ยิ้มขึ้น  ไม่แปลกอะไรที่หญิงสาวจะควรคู่กับดอกไม้  เหมือนอะไรบางอย่างดลใจ  จอร์ชขยับตัวแล้วกล่าว

                    ข้าจะเด็ดมันมาให้เจ้านะ..  โดยไม่ทันฟังคำทัดทานใดๆ  ร่างเพรียวบางของชายหนุ่มก็กระโจนจากชายฝั่งไปยังโขดหินที่อยู่ใกล้ๆ  สร้างความประหลาดใจระคนตกใจแก่หญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่

                    จอร์ช!  ท่านทำอะไรน่ะ!?  รีบกลับมาเถอะ  ข้าแค่อยากมองมันเท่านั้น!”  ลูนาร์พยายามเรียกให้จอร์ชกลับมา  ทว่าเขาก็ปฏิเสธ

                    ไม่เป็นไร  ข้าใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่  เจ้าจะได้ดูมันใกล้ๆไง  จอร์ชกล่าวพลางกระโดดไปยังโขดหินที่อยู่ถัดไป

                    โจเอลซึ่งบัดนี้มายืนอยู่ข้างๆลูนาร์ก็รู้สึกตกใจไม่แพ้เธอ  เขาไม่เคยเห็นจอร์ชกระทำตนโดยไร้สติมาก่อน  และเขาก็ทราบถึงข้อห้ามที่โก๊กได้บอกไว้  จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสหายของเขากันแน่?

                    จอร์ช!  ท่านรีบกลับมาเถอะ  ท่านกำลังรบกวนสถานที่แห่งนี้อยู่นะ!”  โจเอลร้องเตือน

                    อย่ากังวลไปเลยโจเอล  ข้าแค่กระโดดข้ามไปบนโขดหินเท่านั้น  ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนหรอก  จอร์ชตอบ  ตอนนี้เขาไปได้ครึ่งทางแล้ว  โขดหินที่โผล่พ้นน้ำอยู่เป็นระยะทำให้ร่างอันประเปรียวเคลื่อนเข้าหาเป้าหมายได้โดยไม่สัมผัสกับผืนน้ำ  จนดูเหมือนกับเส้นทางนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อเชื้อเชิญให้ใครก็ตามเข้าไปเด็ดดอกไม้นั้นได้  หรือจอร์ชจะมองเห็นเส้นทางนี้อยู่แล้วจึงกล้าที่จะเสี่ยงลงไป?

                    หลายคนเริ่มมายืนมุงดูการกระทำของจอร์ชกันมากขึ้น  ขณะที่ชายหนุ่มร่างสะโอดสะองได้ไปถึงที่หมายแล้ว  ดอกไม้นั้นยังคงชูช่อท้าทายต่อการเด็ดดึงอยู่  ทว่า..ทันทีที่นิ้วมือเรียวงามเอื้อมถึงมัน  ผืนน้ำตรงหน้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง...

                    ซ่า...!!”  เสียงน้ำแตกกระเซ็นดึงความสนใจของทุกคนในที่นั้น  พร้อมกับร่างหนึ่งที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา...

     

    * เป็นภาษาการ์กอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×