ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brave & Honor

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 11 การโจมตีก่อนรุ่งสาง

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 51


                    หวูดดด! หวูดดด! หวูดดด! เสียงเป่าเขาสัตว์ดังกึกก้อง ตัดกับความเงียบสงัดในยามเช้ามืด ปลุกทุกคนจากภวังค์แห่งการหลับใหล เพราะนั่นคือเสียงสัญญาณเตือนภัยจากเวรยามระยะไกลที่วางไว้รอบหมู่บ้าน

                    เสียงเตือนภัยค่อยๆเงียบลงในที่สุด ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรดาทหารยามเหล่านั้น ไม่นานนักเสียงอีกชุดหนึ่งก็ดังขึ้นแทนที่ มันเป็นเสียงจากเขาสัตว์เช่นกัน ทว่าฟังดูทุ้มต่ำผิดสำเนียงกันมาก หนำซ้ำยังดังมาจากทุกทิศทุกทาง!

     

                    เจ้า! รีบไปตามฮานส์ บอกเขาให้ไปพบข้าที่คอกม้า แล้วจงรีบเตรียมม้าไว้ด้วย!” น้ำเสียงเข้มสั่งลงอย่างเด็ดขาด ทหารผู้ได้รับคำสั่งจึงรีบทำตามโดยไม่รอช้า จากนั้นนัยน์ตาคมกล้าก็หันไปยังทหารอีกคนที่เข้ามารายงาน

                    แฮ่ก... แฮ่ก... ทะ... ท่านดไวเซน... ขะ... ข้าศึกไม่ทราบจำนวน แฮ่ก... โจมตีมาจากทุกทิศทุกทางขอรับ... ทหารนายนั้นรายงานอย่างกระหืดกระหอบ ปากสั่น ใบหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ดไวเซนปรายตามองทหารที่เข้ามารายงาน ขณะที่มือก็สาละวนกับการสวมใส่ชุดเกราะ

                    ...แบ่งกำลังเป็นสี่ส่วน! สามส่วนแยกกันยันไว้ที่ทางเข้าหมู่บ้านทั้งสามทาง รั้งไว้จนกว่าข้าจะสั่ง อีกส่วนรอที่คอกม้าคอยหนุนหากทางใดเพลี่ยงพล้ำ! ...ส่งทหารไปคุ้มกันแม่หญิงลูนาร์สักสามนาย เชิญนางไปที่คอกม้าด้วย... ดไวเซนสั่งการ น้ำเสียงในตอนท้ายอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด

                    เมื่อทหารผู้นั้นออกไปแล้ว ดไวเซนจึงเร่งแต่งกายให้เสร็จ เสียงอึกทึกและกลิ่นของสงครามได้ปลุกอัศวินผู้นี้จากความง่วงเหงาและความเศร้าสร้อย ชุดโซ่ถักถูกสวมทับลงเป็นอันดับแรก ตามด้วยเกราะขาและแขน โดยเว้นช่วงลำตัวและศีรษะไว้ เพราะเกราะส่วนนั้นบุบบี้ไปแล้ว

     

                    ภายนอกเสียงแห่งความสับสนอลหม่านดังขึ้นทั่วไปหมด อัศวินหนุ่มรีบก้าวไปยังที่นัดหมายโดยไว ทว่าเมื่อผ่านกระท่อมหลังหนึ่ง เขาก็หยุดเท้าลงเหมือนกับจะนึกอะไรได้

                    ดไวเซนก้าวเข้าไปในอาคารหลังนั้น ซึ่งมันก็คือที่คุมขังเด็กผู้หญิงครึ่งคนครึ่งแมวนั่นเอง ด้วยความฉุกละหุกพวกทหารจึงได้ทิ้งเชลยเอาไว้อย่างนั้น ดวงตาสีเหลืองอำพันมองผู้ที่เข้ามา รู้สึกหวาดระแวงด้วยไม่แน่ใจในวัตถุประสงค์ของชายหนุ่ม

                    ดาบเหล็กคมปลาบถูกกระชากออกจากฝัก เด็กสาวเห็นดังนั้นรีบขู่ฟ่อขึ้นเพื่อป้องกันตัว เข้าใจเอาว่าในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่เช่นนี้ การสังหารเชลยคงเป็นเรื่องธรรมดาของการรบ หางแบบเดียวกับแมวตั้งตรงขนพูฟองขึ้นหวังจะข่มขู่ แต่ไม่ทันเสียแล้ว...

                    ฉับ!

    คมดาบฟันเข้าใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็วจนเด็กสาวไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำ เปล่าเลย... เธอมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ลมหายใจของเธอยังอยู่ มีเพียงเชือกที่พันธนาการเท่านั้นที่ขาด

                    รีบไปจากนี่เสีย! เด็กผู้หญิงไม่ควรจะมาเพ่นพ่านในสนามรบ เจ้าอาจถูกลูกหลงได้!” น้ำเสียงเข้มตวาด

    เด็กสาวครึ่งแมวไม่เข้าใจคำพูดที่ออกจากปากของคนต่างเผ่า ต่อให้ฟังรู้เรื่องก็อาจจะไม่เข้าใจในพฤติกรรมแปลกๆเช่นนี้อยู่ดี ใบหน้าใสจ้องมองผู้ที่มาปล่อยตนอย่างงุนงง ทว่าชายผู้นั้นก็ผลุนผลันออกไปโดยไม่อธิบายสิ่งใดให้เข้าใจอีก เธอจึงได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของเขาไว้จนลับสายตา

     

                    ณ บริเวณที่ถูกใช้เป็นคอกม้าชั่วคราว ทหารที่ได้รับบาดเจ็บถูกพามาพักที่นี่ แม้ว่าฝ่ายการ์กอนจะมีจำนวนมากกว่าจนเหลือประมาณ แต่ก็ต้องกระจุกตัวอยู่รอบหมู่บ้านเท่านั้น เพราะทางเข้าทั้งสามทางถูกปกป้องเอาไว้อย่างเหนียวแน่นจากทหารของดไวเซน รวมทั้งทหารของโจเอลภายใต้การบัญชาการของฮานส์ก็ช่วยในการตั้งยันไว้ตั้งแต่ต้น แม้แต่ทหารของดารูเกนซ์ก็ยอมตัวเข้ารับคำสั่งจากทหารบ้านนอกผู้นี้อย่างไม่อิดออด

                    หมู่อาคารที่ขึ้นติดกันจนแน่นขนัด ถูกสถาปนาให้เป็นแนวตั้งรับอันมีประสิทธิภาพ เส้นทางที่คับแคบทำให้สามารถตั้งรับได้ง่าย แม้จะมีกำลังพลที่น้อยกว่า บรรดาทหารตั้งขบวนรบแบบโบราณที่เรียกว่าฟาแลงซ์ โดยการยืนเรียงชิดไหล่แล้วตั้งคมหอกขึ้นเป็นแนวป้องกัน ทำให้ไม่มีนักรบการ์กอนคนใดบุกฝ่าเข้ามาในหมู่บ้านได้ บนหลังคาของสิ่งปลูกสร้างแต่ละหลังก็กลายเป็นสมรภูมิย่อยๆเช่นกัน ข้าศึกที่พยายามใช้เส้นทางลัดนี้ต่างร่วงผล็อยลงดังใบไม้ร่วง นั่นเพราะพลธนูของฮานส์เข้าจับจองชัยภูมิอันได้เปรียบนี้ไว้ก่อนแล้ว

                    ด้วยเวลาที่กระชั้นเพียงไม่ถึงวัน ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการรวบรวมกำลังในการจู่โจมกลับได้มากมายขนาดนี้ แต่การวางยามระยะไกลก็ทำให้ฝ่ายดไวเซนพอจะมีเวลาตั้งตัวจากการโจมตีอันไม่คาดฝันนี้ไว้ได้ น่าแปลกที่พวกการ์กอนไม่ยอมทำลายกระท่อมที่เป็นสิ่งกีดขวางเลย บางทีสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้คงมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับพวกคนเถื่อน

                    เพียงไม่นานการโจมตีทั้งหมดก็หยุดลงอย่างฉับพลัน ผู้นำฝ่ายนั้นอาจจะรู้ว่าได้เสียโอกาสในการสร้างความประหลาดใจต่อศัตรูแล้ว การฝืนรุกต่อไปมีแต่จะทำให้เปล่าเปลืองไปเท่านั้น

                    ฮานส์ปีนขึ้นไปบนหลังคาของอาคารที่ใกล้กับคอกม้าที่สุด จ้องมองพื้นที่โดยรอบด้วยความเคร่งเครียด

                    เกิดอะไรขึ้น! ทำไมพวกนั้นเงียบไป? น้ำเสียงเข้มดังตามหลังขึ้นมา ดไวเซนนั่นเอง เขาตามขึ้นมาเพื่อสังเกตสถานการณ์เช่นกัน

                    ขอรับ ดูเหมือนพวกมันพยายามกระจายกันล้อมพวกเราแทน... ฮานส์ตอบ น้ำเสียงดูหวั่นวิตก พวกเขาไม่ได้เตรียมเสบียงมามากนัก แล้วก็ไม่อาจคาดหวังกำลังสนับสนุนจากบารอนเคอร์เบนได้สักเท่าไหร่ การถูกปิดล้อมจึงสร้างความกังวลให้เป็นอย่างมาก

                    ตีฝ่าไป ดไวเซนตอบกลับ เรียบง่ายและเด็ดขาด ฮานส์มองหน้าอัศวินเหมือนจะถามว่า อย่างไร? แต่กลับถูกชิงถามขึ้นก่อน เจ้าคิดว่าเราควรฝ่าไปเส้นทางใด?

                    ขึ้นเขาขอรับ ฮานส์ตอบกลับทันทีเช่นกัน แล้วจึงอธิบายต่อฟ้ามืดเช่นนี้เราอาจจะหลงทางในป่าก็ได้ ต่อให้กลับทางเดิมก็ตามที เส้นทางน้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะเมื่อเฮอร์มไม่อยู่ด้วยแล้ว... ซ้ำเรายังไม่อาจป้องกันตัวได้ดีในป่าที่ไม่คุ้นชิน ส่วนบนเขานั้นเป็นชัยภูมิที่ดี เมื่อรวมกำลังกับท่านโจเอลและท่านดารูเกนซ์แล้ว เราน่าจะตั้งรับได้ไม่ยากขอรับ

                    เจ้าคิดว่าพวกเขายังรอดจากเจ้ามังกรนั่นอีกหรือ? ดไวเซนถามต่อ สีหน้าของฮานส์เคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมก่อนจะตอบ

                    ต่อให้ต้องเผชิญกับมังกร ข้าก็คิดว่าท่านโจเอลจะรอดขอรับ

    ดไวเซนหันไปมองฮานส์ แล้วกล่าวด้วยความหนักแน่น ดี! เราจะฝ่าวงล้อมขึ้นไปบนเขา ด้วยอำนาจในการบุกทะลวงของทหารม้า หากเรารุกกลับให้หนักพอ เจ้าพวกคนเถื่อนจะไม่กล้าตามโจมตีเราอีก เตรียมขึ้นม้าแล้วถอนแนวตั้งรับได้!

                    หากถอนกำลังทันที พวกเราจะไม่ถูกตามตีหรือขอรับ? ฮานส์แย้ง

                    ข้ากับทหารม้าอีกหกนายจะโจมตีอีกทาง ให้พวกมันสับสนและประวิงเวลาไว้ ระหว่างนั้นเจ้ารีบตีฝ่าออกไปให้เร็วที่สุด หากพ้นถึงที่ปลอดภัยให้เร่งส่งสัญญาณ เอาล่ะ หากแม่หญิงลูนาร์มาแล้วเราจะไปกันทันที ดไวเซนตอบ จากนั้นทั้งสองจึงลงจากหลังคาเพื่อเตรียมการตามที่ได้ตกลงกันไว้ ก็พอดีกับทหารที่คุมเส้นทางน้อยถอยร่นมา

                    แฮ่ก... แฮ่ก... ยะ... แย่แล้วขอรับ... มีนักรบการ์กอน... ตะ... ตัวใหญ่มาก มันใช้โล่ใหญ่ผลักจนแถวของเราระเนระนาดขอรับ ทหารที่เพิ่งมาถึงรายงานละล่ำละลัก

                    แล้วแม่หญิงล่ะ? ดไวเซนถามด้วยความกระวนกระวาย ทำเอาผู้ที่ถูกถามหน้าซีดเผือดปากคอสั่นไปหมด

                    มะ... ไม่ทราบแน่ขอรับ... มะ... มีพวกมันกลุ่มหนึ่งพยายามลอบตลบหลังพวกเรา เอ่อ... พวกมันเข้ามาทางที่พักท่านนักบวช ...ข้าเห็นแต่หน้าต่างเปิดอยู่ ...เอ่อ... บางที... พวกมันคงจับตัวท่านนักบวชไป...

    เพียงได้ยินคำตอบ ดไวเซนก็ตัวสั่นอย่างเดือดดาล ความโกรธพลุ่งพล่านจนแทบจะกระชากดาบเข้าฟันทหารผู้ไร้ความผิดนั้นทันที

                    ฮานส์ก็ตกใจและโกรธเช่นกัน เขาจะกลับไปมองหน้าผู้เป็นนายได้อย่างไร หากไม่สามารถปกป้องลูนาร์ไว้ได้ตามที่ถูกฝากฝัง เมื่อคิดที่จะตามไปช่วยก็ถูกอัศวินหนุ่มตัดหน้าเสียก่อนแล้ว

                    ทหารม้าแห่งเซเลท์ พร้อม!!” ดไวเซนคำราม ผู้ใต้อาณัติรีบทำตามคำสั่งในชั่วอึดใจ แถวของทหารม้าถูกจัดเป็นรูปหัวลูกศรเตรียมสู้ศึกทันที

                    ฮานส์ เจ้ารีบพาทุกคนถอนทัพ ข้าจะไปช่วยแม่หญิงลูนาร์ แล้วจะรีบตามไป!” อัศวินหนุ่มสั่ง แล้วคว้าทวนประจำตัว โดดขึ้นหลังม้าด้วยความว่องไว คาคาโนม้าศึกคู่ใจก็ฮึกห้าวไม่แพ้ผู้เป็นนาย มันหวีดร้องขึ้นหมายประจญข้าศึกอยู่เต็มแก่ ราชสีห์หนุ่มแลดูเหยื่อเบื้องหน้า ชี้ปลายทวนนำ ประกาศก้อง

                    ถล่มมัน!!”

    เพียงสิ้นเสียง ทหารม้าทั้งหมดก็ควบตะบึงเข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว พวกทหารฝ่ายเดียวกันที่กำลังถอยร่นข้าศึกต้องรีบหลีกทางให้อย่างฉิวเฉียด

     

                    คว๊อทซ์ นักรบการ์กอนคนสำคัญ ผู้สามารถผลักดันเอาพลหอกนับสิบให้ถอยร่น ด้วยร่างกายที่อ้วนใหญ่ ความสูงเกินแปดฟุต ทำให้นักรบผู้นี้ดูเหมือนภูเขาเดินได้เลยทีเดียว พอมองเห็นหมู่ทหารม้าที่ปรี่เข้ามา ชายร่างยักษ์ก็ยิ้มกริ่ม

                    โล่ไม้ประจำตัวรูปสี่เหลี่ยม มันใหญ่จนปกคลุมมิดตลอดตัว ทั้งหนาและหนักเป็นอย่างมาก ทำจากไม้โอ๊คและคลุมด้วยหนังสัตว์อีกเจ็ดชั้น ด้วยความหนาเกือบสามนิ้ว ทำให้ไม่มีอาวุธใดจะเจาะผ่านไปได้ คว๊อทซ์เชื่อมั่นในโล่ของตนเป็นอย่างมาก เขาหวังจะใช้สิ่งนี้หยุดการรุกของเจ้าพวกสี่ขา จากนั้นค่อยสวนกลับด้วยขวานหินยักษ์ในมือขวา

                    ดไวเซนออกนำทหาร จ่อปลายทวนเข้าหาเป้าหมายที่เด่นชัด ขุนศึกทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใกล้กันด้วยความเร็วที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เจ้ายักษ์อ้วนปักหลักอยู่กับที่ ขณะอาวุธของสิงห์หนุ่มจ่อใกล้เข้ามา...

    ตาย!!!”

    เสียงตะคอกเสียงดังปานฟ้าผ่าของดไวเซน ทำเอาคว๊อทซ์ผวาไปหน่อยหนึ่ง ด้วยความเร็วเทียมกัน ปลายทวนเหล็กกล้าก็ทะลวงเข้าเป้าหมาย ผ่านโล่อันภาคภูมิใจของคว๊อทซ์ไปถึงหนึ่งช่วงแขน แทงเข้าเบ้าตาทะลุผ่านกะโหลกไปอย่างน่ากลัว ร่างสูงใหญ่กระตุกเฮือกสิ้นใจลงในทันที

    เจ้าคาคาโนหยุดฝีเท้าลงพอดี ก่อนที่ความเร็วจากการปะทะจะกระชากผู้เป็นนายให้ตกจากหลัง ดไวเซนพยายามดึงทวนกลับ ทว่าไม่สามารถทำได้จึงต้องทิ้งมันไว้อย่างขัดใจ

                    แม้จะปะทะกับศัตรูร่างยักษ์ แต่นั่นก็ไม่ทำให้กลุ่มทหารม้าสูญเสียความเร็วในการรุกรบแต่อย่างใด เพราะทหารที่อยู่ด้านหลังได้ปรับขบวนขึ้นมาข้างหน้า โดยปล่อยให้ดไวเซนลงไปรั้งอยู่ด้านหลัง ร่างไร้วิญญาณของคว๊อทซ์หงายหลังลงล้มทับพวกเดียวกันที่กำลังเสียขวัญ พวกที่เหลือจึงพากันทิ้งอาวุธเพื่อวิ่งหนีการบดขยี้ของทหารม้า

                    ถึงจะมีจำนวนที่น้อยกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่ด้วยการจู่โจมอันรวดเร็ว จนแม้แต่ยอดฝีมือฝ่ายการ์กอนยังดับดิ้นลงชั่วพริบตา แค่นั้นก็เพียงพอที่จะกระชากขวัญให้พวกที่เหลือต้องหนีตายกันอลหม่าน หลายคนวิ่งหนีโดยไม่รู้ถึงจำนวนที่แท้จริงของฝ่ายไล่ล่า เส้นทางคับแคบทำให้ไม่มีใครมองเห็นสภาพที่แน่ชัด บางคนลนลานจนถึงขั้นเหยียบย่ำกันเอง ซ้ำพวกที่เหลือยังไม่อาจอุดหนุนขึ้นมาได้ด้วยติดอยู่ภายนอก ขณะที่ทหารม้าต่างเร่งโจมแทงอย่างไม่ปราณี

                    ดไวเซนก้มตัวคว้าหอกจากมือของข้าศึกที่ล้มตายเพื่อใช้แก้ขัด สายตาคมกล้าเที่ยวสอดส่องหานางอันเป็นดวงใจด้วยความว้าวุ่น เพื่อจะเห็นให้ไกลขึ้น เขาถึงกับยืนบนหลังม้าที่กำลังควบอยู่ หวังจะแลเห็นตัวสตรีนางนั้น

     

                    ห่างไปไม่ไกลนัก หญิงสาวร่างบอบบางพยายามดิ้นรนให้พ้นจากการควบคุมของผู้ที่ลักพา นักรบการ์กอนกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจากทางหน้าต่างกระท่อมที่เธอพัก ไม่ทันรู้ตัวดีนักเธอก็ถูกจับตัวมาเสียแล้ว นักรบตัวใหญ่สูงราวเจ็ดฟุตเหน็บเธอไว้ใต้วงแขน ทำราวกับเธอเป็นสัมภาระที่ไร้น้ำหนัก มันหันหน้าแสนอัปลักษณ์ที่ดูคล้ายหมูป่ามามอง พลางแสยะยิ้มให้อย่างน่าสะอิดสะเอียน

                    เขาคือโบท๊อค นักรบที่มีฝีมือคนหนึ่งของการ์กอน ด้วยร่างกายกำยำและมีความทรหดเป็นอย่างมาก ทำให้เป็นที่ยำเกรงในหมู่พวกพ้อง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับมอบหมายหน้าที่ในการลอบโจมตีหลังแนวของข้าศึก โดยร่วมมือกับคว๊อทซ์ แผนก็คือให้คว๊อทซ์บุกทางด้านหน้า ส่วนโบท๊อคจะลอบผ่านหมู่อาคารไปตลบหลังข้าศึกแล้วบรรจบกัน

                    ทว่านักรบผู้นี้ก็ยังมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง ด้วยถือว่ามีกำลังมาก โบท๊อคมักพอใจฉุดคร่าหญิงสาวอยู่เนืองๆจนเป็นที่เดือดร้อนไปทั่ว ถึงจะมีเมียอยู่แล้วถึงยี่สิบคน แต่ดูว่าเขาจะไม่หยุดพฤติกรรมอันน่ารังเกียจนี้เลย เพราะเมื่อลอบเข้ามาจนถึงเรือนพักของลูนาร์ นักรบหน้าหมูป่าผู้นี้ก็คว้าเอาตัวหญิงสาวไปเป็นบำเหน็จในการรบ โดยไม่สนใจว่าตนยังไม่ได้ดำเนินตามแผนการให้ลุล่วง

                    ลูนาร์พยายามปลดเปลื้องตัวเองให้เป็นอิสระ ขนที่แข็งและหยาบไม่ต่างกับที่ขึ้นบนตัวหมูป่า สร้างความระคายเคืองให้ผิวอันบอบบางของหญิงสาวเป็นอย่างมาก โชคดีที่เธอได้ฉวยเอาไม้เท้าติดมือมาด้วย แต่ดูจะเปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะทุบหรือตีอย่างไรก็ไม่ทำให้เจ้าคนที่ลักพาตัวเธอสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย ความหวังที่จะรอดกลับไปแทบจะหมดลงแล้ว หากว่าเธอไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเข้า

                    แม่หญิงลูนาร์!!”

    น้ำเสียงทุ้มห้าวตะโกนหาด้วยความกระวนกระวายใจ ลูนาร์มองไปทางต้นเสียงนั้น ไกลเพียงชั่วตาแล เธอมองเห็นแถวของพวกคนเถื่อนกำลังระส่ำระสายเพราะทหารม้ากลุ่มหนึ่ง ดไวเซน...ลูนาร์รู้ได้ทันที และคงเป็นใครอื่นไปไม่ได้ อัศวินหนุ่มมองหาหญิงสาวด้วยความทดท้อใจ ความมืดในยามค่ำคืนเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อาจเห็นเธอได้อย่างที่หมาย

                    ลูนาร์ร้องตะโกนเพื่อให้ดไวเซนเหลียวมา ทว่าก็ถูกกลบหายไปกับเสียงที่อื้ออึง เจ้าครึ่งคนครึ่งหมูป่าหันมามองตาเขียว มันหวังจะข่มขู่ให้เธอต้องหุบปากลง หญิงสาวจึงเปลี่ยนเป็นเพ่งสมาธิไปที่ไม้เท้า บ่นท่องคาถา แล้วเปล่งเสียงร้องขึ้น

                    เดย์ไลท์!!”

    ฉับพลันส่วนปลายของไม้เท้าก็ส่องแสงสว่างจนมองเห็นไปไกลหลายช่วงตัว แม้แต่เจ้าตัวครึ่งหมูป่ายังตกใจจนทิ้งเธอทันที พวกที่อยู่รายรอบก็แตกฮือเว้นระยะออกไป ต่างจดๆจ้องๆดูว่าไม้เท้าที่ส่องแสงจะทำอะไรได้มากกว่านั้นหรือเปล่า

                    ลูนาร์ถูกทิ้งลงมากะทันหัน ทำให้ขาของเธอแพลงจนลุกไม่ขึ้น หญิงสาวพยายามชูไม้เท้าขึ้นข่มขู่ เพราะนั่นดูจะเป็นสิ่งเดียวที่เธอพึ่งพาได้ในยามนี้

                    หากว่ามันก็เป็นเช่นนั้นได้ไม่นานนัก แสงสีขาวเริ่มจางลง ขณะที่เธอเองก็อ่อนล้าตามไปด้วย พวกที่รุมล้อมเห็นดังนั้นจึงตรงเข้าหาหญิงสาวอีกหน เจ้าตัวที่มีหน้าเป็นหมูป่าแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างชั่วร้าย มันเอื้อมมือหมายคว้าเหยื่อของตนไว้ แต่ช้าเกินไป...

                    ฉึก!

    เสียงดังชวนสยอง เมื่อหอกที่ทำจากหินสกัดแทงทะลุปากโบท๊อคเข้าคาอยู่อย่างนั้น เพียงอึดใจเดียวผู้ที่พุ่งอาวุธก็ปรากฏตัวเบื้องหน้า อัศวินหนุ่มใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาสีฟ้า ผมสีบลอนด์ ควบอาชาสีดำปลอดเข้าปะทะด้วยความโกรธเกรี้ยว

                    ผู้ที่ถูกหอกปักคายังไม่สิ้นฤทธิ์ แขนอันทรงพลังเงื้อกระบองในมือขึ้นเพื่อฟาดฟัน กระบองยักษ์ในมือถูกหวดลงอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่เกิดผล... อาวุธแสนน่ากลัวไม่ต้องกายอัศวินแม้แต่น้อย เพราะมันหลุดกระเด็นจากร่างทั้งที่มือยังกำแน่น!?

    แขนทรงพลังถูกฟันตั้งแต่ข้อมือจนขาดสะบั้น เลือดเนืองนองออกมา ทำเอาเจ้าของมือข้างนั้นลงไปดิ้นทุรนทุราย

                    ความพิโรธที่ยังไม่คลายดี ทำให้ดไวเซนแทบจะฆ่าเจ้าคนที่บังอาจล่วงเกินนางในดวงใจ แต่กฎของอัศวินมิให้สังหารผู้ไร้อาวุธ และเขายังต้องใส่ใจกับความปลอดภัยของลูนาร์เป็นอันดับแรก

                    ทหารม้าที่ตามมารีบตีวงเป็นรูปพัดเพื่อสร้างแนวป้องกันชั่วคราว เพราะพ้นจากทางคับแคบในหมู่บ้านมาแล้ว ทำให้พวกเขาต้องระวังภัยจากทุกทิศทุกทาง ทั้งยังขาดการยิงสนับสนุนจากพลธนูบนหลังหลังคาที่เพิ่งจะถอนตัวไปตามที่ได้ตกลงกันไว้

                    แม่หญิงลูนาร์ เชิญขึ้นม้า... ท่าทีของอัศวินหนุ่มเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงทันที เขายื่นมือให้หญิงสาวรั้งตัวขึ้นมา แต่อีกฝ่ายไม่อาจทำได้ด้วยยังเจ็บขา ดไวเซนจึงรีบลงจากหลังม้าเพื่อจะอุ้มหญิงสาวให้นั่งลงบนที่อันควร

                    ขออภัยด้วย แม่หญิง... แม้จะอยู่ในภาวะคับขัน แต่ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ก็มิได้ลดความมีพิธีรีตองลงเลย แก้มของลูนาร์เจือสีขึ้นมาทันใดต่อท่าทางอันแสนสุภาพนั้น เมื่อเธอพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ชายหนุ่มจึงช้อนร่างบางนั้นไว้ด้วยแขนอันแข็งแรง

                    หญิงสาวถูกวางให้นั่งที่ด้านหน้าเพื่อคอยระวังมิให้พลัดตก ด้วยตำแหน่งนี้ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้ นั่นทำเอาลูนาร์ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะเธอต้องใกล้ชิดกับบุรุษกว่าที่เคย จนอยากจะหดกายให้ลีบเล็กลงกว่านี้หากทำได้

                    แม้ดไวเซนจะรู้สึกหวั่นไหวไม่แพ้กัน หากความเป็นความตายที่เผชิญ ช่วยฉุดรั้งมิให้ใจคิดจนเตลิด และเขาก็ได้กำหนดระยะห่างต่อสตรีผู้นี้ไว้แล้วอย่างเหมาะสม มิหวังครอบครอง เพียงป้องนางให้พ้นภัย เขาคิดเตือนตัวเองมิให้เผลอใจ

                    ถอนตัว!”

    อัศวินหนุ่มประกาศแล้วควบม้าขึ้นนำ เมื่อได้ยินคำสั่งทหารม้าที่เหลือจึงชักม้ากลับอย่างระมัดระวัง รีบเร่งติดตามนายออกจากพื้นที่ตรงนั้นโดยเร่งด่วน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×