ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brave & Honor

    ลำดับตอนที่ #54 : บทที่ 53 ธนาคารอัลคาร์ด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 157
      0
      24 ส.ค. 51

    ช่วงเวลาเช้ามืด ดวงจันทร์ยังคงส่องแสงมัวซัวบนฟากฟ้า ส่งให้พ่างพื้นเบื้องล่างพลอยเงียบเหงาไปด้วย ไม่เว้นกระทั่งเมืองใหญ่อย่างรีมัส อันเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรไลบราลิค ที่ตั้งของศาสนจักร ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ลืมตาตื่นในยามนี้

                    ณ อาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารอัลคาร์ดซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เสียงเคาะประตูด้วยความสุภาพได้ปลุกเด็กรับใช้ให้เปิดประตูเพื่อดูว่าผู้ใดที่มาในยามวิกาลเช่นนี้

                    สีหน้าของเด็กรับใช้ออกอาการแปลกใจ เมื่อเห็นสภาพของผู้ที่มาเคาะประตู ชายที่อยู่เบื้องหน้ามีรูปร่างบอบบาง ใบหน้าสะสวยคล้ายดังสตรี ทว่าสกปรกมอมแมม เสื้อผ้าที่สวมก็ซอมซ่อไม่ต่างจากขอทาน บุคคลเช่นนี้จะมีธุระอันใดกับธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิได้ นอกจากจะมาเพื่อขอทาน

                    ข้ามาไถ่ถอน สิ่งที่ฝากไว้ชายผู้มาเยือนเอ่ย

                    เด็กรับใช้ขมวดคิ้ว ชั่งใจต่อคำกล่าวนั้น และคิดว่าจะไม่ด่วนตัดสินชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เพราะนี่ไม่นับเป็นเรื่องประหลาดสำหรับธนาคารอัลคาร์ด มีผู้ฝากทรัพย์สินกับธนาคารหลายรายที่เป็นอัศวินพเนจรและนักเดินทาง ซึ่งภาพลักษณ์ตอนที่มาฝากกับเมื่อถอนแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน แม้การมาเรียกแต่เช้ามืดจะเป็นการเสียมารยาทอยู่บ้าง แต่ก็มีลูกค้าบางรายที่มาในเวลาเช่นนี้หรือแม้กระทั่งมาเอากลางดึก ตามแต่ความเร่งด่วน ฉะนั้นเขาจึงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                    ช่วยแจ้งนามของท่าน และแสดงหมายที่ธนาคารออกให้ด้วย

                    ไปแจ้งนายของเจ้า ว่าข้าชื่อรอส มาจากเลโอเดน ฝากทรัพย์สินไว้ในบัญชีลับ อีกฝ่ายตอบชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงและกิริยาท่าทางไว้ซึ่งอำนาจ

                    เด็กรับใช้เลิกคิ้วหน่อยหนึ่งด้วยความแปลกใจ นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นก็คงจะเป็นลูกค้าที่พิเศษจริงๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เขาจึงขอให้ชายผู้นั้นยืนรอที่ด้านนอก ระหว่างที่ตนเดินไปแจ้งแก่ผู้เป็นนาย

    เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ เด็กรับใช้คนเดิมก็กลับมา เขากล่าวเชื้อเชิญชายที่ชื่อรอสพร้อมกับเดินนำไปยังด้านใน

     

                    ทั้งสองเดินผ่านห้องโถงด้านหน้าที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา แม้จะมองผ่านความมืดทึมก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความโอ่อ่า จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ผ่านประตูอีกหลายชั้น และทางเดินยาวที่วกไปวนมา ทั้งน่ากลัวและลึกลับซับซ้อน กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูไม้บานใหญ่สีดำทะมึน

     

                    บนบานประตูที่ระดับสายตา มีรูปหน้าปิศาจขนาดใหญ่กว่าใบหน้าคนเล็กน้อยสลักไว้ สีหน้าของมันเกรี้ยวกราดแลน่ากลัว

                    เด็กรับใช้แนะนำให้รอสยืนรอที่หน้าประตูตรงพื้นที่วงกลมสีขาวทำจากหินอ่อนดูโดดเด่นจากส่วนอื่น ก่อนจะขอตัวเดินจากไป ทิ้งให้แขกอยู่เพียงลำพัง

                    เมื่อรอสยืนตรงนั้น พริบตาหนึ่งก็รู้สึกว่ามีดวงตาของคนมองผ่านมาทางช่องของดวงตาปิศาจ แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น  เพราะบัดนี้มันได้กลับเป็นพื้นผิวดำสนิทของเนื้อไม้เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆของบานประตู

                    ขณะที่รอสเพ่งมองใบหน้าของปิศาจ พลันมีเสียงดังก้องมาจากเพดานด้านบน

                    คุณรอส นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณได้มายืนอยู่หน้าปิศาจตนนี้ใช่ไหม? เสียงที่ดังมานั้นแหบพร่า ฟังดูน่ากลัวราวกับเป็นเสียงของปิศาจจริงๆ

                    รอสยังคงยืนนิ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกไป

                    คุณรอส คุณทราบนามของมันหรือไม่? เสียงลึกลับถามต่อไป

                    ชื่อของมัน... คือนอสเฟอราตู รอสตอบ

                    ดี... เสียงลึกลับกล่าวด้วยความพอใจ ก่อนจะถามต่อไปอีก แล้วสิ่งที่คุณฝากไว้กับปิศาจคืออะไร?

                    อดีต ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นความเงียบได้ปกคลุมอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมีเสียงปลดกุญแจดังขึ้นทั้งหมดสิบห้าครั้ง แล้วประตูสีดำก็ค่อยๆแง้มออก

                    กรุณาเข้ามาเพื่อพิสูจน์คำกล่าวอ้างของคุณ เสียงอันน่ากลัวกล่าวเชื้อเชิญ

     

                    เบื้องหลังบานประตูสีดำคือห้องที่กว้างขวางพอประมาณ ล้อมรอบด้วยผนังหินทั้งสี่ด้าน ไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว ในห้องค่อนข้างมืดทึม มีเพียงแสงจากเชิงเทินสี่อันที่วางอยู่ตามมุมห้องเท่านั้นที่ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ บนพื้นปูด้วยพรมสีกุหลาบชั้นดีจากไรบัน มีเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ม่านจากหลังคาของเตียงคลี่ลงมาบังตา ทำให้เห็นผู้ที่อยู่ภายในได้เพียงรางๆเท่านั้น

                    สวัสดีคุณรอส หวังว่าคุณคงไม่ถือสากับอารมณ์ขันเล็กๆน้อยๆนะเสียงทักทายดังมาจากบนเตียง ไม่ช้าม่านที่บังอยู่ก็ถูกรวบไว้ตรงมุม เผยให้เห็นชายและหญิงหลายคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่านอนระเกะระกะบนเตียง ต่างค่อยๆลุกจากไป เหลือเพียงชายคนหนึ่ง

                    ชายที่อยู่บนเตียงจัดได้ว่าหน้าตาดีทีเดียว นัยน์ตาของเขาเป็นสีแดงส่องประกายในความมืด ผมสีดำขลับยาวสยายปรกไหล่ ผิวสีขาวซีดราวกับไม่มีเลือดไหลรินภายใน ร่ายกายที่เปลือยเปล่าถูกปิดคลุมด้วยผ้าห่มสีกุหลาบทำจากไหมเนื้อดี

                    ต้องขออภัยด้วย ชื่อธรรมดาสามัญเช่นนี้ทำให้เสียเวลานึกอยู่นาน โชคดีที่ผู้ที่ฝากสิ่งของไว้ในบัญชีลับมีไม่มากนัก... ชายหนุ่มผมดำกล่าว พร้อมกับลุกขึ้นนั่งชันเข่า เอาล่ะ เขยิบเข้ามาใกล้ๆสิ ให้ผมได้พิสูจน์ตัวตนของคุณ ชายหนุ่มผมดำกวักมือเบาๆเรียกอีกฝ่าย ซึ่งรอสก็เดินตรงไปตามคำเชื้อเชิญ

                    ยื่นมือมาสิ คุณน่าจะรู้ขั้นตอนอยู่แล้วนี่นา ชายผู้นั้นกล่าวต่อไป เมื่อรอสยื่นมือไปให้ตามที่เรียกร้อง ชายที่นั่งอยู่บนเตียงก็นำผ้าเล็กๆสีขาว ชุบด้วยของเหลวบางอย่างเช็ดที่นิ้วของรอส มันทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย เพราะของเหลวดังกล่าวทั้งเย็นและระเหยได้เร็วกว่าน้ำ จากนั้นชายผมดำก็บรรจงกัดลงที่ปลายนิ้วของรอส เขี้ยวอันแหลมคมชำแรกผ่านเนื้อหนังจนเลือดแดงฉานไหลรินให้ปลายลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติ รอสรู้สึกราวกับเลือดในกายเดือดพล่าน สูญสิ้นเรี่ยวแรงทั้งที่เสียเลือดไปเพียงไม่กี่หยด

                    เพียงชั่วครู่ชายหนุ่มผมดำก็ถอนเขี้ยวออกจากนิ้วเรียว และเช็ดมันด้วยของเหลวเช่นเดียวกับตอนแรก นี่คือวิธีการพิสูจน์ตัวตนของผู้ฝากทรัพย์สินไว้ในบัญชีลับของธนาคารอัลคาร์ด ซึ่งทั้งทางธนาคารและผู้ฝากจะไม่มีสิ่งใดระบุตัวตนถึงกันได้เลย นอกจากเลือดของเจ้าของบัญชีที่มีเพียงเจ้าของธนาคารผู้ลึกลับเท่านั้นที่สามารถจะจดจำและแยกแยะได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

                    ผมยืนยันแล้ว คุณคือคุณรอสอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดูท่าว่าพักนี้สุขภาพของคุณจะไม่ดีเอาเสียเลยนะ ชายหนุ่มผมดำเอ่ย ขณะที่รอสปรือตา พยายามแข็งขืนต่อความอ่อนเพลีย กระทั่งฟุบลงบนที่นอนและหลับไปในที่สุด

                    เอาเถอะ คุณพักที่นี่สักครู่ก็ได้ ชายผมดำกล่าวพร้อมป้องปากหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสั่นกระดิ่งเรียกเด็กรับใช้

     

                    รอสตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องเดิมบนเตียงสี่เสา รู้สึกแปลกใจที่เสื้อผ้าของตนถูกเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวสะอาดสะอ้าน เนื้อตัวก็ได้รับการเช็ดทำความสะอาด มีกลิ่นหอมจางๆของกุหลาบประพรมทั่วตัว

                    ตื่นแล้วหรือคุณรอส ผมถือวิสาสะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ หวังว่าคุณคงไม่ถือสา ผมไม่ค่อยชอบชุดซอมซ่อที่คุณใส่ มันช่างไม่เข้ากับห้องนี้เอาเสียเลย ชายผมดำเอ่ย เขานอนเท้าคางมองมา ห่างจากรอสไม่กี่ฟุต

                    ถ้าจะกรุณา ข้าขอชุดที่ธรรมดากว่านี้สักหน่อยจะดีกว่า รอสตอบพร้อมกับลุกขึ้นด้วยความระมัดระวัง อันที่จริงเขาอยากจะพูดว่าขอชุดที่กรุยกรายน้อยกว่านี้ เพียงแต่ยังนึกเกรงใจอยู่

                    เอาไว้ก่อนเถอะ อีกฝ่ายส่งเสียงค้อน ขอผมพาคุณไปตรวจสอบสิ่งที่คุณฝากไว้เสียก่อน กล่าวจบ ชายผมดำก็เอื้อมมือไปดึงคันโยกอันหนึ่ง ไม่ช้าก็มีเสียงเคลื่อนไหวของชุดฟันเฟืองดังขึ้น พร้อมๆกันนั้น เตียงสี่เสาที่ทั้งคู่นอนอยู่ก็ค่อยๆเลื่อนต่ำลงไปยังเบื้องล่าง

     

                    เตียงสี่เสาเลื่อนต่ำลงมาจนถึงห้องอีกแห่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมืดทึม พื้นปูด้วยหินแข็ง ที่ผนังด้านหนึ่งมีตู้เหล็กเรียงจนเต็ม

                    สิ่งของที่คุณฝากไว้ อยู่ในตู้หมายเลขที่ 16 ชายผมดำเอ่ยพร้อมยื่นกุญแจให้ รอสรับมันไว้แล้วเปิดตู้เพื่อตรวจสอบสิ่งของอย่างคร่าวๆ เพราะรู้ดีถึงกิตติศัพท์การดำเนินการอย่างซื่อสัตย์ของธนาคารอัลคาร์ด และหากว่าจะตรวจให้ละเอียดก็คงใช้เวลานานโข

                    เขาหยิบถุงบรรจุเหรียญทองใส่ในกระเป๋าไว้สองถุง พร้อมกับถุงที่บรรจุตราประจำตัว และทำท่าว่าจะปิดตู้คืนดังเดิม แต่เมื่อคิดอะไรได้บางอย่าง เขาจึงยกหีบขนาดย่อมที่บรรจุเหรียญทองออกมาก่อนจะปิดตู้ให้เรียบร้อย

                    รอสวางหีบลงบนเตียงสี่เสา  ตบมันเบาๆก่อนจะเอ่ย ช่วยส่งหีบใบนี้ไปให้ผู้ดูแลฟอร์ทอังเคิลที ข้าจะเขียนจดหมายแนบไปด้วย

     

                    ไดอา เจ้าพูดกับพ่อสักหน่อยสิ แดนกล่าวกับบุตรสาว ซึ่งตอนนี้สองพ่อลูกได้นั่งอยู่ในร้านแห่งหนึ่งในเมืองรีมัส เพื่อจะรอพบปะดูตัวกับฝ่ายชายซึ่งได้นัดหมายไว้ก่อนหน้า เพื่อการณ์นี้ บิดาผู้หวังดีได้เจียดเงินจำนวนหนึ่งจากการขายของป่าไปใช้ซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้บุตรสาว เพื่อจะได้ประทับใจฝ่ายชายตั้งแต่แรกเห็น ไดอาในวันนี้จึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ มิได้กระโดกกระเดกเหมือนเด็กผู้ชายเช่นเดียวกับตอนอยู่ที่บ้าน ติดอยู่เพียงใบหน้าที่บูดบึ้งแสดงความไม่พอใจเท่านั้น

                    แม้บิดาจะพยายามหว่านล้อมเท่าไหร่ เด็กสาวก็ไม่คลายความขุ่นข้องลงเลย ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอเคืองโกรธก็ด้วยเหตุที่บิดาไล่ฟิลลิปไปในยามวิกาลโดยไม่ทันให้เธอได้ล่ำลา อันที่จริงเธอไม่ถึงกับโกรธบิดา เพียงแต่เป็นความคับข้องใจแบบเดียวกับเด็กที่ถูกแย่งของเล่นชิ้นโปรดไปเสียมากกว่า

                    แดนนั่งถอนหายใจด้วยความระอา หมดหนทางจะทำให้บุตรสาวยิ้มแย้มร่าเริงดังเดิม ได้แต่หวังว่าเธอจะคลายความขุ่นเคืองลงไปตามกาลเวลา เขาจึงนั่งจิบเหล้าอยู่เงียบๆรอให้ฝ่ายชายมาถึงตามที่นัดหมาย การได้พบปะคนอื่นบ้างคงทำให้เด็กสาวคลายความสนใจจากของเล่นชิ้นเก่าได้เอง

                    ขออภัย ไม่ทราบที่นั่งตรงนี้ว่างหรือเปล่า? เสียงชายคนหนึ่งถามด้วยความสุภาพ มือเรียวบางจับที่พนักเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับแดน แต่เมื่อชายวัยกลางคนเงยหน้ามองผู้ถาม เขาก็ตอบกลับอย่างไม่ไว้ไมตรี

                    ไม่ว่าง เรากำลังรอคนอยู่

                    เกรงว่าคนที่ท่านรอ กับคนที่บุตรสาวท่านรอ จะเป็นคนละคนกัน ชายหนุ่มไม่ยอมลดละ เขาหันไปส่งยิ้มให้กับเด็กสาว ทว่าเธอกลับลุกขึ้นและวิ่งหนีไปโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง

                    หึ!” แดนหัวเราะในลำคอด้วยอาการเย้ยหยัน เห็นจะไม่ใช่แล้วกระมัง

                    ก็ยังไม่แน่ อีกฝ่ายตอบกลับ ก่อนจะรีบวิ่งตามเด็กสาวออกไป

                    แดนทำท่าจะวิ่งตามไปอีกคน แต่แล้วก็นั่งลงอย่างเดิม ค่อยๆจิบเหล้าให้หมดเหยือก บางครั้งการเดินช้าๆก็เห็นจะดีกว่าการวิ่ง

                    เจ้าหนุ่มหัวดื้อ เขาบ่นออกมาเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไป

     

                    เด็กน้อยวิ่งฝ่าฝูงชนไปในเมืองที่เธอไม่คุ้นชินโดยไม่สนใจว่ากำลังจะไปที่ใดกันแน่ เธอกำลังต่อสู้กับความขัดแย้งภายในจิตใจ ใจหนึ่งอยากพบเจอชายผู้นี้ทุกเวลา แต่อีกใจกลับยังคงเคืองโกรธที่เขาจากไปโดยไม่ล่ำลา เธอวิ่งอย่างไร้จุดหมายจนมาหยุดยังริมฝั่งแม่น้ำด้วยความเหนื่อยอ่อน ทั้งๆที่เคยวิ่งได้ไกลและรวดเร็วกว่านี้ ทว่าบัดนี้กลับเหมือนเรี่ยวแรงได้หดลดหายไปส่วนหนึ่ง ไม่ช้าฟิลลิปก็ตามมาทัน

                    ท่านจะตามมาทำไม กลับไปนะ!” เด็กสาวออกปากไล่ ทว่าอีกฝ่ายกลับยังเดินเข้ามาใกล้

                    ข้านึกว่าเจ้ากำลังรอคอยข้าเสียอีก ชายหนุ่มพูดแทงไปยังใจดำ

                    ข้า... ข้ากำลังรอคนที่พ่อข้านัดไว้ต่างหาก เด็กสาวยังคงบ่ายเบี่ยง พยายามหลบตาอีกฝ่าย

                    คนฟอกหนังน่ะหรือ? ไม่ เจ้าควรได้สิ่งที่ดีกว่านั้น ฟิลลิปตอบกลับ ขณะเดินใกล้เข้ามาจนคว้าข้อมือเด็กสาวไม่ให้หนีไปอีก

                    พ่อข้าบอกว่าเขาเป็นคนดี ดูแลข้าได้ แล้วท่านล่ะมีอะไร? จะให้ข้าอยู่กับคนที่จากไปโดยไม่บอกลาได้อย่างไร? ไดอาสะบัดข้อมือแล้วทุบไปที่อกฟิลลิปหลายครั้งด้วยความน้อยใจและสับสน กระทั่งวงแขนของชายหนุ่มที่ตระกองกอดไว้ทำให้เธออ่อนแรง

                    ข้าขอโทษ ข้ามีธุระเร่งด่วนที่ต้องรีบกระทำ เขาปลอบประโลมพร้อมกับดึงมือของเด็กสาวขึ้นมา แล้ววางแหวนทองคำหัวแหวนเป็นรูปสิงโตไว้บนมือน้อยๆ ตำแหน่งรัชทายาทแห่งเลโอเดน เพียงพอจะสู่ขอเจ้าหรือเปล่า? เขากระซิบที่ข้างหู เด็กสาวไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้และต่อว่าซ้ำ ๆ

                    ทำไมไม่จากไปตอนเช้า ทำไมไม่บอกลาข้าก่อน

                    ชายหนุ่มเพียงลูบศีรษะของเด็กสาวเพื่อปลอบโยน และกล่าวขอโทษจนฝ่ายหญิงสงบลง เขาเชยคางเธอเพื่อเพ่งพินิจดวงหน้างดงามซึ่งถูกบั่นทองด้วยคราบน้ำตา จึงเลื่อนนิ้วปาดคราบรอยโศกเศร้าให้สิ้นไป

                    ให้อภัยข้านะ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปอีกแล้ว เขากระซิบกระซาบ พร้อมกับเลื่อนริมฝีปากเข้าใกล้โดยที่เด็กสาวมิได้ขัดขืน

                    อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมกระไอขัดจังหวะดังมาจากชายวัยกลางคนไว้หนวดเครารุงรังที่กำลังเดินตรงมา

                    ถ้าคิดจะจริงจังถึงขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่ควรทำตัวให้มันลึกลับมากนัก เอาล่ะ ช่วยเล่าที่มาที่ไปของเจ้าให้ข้าฟังสักหน่อยสิ แดนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง นัยน์ตาเขม้นมองมายังชายหนุ่มซึ่งคงมีท่าทีสองจิตสองใจ แต่เมื่อกำลังจะขยับปากพูด กลับถูกขัดจังหวะอีกครั้ง

                    กลุ่มคนสวมเสื้อคลุมสีดำดึงฮูดปิดใบหน้าดูลึกลับจำนวนหนึ่งเข้าล้อมคนทั้งสามไว้ ต่างมีท่วงทีเข้มแข็งราวกับอัศวิน หรืออย่างน้อยก็เป็นคนที่มีฝีมือในการรบ

                    คนที่ดูองอาจที่สุดในกลุ่มเดินตรงมา เลื่อนเสื้อคลุมหน่อยหนึ่งเผยให้เห็นดาบเล่มงามที่คาดไว้ข้างเอว กระบังและตุ้มถ่วงทำจากทองเหลืองแกะดุนลายสะท้อนแสง เขามองนิ่งตรงมาทางฟิลลิปแล้วกล่าว

                    โปรดตามพวกเรามา

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×