คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 22 อีกฟากของเขามังกร
ศักราชที่ 412* เดือนตุลาคม วันที่ 19
ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองลงไปยังหมู่บ้านที่อยู่เบื้องล่างด้วยอาการครุ่นคิด เมื่อเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เริ่มเห็นแสงสีทองทาทาบ เวลาเช้ากำลังคืบคลานอย่างช้าๆทำให้ต้องผ่อนลมหายใจหนักๆออกมาทีหนึ่ง เขาจะมัวเสียเวลาไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ทัพของโจเอลและดารูเกนซ์ที่มีเกือบร้อยชีวิตต่างก็เพิ่งผ่านการเดินทางภายในถ้ำจนมาทะลุยังอีกฟากหนึ่งของภูเขามังกร เป้าหมายก็เพื่อยึดหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าไว้เป็นที่มั่น แต่จนถึงบัดนี้ชายซึ่งรับบทบาทผู้นำก็ยังคงลังเลในบางสิ่ง
จากการสอบถามสองพี่น้องชาวการ์กอนทำให้ทราบว่าหมู่บ้านแห่งนั้นมีนามว่าเซกิ มันตั้งอยู่บนเชิงเขามังกร บริเวณโดยรอบไม่มีรั้วรอบขอบชิดอันใดซึ่งคงเป็นเรื่องปกติของชนชาวการ์กอน กระนั้นมันก็ยังตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบด้วยเป็นเนินสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ หรือหากคับขันก็ยังหลบหนีขึ้นมายังถ้ำที่พวกโจเอลอยู่ได้โดยง่าย
หมู่บ้านเซกินั้นค่อนข้างเล็ก คือมีบ้านเรือนอยู่ราวสี่สิบถึงห้าสิบหลังคา ซึ่งคงถูกจำกัดไว้ด้วยที่ตั้งทำให้ไม่อาจขยับขยายไปมากกว่านี้ แต่นั่นก็เป็นการดีต่อฝ่ายโจเอลหากยึดไว้ได้ เพราะด้วยทหารที่มีในตอนนี้คงไม่อาจตั้งรับได้ดีในพื้นที่ที่กว้างขวาง
“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ โจเอล” จอร์ชเอ่ยถามด้วยเห็นสหายของตนยืนนิ่งอยู่นานแล้ว โจเอลหันไปมองผู้พูด ถอนหายใจขึ้นอีกคราก่อนจะกล่าว
“จอร์ช ข้าอยากให้ท่านคุมกำลังทหารเตรียมพร้อมไว้ที่นี่...”
“แล้วท่านล่ะ?” จอร์ชแทรกขึ้น รู้สึกแปลกๆกับคำพูดนั้น
“ข้าคิดว่าจะลองเจรจากับคนพวกนั้นดู” โจเอลตอบ
“เจรจา? นี่ท่านยังคิดว่าจะสามารถพูดคุยกับคนพวกนั้นได้อีกหรือ?” จอร์ชแย้ง โจเอลนิ่งไป เขาเข้าใจความคิดของจอร์ชดี กระนั้นก็ยังคงตอบออกไป
“จอร์ช ครั้งนี้ท่านโปรดเชื่อใจข้า อะไรบางอย่างทำให้ข้ารู้สึกว่าครานี้จะสามารถเจรจาได้เป็นผลสำเร็จ”
‘อะไรบางอย่าง’ ที่โจเอลว่านั้น ส่วนหนึ่งหมายถึงเนื้อความในจดหมายของโอแลนโด เขาคิดว่าบางทีการเข้าหาอย่างเป็นมิตรคงทำให้อัศวินผู้นั้นได้รับการต้อนรับที่ดี และการเข้าไปพร้อมกองทหารก็เห็นจะขัดกับภาพลักษณ์ความเป็นมิตรอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงควรไปตามลำพัง ส่วนข้ออื่นที่ทำให้เขาเชื่อว่าจะเจรจาต่อกันได้นั้นยังไม่อาจแน่ใจเท่าไหร่ บางทีอาจเป็นด้วยความมองโลกในแง่ดีของตนก็เป็นได้
“ท่านอย่ากังวลไปเลย เอาเป็นว่าข้าลงไปพร้อมด้วยโก๊กและมาโก๊กในฐานะล่ามและผู้นำทาง สองคนนั้นคงพอช่วยอะไรได้บ้าง” โจเอลสำทับ จอร์ชมองหน้าสหายแล้วยิ้มน้อยๆขึ้น
“เช่นนั้นข้าจะรอที่นี่ หากว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลข้าจะรีบลงไปช่วยทันที” อันที่จริงก่อนหน้านี้จอร์ชเองก็ไม่ได้ไว้วางใจยักษ์ทั้งสองนัก แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ในถ้ำทำให้รู้น้ำใจมากขึ้น อีกอย่างก็คงจะดีกว่าให้โจเอลลงไปตามลำพัง
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้มให้กับคำตอบรับของจอร์ช เขาตบที่บ่าของสหายเบาๆก่อนจะควบม้าลงไปยังหมู่บ้านพร้อมด้วยยักษ์ฝาแฝดชาวการ์กอน
“ข้าคือโจเอล เอนฮาร์ท มาจากฟอร์ทอังเคิล ข้ามีเรื่องอยากจะเจรจาด้วย ไม่ทราบว่าใครคือผู้นำที่นี่?*” ชายผู้มีนัยน์ตาสีน้ำตาลประกาศ ขณะที่ผู้คนในหมู่บ้านต่างออกมามุงดูพลางกระซิบกระซาบ จนโจเอลชักไม่แน่ใจว่าเขาใช้ภาษาต่างถิ่นได้ดีพอหรือเปล่า แต่เมื่อชำเลืองไปยังยักษ์ทั้งสองที่ตามมาด้วยต่างก็ไม่ได้ท้วงติงอันใด เขาจึงอนุมานเอาว่าการสื่อสารนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด
บรรดาชาวบ้านในหมู่บ้านเซกิต่างมองผู้มาเยือนด้วยความพิศวง สำหรับยักษ์ฝาแฝดนั้นพวกเขามักคุ้นอยู่ แต่กับชายที่นั่งอยู่บนหลังของสัตว์สี่ขาตัวโตนี่สิ ดูๆไปแล้วไม่น่าจะใช่ชาวการ์กอน ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณหรือว่าหน้าตาก็ตามที ไหนจะชุดที่สวมใส่ซึ่งเป็นเปลือกแข็งคล้ายกับแมลงทั้งยังสะท้อนแสงแวววาวนั่นอีก พวกเขาจึงพากันไม่แน่ใจว่าคนผู้นี้จะเป็นเทพเจ้าหรือไร...
“ข้าคือชินดา หัวหน้าหมู่บ้านเซกิ*” น้ำเสียงทุ้มดังมาจากเบื้องหน้าโจเอล ไม่ช้าชายชราอายุราวๆหกสิบ ผิวสีเขียวรูปร่างค่อนข้างเตี้ยและท้วมก็เดินแทรกฝูงชนมายืนอยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยินยอมออกมาเจรจาด้วย โจเอลจึงลงจากหลังม้าเพื่อเป็นการให้เกียรติ ทันทีที่เท้าสัมผัสถึงพื้นดิน ชินดาก็กระซิบกระซาบถามชายหนุ่มทันที
“...เอ่อ... ท่านคือเทฮาติใช่หรือเปล่า?*”
โจเอลรู้สึกงุนงงสงสัยต่อคำถามและท่าทีแปลกๆของหัวหน้าหมู่บ้านเซกิจึงลอบถามกับฝาแฝดชาวการ์กอนดู ทำให้รู้ว่าเทฮาติก็คือเทพคอยเฝ้ามองหมู่บ้านเซกิเพื่อคุ้มครองป้องภัย ซึ่งตำนานได้กล่าวไว้ว่าจะแบ่งภาคมาอยู่ที่นี่ในวันหนึ่ง
“เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราเห็นสัตว์ยักษ์สองตัวต่อสู้กันบนท้องฟ้า เราจึงรู้ว่าท่านจะมาหาพวกเราเร็วๆนี้...*” ชายชราสำทับขึ้นอีก เขาคงเข้าใจไปว่าการเงียบของโจเอลคือการยอมรับ ชายหนุ่มลองลำดับเหตุการณ์กับสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งเรื่องที่หัวหน้าหมู่บ้านว่ามาคงจะเป็นการไล่ล่ากันของอาราริคและโวลเกีย
“ไม่ ข้าไม่ใช่เทฮาติอะไรที่ท่านว่านั่น ข้าเพียงแค่ผ่านทางมาและมีเรื่องอยากจะขอร้องพวกท่านเท่านั้น*” โจเอลตอบ แม้จะรู้ว่าการรับสมอ้างนั้นจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยง่าย แต่เขาก็รู้สึกผิดที่จะหลอกลวงผู้อื่น อีกประการหนึ่งนั้น โจเอลเองก็ไม่แน่ใจว่าหากรับคำดังกล่าว ทั้งโก๊กและมาโก๊กที่รู้เรื่องราวมาโดยตลอดจะมองเขาเช่นไร
แต่เหตุการณ์ก็ยิ่งผิดไปจากที่คาดหมาย ทันทีที่ชายหนุ่มตอบออกไป ทั้งชินดาและชาวบ้านคนอื่นๆต่างก็พากันส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและหมอบกรานต่อหน้าโจเอล
“โอ... เป็นท่านจริงๆ ท่านเทฮาติ เป็นไปตามตำนานอย่างไม่ผิดเพี้ยน*” ชินดาละล่ำละลัก
“ตำนาน?*” โจเอลทำหน้าสงสัย
“ใช่ ตำนานกล่าวว่าท่านจะกลับมายังหมู่บ้านนี้ในร่างของชายหนุ่มที่มีผมและตาสีน้ำตาล จะสวมชุดที่เป็นเปลือกแข็งสะท้อนแสงวาววาม และนั่งบนสัตว์สี่ขาซึ่งไม่มีในชนหมู่เรา ก่อนการมาถึงจะมีอสูรกายสองตัวห้ำหั่นกันบนท้องฟ้า เมื่อมาถึงให้เราถามไปว่าท่านคือเทฮาติใช่หรือไม่ ท่านจะตอบว่าเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาเพื่อลองใจเรา โอ... อวสานของโลกมาถึงแล้ว...*” ชินดากล่าว ดูเขาจะยำเกรงในตัวโจเอลจริงๆ สักพักชายชราก็เข้ามาอ้อนวอน
“โปรดบอกพวกเราเถิดว่าท่านต้องการสิ่งใด แต่ข้าขอร้องท่านอย่าได้ทำลายโลกเลย*”
โจเอลกอดอก มองชายชราร่างเตี้ยด้วยความรู้สึกระคน จะว่านึกขันก็มีส่วน ในที่สุดเขาก็ยิ้มแล้วกล่าวออกมา
“ท่านจะเชื่ออย่างไรก็ตามที แต่ข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ ส่วนสิ่งที่ข้าต้องการจะเจรจากับท่านนั้น คือข้าต้องการจะขอยืมหมู่บ้านของท่านสักหน่อย...*”
อันที่จริงแล้วความหมายของคำว่าขอยืมของโจเอลก็คือการยึดนั่นเอง เพียงแต่ชายหนุ่มพยายามเลือกถ้อยคำให้ดูนุ่มนวลลง เพราะจะกล่าวไปแล้วเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะยึดครองที่นี่ไว้โดยถาวร ซึ่งหากสามารถกลับไปยังฟอร์ทอังเคิลได้เมื่อใดเขาก็จะรีบคืนหมู่บ้านนี้โดยทันที ฉะนั้นจึงอาจจะพออนุโลมได้ว่านี่เป็นการขอยืม
“หากท่านต้องการพักที่นี่พวกเราก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง*” ชินดาตอบรับทันทีราวกับว่าไม่ต้องคิดอะไรมาก เขาคงเข้าใจไปว่าชายผู้นี้จะมาขออาศัยเท่านั้น
“...คือว่าอย่างนี้... อืม... ข้าจะอธิบายต่อท่านอย่างไรดีนะ...*” โจเอลเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน ถึงตรงนี้โก๊กที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้น
“พวกเราปะทะกับวาคียามา และต้องการใช้หมู่บ้านนี้เป็นที่มั่น*” แล้วยักษ์น้ำเงินก็ชี้ขึ้นไปยังถ้ำที่กองทหารของโจเอลซ่อนอยู่ “บนนั้นมีพวกเราอีกร้อยคนที่พร้อมจะใช้กำลังบุกยึดที่นี่ได้ในทันที แต่ท่านโจเอลไม่อยากให้มีการเข่นฆ่ากันจึงยอมมาเจรจาด้วย*”
ทันทีที่กล่าวจบชาวบ้านก็พากันส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความตื่นตระหนก แม้แต่ชินดาก็เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชายชราตะโกนขึ้น
“อ๊ะ! พวกเจ้านี่เอง คนต่างเผ่าที่ท่านวาคียาวพูดถึง อุ๊บ...!” กล่าวไม่ทันจบประโยคดี ร่างเล็กก็ถูกยกขึ้นเหนือพื้นด้วยแขนอันทรงพลังของโก๊ก
“ท่านชินดา ตอนนี้หมู่บ้านของท่านไม่มีนักรบเหลือแล้ว อย่าคิดทำอะไรที่ไม่ฉลาดจะดีกว่า...*” ยักษ์น้ำเงินข่มขู่
“ปล่อยเขา ข้าต้องการเจรจากันฉันท์มิตร*” โจเอลปราม โก๊กจึงวางชายชราลง แต่ก็ยังระแวดระวังมิให้มีการต่อต้าน
“เอาล่ะ ท่านชินดา ข้ารู้ว่าข้อเสนอของข้าคงทำให้ท่านทำใจรับได้ยาก แต่เราเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายชาวบ้าน และพวกท่านสามารถขนเสบียงไปได้เท่าที่ต้องการ เมื่อพวกเราสามารถกลับบ้านได้เมื่อไหร่ ข้าจะคืนหมู่บ้านนี้ให้พวกท่านทันที*” โจเอลยื่นข้อเสนอ ทว่าชินดายังคงนิ่งอยู่ ชายหนุ่มเดาเอาว่าหัวหน้าหมู่บ้านคงเคลือบแคลงเรื่องกองทัพที่ซุ่มอยู่ เขาจึงหยิบเอาเหรียญเงินขึ้นมาเหรียญหนึ่งแล้วชูมันขึ้นให้สะท้อนแสง ราวกับนัดกันไว้เป็นอย่างดี ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าปักกลางเหรียญอันนั้นอย่างแม่นยำ สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับชินดาและชาวบ้านโดยทั่วกัน แต่กับโจเอลแล้วเขามิได้กังขาในฝีมือของจอร์ชเลย เมื่อเจอกับการข่มขวัญเช่นนี้ หัวหน้าหมู่บ้านก็ชักจะเสียงอ่อน ในที่สุดชินดาก็พูดขึ้น
“...ก็ได้ แต่ข้าจะไม่ยกหมู่บ้านให้ใครง่ายๆ ข้าจะให้ท่านเช่า*” ชายชราต่อรอง
“เช่า?*” ชายหนุ่มทวน
“ใช่ ในเมื่อท่านบอกว่าจะคืนหมู่บ้านให้เมื่อพร้อม เช่นนั้นก็น่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการเช่ามากกว่าการยึด หรือว่าถิ่นที่ท่านจากมาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการเช่า?*” ชายชราอธิบาย
“อ๋อ มีสิมี แล้วท่านอยากได้สิ่งใดเป็นค่าเช่า?*” ชายหนุ่มถามกลับ ชินดาเงียบไปพักหนึ่งท่าทางครุ่นคิด
“ข้าต้องการสัตว์สี่ขาที่ท่านขี่มาจะได้หรือไม่?*” ชินดาบอก โจเอลพยักหน้ารับ จูงพาหนะของเขามาข้างหน้าแล้วยื่นบังเหียนให้
“ท่านสามารถควบคุมมันได้ด้วยสิ่งนี้*” โจเอลกล่าว ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านรับบังเหียนไว้ ท่าทางยังไม่ค่อยไว้วางใจสัตว์สี่เท้าที่เพิ่งได้มานัก
“เอาล่ะ ต่อไปก็สิ่งค้ำประกัน*” ชินดากล่าว
“ท่านต้องการสิ่งใด?*” โจเอลถาม คราวนี้ชินดาเงียบไปนานขึ้น เพราะเมื่อมองทั้งเนื้อทั้งตัวผู้มาเยือนแล้วก็ไม่เห็นสิ่งใดที่พอจะมีค่านัก โดยปกติแล้วเขาจะยึดเอาฝูงสัตว์เป็นสินค้ำประกัน เพราะอย่างน้อยมันก็งอกเงยออกลูกออกหลานได้หากคู่สัญญายืดเวลาออกไป แต่นี่ขนาดค่าเช่ายังได้สัตว์สี่ขาหน้าตาประหลาดมาแค่ตัวเดียวซึ่งคงแพร่พันธุ์ไม่ได้แน่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ดีกว่าถูกกล่าวหาว่ายกหมู่บ้านให้คนอื่นไปเปล่าๆปลี้ๆ
“...ข้าขอชุดที่ท่านสวมอยู่...*” ชินดาตอบ ทว่าคราวนี้กลับกลายเป็นโจเอลที่นิ่งเงียบไป เพราะเกราะชุดนี้เป็นของอัศวินโอแลนโดหาใช่ของเขาไม่ ซึ่งอาการเงียบด้วยความลังเลใจนี่เองที่ทำเอาชินดายิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะรู้ว่าตนเลือกถูกแล้ว
“...ได้ แต่ท่านจงคืนมันให้เมื่อข้าคืนหมู่บ้านให้ท่าน*” โจเอลกล่าว ดวงตาสีเหลืองของชินดาจ้องกลับมาด้วยความจริงใจก่อนจะพยักหน้ารับ
แม้โจเอลจะกังวลใจที่จะนำสมบัติของผู้อื่นมาใช้เป็นสิ่งค้ำประกัน แต่หากพวกเขากลับสู่ฟอร์ทอังเคิลไม่ได้ก็ย่อมไม่สามารถนำเกราะชุดนี้ไปคืนให้แก่สังฆราชตามเจตจำนงของโอแลนโด ในยามนี้เขาจึงต้องเชื่อว่าชายชราตรงหน้าจะมีความซื่อสัตย์เพียงพอ และหวังว่าจะพาทุกคนกลับบ้านได้
แล้วชายหนุ่มจากฟอร์ทอังเคิลก็เปลื้องชุดเกราะล้ำค่าออกตามสัญญา เมื่อชินดาได้ทุกสิ่งตามที่ตกลงไว้ ชายชราจึงบอกแก่ลูกบ้านให้เก็บข้าวของเพื่ออพยพ ซึ่งโจเอลเข้าใจได้ดีว่าการเรียกร้องต่างๆก็เพื่อเป็นการไว้หน้าชายชราและเพื่อให้ชาวบ้านพอใจในระดับหนึ่ง เพราะหากเป็นเขาเองก็คงไม่ยอมให้ผู้ใดมายึดครองดินแดนของตนโดยปราศจากการต่อรอง
บรรดาทหารที่รออยู่ในถ้ำต่างทยอยกันลงมายังหมู่บ้านหลังจากได้รับสัญญาณ ซึ่งเมื่อลงมาถึงพวกชาวบ้านยังคงสาละวนอยู่กับการเก็บข้าวของ ทันทีที่ชินดาได้เห็นกองทหารเหล่านั้น เขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าคนแปลกหน้าพวกนี้สามารถจะใช้กำลังเข้ามายึดครองได้โดยง่ายหากต้องการจะทำ ชายชราเริ่มคิดว่าบางทีคนพวกนี้อาจไม่ได้เลวร้ายนัก
“เอาล่ะ พ่อหนุ่ม ข้าหวังว่าท่านจะรักษาสัญญา คืนหมู่บ้านให้เราเมื่อพร้อม จงอย่าลืมว่าท่านเทฮาติได้เป็นพยานในข้อตกลงของเรา*” ชินดาหันมากล่าวกับโจเอลขณะเตรียมตัวเดินทางออกจากหมู่บ้าน
“เทฮาติ?*” โจเอลถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ใช่ หมู่บ้านเซกิอยู่อย่างร่มเย็นมาตลอดเพราะท่านคอยเฝ้ามองเราอยู่*” ชายชรากล่าวแล้วผายมือไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โจเอลหันไปมองตามทิศทางนั้น มันทำให้เขาได้พบกับเทือกเขาที่แสนคุ้นเคย ซึ่งคนในจักรวรรดิต่างรู้จักกันในนามของเทือกเขาโอรูธาน และที่ยอดสูงสุดนั้นได้ปรากฏเงาคล้ายกับคนคนหนึ่งยืนอยู่...
แน่ล่ะโจเอลทราบว่ามันคืออะไร เพราะเขาได้อ่านและเรียนรู้ตำนานมาพอสมควร เพียงแต่ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านเกิดเขาไม่เคยได้เห็นมันมาก่อนด้วยเหลี่ยมเขาบังเอาไว้ มันคือรูปปั้นของปฐมจักรพรรดิโอรูธาน...
แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลแต่ราวกับอยู่ใกล้ในความรู้สึกจนชายหนุ่มสังเกตในรายละเอียด แสงอาทิตย์สาดส่องมาจากทิศตรงกันข้าม พลันดวงตาอันเย็นเยียบของรูปสลักหินก็ประสานเข้ากับดวงตาของชายหนุ่ม แว่วเสียงกระซิบอันฟังไม่ได้ศัพท์ดังก้องอยู่ในโสตประสาท
“โจเอล ท่านเป็นอะไรไปหรือ?” น้ำเสียงอันคุ้นเคยดึงโจเอลกลับจากห้วงภวังค์
“จอร์ช” โจเอลเอ่ย ขณะที่อีกฝ่ายยังคงงุนงงต่อท่าทีแปลกๆนั้น
“...ไม่มีอะไร...” เขาตัดบท เมื่อหันกลับไปมองรอบๆ บัดนี้ชาวบ้านเซกิต่างก็โยกย้ายกันไปหมดแล้ว จอร์ชมองอยู่แล้วก็ยิ้มให้เขา
“งั้นมาเถิด คงมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกเยอะทีเดียว”
“อืม อย่างน้อยก็เรื่องอาหารเช้าล่ะ” โจเอลตอบด้วยอาการติดตลก ทั้งคู่หัวเราะขึ้นก่อนจะเร่งไปจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้า
* เป็นภาษาการ์กอน
ความคิดเห็น