ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brave & Honor

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 22 อีกฟากของเขามังกร

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 208
      0
      19 ต.ค. 49

    ศักราชที่ 412* เดือนตุลาคม วันที่ 19

     

                    ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองลงไปยังหมู่บ้านที่อยู่เบื้องล่างด้วยอาการครุ่นคิด  เมื่อเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เริ่มเห็นแสงสีทองทาทาบ  เวลาเช้ากำลังคืบคลานอย่างช้าๆทำให้ต้องผ่อนลมหายใจหนักๆออกมาทีหนึ่ง  เขาจะมัวเสียเวลาไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

                    ทัพของโจเอลและดารูเกนซ์ที่มีเกือบร้อยชีวิตต่างก็เพิ่งผ่านการเดินทางภายในถ้ำจนมาทะลุยังอีกฟากหนึ่งของภูเขามังกร  เป้าหมายก็เพื่อยึดหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าไว้เป็นที่มั่น  แต่จนถึงบัดนี้ชายซึ่งรับบทบาทผู้นำก็ยังคงลังเลในบางสิ่ง

                    จากการสอบถามสองพี่น้องชาวการ์กอนทำให้ทราบว่าหมู่บ้านแห่งนั้นมีนามว่าเซกิ  มันตั้งอยู่บนเชิงเขามังกร  บริเวณโดยรอบไม่มีรั้วรอบขอบชิดอันใดซึ่งคงเป็นเรื่องปกติของชนชาวการ์กอน  กระนั้นมันก็ยังตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบด้วยเป็นเนินสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ  หรือหากคับขันก็ยังหลบหนีขึ้นมายังถ้ำที่พวกโจเอลอยู่ได้โดยง่าย

                    หมู่บ้านเซกินั้นค่อนข้างเล็ก  คือมีบ้านเรือนอยู่ราวสี่สิบถึงห้าสิบหลังคา  ซึ่งคงถูกจำกัดไว้ด้วยที่ตั้งทำให้ไม่อาจขยับขยายไปมากกว่านี้  แต่นั่นก็เป็นการดีต่อฝ่ายโจเอลหากยึดไว้ได้  เพราะด้วยทหารที่มีในตอนนี้คงไม่อาจตั้งรับได้ดีในพื้นที่ที่กว้างขวาง

                    ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ  โจเอล  จอร์ชเอ่ยถามด้วยเห็นสหายของตนยืนนิ่งอยู่นานแล้ว  โจเอลหันไปมองผู้พูด  ถอนหายใจขึ้นอีกคราก่อนจะกล่าว

                    จอร์ช  ข้าอยากให้ท่านคุมกำลังทหารเตรียมพร้อมไว้ที่นี่...

                    แล้วท่านล่ะ?  จอร์ชแทรกขึ้น  รู้สึกแปลกๆกับคำพูดนั้น

                    ข้าคิดว่าจะลองเจรจากับคนพวกนั้นดู  โจเอลตอบ

                    เจรจา?  นี่ท่านยังคิดว่าจะสามารถพูดคุยกับคนพวกนั้นได้อีกหรือ?  จอร์ชแย้ง  โจเอลนิ่งไป  เขาเข้าใจความคิดของจอร์ชดี  กระนั้นก็ยังคงตอบออกไป

                    จอร์ช  ครั้งนี้ท่านโปรดเชื่อใจข้า  อะไรบางอย่างทำให้ข้ารู้สึกว่าครานี้จะสามารถเจรจาได้เป็นผลสำเร็จ

                    อะไรบางอย่าง  ที่โจเอลว่านั้น  ส่วนหนึ่งหมายถึงเนื้อความในจดหมายของโอแลนโด  เขาคิดว่าบางทีการเข้าหาอย่างเป็นมิตรคงทำให้อัศวินผู้นั้นได้รับการต้อนรับที่ดี  และการเข้าไปพร้อมกองทหารก็เห็นจะขัดกับภาพลักษณ์ความเป็นมิตรอยู่  ด้วยเหตุนี้เขาจึงควรไปตามลำพัง  ส่วนข้ออื่นที่ทำให้เขาเชื่อว่าจะเจรจาต่อกันได้นั้นยังไม่อาจแน่ใจเท่าไหร่  บางทีอาจเป็นด้วยความมองโลกในแง่ดีของตนก็เป็นได้

                    ท่านอย่ากังวลไปเลย  เอาเป็นว่าข้าลงไปพร้อมด้วยโก๊กและมาโก๊กในฐานะล่ามและผู้นำทาง  สองคนนั้นคงพอช่วยอะไรได้บ้าง  โจเอลสำทับ  จอร์ชมองหน้าสหายแล้วยิ้มน้อยๆขึ้น

                    เช่นนั้นข้าจะรอที่นี่  หากว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลข้าจะรีบลงไปช่วยทันที  อันที่จริงก่อนหน้านี้จอร์ชเองก็ไม่ได้ไว้วางใจยักษ์ทั้งสองนัก  แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ในถ้ำทำให้รู้น้ำใจมากขึ้น  อีกอย่างก็คงจะดีกว่าให้โจเอลลงไปตามลำพัง

                    ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้มให้กับคำตอบรับของจอร์ช  เขาตบที่บ่าของสหายเบาๆก่อนจะควบม้าลงไปยังหมู่บ้านพร้อมด้วยยักษ์ฝาแฝดชาวการ์กอน

     

                    ข้าคือโจเอล เอนฮาร์ท  มาจากฟอร์ทอังเคิล  ข้ามีเรื่องอยากจะเจรจาด้วย  ไม่ทราบว่าใครคือผู้นำที่นี่?*  ชายผู้มีนัยน์ตาสีน้ำตาลประกาศ  ขณะที่ผู้คนในหมู่บ้านต่างออกมามุงดูพลางกระซิบกระซาบ  จนโจเอลชักไม่แน่ใจว่าเขาใช้ภาษาต่างถิ่นได้ดีพอหรือเปล่า  แต่เมื่อชำเลืองไปยังยักษ์ทั้งสองที่ตามมาด้วยต่างก็ไม่ได้ท้วงติงอันใด  เขาจึงอนุมานเอาว่าการสื่อสารนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด

                    บรรดาชาวบ้านในหมู่บ้านเซกิต่างมองผู้มาเยือนด้วยความพิศวง  สำหรับยักษ์ฝาแฝดนั้นพวกเขามักคุ้นอยู่  แต่กับชายที่นั่งอยู่บนหลังของสัตว์สี่ขาตัวโตนี่สิ  ดูๆไปแล้วไม่น่าจะใช่ชาวการ์กอน  ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณหรือว่าหน้าตาก็ตามที  ไหนจะชุดที่สวมใส่ซึ่งเป็นเปลือกแข็งคล้ายกับแมลงทั้งยังสะท้อนแสงแวววาวนั่นอีก  พวกเขาจึงพากันไม่แน่ใจว่าคนผู้นี้จะเป็นเทพเจ้าหรือไร...

                    ข้าคือชินดา  หัวหน้าหมู่บ้านเซกิ*  น้ำเสียงทุ้มดังมาจากเบื้องหน้าโจเอล  ไม่ช้าชายชราอายุราวๆหกสิบ  ผิวสีเขียวรูปร่างค่อนข้างเตี้ยและท้วมก็เดินแทรกฝูงชนมายืนอยู่ตรงหน้า  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยินยอมออกมาเจรจาด้วย  โจเอลจึงลงจากหลังม้าเพื่อเป็นการให้เกียรติ  ทันทีที่เท้าสัมผัสถึงพื้นดิน  ชินดาก็กระซิบกระซาบถามชายหนุ่มทันที

                    ...เอ่อ...  ท่านคือเทฮาติใช่หรือเปล่า?*

                    โจเอลรู้สึกงุนงงสงสัยต่อคำถามและท่าทีแปลกๆของหัวหน้าหมู่บ้านเซกิจึงลอบถามกับฝาแฝดชาวการ์กอนดู  ทำให้รู้ว่าเทฮาติก็คือเทพคอยเฝ้ามองหมู่บ้านเซกิเพื่อคุ้มครองป้องภัย  ซึ่งตำนานได้กล่าวไว้ว่าจะแบ่งภาคมาอยู่ที่นี่ในวันหนึ่ง

                    เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราเห็นสัตว์ยักษ์สองตัวต่อสู้กันบนท้องฟ้า  เราจึงรู้ว่าท่านจะมาหาพวกเราเร็วๆนี้...*  ชายชราสำทับขึ้นอีก  เขาคงเข้าใจไปว่าการเงียบของโจเอลคือการยอมรับ  ชายหนุ่มลองลำดับเหตุการณ์กับสิ่งที่ได้ยิน  ซึ่งเรื่องที่หัวหน้าหมู่บ้านว่ามาคงจะเป็นการไล่ล่ากันของอาราริคและโวลเกีย

                    ไม่  ข้าไม่ใช่เทฮาติอะไรที่ท่านว่านั่น  ข้าเพียงแค่ผ่านทางมาและมีเรื่องอยากจะขอร้องพวกท่านเท่านั้น*  โจเอลตอบ  แม้จะรู้ว่าการรับสมอ้างนั้นจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยง่าย  แต่เขาก็รู้สึกผิดที่จะหลอกลวงผู้อื่น  อีกประการหนึ่งนั้น  โจเอลเองก็ไม่แน่ใจว่าหากรับคำดังกล่าว  ทั้งโก๊กและมาโก๊กที่รู้เรื่องราวมาโดยตลอดจะมองเขาเช่นไร

                    แต่เหตุการณ์ก็ยิ่งผิดไปจากที่คาดหมาย  ทันทีที่ชายหนุ่มตอบออกไป  ทั้งชินดาและชาวบ้านคนอื่นๆต่างก็พากันส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและหมอบกรานต่อหน้าโจเอล

                    โอ...  เป็นท่านจริงๆ  ท่านเทฮาติ  เป็นไปตามตำนานอย่างไม่ผิดเพี้ยน*  ชินดาละล่ำละลัก

                    ตำนาน?*  โจเอลทำหน้าสงสัย

                    ใช่  ตำนานกล่าวว่าท่านจะกลับมายังหมู่บ้านนี้ในร่างของชายหนุ่มที่มีผมและตาสีน้ำตาล  จะสวมชุดที่เป็นเปลือกแข็งสะท้อนแสงวาววาม  และนั่งบนสัตว์สี่ขาซึ่งไม่มีในชนหมู่เรา  ก่อนการมาถึงจะมีอสูรกายสองตัวห้ำหั่นกันบนท้องฟ้า  เมื่อมาถึงให้เราถามไปว่าท่านคือเทฮาติใช่หรือไม่  ท่านจะตอบว่าเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาเพื่อลองใจเรา  โอ...  อวสานของโลกมาถึงแล้ว...*  ชินดากล่าว  ดูเขาจะยำเกรงในตัวโจเอลจริงๆ  สักพักชายชราก็เข้ามาอ้อนวอน

                    โปรดบอกพวกเราเถิดว่าท่านต้องการสิ่งใด  แต่ข้าขอร้องท่านอย่าได้ทำลายโลกเลย*

                    โจเอลกอดอก  มองชายชราร่างเตี้ยด้วยความรู้สึกระคน  จะว่านึกขันก็มีส่วน  ในที่สุดเขาก็ยิ้มแล้วกล่าวออกมา

                    ท่านจะเชื่ออย่างไรก็ตามที  แต่ข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ  ส่วนสิ่งที่ข้าต้องการจะเจรจากับท่านนั้น  คือข้าต้องการจะขอยืมหมู่บ้านของท่านสักหน่อย...*

                    อันที่จริงแล้วความหมายของคำว่าขอยืมของโจเอลก็คือการยึดนั่นเอง  เพียงแต่ชายหนุ่มพยายามเลือกถ้อยคำให้ดูนุ่มนวลลง  เพราะจะกล่าวไปแล้วเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะยึดครองที่นี่ไว้โดยถาวร  ซึ่งหากสามารถกลับไปยังฟอร์ทอังเคิลได้เมื่อใดเขาก็จะรีบคืนหมู่บ้านนี้โดยทันที  ฉะนั้นจึงอาจจะพออนุโลมได้ว่านี่เป็นการขอยืม

                    หากท่านต้องการพักที่นี่พวกเราก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง*  ชินดาตอบรับทันทีราวกับว่าไม่ต้องคิดอะไรมาก  เขาคงเข้าใจไปว่าชายผู้นี้จะมาขออาศัยเท่านั้น

                    ...คือว่าอย่างนี้...  อืม...  ข้าจะอธิบายต่อท่านอย่างไรดีนะ...*  โจเอลเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน  ถึงตรงนี้โก๊กที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้น

                    พวกเราปะทะกับวาคียามา  และต้องการใช้หมู่บ้านนี้เป็นที่มั่น*  แล้วยักษ์น้ำเงินก็ชี้ขึ้นไปยังถ้ำที่กองทหารของโจเอลซ่อนอยู่  บนนั้นมีพวกเราอีกร้อยคนที่พร้อมจะใช้กำลังบุกยึดที่นี่ได้ในทันที  แต่ท่านโจเอลไม่อยากให้มีการเข่นฆ่ากันจึงยอมมาเจรจาด้วย*

                    ทันทีที่กล่าวจบชาวบ้านก็พากันส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความตื่นตระหนก  แม้แต่ชินดาก็เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ  ชายชราตะโกนขึ้น

                    อ๊ะ!  พวกเจ้านี่เอง  คนต่างเผ่าที่ท่านวาคียาวพูดถึง  อุ๊บ...!”  กล่าวไม่ทันจบประโยคดี  ร่างเล็กก็ถูกยกขึ้นเหนือพื้นด้วยแขนอันทรงพลังของโก๊ก

                    ท่านชินดา  ตอนนี้หมู่บ้านของท่านไม่มีนักรบเหลือแล้ว  อย่าคิดทำอะไรที่ไม่ฉลาดจะดีกว่า...*  ยักษ์น้ำเงินข่มขู่

                    ปล่อยเขา  ข้าต้องการเจรจากันฉันท์มิตร*  โจเอลปราม  โก๊กจึงวางชายชราลง  แต่ก็ยังระแวดระวังมิให้มีการต่อต้าน

                    เอาล่ะ  ท่านชินดา  ข้ารู้ว่าข้อเสนอของข้าคงทำให้ท่านทำใจรับได้ยาก  แต่เราเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น  ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายชาวบ้าน  และพวกท่านสามารถขนเสบียงไปได้เท่าที่ต้องการ  เมื่อพวกเราสามารถกลับบ้านได้เมื่อไหร่  ข้าจะคืนหมู่บ้านนี้ให้พวกท่านทันที*  โจเอลยื่นข้อเสนอ  ทว่าชินดายังคงนิ่งอยู่  ชายหนุ่มเดาเอาว่าหัวหน้าหมู่บ้านคงเคลือบแคลงเรื่องกองทัพที่ซุ่มอยู่  เขาจึงหยิบเอาเหรียญเงินขึ้นมาเหรียญหนึ่งแล้วชูมันขึ้นให้สะท้อนแสง  ราวกับนัดกันไว้เป็นอย่างดี  ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าปักกลางเหรียญอันนั้นอย่างแม่นยำ  สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับชินดาและชาวบ้านโดยทั่วกัน  แต่กับโจเอลแล้วเขามิได้กังขาในฝีมือของจอร์ชเลย  เมื่อเจอกับการข่มขวัญเช่นนี้  หัวหน้าหมู่บ้านก็ชักจะเสียงอ่อน  ในที่สุดชินดาก็พูดขึ้น

                    ...ก็ได้  แต่ข้าจะไม่ยกหมู่บ้านให้ใครง่ายๆ  ข้าจะให้ท่านเช่า*  ชายชราต่อรอง

                    เช่า?*  ชายหนุ่มทวน

                    ใช่  ในเมื่อท่านบอกว่าจะคืนหมู่บ้านให้เมื่อพร้อม  เช่นนั้นก็น่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการเช่ามากกว่าการยึด  หรือว่าถิ่นที่ท่านจากมาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการเช่า?*  ชายชราอธิบาย

                    อ๋อ มีสิมี  แล้วท่านอยากได้สิ่งใดเป็นค่าเช่า?*  ชายหนุ่มถามกลับ  ชินดาเงียบไปพักหนึ่งท่าทางครุ่นคิด

                    ข้าต้องการสัตว์สี่ขาที่ท่านขี่มาจะได้หรือไม่?*  ชินดาบอก  โจเอลพยักหน้ารับ  จูงพาหนะของเขามาข้างหน้าแล้วยื่นบังเหียนให้

                    ท่านสามารถควบคุมมันได้ด้วยสิ่งนี้*  โจเอลกล่าว  ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านรับบังเหียนไว้  ท่าทางยังไม่ค่อยไว้วางใจสัตว์สี่เท้าที่เพิ่งได้มานัก

                    เอาล่ะ  ต่อไปก็สิ่งค้ำประกัน*  ชินดากล่าว

                    ท่านต้องการสิ่งใด?*  โจเอลถาม  คราวนี้ชินดาเงียบไปนานขึ้น  เพราะเมื่อมองทั้งเนื้อทั้งตัวผู้มาเยือนแล้วก็ไม่เห็นสิ่งใดที่พอจะมีค่านัก  โดยปกติแล้วเขาจะยึดเอาฝูงสัตว์เป็นสินค้ำประกัน  เพราะอย่างน้อยมันก็งอกเงยออกลูกออกหลานได้หากคู่สัญญายืดเวลาออกไป  แต่นี่ขนาดค่าเช่ายังได้สัตว์สี่ขาหน้าตาประหลาดมาแค่ตัวเดียวซึ่งคงแพร่พันธุ์ไม่ได้แน่  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง  ดีกว่าถูกกล่าวหาว่ายกหมู่บ้านให้คนอื่นไปเปล่าๆปลี้ๆ

                    ...ข้าขอชุดที่ท่านสวมอยู่...*  ชินดาตอบ  ทว่าคราวนี้กลับกลายเป็นโจเอลที่นิ่งเงียบไป  เพราะเกราะชุดนี้เป็นของอัศวินโอแลนโดหาใช่ของเขาไม่  ซึ่งอาการเงียบด้วยความลังเลใจนี่เองที่ทำเอาชินดายิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะรู้ว่าตนเลือกถูกแล้ว

                    ...ได้  แต่ท่านจงคืนมันให้เมื่อข้าคืนหมู่บ้านให้ท่าน*  โจเอลกล่าว  ดวงตาสีเหลืองของชินดาจ้องกลับมาด้วยความจริงใจก่อนจะพยักหน้ารับ

                    แม้โจเอลจะกังวลใจที่จะนำสมบัติของผู้อื่นมาใช้เป็นสิ่งค้ำประกัน  แต่หากพวกเขากลับสู่ฟอร์ทอังเคิลไม่ได้ก็ย่อมไม่สามารถนำเกราะชุดนี้ไปคืนให้แก่สังฆราชตามเจตจำนงของโอแลนโด  ในยามนี้เขาจึงต้องเชื่อว่าชายชราตรงหน้าจะมีความซื่อสัตย์เพียงพอ  และหวังว่าจะพาทุกคนกลับบ้านได้

                    แล้วชายหนุ่มจากฟอร์ทอังเคิลก็เปลื้องชุดเกราะล้ำค่าออกตามสัญญา  เมื่อชินดาได้ทุกสิ่งตามที่ตกลงไว้  ชายชราจึงบอกแก่ลูกบ้านให้เก็บข้าวของเพื่ออพยพ  ซึ่งโจเอลเข้าใจได้ดีว่าการเรียกร้องต่างๆก็เพื่อเป็นการไว้หน้าชายชราและเพื่อให้ชาวบ้านพอใจในระดับหนึ่ง  เพราะหากเป็นเขาเองก็คงไม่ยอมให้ผู้ใดมายึดครองดินแดนของตนโดยปราศจากการต่อรอง

                    บรรดาทหารที่รออยู่ในถ้ำต่างทยอยกันลงมายังหมู่บ้านหลังจากได้รับสัญญาณ  ซึ่งเมื่อลงมาถึงพวกชาวบ้านยังคงสาละวนอยู่กับการเก็บข้าวของ  ทันทีที่ชินดาได้เห็นกองทหารเหล่านั้น  เขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าคนแปลกหน้าพวกนี้สามารถจะใช้กำลังเข้ามายึดครองได้โดยง่ายหากต้องการจะทำ  ชายชราเริ่มคิดว่าบางทีคนพวกนี้อาจไม่ได้เลวร้ายนัก

                    เอาล่ะ  พ่อหนุ่ม  ข้าหวังว่าท่านจะรักษาสัญญา  คืนหมู่บ้านให้เราเมื่อพร้อม  จงอย่าลืมว่าท่านเทฮาติได้เป็นพยานในข้อตกลงของเรา*  ชินดาหันมากล่าวกับโจเอลขณะเตรียมตัวเดินทางออกจากหมู่บ้าน

                    เทฮาติ?*  โจเอลถามด้วยสีหน้าสงสัย

                    ใช่  หมู่บ้านเซกิอยู่อย่างร่มเย็นมาตลอดเพราะท่านคอยเฝ้ามองเราอยู่*  ชายชรากล่าวแล้วผายมือไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  โจเอลหันไปมองตามทิศทางนั้น  มันทำให้เขาได้พบกับเทือกเขาที่แสนคุ้นเคย  ซึ่งคนในจักรวรรดิต่างรู้จักกันในนามของเทือกเขาโอรูธาน  และที่ยอดสูงสุดนั้นได้ปรากฏเงาคล้ายกับคนคนหนึ่งยืนอยู่...

                    แน่ล่ะโจเอลทราบว่ามันคืออะไร  เพราะเขาได้อ่านและเรียนรู้ตำนานมาพอสมควร  เพียงแต่ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านเกิดเขาไม่เคยได้เห็นมันมาก่อนด้วยเหลี่ยมเขาบังเอาไว้  มันคือรูปปั้นของปฐมจักรพรรดิโอรูธาน...

                    แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลแต่ราวกับอยู่ใกล้ในความรู้สึกจนชายหนุ่มสังเกตในรายละเอียด  แสงอาทิตย์สาดส่องมาจากทิศตรงกันข้าม  พลันดวงตาอันเย็นเยียบของรูปสลักหินก็ประสานเข้ากับดวงตาของชายหนุ่ม  แว่วเสียงกระซิบอันฟังไม่ได้ศัพท์ดังก้องอยู่ในโสตประสาท

                    โจเอล  ท่านเป็นอะไรไปหรือ?  น้ำเสียงอันคุ้นเคยดึงโจเอลกลับจากห้วงภวังค์

                    จอร์ช  โจเอลเอ่ย  ขณะที่อีกฝ่ายยังคงงุนงงต่อท่าทีแปลกๆนั้น

                    ...ไม่มีอะไร...  เขาตัดบท  เมื่อหันกลับไปมองรอบๆ บัดนี้ชาวบ้านเซกิต่างก็โยกย้ายกันไปหมดแล้ว  จอร์ชมองอยู่แล้วก็ยิ้มให้เขา

                    งั้นมาเถิด  คงมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกเยอะทีเดียว

                    อืม  อย่างน้อยก็เรื่องอาหารเช้าล่ะ  โจเอลตอบด้วยอาการติดตลก  ทั้งคู่หัวเราะขึ้นก่อนจะเร่งไปจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้า

     

    *  เป็นภาษาการ์กอน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×