ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brave & Honor

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 13 เส้นทางที่เหลือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 253
      1
      21 มิ.ย. 52

     

                    วลาแห่งรุ่งสางกำลังคืบคลานเข้ามาช้าๆ ขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มมีแสงสีทองเรื่อเรืองขึ้นทาทาบ แม้หลายคนจะรู้สึกอ่อนล้าจนอยากพัก แต่เสียงอึงคะนึงจากศัตรูนับพันที่อยู่เบื้องล่าง คอยปลุกให้พวกเขาต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

                    ชายหนุ่มผู้มีผมสีน้ำตาลอ่อนมองลงไปยังศัตรูที่ล้อมกรอบอยู่ที่เชิงเขาอย่างหวาดวิตก ถึงบรรยากาศจะยังสลัวรางอยู่บ้าง แต่ก็พอจะทำให้เห็นจำนวนข้าศึกได้ชัดเจนอยู่พอสมควร แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาสามารถหลุดรอดจากวงล้อมของศัตรูที่มีจำนวนมากกว่านับสิบเท่ามาได้ ตอนนี้ดูเหมือนพวกการ์กอนจะหมดความพยายามในการที่จะบุกขึ้นเขาเพื่อหักเอาตรงๆแล้ว แต่กลับส่งเสียงดังขึ้นด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งตีกลอง เป่าเขาสัตว์ และสารพัดจะทำ จนปนเปกันเป็นเสียงที่น่าสยดสยอง คงหวังที่จะส่งผลทางด้านจิตใจกับพวกเขาแทน

                    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของชายหนุ่มเหลียวไปมองลูนาร์เป็นระยะ ร่างอันบอบบางนอนนิ่งสนิทจนไม่อาจแน่ใจว่าหลับไปแล้วหรือไม่ โจเอลถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง เพียงแต่เขาไม่อยากรบกวนเธอ เพราะเห็นว่าถ้าปล่อยให้พักผ่อนเงียบๆคงเป็นการดีกว่า และข้อเท้าที่แพลงก็ได้รับการประคบด้วยสมุนไพรแล้ว คงไม่สู้เป็นไรมาก อีกประการนั้นเขาเองก็มีภาระต้องจัดการเต็มสองบ่าอยู่แล้ว

                    ด้วยยังไม่แน่ใจถึงความปลอดภัยดีนัก ทำให้แทบไม่มีใครได้พักอย่างสนิทใจ โจเอลเร่งสั่งการให้สร้างแนวป้องกันอย่างแข็งขันทั้งๆที่ยังไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บของตน โดยมีฮานส์ยืนเฝ้าแนวรบที่บอบบางอยู่อย่างไม่ยอมละสายตา ในสถานการณ์เช่นนี้แม้แต่เฮอร์มก็แจกจ่ายสมุนไพรรักษาให้กับทุกคน โดยแลกกับเสียงบ่นเพียงเล็กน้อย

                    จอร์ชดูแลกำลังอีกส่วนหนึ่งในการขนหินก้อนใหญ่ๆไว้สำหรับทุ่มทิ้งใส่พวกศัตรู ทดแทนกับอาวุธที่เริ่มร่อยหรอ เพราะคันธนูหลายอันหักไปตอนที่เผชิญหน้ากับพญามังกร

    ที่ตั้งของพวกเขายังคงได้เปรียบอยู่มาก มีหินก้อนใหญ่ๆที่พอจะใช้เป็นอาวุธและสิ่งกีดขวางอยู่อย่างมากมาย ทั้งในความสูงที่ช่วยให้ง่ายต่อการตั้งรับ และสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม หนำซ้ำเส้นทางขึ้นเขาก็ดูเหมือนจะมีเพียงเส้นทางเดียวซึ่งถูกควบคุมไว้แล้ว ทว่าแค่นั้นก็ยังไม่ทำให้พวกเขาได้เปรียบมากพอ เพราะยังมีอีกสิ่งที่ต้องกังวล นั่นก็คือเสบียงอาหารที่กำลังจะหมดในไม่ช้า

                    โจเอลครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้มถึงอนาคตอันไม่แน่นอนของพวกตน หากปักหลักอยู่ที่นี่ก็มีแต่รอความตาย จะตีฝ่าไปก็ไม่มีกำลังเพียงพอ ลำพังเขาคนเดียวจะให้คิดอ่านเรื่องนี้เห็นจะยากเต็มที หากดารูเกนซ์กลับมาพร้อมกับดไวเซนแล้วคงพอให้มีความหวังขึ้นมาบ้าง เมื่อมองไปยังคาคาโน เจ้าม้าศึกสีดำปลอดก็ดูจะกระวนกระวายเช่นเดียวกัน มันเฝ้าผุดลุกผุดนั่งเหลียวหาผู้เป็นนายอยู่หลายหน การรอคอยนั้นดูจะสิ้นสุดลงเมื่อมีการเคลื่อนไหวหนึ่งมาจากฝั่งของศัตรู...

                    ทุกคนที่อยู่บนเขาสามารถเห็นความเคลื่อนไหวนั้นตั้งแต่ไกล ท่ามกลางศัตรูที่มากมายดุจเม็ดทรายบนชายหาดนั้น ดั่งมีใครลิขิตลงไปบนผืนทราย เมื่อบรรดานักรบการ์กอนแหวกออกเป็นทางให้กับชายผู้หนึ่ง ชุดเกราะสีแดงและมังกรสีน้ำเงินในบังคับ คือสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของคนผู้นั้นได้เป็นอย่างดี

                    เหล่าข้าศึกที่หลีกทางให้อย่างหวาดกลัว เปิดเผยการมาถึงของดารูเกนซ์ให้เห็นได้อย่างเด่นชัด เลือดและเศษเนื้อของศัตรูที่เปรอะไปทั่วร่างนั้น ราวกับเป็นการประกาศเตือนอยู่ในที ว่าห้ามมิให้ผู้ใดมาขวางทาง

                    เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นพวกการ์กอนยำเกรงศัตรูถึงเพียงนี้ ด้วยเหตุผลบางประการ ลาร์ซเดินช้าลงเหมือนจะแกล้งพวกคนเถื่อน ดารูเกนซ์บังคับมังกรของตนให้เดินผ่านข้าศึกไปด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับไม่ยี่หระต่อจำนวนที่แตกต่างกันจนไม่อาจเทียบได้ น่าแปลกที่พวกการ์กอนกลับไม่มีผู้ใดกล้าพอที่จะขัดขวางอัศวินและมังกรที่กำลังเดินตัดฝ่าพวกตนไปอย่างช้าๆ

                    ลูนาร์ลุกขึ้นมองการมาถึงของอัศวินมังกรด้วยความกระวนกระวายยิ่ง เมื่อไม่เห็นว่ามีใครอื่นโดยสารมาบนหลังมังกร เธอก็พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ ทว่าก็ยังสู้อุตสาห์ถามไปด้วยความหวังอันแสนจะริบหรี่เต็มที

                    ...ดไวเซนล่ะ... เขาอยู่ที่ไหน...? ดารูเกนซ์ถอดหมวกเกราะออก หายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า เขาส่ายศีรษะช้าๆแล้วยื่นเศษผ้าชิ้นหนึ่งให้ เธอจำได้ในทันทีว่าผ้าเนื้อดีนี้มาจากเสื้อของดไวเซน รอยขาดวิ่นเว้าแหว่ง รอยทะลุ และคราบเลือดที่เปรอะเปื้อน นั่นเหมือนจะสะท้อนให้เห็นถึงชะตากรรมของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี หญิงสาวทรุดลงแล้วร้องไห้ออกมาทันที เมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เสียสละช่วยให้เธอหนีรอด

                    ...ขอโทษด้วย... ที่ข้าไม่อาจนำท่านดไวเซนกลับมาได้... ที่นั่นข้าไม่พบอะไรที่จะนำกลับมาทำพิธีได้เลย... บางทีพวกนั้นคง... คนพูดน้อยอย่างดารูเกนซ์ยอมปริปากออกมาหวังปลอบใจ ทว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้ากลับร้องไห้หนักขึ้นกว่าเก่า

                    เจ้าคาคาโนก็ดูจะมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน มันผุดลุกขึ้นแล้วหวีดร้อง ก่อนที่ผู้ใดจะทันเข้าขัดขวาง ม้าศึกฝีเท้าดีก็โจนทะยานผ่านแนวของทั้งสองฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความอกสั่นขวัญแขวนที่ยังมีต่ออัศวินในชุดเกราะสีแดง พวกการ์กอนต่างหลีกทางให้มันผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครเข้าขัดขวาง

                    พวกโจเอลมองการกระทำอันแสนประหลาดของเจ้าคาคาโนอย่างไม่อาจคาดเดาในความคิดของมัน ไม่ช้ามันก็หายไปในความเนืองแน่นของพวกคนเถื่อน แต่นั้นมาก็ไม่มีใครทราบถึงชะตากรรมของม้าศึกสีดำปลอดที่ชื่อคาคาโน และอัศวินหนุ่มนามว่าดไวเซนอีกเลย...

     

                    หลายชั่วโมงผ่านไปแล้ว ที่ทั้งสองฝ่ายมิได้ทำอะไรมากไปกว่าการคอยคุมเชิงกันอยู่ เวลาดูจะเป็นปัจจัยที่ฝ่ายการ์กอนมีอยู่อย่างไม่จำกัด ผิดกับฝ่ายของโจเอล สิ่งนี้บีบคั้นให้ทุกคนต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อจะหลุดจากกับดักมรณะนี้ไปให้ได้

                    ...ใครมีความคิดเห็นบ้าง ว่าพวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไป... น้ำเสียงทุ้มของโจเอลดังสะท้อนผนังถ้ำ อันเป็นคำถามแรกของการประชุมอย่างเร่งด่วนนี้

    สถานที่ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของพญามังกรอาราริค บัดนี้ได้ถูกใช้เป็นที่หารืออย่างเคร่งเครียด โจเอล, ดารูเกนซ์, จอร์ช, ฮานส์ และเฮอร์ม คือองค์ประชุมในครานี้ ต่างนั่งบนหินขนาดพอเหมาะคนละก้อน หันหน้าเข้าหากันโดยใช้กองหินเล็กๆบนพื้นจำลองสถานการณ์ปัจจุบัน

                    แม้คำถามของโจเอลจะไม่ซับซ้อน แต่ทุกคนก็นิ่งเงียบไม่ยอมปริปากออกมา ดารูเกนซ์เหม่อมองไปนอกถ้ำซึ่งลาร์ซมังกรของเขานอนพักอยู่ จอร์ชขมวดคิ้วบาง เพ่งสายตามองไปทางคนที่เหลือๆเหมือนจะรอฟังคำตอบของผู้อื่นแล้วค่อยเสริม ฮานส์กอดอกดูสงบนิ่ง แต่ก็ขบเม้มริมฝีปากแสดงอาการครุ่นคิดอย่างหนัก ส่วนเฮอร์มนั้นหลับตาสนิทไม่เคลื่อนไหวใด จนชักไม่แน่ว่าตาแก่หลับไปแล้วหรือยัง เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้นำแห่งฟอร์ทอังเคิลจึงกระตุ้นให้ทหารคู่ใจรายงานสถานการณ์ เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพตรงกัน

                    ฮานส์ เจ้าช่วยแจงรายละเอียดของสภาพการณ์ตอนนี้ให้ทุกคนฟังทีเถิด

                    ขอรับ ฝ่ายเรามีกำลังพลเหลืออยู่ทั้งหมดเก้าสิบคน บาดเจ็บยี่สิบหกคน และถูกล้อมไว้อย่างสิ้นเชิงด้วยกำลังศัตรูกว่าหนึ่งพันนายโดยประมาณ ด้านชัยภูมิเรามีความได้เปรียบสูงและน่าจะตั้งรับไว้ได้นาน หากแต่เกรงว่าเสบียงอาหารจะไม่เพียงพอ...

    นายทหารผู้มีแผลเป็นบนใบหน้ากล่าวเสียงดังฟังชัด ทุกคนยังนิ่งเงียบอยู่เช่นเดิม ต่างเพ่งมองไปยังหินสองก้อนบนพื้น ซึ่งสมมุติขึ้นแทนที่ตั้งปัจจุบันของพวกเขาและฟอร์ทอังเคิล แม้จะเป็นเพียงการจำลองคร่าวๆ ทว่าทุกคนก็เข้าใจถึงความห่างไกลนั้นดี ทันใดนั้นเฮอร์มก็เริ่มขยับตัวเป็นคนแรก...

                    มือที่หยาบกร้านเอื้อมเข้าหาก้อนหินที่ใช้แทนฟอร์ทอังเคิล พรานเฒ่าเงยหน้าขึ้น คลี่ยิ้มอันยับย่นให้ทุกคน เขาขยับหินในมือมาใกล้กับจุดอ้างอิงที่ตั้งปัจจุบัน จากนั้นก็ยิ้มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เหมือนกับจะบอกว่า นี่ไง... ไม่เห็นมันจะไกลกันเท่าไหร่เลย...

                    อาการมองโลกในแง่ดีของตาเฒ่าไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะต่างรู้ดีว่าถึงจะขยับแบบจำลองให้เข้าใกล้กันเพียงใด ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาก็ยังไกลจากที่ตั้งอันปลอดภัยอยู่ดี เมื่อได้รับสายตาตำหนิเป็นการตอบแทน เฮอร์มจึงวางแบบไว้ที่เดิมแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

                    ข้าคิดว่า... บางทีเราควรจะตั้งรับ จนกว่ากำลังของบารอนเคอร์เบนที่ฟอร์ทอังเคิลจะมาช่วยเรา โจเอลกล่าวอย่างไม่เต็มเสียง

                    ฮ่ะ!” เฮอร์มแค่นหัวเราะขึ้นแล้วรีบแย้งทันที เจ้าอ้วนนั่นน่ะเรอะ! มีหวังได้รอจนแห้งตายกันพอดี แค่โจรไม่กี่สิบคนยังไม่มีปัญญาปราบ ขืนมาเจอพวกการ์กอนเป็นพันแบบนี้ มีแต่จะหนีกลับปราสาทตัวเองเท่านั้นล่ะ!” ตาแก่วิจารณ์ถึงบารอนเคอร์เบนอย่างไม่ไว้หน้า ความไม่ยำเกรงต่อชนชั้นขุนนางของเฮอร์มนั้น ออกจะขวางโลกผิดกับชาวบ้านทั่วไปมากนัก

                    ข้อนี้ข้าเห็นด้วยกับเฮอร์ม จอร์ชสนับสนุน เขาขยับมือเรียวสวยมาลูบที่คาง กึ่งๆจะปิดบังปากได้รูปนั้นอยู่ในทีแล้วจึงอธิบายต่อโจเอล...  ในที่นี้คงมีแต่ท่านที่รู้จักบารอนเคอร์เบนดีที่สุด ถามตนเองเถิดว่าท่านเชื่อมั่นขุนนางผู้นี้ได้แค่ไหน...

                    เรื่องนั้น... แต่ข้าก็ยังไม่เห็นทางอื่นใด... หรือว่าผู้ใดจะมีความคิดที่จะช่วยพวกเราทั้งหมดได้... โจเอลกล่าวด้วยคว่ามหวังที่ริบหรี่เต็มที แล้วทุกคนก็เงียบลงอีก ดูเหมือนทุกคนจะรู้ดีว่าได้ถูกตัดขาดจากการช่วยเหลือทั้งมวลแล้ว

                    นายท่าน... ข้าเกรงว่า... พวกมันจะฉวยโอกาสบุกอีกครั้งในคืนนี้... ฮานส์กล่าวออกมาเบาเหมือนกระซิบ นั่นเป็นอีกสิ่งที่ทุกคนกังวล แม้จะตั้งในจุดที่ได้เปรียบ แต่การปะทะทุกครั้งย่อมมีการเสียไพร่พล และการถูกบุกในตอนกลางคืนก็ลดประสิทธิภาพของอาวุธยิงลงไปอีก หากไม่เตรียมการให้ดี บางที... พวกเขาทั้งหมดอาจไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งก็เป็นได้

                    เมื่อไม่เห็นทางอื่นใด การพยายามเสริมแนวตั้งรับจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ภาระหลักในการควบคุมและบัญชาการรบตกอยู่แก่โจเอล โดยมีจอร์ชเป็นผู้ช่วยเหลือ จากการจัดแบ่งเสบียงอย่างกระเบียดกระเสียรเต็มทีนั้น พบว่าพวกเขาจะตั้งรับอยู่ที่นี่ได้เพียงหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น พ้นจากนั้นก็สุดที่จะคาดเดาได้...

                    ฮานส์ได้รับหน้าที่ให้เสริมแนวและตรวจระวัง ส่วนเฮอร์มนั้นนอกจากจะต้องดูแลคนเจ็บแล้ว เขายังถูกมอบหมายให้ค้นหาเส้นทางอื่นๆที่อาจถูกใช้ลอบโจมตี หรืออาจเป็นเส้นทางสำรองในการหนี

                    ดารูเกนซ์และทหารม้าเกราะหนักจากโรห์นถูกเตรียมการไว้สำหรับภารกิจพิเศษ ภารกิจอันดับแรกคือการตีตอบโต้ หากแนวป้องกันทั้งหมดสามารถยับยั้งศัตรูได้แล้ว ดารูเกนซ์และทหารม้าแห่งโรห์นจะรุกลงตามเส้นทางหลักเพื่อทำลายขวัญข้าศึก หากเป็นไปได้ พวกเขาจะหาเสบียงข้าศึกและปล้นชิงหรือทำลายทิ้ง เพราะหากว่าฝ่ายการ์กอนขาดเสบียงลงด้วย การปิดล้อมก็คงไม่สามารถทำได้นานเช่นกัน

                    ภารกิจรองลงมาคือการคุ้มกันการหลบหนี หากไม่อาจยับยั้งการรุกของพวกการ์กอน ทหารม้าจะถูกใช้เป็นหัวหอกในการเปิดเส้นทาง ส่วนดารูเกนซ์จะคุมด้านหลัง ป้องกันการตามตีจากข้าศึก ทางเลือกนี้ได้ถูกวางไว้เป็นอันดับสุดท้าย เพราะไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะเดินทางได้ไกลพอ...

                    หลังจากกำหนดหน้าที่แล้วทั้งหมดจึงแยกย้ายกัน แม้แผนที่วางไว้ยังดูครึ่งๆกลางๆ ทว่าก็คงจะดีกว่าไม่มีอะไรให้ยึดถือเอาเสียเลย

                    ก่อนที่โจเอลจะออกจากถ้ำเพื่อตรวจแนวรบ จอร์ชก็ยุดมือเขาไว้เหมือนมีเรื่องที่อยากคุยเป็นการส่วนตัว โจเอลจึงเดินตามไปยังมุมหนึ่งของถ้ำ

                    จอร์ช ท่านมีอะไรหรือ? โจเอลถามผู้เป็นสหาย จอร์ชเหลียวมองไปรอบๆว่าไม่มีใครอยู่ ดูเหมือนเขาลังเลในสิ่งที่จะบอกอยู่พอสมควร

                    ...โจเอล ...ถึงแม้ข้าจะได้รู้จักกับท่านเพียงปีเดียว แต่ข้ารู้สึกเชื่อใจท่านยิ่งกว่าคนที่โตร่วมกันมาเสียอีก ...อาจเพราะท่านเอื้อเฟื้อต่อข้าโดยไม่เอ่ยถามถึงอดีต ทำให้ข้าอยากจะเล่าทุกอย่างให้ท่านได้ฟังก่อนที่จะไม่มีโอกาส เพราะข้าไม่คิดว่าพวกเราทั้งหมดจะรอดไปได้ในครั้งนี้... ข้าขอเตือนไว้ก่อน... จงอย่าได้คิดว่าบารอนเคอร์เบนจะนำกำลังมาช่วยพวกเรา...จอร์ชกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา สีหน้าจริงจังยิ่งนัก ทว่าคู่สนทนาของเขากลับมีสีหน้างุนงง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของโจเอลเพ่งมองกลับมายังผู้เป็นสหาย รอฟังสิ่งที่จอร์ชจะพูดต่อ ชายผมยาวนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกับไม่แน่ใจว่าควรจะเผยความลับที่ตนรู้ดีหรือไม่ แต่แล้วเขาก็ยอมแย้มพรายออกมา

                    ...ทั้งหมดนี่... ทั้งราชโองการลับ... และการที่บารอนเคอร์เบนนำกองทัพมาตั้งที่ฟอร์ทอังเคิล... ทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันกัน ...เพียงแต่มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดไว้... ...ที่พอจะบอกท่านได้ก็คือ... ท่านตกอยู่ในแผนการที่ใหญ่เกินกว่าผู้ปกครองดินแดนเล็กๆเช่นท่านจะฝืนไว้ได้...

                สิ่งที่โจเอลได้ยินนั้น ช่างฟังดูหดหู่และชวนให้สงสัย ทว่ายังไม่ทันที่จอร์ชจะได้กล่าวต่อ เสียงที่ดังอยู่ภายนอกถ้ำก็เข้ามาขัดการสนทนานั้น ริมฝีปากแดงงดงามได้รูปปิดสนิทลงไม่ยอมเอื้อนเอ่ยใดอีก ชายผู้กุมความลับเดินนำโจเอลออกไปเพื่อดูเหตุการณ์ที่ด้านนอก อันถือเป็นการตัดบทลงไปในตัว

     

                    ที่ด้านนอก ทหารทั้งหมดอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม ต้นเหตุนั้นคือร่างของศัตรูที่พวกเขาคุ้นเคย เจ้ายักษ์ฝาแฝดนั่นเอง!

                    ดูเหมือนว่าศัตรูตัวสำคัญจะพบเส้นทางลับในการขึ้นมาถึงบนนี้โดยที่ทุกคนแทบไม่ทันรู้ตัว และคนแรกที่พบเห็นการปรากฏตัวของทั้งสองก็ถูกจับไว้เป็นตัวประกันเรียบร้อย ซึ่งผู้นั้นก็คือเฮอร์มนั่นเอง

                    พรานเฒ่าคงจะพบกับยักษ์ทั้งสองตอนที่ไปสำรวจเส้นทางจึงถูกจับไว้ พวกทหารจ่ออาวุธไปทางผู้บุกรุกด้วยความระแวดระวังเต็มที่ ทว่าไม่มีใครกล้าโจมตีใส่เจ้ายักษ์ที่อยู่ตรงหน้า ใช่เพราะความห่วงใยในสวัสดิภาพของเฮอร์ม เพียงแต่ไม่มีใครแน่ใจในวัตถุประสงค์ของผู้บุกรุก เท่าที่เห็นยักษ์ทั้งสองไม่มีท่าทีที่จะจู่โจมก่อน กระนั้นก็ยังไม่อาจเบาใจได้อยู่ดี ด้วยเกรงว่าอาจเป็นกลอุบาย ฮานส์จึงสั่งให้ทุกคนประจำที่ เผื่อว่าพวกการ์กอนจะเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาเพื่อฉวยโอกาสบุกขึ้นมา แต่ที่เบื้องล่างยังคงเป็นปกติ... นั่นยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยในการบุกเข้ามาเพียงสองคนของพวกมัน

                    มาโก๊กยักษ์ผู้มีผิวกายแดงเริ่มตะโกนออกมาด้วยภาษาตน ไม่มีใครเข้าใจคำพูดนั้น เว้นแต่โจเอลที่เพิ่งจะเดินออกม เขาพอจับความได้ว่ามันต้องการจะพบกับคนที่เป็นผู้นำ ณ ที่แห่งนี้ บางทีพวกมันอาจนำสารอันสำคัญมาบอก

                    ดูเหมือนเจ้าจะพูดถึงข้าอยู่*” ชายผู้นำกองทัพกล่าวออกไปด้วยภาษาการ์กอน ทันทีที่ยักษ์ฝาแฝดเห็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ทั้งสองก็วางอาวุธและคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม ทุกคนแม้แต่โจเอลรู้สึกแปลกใจต่อท่าทีนั้น

                    ท่านผู้เป็นจ้าวชีวิตของเราสองพี่น้อง เรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกท่าน* โก๊กรีบตอบ ทว่าผู้ที่ถูกยกให้เป็นจ้าวชีวิตยังทำหน้างุนงง เขาไม่แน่ใจว่าตนแปลความหมายผิดไปหรือเปล่า

                    อย่าได้เคลือบแคลงเลย ท่านได้ช่วยชีวิตเราสองพี่น้องไว้จากไฟมรณะโดยเอาตัวเข้าเสี่ยง นั่นก็เท่ากับว่าท่านเป็นจ้าวชีวิตของเราทั้งสองแล้ว ...ต้องขอโทษด้วย ที่ตอนนั้นพวกข้าได้ล่วงเกินต่อท่าน โก๊กและข้าได้ทำไปโดยไม่ยั้งคิด คือ... เราชั่งใจอยู่นาน... ที่จะยอมรับท่านซึ่งเป็นพวกป่าเถื่อนให้เป็นนายแห่งเรา แต่เราชาวการ์กอนถือเรื่องบุญคุณมาก โดยเฉพาะหากได้รับการช่วยชีวิตจากใครด้วยแล้ว ก็ควรจะยอมตัวเข้ารับใช้คนผู้นั้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะถูกเมยานาร์สาปแช่งไปตลอดกาล* มาโก๊กเสริมคำน้องชาย จอร์ชสงสัยในคำสนทนาเหล่านั้น เขาจึงถามความหมายจากโจเอล แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็ยังทำหน้าไม่เชื่ออยู่ดี

                    ...เช่นนั้นท่านลองถามมันดูที ว่าที่เสนอจะช่วยพวกเรานั้นด้วยวิธีการใดกันแน่? จอร์ชกระซิบบอกแก่โจเอล เขาจึงพยักหน้าแล้วยิงคำถามออกไปเป็นภาษาการ์กอน เมื่อฟังคำถามนั้นจนจบ มาโก๊กยืดตัวขึ้น ชี้มือไปยังถ้ำผลึกแล้วตอบ

                    ท่านจ้าวชีวิต ถ้ำนั่นจะพาท่านทะลุไปอีกฝากหนึ่งของภูเขา ที่ด้านนั้นจะมีหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์รออยู่*

                    ที่นั่นเราจะไม่ถูกโจมตีอีกหรือ?* โจเอลตั้งข้อสงสัยทันที

                    ไม่ จากจำนวนคนที่ข้าเห็นข้างล่างนั่น วาคียาคงรวบรวมนักรบมาจากหลายหมู่บ้าน ที่นั่นคงไม่มีนักรบเหลืออยู่ และกว่าวาคียาจะนำกำลังตามไปก็เห็นจะช้ากว่าเส้นทางที่เราใช้ อย่างน้อยๆก็ราวหนึ่งสัปดาห์ อย่าห่วงเลย นอกจากข้าและโก๊กน้องข้าแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ เพราะมันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีเมยานาร์คุ้มครองอยู่ ขอเพียงพวกท่านอย่าได้ทำให้นางพิโรธ* ยักษ์ผู้พี่ซึ่งมีผิวกายแดงอธิบาย

                    โจเอลยังคงไม่แน่ใจต่อคำแนะนำนั้น เขารู้สึกสงสัยอยู่ว่า วาคียาและ เมยานาร์ คืออะไร และคำตอบที่ได้ก็คือ วาคียาเป็นบุตรคนโตของหัวหน้าเผ่าใหญ่ ซึ่งมีสิทธิ์เรียกรวมนักรบจากทุกหมู่บ้านในคราวสำคัญ หรือหมายความให้ง่ายกว่านั้น เขาเป็นผู้นำในการโจมตีครั้งนี้นี่เอง ส่วน เมยานาร์ คือมารดาผู้ก่อกำเนิด ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสมมุติที่นับถือกันโดยทั่วไปในหมู่ชาวการ์กอนตามความเข้าใจของโจเอล

                    ผู้นำแห่งฟอร์ทอังเคิลให้โก๊กและมาโก๊กหาที่พักผ่อนชั่วคราว ความหมายแท้จริงก็คือการควบคุมตัวเอาไว้ก่อนเพราะยังคงไม่ไว้ใจ และทั้งสองก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด ทำให้ทุกคนเบาใจได้มากขึ้น

     

                    โจเอลเรียกองค์ประชุมเดิมมาเพื่อแปลข้อเสนอนั้นให้ฟังและขอความเห็นจากทุกคน ฮานส์และดารูเกนซ์ไม่ได้ออกความเห็นใดๆ จอร์ชเองก็เงียบๆแต่ออกจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ มีเฮอร์มเท่านั้นที่ออกอาการชัดเจนที่สุด

                    เหลวไหล! ข้าว่างวดนี้มันออกจะเหลวไหลที่สุด นี่ถ้าพวกท่านความจำไม่ดีข้าจะย้ำให้อีกทีถึงคำเตือนของท่านอาราริค ที่ว่าในถ้ำนี้มีบางสิ่งที่ชั่วร้ายรอเราอยู่ ถ้ามันมีสิ่งที่ว่านั่นจริงข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่อยากเจอกับมัน เพราะบอกได้เลยว่าเราจะตายเร็วเสียยิ่งกว่าการเผชิญกับพวกคนเถื่อนข้างล่างนั่น!” พรานเฒ่าบ่นขึ้นมาดังๆ เมื่อนึกถึงคำเตือนที่ว่าก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประหวั่นขึ้นมาทันที โจเอลคิดไปถึงเมยานาร์ ซึ่งบางทีอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อาราริคพูดถึง

                    โจเอล ท่านคิดว่าจะเชื่อใจพวกมันทั้งสองได้จริงๆอย่างนั้นหรือ? จอร์ชกังขา

                    ข้าไม่รู้... โจเอลตอบ เขามองไปยังทุกคนและพูดต่อสองคนนั้นจะพูดจริงแค่ไหนข้าไม่รู้... และอะไรจะรออยู่ในถ้ำข้าก็ไม่รู้... แต่ที่รู้แน่ๆก็คือ หากเรายังอยู่ที่นี่ทุกคนคงต้องตายไม่ด้วยทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้ามีโอกาสแม้เพียงเล็กน้อย ข้าก็ยินดีที่จะเสี่ยง คราวนี้เขาพูดชัดเจนอย่างเด็ดขาด ยากที่ใครจะหาเหตุผลมาทัดทาน จอร์ชหายใจแรงก่อนจะกล่าวตอบ

                    ...ถ้าท่านคิดว่านั่นคุ้มค่าที่จะเสี่ยง ข้าก็จะขอร่วมทางด้วย แต่ข้าจะคอยจับตาเจ้ายักษ์ทั้งสองไว้ หากมันเล่นไม่ซื่อเมื่อไหร่ ธนูของข้าจะปลิดชีพมันเอง... ชายหนุ่มร่างสะโอดสะองเหลียวไปมองยักษ์สองตนด้วยแววตาคมกริบ

                    ข้าเห็นด้วยกับนายท่าน ในถ้ำนั้นอาจมีคำตอบที่ดีรออยู่ และการให้พวกทหารอยู่กับที่นานๆมีแต่จะเกียจคร้าน ขวัญกำลังใจก็พาลจะถดถอย อีกอย่าง... หากว่าเจ้าสองคนนั่นหาทางขึ้นมาถึงนี่โดยพวกเราไม่รู้ตัวได้แล้วล่ะก็ เป็นไปได้ว่าพวกมันคนอื่นคงจะระแคะระคายเส้นทางลับนี้ได้บ้าง ซึ่งนั่นอาจทำให้เราอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่สนิทใจนัก ฮานส์พูดขึ้นบ้าง ถึงคำพูดนั้นจะแฝงความกังวลไว้ แต่เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ที่รออยู่ภายหน้า

                    แม้การลงความเห็นจะไม่เป็นเอกฉันท์นัก แต่ดูเหมือนว่าความเห็นของโจเอลจะถูกยอมรับให้ดำเนินการไปโดยไม่มีข้อโต้แย้งอีก จะมีก็เพียงเฮอร์มเท่านั้น ที่ยังคงบ่นอุบอิบไปเรื่อยอย่างกับหมีกินผึ้ง

                    บ้า! บ้าแน่ๆ อยู่ดีๆก็ดันไปไว้ใจเจ้าพวกนั้น มันวางแผนอะไรไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ไหนจะเรื่องที่ท่านอาราริคเตือนไว้อีก... พรานเฒ่าพึมพำกับตนเอง แล้วก็ต้องสะดุ้งขึ้นเมื่อโจเอลเข้ามาฟังใกล้ๆ อย่างที่รู้กันแล้วว่าเขามิได้เกรงกลัวนายบ้านผู้นี้แต่อย่าง เพียงแต่รู้ดีว่าไม่อาจเปลี่ยนใจคนหนุ่มอย่างโจเอลได้

                    ...มันก็ดีอยู่หรอกนะ ที่ได้ไปจากวงล้อมที่น่าอึดอัดนี่ ข้าก็แค่หวังว่ามันจะไม่เป็นการกระโดดจากหม้อร้อนๆลงไปในเปลวไฟเท่านั้นเอง... พรานเฒ่าบ่นเสียงดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ แทนที่โจเอลจะขุ่นข้องกับความเห็นแย้งนั้น เขากลับยิ้มน้อยๆให้กับลูกบ้านเจ้าปัญหา

                    ฮะฮะฮะ ข้าออกจะแปลกใจอยู่นะ ที่เห็นเจ้าเชื่อฟังคำห้ามปรามเป็นกับเขาเหมือนกัน ทำให้ข้าคิดถึงท่านอาราริคขึ้นมาเสียแล้วสิ รู้สึกว่าเขาจะทำให้เจ้าสงบเสงี่ยมได้ดีทีเดียว นี่แน่ะ ตอนที่เจ้ากล้าลองดีกับมังกรนั่นน่ะ ลืมไปเสียแล้วหรือ ข้านึกไม่ออกเลยว่าจะยังมีอะไรที่ทำให้เจ้ากลัวได้อีก โจเอลพูดเป็นเชิงเย้าเล่น ไม่ช้าจอร์ชก็ตามมาสมทบ ดูท่าว่าการได้พูดแหย่เฮอร์มจะกลายเป็นความสำราญเล็กๆของชายทั้งสองไปเสียแล้ว

                    เอาน่า บางทีในถ้ำนั่นเจ้าอาจได้เจอกับของแปลกๆที่จะทำกำไรมหาศาลให้กับเจ้าก็เป็นได้ เอ... หรือว่าจอมพรานผู้ยิ่งใหญ่จะหมดไฟในการเสาะหาของแปลกๆไปเสียแล้ว? ชายหนุ่มหน้าสวยเติมเชื้อไฟแห่งความปรารถนาให้กับพรานเฒ่า และเหมือนว่าจะยุขึ้น เมื่อเฮอร์มเรียกบุตรทั้งสองให้รีบจัดแจงข้าวของอย่างรวดเร็ว ทำเอาทั้งโจเอลและจอร์ชอมยิ้มเล็กๆขึ้นอย่างชวนหัว ทว่าก็ยังมีอีกคนหนึ่ง ซึ่งยังมิได้แสดงความเห็นใดๆในการประชุม

                    ...ข้าและกองทหารของข้าจะอยู่ที่นี่ เฝ้าปากถ้ำแห่งนี้ไว้ ดารูเกนซ์ก้าวออกมาแสดงความเห็นของตน อันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่เห็นอัศวินผู้นี้ออกปาก

                    เช่นนั้นก็เป็นการดี จะได้มีหลักประกันว่าพวกการ์กอนจะไม่สามารถไล่ตามเราได้ หรือหากเส้นทางข้างหน้ามีอุปสรรค เราจะได้ไม่สูญเสียที่มั่นเดิมไป โจเอลกล่าวรับอย่างยินดี ดารูเกนซ์ค้อมตัวรับเรียบๆแล้วเดินแยกออกไป

                    จอร์ชไม่ได้คิดแบบเดียวกับโจเอล กำลังทหารของดารูเกนซ์เข้มแข็งกว่าทหารบ้านนอกมากนัก ซ้ำยังมิได้สูญเสียจากการรบแต่ละครั้ง เมื่อโอนทหารของดไวเซนที่เหลืออยู่ส่วนหนึ่งเข้าไปสมทบด้วยแล้ว กำลังพลของอัศวินผู้นี้ก็เกือบจะเท่ากันกับของโจเอลเลยทีเดียว เห็นได้ชัดว่าอำนาจในตอนนี้ได้ถูกแบ่งเป็นสอง และหนึ่งในนั้นเป็นคนขององค์จักรพรรดิที่เขาต้องคอยระวัง...

                    แต่แรกนั้นจอร์ชให้ความระมัดระวังกับดไวเซนมากกว่า ทั้งด้วยบุคลิกที่ก้าวร้าว และการที่มาจากเลโอเดน... แต่เมื่อสิ้นอัศวินผู้นั้นไปแล้ว จอร์ชจึงหันมาเพ่งเล็งดารูเกนซ์มากขึ้น เขาเริ่มตั้งข้อสงสัยถึงบุกคลิกที่เงียบจนปกตินั้น บางทีนั่นอาจเป็นหน้าฉากเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง ดินแดนดราโกเนียร์ที่ดารูเกนซ์จากมาก็เป็นถิ่นเดียวกับจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน...

                    ยิ่งคิดก็ยิ่งเคลือบแคลง ทำไมอัศวินผู้นี้ถึงชอบแยกตนเองและกองทหารออกไปเป็นเอกเทศอยู่เสมอๆ เหมือนว่ากำลังมีแผนการของตนเองที่ต่างไปจากโจเอลอยู่ บทเรียนสำคัญที่จอร์ชรู้มาก็คือ ต้องให้ศัตรูอยู่ในสายตาเสมอ ที่จริงเขาอยากจะโต้แย้งออกมา แต่ก็กลัวว่าจะยิ่งเปิดเผยตนเองมากไป คราวนี้เขาคงไม่อาจทำอะไรได้ ทางที่ดีที่สุดก็คือติดตามโจเอลซึ่งเขาไว้ใจมากที่สุดในขณะนี้ไปก่อน

                    โจเอลมองสหายของตนที่อยู่ๆก็มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่การปรากฏตัวของผู้แทนองค์จักรพรรดิ จอร์ชมักมีสีหน้ายุ่งยากใจปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ แต่โจเอลก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะคิดว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควร สหายผู้ลึกลับคนนี้จะเผยเรื่องราวทั้งหมดออกมาเอง

                    คำสั่งให้ให้ทุกคนออกเดินทางอย่างเร่งด่วนถูกส่งให้แก่ฮานส์เพื่อเตรียมจัดการ ทางที่ดีพวกเขาควรไปกันตั้งแต่ก่อนค่ำโดยไม่เอิกเกริก มิเช่นนั้นพวกการ์กอนอาจรู้ตัวและฉวยโอกาสบุกจู่โจม นายทหารผู้มีแผลเป็นบนใบหน้าเมื่อได้รับคำสั่งแล้วก็จัดแจงทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

     

                    ที่ปากถ้ำบนภูเขามังกร สตรีในชุดเสื้อคลุมยาวอย่างนักบวชยืนขึ้นด้วยอาการกะเผลกทั้งยังเศร้าซึม บรรดาชายฉกรรจ์ในกองทัพต่างมารวมกันเพื่อร่วมฟังการสวดให้กับผู้เสียชีวิต ทั้งที่นำศพกลับมาได้และสูญหายไปในการรบเมื่อตอนเช้ามืด

                    เสียงสวดในครานี้แหบพร่าขาดเป็นห้วงๆในบางครั้ง แม้ลูนาร์จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแต่ก็ยากเย็นเต็มที แต่ละช่วงของบทสวดทำให้เธอนึกถึงดไวเซนขึ้นมา ...มิใช่ความเสน่หาตอบในความรักที่อัศวินผู้นี้มีให้ แต่เป็นความรู้สึก... ใจหาย... สะเทือนใจ... อะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจอธิบายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ตระหนักแล้วว่าอัศวินผู้นี้ให้ความสำคัญกับชีวิตของเธอมากเสียยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง ทว่าความตายนั้นมิได้ซื้อความรักจากเธอ มันทิ้งไว้แต่เพียงความสับสนและเศร้าสร้อยต่างหาก จากนี้มันคงทำให้เธอได้มองอะไรบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม...

     

                    หินกองหนึ่งกองไว้ที่หน้าปากถ้ำอย่างเด่นชัด มันถูกเรียงขึ้นด้วยมืออันเรียวงามของลูนาร์เพื่อแทนหลุมศพของอัศวินหนุ่มนามว่าดไวเซน ภายในกองหินคือเศษผ้าจากอัศวินผู้นั้น

                    ทุกคนต่างเดินเข้าไปทำความเคารพอนุสรณ์ที่ตั้งเด่นอยู่จนครบ ก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในถ้ำเพื่อเดินทางต่อไป เหลือไว้เพียงกองทหารของดารูเกนซ์เท่านั้น หลายคนเหลียวกลับไปมองดวงอาทิตย์ที่คล้อยลงต่ำเหมือนเป็นการสั่งลา เพราะเบื้องหน้าของพวกเขาคือถ้ำอันมืดมิด ซึ่งยากจะแน่ใจได้ว่าพวกเขาจะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรรอพวกเขาอยู่ นอกจากยักษ์ชาวการ์กอนสองตนที่ทั้งหมดจะต้องฝากชะตาชีวิตไว้

                    มาโก๊กเดินนำอยู่หน้าแถวเพื่อนำทางโดยไม่พกพาอาวุธใดๆ กระนั้นก็ยังไม่เป็นที่วางใจของทุกคนนัก ฮานส์จึงเดินตามประกบไว้อย่างระแวดระวัง โก๊กฝาแฝดผู้น้องอยู่ที่กลางขบวน เขาขอให้มัดแขนของตนไว้เพื่อความสบายใจของทุกคน แน่นอนทีเดียวที่เฮอร์มจะทำตามอย่างไม่ลังเล

                    ลูนาร์นอนไปบนแคร่เพื่อไม่ให้กระเทือนข้อเท้าที่ยังไม่หายดี โจเอลเข้ามาดูอาการของเธอเป็นระยะ อันที่จริงเขาเป็นห่วงอาการซึมเศร้าของเธอมากกว่า จอร์ชเดินรั้งท้าย หันไปมองดารูเกนซ์ที่คุกเข่าหน้ากองหินของดไวเซน  ชายหนุ่มใบหน้าสวยพยายามจะคาดเดาความคิดของอัศวินผู้นั้นอย่างยากเย็น หรือบางทีเขาอาจไม่จำเป็นต้องสนใจ ไม่แน่ว่า... พวกการ์กอนอาจช่วยเขาในเรื่องนี้ได้... ดวงตาที่มีแพงขนตางอนหรุบหรี่ลง แววตาที่จ้องมองนั้นเย็นเยียบ จากนั้นเขาก็เหลียวหลังเดินตามกองทหารไปอย่างรวดเร็ว

                    ไม่ช้ากองทัพของโจเอลทั้งหมดก็หายเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด มุ่งหน้าสู่ชะตากรรมอันไม่แน่นอนที่รออยู่เบื้องหน้า...

     

    * เป็นภาษาการ์กอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×