คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8 การเผชิญหน้ากับมังกร (ปรับ)
สายลมพัดแรงบนยอดเขาสูง ส่งเสียงหวีดหวิวประหนึ่งคำคร่ำครวญของวิญญาณ หากความหนาวเย็นกลับรุนแรงยิ่งกว่า กลุ่มของโจเอลจึงพากันกระชับเสื้อคลุมป้องกันความหนาวเย็น ระวังไม่ให้มันปลิวไปตามแรงลม
“คืนนี้ท่าทางจะมีหิมะ” เฮอร์มเปรยออกมาเบา ๆ โดยไม่มีผู้ใดใส่ใจ เพราะด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ ต่อให้มีหิมะตกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ทั้งคณะออกเดินทางต่อด้วยความเร่งรีบ จันทร์คืนนี้เต็มดวงสว่างไสวเป็นพิเศษ ช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้เป็นอย่างดี พวกการ์กอนได้สร้างเส้นทางขึ้นสู่ถ้ำเอาไว้ ทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวก อันที่จริงมันดีพอจะสามารถนำม้าขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ ชวนให้อัศจรรย์ใจในความสามารถด้านการก่อสร้างของชาวการ์กอน ผิดกับบ้านเรือนที่สร้างอย่างเรียบง่าย หินขนาดใหญ่ข้างทางเดินหลายก้อนถูกสลักเสลาให้มีรูปร่างคล้ายสัตว์ ซึ่งแม้แต่เฮอร์มก็ดูจะชอบใจ ถึงขนาดหยุดแวะดู โดยออกปากให้โจเอลและคนอื่น ๆ ออกนำไปก่อน
คณะสำรวจเดินทางจนถึงถ้ำบนยอดเขาโดยใช้เวลาไม่นานนัก ซึ่งหลังการปรากฏตัวของมังกร พวกเขาจึงพากันขนานนามเขาลูกนี้ว่า ภูเขามังกร
ชาวการ์กอนได้ปรับพื้นที่บริเวณหน้าปากถ้ำให้เป็นลานกว้าง สามารถจะชุมนุมคนได้ราว 200-300 คน รอบ ๆ ลานมีก้อนหินหลากหลายขนาด เรียงรายเป็นอาณาเขต พอจะกำบังลมหนาวได้ ที่ลานแห่งนี้ ลาร์ซ มังกรศึกของดารูเกนซ์ยังคงส่งเสียงร้องเรียกเจ้ามังกรสองตัวที่บินลับหายไปนานแล้ว มันไม่ได้สังเกตุกลุ่มของโจเอลที่เพิ่งขึ้นมาถึง จนดารูเกนซ์เรียกมันจึงหยุดร้อง หันมองมาด้วยสายตาสำนึกผิด
โจเอลและคนอื่น ๆ พักที่ลานด้านหน้าชั่วครู่ ขณะที่ดารูเกนซ์ลูบหัวลาร์ซเพื่อปลอบประโลม จากนั้นทั้งหมดจึงเข้าไปในถ้ำเพื่อสำรวจ ปากถ้ำกว้างราวสิบฟุต แต่ภายในกว้างใหญ่กว่านั้นมาก ทุกคนพากันตื่นตะลึงกับความงามภายในถ้ำที่มีแท่งผลึกผุดแทรกตามผนังถ้ำ มีทั้งขนาดใหญ่น้อย สะท้อนแสงจันทร์ระยิบระยับ หลายคนรวมทั้งเฮอร์มพยายามกะเทาะมันออกเพื่อนำติดตัวแต่โจเอลก็ห้ามปรามและตำหนิ เพราะต้องเร่งรีบหาตัวคนร้าย และไปจากที่นี่ก่อนที่เจ้ามังกรจะกลับมา
ถ้ำแห่งนี้ดูเหมือนเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อของพวกการ์กอน เพราะที่พื้นมีการโรยผงดินสีแดงเป็นลวดลาย แต่มีรอยอุ้งเท้ามังกรตะกุยทำลายจนเละ ใกล้ปากถ้ำยังมีข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งอาวุธที่พวกการ์กอนนำมากองรวมเอาไว้ คล้ายกับเป็นเครื่องสักการะ ด้านที่ลึกเข้าไปในถ้ำ มีเชือกเส้นใหญ่พาดขวาง เหมือนเป็นการแสดงเขตหวงห้าม ซึ่งเฮอร์มยกมันออกอย่างไม่ไยดี ชี้ร่องรอยของหัวขโมยที่มุ่งลึกไปในถ้ำให้โจเอลดู
ขณะที่โจเอลมองไปยังส่วนลึกของถ้ำ พลางชั่งใจอยู่ว่าควรจะติดตามหัวขโมยเข้าไปหรือควรจะกลับหมู่บ้านก่อนดี พลันแสงจันทร์สว่างที่ฉายลอดจากปากถ้ำกลับมืดมิด ตามติดด้วยเสียงวัตถุขนาดใหญ่ทิ้งตัวลงมา...
เจ้ามังกรกลับมาแล้ว...
ทุกคนในที่นั้นคิดแทบจะพร้อมกัน ต่างแยกย้ายหาที่กำบังก่อนที่เจ้าสัตว์ร้ายจะพบเข้า
ไม่ช้า เจ้ามังกรสีแดงก็เยื้องกรายเข้ามา เมื่ออยู่ในระยะใกล้เช่นนี้ ทุกคนยิ่งคร้ามเกรงต่อเรือนกายอันใหญ่โต มันสอดส่ายสายตาเพื่อค้นหาบางสิ่งพลางสูดดมหาร่องรอย โจเอลเหลือบมองคบไฟที่เพิ่งดับ เกรงว่าเจ้ามังกรสีแดงจะได้กลิ่นควัน
“ออกมา ! อาลาริค เลิกหลบเร้นกายเยี่ยงสัตว์ชั้นต่ำได้แล้ว !”
เจ้ามังกรสีแดงตะโกนออกมา ทำเอาทุกคนพากันสะดุ้ง เกรงว่าจะถูกพบเข้าเสียแล้ว น่าแปลกใจที่เจ้ามังกรกำลังพูดภาษามนุษย์ ?
โจเอลรู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกับทุกคน ที่รู้ว่ามังกรพูดภาษามนุษย์ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจยิ่งกว่านั้นคือชื่อที่เพิ่งได้ยิน เพราะมันคือชื่อที่เขาเคยได้ยินมานับพันครั้งในตำนานปรัมปรา
คล้อยหลังเสียงตะโกนท้าทายจากเจ้ามังกรแดง อีกเสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางปากถ้ำ
“เจ้าเด็กสามหาว จงออกไปเดี๋ยวนี้ !”
เสียงดังกังวานและทรงอำนาจยิ่งกว่าจากเจ้ามังกรสีขาว น้ำเสียงของมันทำทุกคนหยุดนิ่ง แม้แต่เจ้ามังกรสีแดงก็ยังมีท่าทียำเกรง มันได้แต่นิ่งงัน ขณะที่เจ้ามังกรสีขาวเยื้องย่างช้า ๆ
“โวลเกีย ข้าบอกให้เจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” เจ้ามังกรสีขาวกล่าว
“คนที่ทำให้เผ่าพันธุ์มังกรตกต่ำเช่นเจ้า จงอย่าได้บังอาจมาสั่งข้า !” เจ้ามังกรสีแดงตะคอกกลับ พลางพองตัวและส่งเสียงในลำคอเป็นการขู่ แต่เจ้ามังกรสีขาวก็หาได้หวั่นเกรง
“ข้าคนเดียวหรือ ที่ทำให้เผ่าพันธุ์มังกรตกต่ำ หรือว่ามันเป็นวัฐจักรที่พวกเจ้าไม่เคยคิดจะทำใจยอมรับ? โวลเกีย เจ้าอาจจะมีฝีมือเหนือกว่ามังกรตัวอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกัน แต่หากจะลองดีกับข้า ยังนับว่าเร็วไปพันปี !”
เจ้ามังกรสีแดงไม่เสียเวลาเจรจาอีกต่อไป มันพ่นเปลวไฟเข้าใส่ในทันใด เปลวไฟร้อนแรงจนแม้กระทั่งโจเอลที่อยู่ห่างออกไปยังรู้สึกได้ ทว่าเจ้ามังกรสีขาวกลับมิได้สะท้านเกรงแต่อย่างใด เพราะเปลวเพลิงนั้นหาได้ต้องกายมันแม้แต่น้อย หากถูกหยุดยั้งด้วยกำแพงมนต์ที่มองไม่เห็น มิเพียงเท่านั้น กำแพงมนต์ยังคงรุกคืบจนล้อมเจ้ามังกรสีแดงไว้ทุกด้าน
“เลิกทำเรื่องเหลวไหลเสียทีเถิด เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ข้าไม่คิดจะกลับไปข้องแวะกับมังกรตนใดอีก เจ้าเองก็เลิกตอแยข้าเสียที เอ้า ! กลับไปยังที่ของเจ้าได้แล้ว !”
สิ้นเสียงเจ้ามังกรสีขาว ร่างของเจ้ามังกรสีแดงก็ค่อย ๆ ซีดจางราวกับจะเลือนหาย แต่ก่อนจะหายวับไป เจ้ามังกรสีแดงก็ได้กล่าวคำอาฆาตทิ้งท้าย
“อาลาริค ข้าขอสาบานว่าจะต้องฆ่าเจ้า ผู้ที่ทำให้เผ่าพันธุ์มังกรตกต่ำ แม้ว่าลูกของข้าจะต้องกลายเป็นสเลนก็ตาม...”
เสียงของเจ้ามังกรแดงหายไปพร้อมกับร่างของมัน ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันราวกับไม่เคยมีเจ้ามังกรตนนั้นมาก่อน
“ชะ! เจ้าเด็กอวดดี ชอบสาบานพร่ำเพรื่อราวกับเป็นมนุษย์ ถึงเจ้าจะฆ่าข้าได้ก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงหรอก” เจ้ามังกรสีขาวบ่นกับตัวเอง มันเดินวนไปมาคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะประหลาดใจเพราะเผลอไปเหยียบบ่วงเชือก
“นี่มันอะไรกัน ?” เจ้ามังกรสีขาวอุทานด้วยความแปลกใจ มันเหลียวกลับไปมองขาหลังที่ถูกบ่วงเชือกเส้นใหญ่รัดแน่น สงสัยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เอาเลยไอ้หนู !” พรานเฒ่าร้องบอกสัญญาณให้บุตรทั้งสองซึ่งติดตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ รวมทั้งเรื่องที่พรานเฒ่าวางกับดักไว้ตั้งแต่เมื่อใด รู้เพียงว่าสิ่งที่จะเกิดหลังจากนี้คงไม่พ้นหายนะ...
ทันทีที่เฮอร์มส่งสัญญาณ บุตรชายที่ซุ่มรออยู่ภายนอกก็ช่วยดันหินก้อนใหญ่ให้กลิ้งตกจากเขา ซึ่งมัดกับบ่วงที่รัดข้อเท้ามังกร น้ำหนักมหาศาลฉุดเจ้ามังกรไปด้วย มันรีบใช้กรงเล็บจิกยึดพื้นไม่ให้เสียหลักร่วงตามลงไป
“ฮะฮ่า !” พรานเฒ่าหัวเราะร่า เผยตัวอย่างอหังการต่อหน้ามังกรร้าย ขณะอีกฝ่ายมองอย่างฉงน ไม่รู้ว่ามนุษย์ตัวจ้อยกำลังพยายามทำอะไร
เฮอร์มไม่พูดพล่ามทำเพลง ด้วยรู้ดีว่ายังอีกไกลกว่าจะมีชัย กุญแจสำคัญคือความไวและการสร้างความประหลาดใจไม่ให้เจ้ามังกรตั้งตัวติด จึงต้องรีบดำเนินการขั้นต่อไปด้วยการขว้างถุงผ้าใบใหญ่ใส่หน้าเจ้ามังกร ซึ่งภายในบรรจุละอองเกสรจำนวนมาก เมื่อมันฟุ้งกระจายก็ทำให้เจ้ามังกรจามเป็นพัลวันจนไม่มีสมาธิพอจะรับมือ พรานเฒ่าก็ยังนึกเสียดายที่ใช้ผงมอร์ฟีอุสไปกับเจ้ายักษ์จนเกือบหมด ไม่เช่นนั้นคงจะเผด็จศึกไวกว่านี้
ขณะที่เฮอร์มขะมักเข้มนกับการเล่นงานเจ้ามังกร คนที่เหลือก็ได้แต่ตะลึงพรึงเพริดกับความกล้าบ้าบิ่น แรกที่ได้ยินเฮอร์มประกาศว่าจะจับเจ้ามังกรยังคิดว่าเป็นเพียงมุขตลกชวนหัว ใครเลยจะคิดว่าจะได้เห็นภาพมนุษย์ธรรมดากำลังได้เปรียบเหนือเจ้ามังกรที่มีทั้งร่างกายใหญ่โตและเวทมนต์อันทรงอานุภาพ ซึ่งบัดนี้ไม่อาจใช้ได้ดังประสงค์ ไม่น่าเชื่อว่าเฮอร์มจะถูกความโลภชักนำจนเลยเถิดได้ถึงเพียงนี้ หลายคนแอบเอาใจช่วย แม้จะสังหรณ์ว่าเรื่องนี้คงไม่จบอย่างที่พรานเฒ่าหวัง
การล่ายังไม่จบลงโดยง่าย ระหว่างที่เจ้ามังกรจามไม่เลิก เฮอร์มก็รีบโยนเชือกเส้นใหญ่พาดคอเจ้ามังกร ควั่นกับหินก้อนใหญ่มั่นคงแข็งแรง บุตรทั้งสองรีบเข้ามาช่วย ทั้งสามคล้องร่างเจ้ามังกรมือเป็นระวิงจนคิดว่าตรึงไว้ดีแล้ว พรานเฒ่าจึงดำเนินการขั้นสุดท้าย ด้วยการนำผ้าผืนใหญ่คลุมหน้าเจ้ามังกรเพื่อไม่ให้มันมองเห็น ขณะที่มืออีกข้างก็ถือหอกอาบยาสลบเข้มข้นมากพอจะปิดบัญชี
“นิ่งไว้อีหนู นิ่งไว้...” เฮอร์มกระซิบปลอบไม่ให้เจ้ามังกรตื่นตระหนก หรือบางทีอาจแค่ต้องการเยาะเย้ยอีกฝ่าย เพราะอีกเพียงก้าวเดียวก็จะบรรลุชัยชนะ เขาบรรจงเลือกจุดที่คิดว่าเหมาะเจาะที่สุด ก่อนจะเงื้อหอกแทงลงไปสุดแรง...ทว่ามันกลับแทงไม่เข้า !
เฮอร์มไม่เชื่อในสิ่งที่เกิด พยายามกระหน่ำแทงย้ำจุดเดิมอีกหลายหน หากมิอาจสร้างรอยขีดข่วนบนตัวเจ้ามังกรแม้แต่น้อย พรานเฒ่ายังคงใช้หอกแทงเข้าใส่จุดเดิมไม่หยุด กระทั่งเจ้ามังกรขยับกายลุกขึ้น เชือกเส้นใหญ่ที่เฮอร์มและบุตรลงแรงมัดเอาไว้ก็ขาดสะบั้นอย่างง่ายดายไม่ต่างจากด้ายที่เปื่อยยุ่ย พรานเฒ่าร่วงผล็อยหล่นลงมาคะมำเค้เก้
เจ้ามังกรยืดตัวตรง ส่งเสียงครืดคราดในลำคอคล้ายต้องการขับผงละอองเกสรที่สร้างความระคายก่อนจะหยุดนิ่ง ภายใต้ผ้าที่คลุมศีรษะไว้ทำให้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป ทันใดนั้นมันก็พ่นเปลวเพลิงร้อนแรงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีฟ้า จนมองไม่เห็นเปลวเพลิง มีเพียงไอร้อนสูงที่ทำให้บรรยากาศโดยรอบบิดเบี้ยว มันหันไปพ่นไอความร้อนใส่เชือกที่มัดขาหลังไว้กับก้อนหิน เชือกเส้นหนาถูกเผาไหม้ในพริบตา ตามติดด้วยเสียงก้อนหินกลิ้งตกเขาส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“อา...ช่วยให้โล่งคอดีจริงเชียว เจ้าพอจะมีสิ่งนี้อีกไหม ?” เจ้ามังกรเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ พลางขยับยิ้ม อันเป็นสิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้ว่ามังกรยิ้มได้ ขณะที่เฮอร์มซึ่งล้มก้นจ้ำเบ้าได้แต่นิ่งอึ่ง ไม่รู้จะทำประการใดต่อไป
“อ้าว มนุษย์...ข้าจำได้ว่าเพิ่งไล่เจ้าออกไปพ้นถ้ำแล้วนี่นา เพราะทำแบบนั้นข้าถึงโดนเจ้าหนูนั่นพบเข้าจนได้ นี่ข้าโชคร้ายเพราะเจ้าแท้ ๆ เชียว” เจ้ามังกรบ่นต่อไป ก้มหน้าลงมามองเฮอร์มใกล้ ๆ อย่างพินิจ ก่อนจะอุทานออกมา
“อ้าว ! นี่เจ้าไม่ใช่คนที่ข้าเพิ่งไล่ไปนี่นา โอ้ย ! ขอโทษทีเถิด มองผาด ๆ ข้าก็เห็นว่ามนุษย์ดูจะคล้าย ๆ กันไปหมด เอ้อ ! แต่ที่เจ้ามาเรียกข้าว่าอีหนูนี่ข้าออกจะไม่ชอบใจอยู่นะ” เจ้ามังกรประท้วง แต่พอมันหันมามองอีกครั้ง เฮอร์มก็เผ่นหายไปเป็นที่เรียบร้อย
“นี่มันวันอะไรกัน...” เจ้ามังกรก้มหน้า บ่นพึมพำกับตัวเอง “...ข้าตกต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งถูกมังกรรุ่นหลังไล่ต้อน แล้วยังมาถูกมนุษย์ท้าทายถึงสองครั้งสองครา...”
เจ้ามังกรนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง พลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลง เกล็ดใสระยิบเริ่มเจือสีแดงสว่างวาบคล้ายถ่านที่คุโชน
“ตอบข้าสิเจ้ามนุษย์ ! เหตุใดเจ้าจึงกล้าท้าทายข้าเยี่ยงนี้!” เจ้ามังกรตะคอกดังลั่นปานฟ้าผ่า พลันหินก้อนใหญ่ที่โจเอลและเฮอร์มใช้ซ่อนตัวก็แหลกเป็นผงคลี ทั้งสองได้แต่นิ่งงันทำอะไรไม่ถูก ขณะที่เจ้ามังกรเพ่งเข้ามาใกล้ ดวงตาสีทับทิมของมันจ้องมองมนุษย์ทั้งสองอย่างพินิจ เมื่อเห็นชายหนุ่มท่วงทีหมดจด ผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน เจ้ามังกรก็กลับชะงักไปคล้ายระลึกบางสิ่ง
“ราชามนุษย์...” มันพูดเบา ๆ กับตัวเอง พลางขยับเข้าใกล้โจเอลมากขึ้น ทว่าเมื่อมันขยับกาย การตอบโต้ก็บังเกิด
“ทุกคนโจมตี !” จอร์ชตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา แม้จะเกรงกลัวอำนาจมังกร แต่เขาต้องช่วยโจเอลให้พ้นอันตราย ทุกคนระดมยิงธนูเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเจ้ามังกร หวังจะซื้อเวลาพอให้โจเอลหลบหนีทว่าไร้ผล ธนูทั้งหมดมอดไหม้เป็นจุลก่อนจะถึงเป้าหมาย ถึงตอนนี้โจเอลจำต้องชักดาบหวังสู้สุดกำลัง ดารูเกนซ์ก็คิดเช่นเดียวกัน หากแต่มังกรศึกของเขากลับไม่ยอมขยับเขยื้อนราวกับไม่ต้องการต่อสู้
“พอเสียที !” เจ้ามังกรแผดเสียงดังสนั่น พลันอาวุธก็ตกจากมือทุกคน ไม่หลงเหลือหนทางต่อกรอีก
“เลิกทำเรื่องเหลวไหลได้แล้ว !” มันส่งเสียงตำหนิราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังดุเด็ก ๆ ขณะที่ทุกคนได้แต่นิ่งงัน เฮอร์มซึ่งฉวยโอกาสตั้งแต่ตอนที่ทุกคนโจมตีแอบเผ่นหนีจนเกือบถึงปากถ้ำ ทว่าไม่อาจไปได้ไกลกว่านั้น เพราะร่างของพรานเฒ่าถูกอำนาจที่มองไม่เห็นนำมาอยู่ตรงหน้าเจ้ามังกรอีกครั้ง
“เอ้า ! ว่าอย่างไร จะรีบไหนกันหรือ ?” เจ้ามังกรเปล่งเสียงอันทรงอำนาจ ดวงตาสีแดงทอประกายเขม้นมองชายสูงวัยอย่างพินิจ ขณะที่โจเอลและคนอื่น ๆ พากันลุ้นว่าเจ้ามังกรจะทำอย่างไรกับเฮอร์ม เมื่อพรานเฒ่าบังอาจลองดีกับสิ่งมีชีวิตที่ทรงฤทธานุภาพ
“อ้อ...นี่เจ้าคิดว่าจะสามารถล่าข้าได้ ไม่ต่างจากล่าสัตว์ชั้นต่ำอย่างนั้นหรือ ? เอาเถิด ของแค่นี้ไม่ได้เป็นภัยกับข้าแม้แต่น้อย แต่หากมีครั้งหน้าข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” เจ้ามังกรตัดสินอย่างรวบรัดด้วยการคาดโทษเจ้าตัวปัญหา เสร็จแล้วจึงคลายอำนาจที่ยึดตัวเฮอร์มไว้จนพรานเฒ่าตกลงพื้นดังลั่น ซึ่งคงทำให้ได้แผลฟกช้ำดำเขียวแต่เฮอร์มก็ไม่ร้องสักแอ่ะ รีบคลานไปนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ริมถ้ำ
เจ้ามังกรเลิกสนใจเฮอร์ม หันมามองโจเอลอย่างพินิจ ซึ่งโจเอลก็ทำอย่างเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองเจ้ามังกรใกล้ ๆ โดยไม่รู้สึกถูกกดดัน เจ้ามังกรมีร่างกายใหญ่โตมาก เกล็ดสีขาวทอประกายระยิบ เมื่อสังเกตุใกล้ ๆ จึงได้รู้ว่ามันคือเพชรเม็ดใหญ่น้อย ลดหลั่นกันไป จึงไม่แปลกที่การโจมตีของเฮอร์มจะไร้ผล ศีรษะของเจ้ามังกรมีเขาทองคำสี่คู่ ขณะที่นัยน์ตาสีแดงสดของมันดูประหนึ่งทับทิม ซึ่งยังคงจ้องมองโจเอลเนิ่นนานคล้ายต้องการระลึกบางสิ่ง
“ราชามนุษย์...หรือท่านจะจำข้าในร่างนี้ไม่ได้...ถ้าอย่างนั้น...” เจ้ามังกรยังคงบ่นพึมพำ ก่อนจะบังเกิดแสงสีฟ้าสว่างจ้ารอบกายเจ้ามังกร ทุกคนหรี่ตาด้วยไม่อาจทานทน จนเมื่อแสงจางหายไป สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับทำให้ประหลาดใจ เมื่อร่างอันใหญ่โตของเจ้ามังกรกลายเป็นชายสูงวัยปรากฏแทนที่
ชายซึ่งเพิ่งปรากฏรูปร่างหน้าตามีสง่าราศี สูงราวหกฟุตเจ็ดนิ้ว ยืนตัวตรงผึ่งผายวงไหล่กว้าง ใบหน้ามีริ้วรอยของผู้มีอายุ ซึ่งคงจะราว ๆ สี่สิบกว่า นัยน์ตาเป็นสีแดงของสีทับทิม ผมสีเงินยาวประบ่า มีหนวดเครายาวจนถึงอก ชายผู้นี้สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์สีขาวเรียบง่าย มีเพียงเสื้อคลุมยาวสีขาวลวดลายคล้ายเกล็ดมังกร และมงกุฎทองคำที่มียอดทั้งแปดบนหัว ขับให้ชายตรงหน้าดูทรงศักดิ์เยี่ยงกษัตรา
“เอ่อ...ท่าน...มังกร?” โจเอลเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า ไม่แน่ใจว่าชายที่ยืนตรงหน้าคือเจ้ามังกรตัวเมื่อครู่
“อ้าว” ชายสูงวัยอุทาน เปลี่ยนเป็นยืนกอดอกด้วยท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะถามออกมาตรง ๆ
“เจ้าไม่ใช่โอรูธานหรอกหรือ ?”
ความคิดเห็น