คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #68 : [KRIS X SUHO] WAITTING FOR U, FOREVER
ในหนึ่งปีจะมีเพียงหนึ่งวันเท่านั้นที่คนตายสามารถอยู่ร่วมกับคนเป็นได้
ไม่สิ… ไม่ใช่… เพราะถ้าเป็นคนปกติ ก็ไม่อาจมองเห็นคนตายได้อยู่ดี
ร่างสูงเหม่อมองสายฝนที่โหมกระหน่ำอยู่นอกหน้าต่างด้วยสายตาราบเรียบ… ในหนึ่งไม่ไม่เคยมีวันใดที่เขาจะรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการรอคอยที่ยาวนานเท่ากับวันนี้ มือหนายกขึ้นทาบกระจก ความเย็นที่สัมผัสได้ไม่ได้ทำให้ร่างกายสีซีดนี้รู้สึกหนาวขึ้นแต่อย่างใด
มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นวิญญาณ หรือ สัมผัสได้ถึงเหล่าปีศาจที่แฝงตัวอยู่ในสังคมได้ การตามล่าพวกผีปีศาจหมดไปจากโลกใบนี้นานแล้ว แต่เหล่าปีศาจก็ยังคงดำรงอยู่
ร่างสูงภายใต้เสื้อเชิ้ตสีอ่อนตัดกับไทด์สีเข้มนั้นแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ยามนึกถึงดวงหน้าหวานของบุคคลอันเป็นที่รัก ที่ไม่ได้เจอกันนาน
เพราะปีศาจกับมนุษย์ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้นาน ทำให้เขาต้องห่างจากคนคนนั้น
แต่ไม่มีวันใดเลยที่ไม่ถวิลหา…
เขาหันหลังให้กระจกบานนั้นแล้วเดินไปอีกห้องหนึ่ง ห้องสีเหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงตอกกุหลาบสีดำเรืองแสงในแจกันแก้วสีใสเท่านั้นที่เป็นแสงสว่างให้กับห้องห้องนี้
ของขวัญชิ้นสำคัญที่เขาเตรียมไว้ให้กับบุคคลอันเป็นที่รักเพียงคนเดียวเท่านั้น
“คุณผู้ชายครับ คุณหนูคนนั้นมาถึงแล้วครับ” เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้นที่หน้าห้อง เขาเหลืบตามองแล้วพนักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ แล้วเอื้อมไปสัมผัสแจกันแก้วนั้นอย่างเบามือ
จะได้เจอกันแล้วสินะ
คิดถึง…
ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัดกับกางเกงแสล็คสีดำ และสายกระเป๋าเป้หนังสีเข้มยืนอยู่หน้าบ้าน… ไม่สิ ต้องเรียกว่าคฤหาสน์หลังโตด้วย ดวงหน้าหวานเปื้อนยิ้มเล็กน้อย ยาวยกนาฬิกาขึ้นดู…
พ่อบ้านคนเก่งเดินออกมาต้อนรับเขาอย่างสุภาพเหมือนทุกครั้งและพาไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ส่วนใน โถงทางเดินกว้างที่มีรูปของเจ้าของคฤหาสน์รุ่นก่อน ๆ แขวนประดับอยู่ยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นมาอันยาวนานของคฤหาสน์แห่งนี้
“วันนี้คุณจุนมยอนดูมีความสุขนะครับ… คุณผู้ชายคงดีใจ”
“ไม่หรอกครับ ถ้าเขาดีใจ เขาต้องออกมาหาผมด้วยตัวเองสิ” เสียงใสว่ากลับอย่างอารมณ์ดี รู้ทั้งรู้ว่าสาเหตุที่คนคนนั้นต้องให้พ่อบ้านออกมารับคืออะไร แต่ก็ยังอดล้อเล่นด้วยไม่ได้
นาน ๆ ทีจะได้เจอกันทั้งทีนี่นา
“ถ้านายจะให้พี่ไปรับตอนเที่ยงคืนจากห้องนอน… หรือไม่ก็ตอนนายจะอาบน้ำก่อนนอนพี่ก็ยินดีจะไปอยู่หรอกนะ” เสียงของเจ้าบ้านดังขึ้นที่ระเบียงชั้นสอง เรียกรอยยิ้มกว้างให้กับคนตัวเล็กกว่าทันที
ร่างสูงเจ้าของผิวสีซีดค่อย ๆ ก้าวลงมาอย่างเชื่องช้า แต่เพราะมันช้าเกินไป เจ้าของชื่อจุนมยอนจึงวิ่งไปกระโดดกอดเขาเสียเอง
“ทำตัวเป็นลูกหมาเจอเจ้าของไปได้” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้น แต่มือหนากลับยกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ
“คิดถึงนี่ แล้วก็ไม่ใช่ลูกหมาด้วย” ทั้งคู่เดินลงบันไดมาพร้อมกับแล้วนั่งลงที่โซฟารับแขกตัวยาว มันยังไม่ถึงอาหารเย็น และพ่อบ้านของเขายังต้องจัดเตรียมอะไรอีกเยอะแยะ
คนสองคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน… และมันคงจะดีกว่า ถ้าคนทั้งคู่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง
สวนดอกไม้ด้านนอกคฤหาสน์บานสะพรั่งอวดสีสันกันอย่างสวยงามเหมือนผลิรอเจ้าของมันให้มาเชยชม จุนมยอนเป็นคนปลูกมันเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะต้องออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไป ดอกกุหลาบสีแดงแปลงใหญ่ตรงหน้าคือลูกรักของเขาเลยก็ว่าได้
ถึงเขาจะสามารถปลูกดอกกุหลาบสีแดงได้เป็นแปลงก็เถอะ แต่เขากลับไม่สามารถปลูกดอกไม้สีดำได้อย่างที่หวัง ทั้ง ๆ ที่ได้เมล็ดพันธุ์มาแล้ว แต่มันกลับไม่โตเสียที
“มีแต่กุหลาบสีโทนร้อน…”
“เหมือนกับนาย… ที่อบอุ่น และร้อนแรง” ปลายเสียงถูกเอื้อนเอ่ยเพียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ หากแต่ทำให้แขกผู้มาเยือนนั้นหน้าแดงระเรื่อขึ้นอย่างไม่อาจห้ามได้
“แบบนั้นพี่ก็แตะต้องผมไม่ได้น่ะสิ…”
หมับ
อ้อมแขนแกร่ง โอบกอดร่างเล็กจากด้านหลัง แล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ เหมือนกับเย้ยหยันว่าเขาพูดผิด ผิวกายเย็นเฉียบ แต่แสนมั่นคงที่โอบรอบตัวของเขาอยู่
คิดถึง
คำเดียวเลยจริง ๆ ที่อยากบอกแก่กันและกันเสมอ…
สายลมพัดแรงขึ้นจนเจ้าของบ้านต้องกระชับอ้อมแขนให้แน่นกว่าเดิม แล้วค่อย ๆ พาร่างเล็กเข้าไปในตัวคฤหาสน์ แต่เมื่อพอก้าวเข้ามาภายในตัวคฤหาสน์สายลมเบื้องนอกกลับสงบลง
“ท่าทางจะมีคนไม่อยากให้จุนมยอนต้องตากลมอยู่นอกบ้านนะ” คนตัวเล็กแย้มยิ้มกับคำพูดนั้นทั้ง ๆ ที่ดวงหน้าหล่อเหลายังคงราบเรียบไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาเลยก็ตาม
แต่จุนมยอนกลับรู้สึกว่าเจ้าของคฤหาสน์หลังโตนี้กำลังอารมณ์ดี
“พี่เตรียมของขวัญไว้ให้นายด้วย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่มือเย็นเยียบกอบกุมมือเล็กแล้วออกแรงดึงให้เดินตามกันไป… คฤหาสน์ที่แสนเงียบเหงาเหมือนกับได้รับแสงสว่างอีกครั้ง คริสรู้ดีว่า สมาชิกแต่ละคนของคฤหาสน์หลังนี้ต่างรับรู้การมาถึงของจุนมยอนทั้งนั้น
สายลมเมื่อกี้ก็ของเซฮุน
ส่วนความหนาวเย็นที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกทีนี้ก็คงเป็นของมินซอก…
“ทุกคน… สบายดีใช่ไหมครับ” เหมือนคนตัวเล็กของเขาจะรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวดีเสียด้วย… ประสาทสัมผัสของจุนมยอนเป็นของจริงมาตั้งแต่ก่อนที่เจ้าตัวจะออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้อยู่แล้ว…
“สบายดี… ทุกคนเลย” เพียงได้ยินดังนั้น คนตัวเล็กก็แย้มยิ้มอย่างเป็นสุข หากห่างกันไปก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว… พอคิมจุนมยอนยิ้ม คฤหาสน์หลังนี้ก็ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา…
คริสหลงรักรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยแสงสว่างของคิมจุนมยอนที่สุด
และเขาก็ไม่เคยอยากปล่อยมือจากคนคนนี้เลยแม้แต่น้อย
แต่มันไม่มีวันจะเป็นจริง… เพราะปีศาจกับมนุษย์อยู่ด้วยกันไม่ได้
เขาทั้งคู่รู้ถึงเรื่องนั้นดีจึงทำใจยอมรับ และห่างกัน… แต่ไม่ตลอดกาลสักหน่อย…
ร่างสูงเดินนำคนตัวเล็กมายังห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดจากห้องของเขา แสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่กำลังหล่อเลี้ยงดอกกุหลาบสีดำที่วางไว้บนโต๊ะกลางห้อง… ของขวัญแด่คนพิเศษเพียงคนเดียวของคฤหาสน์หลังนี้
“กุหลาบสีดำ…” เสียงหวานเอื้อนเอ่ย แล้วมองร่างสูงที่เดินนำไปยังดอกไม้แสนสวยนั้นด้วยสายตาที่รื้อไปด้วยน้ำตา… คริสไม่เคยผิดสัญญากับเขาเลยสักครั้ง…
ของขวัญที่ต้องใช้เวลาเตรียมการมากที่สุด… รอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าที่มักจะนิ่งสนิทนั้นทำให้จุนมยอนน้ำตารื้น เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าคริสจะเตรียมดอกกุหลาบสีดำนี้ไว้ให้… เพราะถึงจะเป็นปีศาจ…ก็ใช่ว่าจะทำมันได้ง่าย ๆ
“ไม่ต้องคิดเยอะขนาดนั้น… พี่ทำเพื่อนนายได้ทุกอย่าง…” ร่างเล็กเดินมาหยุดอยู่หน้าดอกกุหลาบสีดำแสนสวย มือเล็กลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เอื้อมไปหยิบมันอยู่ดี
“คริสเข้าใจรึเปล่า… ว่าหลังจากนี้มันจะเป็นยังไง” เสียงหวานถามขึ้น ทั้ง ๆ ที่ดวงตาคู่โตนั้นยังจ้องมองดอกกุหลาบในมือด้วยสายตาที่หม่นแสงลง… แต่ก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า
“ถึงจะเกิดอะไรขึ้น… พี่ก็รักนายไม่เปลี่ยนแปลง”
อาหารมื้อเย็นมาถึงรวดเร็วเสียทั้งสองคนนึกเสียดาย… ในหนึ่งปีจะมีเพียงวันหนึ่งเท่านั้น ที่คริสกับจุนมยอนจะสามารถเจอกัน และอยู่ด้วยกันได้ ถึงจะพยายามใช้มันอย่างคุ้มค่าแค่นั้น… มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี
“หวังว่าอาหารจะถูกปาก…” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าทุกครั้ง… คริสรู้ดีว่าเวลาของพวกเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ดวงตาคู่คมเหลือบมองนาฬิกาไม้เรือนเก่าที่แขวนประดับอยู่เบื้องหลังของจุนมยอน ดอกกุหลาบสีดำแสนสวยถูกนำมาประดับโต๊ะอาหารนี้ด้วยความเอาแต่ใจของคิมจุนมยอน
ทั้ง ๆ ที่ในคราแรกพ่อบ้านของเขาประดับมันด้วยดอกไม้สีสันสดใสแล้วแท้ ๆ
“กินอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ… คริสก็รู้” รอยยิ้มกว้างของคนตรงหน้าพร้อมกับมือเล็กที่ถือช้อนตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย… ภาพของคนที่ดูก็รู้ว่า กำลังฝืนร่าเริงขนาดไหน แต่คริสก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป แต่ใจมันก็ว้าวุ่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
เพราะเขารู้ดี ต่อจากนี้คือการรอคอยที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร
ถึงกาลเวลาร้อยปีของปีศาจจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับ การรอใครสักคน… มันช่างแสนนาน
“คริส… ผมว่าผมควรจะพูดอะไรสักอย่างใช่ไหม… ก่อนที่เวลาในวันนี้จะหมดลง”
“นายอยากพูดอะไรก็พูดสิ… พี่รับฟังจุนมยอนเสมอ” รอยยิ้มบางเบาที่ริมฝีปากของดวงหน้าหล่อเหลาสีซีดยิ่งทำให้คนตัวเล็กรู้สึกทำอะไรไม่ถูก… หากแต่ไม่มีเวลาแล้วจริง ๆ
“ผมรักคุณ… ผมรักคุณคนเดียว… คุณได้ยินไหม” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสั่นเทานั้นยิ่งทำให้คริสอยากลุกขึ้นไปกอดปลอบจุนมยอนเหมือนทุกครั้ง ที่จำต้องลาจาก
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน
เขาเลือกที่จะนั่งอยู่เฉย ๆ เพราะการลุกขึ้นไปกอดปลอบครั้งนี้จะสร้างความเจ็บปวดยิ่งกว่าไม่ลุกขึ้นไปหาเสียอีก
“พี่ก็รักนาย… ไม่ว่าจะอีกกี่ร้อย… กี่พันปี…”
หากชะตากำหนดให้เขาเกิดมามีชีวิตที่เป็นนิรันดร์ และไม่อาจเลือกตายได้อย่างตามใจ เขาจะขอใช้ชีวิตนี้เพื่อรอคอยคนตรงหน้าตลอดไป
ตึ่ง...ตึ่ง...ตึ่ง…
เสียงเตือนบอกเวลาหกโมงยิ่งทำให้ดวงหน้าหวานของจุนมยอนอาบไปด้วยน้ำตา… ในวันนี้ช่างเป็นวันที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนวิเศษ… เพราะนอกจากจะได้พบกับคนรักที่จากมานานแล้ว เขายังได้รับของขวัญที่อยากได้มานานแสนนานเสียด้วย…
ดอกกุหลาบสีดำ… รักนิรันดร์แด่เธอผู้เป็นที่รักเพียงคนเดียว
แม้คริสจะไม่สามารถมอบความอบอุ่นให้เขาได้ แต่เขาก็รู้สึกอบอุ่นเสมอยามเมื่อมือเย็นยะเยียบนั้นโอบกอดกันไว้… แม้หลังจากนี้จะไม่สามารถเจอกันได้ถึงหนึ่งปี…
สิ่งสุดท้ายก่อนที่เวลาจะหมดลง คิมจุนมยอนเลือกที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า… รอยยิ้มที่แสนสวยงามที่เป็นดั่งแสงสว่างของคฤหาสน์แห่งนี้… รอยยิ้มของนายหญิงเพียงคนเดียวของคฤหาสน์
เรือนร่างเล้กค่อย ๆ โปร่งแสงขึ้นที่ละเล็ก ทีละน้อย… หากแต่ร้อยยิ้มนั้นกลับยังไม่จางหายไป ร่างกายของคิมจุนมยอนค่อย ๆ สลายไปที่ละน้อย เหมือนละอองดาว น้ำตาหยดสุดท้ายหยดแหมะลงบนผ้าปูโต๊ะ ก่อนที่ร่างเล็กจะสลายไปอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับอีกคนที่หลับตาลง พยายามจดจำดวงหน้าหวานที่แย้มยิ้มอย่างเปี่ยมสุขเมื่อครู่
เขาว่ากันว่าทุก ๆ วันที่ 31 ตุลาคม วิญญาณคนตายจะสามารถกลับขึ้นมาบนโลกมนุุษย์และอยู่กับครอบครัวของตัวเองได้หนึ่งวัน…
ใช่… คิมจุนมยอนได้ตายจากโลกนี้ไปนานนับหลายพันปีแล้ว… เพราะอายุขัยของมนุษย์นั้นแสนสั้น ต่างจากเขาที่เป็นแวมไพร์… ครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์ดั่งคำสาป
กุหลาบสีดำ… คือสิ่งที่จุนมยอนอยากได้มากที่สุด… และคริสก็รู้ดีว่าหากเขาให้ของขวัญกับจุนมยอนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น…
เขาจะไม่สามารถเจอคิมจุนมยอนคนเดิมได้อีกแล้ว
“ถึงเราจะไม่สามารถเจอกันได้… แต่พี่จะรอ… รอวันที่คิมจุนมยอนของพี่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยกับเก้าอี้ว่างเปล่าตรงหน้า พยายามซ่อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าการขาดเลือด
แต่ถึงจะทรมานแค่ไหน… เขาก็จะรอ
แม้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนก็ตาม
THE END.
ความคิดเห็น