คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : ▲ DANGEROUS AREA ✗ : Epilouge
วันนี้ก็เหมือนทุกๆ วันที่คิม จงอินต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเข้ามาทำงานที่กรมตำรวจของมลรัฐนิวยอร์กด้วยความเหนื่อยหน่าย ช่วงขายาวใต้กางเกงผ้าสีกรมท่าพาตัวเองเคลื่อนกายผ่านทางเดินหินอ่อนขนาดใหญ่ที่มีตำรวจชั้นผู้น้อยและผู้ใหญ่ยืนสนทนากันอย่างออกรส ยามยังไม่ใช่เวลางานทุกคนก็ต้องการการรีแลกซ์ จึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นภาพพวกเขาเหล่านั้นยืนกดน้ำร้อนใส่ถ้วยกาแฟ เดินร่อนไปมาหาคนคุยด้วย หรือแม้แต่บางคนที่นั่งอ่านสำนวนคดีด้วยความเคร่งเครียดพร้อมกับจิบกาแฟและทานบิสกิตไปพลางด้วย
“ จงอิน มาแต่เช้าเลยนะครับวันนี้ ”
ยังไม่ทันจะเดินถึงโต๊ะประจำตำแหน่ง เพื่อนร่วมงานก็ส่งเสียงทักทายมาเสียก่อน จงอินยิ้มรับ ถอดแจ็ดเก็ตนำโชคตัวเก่งมาพาดไว้บนแขน “ เมื่อคืนนอนผิดเวลาไปหน่อยก็เลยไม่ชิน ร่างกายมันปลุกผมตั้งแต่เช้าเลยปล่อยเลยตามเลย ”
“ ขับรถตอนเช้าเป็นอย่างไรบ้างครับ ? ลมดีไหม กำลังจะเข้าหนาวแบบนี้ไม่มีแจ็คเก็ตหรือโค้ทผมว่าไม่ไหว นี่ยังต้องยืมรถภรรยามาใช้เลยครับ ”
จงอินกลั้วหัวเราะในลำคอ ไอหนาวน่ะมันหนาวแน่ แต่เขาเป็นพวกไม่ชอบอุดอู้อยู่ในรถยนต์ เลยยอมทนอากาศภายนอกดีกว่า " หนาวอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ยังพอทนได้ หิมะยังไม่ลง หนาวยังไม่ถึงกระดูกเลย "
กลายเป็นว่าคราวนี้ก็พากันหัวเราะครืนทั้งคู่ ร่างโปร่งปลีกตัวออกไปหากาแฟเข้มๆ ดื่มแล้วก็ได้ฤกษ์อ่านสำนวนคดีที่ลูกน้องส่งมาให้ ส่วนมากช่วงนี้มีแต่คดีเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่ากังวลเท่าไหร่หากเทียบกับปลายปีที่แล้วที่เกิดเหตุปล้นธนาคารตรงหัวมุมถนน จงอินจำได้ว่าตอนนั้นวุ่นวายกันขนาดไหน รถตำรวจวิ่งไล่ผู้รายกันให้วุ่น ดูๆ ไปแล้วก็คล้ายฉากแบทแมนภาคล่าสุดอยู่เหมือนกัน อาวุธปืนสีดำขลับจ่อไปที่ที่เดียวกันคือหน้าประตูแบงค์ ไม่มีใครออกมาฝั่งตำรวจเองก็ไม่กล้ายิง ได้แต่เอ่ยเจรจาไปเรื่อยๆ จนฝั่งโจรถึงกับตบะแตก มันขอรถ แต่คุณพ่อของเขาไม่ให้รถ ขอให้เราปล่อยมันไปแล้วมันจะไม่เอาเงินไปสักบาทแต่คุณพ่อก็ไม่ยอมอีก เรื่องเลยจบที่ว่าพวกมันออกมาแล้วก็สาดกระสุนใส่เจ้าหน้าที่ไม่ยั้ง เกิดการวิสามัญกันเล็กน้อย จนฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์บาดเจ็บไปคนสองคน ส่วนพวกโจรใจบาปก็กินลูกกระสุนกันจนเจ็บหนักยกทีม
“ พี่จงอิน ! ”
ดูเหมือนธุระจะไม่ได้หยุดแค่ลูกน้องคนแรก เพราะตอนนี้ก๊วนทโมนสามสหายที่ถึงจะมียศน้อยหากแต่มันสมองเป็นเลิศพากันมารุมล้อมอยู่รอบกายเขา ร่างโปร่งถ่ายน้ำหนักลงบนพนักเก้าอี้ จิบกาแฟรสขมและกลอกตากราดมองลูกน้องสามคนด้วยความเบื่อหน่ายกับความอึกทึกคึกโครมของลิงในรูปแบบมนุษย์
“ นี่ถ้าเลิกโหวกเหวกกันสักวัน มันจะตายกันไหม ”
“ ไม่โหวกเหวกโวยวายก็ไม่ใช่พวกผมสิพี่ เออนี่ ผมมีข่าวดีจะมาบอก ”
ลูกลิงเบอร์หนึ่งร้องพร้อมกับเอาหน้าเกยฉากกั้นระหว่างโต๊ะเจ้านายกับโต๊ะลูกน้อง ลูกลิงเบอร์สองก็ทำตามแต่ทว่ามีท่าทีทะเล้นกว่า ตบท้ายตามด้วยลูกลิงเบอร์สามที่ไม่ได้เหมือนใคร ยืนหาววอดๆ ราวกับอดหลับอดนอนมาทั้งคืน จงอินนึกหมั่นไส้ บรรจงฟาดสันแฟ้มลงบนศีรษะของลูกน้องทีละคนพร้อมกับกลั้วหัวเราะในลำคอ
“ เอ้า มีอะไรก็ว่ามาสิวะ ”
“ ไอ้ที่พี่ให้ผมไปตีวงผู้ต้องสงสัยให้แคบลง เรื่องของคุณเซฮุนกับคุณลู่ฮานนั่นไงพี่ ผมคัดออกจนเหลือคนที่น่าสงสัยที่สุดแค่ห้าหกคนแล้วนะ ”
“ แล้วเอกสารอยู่ไหน ? พี่จะได้จัดการต่อ ”
“ คุณลู่หนานเขาเข้ามาเอาไปแล้วพี่ เข้ามาเอาได้สองสามวันแล้วนะ เขาว่าวันนี้จะมาคืน ”
“ แล้วพวกแกจะให้ไอ้หนานมันไปทำไม โธ่.. เสียดายที่ฉลาด ตามเรื่องกันมาตั้งนานส่งต่อให้มันชาตินี้จะได้คืนมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”
จู่ๆ ก็นึกหงุดหงิด อุตส่าห์จะดึงงานนอกมาทำเองแต่ก็เสร็จไอ้ตัวแสบมันจนได้ แสนกระวนกระวายใจเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีกครั้ง ลู่หนานเป็นพวกทำงานไม่มีกะ ตอนเช้าบินไป ตกเย็นต้องบินกลับ ได้พักสักสองชั่วโมงประเดี๋ยวก็บินต่อ
“ โธ่พี่ ก็ใครจะไปรู้เล่า ”
จงอินโบกไม้โบกมือไล่ลูกน้องให้หลีกไปให้พ้นลูกตา พ่นลมหายใจออกมาระบายความร้อนภายในจิตใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากเสนอตัวทำงานนี้นัก ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับหน้าที่การงานอยู่แล้ว แถมหากหาตัวการเจอยังจะต้องสละวันลาพักร้อนไปตามล่าตัวมาให้ลู่หนานอีก งานนี้มันมีแต่เสียกับเสีย เสี่ยงจะจับผิดตัวแต่นายตำรวจที่ใคร่รู้อย่างเขาก็ยังดึงดันที่จะทำมันอย่างเต็มที่ แม้คุณลู่ฮานจะเปรยไว้กลายๆ แล้วว่าจับมาก็คงไม่ได้ทำอะไร นอกจากการยกโทษให้กันและกัน
เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ครู่เดียว อุปกรณ์สื่อสารก็ส่งเสียงดังลั่นจนต้องรีบหยิบมากดรับโดยไม่ทันได้ดูทั้งชื่อทั้งเลขหมายปลายทาง กรอกเสียงทุ้มต่ำตามแบบฉบับกลับไป รอฟังปลายสายแล้วใบหน้าก็เปลี่ยนจากบึ้งตึงเป็นยิ้มกว้าง คนที่จงอินบ่นหาเป็นหมีกินผึ้งโทรมาและอยู่ในสาย น้ำเสียงนุ่มๆ ของเพื่อนสนิทดูอ่อนล้าจนยากเหลือเกินที่จะทำใจโกรธลง ครั้นถามหาถึงสาเหตุก็ได้คำตอบเพียงแค่กัปตันคนเก่งของเขาเหนื่อยเท่านั้น จงอินไม่ชอบใจนักยามลู่หนานทำตัวแบบนี้ เข้มแข็ง ทั้งๆ ที่อ่อนแอ ทำเป็นแข็งแรง ทั้งๆ ที่ป่วย
“ ไม่อยากได้แล้ว ไอ้รายชื่อผู้ต้องสงสัยนั่นน่ะ มึงกลับไปพักเถอะ กูขอร้อง ”
( กูออกมาแล้วจงอิน จะให้ขับรถตากลมเทียวไปเทียวมาทำไม อีกอย่าง กูก็เพิ่งเสร็จจากบินมา มันจะเหนื่อยหน่อยไม่ได้หรือไงวะ )
“ เพราะมึงเหนื่อยไงกูถึงอยากให้พัก ”
( อย่าทำตัวเหมือนเขาคนนั้นให้กูรู้สึกดีเลยได้ไหม จะเอายังไง ถ้ามึงไม่ออกมา กูจะไม่มาหาอีกแล้วนะ )
“ หนาน อย่างอแงได้ไหมวะ ก็กูเป็นห่วงมึงเนี่ย ”
( บอกแล้วว่าอย่ามาทำตัวเหมือนเขาคนนั้นให้กูดีใจ ขอร้องล่ะ ออกมาเร็วๆ กูรออยู่ร้านกาแฟตรงสี่แยก )
“ ถ้ากูไม่ออกไป ? ”
( ก็อย่าหวังจะได้เจอกูอีกเลย )
“ งั้นเวลาเท่าไหร่ ”
( สิบ )
“ แค่ห้าก็พอ ”
จากตรงนี้ ถึงตรงนั้น ใช้เวลาต่างกันไม่มาก จงอินเพียงแค่สั่งงานลูกน้องไว้แล้วปลีกตัวออกมาจากกรมตำรวจเท่านั้น บิ๊กไบค์คันโตกระโจนทะยานท้าลมหนาวบนท้องถนน ติดไฟแดงอยู่ไม่กี่วินาทีก็ขับถึงร้าน ต้องขอบคุณความเร็วของมันที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ต้องใช้เวลามากเกินความจำเป็น ร่างโปร่งสะบัดแจ็คเก็ตที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะเล็กน้อยก่อนจะถอยรถให้เข้าที่ ร้านกาแฟในยามสายมากไปด้วยพนักงานบริษัท แน่นขนัดไปด้วยลูกค้า ถ้าไม่กราดสายตามองดีๆ เขาคงไม่เห็นว่าเพื่อนกัปตันตัวเล็กนั่งอยู่ที่ริมร้านด้านขวามือ พร้อมกับชุดสูทของสายการบินเต็มเครื่อง เดาได้ว่าคงเพิ่งลงเครื่องมาแล้วก็ขับรถตรงมาที่นี่ทันที
“ นึกว่าถ่ายเอ็มวีอยู่ ”
อดแซวไม่ได้เมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตคู่นั้นเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอกที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่
“ พูดมากว่ะ นั่งลง ”
คนตัวเล็กกว่าพูดคล้ายว่าติดจะรำคาญ หากในใจก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเอกสารระบุตัวตนของผู้กระทำผิดที่นอนนิ่งอยู่ในซองสีน้ำตาลบนโต๊ะ เขายกแก้วช็อคโกแลตร้อนขึ้นดื่ม ผินสายตามองเพื่อนสนิทที่นั่งมองหน้าตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ เลิกมองกูด้วยสายตาแบบนั้นสักที ดื่มอะไรไหม สั่งสิ จะได้เริ่มคุยเรื่องปาปารัซซี่ ”
“ ไม่ล่ะ ซัดกาแฟมาแล้ว มึงเอาเถอะ เพิ่งบินเสร็จใช่ไหม ? ”
“ อืม สามไฟลท์ติด ความจริงกูก็หาเรื่องให้ตัวเองเองนั่นล่ะ ช่วงนี้มันฟุ้งซ่าน ต้องหางานทำเรื่อยๆ ”
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ทำไม่จะไม่รู้ว่าลู่หนานเครียดเรื่องอะไร วูบหนึ่งที่นึกอยากปลอบใจ แต่สัญญากับเจ้าตัวมันไว้ว่าจะไม่พูดถึง
“ ก็อย่าฝืนตัวเองสิวะ มึงน่ะ คิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะมีความสุขหรือยังไง ”
เหมือนไปพูดแทงใจดำเข้าให้ คนตัวเล็กกว่าจึงกระแทกแก้วเซรามิกที่มีของเหลวสีเข้มร้อนๆ ลงบนโต๊ะ “ กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู และกูมาที่นี่ก็เพื่อพูดเรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกู จะเอาไหม ไอ้ชื่อผู้ต้องสงสัยเนี่ย ”
“ กูยังไม่ได้ปฏิเสธสักคำ ”
ทำท่าจะหยิบซองสีน้ำตาลมาเปิดดูแต่ก็ถูกฉุดกลับไปไม่ให้ยุ่ง “ เดี๋ยว ”
“ อะไร ”
“ ถึงจะเป็นงานภายในแต่กูไม่มีค่าจ้างนอกเวลาให้นะ ”
“ งั้นกูก็เริ่มไม่อยากทำแล้ว ”
รู้สึกว่ามันเป็นการเสียเวลาเปล่าหากไม่ได้อะไรตอบแทนเลยสักนิด คิดคำนวณถึงผลประโยคที่ได้รับแล้วก็ได้ค่าเท่ากับศูนย์ ส่วนผลประโยคที่ตนเองเสียไปเท่ากับหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นเต็มๆ ถ้าไม่สำคัญอะไรนักก็ไม่ต้องตามมันหรอก ดีกว่าไหม ?
“ งั้นมึงจะอยากทำขึ้นมาไหมถ้ากูจะบอกว่าในซองนี้มีข้อมูลของ โด คยองซู ปาปารัซซี่ตัวดีที่เอารูปพี่กูตอนจู๋จี๋กับเซฮุนไปปล่อย ”
ชาวาบตั้งแต่ปลายท้ายันกลางกระหม่อม ถ้าฟังไม่ผิดเมื่อครู่นี้ไอ้ตัวแสบพูดชื่อคยองซูใช่ไหม เป็นไปได้ยังไง ? ในเมื่อเขาพลิกแผ่นดินเกาหลีใต้หาคนคนนั้นมาตลอดระยะเวลาเจ็ดปี ติดต่อเจ้าหน้าที่ทั้งเล็กทั้งใหญ่ให้ตามเรื่องให้ก็ไม่มีใครได้ข้อมูลมาเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ราชการอย่างลู่หนานถึงได้ตามเจอโดยง่าย ราวกับปอกกล้วยเข้าปาก ร่างโปร่งหย่อนรีบตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สมองสั่งการให้คว้าซองนั้นมาแต่ทว่าเพื่อนสนิทก็ไวกว่า ยกมันไปซ่อนไว้ในที่ที่แขนยาวๆ ของจงอินเอื้อมไม่ถึง เขาชักสีหน้า ทำแบบนี้มันยั้วบาทากันชัดๆ
“ บอกให้นะ กูไม่ให้ค่าจ้าง เสียเวลาทำงานมึง แถมไม่รับประกันด้วยว่าจะเจอเขาแน่ไหม มึงยังจะทำอยู่หรือเปล่า ? ”
“ ขอไฟลท์บินที่เร็วที่สุดให้กูกับรถคันนึงก็พอ กูไม่อาหรอกงงเงิน ”
หมดเวลาเรื่องมาก เวลานี้อะไรก็ได้ ไม่ต้องมากความ ไม่ต้องมีอะไรมารองรับ แค่ให้จงอินได้พบหน้าน้อง มันก็คุ้มเหลือเกินกับวันลาพักผ่อนที่จะต้องเสียไป
ลู่หนานหัวเราะหึ ขบขันกับความโอเวอร์ของเพื่อน ยกแขนเท้าคางมองคนตรงข้ามด้วยสายตาเหน็บแนมอย่างเห็นได้ชัด สองนาทีก่อนหน้านี้มันยังจะไม่ทำเลย
“ กับคนคนนึง มึงเป็นได้ขนาดนี้เลยหรือวะจงอิน ? ”
ร่างโปร่งกดยิ้ม เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าโลกกว้างๆ ใบนี้น่าอยู่กว่าที่เคย
“ มึงคิดถึงคนของมึงมากเท่าไร กูก็คิดถึงคนของกูไม่ต่างกัน แล้วถ้าวันหนึ่งมึงมีโอกาสจะได้เจอคนคนนั้น มึงก็ต้องทิ้งทุกอย่างไปหาเขาแบบกูเหมือนกัน เชื่อเถอะ ไม่มีใครยอมทรมานอยู่ในหลุมที่เต็มไปด้วยหนามทั้งๆ ที่ความช่วยเหลืออยู่ตรงหน้าหรอก ทุกคนมันก็ต้องยื่นมือขึ้นไปจับทั้งนั้น เอาซองมา กูจะกลับไปลางานเก็บเสื้อผ้า ส่งตั๋วมาให้กูเร็วที่สุดนะ ”
เขารับซองสีน้ำตาลจากมือเพื่อนสนิท วางค่าช็อคโกแลตร้อนให้เป็นค่าตอบแทนที่ทนเหนื่อยไปหาทั้งตัวการที่ทำชื่อเสียงของเซฮุนเสียหายพ่วงกับทำหัวใจของเขาเต้นระส่ำระส่ายตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วย จงอินหาเหตุผลที่เขามีความสุขไม่ได้แต่เขาก็ยิ้มตลอดทางกลับบ้าน วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ปล่อยมันไปตามวิถีของมัน อย่างน้อย เขาก็ตามหาหัวใจของเขาเจอแล้วในตอนนี้ และไม่ผิดตัวแน่ถ้าลู่หนานจะยืนยันมาขนาดนั้น เขาทนทุกข์ทรมานมาตลอดระยะเวลาหลายปี ทนคิดถึงน้องจนใจแทบขาด อยากจะกลับไปยืนตรงนั้น หากแต่ว่าก็กลับไปไม่ได้ เกมการไล่ล่าหัวใจเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับชนักติดหลังผู้ด้อยกว่า จงอินจะไม่ยอมให้โอกาสครั้งนี้หายไป อย่างไรเขาก็ต้องได้น้องคืนมา
.
.
.
.
.
Let the Games Begin.
---
100%
ทอล์ค + รายละเอียดการจองจะมาเร็วๆ นี้ค่ะ
please tag #พื้นที่อันตราย
ครั้งสุดท้ายของเราแล้วนะ มาเขียนความประทับใจกันเถอะ :-)
ความคิดเห็น