คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ▲ DANGEROUS AREA ✗ : 2nd
“ หน้าไปโดนอะไรมา ”
นั่นคือคำถามซักไซ้รอบที่ยี่สิบของวันนี้ โดยเพื่อนสนิทของลู่ฮาน อัน แจฮโย ร่างเล็กโดนถามแบบนี้ตั้งแต่แบกหน้ามาทำงานที่ร้านตอนเช้า โดยผู้จัดการสาขา ถัดมาเป็นพาร์ทิซิเย่ร์รุ่นน้องที่ทำงานอยู่ร่วมกัน จากนั้นก็เป็นสาวเสิร์ฟที่กรูกันเข้ามาซักเอาความจริงกันยกใหญ่ ตามด้วยคุณป้าแม่บ้านอีกสามสี่คน ที่เข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยตามประสาคนคุ้นเคย
ลู่ฮานคิดว่าเขาจะรอดจากคำถามนี้ คนที่เขาไม่อยากตอบที่สุด ก็ไม่เว้นแจฮโย แจฮโยมักทำเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาให้เป็นเรื่องใหญ่เสมอ ลู่ฮานไม่ชอบ เพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาหลบหน้าแจฮโยตลอดทั้งช่วงเช้า โชคดีที่พระเจ้าบันดาลให้วันนี้ร้านกาแฟมีคนมากจนแจฮโยขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย แต่โชคร้าย เฮดีสมาเก็บลูกค้าเหล่านั้นไปในช่วงบ่ายแก่ๆ
ควรจะโกหกไหม ลู่ฮานถามตัวเองอีกครั้ง แจฮโยส่งสีหน้าคาดโทษมาให้ และมันทำให้ลู่ฮานรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กชายตัวเล็ก ที่แอบหนีไปเที่ยวมาในช่วงกลางดึก พอคราวนี้ พี่ชายของเขาเข้ามาในห้องแล้วไม่เจอตัว จึงไปยืนรอคาดโทษอยู่ในห้องนั่งเล่น เด็กชายหลบหลีก ย่องกลับมาและเข้าบ้านอย่างปลอดภัย แต่อนิจจา จู่ๆ ไฟก็เปิด พี่ชายของลู่ฮานยืนอยู่ตรงนั้น และไม่ต้องพูดอะไร ลู่ฮานก็รู้ว่า คำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ใช้ไม่ได้ในสถานการณ์นี้
“ วิ่งชนตู้เย็นน่ะ... สลิปเปอร์ลื่นไปนิด ”
เด็กน้อยลู่ฮาน ( ที่แจฮโยทำให้รู้สึกแบบนั้น ) เลือกที่จะโกหก
“ มีช้อยส์ข้ออื่นที่มันฟังขึ้นกว่านี้ไหม ”
“ ความจริงแล้วลื่นในห้องน้ำน่ะ...พื้นห้องน้ำมันแฉะไปหน่อย ”
โกหกอีกประโยคเผื่อว่าจะฟลุค
“ ไม่มีที่เป็นความจริงกว่านี้ ? ”
“ อันที่จริงมากๆ ...เราตีไข่ด้วยตะกร้ออยู่ สนุกไปหน่อย มือเลยกระแทกหน้าตัวเอง ”
อีกสักประโยคเผื่อปาฏิหาริย์มีจริง
“ ลู่ฮาน ”
พี่ชายของคุณกดเสียงต่ำแล้ว ถ้าคราวนี้โกหก ... คุณต้องโดนชุดใหญ่แน่ๆ !
“ คือ... เรากับเซฮุนทะเลาะกันนิดหน่อย แล้ว...เซฮุนบีบคางเรา เราเจ็บ เราก็ดิ้น.. เซฮุนก็ผลักหน้าเรา มันไปชนกับตู้เย็น ”
สุดท้ายลู่ฮานก็แพ้ เขาเดาทางออกอยู่แล้ว เพราะใช่ว่าจะไม่เคยโดนเค้นความจริงแบบนี้ ถามเพื่อนสนิทของตัวเอง ก็ฉลาดเป็นกรดมากขึ้นทุกวัน จับจุดโกหกลู่ฮานได้เป๊ะอยู่ร่ำไป
“ แล้วทำไมไม่รู้จักสู้ อายุอานามเข้าใกล้เลขสามเข้าไปทุกที ปล่อยให้น้องมันทำร้ายร่างกายอยู่ได้ รู้หรอกนะว่าหน้าตาเหมือนผู้หญิง แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายไม่ใช่หรอกหรอลู่ฮาน ทีตีแขนฉัน หยิกแขนฉันนี่ทำจัง ถึงเวลาเซฮุนทำร้ายร่างกายเอาบ้างกับนิ่งเฉย นี่ฉันถามจริงๆเถอะ นายกลัวน้องมากหรือ หน้าตาเซฮุนไม่ได้น่ากลัวเลยนะลู่ฮาน สู้เสียบ้าง ”
โดนแจฮโยดุแบบนี้ทุกที ลู่ฮานก็ชักเบื่อ ชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็กเล็กๆ กันอยู่นั่น ทั้งๆ ที่โตมากแล้ว
ถึงแม้เซฮุนจะทำร้ายร่างกายลู่ฮานก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงจนกระทั่งเลือดตกยางออก ครั้งนี้ก็เป็นเพียงรอยช้ำเขียวๆ ข้างแก้มเท่านั้น อีกอย่าง เซฮุนก็เป็นน้องชายของเขา มันคงจะไม่สมควรนักที่คนอายุจะสามสิบอย่างเขา ( ความจริงแล้วแค่ยี่สิบหก แต่แจฮโยชอบพูดให้เวอร์ ) จะมีเรื่องชกต่อยกับน้องชายตัวเอง
“ บ่นอีกแล้ว บ่นจนจะกลายเป็นป้าแก่ๆ แล้วแจฮโย ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า นี่ก็แค่ช้ำ สองสามวันเดี๋ยวก็หายแล้ว ”
“ ไปหาหมอกับฉันเถอะ ”
“ ไปทำไม นี่ทายานวดเดี๋ยวก็หายแล้ว โถ่ แจฮโย เราไม่ได้กระดูกกระเดี้ยวหักนะ จะไปหาหมอแล้วบอกเขาว่าอะไร ? ผมซุ่มซ่ามเอาหน้าไปชนตู้เย็นครับ ช่วยเอ็กซ์เรย์แก้มผมให้ดูหน่อยว่ามันโอเคอยู่ไหม แบบนี้หรอกหรือ ? ”
ลู่ฮานว่าเสียงเนือย
“ ใครจะไปรู้ กระดูกโหนมแก้มนายอาจจะยุบไปก็ได้ ไม่รู้ล่ะ ถ้าแก้มนายยุบแล้วไม่มีให้ฉันดึงเล่น ฉันเลิกคบแน่ๆ ”
ร่างเล็กค้อนขวับ เหวี่ยงหมัดไปที่ต้นแขนของเพื่อนสนิท แค่ไม่มีแก้มให้หยิกนี่ถึงกับเลิกคบเลยหรือยังไง ความจริงมันน่าจะต่อยให้เลือดกบปาก ! แต่ยังไม่ทันจะเงื้อมือดี บาร์ริสต้าอีกคนก็วิ่งเข้ามาขัดจังหวะบทสนทนาของทั้งคู่เสียก่อนด้วยหน้าตาตื่นๆ
“ พี่ลู่ฮานครับ ! ออกไปข้างนอกหน่อยครับ มีลูกค้ามาบอกว่าอยากพบพี่ ”
แจฮโยหันมามองหน้าลู่ฮานด้วยสายตายากที่จะทำความเข้าใจ ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปยังเคาต์เตอร์ กลัวว่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับขนมที่เขาทำ หรืออาจจะมีเส้นผมตกลงไปในขนม แต่ลู่ฮานก็มั่นใจว่าตัวเองแต่งตัวเรียบร้อยทุกครั้งที่ทำอาหาร เคาต์เตอร์ส่วนที่บาริต้าทำงานปรากฏชายร่างเล็กผิวขาวสะอาดคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาช่างคุ้นเคยเหลือเกินสำหรับลู่ฮาน มือเล็กๆ ถือแผ่นโพทส์อิท เอาไว้ และเมื่อลูกค้าคนนั้นได้เห็นลู่ฮาน รอยยิ้มสดใสก็ปรากฏบนใบหน้าขาวทันที
“ อ้าว พี่จุนมยอน... สวัสดีครับ มาแวะทานขนมหรอ ? ”
ลู่ฮานส่งเสียงทักทายเป็นกันเอง ลูกค้าตรงหน้านี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน พี่จุนมยอนคือผู้จัดการส่วนตัวของเซฮุน น้องชายของเขา บางครั้งก็จะแวะมาค้างที่คอนโดบ้างหากเซฮุนมีงานติดกันเยอะๆ เพื่อเซฟเวลาเดินทาง ดังนั้นลู่ฮานจึงคุ้นเคยกับจุนมยอนดี บางครั้งก็คิดว่าตัวเองรู้จักพี่จุนมยอนดีกว่าน้องชายตัวเองอีก
จุนมยอนส่ายหน้าน้อยๆ ส่งแผ่นโพสท์อิทนั้นมาให้ร่างเล็ก “ เซฮุนฝากมาให้แน่ะ งอแงไม่ยอมกินชานมแถวสตูเลย บอกว่ายังไงๆ ก็จะกินที่เราชง พี่เลยต้องแบกหน้ามานี่ ”
ลู่ฮานฟังแล้วก็โมโห น้องชายตัวดีเอาแต่ใจอีกแล้ว
เอาชานมไข่มุกรสชาติเหมือนเมื่อคืน เป๊ะๆ ห้ามเพี้ยน
ชงด้วยมือตัวเอง ไม่ต้องยืมมือใครชง เข้าใจนะ ?
แล้วเย็นนี้ฉันจะมารับไปกินข้าว เรามีเรื่องต้องคุยกัน
“ เซฮุนเขียนมาหรอครับพี่จุนมยอน ” ลู่ฮานยกโพสท์อิทด้วยมือข้างขวา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ อื้ม เขียนเองเลยตอนรอช่างเซ็ตไฟ เอาชานมให้พี่สองแก้วนะ ฝีมือเราแก้วนึง แล้วก็แบบที่คนปกติธรรมดาเขากินให้พี่แก้วนึง ”
“ ครับ , แจฮโย ชงชานมไข่มุกแบบปกติให้พี่จุนมยอนแก้วนึง อีกแก้วของเซฮุนเราชงเอง ”
แจฮโยไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเดินไปทำหน้าที่ของตัวเอง ตามไปด้วยลู่ฮานที่เอื้อมมือหยิบแก้วมาชงชานมรสขมนิดๆ ของตัวเองให้น้องชายด้วยท่าทีงกๆ เงิ่นๆ เมื่อเทียบกับแจฮโยแล้ว เขายังเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งหัดชงชากาแฟเท่านั้น แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ลู่ฮานก็รินชาใส่แก้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว มือบางเลื่อนแก้วใสๆ เข้าเครื่องปิดฝา ไม่ลืมที่จะกดให้เครื่องทำงาน
“ หัดดุน้องนายบ้าง ลำบากชาวบ้านเขาลู่ฮาน ” แจฮโยค้อมตัวลงมากระซิบกระซาบข้างหูร่างเล็ก
ถ้าดุแล้วฟังก็ดีน่ะสิ
“ นี่ครับพี่จุนมยอน ” ลู่ฮานแสร้งทำเป็นไม่สนใจแจฮโย ยกชานมทั้งสองแก้วใส่ถุงกระดาษประทับตราร้าน ยื่นให้คนเป็นพี่ตัวเองสองปีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ อ้อ ฝากบอกเซฮุนด้วยนะครับพี่ คือ.. พอดีวันนี้ผมติดนัดกับแจฮโยแล้ว พอดีว่าเพิ่งนึกได้น่ะครับ ฝากขอโทษน้องให้ผมด้วยนะครับพี่ ”
“ อ้าว.. งั้นโอเค แล้วพี่จะบอกให้ ”
จุนมยอนพยักหน้ารับ ส่งเงินมาให้ลู่ฮานและเดินออกจากร้านไปเงียบๆ แจฮโยที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกท่อนแขนมากอดอก พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
“ ฉันจะทำให้นายมีปัญหาหรือเปล่าลู่ฮาน ? สำหรับนัดคืนนี้อะ ”
“ คงไม่หรอก... ”
---
“ พี่ว่าอะไรนะ ? ”
เซฮุนแทบพ่นชานมไข่มุกออกจากปากทันทีที่ได้ฟังคำจากปากของผู้จัดการส่วนตัว ร่างสูงอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนพร้อมกางเกงยีนส์สีซีดที่กลัดกระดุมหมิ่นเหม่ ใบหน้าดูไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อคำตอบที่ได้รับมาไม่น่ายินดีเท่าที่ควร
“ ลู่ฮานบอกพี่ว่าวันนี้เขามีนัดกับแจฮโย เพื่อนเขาน่ะ คงจะไปกับเราไม่ได้หรอกเซฮุน ”
จุนมยอนตอบย้ำทั้งๆ ที่สายตายังไม่ละไปจากสมุดจดตารางงานของเซฮุน น้ำเสียงนุ่มๆ นั้นดูไม่ใส่ใจนัก
“ แล้วพี่ปล่อยให้เขาปฏิเสธผมได้ยังไง ! ”
แก้วชานมถูกกระแทกลงกับโต๊ะ เซฮุนตะโกนเสียงลั่น สาวเท้ายาวๆ ไปหาผู้จัดการของตัวเองแล้วยืนค้ำหัวอยู่อย่างนั้น โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าคนที่นั่งอยู่นี่ อายุมากกว่าเขาถึงหกปี
“ เซฮุน เราบอกให้พี่เอาโพสท์อิทให้ลู่ฮาน พี่ก็ทำให้แล้ว แถมยังสั่งพี่ให้เอาชานมมาให้เราให้เร็วที่สุดด้วย คิดว่ามันไม่ไกลหรอจากคังนัมมาสตูนี่ พี่จะไปขัดเขาได้ยังไง พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะ ”
เซฮุนชะงัก ก็จริงอยู่ที่เขาสั่งไปแบบนั้น และที่นี่ไป – กลับ คังนัมก็ใช่จะใช้เวลาน้อยเสียที่ไหนในการเดินทาง คนเป็นเด็กจึงพยายามคุมอารณ์ตัวเองให้เย็นลง และหันกลับไปนั่งที่โซฟาได้ในที่สุด
“ เราน่ะ อย่าเอาแต่ใจมากนักสิ พี่เตือนด้วยความหวังดีนะเซฮุน ยังไง ถ้าจะนัดกับลู่ฮาน ก็โทรไปบอกเจ้าตัวเขาก่อนล่ะ อย่าให้พี่เห็นว่าเราขับรถไปกระชากเขาออกมาจากร้านนะ นั่นพี่ชายเราทั้งคน ให้เกียรติด้วย ”
“ แต่เขาปฏิเสธผมนะ เขาเห็นไอ้บาริสต้านั่นดีกว่าผม พี่จุนมยอน ! โถ่ พี่ก็รู้ ”
“ พี่รู้ไงเซฮุน พี่พูดได้แค่นั้นนะ เหลือถ่ายอีกสองสามชุด เสร็จแล้วเราค่อยโทรไปบอกลู่ฮาน พี่ว่ามันคงไม่เย็นมาก ซักสี่โมงห้าโมงน่าจะได้ ”
เซฮุนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับการถ่ายแบบเซ็ตต่อไป ใบหน้าเรียบเฉยเบือนไปมองสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตน คิ้วได้รูปถูกดันเข้ามาชนกันเมื่อคิดนู่นนี่ไปเรื่อย
เซฮุนยอมรับ เขาไม่ใช่น้องชายที่ดีเท่าไรนัก ออกจะเป็นน้องชายปีศาจด้วยซ้ำไปถ้าเทียบกับน้องชายคนอื่นเขา แต่มันก็อดโมโหไม่ได้เมื่อพี่ชายของตัวเองเลือกที่จะปฏิเสธนัดของเขาและไปกับคนอื่น ทั้งๆ ที่มันไม่บ่อยนักที่เขาจะชวนลู่ฮานออกไปทานข้าวนอกบ้าน ดังนั้นลู่ฮานควรจะรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ ไม่ใช่หรือยังไง ?
“ เซฮุนคะ ~ ”
ยังไม่ทันจะขยับตัวไปไหน ตัวน่ารำคาญประจำกองถ่ายประจำวันมาแล้ว เซฮุนห่อไหล่ทันทีที่เสียงแหลมๆ ของเธอดังขึ้นภายในห้องแต่งตัวของเขา ไม่รู้พี่สไตล์ลิสปล่อยมาให้ป้วนเปี้ยนในพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้ยังไง
“ มีอะไร เยจิน ”
เขายกไหล่ขึ้นเล็กน้อย แสร้งเบือนหน้าไปมองเจ้าหล่อน ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะเสียสายตาไปมองสักนิด
“ วันนี้เสร็จงานแล้วไปดินเนอร์กับเยจินได้ไหมคะเซฮุน เยจินยากไปทานข้าว ”
เจ้าของร่างเพรียวเดินเข้ามาเบียดตัวอยู่ข้างเขา หน้าอกหน้าใจของเธอแทบจะกองขึ้นมาบนแขนของเขา
“ ออกไปจากฉัน เยจิน หน้าอกเธอเบียดแขนฉัน ” เซฮุนพูดหน้าตาย สายตาดูไม่พอใจนัก “ อีกอย่างพี่จุนมยอนนั่งหัวโด่อยู่นู่น ”
“ เซฮุนนี่แปลกคน ! ตกลงจะไปทานข้าวกับเยจินได้ไหมคะ นะเซฮุนนะ.. วันนี้เยจินว่างม๊ากมาก ไปกับเยจินเถอะนะคะ เยจินเหงา ”
สีหน้าและสายตาที่ลี เยจินส่งมาให้ร่างสูงนั้น ให้เด็กอนุบาลดูยังดูออกเลยว่ามันจงใจยั่วยวนกันชัดๆ เสื้อผ้าน้อยชิ้นของเธออาจทำให้ผู้ชายหลายคนน้ำลายหกได้ ( แต่ไม่ใช่เซฮุน ) กางเกงขาสั้นที่อวดขาเรียวสวย เสื้อกล้ามครึ่งตัวรัดรูปนั่นทำให้เซฮุนเห็นรูปร่างของเยจินชัดเจนขึ้นไปอีก
“ ถ้าเหงาก็กลับไปหาผู้ชายในฮาเร็มเธอสิเยจิน ฉันไม่ว่าง มีนัด อีกอย่างเธอน่าจะเอาเวลาไปหาเสื้อผ้าดีๆ ใส่นะ เธอไม่มีคิวถ่ายแบบกับฉันแล้ว ชุดกลับบ้านเธอก็ไม่ควรเป็นแบบนี้ มันโป๊ ”
เซฮุนยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย
“ เซฮุนเป็นห่วงเยจินหรอคะ ? ” สีหน้าของหล่อนดูดีใจขึ้นมาก
“ เปล่า มันอุจาดตาฉัน ”
เซฮุนทิ้งระเบิดไว้ตูมใหญ่ก่อนจะเดินออกมาคุยกับช่างกล้อง เป็นอย่างที่เขาคิด เยจินแผดเสียงกรี้ดลั่นห้องแต่งตัวจนจุนมยอนยังต้องเบ้หน้า บรรดาพี่สาวสไตล์ลิสก็พากันซุบซิบนินทาเธอกันให้ควั่ก
ลี เยจิน คือดาราและนางแบบสาวไฟแรงของยุค หากมีโพลไหนจัดอันดับเธอก็มักจะติดอยู่ในระดับต้นๆ เสมอ เช่นเดียวกับเซฮุน เขาเป็นนายแบบชายที่กำลังรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ติดอยู่ในระดับต้นๆ ของโพลเสมอ ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เซฮุนรู้ว่ามันเหนื่อย แต่ในเมื่อเขาทำอย่างนี้แล้วมันส่งผลดีต่อความคิดเขา เขาก็พร้อมจะทำ
---
การถ่ายแบบเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากเยจินออกไปจากสตูดิโอ และเหลือเชื่อ เซฮุนสวมเพียงแค่กางเกงยีนส์ที่ดูธรรมดาเหลือเกิน แต่มันก็ทำให้เขาดูดีราวกับภาพวาด แผ่นอกและหน้าท้องแบนราบไม่ได้มีมัดกล้ามเข้ามาเสริมอย่างใครเขา แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้ชายที่มีผิวขาวและดูสุขภาพดีแบบนี้ ก็มีความเซ็กซี่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ใบหน้านิ่งราวกับปูนปั้นเจือสีเครื่องสำอางเบาบาง ท่วงท่าการขยับตัวถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามคำสั่งของตากล้อง โซฟาสีดำสนิทตั้งอยู่กลางฉากสีขาวทำให้ร่างกายของเซฮุนดูโดดเด่นมากขึ้น แววตาเซ็กซี่ละลายสาวๆ ในสตู จนแทบจะหลอมลงไปกองกับพื้น
“ โอเค เลิกกองได้ ! ”
เสียงตากล้องประกาศกร้าว เซฮุนจึงยันตัวขึ้นมาจากโซฟาและเดินปัดๆ เข้าห้องแต่งตัวไป ทันทีที่ถึง เซฮุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์ลู่ฮานและกดโทรออกด้วยความร้อนใจ วันนี้เขาจะต้องได้ไปกินข้าวกับลู่ฮาน และไอ้หน้าจืดนั่นต้องแพ้เขาด้วย !
( มีอะไรกับพี่หรอเซฮุน ) ปลายสายตอบรับเสียงใส
“ ได้ข่าววันนี้มีนัดกับบาริสต้าหน้าจืด ”
( อ้อ อื้ม พี่เลยไปกับเราไม่ได้น่ะ... คงไปแป๊ปเดียว เราค่อยคุยกันที่บ้านก็ได้นะเซฮุน เราหาอะไรกินก่อนได้เลย )
“ ไม่ ”
( เซฮุน... )
“ คำตอบของฉันคือไม่ ยังไงๆ วันนี้นายก็ต้องไปกินข้าวกับฉัน ไม่งั้นกลับบ้าน นายตาย ! ”
( เซฮุนฟังพี่บ้าง... มันสำคัญมากจริงๆ )
“ เรื่องของฉันก็สำคัญ นายไม่คิดหรอว่าฉันอยากจะไปคุยธุระกับนาย นายกลับปฏิเสธฉันเนี่ยนะ ? เมื่อคืนฉันพูดชัดแล้วด้วย อีกสามสิบนาทีฉันจะถึงร้าน ถ้าฉันไม่เห็นนายที่ร้านนะลู่ฮาน... ”
( เซฮุน แต่แจฮโยเขานัดพี่นานแล้วนะ... )
“ ฉันไม่สนใจ ! หมาตัวไหนจะนัดก่อนฉันก็ช่างหัวมัน วันนี้นายต้องไปกับฉัน ชัดนะลู่ฮาน ! ”
มือใหญ่กดตัดสายโทรศัพท์และเขวี้ยงมันลงกับโซฟา เซฮุนโมโหมากที่ลู่ฮานขัดใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไปแล้วจะโดนอะไร มันไม่เป็นผลดีกับลู่ฮานนะ เขาคิดว่าแบบนั้น และเช่นเดียวกันมันก็ทำให้ระดับอารมณ์ของเซฮุนไม่คงที่ด้วย
“ ทำไมไม่หัดพูดดีๆ กับลู่ฮานบ้างล่ะเซฮุน ? ”
จุนมยอนที่นั่งฟังบทสนทนาเงียบๆ มานานโพล่งขึ้น คนหน้าขาวหันมากอดอกใส่นายจ้างตัวเองและมองหน้าหาคำตอบ
“ พี่ไม่เป็นผมพี่ไม่รู้หรอก... เหอะ ถ้าฉันไปที่ร้านแล้วไม่เจอนายนะลู่ฮาน ! ”
จุนมยอนได้แต่มองเซฮุนพลางส่ายหน้าน้อยๆ เด็กคนนี้เอาแต่ใจจริงๆ แถมยังอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อีกด้วย แค่เขามาอยู่กับเซฮุนแค่เกือบจะปีนี่ก็เหนื่อยใจแทบขาด นึกไปถึงลู่ฮานที่อดทนมาตลอด 23 ปีเต็มแล้วก็ต้องถอนหายใจ...
เห้อ.. คนที่ดูบอบบางอย่างลู่ฮานทนเซฮุนได้ยังไงกันนะ ?...
MS.9 talk
เอ้อออออออออออ นั่นสิ ทนได้ไงกัน ?
เซฮุนนี่นอกจากร้ายแล้วยังปากห.มาอีกเนอะ . . .
อ๋อลองปรับตัวหนังสือ โอเคขึ้นไหมคะ ? เดี๋ยวจะไปแก้ตอนก่อนๆ ให้ด้วย
เยจินยังไม่ใช่ตัวร้ายของเรา ฮิฮิ มองข้ามเธอไปค่ะ
มีความสุขกับการอ่านนะคะ !
ปล้ำลู่. เม้นท์ขยับ อัพเร็ว เช่นเคยค่ะ :)
ความคิดเห็น