ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 บาร์เหล็กไหลและการพบกันอีกครั้ง
"พี่มาร เงินค่าสมัครสอบเข้ามหาลัยได้มารึยังครับ" ชายหนุ่มผมสีดำทรงอีโมดวงตาสีอำพันที่นอนอยู่บนโซฟาสีแดงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น
"ได้มาแล้ว กว่าจะได้มาต้องรับงานตั้ง 3 งานจากหัวหน้าเผ่าเหมันต์ หนาวเหมือนกันนะที่นั่น" ชายหนุ่มผมหยิกหยักโศกสีขาวดวงตาสีมรกตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
"แล้วเขาเปิดรับสมัครนักศึกษาวันไหนเหรอ กาล" มารเอ่ยถามน้องชายพร้อมกับชงกาแฟไปด้วย
"อีก 1 อาทิตย์ครับ ผมอ่านหนังสือและฝึกวิชามาตลอดแต่พี่เอาแต่ทำงานหาเงินไม่มีเวลา เพราะงั้นอาทิตย์นี้ผมจะคุมให้พี่อ่านหนังสือและฝึกซ้อมตลอดทั้งอาทิตย์เลย" กาลพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แต่กลับทำหน้ายิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับเป็นผู้ช่วยชีีวิตพี่ชาย
"ขอพักหน่อยไม่ได้รึไง เพิ่งกลับมาเองนะ" ชายผมขาวพูดพร้อมกับจิบกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จ
"ไม่ได้หรอกครับถ้าสอบเข้่าไม่ได้พร้อมกัน ก็เสียแรงที่ผมอ่านหนังสือและฝึกซ้อมมาตลอด" กาลพูดพร้อมทำถ้าเตรียมพร้อมต่อสู้
"งั้นคืนนี้ไปเที่ยวบาร์เหล็กไหลก่อนแล้วค่อยเริ่มฝึกและอ่านพรุ่งนี้" มารต่อรองน้องชายพร้อมกับเอามือไปแตะหัวน้องชายเบาๆ
"ก็ได้ครับ แต่ว่า......"กาลพูดเว้นช่วงอย่างมีเลศนัย
"แต่ว่าอะไร" มารเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนกับเตรียมใจที่จะรับรู้ความคิดหัวหมอของน้องชายตัวแสบ
"พี่ต้องเลี้ยงผมจนกว่าจะกลับมาถึงบ้าน หึ หึ หึ"เขาพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแต่หัวเราะด้วยเสียงแสนเจ้าเล่ห์ไม่ีรับรู้ถึงความทุกข์ของพี่ชาย
"งานเข้าซะ!!" มารบ่นกับตัวเอง
"งั้นก็ไปกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา" มารพูดด้วยน้ำเสียงเตรียมกระเป๋าแบน
กริ๊งๆ เสียงกระดิ่งสั่นประตูดังขึ้นพร้อมร่างของชายหนุ่ม 2 คน คนนึงผมสีดำสนิททรงอีโม มีดวงตาสีอำพัน แต่งชุดกันหนาวลายหัวกระโหลกแดงซึ่งมีรอยกระสุนกลางกระโหลกที่มีฮู๊ด กางเกงยีนส์สีดำเทา รองเท้าผ้าใบนาโนสีดำแผ่นรองใต้รองเท้าสีขาวมีลายพลังงานเวทย์สีฟ้าบนรองเท้าอยู่ อีักคนเป็นคนที่มีผมหยิกหยักโศกสีขาว ดวงตาสีมรกต มาในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวมีลายสกรีนด้วยตัวอักษรสีดำว่า RAISE YOUR HAND กางเกงยีนส์สีดำสนิท รองเท้าวิ่งสีดำตัดเขียวอ่อน ทั้งสองเดินตรงเข้าไปที่เคาท์เตอร์
"ขอโค๊ก 2 แก้ว" มารสั่งเครื่องดื่มจากเคาท์เตอร์ที่ประดับด้วยไฟนีออนหลากสี
"มากี่ครั้งไม่เคยกินเหล้ากินเบียร์เลยนะสองพี่น้อง" บาร์เทนเดอร์สูงอายุเอ่ยขึ้นจากนั้นก็เดินไปเอาเครื่องดื่มมาให้สองพี่น้อง
"พวกเราเพิ่ง 18 เองครับแล้วก็ไม่อยากเมาหัวทิ่มเหมือนผู้ใหญ่หลายๆคนด้วยสิลุงบิว" กาลพูดด้วยน้ำเสียงกวนโอ๊ย
"งั้นเหรอ ว่าแต่เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยกันรึยัง" ลุงบิวถามสองพี่น้องพร้อมยกเครื่องดื่มตั้งลงบนเคาท์เตอร์
"จะเริ่มติวพรุ่งนี้แล้วครับ" มารตอบพร้อมกับหยิบแก้วโค๊กขึ้นดื่ม
"อีกแค่ 1 อาทิตย์ จะทันเหรอ" ลุงบิวถามด้วยความเป็นห่วง
"ทันอยู่แล้วครับลุง ระดับนี้แล้ว ว่าแต่ช่วงนี้มีข่าวพวกกบฏเหมันต์เหนือบ้างไหมครับ" กาลเอ่ยถามทันทีหลังจากดื่มโค๊กหมดแก้ว
"ได้ข่าวว่าอีก 2 เดือนพวกมันจะบุกหัวเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ ที่นั่นพวกเธอพักอยู่หนิ ระวังตัวหน่อยล่ะ ถ้ามีคนแปลกหน้าแปลกตาเข้ามาก็ช่วยรายงานกับเจ้าหน้าที่ด้วยล่ะ" ลุงบิวอธิบายและตักเตือนด้วยความเป็นห่วง
"ขอบคุณมากครับ ตอนนี้คงถึงเวลาสนุกแล้วพวกเราขอไปฟังเพลงที่ห้องดนตรีชั้นใต้ดินนะครับ" กาลพูดพร้อมกับลุกจากเก้าอี้
"นี่เงินครับ" มารหยิบเงินออกจากกระเป๋าตังแล้วตั้งไว้บนเคาท์เตอร์ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามน้องชายลงไปชั้นใต้ดิน
"ความมืดมิดช่างไรวี่แววของผู้คนรอบกาย"
"ความอ้างว้างวันนี้มันยังคอยกัดกินหัวใจ"
"ตั้งแต่เธอทิ้งฉันไป มันก็เหมือนหัวใจได้แหลกสลายไป"
"ฉันยังเหลือเวลาอีกนานไหม ก่อนที่หัวใจของฉันพังทลาย"
"แม้ว่าเธอจะจากฉันไปก่อน แต่ตอนนอนทุกคืนยังคงฝังใจ"
"ยังคงไม่ลบเลือนจากหัวใจ ฉันยังจำเรื่องราวที่ดีของสองเรา"
"เลยอยากจะบอกให้ฟังไว้ ว่าฉันยังคงแต่รักเธอ"
"ไม่ว่าเจ็บแค่ไหน ไม่ว่านานเท่าไร"
"ในหัวใจ ยังคิดถึงเพียงเธอคนเดียว"
"ต่อให้เธอจะรักใครสักกี่คน"
"ที่สุดในหัวใจของฉันนั้นคือเธอ"
"เพลงเพราะดีเนอะ" มารพูดกับน้องชายตัวแสบ
"นั่นสิครับ ผมชอบมากนะวงนี้ถึงจะไม่ดังแล้วเลนอยู่ในบาร์ แต่ก็มีเพลงเป็นของตัวเอง" กาลพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ
"นักร้องน่ารักด้วยดิ ฮ่าฮ่า" มารพูดและหัวเราะด้วยสีหน้าดีใจ
"ตี 1.30 แล้วครับ กลับบ้านเลยไหมครับผมง่วงแล้ว" กาลตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
"งั้นไปกันเถอะ" มารพูดพร้อมแบกน้องชายขึ้นหลังแล้วเดินออกทางประตูหลัง
"ขอโทษค่ะ คุณคือ มาร ใช่ไหมคะ" เสียงเด็กสาวคนหนึ่งจากด้านหลังเอ่ยถาม
"ครับ เราเคยรู้จักกันเหรอครับ" มารตอบพร้อมหันไปมองด้านหลัง เขาพบว่าเสียงของเธอคนนั้นคือนักร้องของวง "ใบเตยหวาน"
"จำเราได้ไหม ใบเตยไง ที่เคยเรียนด้วยกันตอน ม.ต้น" เด็กสาวผมยาวประบ่าำทรงหน้าม้าสีดำสนิทรูปร่างสมส่วนดวงตาสีฟ้าใส
"อืม นึกออกแล้ว แต่ตอน ม.ต้นไม่ได้หน้าตาแบบนี้นี่ เปลี่ยนไปเยอะนะ เกือบจำไม่ได้เลย" มารตอบด้วยสีหน้าดีใจที่ได้เจอนักร้องที่เขาปลื้มแถมยังเป็นเพื่อนกันอีก
"แล้วตอนนี้จะสอบเข้ามหาลัยไหนเหรอ" ใบเตยเอ่ยถาม
"คิดว่าจะสอบเข้ามหาลัยดวงเนตรไอยรา" มารตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"จริงเหรอ เราก็จะสอบเข้าที่นั่นเหมือนกัน เธอจะเข้าคณะอะไรเหรอ เราจะเข้าคณะ นาโน" ใบเตยถามด้วยความอยากรู้
"น่าจะเป็นคณะศาสตร์ป้องกันตัวล่ะ" มารตอบด้วยน้ำเสียงดีใจเมื่อรู้ว่าคนที่เขาชอบจะสอบเข้ามหาลัยที่เดียวกัน
"อืม งั้นเรากลับก่อนนะ ต้องไปอ่านหนังสือ ขอให้สอบได้นะแล้วเจอกัน" พูดจบเธอก็หยิบพวงกุญแจรูปโรลเลอร์เบลดจะกระเป๋าเสื้อของเธอ เธอกดปุ่มวงกลมสีชมพูบนพวงกุญแจ ทันใดนั้นพวงกุญแจก็พลันส่องแสงสีชมพูและกลายเป็นโรลเลอร์เบลดสีชมพูซึ่งบรรจุพลังงานนาโนไว้เพื่อให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น
"อืมแล้วเจอกัน" มารพูดขึ้นขณะที่ใบเตยกำลังจะกลับบ้าน เขาคิดในใจว่าทำไมไม่ขอเบอร์ไว้วะได้เจอทั้งที เอาเถอะเดี๋ยวคงได้เจอเราเองก็กลับบ้า่นมั่งดีกว่า เมื่อคิดได้ดังนี้เขาก็กระโดดขึ้นสู่หลังคาตึกและกระโดดข้ามตึกไปเรื่อยๆท่ามกลางแสงจันทร์สีฟ้าครามอร่ามตา
เมื่อถึงที่หมายเขาก็กระโดดลงสู่พื้นเบื้องล่าง ตุบ เสียงเท้ากระแทกพื้นอย่างแผ่วเบา เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูสีแดงจากนั้นก็เดินเข้าไป
"เจ้าตัวแสบหนักจริงๆ" เขาพูดพร้อมโยนน้องชายตัวแสบลงบนเตียงเขาดึงผ้าห่มหนาสีฟ้ามาคลุมตัวน้องชายเอาไว้จากนั้นก็ปิดไฟก่อนเดินออกจากห้องนอนของกาล เพื่อไปห้องนอนของตัวเอง
"พรุ่งนี้ต้องอ่านหนังสือและฝึกร่างกายอีกแล้ว" เขาบ่นและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์และผลอยหลับไปในที่สุด
"ได้มาแล้ว กว่าจะได้มาต้องรับงานตั้ง 3 งานจากหัวหน้าเผ่าเหมันต์ หนาวเหมือนกันนะที่นั่น" ชายหนุ่มผมหยิกหยักโศกสีขาวดวงตาสีมรกตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
"แล้วเขาเปิดรับสมัครนักศึกษาวันไหนเหรอ กาล" มารเอ่ยถามน้องชายพร้อมกับชงกาแฟไปด้วย
"อีก 1 อาทิตย์ครับ ผมอ่านหนังสือและฝึกวิชามาตลอดแต่พี่เอาแต่ทำงานหาเงินไม่มีเวลา เพราะงั้นอาทิตย์นี้ผมจะคุมให้พี่อ่านหนังสือและฝึกซ้อมตลอดทั้งอาทิตย์เลย" กาลพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แต่กลับทำหน้ายิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับเป็นผู้ช่วยชีีวิตพี่ชาย
"ขอพักหน่อยไม่ได้รึไง เพิ่งกลับมาเองนะ" ชายผมขาวพูดพร้อมกับจิบกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จ
"ไม่ได้หรอกครับถ้าสอบเข้่าไม่ได้พร้อมกัน ก็เสียแรงที่ผมอ่านหนังสือและฝึกซ้อมมาตลอด" กาลพูดพร้อมทำถ้าเตรียมพร้อมต่อสู้
"งั้นคืนนี้ไปเที่ยวบาร์เหล็กไหลก่อนแล้วค่อยเริ่มฝึกและอ่านพรุ่งนี้" มารต่อรองน้องชายพร้อมกับเอามือไปแตะหัวน้องชายเบาๆ
"ก็ได้ครับ แต่ว่า......"กาลพูดเว้นช่วงอย่างมีเลศนัย
"แต่ว่าอะไร" มารเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนกับเตรียมใจที่จะรับรู้ความคิดหัวหมอของน้องชายตัวแสบ
"พี่ต้องเลี้ยงผมจนกว่าจะกลับมาถึงบ้าน หึ หึ หึ"เขาพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแต่หัวเราะด้วยเสียงแสนเจ้าเล่ห์ไม่ีรับรู้ถึงความทุกข์ของพี่ชาย
"งานเข้าซะ!!" มารบ่นกับตัวเอง
"งั้นก็ไปกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา" มารพูดด้วยน้ำเสียงเตรียมกระเป๋าแบน
...............................................................................................................
กริ๊งๆ เสียงกระดิ่งสั่นประตูดังขึ้นพร้อมร่างของชายหนุ่ม 2 คน คนนึงผมสีดำสนิททรงอีโม มีดวงตาสีอำพัน แต่งชุดกันหนาวลายหัวกระโหลกแดงซึ่งมีรอยกระสุนกลางกระโหลกที่มีฮู๊ด กางเกงยีนส์สีดำเทา รองเท้าผ้าใบนาโนสีดำแผ่นรองใต้รองเท้าสีขาวมีลายพลังงานเวทย์สีฟ้าบนรองเท้าอยู่ อีักคนเป็นคนที่มีผมหยิกหยักโศกสีขาว ดวงตาสีมรกต มาในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวมีลายสกรีนด้วยตัวอักษรสีดำว่า RAISE YOUR HAND กางเกงยีนส์สีดำสนิท รองเท้าวิ่งสีดำตัดเขียวอ่อน ทั้งสองเดินตรงเข้าไปที่เคาท์เตอร์
"ขอโค๊ก 2 แก้ว" มารสั่งเครื่องดื่มจากเคาท์เตอร์ที่ประดับด้วยไฟนีออนหลากสี
"มากี่ครั้งไม่เคยกินเหล้ากินเบียร์เลยนะสองพี่น้อง" บาร์เทนเดอร์สูงอายุเอ่ยขึ้นจากนั้นก็เดินไปเอาเครื่องดื่มมาให้สองพี่น้อง
"พวกเราเพิ่ง 18 เองครับแล้วก็ไม่อยากเมาหัวทิ่มเหมือนผู้ใหญ่หลายๆคนด้วยสิลุงบิว" กาลพูดด้วยน้ำเสียงกวนโอ๊ย
"งั้นเหรอ ว่าแต่เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยกันรึยัง" ลุงบิวถามสองพี่น้องพร้อมยกเครื่องดื่มตั้งลงบนเคาท์เตอร์
"จะเริ่มติวพรุ่งนี้แล้วครับ" มารตอบพร้อมกับหยิบแก้วโค๊กขึ้นดื่ม
"อีกแค่ 1 อาทิตย์ จะทันเหรอ" ลุงบิวถามด้วยความเป็นห่วง
"ทันอยู่แล้วครับลุง ระดับนี้แล้ว ว่าแต่ช่วงนี้มีข่าวพวกกบฏเหมันต์เหนือบ้างไหมครับ" กาลเอ่ยถามทันทีหลังจากดื่มโค๊กหมดแก้ว
"ได้ข่าวว่าอีก 2 เดือนพวกมันจะบุกหัวเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ ที่นั่นพวกเธอพักอยู่หนิ ระวังตัวหน่อยล่ะ ถ้ามีคนแปลกหน้าแปลกตาเข้ามาก็ช่วยรายงานกับเจ้าหน้าที่ด้วยล่ะ" ลุงบิวอธิบายและตักเตือนด้วยความเป็นห่วง
"ขอบคุณมากครับ ตอนนี้คงถึงเวลาสนุกแล้วพวกเราขอไปฟังเพลงที่ห้องดนตรีชั้นใต้ดินนะครับ" กาลพูดพร้อมกับลุกจากเก้าอี้
"นี่เงินครับ" มารหยิบเงินออกจากกระเป๋าตังแล้วตั้งไว้บนเคาท์เตอร์ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามน้องชายลงไปชั้นใต้ดิน
.........................................................................................................
"ความมืดมิดช่างไรวี่แววของผู้คนรอบกาย"
"ความอ้างว้างวันนี้มันยังคอยกัดกินหัวใจ"
"ตั้งแต่เธอทิ้งฉันไป มันก็เหมือนหัวใจได้แหลกสลายไป"
"ฉันยังเหลือเวลาอีกนานไหม ก่อนที่หัวใจของฉันพังทลาย"
"แม้ว่าเธอจะจากฉันไปก่อน แต่ตอนนอนทุกคืนยังคงฝังใจ"
"ยังคงไม่ลบเลือนจากหัวใจ ฉันยังจำเรื่องราวที่ดีของสองเรา"
"เลยอยากจะบอกให้ฟังไว้ ว่าฉันยังคงแต่รักเธอ"
"ไม่ว่าเจ็บแค่ไหน ไม่ว่านานเท่าไร"
"ในหัวใจ ยังคิดถึงเพียงเธอคนเดียว"
"ต่อให้เธอจะรักใครสักกี่คน"
"ที่สุดในหัวใจของฉันนั้นคือเธอ"
"เพลงเพราะดีเนอะ" มารพูดกับน้องชายตัวแสบ
"นั่นสิครับ ผมชอบมากนะวงนี้ถึงจะไม่ดังแล้วเลนอยู่ในบาร์ แต่ก็มีเพลงเป็นของตัวเอง" กาลพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ
"นักร้องน่ารักด้วยดิ ฮ่าฮ่า" มารพูดและหัวเราะด้วยสีหน้าดีใจ
...........................................................................................................
"คอนเสิร์ตจบแล้ว กี่โมงแล้วกาล" มารถามน้องชาย"ตี 1.30 แล้วครับ กลับบ้านเลยไหมครับผมง่วงแล้ว" กาลตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
"งั้นไปกันเถอะ" มารพูดพร้อมแบกน้องชายขึ้นหลังแล้วเดินออกทางประตูหลัง
"ขอโทษค่ะ คุณคือ มาร ใช่ไหมคะ" เสียงเด็กสาวคนหนึ่งจากด้านหลังเอ่ยถาม
"ครับ เราเคยรู้จักกันเหรอครับ" มารตอบพร้อมหันไปมองด้านหลัง เขาพบว่าเสียงของเธอคนนั้นคือนักร้องของวง "ใบเตยหวาน"
"จำเราได้ไหม ใบเตยไง ที่เคยเรียนด้วยกันตอน ม.ต้น" เด็กสาวผมยาวประบ่าำทรงหน้าม้าสีดำสนิทรูปร่างสมส่วนดวงตาสีฟ้าใส
"อืม นึกออกแล้ว แต่ตอน ม.ต้นไม่ได้หน้าตาแบบนี้นี่ เปลี่ยนไปเยอะนะ เกือบจำไม่ได้เลย" มารตอบด้วยสีหน้าดีใจที่ได้เจอนักร้องที่เขาปลื้มแถมยังเป็นเพื่อนกันอีก
"แล้วตอนนี้จะสอบเข้ามหาลัยไหนเหรอ" ใบเตยเอ่ยถาม
"คิดว่าจะสอบเข้ามหาลัยดวงเนตรไอยรา" มารตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"จริงเหรอ เราก็จะสอบเข้าที่นั่นเหมือนกัน เธอจะเข้าคณะอะไรเหรอ เราจะเข้าคณะ นาโน" ใบเตยถามด้วยความอยากรู้
"น่าจะเป็นคณะศาสตร์ป้องกันตัวล่ะ" มารตอบด้วยน้ำเสียงดีใจเมื่อรู้ว่าคนที่เขาชอบจะสอบเข้ามหาลัยที่เดียวกัน
"อืม งั้นเรากลับก่อนนะ ต้องไปอ่านหนังสือ ขอให้สอบได้นะแล้วเจอกัน" พูดจบเธอก็หยิบพวงกุญแจรูปโรลเลอร์เบลดจะกระเป๋าเสื้อของเธอ เธอกดปุ่มวงกลมสีชมพูบนพวงกุญแจ ทันใดนั้นพวงกุญแจก็พลันส่องแสงสีชมพูและกลายเป็นโรลเลอร์เบลดสีชมพูซึ่งบรรจุพลังงานนาโนไว้เพื่อให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น
"อืมแล้วเจอกัน" มารพูดขึ้นขณะที่ใบเตยกำลังจะกลับบ้าน เขาคิดในใจว่าทำไมไม่ขอเบอร์ไว้วะได้เจอทั้งที เอาเถอะเดี๋ยวคงได้เจอเราเองก็กลับบ้า่นมั่งดีกว่า เมื่อคิดได้ดังนี้เขาก็กระโดดขึ้นสู่หลังคาตึกและกระโดดข้ามตึกไปเรื่อยๆท่ามกลางแสงจันทร์สีฟ้าครามอร่ามตา
เมื่อถึงที่หมายเขาก็กระโดดลงสู่พื้นเบื้องล่าง ตุบ เสียงเท้ากระแทกพื้นอย่างแผ่วเบา เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูสีแดงจากนั้นก็เดินเข้าไป
"เจ้าตัวแสบหนักจริงๆ" เขาพูดพร้อมโยนน้องชายตัวแสบลงบนเตียงเขาดึงผ้าห่มหนาสีฟ้ามาคลุมตัวน้องชายเอาไว้จากนั้นก็ปิดไฟก่อนเดินออกจากห้องนอนของกาล เพื่อไปห้องนอนของตัวเอง
"พรุ่งนี้ต้องอ่านหนังสือและฝึกร่างกายอีกแล้ว" เขาบ่นและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์และผลอยหลับไปในที่สุด
................................................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น