[Fan Fiction-JR] One Day with Hey!Say!JUMP!! ::: Ryo VS JUMP
เมื่อหนุ่มหล่อมาดขรึม ต้องมาเผชิญหน้ากับเด็กน้อยแสนซนทั้งสิบคน...จึงมีเรื่องวุ่นวายมาก่อกวนได้ไม่รู้จบ แล้วเรียวจะผ่านเวลาที่แสนจะยุ่งยากนี้ไปได้ยังไง!!
ผู้เข้าชมรวม
385
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เช้าวันเสาร์ที่วงNewsและHey!Say!Jumpจะต้องไปทำรายการโชเนนสเปเชียลที่ฟุกุโอกะ เสียงโทรศัพท์จากเพื่อนๆในวงเมื่อตอนรุ่งสางของวันเป็นการบอกว่าเขากำลังจะไปสายเสียแล้ว เรียวรีบหยิบกระเป๋าคู่ใจพร้อมด้วยเสื้อนอกที่จะใช้ใส่ทับเสื้อกล้ามตัวที่ใส่อยู่แล้วรีบออกจากบ้านทันที
// เรียวจัง ไม่ต้องรีบแล้วนะ.....เพราะเดี๋ยวพวกเราจะไปกันก่อนโคยาม่ากับยามะพีจะต้องไปเตรียมตัวน่ะ ส่วนเรียวจังรอไปพร้อมพวกเด็กๆนะ รถคันนั้นเขาออกแปดโมง แล้วเจอกันนะเรียวจัง //
เสียงเจ้ายูยะดังออกมาจากโทรศัพท์ ยังไม่ทันทีที่ผมจะได้พูดอะไรกลับไปเจ้านั่นก็วางสายไปซะแล้ว.....เอาเหอะ ไปกับเด็กๆก็ได้ เพราะผมเองแหละที่ผิดดันตื่นสาย แถมพอตื่นขึ้นมาก็เลยเวลานัดมาแล้วด้วยสิ พวกนั้นรอผมจนถึงตอนนี้ได้ก็ดีแล้วแหละ ดังนั้นจะไปเรียกร้องอะไรก็ไม่ได้หรอก
เจ็ดโมงครึ่งเรียวก็มาถึงที่หน้าตึกJEซึ่งมีรถบัสคันใหญ่จอดอยู่คันนึงพร้อมกับรถตู้อีกสองคัน พวกทีมงานกำลังช่วยกันขนเสื้อผ้ากับข้าวของอื่นๆขึ้นไปบนรถตู้ทั้งสองคัน ตรงหน้ารถบัสมีร่างเล็กๆของริวทาโร่ จิเนนแล้วก็ฮิคารุวิ่งไล่กันอยู่
“อรุณสวัสดิ์ครับนิชิคิโดคุง” เสียงทีมงานคนหนึ่งทักขึ้น เรียวก็หันไปยิ้มให้
“ตื่นสายเหรอครับ?”
“ครับ ขอโทษทีนะครับ” เรียวตอบกับไปอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คิวของเรียวคุงไม่ใช่ตอนบ่ายนี้ นี่เด็กๆก็เพิ่งมากันครบเหมือนกันครับ”
“ต้องตื่นกันเช้าๆแต่ก็ยังร่าเริงอยู่เลยนะครับ” เรียวมองไปทางเด็กๆที่วิ่งเล่นกันอยู่ ซึ่งตอนนี้มีเคโตะกับไดกิเข้ามาร่วมวงด้วย
“เป็นแบบนี้เสมอแหละครับ ยังไงวันนี้ก็ต้องฝากเรียวคุงด้วยนะครับ”
“เอ๊ะ ไม่ได้นั่งไปด้วยกันเหรอครับ” เรียวถามงงๆ
“อ๋อ เปล่าครับ เดี๋ยวพวกผมต้องรอเช็คเสื้อผ้าอีกเซ็ตด้วยครับ.....ยังมาไม่ถึงเลย ก็เลยยังไปไม่ได้น่ะครับ”
“เหรอครับ.....งั้นผมคงไม่รบกวนแล้วครับ” เรียวบอกกับทีมงานคนนั้นแล้วก้มหัวให้ทีนึงก่อนจะเดินไปที่รถ
เรียวก้าวขึ้นไปบนรถก่อนจะมองหาที่นั่งให้ตัวเอง ด้านหน้ารถมียาบุกับยามาดะนั่งเปิดหนังสือนิตยสารดูกันอยู่ ทาคาคิกำลังลื้อกระเป๋าเป้ของตัวเองอยู่ท้ายรถ ถัดขึ้นมาหน่อยก็มีเคย์กำลังนอนหลับสนิท อีกฝั่งนึงก็เป็นยูโตะนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ เรียวจึงตัดสินใจที่จะเดินเลยที่ที่ยาบุกับยามาดะนั่งอยู่ไปอีกสักหน่อยแล้วค่อยวางกระเป๋าของตัวเองไว้
ไม่นานเสียงเจื้อยเจ้วก็ดังขึ้นแล้วริวทาโร่ ฮิคารุ จิเนน เคโตะ ไดกิก็เดินขึ้นมาบ้าง แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกตามมาด้วยเสียงพูดคุยจากที่นั่งด้านหลังของเคโตะ ริวทาโร่ และจิเนนที่กำลังโบกมือบ๊ายบายให้บรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ด้านล่าง เรียวหันหลังไปมองเด็กทั้งสามนิ่งๆ พอเห็นว่าเรียวมองอยู่เด็กทั้งสามก็สะดุ้งพร้อมกัน แล้วหยุดพูดคุยกันทันทีก่อนจะทยอยกันลุกออกไป.....เรียวมองตามไปงงๆ ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย
รถแล่นมาได้สักพัก ผมก็เริ่มรู้สึกว่า....มันเงียบผิดปกติ.....เงียบจนผมอดจะหันมองดูเพื่อนร่วมทางตัวน้อยของผมที่เหลือไม่ได้ แต่จะบอกว่าเป็นเพื่อนตัวน้อยทั้งหมดก็ไม่ได้ในเมื่อทั้งยาบุ ฮิคารุ เคย์ แล้วก็ไดกิไม่ใช่เด็กตัวน้อยๆที่ผมเคยเห็นแล้วนี่ เด็กสี่คนนี้ผมเห็นมาตั้งแต่ตัวเล็กๆน่าจะเท่าๆกับเด็กตัวเล็กอีกสองคนในกลุ่มนั้นเลยมั้ง ส่วนอีกคนที่โตแล้วเหมือนกันรู้สึกว่าจะชื่อทาคาคิ ยูยะ....ใช่แล้ว ชื่อยูยะ ชื่อเหมือนเจ้าตัวป่วนในวงของผมแหละ
น่าแปลกแฮะ ตอนนี้เด็กๆพวกนั้นกำลังไปรวมตัวกันอยู่ที่ท้ายรถ แล้วก็พูดคุยอะไรกันสักอย่างท่าทางเคร่งเครียดซะด้วย.....แต่ก็ดีแล้วแหละ ผมจะได้อยู่เงียบๆของผมสักที
“.....ตกลงเอาไงดีอ่ะพวกเรา” ยามาดะถามเพื่อนร่วมวงคนอื่นเสียงเบา
“ก็ไม่เห็นต้องเอาไงอะไรเลยนี่ยามะจัง ก็ทำตัวตามปกติสิ” ยาบุบอกรุ่นน้อง
“ได้ไง เดี๋ยวนิชิคิโดคุงก็ดุเอาหรอก” เคโตะว่า
“ใช่ๆ เมื่อกี้ยังมองพวกเราน่ากลัวมากเลย” จิเนนบอกบ้างโดยมีริวทาโร่พยักหน้าหงึกหงักเสริมอยู่ข้างๆ
“ไม่หรอกน่า เรียวจังน่ะเป็นคนใจดีออก ยังเคยให้เรายืมหนังสือการ์ตูนบ่อยๆเลย” ฮิคารุบอกน้องๆ
“เคยสอนเราเต้นด้วยนะ” เคย์บอกออกมาบ้าง
“จริงด้วย ตอนมีคอนเสิร์ตนิวส์แล้วเรากำลังยืนตื่นเต้นอยู่ข้างเวที เรียวซังก็เข้ามาให้กำลังใจเราด้วย” ยามาดะบอกอย่างตื่นเต้น
“ถ้างั้นเรียวซังก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกเราคิดน่ะสิ” จิเนนพูดแล้วยิ้มออกมา
“อื้อ....พวกยูริจังน่ะกลัวกันไปเองแหละ” ไดกิบอกพร้อมลูบหัวรุ่นน้องเบาๆ
หลังจากพูดคุยกันจนรู้เรื่องHey!Say!Jumpก็กลับเข้าสู่โหมดปกติ เสียงที่เงียบไปได้พักใหญ่ๆก็กลับมาเมื่อริวทาโร่กับจิเนนเริ่มวิ่งเล่นกันอีกครั้ง และยาบุกับยามาดะก็กลับมานั่งตรงที่เดิมของพวกตนโดยที่ครั้งนี้มียูโตะมาร่วมวงด้วยอีกคน เรียวมองดูเด็กๆที่แยกย้ายกันทำกิจกรรมของตนอีกครั้งอย่างงงๆ ก่อนที่จะต้องมาให้ความสนใจกับคนที่มายืนอยู่ข้างตัว
“อ้าว ฮิคารุคุงมีอะไรเหรอ?” เรียวถามออกมาเมื่อฮิคารุนั่งลงข้างๆ
“เอ่อ....เรียวจังฮะ คือว่าทาคาคิคุงเขามีเรื่องจะปรึกษาเรียวจังหน่อยน่ะฮะ แต่เขาไม่กล้ามาเองก็เลยให้ผมมาถามให้ก่อน”
“เหรอ ก็ให้เขามาสิ.....นี่ถามจริงเหอะฮิคารุ ฉันน่ากลัวมากเลยเหรอ? เมื่อกี้พวกริวทาโร่ก็เหมือนกัน แค่ฉันหันไปมองก็แผ่นแน่บเลย” เรียวถามแล้วหัวเราะออกมาแห้งๆ
“ไม่หรอกฮะ ผมว่าเรียวจังใจดีออก เท่ด้วยครับ” ฮิคารุบอกพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
“ฮ่ะๆๆ ขนาดนั้นเลย....ไปเรียกเพื่อนนายมาสิ”
“ครับ” รับคำแล้วก็เดินออกไป ไม่นานเด็กอีกคนก็เดินมาแทน
“เอ่อ....รบกวนด้วยนะครับ” ทาคาคิโค้งให้เรียวก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“มีปัญหาอะไรอยู่เหรอเราน่ะ”
“ก็มีนิดหน่อยน่ะครับ จะถามเพื่อนๆคนอื่นก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก....คิดว่ามาปรึกษานิชิคิโดคุงน่าจะดีกว่า” ทาคาคิบอกออกมาท่าทางประหม่าๆ
“อืม เอาสิ....มีอะไรเหรอ?” เรียวถามซ้ำอีกครั้ง
“คือผมเริ่มสงสัยยังไงไม่รู้อ่ะครับ ว่าแฟนผมจะนอกใจอ่ะ” ทาคาคิพูดออกมาหน้าเครียด
“อะไรนะ นี่นายมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย” เรียวถามด้วยความตกใจไม่น้อย....เพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองเนี่ย
“ครับ เธอเป็นแฟนคลับผมที่โรงเรียนน่ะครับ ผมเห็นว่าเธอก็น่ารักดีก็เลยลองคบๆดู แต่เธอดันไม่ได้มีผมแค่คนเดียวนี่สิ....มันน่าเจ็บใจมั้ยล่ะครับ”
“อืม...ก็จริงนะ แล้วทำไมนายถึงสงสัยเธอล่ะ”
“ก็มีเพื่อนผมตั้งหลายคนที่เห็นเธอไปเดินเที่ยวอยู่กับรุ่นพี่ผู้ชายที่โรงเรียน แล้วก็มักจะผิดนัดผมตั้งหลายครั้งแน่ะ นิชิคิโดคุงว่าผมบอกเลิกเธอไปดีมั้ยครับ”
“ในเมื่อนายก็ไม่ได้แฮปปี้ที่จะคบกับเธอแล้ว ก็เลิกไปเหอะนะฉันว่า”
“นั่นสินะครับ จะได้ไม่เป็นการปิดโอกาสของพวกผู้หญิงคนอื่นด้วย....” ทาคาคิพูดอย่างใช้ความคิด แล้วหันมาพูดกับเรียวต่อ
“นิชิคิโดคุงรู้มั้ยครับว่าแฟนคลับผมที่โรงเรียนมีเยอะมากเลยนะครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบเลยครับเพราะส่วนใหญ่จะเป็นพวกรุ่นพี่ แบบว่า...ผมชอบคนที่เด็กกว่าน่ะฮะ ก็พวกเด็กผู้หญิงอ่ะน่ารักจะตายไป ดีกว่าพวกผู้ใหญ่ที่ชอบแต่งหน้าทำผม แล้วก็จู่จี้ขี้บ่นด้วย น่าเบื่อออก จริงมั้ยฮะ?” หลังจากร่ายยาวมาหลายประโยคทาคาคิก็หันมาถามความเห็นจากรุ่นพี่อีกครั้ง
“เอ่อ ก็คงอย่างงั้นมั้ง....” เรียวตอบกลับไปแล้วยิ้มแห้งๆ.....ทำไมผมต้องมานั่งฟังเด็กนี่บ่นเรื่องเด็กผู้หญิงกับผู้หญิงที่โตแล้วด้วยนะเนี่ย
เฮ้ย! นี่เจ้าเด็กนี่ดูไม่ออกหรือไงว่าผมไม่อยากจะฟังแล้วถึงได้พูดต่ออีกแล้วเนี่ย....รู้อย่างนี้ผมไม่รับปากเจ้าฮิคารุดีกว่า
..........................................................
....................................................................
“เอ่อ นิชิคิโดคุง เดี๋ยวขอตัวก่อนดีกว่าครับ รบกวนมาตั้งนาน....แล้วนี่ผมก็เริ่มหิวน้ำแล้วด้วย” หลังจากที่พูดเรื่องนู้นเรื่องนี้อีกหลายๆเรื่องซึ่งโดยมากจะวนอยู่ที่เรื่องแฟนคลับซะส่วนใหญ่ ทาคาคิก็เอ่ยลาเรียวออกมา เรียวปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้ด้วยความเต็มใจ
“ขอบคุณมากนะครับที่ให้คำปรึกษาดีๆกับผมตั้งเยอะ” พูดจบทาคาคิก็ลุกขึ้นโค้งให้เรียวแล้วเดินออก เรียวมองตามเด็กหนุ่มไปด้วยความงุนงงไม่น้อย.....คำปรึกษาดีๆตั้งเยอะงั้นเหรอ? เจ้าเด็กนี่มันสบายดีป่ะเนี่ย ในเมื่อผมได้แค่พูด อืมๆๆ ก็ดี ก็ใช่ จริงด้วย แค่นี้เองนะ หรือมันจะประชดผมเนี่ย แต่ก็เอาเหอะ....ไปแล้วก็ดี ผมยังนั่งฟังจนหูจะชาอยู่แล้ว ไม่หิวน้ำก็แปลกล่ะ
พอคล้อยหลังทาคาคิไปเรียวก็เริ่มค้นกระเป๋าแล้วหยิบเอาหนังสืออ่านเล่นขึ้นมานั่งอ่าน อ่านไปได้สักพักก็อดจะรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้กับเสียงหัวเราะและก็เสียงร้องโวยวายของริวทาโร่กับจิเนนที่วิ่งเล่นกันอยู่ ซึ่งตอนนี้มีเคย์กับฮิคารุมาเล่นด้วยแล้ว เรียวมองด้วยสายตารำคาญเล็กน้อย.....นี่รถก็แล่นอยู่นะเนี่ย ยังจะวิ่งเล่นกันอีก....
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่พื้นที่ข้างๆที่นั่งของเรียวมีคนเดินมายืนอยู่ เรียวเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นไดกิที่ยืนหน้าหมองๆอยู่ตรงนั้น เรียวมองเด็กหนุ่มแล้วเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม พอเห็นว่ารุ่นพี่หันมาสนใจตนแล้วไดกิก็นั่งลงข้างก่อนจะพูดหน้าเครียด
“เรียวจังฮะ....เรียวจังต้องช่วยผมนะ” ไดกิพูดสีหน้าจริงจัง จนเรียวอดจะทำสีหน้าจริงจังตามไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอไดกิคุง”
“ดูนี่สิฮะ เห็นมั้ยฮะ??” ไดกิยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วชี้ให้ดูที่สิวเม็ดใหญ่บนแก้มขาว เรียวมองงงๆแต่ก็อดจะรู้สึกสงสัยไม่ได้.....นี่คงไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะให้เขาช่วยนะ.....
“เรียวจังดูสิฮะ เม็ดใหญ่มากเลยอ่ะ แล้วก็ขึ้นอยู่บ่อยๆด้วย....ผมนะ พยายามมาแล้วทุกทางเลย ทั้งยาทาสิว ครีมล้างหน้าทุกอย่างที่มีคนแนะนำมาเลยฮะ แต่ก็ยังขึ้นอยู่ดี” พูดจบก็ทิ้งตัวพิงพนักอย่างแรงแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไงอ่ะ” เรียวถามอย่างไม่เข้าใจ ก็มันเรื่องเด็กหนุ่มทั้งนั้นไม่เห็นจะเกี่ยวกับเขา
“ก็หน้าเรียวจังไม่ค่อยมีสิวเท่าไหร่เลย เรียวจังใช้ครีมอะไรอยู่รึเปล่าฮะ” หันมาถามตาแป๋ว สีหน้าอ้อนวอนเต็มที่
“เปล่า ที่จริงพออายุมากขึ้นก็ไม่ค่อยมีสิวแล้วแหละ....แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ”
“ก็แม่ผมไม่ยอมน่ะสิครับ บอกว่าเดี๋ยวหน้าดีๆจะเสียหมด.....แต่ไอ้ตอนที่ผมใช้พวกยาแล้วก็ครีมทามันก็ยุบไปนะฮะ แต่เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาอีกอยู่ดี คราวก่อนให้ฮิคารุบีบให้มันก็ยังขึ้นมาอีก....ที่เดิมเลยด้วยฮะ จนพวกฮิคารุยังแซวว่ามันเป็นสิวเจ้าที่แน่ๆ แต่ผมขำไม่ออกหรอกนะ น่าเบื่อจะตาย ขนาดตอนที่พี่ๆเขาแต่งหน้าให้เวลาจะขึ้นคอนเสิร์ตยังต้องบ่นออกมาเลย” ไดกิบ่นออกมาชุดใหญ่ เรียวก็มองเซ็งๆ.....ปัญหาของเด็กๆ ขนาดโตมาแล้วยังต้องมานั่งฟังเด็กพวกนี้บ่นอีกเหรอเนี่ย.....ตอนอายุเท่านี้ผมก็เจอมาเหมือนกันแหละ ยังไม่เคยบ่นเลย แต่นี่ท่าจะเป็นเอามากแหละ.....สิวเจ้าที่นี่น่ากลัวจังแฮะ.....
“ฉันว่าไว้นายลองถามเจ้าเทโกชิดูดิ เห็นเมื่อเร็วๆนี้เจ้านั่นก็เพิ่งบ่นเรื่องสิวอยู่เหมือนกัน” เรียวบอกพลางตบไหล่ไดกิเบาๆอย่างเห็นใจ
“จริงเหรอฮะ งั้นขอบคุณเรียวจังมากนะฮะ....ผมว่าเดี๋ยวผมไปโทรหาเทโกชิคุงเลยดีกว่า” ว่าแล้วก็ลุกออกไปทันที เรียวมองตามเด็กหนุ่มไปอึ้งๆ....นี่ถ้าจะเครียดมากเลยนะเนี่ยเรื่องสิวเม็ดนั้นน่ะ
หลังจากที่ไดกิออกไปได้ไม่นาน เรียวก็เริ่มตัดสินใจที่นอนพักสักหน่อย.....แต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังปึ่กแล้วตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย!!!” เสียงจิเนนร้องเสียงดังจนทุกคนต้องลุกขึ้นมาดูแล้วก็พบว่าเด็กชายกำลังนั่งกองอยู่กับพื้นรถ ดูจากท่าทางแล้วน่าจะหงายหลังตกลงมาจากเบาะแล้วหัวไปโขกกับที่วางแขนของที่นั่งอีกฝั่งนึง แล้วก็คงจะโขกแรงน่าดูเพราะหน้าตาของจิเนนเริ่มส่อแววว่าใกล้จะร้องไห้เต็มทน
....ส่วนตัวต้นเหตุคงจะเป็นเด็กชายตัวเล็กอีกคนที่ชะโงกมองจากบนที่นั่งที่จิเนนเพิ่งตกลงมา แล้วจิเนนก็เริ่มสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา มือเล็กจับที่ด้านหลังหัวของตนแล้วยิ่งร้องไห้หนักขึ้น เมื่อเห็นท่าไม่ดีเรียวก็รีบลุกไปหาเด็กทั้งสองทันที แต่ยังช้ากว่ายาบุ ยามาดะ และยูโตะที่อยู่ใกล้กับเด็กทั้งสองมากกว่า ยามาดะกับยาบุเข้าไปประคองจิเนนขึ้นมา
“ริวทาโร่!! แกล้งยูริจังอีกแล้วเหรอ!?” ยูโตะว่าริวทาโร่เสียงดุ ริวทาโร่ที่สีหน้าไม่ค่อยดีอยู่แล้วพอโดนดุใส่ก็เริ่มน้ำตาคลอทันที
“ฮึก!....ก็ผมไม่ได้ตั้งใจนี่ฮะ ไม่คิดว่ายูริจะตกลงไปจริงๆ....” ริวทาโร่พูดเสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหลลงมา
“ไม่เอาน่ายูโตะ ริวทาโร่คงไม่ได้ตั้งใจหรอก ร้องไห้อีกคนแล้วเห็นมั้ย” ยาบุเข้ามาจับแขนยูโตะเบาๆเป็นเชิงปราม ก่อนจะลูบหัวปลอบเด็กชายอีกคน
“ยูริจังเจ็บมากมั้ยอ่ะ?” ริวทาโร่หันไปถามจิเนนที่ยืนอยู่กับยามาดะทั้งๆที่ยังสำอื้นอยู่
“นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก....ริวจังไม่ได้ตั้งใจนี่ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ เราไม่โกรธหรอก” จิเนนยิ้มให้น้อยๆ แล้วเดินมาลูบหัวลูบหลังริวทาโร่ให้หยุดร้องไห้
“เอาล่ะๆๆ ไม่มีใครเป็นอะไรมากก็ดีแล้ว เอาแต่วิ่งเล่นกันจนเจ็บตัวเลยเห็นมั้ยเนี่ย” เรียวที่ยืนมองอยู่ได้สักพัก เมื่อเห็นว่าเริ่มเคลียร์กันได้แล้วก็พูดขึ้นมาบ้าง
“คราวนี้ไม่ต้องวิ่งไปนู่นมานี่ ปีนตรงนู้นตรงนี้แล้วนะ นั่งกันเฉยๆได้แล้ว....ส่วนจิเนนคุงมานั่งกับฉันดีกว่าจะได้ดูแผลให้” เรียวบอกเรียบๆก่อนจะพาจิเนนไปนั่งกับตัวเอง
“มันบวมนิดหน่อยนะเนี่ย เอาไว้ไปถึงแล้วค่อยหายาทาละกัน” เรียวบอกพลางคลึงหัวของเด็กชายตรงที่เริ่มปูดขึ้นมาเบาๆ
“ไม่เป็นไรฮะ ไดกิคุงน่าจะมียามาด้วย” จิเนนบอกกับชายหนุ่ม เรียวมองเด็กชายงงๆไดกิจะเอายามาทำไม แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากขวดยาหม่องก็ถูกยื่นมาตรงหน้าซะแล้ว
“นี่ครับยา ผมต้องพกเอาไว้เพราะพวกนี้เล่นกันทีไรก็เจ็บตัวประจำแหละฮะ....เดี๋ยวผมไปคุยเทโกชิคุงต่อนะฮะ ฝากเรียวจังด้วยนะครับ” ไดกิบอกยิ้มๆแล้วก็เดินจากไป เรียวรับมาแล้วก็เปิดเอายาทาลงไปบนหัวเด็กชายทันที สักพักก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินมาหาอีก คราวนี้เป็นพวกยาบุ ริวทาโร่ ยูโตะ ยามาดะที่จะมาถามไถ่อาการของจิเนน
“ยูริจังเป็นไงมั่งอ่ะ” ยามาดะถามขึ้น
“ไม่เป็นไรแล้วแหละ เมื่อกี้ไดกิคุงเอายามาให้แล้ว” เด็กชายตอบกลับไป
“นี่ถ้าจะคุยกันพวกนายก็หาที่นั่งกันซะ เกิดรถเบรกขึ้นมาเดี๋ยวจะล้มกันไปอีก” เรียวมองเด็กๆที่ยืนกันเต็มทางเดินอย่างดุๆ พอได้ยินเรียวพูดแบบนั้นยาบุก็ดึงริวทาโร่ไปนั่งที่เบาะอีกฝั่งซึ่งตรงกับที่นั่งของเรียว ส่วนยูโตะกับยามาดะก็พากันไปนั่งเบาะข้างหน้าของเรียว แล้วเด็กทั้งสองก็คุกเข่าอยู่บนเบาะหันหน้ามาหาเรียวกับจิเนน มองเรียวคลึงหัวให้จิเนนด้วยความสนใจ
“เรียวซังทำแบบนี้ทำไมเหรอฮะ” ยามาดะถามออกมา
“ก็ถ้านวดเอาไว้มันจะได้ไม่บวมขึ้นมาไง จะได้หายเร็วๆด้วย” เรียวบอกเรียบๆ
“อยากลองมั่งมั้ยล่ะยามะจัง” ยาบุส่งเสียงถามมาจากที่นั่งริมหน้าต่างอีกด้าน
“โคตะคุงก็ลองก่อนสิฮะ แล้วเดี๋ยวผมจะนวดให้เลย”
“เรื่องดิ ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย เดี๋ยวผมเสียทรงหมดด้วย...ไม่เอาหรอก”
“โห....ผมทรงนี้ดีตายอ่ะ” ยูโตะหันไปแซวแล้วหัวเราะออกมา
“ดีเด่ะ ทรงนี้ออกจะเท่” ยาบุว่าก่อนยักคิ้วให้ยูโตะ
“ไม่หรอก ผมว่าโคตะคุงตัดทรงเดียวกับสึคาดะคุงดีกว่า....ผมชอบทรงนั้นนะ ที่ทำผมตั้งๆขึ้นไปอ่ะ”
“อย่าเลยยูโตะ เราชอบผมทรงนั้นของเรียวอิจิคุงนะ เท่ดีออก เพราะฉะนั้นอย่าให้โคตะคุงตัดทรงนั้นเดี๋ยวจะเสียหมด” พูดจบก็หัวเราะเสียงดัง
“พวกนายอย่าโจมตีฉันคนเดียวเด่ะ ริวจังก็ไม่คิดจะช่วยกันหน่อยเหรอ?” ยาบุโวยใส่ยูโตะกับยามาดะก่อนจะหันมาถามริวทาโร่ที่เอาแต่นั่งมองคนนู้นทีคนนี้ที
“ช่วยอะไรฮะ ผมก็คิดเหมือนยามะจังนะ”
“ได้ไงเนี่ย อย่างนี้ก็รุมกันนี่นา” ยาบุโวยวายทำเอาเด็กที่เหลือต้องหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“จริงสิ!! เรียวซังฮะผมมีเรื่องรบกวนหน่อยได้มั้ยฮะ” ยามาดะหันมาหาเรียวอีกครั้ง คนอื่นก็หันมาให้ความสนใจกับชายหนุ่มทันที ยาบุขยับมานั่งที่เก้าอี้ตัวนอก นั่งห้อยขาลงที่ทางเดินหันหน้ามาทางเรียวแล้วจับริวทาโร่มานั่งตักของตัวเองแทนเพื่อที่จะได้คุยกันได้ถนัดๆ
“เรื่องอะไรเหรอ?” เรียวถามออกมางงๆ
“ก็แบบว่า...อยากให้เรียวซังสอนผมหน่อยได้มั้ยครับ เวลาที่ร้องเพลงโดยต้องยืนร้องกับขาไมค์ด้วยน่ะฮะ ทำยังไงถึงจะร้องได้แบบเท่ๆเหรอครับ ผมเห็นตอนเรียวซังร้องเพลงCodeนะ....เท่มากเลยฮะ ก็เลยอยากทำได้แบบเรียวซังบ้าง” ยามาดะบอกด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“เอ๋? เท่งั้นเหรอ.....ฉันแค่ร้องแล้วก็ปล่อยอารมณ์ไปตามเพลงเท่านั้นเองนะ” เรียวพูดด้วยความแปลกใจปนเขินๆที่โดนชม....พอได้ยินเด็กบอกแบบนี้ ผมก็อดจะเขินไม่ได้นะ ตอนนั้นผมก็แค่ร้องออกไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าผมดูเท่ด้วยน่ะ
“นี่ยามะจัง ฉันก็เคยร้องเพลงกับขาไมค์เหมือนกันนะ ทำไมไม่ถามฉันมั่งล่ะ” ยาบุถามขึ้นมาบ้าง
“โคตะคุงอ่ะนะ อย่าดีกว่ายามะจัง....ผมเห็นเวลาโคตะคุงร้องเพลงโดยใช้ขาไมค์ทีไรก็เก๊กแต่ท่าเดิมๆทุกที ไม่เห็นจะดูเท่ตรงไหนเลย” ริวทาโร่ขัดขึ้นมาทันที
“ทำไมพูดงี้อ่ะริวจัง” หันมาโวยใส่ริวทาโร่ที่นั่งยิ้มทะเล้นอยู่บนตักทันที แล้วก็อดจะใช้มือดึงแก้มริวทาโร่แรงๆด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“นี่ โคตะคุงอย่าแกล้งริวจังอย่างนั้นสิฮะ” ว่าแล้วยูโตะก็ดึงริวทาโร่ให้มานั่งลงข้างๆตัวเองทันที
“ได้ไงเนี่ยยูโตะ....เอาริวจังไปเฉยเลยนะ”
“ฮ่ะๆๆ ทีนี้โคตะคุงโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวแล้ว” ยามาดะหัวเราะเสียงใส เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็ไม่มีใครอยู่ฝ่ายยาบุแล้ว
“ถึงริวจังนั่งอยู่กับฉัน ริวจังก็เข้าข้างพวกนายอยู่ดีแหละ” ยาบุแกล้งพูดงอนๆ
“งอนเหรอโคตะคุง” ยูโตะแกล้งส่งเสียงเย้า แล้วเด็กทั้งสามก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักกันใหญ่
“จริงสิ ถ้าพูดถึงเรื่องความเท่แล้วก็อดจะคิดถึงยูตะคุงไม่ได้เนอะ” เมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้ยาบุก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องไปทันที
“ทามาโมริคุงน่ะเหรอ?” ยามาดะถามด้วยความสงสัย เรียวเองก็มองด้วยความสงสัยเหมือนกัน....อยู่ๆก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย?
ผมได้แต่นั่งฟังเด็กๆคุยกันมานานแล้วนะ ถ้าถามว่าเบื่อมั้ย? ก็อาจจะบอกได้ว่าเบื่อมากเลย....ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่าการนั่งฟังเจ้าพวกนี้คุยกันซะอีก อีกอย่างตอนนี้ผมก็เริ่มง่วงแล้วด้วย แต่ถ้าจะไล่ให้ไปนั่งที่อื่นก็คงไม่ได้ในเมื่อเจ้าพวกนี้คงจะอยากมาอยู่เป็นเพื่อนจิเนนคุงล่ะมั้ง.....สงสัยผมคงจะทำหน้าดุเกินไป ก็ท่าทางจิเนนจะกลัวๆผมอยู่นะ ชอบหันมามองผมท่าทางกังวลๆยังไงไม่รู้ แล้วก็เห็นทำท่าจะพูดคุยกับเพื่อนๆอยู่เหมือนกัน แต่พอมองหน้าผมแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย ไปๆมาๆก็เลยหันหนีออกนอกหน้าต่างซะงั้น ผมก็ได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว....จะว่าไปการได้แกล้งเด็กก็สนุกดีเหมือนกันนะ...
“อื้ม ทามาโมริ ยูตะนั่นแหละ....อย่างตอนที่ยูตะคุงยังเป็นJr.เฉยๆ กับตอนที่อยู่ในJJ Expressก็เป็นคนที่น่ารักๆมากเลยนะ แต่พอไปอยู่Kis-my-ft2แล้วก็กลายเป็นคนที่ดูเท่ๆขึ้นมาเลยอ่ะ”
“จริงด้วยนะ ทั้งๆที่โตมาพร้อมกันแท้ๆ ผมกลับรู้สึกว่ายูตะน่ะเท่มากเลย ใช่มั้ยฮะเรียวจัง” ยูโตะบอกออกมาบ้างก่อนจะหันมาส่งบทให้เรียว ที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เลยได้แต่พยักหน้าไปส่งๆ....ว่าแต่ ทามาโมริ ยูตะนี่คนไหนเนี่ย??
“ผมว่าเพราะที่จริงโคตะคุงกับยูโตะไม่เท่ใช่มั้ยล่ะ ก็เลยอิจฉาทามาโมริคุงเขาน่ะ เนอะเรียวซัง” ยามาดะอดจะแซวไม่ได้ แล้วก็หันมาหาเรียวให้เป็นแนวร่วม เรียวก็ได้แต่หัวเราะเบาๆกลับไปให้
“อันนี้ฉันก็เห็นด้วยนะ” เรียวบอกยิ้มๆแล้วหันไปแท็คมือกับยามาดะ
“นี่ๆ แล้วยูริจังล่ะ” อยู่ๆริวทาโร่ก็ถามถึงเพื่อนอีกคนขึ้นมา
“จริงสิ หลับไปแล้วรึไง” คำพูดของยาบุทำให้คนอื่นๆรวมทั้งเรียวหันไปมองเด็กชายอีกคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง....จิเนนไม่ได้หลับ แต่กำลังนั่งมองไปนอกหน้าต่างนิ่งๆ พอเด็กที่เหลือเห็นก็เริ่มหันมองหน้ากันหวั่นๆ
“แย่แล้ว ไม่รู้ว่ายูริจังนั่งมองไปนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย” ริวทาโร่พูดออกมา
“ยูริจัง” ยามาดะลองยื่นมือไปสะกิดคนที่นั่งเหม่อมองนอกหน้าต่างอยู่ จิเนนหันกลับมาตามเสียงเรียก....เด็กที่เหลือเริ่มขยับตัวลุกจากที่นั่งทันทีเมื่อเห็นจิเนนหน้าซีดๆแล้วทำท่าผะอืดผะอมขึ้นมา
“หวา!! เรียวจังรีบลุกเร็วครับ” ยาบุรีบดึงตัวเรียวให้ลุกออกมาจากที่นั่ง พร้อมด้วยแรงจากยูโตะ ริวทาโร่ และยามาดะช่วยกันดึงด้วย คนอื่นๆที่เหลือเมื่อเห็นพวกยาบุโวยวายก็พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ไดกิรีบคว้าถุงพลาสติกแล้วเข้ามานั่งแทนที่เรียวทันที พร้อมกับกางถุงพลาสติกออกให้กับจิเนนที่หันมาอ้วกใส่ลงไปในถุงพอดี
“ทันเวลาพอดีเลยนะไดกิ..” เคย์บอกเพื่อนที่กำลังจับถุงให้จิเนนอยู่
“คือว่า...ถ้าจิเนนเขานั่งรถคันใหญ่ๆแล้วนั่งเฉยๆเขาจะเมารถน่ะฮะ นอกจากว่าจะนอนหลับไปเลย ยิ่งถ้าเขามองนอกหน้าต่างยิ่งเวียนหัวง่ายใหญ่เลยฮะ” ฮิคารุหันมาอธิบายให้เรียวที่ยืนทำสีหน้างุนงงอยู่
“แต่เดี๋ยวก็คงจะหลับแล้วล่ะฮะ ปกติถ้าได้อ้วกแล้วก็จะหลับยาวเลย” เคย์พูดเสริม
หลังจากจบเรื่องของจิเนนพวกเด็กๆก็แยกย้ายกันไป ส่วนเรียวก็นั่งลงที่เดิมก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ....กลิ่นอ้วกยังฉุนอยู่เลย เรียวเลยตัดสินใจย้ายที่นั่งให้ถัดขึ้นไปข้างหน้าอีกสองตัว ชายหนุ่มอ้าปากหาวด้วยความง่วงแล้วตัดสินใจที่จะนอนพักสักงีบ
เสียงเด็กยังพูดคุยกันให้ได้ยิน.....แต่มันเริ่มไม่สำคัญแล้วล่ะ ตอนนี้ผมง่วงมากเลย ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรแท้ๆ แค่การอยู่กับเด็กมันทำให้เหนื่อยได้ขนาดนี้เลยรึไงนะ.....ผมว่าเวลานี้ถึงเด็กพวกนั้นจะโวยวายเสียงดังแค่ไหนผมก็เริ่มที่จะไม่รับรู้แล้วมั้ง เพราะเหมือนเสียงพวกเขาดังมาจากที่ไกลๆมากเลย.....
ระหว่างที่เรียวกำลังเคลิ้มหลับก็เริ่มรู้สึกได้ถึงแรงสัมผัสเบาๆจากบนตักของตัวเอง เรียวค่อยๆเปิดตาด้วยความรำคาญน้อยๆแล้วก็พบว่าเป็นร่างเล็กๆของริวทาโร่กำลังพยายามปีนเข้าไปที่ที่นั่งข้างๆเรียวที่อยู่ติดหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าทำเรียวตื่นเด็กชายก็ยิ้มออกมาแห้งๆแล้วรีบปีนเข้าไปนั่งให้เรียบร้อยทันที
“ขอโทษทีนะครับเรียวซัง แต่ผมขอนั่งกับเรียวซังนะฮะ” เด็กชายพูดเสียงอ่อย
“อืมๆ ทะเลาะกับใครมาหรือไง” เรียวถามไปส่งๆ
“เปล่าครับ แต่โคตะคุงกับพี่ยูโตะทะเลาะกันเพราะผมอีกแล้ว...ผมก็เลยหนีมาดีกว่า ถ้าอยู่กับเรียวซังพวกเขาคงไม่กล้ามากวน” พอได้ยินคำตอบของริวทาโร่เรียวก็เลยลองตั้งใจฟังเสียงจากด้านหลัง แล้วก็พบว่ามีเสียงของยาบุกับยูโตะกำลังเถียงกันอยู่จริงๆ
“งั้นก็ตามใจแล้วกัน แต่อยู่เงียบๆนะฉันจะนอน” เรียวบอกกับเด็กชายที่พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
แต่ยังไม่ทันที่เรียวจะได้นอนสมใจ ก็รู้สึกว่ามีเงาของเด็กอีกคนมายืนอยู่ข้างๆตัวอีกแล้ว เรียวมองดูเคโตะที่ยืนทำหน้าบึ้งๆเหมือนกำลังหงุดหงิดกับอะไรสักอย่างอยู่
“เคโตะคุงเป็นไรอ่ะ” ริวทาโร่ส่งเสียงถามเบาๆ
“ก็อิโนโอะคุงกับฮิคารุคุงน่ะสิ มาแย่งเกมส์เราไปเล่นกันเองเฉยเลยอ่ะ” เรียวปรายตามองเคโตะที่ยืนบ่นอยู่ด้วยอารมณ์เซ็งๆ....แล้วเกี่ยวอะไรกับผมล่ะเนี่ย
“เมื่อกี้ผมเห็นเคโตะคุงยังผลัดกันเล่นอยู่กับอิโนโอะคุงแล้วก็ฮิคารุคุงอยู่เลยนะฮะ”
“ใช่ไง....แต่อิโนโอะคุงบอกว่าเราเล่นเก่งเกินไป ให้เขากับฮิคารุเล่นกันสองคนดีกว่า”
“แต่เกมเป็นของเคโตะคุงนี่”
“อือ แต่ช่างเหอะ เราไม่อยากเล่นแล้ว.....เอ่อ ขอผมนั่งกับนิชิคิโดคุงด้วยได้ไหมฮะ อยากหลบเจ้าสองคนนั้นด้วย ถ้าอยู่กับนิชิคิโดคุงพวกนั้นคงไม่กล้ามากวน” เคโตะบอกริวทาโร่แล้วก็หันมาพูดกับรุ่นพี่ที่นั่งอยู่อีกคน เรียวมองเด็กชายทั้งสองคนแล้วก็ถอนหายใจออกมา.....นี่เจ้าพวกนี้เห็นผมเป็นอะไรเนี่ย เป็นไม้กันหมาหรือไง!!!
“เอาเหอะๆ อยากนั่งก็นั่ง แค่อย่ากวนฉันก็พอทั้งสองคนเลย” เรียวขยับเข้าไปนั่งติดหน้าต่างแล้วดันริวทาโร่ให้ไปนั่งกับเคโตะแทน
“ครับผม!!”
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
รถบัสคันใหญ่แล่นเข้าสู่บริเวณโรงแรมที่พักของเหล่าJr.ในจังหวัดฟุกุโอกะ เทโกชิกับโคยาม่าที่นั่งอยู่ในร้านคอฟฟี่ช็อปของโรงแรมเมื่อเห็นรถของ Hey!Say!Jump แล่นเข้ามาก็รีบลุกออกมารอทันที พอประตูรถเปิดทั้งสองคนก็รีบขึ้นไปบนรถเพื่อไปหาเพื่อนร่วมวงอีกคนที่มากับรถคันนี้
“เรียวจางงงงงง อ๊ะ!” เทโกชิหยุดเสียงของตนไว้ทันทีพร้อมทั้งหันไปทำนิ้วเป็นสัญญาณให้อีกคนที่ตามขึ้นมาเงียบๆด้วย
โคยาม่าก็เลยค่อยๆเดินขึ้นมาแทน แล้วภาพที่ทั้งสองเห็นก็คือ....นิชิคิโด เรียว เพื่อนร่วมวงกำลังนอนหลับอยู่โดยที่ข้างๆมีเคโตะพิงไหล่นอนหลับอยู่เช่นกัน ส่วนริวทาโร่ก็นั่งอยู่บนตักเรียวหัวซบที่ไหล่อีกข้างของชายหนุ่ม ยาบุกับยูโตะนั่งอยู่ที่ที่นั่งถัดไปเล็กน้อย.....นอนหลับซบกันทั้งคู่ ถัดไปอีกหน่อยก็เป็นฮิคารุกับเคย์ที่นั่งหลับคาเกมส์ไปแล้ว ด้านหลังมีไดกินั่งซบหัวจิเนนที่เอาหัวซบกับไหล่ของตนอยู่ ส่วนที่นั่งยาวหลังสุดก็เป็นทาคาคิกับยามาดะนอนแผ่เอาหัวชนกัน พอได้เห็นภาพของเด็กๆกับเพื่อนของตนแบบนี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้....น่ารักดีแฮะ
“เคจังๆๆ แอบถ่ายรูปเรียวจังเอาไว้ดีกว่า” เทโกชิพูดจบก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเรียวกับริวทาโร่และเคโตะเอาไว้ โคยาม่าเองก็ทำตามมั่ง
“คนอื่นๆน่าจะมาเห็นเนอะ” พูดจบก็หัวเราะคิกคักกันสองคน
“เอ่อ... Hey!Say!Jump มาถึงแล้วเหรอครับ?” เสียงถามจากทีมงานที่เพิ่งเดินเข้ามาหา
“ใช่ครับ มาแล้วครับ....ปลุกเรียวจังเหอะ” โคยาม่าส่งเสียงตอบไปก่อนจะหันมาสะกิดเพื่อนเบาๆ
“เรียวจัง....ตื่นได้แล้ว ถึงโรงแรมแล้วนะ”เทโกชิยื่นมือเข้าไปปลุกเรียว ที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมามอง ส่วนโคยาม่าก็ไปปลุกเด็กคนอื่นๆ.....เรียวขยับตัวด้วยความเมื่อยแล้วก็พบว่ามีร่างของริวทาโร่นอนอยู่บนตักของตน....มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย??
“นี่ ตื่นได้แล้ว..” เรียวสะกิดเรียกให้ริวทาโร่ตื่น แต่เด็กชายก็ยังคงหลับไม่รู้เรื่องอยู่ดี
“สงสัยจะง่วงมากมั้งครับ แบบนี้คงตื่นยากแล้วล่ะครับ” เคโตะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วบอกกับเรียว
“เหรอ....งั้นเดี๋ยวฉันอุ้มลงไปให้แล้วกัน ฝากกระเป๋าหน่อยนะ” เรียวบอกกับเคโตะ ก่อนจะอุ้มริวทาโร่เดินลงจากรถไป
“อ้าวเรียวคุง โมริโมโตะคุงเป็นอะไรเหรอครับ” เสียงทีมงานที่ยืนอยู่ถามขึ้น
“เปล่าหรอกครับ ปลุกแล้วไม่ยอมตื่นน่ะครับก็เลยต้องพาลงมาทั้งอย่างนี้” เรียวตอบยิ้มๆ
“อ๋อ...งั้นพาไปนอนที่ล็อบบี้ก่อนเลยครับ กำลังแบ่งห้องให้เด็กๆอยู่พอดี” พอได้ยินอย่างนั้นเรียวก็พยักหน้าให้ทีมงานคนนั้นไปทีนึงแล้วเดินเข้าไปในโรงแรม
...................................................
.................................................................................................
.....................................................................
“เรียวจังฮะ!!! รบกวนด้วยนะครับ” เสียงยาบุดังขึ้นทำให้เรียวหันไปมองแล้วก็พบว่าHey!Say!Jumpยกเว้นริวทาโร่ที่นอนอยู่กำลังยืนก้มหัวให้กับเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อะไรกันเหรอ?” เรียวถามงงๆ
“พอดีเมื่อกี้พี่ๆทีมงานเขาบอกว่าแถวนี้มีงานเทศกาลของจังหวัดอยู่ครับ แล้วพวกผมก็อยากไปกันมากเลย แต่ไม่มีใครว่างพาไปสักคน....แล้วเทโกชิคุงก็บอกว่าคิวถ่ายของเรียวจังเปลี่ยนเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นเรียวจังคงจะพาพวกเราไปได้ครับ” ยูโตะพูดอธิบายให้เรียวฟัง
“ก็ไปกันเองสิ” เรียวบอกเรียบๆ
“ไม่ได้ครับ ทางผู้ใหญ่ไม่ให้พวกผมไปไหนกันตามลำพังครับ...เพราะเดี๋ยวจะดูแลน้องๆไม่ได้” ฮิคารุบอกบ้าง
“เอ่อ...คือ ฉันอยากพักผ่อนมากกว่าน่ะ” เรียวพยายามบอกปัดไป แต่เด็กๆก็ยังช่วยกันส่งสายตาเว้าวอน
“นะฮะ เรียวซัง....พวกเราอยากไปมากเลยนะฮะ” ยามาดะกับจิเนนช่วยกันมาเขย่าแขนเรียว พอมองสายตาอ้อนๆของเด็กทั้งสองคนแล้วเรียวก็อดจะใจอ่อนไม่ได้
“เออๆๆ เดี๋ยวพาไปก็ได้ แต่ไม่อุ้มเจ้านี่แล้วนะ” เรียวรับปากอย่างเซ็งๆ....ให้ตายเหอะเด็กพวกนี้ นึกว่ามาถึงแล้วจะหลุดจากเจ้าพวกนี้ได้สักที ที่ไหนได้.....
“ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมปลุกเองฮะ” พูดจบยูโตะก็เข้าไปหาริวทาโร่ที่นอนอยู่บนโซฟาของโรงแรม
“ริวจังตื่นได้แล้ว เรียวจังจะพาไปเที่ยวแน่ะ” ยูโตะเรียกไปก็เอามือบีบจมูกริวทาโร่แล้วขยับเบาๆไปด้วย แล้วเด็กชายที่นอนหลับสนิทอยู่เมื่อกี้ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เรียวมองอย่างงงๆ....ทีนี้ทำไมตื่นง่ายจังล่ะ
“ตอนเด็กๆแม่ริวจังเขาปลุกริวจังแบบนี้น่ะฮะก็เลยติดมาจนทุกวันนี้ แต่ในพวกเราก็มีแค่ยูโตะคนเดียวที่ปลุกแล้วตื่นครับ” ยาบุอธิบาย เรียวก็พยักหน้าเข้าใจ
“อ่ะๆ ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว...” เรียวเรียกแล้วเดินนำออกไป เด็กๆก็ร้องอย่างดีใจแล้วรีบวิ่งตามไปกันทันทียามาดะกับจิเนนวิ่งเข้าไปจูงมือเรียวคนละข้าง เรียวหันมองเด็กสองคนที่เดินร้องเพลงอยู่ข้างๆด้วยความแปลกใจไม่น้อยโดยเฉพาะกับจิเนน.....ตกลงว่าเด็กพวกนี้ไม่กลัวผมแล้วรึไงเนี่ย
จะว่าไปพวกเด็กๆก็เป็นอะไรที่แปลกดีเนอะ ตอนแรกทาคาคิกับไดกิยังเข้ามาคุยกับผมด้วยเรื่องกังวลใจของตัวเอง แต่ตอนนี้กลับยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข ยูโตะกับยาบุที่ริวทาโร่บอกว่าทะเลาะกันก็กำลังวิ่งหนีริวทาโร่ที่วิ่งไล่ไปอยู่ข้างหน้าผมหัวเราะให้กันเสียงดังเชียว เจ้าเคย์กับเคโตะก็เหมือนกัน.....ตอนนี้ก็เดินคุยกันท่าทางสนุกสนานไปซะแล้ว จิเนนกับริวทาโร่ที่ตอนแรกก็แอบกลัวๆผมอยู่ แต่ตอนนี้คนนึงก็เดินจับมือผมร้องเพลงเสียงดัง อีกคนก็มานอนหลับบนตักผมแถมยังต้องให้ผมอุ้มลงจากรถอีก
เรียวอมยิ้มน้อยๆมองบรรดาเด็กๆที่อยู่รอบๆตัว แล้วอดจะฮัมเพลงตามที่ยามาดะกับจิเนนร้องอยู่ไม่ได้......เด็กพวกนี้ที่ผมเมื่อเช้าผมยังเห็นว่าเป็นตัวป่วนอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าพวกเขาก็เป็นแค่เด็กที่สดใสร่าเริงเท่านั้นเอง
END
ผลงานอื่นๆ ของ ppnponn ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ppnponn
ความคิดเห็น