ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 the end to the night.
ตอนที่ 6
เอี๊ยด!!!
รถแวนสีนิลเงาวับลากเบรกดักหน้าทั้งคู่จนชะงักกึกกลางลานจอดรถ แต่พอประตูรถเปิดออกมา
\"ซากิ!\"
\"ขึ้นรถอย่างด่วนครับคุณหนู!\"
ไม่ต้องอธิบายมากมาย หนึ่งนายจ้างและผู้คุ้มกันพลันกระโจนขึ้นพาหนะคุ้มภัยแล้วกระชากปราการปิดแน่น ก่อนคนขับรถจะกระแทกคันเร่งกระโจนหนีอริราชมาได้อย่างหวุดหวิด โดยมีลูกตะกั่ววิ่งกรูตามมาไม่ขาดสาย
ครู่หนึ่ง จนถึงระยะที่ปลอดภัย รีน่าหันไปมองคนสนิทของหัวหน้าโซนคาบสมุทรเกาหลีแล้วพูดเข้าประเด็นสำคัญทันที\"ซากิ เพื่อนชั้นยังอยู่ข้างในเราต้องกลับไปช่วยเขา!\"
\"อย่าเพิ่งครับ อย่าเพิ่ง \"ก่อนผู้เป็นนายจะโวยวายไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัยรีบยกมือขึ้นห้ามปราม\"ตอนนี้ให้ถึงเซฟเฮ้าส์ก่อนครับ คุณโทยะรออยู่ที่นั่น \"
\"แต่ \"
\"ให้ถึงที่ปลอดภัยก่อนครับ!\"
หญิงสาวชะงัก สูดหายใจลึกอย่างพยายามอดกลั้นความรู้สึก ว่าจะคำรามออกมาเบาๆ\"ชั้นเกลียดคำนี้ที่สุดเลย \"
เธอไม่รู้ตัวเลยว่า แววตาของใครบางคนที่มองทุกอากัปกิริยาอยู่ข้างกายนั้น ส่องประกายประหลาดลึกอยู่ภายใน ด้วยความรู้สึก ที่แม้แต่เจ่าตัวเองยังไม่เข้าใจ
\"ไม่ครับ! ทุกอย่างจบแล้ว เราได้ตัวคุณหนูแล้ว ต่อไปคือเราต้องพาคุณหนูกลับแอลเอให้เร็วที่สุดแค่นั้นพอ!!!\"
\"โทยะ นี่คือคำสั่งของชั้น!\"คัดค้านไปเถอะ มีรึคุณหนูรีน่าจะยอมง่ายๆ\"จัดกำลังคน บุกเรดดราก้อน เป็นประกาศิตเด็ดขาดเข้าใจไหม!\"
\"คุณหนูครับ \"น้ำเสียงของผู้มีอำนาจน้อยกว่ามีความลำบากใจปนอยู่มหาศาล\"แค่นี้ก็อันตรายสุดกู่แล้ว เราไม่มีทางจะเสี่ยงอะไรไปมากกว่านี้ แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปสู้กับบอสเคแล้วครับ \"
\"แต่เพื่อนชั้นยังอยู่ข้างในนั้น! และชั้นจะไม่มีวันไปไหนจนกว่าชั้นจะเห็นกับตาว่าเค้าออกมาจากตึกนรกนั่นได้อย่างปลอดภัย! อาเดียโร่!\"เธอเริ่มหันหาแนวร่วม ที่สีหน้าตอนนี้ก็ดูไม่ต่างจากโทยะ เรย์สักเท่าใดนัก\"พูดอะไรมั่งสิ!\"
บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจเฮือก ราวกับมีอะไรหนักๆกดปอดเขาไว้ยังไงยังงั้น\" งานพวกผมเสร็จสิ้นแล้วครับ คุ้มกันคุณจนถึงที่ๆปลอดภัย บอดี้การ์ดมีหน้าที่เพียงเท่านี้\"
หญิงสาวคอแข็ง จ้องคู่สนทนาตาค้าง สีหน้าราวกับเพิ่งได้ยินคำสบถผรุสวาทที่หยาบคายที่สุดในโลก ขณะที่หัวหน้าโซนคาบสมุทรเกาหลีเองยังไม่ละความพยายามในการเกลี้ยกล่อม\"เขาพูดถูกนะครับคุณหนู ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของพวกผมเองที่จะต้องปกป้องคุณหนู และผมคงไม่ยอมให้คุณรีน่าทำอะไรเฉียดเป็นเฉียดตายอย่างนั้นอีกเป็นอันขาด เรื่องเพื่อนคุณหนู เดี๋ยวผมจะส่งสายเข้าไป \"
ปัง! ลูกสาวของมิสเตอร์เคผู้แสนบอบบางและอ่อนโยนกระแทกฝ่ามือฟาดลงบนโต๊ะตรงหน้าคู่สนทนาจนสะดุ้งไปตามๆกัน\"คิดว่าแค่นั้นพอเหรอ! ฟังไว้นะคุณโทยะ เรย์ ชั้นเสียเพื่อนไปสองคนแล้วนะในการเดินทางครั้งนี้ ทุกคนเสียสละเพราะต้องการให้ชั้นปลอดภัย และตอนนี้ บัดนี้ ชั้นมีกำลัง มีอำนาจ มีพลังพอที่จะช่วยเขาออกมาได้ คุณคิดว่าชั้นนิสัยทรามพอจะทิ้งคนที่เสียสละเพื่อชั้นไว้เบื้องหลังอย่างงั้นหรอ? ชั้นทำตัวเป็นตัวซวยมามากพอแล้วโทยะ และชั้นจะไม่ยอมอยู่เฉยๆดูเพื่อชั้นล้มหายตายจากไปต่อหน้าต่อตาอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม!\"
อนาคตบอสใหญ่แห่งราชิต กรุ๊ปหอบหายใจแฮ่กหลังจากพูดออกมาเป็นชุดโดยไม่หยุดพัก ก่อนจะยืดตัวยืนเต็มความสูงอย่างสง่างามสมกับเป็นนางพญาอักครั้ง เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วสำหรับอาเดียโร่
\"ก็ได้ พวกคุณจะยืนดูอยู่เฉยๆในกระดองหลังนี้ก็เอานะ แต่สำหรับชั้น! \"เช็คเปล่าไม่ลงตัวเลขแต่สลักลายเซ็นเรียบร้อยถูกวางอยู่ตรงหน้าผู้คุ้มกันอิสระด้วยอาการกระแทกโครม\"ชั้นจ้างคุณ อาเดียโร่ คุ้มกันชั้นงานนี้งานเดียวเท่านั้น ส่วนพวกคุณที่เหลือชั้นไม่แคร์แล้ว!\"
สมาชิกจากฝั่งญี่ปุ่นทำหน้าเหวอ คนถูกจ้างใหม่สดๆร้อนๆมองเช็คบนโต๊ะอย่างอึดอัดใจ เงินขนาดไหนไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขา แต่ชายหนุ่มรู้ดีด้วยว่าเอาจริงแน่ ไม่มีใครสามารถห้ามคุณเธอได้
ตามไปช่วยให้เห็นกับตาว่าปลอดภัยจริงน่าจะสบายใจกว่า
\"ครับผม \"
อาเดียโร่คว้ากระดาษบนโต๊ะพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เดินตามผู้ว่าจ้างที่สืบเท้าสวบๆไปอย่างไม่แยแสสิ่งรอบข้างเงียบๆ ปล่อยให้ชาวราชิตกรุ๊ปที่เหลืออึ้งไปตามๆกัน
ซากิหันมาขอความเห็นกับผู้เป็นหัวหน้าอย่างประหวั่นใจ\"เอาไงดีครับท่าน?\"
เสียงเครื่องยนต์สตาร์ทวิ่งห่างออกไปแล้ว โทยะถอนหายใจเฮือก มือหนึ่งลูบขมับ มือหนึ่งสะบัดไล่เหมือนจะบอกกลายๆว่า\"เอาวะ ไปไหนก็ไป \"
คู่สนทนาทำหน้าปูเลี่ยนๆ หันไปตะโกนสั่งงานลูกน้องแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ผู้เป็นหัวหน้านั่งกุมหัวประสาทต่อไปอยู่คนเดียว ท่ามกลางความเงียบ เสียงของเขาแม้บ่นพึมพำก็ได้ยินชัดเจนเลยทีเดียว
\"แล้วตูจะบอกบอสเคยังไงดีวะเนี่ย? \"
ซู่
เอทิลแอลกอฮอล์เป็นถังถูกราดผ่านร่างอันโงนเงนและบาดแผลนับไม่ถ้วนสู่พื้นห้อง ความเย็นสะท้านบวกความปวดแสบทรมานราวกับเอาใบมีดโกนน้ำแข็งคมกริบเฉือนลงไปถึงกระดูกฉุดกระชากสติสัมปะชัญญะที่ร่ำๆจะเลือนหายให้ยังคงอยู่แม้จะเบาบางก็ตามที
กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์กระจายคละคลุ้งทุกอณูอากาศ หยาดน้ำสีแดงที่เกิดจากการผสมกันของโฮโมโกรบินและน้ำยาฆ่าเชื้อวิ่งไล่เรียงลงมาตามท่อนแขนที่ถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ก่อนหยดลงกระทบแอ่งน้ำเล็กๆบนพื้นกระเบื้องขาว สร้างวงคลื่นแข่งกับหยดอื่นๆจากทุกส่วนของร่างกาย
ใต้แสงนีออน นาฟวางถังน้ำไว้ข้างๆตัวแล้วยืนเงียบๆ ขณะที่ผู้เป็นนายเดินวนซ้ายวนขวาราวกับชะมดติดจั่น รังสีความหงุดหงิดพลุกพล่านฉายจรัสออกจากแววตาทั้งสองข้าง ถึงแม้จะใจเย็นขนาดไหน ก็ทนได้ยาก
ทั้งซ้อม ทั้งขู่ ทั้งหว่านล้อม ทำอยู่อย่างนี้มานานเป็นชั่วโมง ไอ้บ้านี่มันก็ไม่ยอมพูดอะไร พานท้ายปืนลูกซองที่โชกไปด้วยโลหิตจากร่างไร้ทางสู้ตรงหน้าถูกขว้างทิ้งไปตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วแล้วด้วยโทสะในหัวใจ จะยอมให้มันหมดสติก็ไม่ได้
เพราะเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมา น้ำเสียงราบเรียบเย็นๆของผู้ทรงอำนาจกว่าสั่งการผ่านคลื่นโทรศัพท์มา และเป็นคำสั่งที่ทำให้คนใจร้อนวู่วามอย่างเขาถึงกับแทบคลั่ง
\"ผมรู้จักเขา คุณคาวิล ผู้มั่นใจว่าเขารู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เราต้องการตัวอยู่ที่ไหน คุณอย่าลืมนะว่าคุณยังไม่ได้ข้อมูลและความลับเกี่ยวกับสารเสพย์ติดตัวนี้มาให้ผม ซึ่งคนที่รู้ดีที่สุดก็คือรีน่า ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คุณ ต้องพาลูกสาวของเค ราชิตมาให้ผมให้ได้ซะก่อน ซึ่งคนที่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนก็คือเขาคนที่อยู่ตรงหน้าคุณเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอกนะ
คนๆนี้คือแบบทดสอบ ถ้าคุณสามารถหาวิธีให้เขาพูดในสิ่งที่เราต้องการได้ โดยที่เขาไม่สิ้นสติหรือตายไปก่อน ผมถึงจะรับคุณเข้าองค์กรของผมได้ แต่ถ้ามันไม่เป็นตามนั้น ต่อให้คุณเอาตัวรีน่า ราชิตมาให้ผมได้ คุณก็ไม่มีสิทธิเป็นสมาชิกขององค์กร คนที่ทำงานเล็กๆแบบนี้ยังทำไม่ได้ คุณก็รู้ดี ว่าเราไม่มีโครงการเลี้ยงพวกไร้ประโยชน์!\"
เพราะเหตุนี้ เพราะคำสั่งงี่เง่าๆนี่ ทำให้เขาต้องหาทุกวิถีทางที่จะให้ไอ้เวรนี่ยังมีสติอยู่ตลอดเวลา เริ่มแรกคือคอยราดด้วยน้ำเย็นเมื่อท่าทางโงนเงนเต็มที เปลี่ยนมาเป็นน้ำเย็นปนน้ำแข็ง น้ำมันก๊าด และถึงบัดนี้ต้องใช้ระดับแอลกอฮอล์อันเป็นสารที่อุณหภูมิต่ำที่สุดแล้วในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อกระตุ้นประสาทอันอ่อนล้าแทบจะไร้การรับรู้ใดๆ
แต่ทุกอย่างยังเป็นศูนย์ สติไม่ขาดก็จริง แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลหลุดออกมาจากปาก ที่จริงคือ ไม่ง้างขากรรไกรเสียด้วยซ้ำ
\"ชั้นไม่รู้หรอดนะ ว่าแกเป็นใคร มาจากไหน และทำไมมิสเตอร์ชางถึงรู้จักแก \"
คาวิลทรุดกายลงตรงหน้า แววตาอันเต็มไปด้วยประกายแห่งความโกรธ ฉุนเฉียว กดดันประสานกับสายตาของคนที่แม้สติจะรับรู้อยู่เพียงครึ่งๆกลางๆ แต่ยังคงความเยือกเย็นว่างเปล่าอันเป็นสัญลักษณ์ไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้เศษเสี้ยว
\"แต่ชั้น อยาก เตือนแก เป็นครั้งสุดท้าย แกจะยอมบอกว่า ยัยคุณหนูนั่นอยู่ที่ไหน หรือว่า \"
ไลเตอร์ในกระเป๋าถูกควักออกมาจรดอยู่ปลายคางเป็นเชิงข่มขู่ แต่ดูท่าคู่สนทนาจะมิได้แยแสกับลูกไม้ใหม่ที่ใช้เลยด้วยซ้ำ เพราะสายตายังจับจ้องอยู่ที่คนขู่โดยไม่เหลือบไปมองวัตถุอันตรายที่จ่ออยู่แม้แวบเดียว
และมองด้วยแววตาไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความคิด ไม่มีอารมย์ ไม่มีอะไรทั้งนั้น
ราวกับไม่ใช่แววตาของมนุษย์
\"อยากตายนักใช่ไหม!\"
เพล้ง! ขวดบรั่นดีอย่างหนาบนโต๊ะข้างๆพลันแตกสลายไปตามแรงเหวี่ยงของเจ้าของห้อง เศษแก้วกระจายตกกระทบแอ่งน้ำสีแดงจางๆบนพื้นตามกฎแรงดึงดูด ใต้ไรผมผู้เป็นเชลย หยาดโลหิตสีคล้ำที่เคยหยุดไหลไปชั่วครู่หนึ่งเริ่มวิ่งไล่ลงมาตามโครงหน้าช้าๆ หยดลงบนคมเศษแก้วเบื้องล่าง ก่อนจะละลายเจือจางไปกับแอ่งน้ำรอบๆ
นาฟกระเดือกอะไรบางอย่างลงคออย่างฝืดฝืน
อดีตหัวหน้าโซนของราชิตกรุ๊ปหอบหายใจหนักด้วยโทสะจริตพวยพุ่งในฤทัย ต่างจากต้นเหตุที่ลมหายใจแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงเหมือนพร้อมจะฟุบลงแน่นิ่ง ณ วินาทีใดก็ได้ คาวิลกำไลเตอร์ประจำตัวแน่นราวกับจะให้แหลกลาญลงคามือ ก่อนตัดสินใจเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างเก่า
\"ก็ได้ แกจะยังหุบปากเงียบอยู่ก็ได้ วันนี้เป็นวันที่แกโชคดี นาฟ!\"
เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เกือบดึงตัวเองออกจากภวังค์ไม่ทัน\"ครับนาย\"
\"เอาปืนฉีดยามา \"
มือปืนคนสนิทถึงกับชะงักกึกเมื่อได้ยินคำสั่ง\"นายครับ มิสเตอร์ชางอนุญาตให้ใช้มัน \"
\"ถ้ายังถามซอกแซกอีกแกจะได้กินลูกตะกั่วเป็นอาหารเย็น!\"
เจอไม้นี้ ต่อให้คิดคัดค้านในใจขนาดไหนก็หาญกล้าท้วงติงไม่\"ครับ \"
ปึก กระเป๋าหนังถูกเปิดออกอีกครั้ง มือปืนหนุ่มหยิบหลอดบรรจุยาเสพย์ติดใสแจ๋วราวกับน้ำฝนบริสุทธิกดลงล็อกในตัวกระบอกปืน เหลือบมองผู้บัญชานิดหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยื่นให้แต่โดยดี
อุปกรณ์ในการฉีดสะท้อนอยู่ในแววตาอันแสนสะลึมสะลือ ผู้ที่เหนือกว่าทรุดลงนั่งข้างๆ ยื่นวัตถุในมือขึ้นให้ดูชัดๆพร้อมกับยิ้มแยกเขี้ยว ดูไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้าย
\"คราวที่กรุงเทพ ชั้นไม่ได้เห็นผลของมันกับตา แค่อยากลองทำอย่างที่บรั้คมันเสนอแค่นั้น แต่คราวนี้ ชั้นไม่รู้จะดีใจดีรึเปล่า ที่มีคนเดินมาให้ทดลองฟรีๆ แต่อย่างไรเสียชั้นจะบอกชะตากรรมแกให้รู้ไว้นะ เพราะจากนี้ไปแกคงไม่มีสติสัมปชัญญะพอจะฟังชั้นรู้เรื่องได้ ส่วนตัวชั้นไม่เชื่อหรอกนะ ว่าๆไอ้พวกราชิตกรุ๊ปหรือว่าเพื่อนคนไหนของแกจะยอมเดินเข้ามาขึ้นเขียงอย่างที่แกทำ สิบนาทีหลังจากนี่ หลังจากยาออกฤทธิ์เต็มที่ ชั้นคงจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบวินาทีในการเอาข้อมูลที่ชั้นอยากได้ แต่หลังจากนั้น แกคงเห็นเพื่อนตัวแสบของแกยืนยิ้มต้อนรับอยู่บนรถด่วนลายคราม ฝากบอกมันด้วยนะ ว่าอย่าเพิ่งไปไหน \"
ฉึก! น้ำในกระบอกปืนพุ่งปราดแทรกเข้าไปในเส้นเลือดดำบนต้นแขนที่ถูกล็อกตรึงไขว้หลังพนักเก้าอี้ไว้อย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้ออันไร้เรี่ยวแรงพลันกระตุกสะดุ้งตามฤทธิ์ของสารเคมีที่ผ่านผิวหนังเข้าไป ส่งผลให้ระบบหายใจสะดุดเล็กน้อยไปตามกัน
ความปวดชาแปลบปลาบราวกับมีประจุไฟฟ้านับร้อยวิ่งตามเส้นโลหิตขึ้นมา กระจายแพร่ไปทั่วทั้งร่างกายโดยไม่รีบร้อน ก่อนที่มันจะค่อยๆหายไป ความอบอุ่นผ่านคลายอันไร้ที่มาค่อยๆซึมผ่านทุกอณูอากาศ ละลายความเจ็บปวดรวดร้าวให้มลายหายไปทีละน้อย แต่สมองกลับมึนงง ล่องลอยไร้การบังคับตนเองเกือบสิ้นเชิง ภาพรอบกายเหมือนกับถูกกลืนด้วยแสงสว่างจ้า จนสุดท้าย ทุกอย่างก็มีเพียงความว่างเปล่า และความรู้สึก เหมือนกำลังจมลงไปในมหาสมุทรช้าๆ
\"อยู่รอนายจ้างแกก่อนแล้วกัน \"
เสียงบาดลึกสะท้อนอยู่ไกลๆ ก่อนจะหายไปในความรู้สึก สมาชิกคนใหม่ขององค์กรยืนขึ้นมองใบหน้าก้มนิ่งเหมือนน็อกไปเรียบร้อยแล้วด้วยสายสาเหยียดหยันปนๆกับความคลางแคลงอันเป็นอนุสัยส่วนตัวไปแล้ว ขณะที่ลูกน้องคนสนิทเหลือบมองนาฬิกาพลางกล่าว
\"ออกไปก่อนเถอะครับนาย รอซักสิบนาทีแล้วเราค่อยกลับเข้ามาใหม่ ถึงตอนนั้นคงได้เรื่องแล้วล่ะ\"
คาวิลยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะหันหลังให้ทุกสิ่งในห้องอย่างไม่แยแส
5 4 3 2 1
ปี๊บ
บึ้ม!!!!!!!
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่นั่งพิงลูกซองคู่กายตัวเองอยู่ในป้อมสะดุ้งเฮือก มองภาพรถจากัวร์ราคาหลายสิบล้านของคนระดับผู้บริหารบริษัทชิ้นส่วนกระจัดกระจานไฟลุกท่วมอย่างสวยงามด้วยดวงตาเบิกค้าง
\"อะไรวะ?!\"
บึ้ม!!
รถยนต์อีกคันข้างๆที่ราคาคงไม่ทิ้งห่างกันมากนักต้องสะเก็ดไฟจนถังน้ำมันระเบิดเสริมบารมีตามมาติดๆ เขาได้แต่หมอบหลบสะเก็ดลูกหลงที่อาจจะกระเด็นเข้ามาในป้อมด้วยความตื่นตระหนก ยกวิทยุขึ้นรายงานไปยังคนอยู่ภายในอาคารน้ำเสียงละล้าละลักทำอะไรไม่ถูก ขณะที่รอบกายเต็มไปด้วยความโกลาหนและเสียงโวยวาย
\"ฉุกเฉิน ฉุกเฉิน ระเบิด! มีการวางระเบิดที่ลานจอดรถ! ระเบิด! มีระเบิด!\"
บึ้ม! คันที่สามประกาศศักดาบ้าง ท่ามกลางฝูงชนแตกตื่นและฝูงพนักงานรักษาความปลอดภัยวิ่งสวนกับมือปืนขององค์กรไปมาดูอลหม่าน อาคันตุกะปริศนาที่เดินฝ่าความวุ่นวายเข้าไปกดลิฟต์ขึ้นชั้นบนซะดื้อๆแม้จะเด่นสง่าอยู่ตำตา
แต่กลับไม่มีใครใส่ใจเท่ากับพาหนะราคารวมกับหลายล้านที่กำลังวอดวายไปเรื่อยๆเลย
อีกมุมหนึ่งของออฟฟิศ ชั้นเจ็ด
\"ดับไฟให้เร็วที่สุด รถคันอื่นที่ยังไม่โดนให้ขนย้ายออกไปก่อนอย่างด่วน ฉีดโฟมไว้ พยายามอย่าเข้าใกล้กองเพลิงถ้าไม่จำเป็น\"คาวิลกรอกคำสั่งใส่เครื่องมือสื่อสารในมือ แข่งกับเสียงสปริงเกอร์ฉุกเฉินเหนือหัวที่พ่นน้ำลงมาราวกับฝนหลวง ก่อนจะเก็บมันเข้าซองข้างเอว แววตาใต้ละอองน้ำหรี่ลง ส่องประกายประหลาดราวกับสุนัขล่าเนื้อ
\"มันมาแล้วครับนาย \"นาฟเอ่ยเบาๆกับผู้มียศสูงกว่าเหมือนยืนยันความคิดตัวเอง
\"อุกอาจ อุกอาจจริงๆ งานนี้เป็นงานที่ชั้นพบกับศัตรูที่งี่เง่าที่สุด \"คู่สนทนารำพึงกับตัวเองด้วยประกายเนตรวาวโรจน์
\"จับรีน่ามา นอกนั้นฆ่าทิ้งให้หมด!\"
สิ้นคำประกาศิต ผู้ใต้บังคับบัญชาพลันสลายแยกย้ายไปทุกซอกหลืบของเรด ดราก้อนทันควัน คนสั่งหัวเราะหึๆ ฟังดูเหมือนเสียงคำรามของหมาป่าหิวโซอย่างไรอย่างนั้น\"ชั้นบอกตรงๆนะนาฟ ความคิดแกคราวนี้ชั้นประทับใจจริงๆ \"
คนถูกชมยิ้มรับ หากแต่แววตาหรี่ลงเล็กน้อย\"ผมแค่อยากโชว์ให้ทุกคนเห็นครับว่า ลูกน้องที่ดี ไม่ได้มีแต่ไอ้บรั้คเสมอไป \"
หลังบานประตูของห้องที่อยู่ไม่ไกลนัก แอ่งน้ำสีแดงกระเพื่อมหนักจากหยดน้ำบนเพดาน ค่อยๆเจือจางสีลงไปทีละน้อย ประพรมบนร่างที่ท่อนบนเปลือยเปล่าและถูกห่อหุ้มด้วยบาดแผลรอยบอบช้ำมากมาย หยดน้ำเกาะพราวบนใบหน้า ไรผม เรือนกาย
มิสามารถดึงเขาขึ้นมาจากภวังค์ได้
\"บริตวา \"
น้ำเสียงอ่อนโยน จากที่ไหนสักแห่งรอบกาย ผลักดันเปลือกตาหนักอึ้งให้เปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นแววตาของใครบางคนลอยเด่นอยู่ตรงหน้า
\"ไปทำอะไรมา? หลับเป็นตายเลยนะ?\"ผู้เรียกเขาออกจากนิทรากระเซ้าพลางหัวเราะเบาๆ ใบหน้าสวยหวาน ดูอ่อนต่อโลกเมื่อเติมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะลงไป ก็ราวกับโลกสว่างไสวมิมีคำว่ารัตติกาลกระนั้น
ชายหนุ่มยิ้มตอบบางๆ รู้สึกอยากหยุดเวลาตรงนี้ไว้ให้แสนนาน\"ไม่มีอะไรหรอก ช่วงนี้มันยุ่งๆ เหนื่อยหน่อย ไม่ค่อยได้นอน เจอบรรยากาศเย็นๆสงบๆเลยหลับไป\"บริตวาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ทำให้เหลือที่ว่างมากพอให้หญิงสาวร่างบางข้างกายได้นั่งสบายๆ\"มิซซาเสร็จแล้วเหรอ?\"
เธอพยักหน้า รอยยิ้มยังไม่จางไป\"ตั้งนานแล้ว เห็นหลับบนเก้าอี้สาธารณะได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยยืนมองอยู่ครู่ใหญ่แล้วล่ะ\"
อ้าว ตายแล้ว คู่สนทนาทำหน้าเหวอนิดหนึ่ง ก่อนยิ้มแหยงๆก้มหัวเชิงขออภัย\"โทษที ผมไม่รู้ \"
\"ช่างเถอะ ว่าแต่เป็นอะไรรึเปล่า ช่วงนี้ดูเหมือนไม่ค่อยสบายนะ \"ฝ่ามือบอบบางที่มักหมั่นประสานขอพรกับพระเจ้าเสมอเอื้อมมาแตะไหล่อย่างห่วงใย แต่ผลที่ได้คืออีกฝ่ายกลับสะดุ้งเฮือก
\"ขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่า!?\"
\"เปล่าๆๆ \"คนเจ็บปฏิเสธทันควัน เพราะสำหรับเขาสีหน้าเป็นกังวลของผู้หญิงตรงหน้าชวนเจ็บปวดมากกว่าแผลเล็กน้อยนี่ด้วยซ้ำ
\"ไปโดนอะไรมาเนี่ย?\"
\"คือ อุบัติเหตุน่ะ กรรไกรตัดซองจดหมายมันบาดเอา \"ชายหนุ่มยิ้มไร้แววเสแสร้ง แนบเนียนชนิดคนที่สนิทกับเขาที่สุดอย่างเธอยังมิอาจรับรู้ได้
ความจริงคือประดาบวัดระดับกับบรั้คแล้วพลาดนิดหน่อย แต่ใครจะบอกอย่างนั้นเล่า?
แต่หญิงสาวท่าทางจะยังไม่คลายกังวลเอาง่ายๆ\"ขอดูหน่อยนะ\"
\"ผมไม่ \"ชายหนุ่มทำท่าจะคัดค้าน แต่เมื่ออีกฝ่ายเลิกแขนเสื้อขึ้นสูง เผยให้เห็นผ้าก็อตขาวมีรอยแดงเปื้อนอยู่บางจุดถูกพันรอบหัวไหล่เรียบร้อยสวยงาม คนที่อยู่กับมิชชันนารี่มานานพอที่จะซึมซับความรู้การแพทย์มานิดหน่อยจึงถอยหายใจอย่างโล่งอก
\"แล้วไป นึกว่าไม่ยอมไปหาหมอเหมือนคราวที่แล้ว\"เธอเงยขึ้นมองคนข้างๆ แต่ก็ต้องชะงักนิดหนึ่งเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจกระทบใบหน้าแผ่วเบา เพราะคนเจ็บหันมายื่นหน้าดูในระยะกระชั้นชิด ชนิดปลายจมูก ห่างกันเพียงกระดาษบางกางกั้น ประกายวิบวับในดวงตาทั้งสองข้าง ราวกับกำลังร่ายมนต์อะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกวูบๆข้างในหัวใจ ไอร้อนแผ่ระเรื่อบนใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้
\"ไม่ใกล้ไปหน่อยเหรอ \"เธอกระซิบแผ่วเบา ใช่ว่ารังเกียจอะไร แต่ไออุ่นจากลมหายใจแวะดวงตาวิบวับตรงหน้านี่ชวนให้การเต้นของหัวใจทำงานผิดปกติจนน่ากลัวทีเดียว
อีกฝ่ายทำหน้าเหวอนิดหน่อย แต่แววตาไม่ได้เป็นไปด้วยเลย\"หรอ \"ดูพ่อเจ้าประคุณแกพูดเข้า ก่อนจะยิ้มล้อๆกับอาการแก้มแดงระเรื่อบนใบหน้าอ่อนโยน\"ผมว่าตอนคุณเขินนี่น่ารักออก \"
\"ไม่ต้องเลย \"คู่สนทนาทำท่าจะฟาดฝ่ามือเบาๆลงบนแผล หากแต่ชายหนุ่มกลับขยับหลบห่างออกไปพลางหัวเราะร่วน\"แกล้งกันนี่ ทำไมถึงชอบมีแผลโน่นแผลนี่มาฝากตลอดล่ะ?\"พยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย เผื่อไอร้อนๆบนใบหน้าจะจางหายไปบ้าง
\"ผมมันคนเอ๋อครับ แถมชอบซุ่มซ่ามเฉี่ยวโน่นเตะนี่ประจำ \"บริตวาอธิบายสั้นๆแต่เห็นภาพชัดแจ๋ว
\"วันนี้ว่างเหรอ?\"
\"ทั้งเดือน ก็ว่าง วันเดียว\"เขายิ้มเหมือนไม่ทุกข์ร้อนใจมากนัก\"วันนี้ไปกับผมนะ เพราะอีกนานเลยกว่าผมจะว่างอีกที\"
หญิงสาวยิ้มจริงใจ ทำเอาคนที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไหร่แทบลอยละล่องเป็นปุยนุ่นอย่างร่ำๆ\"ได้สิ \"
\"ฮ่องกงไม่ค่อยมีอะไรมาก เพราะแทบจะมีแต่ปูนปูเต็มเกาะไปหมด \"คู่สนทนาเปรยพลางมองดูรอบๆกาย\"หลิน ผมจะพาไปที่ๆพระเจ้าจะมองเห็นคุณชัดเจนที่สุด \"
ยังไม่ทันที่เจ้าของชื่อจะเข้าใจในคำพูดเท่าใดนัก ก็เป็นอันต้องโวยวายเล็กๆอีกครั้งเมื่อเขาพาดผ้าผูกตาอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วลุกขึ้นจูงมืออย่างสุภาพไปยังรถที่จอดรอไว้ เธอเองแทนที่จะตกใจ กลับก้าวเดินตามทางที่เขาพาไปทุกฝีก้าว
อย่างสนิทใจ
BMWสีนิลเงาวะวับถูกเปิดประตูออกต้อนรับผู้มาเยือนที่แม้จะปิดตาไว้ แต่ก็พอสัมผัสได้ว่าเป็นประตูรถ ถึงจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น แต่เจ้าของรถกลับก้มศรีษะให้ราวกับอัศวินทำความเครพเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์อย่างล้อเลียน ก่อนจะปิดประตูอย่างสุภาพ ยืนมองคนในรถด้วยสายตาประหลาด
เจ้าหญิงของผม
เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันน้อยนิดเหลือเกินในชีวิต ผมอยากจะทำให้ทุกวินาทีที่เราได้อยู่ด้วยกัน มีความหมาย และมีความสุขที่สุดเท่าที่สองมือของผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ถึงอยากจะอยู่ปกป้องคุณทุกวินาทีและทุกลมหายใจ แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกจะทำได้ โดยเฉพาะผม
คำใดที่ผมกล่าวเท็จ โปรดอภัยให้ผมด้วย
ผมไม่รู้จริงๆว่า วินาทีไหนที่ผมจะตาย
มือขวาคนล่าสุดของชาง ลีถอนหายใจยาว เดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งของรถ ก้าวเข้าไปประจำที่สารถี ก่อนจะดึงมันเข้ามาปิดไว้
กิ๊ง!
พนักงานในชุดซาฟารีสีน้ำเงินชักสีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อประตูลิฟต์เปิดอ้า!!!
พรืดดดดดด!!!!!
สองผู้มาเยือนกดไกอาวุธของตนเองระดมใส่ผู้ยืนขวางอย่างพร้อมใจสามัคคี อาเดียโร่ไขว้ปืนกลเบาในมือยิงกราดไปทั้งซ้ายขวาขณะที่ก้าวข้างศพชายผู้เคราะห์ร้ายไปอย่างไม่รีบร้อน โดยมีผู้เป็นนายจ้างคอยเก็บศัตรูที่มาจากด้านหน้าหรือด้านหลัง เดินทะลุทางเดินอันมีห้องแล็ปกระจกดารดาษอยู่ซ้ายขวาพร้อมๆกัน
เพล้งๆๆๆๆ!
กระจกใสอย่างหนาหลายสิบบานที่ใช้ต่างผนังพังครืนลงมาตามแรงอัดกระสุนของอาวุธในมือ บิกเกอร์เอย หลอดแก้วเอย พร้อมใจกับกระจุยกระจายไปแทบจะพร้อมๆกัน ร่างมือปืนอีกหลายคนทรุดอยู่ข้างหลังฝอยกระจกที่กระเด็นรอบๆกายอย่างสวยงาม
ปังๆๆๆๆ
บอดี้การ์ดหนุ่มกระชากคนในความคุ้มครองหลบมุมกระสุนจากพวกที่ขึ้นลิฟต์มาข้างหลังได้อย่างหวุดหวิด ทิ้งปืนกลสองกระบอกที่หมดลูกไปแล้วอย่างไม่แยแส ควักซิกซ์ ซาวเออร์อัตโนมัตขึ้นมาถือแทน
\"คุณจำทางเดิมที่เรามาได้ไหมเนี่ย?\"รีน่าหันมาหารือ ขณะที่มือก็เหนี่ยวไกเก็บพวกที่วิ่งมาทางซ้ายบ้าง ขวาบ้างอย่างเมามัน
\"ได้ แต่มันอ้อมตรงนี้ไป \"
\"งั้นก็ไปทางลัดแล้วกัน!\"
ปังๆๆ! กระจกประตูห้องตรงหน้าพังสะบั้นจากแรงกระสุน ดูเหมือนชายหนุ่มชักรู้ถึงจุดประสงค์ของคนข้างๆขึ้นมาบ้างแล้ว
\"มั่นใจนะว่าทางนี้ใกล้กว่า\"
\"ก็ไม่หรอก \"
\"งั้นอย่าไป!\"
ตูม! ถังสารเคมีระเบิดขึ้นกลางความวุ่นวายด้วยถูกลูกหลงจากการต่อสู้ องครักษ์หนุ่มกดร่างผู้ว่าจ้างให้หมอบหลบเศษถังโลหะคมกริบไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด\"ผมถามจริงๆนะ\"เขาเงยขึ้นมองเหตุการณ์รอยข้างพลางเหวี่ยงด้ามปืนเข้ากลางท้องผู้ตามล่าที่วิ่งลับมุมมาจากด้านหลัง\"เท่าที่ผมรู้จักคุณ คุณเป็นพวกใช้ปากเป็นอาวุธไม่ใช่หรอ?\"
ตุบ! หลังหมัดกระแทกครึ่งปากครึ่งจมูกอีกรอบ  ตอบท้ายด้วยการกระชากคอเสื้อทุ่มลงพื้นด้วยมือข้างเดียวอย่างชำนาญ\"แล้วทำไมคราวนี้ไม่ขอเจรจาอย่างที่ถนัดล่ะ?\"
\"เฮอะ!\"หญิงสาวร้องเสียงสูง มือก็เหนี่ยวไกไปเรื่อยๆ\"นี่ก็เจรจา ไม่เคยได้ยินเหรอ การเจรจาแบบอุกอาจน่ะ! \"
\"เหรอ\"คู่สนทนารับรู้คำตอบอย่างงงๆ ขณะที่ปลายเท้างัดกระบอกลูกซองลอยละลิ่วฟาดปลายคางคู่ต่อสู้อีกฝั่งหนึ่งราวกับทุอย่างที่ทำเป็นเรื่องของสัญชาติญาณ ไม่เกี่ยวกับการสนทนาแต่ประการใด\"ผมไม่ยักรู้ว่าคุณชอบดูหนัง \"
\"มิคาอิลชวนดู \"
\"มิน่าล่ะ \"อาเดียโร่รีบคว้าแขนร่างบางตรงหน้าเมื่อเห็นท่าทางที่กำลังจะวิ่งไป\"ซ้ายครับซ้าย\"
ปังๆๆๆว่าแล้วก็หันไปยิงเคลียร์ทางซ้ายหน่อย\"ไม่ใช่ขวา! ไป!\"
ทั้งคู่พร้อมใจกันวิ่งหมอบโดยไม่ต้องนัดหมายเมื่อเศษกระจกเหนือศรีษะแตกกระจายตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด
พรืดดดดด!!!!
ครืน
เกลียวคลื่นสาดกระทบโขดหิน กระจายฝอยน้ำทะเลขาวสะอาด ท่ามกลางสายลมแรง ผ้าผูกตาถูกคลายออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นภาพอันสวยงามตรงหน้า
ผาหินสูงชัน ละอองคลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดอยู่เบื้องล่าง ทะเลสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตากระทบกับแสงอาทิตย์ยามอัสดงทำให้ดูระยิบระยับราวกับโปรยด้วยเกล็ดรัตนชาติมากมาย ฟ้าสีทองอร่ามค่อยไล่แสงจากสว่างสุกใสที่ขอบฟ้า จนกระทั่งกลืนไปกับฟ้ายามใกล้วิกาลที่กลางนภา
สุริยันตร์ยามพลบค่ำลูกกลมโต แช่อยู่ในน้ำเกือบครึ่ง ณ ขอบมหาสมุทร
\"ผมไม่รู้ว่าคุณจะชอบรึเปล่านะ \"ชายหนุ่มออกตัว สูดหายใจเอากลิ่นละอองน้ำทะเลและสายลมพัดผ่านอย่างสบายใจ\"แต่คุณเคยเล่าว่า พวกอินคา ขอพรจากพระเจ้า ในที่ๆใกล้พระอาทิตย์ที่สุด ผมไม่รู้หรอกนะว่าในฮ่องกงมีที่ๆสวยกว่านี้รึเปล่า แต่เท่าที่ผมรู้จัก ก็มีที่นี่ ที่เดียว \"เขาหันมามองคนที่มาด้วยแต่ยืนอึ้งตั้งแต่วินาทีแรกที่แกะผ้าผูกตาออกเหมือนไม่มั่นใจ\"คุณไม่ชอบเหรอ? \"
\"เปล่าค่ะ สวยมาก \"หลินพึมพำออกมาเป็นประโยคแรกตั้งแต่ก้าวลงมายืนที่นี่ แววตายังเหม่มองภาพตรงหน้าที่สวยงาม อุบอุ่นราวกับรูปเขียนไม่ละสายตา\"ถ้าเป็นที่นี่ พระองค์คงเห็นเราชัดเจน \"
บริตวาเลิกคิ้ว เงยขึ้นมองบรรยากาศรอบกาย\" จะมืดแล้วนะ ผมว่าคุณคงไม่อยากมาขอพรกับพระผู้เป็นเจ้าคนเดียวที่นี่ในวันหลังใช่ไหม?\"
คู่สนทนาหันมายิ้มให้บ้าง\"จะมาถูกได้ไงล่ะ?\"
คนถูกท้วงเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเล่นปิดตาเขามาตลอดทาง\"จริงสิ เชิญครับ\"
หญิงสาวหัวเราะกับสีหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะประสานมือหลับตาพริ้ม โดยมีสายตาของคนข้างกายจ้องมองทุกอริยาบทอยู่เงียบๆ แม้จะเป็นภาพที่เห็นจนเจนตาแล้วก็ตาม
ทุกกิริยา ทุกคำพูด ทุกเสียงหัวเราะ เขาอยากจะเก็บมันไว้ในความทรงจำ
มันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดแค่อย่างเดียวที่เขาต้องการจากเธอ
ครู่ต่อมา คนในสายตาจึงเงยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นอาเมน หันไปมองบุรุษข้างกายเหมือนรู้อยู่แล้วว่าถูกจ้อง\" ไม่ขอพรมั่งหรอ?\"
เขายิ้มบางๆพลางส่ายหน้า\"ไม่หรอก พระเจ้ามีงานมากพอแล้ว ผมจะไม่ขอพรกับพระองค์ เพื่อให้พระองค์ ดูแลคุณได้อย่างเต็มที่ไงล่ะ\"
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก แววตาที่เคยสะท้อนประกายขี้เล่นอารมย์ดีถูกความกังวลใจแทรกเข้ามาแทนที่\"24ชั่วโมง ผมเพิ่งรู้สิกว่ามันน้อยขนาดไหน อีกไม่นานผมก็ต้องจากคุณไปอีก อาจจะเป็นเดือน เป็นปี หรือทั้งชีวิต ถึงแม้อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ แต่รู้ดีว่าไม่มีใครทำได้ วันข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมก็ยังไม่รู้\"
กลัว คำง่ายๆที่ลอยวนอยู่ในดวงตา ถึงเธอไม่เข้าใจนักว่ามันเกิดจากอะไร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
\"เวลา ไม่ใช่ของเรา เราถึงหยุด หรือเก็บมันไว้ไม่ได้\"หลินกล่าวเบาๆ แทรกสายลมและอากาศที่เริ่มหนาวเย็นในฤดูใบไม้ร่วง\"แต่หัวใจ ความรู้สึก เป็นของเรา เรารักษามันไว้ได้ เก็บไว้ได้ ดูแลได้ สิ่งที่เราครอบครองมันไม่ได้ก็ปล่อยไป แต่ สิ่งที่เป็นของเรา เราต้องดูแลให้ดีที่สุดนะบริตวา\"
โดยไม่คาดคิด จู่ๆเขากลับดึงร่างเล็ก บอบบางตรงหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนราวกับกลัวว่าจะมลายหายไปต่อหน้า
\"อย่าทิ้งผมไปไหนนะ \"
น้ำเสียงแผ่วเบา น่าใจหายออกมาจากปากของคนที่เธอไม่เคยนึกมาก่อนว่าเขาจะพูดคำนี้\"ผม ไม่เคยคิดว่าคุณเป็นของผม แต่ผมแค่อยากจะปกป้องและเฝ้ามอง ถ้าพรุ่งนี้ ผมตื่นขึ้นมาแล้วรู้กับความจริงว่าผม ไม่มีคุณให้เฝ้ามองหรือปกป้อง ผมไม่รู้จริงๆว่าชีวิตผมต่อไปจะอยู่ยังไง\"
เธอยิ้มปลอบหัวใจอันสับสนหวาดกลัวของคู่สนทนาเหมือจจะเข้าใจความรู้สึก ก่อนจะกระซิบใกล้ๆหูเหมือนจะให้ไออุ่นจากลมหายใจแทรกผ่านเข้าไปโอบล้อมหัวใจข้างในให้หายเหน็บหนาว
\"จ้ะ สัญญา \"
ปัง!
แววตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ร่างบอบบางราวกับแก้วละเอียดค่อยๆทรุดลงในอ้อมกอดของคนรักที่บัดนี้ประสาทชาดิกไปด้วยความตระหนก เลือดแดงฉาน ซึมผ่านเนื้อผ้าอาบมือผู้ประคองกอดอันสั่นระรัว
\"หลิน \"
บริตวาได้แต่พึมพำออกมาคำเดียวเหมือนกำลังจะไร้สติ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีเดียวเร็วเกินกว่าที่จะตั้งตัวได้ ลมกรรโชกหนักขึ้น พัดพาเอาความหนาวเหน็บแทรกเข้าไปในกระดูก เสียงมอเตอร์ไซค์ลอยห่างไปไกล โดยต้นเสียงเห็นหลักๆอยู่บนถนนเส้นยาวทอดอยู่ตรงหน้า
เขาได้แต่มองตามหลังผู้ประสงค์ร้ายด้วยสายตาวาวโรจน์
\"บอสต้องการอะไร? ผู้หญิงคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นคนของบอส \"กลางลานจอดรถของโรงพยาบาล ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินวนไปมาพลางตะคอกใส่โทรศัพท์มือถือราวกับกำลังบ้าคลั่ง
\"จุ๊ๆๆ อย่าตะคอกเสียงดังสิบริตวา \"ปลายสายอันไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ชายวัยกลางคนยังกระเซ้ากับคู่สนทนาด้วยน้ำเสียงเรียบๆเย็นๆได้อย่างไม่รู้สึก\"มันไม่ใช่นิสัยของคุณนี่นา \"
\"ผมรู้! หน้าที่ผมมี!\"ตรงกันข้ามกับผู้ด้อยอาวุโสกว่าที่ความเยือกเย็นสุขุมหายไปหมดแล้วตอนนี้\"ผมทำแน่! บอสไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้กับเธอก็ได้ เธอไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรกับงานของเรา\"
\"คุณพูดถูก แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวไม่ใช่ปัญหาสำหรับองค์กรของเรา \"ชาง ลียังคงอธิบายเสียงเรียบๆ พยายามใช้ความนิ่งสงบอารมย์ของอีกฝั่งสาย\"แต่เป็นปัญหาสำหรับคุณ และคุณก็เป็นตัวจักรสำคัญคนหนึ่งในองค์กรเรา \"
เพราะประโยคนี้เขาถึงกับชะงักนิ่ง ขณะที่อีกฝ่ายแถลงไขเหตุผลในการกระทำอย่างไม่รีบร้อน\"อย่าลืมนะคุณบริตวา ตอนนี้คุณอยู่ในสถานะไหน คุณคือมือขวาของผม และคนที่อยู่ตรงนี้ต้องสามารถอุทิศตนเองให้แก่องค์กรได้ มันก็เหมือนศาสนาน่ะแหละ แตกต่างกันอยู่นิดเดียว คือศาสนา ละได้ ถอนได้ แต่สำหรับองค์กรเรา ไม่มีการเลื่อนชั้นลง มีแต่เลื่อนขึ้น และกำจัดทิ้ง
มันไม่ได้เข้าใจยากเลยนี่นา คุณเป็นคนมีฝีมือ เป็นพญาเหยี่ยวที่นานๆทีถึงจะพบพานสักครั้ง ถือเป็นการเตือนกันฉันมิตรนะ ผมไม่คิดว่าเหยี่ยวบนฟ้า จะลงมาเดินบนดินมากนัก ดังนั้นคุณมีพันธะกับพวกเราไปแล้ว สรุปพูดง่ายๆให้ได้ใจความ ครั้งนี้ผมไม่ได้เอาถึงตาย เพราผมยังให้โอกาสคุณอยู่ \"
คนฟังแทบจะทรุดลงกับพื้น อาศัยค้ำหลังคารถคันข้างๆพยุงสังขารไว้เมื่อกระจ่างถึงความจริง
ทุกอย่าง เป็นเพราะเขาเหรอเนี่ย
ชายหนุ่มยืนฟุบกับแขนบนหลังคารถ กลืนความรู้สึกขื่นๆในคอลงไปอย่างยากลำบาก\"ผมเข้าใจแล้ว มิสเตอร์ชาง คุณต้องการให้ผมตัดขาดจากเธออย่างไม่มีข้อแม้ เพื่อจะได้ทำงานกับคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพะวงใดๆ โดยเอาชีวิตของหลินเป็นตัวประกัน\"สูดหายใจลึกเหมือนพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
\"ใช่รึเปล่า?\"
แม้จะไม่เห็นหน้า แต่บริตวาสามารถวาดภาพสีหน้าเปื้อนยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้\"คุณเข้าใจอะไรเร็วเสมอ ผมชอบคุณตรงนี้ มันเป็นแบบทดสอบสำหรับคุณ ที่ อาจจะดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ก็อย่างที่คุณรู้ ผมต้องการคนที่ทำทุกอย่างได้เพื่องาน\"
คู่สนทนาหัวเราะแค่นๆราวกับขำในโชคชะตาของตัวเอง เขาติดกรงแล้ว กรงทองแน่นหนาเย็นชาของชาง ลี ไม่ว่าจะเป็นพญานกสูงศักดิ์เก่งกาจสักปานไหน
ก็ไม่มีทางหนีออกไปได้ ทั้งที่ยังมีชีวิต
\"เลือกเอานะ ความผูกพันธ์ หรือชีวิต นกในกรงของผมไม่ค่อยมีใครได้ยินคำว่า\"ทางเลือก\"หรอกนะ \"
ผู้ด้อยศักดิ์ว่าถอนหายใจเฮือก ยิ้มสีหน้าขมขื่นกับสิ่งที่ตนได้รับ\"ขอบคุณครับบอส \"
สัญญาณวางสายดังก้องอยู่ในหู มือขวาคนล่าสุดปิดอุปกรณ์สื่อสารในมือลงอย่างอ่อนแรง เงยขึ้นดูท้องฟ้ามืดสนิทไร้แสงดาวด้วยสายตาว่างเปล่า
เกล็ดหิมะเบาบางค่อยๆโปรยลงสู่พื้นคอนกรีตอย่างอ้อยอิ่ง หน้าหนาวย่างกรายเข้ามาแล้ว
กึก
ประตูห้องพิเศษถูกงับปิดอย่างแผ่วเบา ผู้มาเยือนชะงักนิ่ง ยืนมองร่างบอบบางไร้สติที่ถูกฝังอยู่ในแสงสลัวด้วยแววตาเหนื่อยล้า ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างๆพลางเอื้อมมือไปกุมมือเย็นเฉียบไร้เรี่ยวแรง ก้มหน้านิ่งราวกับกำลังจะสารภาพบาป คำพูดหลายสิบคำจุกแน่นอยู่ตรงคอหอย มีหลายอย่างเหลือเกินอยากจะบอกกล่าว แต่ลำคอกลับตีบตันเกินกว่าจะกล่าวคำใดออกมาได้
ผมขอโทษ
ถึงแม้ผมจะรู้ดี ว่าคำขอโทษไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นก็ตาม แต่ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความจริงอันโหดร้ายมาเยือนแล้ว แม้จะรู้มาตลอดว่าสักวันหนึ่งมันต้องมาถึง แต่ผมไม่นึกว่ามันจะเป็นวันนี้
ผมโกหก ผมผิดคำสัญญา..ผมเคยบอกว่าผมจะเฝ้าดูแลปกป้องเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แต่ผมกลับทำไม่ได้ ผมไม่มีคำแก้ตัว ไม่ร้องขออภัยโทษ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากตัวผม ไม่ว่าคำแก้ตัวใดๆก็ลบล้างมันไม่ได้ ทำไม เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันถึงสั้นขนาดนี้นะ
พรุ่งนี้คือวันที่ผมกลัวที่สุด วันที่ผมจะตื่นขึ้นมา แล้วพบว่า ผมไม่มีคุณ
วันที่ผมจะไม่มีทางได้เฝ้ามอง
ไม่มีทางได้ปกป้อง
และเป็นวันที่ผมตื่นขึ้นมา และผมไม่รู้ ว่ามีชีวิตไว้เพื่ออะไร
\"ผมเสียใจ \"ในความเงียบสงัด เสียงกระซิบอันแสนเจ็บปวดได้ยินชัดเจน ร่างสูง โปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เหม่อมองดวงหน้าคนที่เขารักมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาลัย ก่อนจะหันหลังเดินลับกรอบประตูไปอย่างเงียบกริบไม่ต่างจากขามา
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอันอบอวนด้วยความหดหู่
เปลือกตาของใครคนหนึ่ง ค่อยๆเบิกขึ้นเผยแววตาเจ็บปวด ร้าวอาลัยในความมืด
\"รู้สึกเหตุการณ์นี้จะคุ้นๆไหม?\"
อีกฟากฝั่งของอาคาร ผู้คุ้มกันหนุ่มตะโกนถามเพื่อนร่วมทางแข่งกับเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวอยู่เบื้อหลัง
\"คุ้น!\"คู่สนทนาตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมย์\"คุ้นไปหน่อย!!!\"
สองหนุ่มสาวผู้อุกอาจนั่งคิดหนักอยู่ที่มุมเสา โดยมีกระสุนจากผู้ไม่หวังดีพุ่งกระแทกเสาจนกร่อนไปเกือบครึ่ง ที่น่าเจ็บปวดคือที่หมายก็อยู่แค่นี้ แค่วิ่งข้ามไปอีกฝั่ง แต่แค่จะยื่นอวัยวะส่วนใดออกจากที่กำบังก็หวาดเสียวที่จะพรุนไปทั้งตัวแล้ว
เหมือนที่มาคราวก่อนเด๊ะ แต่ซวยกว่านั้นนิดหน่อย
\"ไม่ได้เอาระเบิดมาเหมือนบริตวาซะด้วย\"อาเดียโร่บ่นอุบ ยกปืนสั้นที่ลูกลื่นเปิดอ้าทั้งสองมือขึ้นดูด้วยสีหน้าลำบากใจ\"คุณเหลือมั่งรึเปล่า?\"
\"หมดตั้งแต่หัวมุมที่แล้ว \"คำตอบน่าชื่นใจพิลึก\"พวกนั้นมีกี่คน?\"
ชายหนุ่มกลั้นใจเหลือบไปดูนิดหนึ่ง แต่ก็ต้องแยกเขี้ยวหันกลับมาเมื่อลูกปลายพุ่งเฉียดหน้าไปนิดเดียวจนสามารถรู้สึกถึงแรงอัดอากาศได้\"ห้า เอางี้\"ผู้คุ้มครองเสนอแผนอันสุดแสนฉุกละหุกและเฉพาะหน้าเหลือเกิน
\"ผมจะโยนปืนออกไปล่อ พวกมันจะเปลี่ยนเป้าหมายซักสองสามวินาที ช่วงนั้นคุณพุ่งข้ามไปเลยแล้วกัน\"
\"มั่นใจว่าจะได้ผล?\"
\"ก็ไม่หรอก \"พ่อเจ้าประคุณจะไม่ได้แม้แต่น้อยว่าไปเลียนแบบคำพูดเขาเข้าให้แล้ว\"แต่ก็ดีกว่าปัจจุบันนี้แล้วกัน เอานะ \"
เขาสูดหายใจลึก ทำตัวให้ผ่อนคลายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการฝากชีวิตไว้กับโชคชะตาไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยทำ\"หนึ่ง สอง สาม! \"
วูบ
วัตถุลึกลับถูกโยนออกมาจากมุมอับ สายตาของเหล่าผู้กวาดล้างคนบุกรุกตะลึงมองสิ่งที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศราวกับมองเห็นมัจุราช ก่อนที่เสียงโหยหวนจะดังขึ้น
ตูม!!!!
พร้อมกับเสียมกัปนาถปริศนาจากมุมมืด
ด้วยสัญชาติญาณบอดี้การ ชายหนุ่มพลันกดคนข้างกายหมอบลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตัวเองกลับยืดตัวขึ้นมองอย่างกังขากับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่ฝีมือเรานี่หว่า
กลุ่มคนที่นั่งตั้งป้อมดักยิงอยู่อีกฝั่งพลันกระเด็นกระจัดกระจายสลบเหมือดออกจากที่กำบัง แต่ตรงหน้าที่เห็นคือศัตรูหนึ่งคนที่กำลังพยุงตัวขึ้นยืนอย่างมึนงง
พร้อมกับปืนกลในมือ
ฟุบ!เร็วทันใจนึก ผู้มาเยือนดีดกายออกจากที่ซ่อน ซอนเท้าวิ่งสุดชีวิตไปยังร่างที่ยืนโงนเงนอยู่ข้างหน้า คนถูกปองร้ายได้แค่ไล่ความมึนงงออกจากประสาท สิ่งที่เห็นแวบเดียวคือปลายเท้าจากที่ไหนสักแห่งฟาดเปรี้ยงเข้ากระโดนคาง ผลักให้เข้าสู้ภาวะสิ้นสติไปโดยปริยาย!
\"อ็อก!\"
ตุบ! ร่างที่เพิ่งไร้สติล้มลงกับพื้นอย่างสวยงาม พร้อมกับอาวุธในมือที่กระเด็นไปอีกฝั่ง อาเดียโร่ยืนดูจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ลุกขึ้นมาอีก จึงค่อยเงยขึ้นมองรอบกาย แต่ภาพที่เห็น
ทำให้แทบหยุดหายใจชั่วขณะ
หลังเปลวเพลิงโชติช่วง เงาตะคุ่มของใครบางคนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาที่สะท้อนแสงอัคนีจนดูราวกับดวงตาคู่นั้นเป็นสีทองนั้น
เป็นคนที่ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะพบที่นี่
\"เฮ้ย \"
หน้อจอเลปท็อปสะท้อนอยู่บนเลนส์แว่นตาของผู้เป็นเจ้าของ เขามองมันเหมือนไม่สนใจมากนัก เพราะอีกเพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็ถอนใจเฮือก มองผ่านกระจกออฟฟิศไปยังเบื้องล่างด้วยอาการเหม่อลอย
วันแห่งแสงแดดหมดไปแล้ว เวรยามภายนอกตึกล้วนแต่ใส่โอเวอร์โค้ทอย่างหนาคลุมตลอดทั้งตัว หิมะที่เริ่มตกตั้งแต่เมื่อคืนตอนนี้หนาเป็นเมตร อากาศอึมครึม หน้าต่างทุกบานต้องปิดสนิทกันลมหนาวเสียดกระดูกที่กรรโชกแรงอยู่ภายนอกตึก
บูทคอมแบทอย่างหนาย่ำเกล็ดหิมะบนพื้นจนเป็นรอยลึก เวรยามลาดตระเวนพลันยืนตรงเคารพผู้มียศเป็นถึงมือซ้ายของบอสใหญ่ แต่ดูท่าคนถูกเคารพจะเคยชินไปเสียแล้ว
\"นายครับ\"เวรยามคนหนึ่งวิ่งมาจากประตูใหญ่ รายงานน้ำเสียงเหมือนแปลกใจอะไรบางอย่างกลายๆ บรั้คเลิกคิ้วเหมือนจะให้ขยายความ แต่ความกังขาพลันทวีหนักขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นร่างบางของใครคนหนึ่ง เดินเปลี่ยวดายฝ่าสายลมกระหน่ำ และที่สำคัญ มุ่งหน้าสู่อาณาบริเวณของเรด ดราก้อน
\"รายงาน มีคนกำลังเข้ามาในบริเวณของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต\"
น้ำเสียงซีเรียสปนไม่ไว้วางใจดังมาจากวิทยุบนโต๊ะ ฉุดชายหนุ่มให้ลุกขึ้นดูที่มาด้วยสังหรณ์อะไรบางอย่าง ก่อนที่ความใจหายวูบจะวิ่งพล่านไปทั่วไขสันหลัง
\"หลิน! \"
\"คุณผู้หญิง \"ภายนอกตึก บรั้คตะโกนแข่งกับเสียงลมไปยังผู้มาเยือนที่เดินด้วยท่าทางล่องลอยเคว้งคว้าง\"กรุณาออกไปจากบริเวณนี้ภายในห้าวินาที ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆควรออกเดินเพ่นพ่าน โดยเฉพาะในเวลาพายุหิมะโหมหนัก \"
เธอรู้ว่าเราอยู่ที่นี่
ความพลุ่กพล่านในใจเริ่มก่อกวนอีกครั้ง ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ทรุดลงนั่งกับเก้าอี้อย่างสับสน คำถาม อารมณ์ และอีกหลายสิบหลายร้อยอย่างผุดขึ้นมาในสมองโดยควบคุมหาได้ไม่ เธอรู้มาตลอดในทุกสิ่งที่เราพยายามปิดบัง รู้ว่าเราเป็นใคร ทำอะไรบ้าง ทุกๆอย่าง
แต่หลินไม่รู้รึไงว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย!
\"นายครับ \"อีกฝั่งของเหตุการณ์ มือปืนข้างๆกระซิบแทรกเสียงลมเหมือนเตือนในสิ่งที่ทุกคนในองค์กรรู้กันอยู่แล้ว ร่างโปร่งหรี่ตาลงมองเป้าหมายเล็กน้อยด้วยประกายตาที่ไม่ชอบใจเท่าใดนัก
\"ชั้นรู้น่า\"
ฆ่าผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้อย่างนั้นหรือ เป็นอีกหนึ่งคำสั่งที่คนห่วงเรื่องศักดิ์ศรีและความถูกต้องอย่างเขาคิดคัดค้านอย่างหัวชนฝา แต่ไม่สามารถที่จะกล่าวออกมาได้
\"ผู้หญิงคนนี้ หากพบที่ไหน กำจัดได้ทันที \"
บัญชาที่ไม่เคยแนบเหตุผล ไม่เคยบอกจุดประสงค์ใดๆ แต่ก็เป็นบัญชาที่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับมาจากเทพเจ้า หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ผู้นั้นคือคนไร้ประโยชน์สำหรับองค์กร
\"ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย หยุดอยู่ตรงนั้น!\"
กริ๊ก เสียงลดนกถูกกลบด้วยเสียงลมแห่งเหมันตร์ฤดู หญิงสาวยืนนิ่ง แหงนมองตึกระฟ้าตรงหน้าด้วยความสะเทือนใจ
นี่คือกรงทองที่ขังจิตใจของใครหลายคนไว้
สลักกลอนด้วยความกลัวอันแน่นหนา กลอน ที่ไม่มีใครเคยถอดมันออกมาได้
ร่างเพรียวบางก้าวออกมาอย่างไร้ความประหวั่น แม้ลมจะกรรโชกพัดจนแทบเซล้ม แต่เธอกลับยังมุ่งตรงเข้ามา ไม่ว่ากรงนี้จะเป็นของใคร ใส่กลอนล็อกกุญแจแน่นหนาสักปานไหน
เธอจะต้องถอดสลัก ปล่อยเขาออกมาสู่อิสระภาพให้ได้
บริตวา
ปัง!!!
เสียงกัมปนาทสะท้อนผนังปูนกึกก้อง ปลอกกระสุนปลิวตามแรงลมกรรโชกรอบกาย หล่นกระทบพื้นขาวโพลน ก่อนที่จะถูกสายลมระลอกหลังพัดพาเอาเกล็ดหิมะมาปกคลุมไว้
ร่างบอบบางของผู้เป็นเป้าหมายทรุดลงช้าๆ ต่อหน้าต่อตาใครบางคน
เป็นครั้งที่สอง ที่เขาช่วยอะไรไม่ได้เลย
\"ไม่!!!!!\"
ปังๆๆๆๆๆๆ!!!
กระสุนชุดต่อมาพุ่งออกจากลำกล้อง กระทบเป้าหมายเดิมทุกนัดอย่างไม่ปราณีปราศรัย เสียงกระแสลมลอดผ่านตึกปูนรอบข้างโหยหวนประสานกับเสียงปืนสะท้านก้อง ฟังดูเหมือนเสียงมิซซาในโบสถ์คาทอลิกอันเยือกเย็น
ตุบ! ผู้เป็นเจ้าของคมเคียวเกี่ยววิญญาณพลันถูกกระชากฟุบลงกับพื้นหิมะอย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางความงวยงงของบุคคลอื่นรอบข้าง ร่างสูง โปร่งวิ่งโผไปยังร่างของคนอันเป็นที่รักราวกับจะขาดใจตายไปด้วย
\"หลิน!\"
ร่างโชกเลือดที่ฝังอยู่ในหิมะถูกดึงขึ้นมาประคองกอดเหมือนเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต คนในอ้อมแขนยิ้มบางๆเหมือยอย่างทุกครั้งที่พบเจอกัน แต่มือโชกเลือดของชายหนุ่มกลับสั่นระริกเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ได้เห็นมัน
\"ไหล่เป็นยังไงมั่ง?\"
มือบอบบางไร้เรียวแรงเอื้อมมาแตะแผลของเขาอย่างแผ่วเบา แต่คราวนี้เขาไม่ขยับหลบอีกต่อไปแล้ว มือปืนหนุ่มหลับตากล้ำกลืนอะไรบางอย่างลงไปอย่างเจ็บปวด พยักหน้าให้กับคนที่เขากำลังจะสูญเสียไป\"ผมไม่เป็นไร ไม่เป็นไร \"
\"บริตวา คุณเห็นราชรถสีครามอยู่ตรงขอบฟ้าหรือเปล่า?\"
ความขมขื่นถาโถมเข้ามาพร้อมกับสายลมแห่งฤดูหนาวอีกครั้ง\"คุณสัญญาว่าจะไม่จากผมไปไหนไง \"
\"คุณบอกเองนะว่าชั้นไม่ได้เป็นของคุณ \"น้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงเหมือนกำลังจะดิ่งลงสู่นิทราตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังไม่เสื่อมคลาย\"สิ่งที่ไม่ใช่ของเรา เรายึดเหนี่ยว ถือรั้งอะไรไม่ได้หรอก ในที่สุดคุณก็ออกมาจากกรงนั้นได้\"
คู่สนทนาส่ายหน้า สมองตื้อมึนราวกับเส้นเลือดทั้งกายหดเล็กลงจนไปเลี้ยงไม่พอ กระซิบตอบกลับอย่างแผ่วเบาราวกับจะมีเพียงเสียงลมเท่านั้น\"ผมช้าเกินไป \"
บริตวาก้มหน้านิ่ง สะกดกลั้นหลากความรู้สึกในหัวใจไม่ให้ทะลักออกมา ก่อนจะสูดหายใจลึก\"หลับเถอะนะ \"คำพูดที่เค้นออกมาจากคอเริ่มแจ่มใส อบอุ่น แม้มันจะยากเย็นที่จะทำให้ได้เช่นนั้นก็ตาม
\"ผมอยู่ตรงนี้ จะไม่ไปไหน ถ้าคุณตื่นขึ้นมา คุณจะเจอผม ผมจะไม่โกหกคุณอีกแล้ว \"
สิ้นเสียงสัญญา เปลือกตาอันหนักอึ้งพลันปิดลงช้าๆ เข้าสู้การหลับไหลในอ้อมแขนของคนที่รักที่สุด แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่มีวันได้ทำตามสัญญา แต่แค่ได้ยินคำกล่าวนั้น
เธอก็ดีใจที่สุดแล้ว
วิ้ว วิ้ว
สายลมรอบข้างยังคงทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ เลือดสีแดงคล้ำที่ตัดกันอย่างชัดเจนกับสีของหิมะรอบข้างสะท้อนอยู่ในแววตาว่างเปล่า ใจอยากจะร้องตะโกนให้ก้องไปถึงพระเจ้า
แต่ลำคอกลับตีบตันแห้งผากเกินกว่าจะกล่าวคำใดออกมาได้
ร่างสูง โปร่งลุกขึ้นยืนโผเผราวกับทั้งร่างกายเบาโหวงไปหมด น้ำสีแดงโชกชุ่มบนมือปลิวกระจายเป็นละอองฝอยเมื่อมันกำลังจะหยดลงบนพื้น ความเยือกเย็นปะทะหน้า ราวกับจะแทรกเข้าไปถึงหัวใจ
เขาไม่มีใครแล้ว
เธอจากเขาไป ตลอดกาล
ปืนใต้ปกเสื้อถูกล้วงออกมาขึ้นนก สายตาว่างเปล่าหันไปมองฝูงชนที่กำลังพุ่งทะยานออกมา ทุกสิ่งที่เขาทำเหมือนไม่ได้ผ่านสมอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอะไร แต่สิ่งเดียวที่รู้สึกคือ
ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้
HKกึ่งอัตโนมัติถูกยกขึ้นช้าๆ แววตาที่มองผ่านศูนย์ปืนไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ปลายนิ้วชี้กระตุกเข้าหาด้ามปืนอย่างมั่นคง
ชั้นจะไม่อยู่ในกรงนี้อีกต่อไป
โครม!!!!
เสียงประตูห้องกระแทกเปิดดึงสติของเขาให้หลุดจากภวังค์ความทรงจำราวกับสับสวิต ความเจ็บปวดที่เลือนหายไปครู่ใหญ่พลันประทุกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มหอบหายใจหนักราวกับเพิ่งหลุดจากฝันร้ายเหลือคณา ขณะที่ผู้มาเยือนร้องเรียก
\"บริตวา\"
\"เฮ้ย บริต!\"
เจ้าของชื่อแยกเขี้ยวกับความทรมานที่ปกคลุมกาย แต่ยังพยักหน้ายืนยันสภาพตนเองทั้งๆที่โทรมจนดูขัดตา\"ชั้นโอเค \"
รีน่าสำรวจร่างกายคนตรงหน้าอย่างลวกๆ ขณะที่ผู้เป็นสหายปลดพันธนาการทีละอันจนหมดสิ้นแล้วปราดเข้าประคองคนละด้าน\"ลุกไหวไหมเนี่ย?\"
\"คิดว่าได้ \"แต่แค่พูดก็แทบจะทรุดลงอีกครั้ง ผู้เป็นนายจ้างถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นสภาพโชกเลือดที่เหนือว่าจินตนาการไว้มาก
\"คุณไม่ไหวหรอก \"
\"รึจะอยู่ให้ตายกันที่นี่หมดล่ะ?\"พอเริ่มมีสติกลับมา ความปากกล้าก็ดำเนินทันทีราวกับเป็นสัญชาติญาณ อาเดียโร่ส่ายหน้ากับอนุสัยของเพื่อนร่วมงานพลางพยุงออกจากห้องแห่งความทรมานอย่างทุกลักทุเล แต่เพียงแค่ลับขอบประตู
ปัง!
\"จะไปไหนพ้น!!!\"เสียงตะคองแข็งกร้าวของคู่ปรับตลอดกาลดังคล้อยหลังเสียงปืนไปนิดเดียว สามผู้หลบหนีมองรอบกายอย่างประหวั่นใจ ซวยแล้ว
ลิฟต์ไม่ได้ บันไดลงไม่ได้
\"ทางนี้!\"
ปังๆๆๆๆๆๆ!!!เสียงปืนถี่รัวฉุดให้บุรุษที่ยังฟื้นคืนสติได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ถึงกับชะงักกึก ภาพจากความทรงจำอันปวดร้าวผุดขึ้นมาตอกย้ำอีกครั้ง
\'คุณเห็นราชรถสีครามที่เส้นขอบฟ้าหรือเปล่า \'
ปัง! ผนังข้างๆกระจุยเป็นหลุมเฉียดศรีษะของใครบางคนเพียงเส้นยาแดง อาเดียโร่ที่ยังมีสติครบถ้วยตะโกนเร่งฝีเท้าทุกคนหนีการตามล่า
\"ไป เร็ว!!!\"
ลูกตะกั่วกระทบขั้นบันไดเหล็กไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด ชายหนุ่มกลั้นใจกระแทกประตูเหล็กตรงหน้าที่เป็นปราการสุดท้ายเปิดออกอย่างรวดเร็ว
โครม!
สายลมจากดาดฟ้าพัดกรรโชก แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางหนีไปไหนได้ แต่มันก็เป็นทางเดียวที่ไปได้ในตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายในเฮือก ซิกซ์ ซาวเออร์อันว่างเปล่าสะท้อนแสงยามอาทิตย์อัสดงอยู่ในมือ หากแต่แววตาไม่ได้สะท้อนความเกรงกลัวหรือพ่ายแพ้ใดๆทั้งนั้น ตรงกันข้าม
กลับเผยประกายวาววะวับ เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง
แกร๊ก แมกกาซีนชุดใหม่ถูกกระแทกเข้าด้ามอาวุธในมือโดยไม่รีบร้อน คาวิลก้าวข้ามธรณีประตูออกมาพร้อมกับอาวุธครบมือและกำลังคนที่มากกว่าด้วยท่าทางผยองในชัยชนะของตนเอง
\"ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะสิ \"ผู้ทรยศกล่าวพลางยิ้มหยัน แววตาสว่างโรจน์ราวกับสุนัขป่าที่หิวกระหาย ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่ยังยืนดูพระอาทิตย์ตกท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่อย่างสงบ ราวกับไม่ได้รับรู้\"ชั้นนึกว่าพวกแกจะเก่งกว่านี้หน่อย \"
คำพูดนี้ทำให้มือที่ประคองคนเจ็บของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มกดแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำหรี่ตามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาประหลาด ก่อนจะหันมาประจัญหน้ากับคู่สนทนาช้าๆ
\"ขอเตือนอย่างหนึ่งนะคาวิล \"ปืนออโตเมติกในมือถูกโยนทิ้งไปราวกับมันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในชีวิตออกต่อไป\"ก่อนจะถากถางใคร ดูก่อนว่าตัวเองชนะจริงๆ!\"
ตึกๆๆๆๆๆๆ
เสียงใบพัดแหวกอากาศหยุดการสนทนาทั้งหมดไว้เพียงแค่นั้น ร่างโปร่งที่ยืนสงบนิ่งท้าทายความตายถูกเงาของเฮลิคอปเตอร์บดบังจนหมดสิ้น หลังบานประตูของพาหนะลอยฟ้าอันเปิดกว้าง
แววตาของซากิสะท้องความโกรธโชติช่วงอยู่หลังกระบอกปืนกล!!!
พรืดดดดดดด!!!!!
ด้วยสัญชาติญาณที่ใช้ได้ผลตลอดกาล สามผู้เพลี่ยงพล้ำพลันหมอบราบกับพื้นซีเมนต์พร้อมกันโดยมิต้องให้ใครคนใดคนหนึ่งกระชากลงเหมือนแต่ก่อน แนวกระสุนคมกริบกวาดชีวิตที่ขวางแนววิถีของมันอย่างซื่อสัตย์ ละอองเลือดถูกลมบนพัดผ่านกลืนหายไปกับแสงแห่งอาทิตย์ยามสุริยันตร์ เสียงปืนเกรียวกราว เสียงร่างทรุดกองพร้อมกับคำโหยหวน เสียงอาวุธหล่นกระแทกพื้นดาดฟ้า ปลอกทองเหลืองร่วงกรูกระทบกกลางอากาศก่อนจะถึงพื้นดินเบื้องล่าง และเสียงหวีดหวิวของสายลม
ส่งประสานพร้อมเพรียงราวกับจะเล่นเป็นทำนองได้
ครื้ก
ปลายกระบอกปืนกลหนักหมุนคว้าง หากแต่ไม่มีประกายไฟเจิดจรัสอย่างที่ผ่านมา เหยื่อคมกระสนนับสิบบัดนี้นอนจมอยู่กับแอ่งเลือดของตนเองราวกับเป็นแค่กองเศษผ้า ไม่มีร่างไหนสามารถลุกขึ้นคว้าอาวุธที่หล่นอยู่รอบๆกายขึ้นมาต่อกรได้
ทุกอย่าง จบลงอย่างรวดเร็ว
คนสนิทของโทยะ เรย์พยักหน้ากับนักบิน อีกฝ่ายรับคำสั่งแล้วดึงคันบังคับให้ลงเหนืออักษรHตรงหน้าอย่างชำนาญ
\"เร็วครับ ผมว่าเดี๋ยวพวกข้างล่างต้องตามมาอีกแน่ \"ชายหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัยเอ่ยเตือน ขณะที่คนรับพยายามพยุงผู้บาดเจ็บให้ลุกขึ้นอย่างยากเย็น
\"ลำบากนะอาเดียโร่ คุณดีกว่า\"
ทันใจนึก ผู้รับคำไหว้วานปราดเข้าหิ้วปีกสหายร่วมทีมที่ท่าทางจะน็อคไปอีกรอบอยู่ร่ำๆเข้าไปในเฮลิคอร์ปเตอร์ที่ยังติดเครื่องไว้เตรียมเคลื่อนตัวตลอดเวลา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นสภาพคนที่เคยยืนสง่าด้วยท่าทางเยือกเย็นปนผยองเดชกลับกลายเป็นทรุดโทรมแทบไม่เหลือเค้า เพราะเธอรู้ดีว่าเขาคือคนที่หนักแน่นแข็งแกร่งมิใช่น้อย แต่เป็นได้ขนาดนี้
เพราะเธอคนเดียว
\"มันยังไม่จบลงง่ายๆหรอกคุณหนู! \"
ฝีเท้าที่กำลังก้าวไปยังพาหนะเบื้องหน้าพลันชะงักกึก สายตาคนฝั่งราชิตกรุ๊ปเบิกโพลนด้วยความตะลึงงันกับภาพตรงหน้า ศัตรูก้าวออกมาจากหลังลังพัสดุอย่างอาจหาญราวกับเย้ยหยันในโชคชะตาของทุกคน โชคชะตา ของคนที่ไม่มีอาวุธหลงเหลืออยู่ในมืออย่างเขา
รอยยิ้มของคาวิลสะท้อนอยู่บนลูกลื่นเงาวันอันเปียกปอน
ปลายนิ้วแตะอยู่ที่ไกพร้อม ปลายกระบอกจับอยู่ที่หลังศรีษะ ทุกสายตาจับอยู่ที่หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มพร้อมกับลมหายใจหยุดนิ่งชั่วขณะ ภาวนาถึงปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะหยุดโศกนาฎกรรมอันเจ็บปวดที่พวกเขาต่อต้านมาตลอดได้
\"แต่คราวนี้ จบ ของจริงล่ะ!\"
ปัง!
ไม่มีปลอกกระสุนปลิวออกมาจากลำกล้อง จังหวะลั่นไกแบบซิกเกิลมิใช่ออโต้ สายตาของทุกคนยังคงความช็อกไม่เสื่อมคลาย หากแต่วินาทีต่อมาความมึนงงก็เข้าแทรกปนเป
โทกาเรฟ11มม.กึ่งอัตโนมัติ หล่นลงกระทบพื้นอีกหนึ่งกระบอก
รีน่าและคาวิลต่างหันไปมองต้นเหตุของกระสุนปริศนาพร้อมกันโดยมิได้ตั้งใจ แต่ความรู้สึกแตกต่างกัน เธอหันไปมองด้วยความงวยงงกังขาสุดจะอธิบาย แต่เขา นอกจากจะมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม โลหิตอุ่นๆที่ไหลพุ่งทะลักออกมาจากใต้แขนเสื้อจนแดงเถือกอาบมือข้างนั้นยังฉุดอารมณ์ให้โมโหหนักจนแทบคลั่ง
รีวอลเวอร์ชุบโครเมี่ยมเงาวับ มีไอดินปืนลอยออกมาจากลำกล้องจางๆ
\"นาฟ!!!\"
ชายหนุ่มผู้ทะเยอทะยานไม่เคยสำเหนียกเลยว่า วินาทีที่เขาตะโกนคำนั้นออกมาอย่างเคียดแค้นและไม่เข้าใจ อีกมุมหนึ่งของตึก หลังบานประตูห้องทดลองที่เปิดแง้มเล็กๆอยู่ท่ามกลางร่องรอยแห่งความวุ่นวาย
ร่างสูงใหญ่ อันแทบจะตรงกันข้ามกับคนในสายตาตอนนี้ นอนไร้วิญญาณอยู่หลังโต๊ะทดลองโดยไม่มีผู้ใดรับรู้
\"แก \"
เจ้าของกระสุนปริศนาส่ายหน้าเบาๆท่านกลางทะเลแห่งความสับสน และไม่ใช่มีแต่คาวิลเท่านั้นที่รู้สึก ทุกคนตอนนี้อึ้งสนิทราวกับเห็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิต ยกเว้น
แววตาสองคู่บนเฮลิคอปเตอร์ ที่ดูเหมือนจะเข้าใจเหตุการณ์อยู่กลายๆแม้จะไม่กระจ่างชัดก็ตาม
\"คาวิล คาวิลเอ้ย คาวิล \"น้ำเสียงสมเพศเวทนาอย่างบริสุทธิ์ใจไร้อารมย์อื่นเจือปนดังมาจากคนที่มีศักดิ์เป็นลูกน้องของตน และเป็นต้นเหตุของความงวยงงของทุกๆคน\"เกิดมาในชีวิตเนี่ยเคยดูหนังกับชาวบ้านเขาบ้างรึเปล่า? ไอ้เรื่อง \"
แผ่นโพลิก้อนที่จำลองผิวหนังมนุษย์ได้อย่างละเอียดถูกถลกออกจากหัว เผยให้เห็นสีหน้ากวนโอ๊ยอันเจนตาหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง แผ่นอิเล็กทรอนิกส์บนคอถูกลอกตามออกไป ปลดปล่อยน้ำเสียงที่แท้จริงให้ทุกคนประจักษ์
\"mission impossibleน่ะ \"
!!!
อย่าว่าแต่คนโดนหักหน้าเต็มๆเลย แม้แต่ผู้ร่วมเหตุการณ์ยังอดอ้าปากค้างไม่ได้ ความจริงที่ปรากฏทำให้สมองอันมึนตื้อของแต่ละคนอาการหนักไปกันใหญ่ โดยเฉพาะผู้เป็นนายจ้าง ที่ไม่ได้นึกมาก่อนเลยว่าคนที่หายสาปสูญไปแล้วในความคิด จะกลับมายืนอยู่ตรงนี้ และที่สำคัญคือหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด อนาคตบอสใหญ่แห่งราชิตกรุ๊ปกระเดือกน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ
\"มิคาอิล! \"
เฮอะๆ ว่าแล้วว่าต้องมาแบบพระเอกหนังฮอลลิวู้ดอีหรอบนี้ หนึ่งในผู้เฝ้ามองที่แม้สติจะกลับมายังไม่เต็มที่นัก แต่ก็พอดูเหตุการณ์ออกและนึกขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
\"ไอ้ตัวกินแรง \"
ผู้ทรยศแยกเขี้ยวด้วยความโกรธแค้น ความรู้สึกหลายร้อยประการพลุกพล่านอยู่ในใจจนการบรรยายเป็นคำกล่าวมิอาจระบายมันออกมาได้ มันตลบหลังชั้น! หลอกชั้น! อยู่ข้างหลังและคอยหัวเราะเยาะชั้นมาตลอด! ไอ้สุนัขรับจ้าง!!!
\"อ๊าคคคคค!!!!!!!\"
ปัง! กระสุนนัดที่สองในลูกโม่กระทบแขนพับอีกข้างจนใช้การไม่ได้ ก่อนที่นัดต่อๆมาจะกวาดปูพรมไปทั่วร่าง ประกายไฟจากปลายลำกล้องสว่างวาบเป็นระยะ สะท้อนอยู่ในแววตาเยือกเย็นไร้ความปราณีของผู้เป็นเจ้าของจนดูวาวโรจน์ ราวกับสายตาปีศาจ
2..3..4..5..6..7..8..9..10..11
12นัด
ลูกโม่ยุติการหมุนลง
เจ้าของปืนที่แท้จริงลดมันลงช้าๆ เหม่อมองอีกหนึ่งชีวิตที่นอนจมกองเลือดไร้วิญญาณอยู่ตรงหน้า ดวงตาที่เคยฉายแววเคียดแค้น ทะเยอทะยานจนเกินตัวบัดนี้เหลือกลานว่างเปล่า สองมือที่เคยไขว่คว้าหาอำนาจลาภยศ บัดนี้แม้แต่กำอาวุธในมือยังทำมิได้ ความโกรธเกลียด ชิงชัง หรือทุกสิ่งที่แสวงหาเจียนคลั่ง
สิ้นลมก็เท่านั้น เอากลับไปด้วยไม่ได้
มิคาอิลถอนหายใจเฮือก ยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางศพอริราชและกลิ่นคาวคละคลุ้งเหมือนไว้อาลัยแก่ทุกดวงวิญญาณ แต่ก็ต้องละกิริยานั้นโดยด่วนเมื่อเสียงฝีเท้ากระทบขั้นบันไดเหล็กดังเข้ามาในโสตประสาท
\"เอ้า! รีน่า \"กระเป๋าหนังถูกโยนไปให้เจ้าของชื่อที่ดูจะยังงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตระครุบไว้\"เดี๋ยวลืม!\"
โครม! พรืดดดดดด!!!!! ผู้มาเยือนล็อตใหม่กระแทกประตูเหล็กออกมาพร้อมกับเสียงปืนดังสนั่น อาเดียโร่กระชากนายจ้างสาวขึ้นบนพาหนะ หลบลูกตะกั่วจากผู้ปองร้ายได้อย่างหวิดหวิด ขณะที่คนอยู่เบื้องล่างโผหลบหลังลังพัสดุข้างๆอย่างรวดเร็วราวกับเรื่องการหนีตายเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดเรื่องหนึ่ง
\"ยกเครื่องขึ้นไปเลย! เดี๋ยวนี้!\"ท่ามกลางบรรยากาศเหมือนสงครามย่อมๆประทุขึ้นอีกครั้ง บอดี้การ์ดหนุ่มตะโกนแข่งกับเสียงใบพัดบวกเสียงปืนกลพลางโบกมือเป็นสัญญาณ ซากิหันไปพยักหน้ากับนักบินแล้วกระชากประตูปิดกันกระสุนไว้อีกชั้น ก่อนที่นักบินจะกระชากคันบังคับขึ้นอย่างไม่ลังเล
คนสั่งชะเง้อดูหลังที่กำบังเล็กน้อย คิดสะระตาวางแผนขึ้นมาลวกๆพลางบ่นในใจ ได้เล่นกายกรรมอีกแหงเลยชั้น เอาวะ!
วูบ กระบอกโลหะถูกโยนออกไปท่ามกลางดงศัตรู ชายหนุ่มฉวยโอกาสขณะที่ผู้ปองร้ายชะงักมองวัตถุปริศนาลอยคว้างกลางอากาศวิ่งกระโจนไปยังเฮลิคอปเตอร์ มือข้างหนึ่งเอื้อมหมายจะคว้าสกีของเครื่อง อีกมือวาด.357คู่กายไปยังกระบอกบรรจุไนโตรกลีซอรีนไว้ภายในพลางกลับตัวกลางอากาศ
ปัง กระสุนนัดที่13แล่นออกจากลำกล้อง
บึ้ม!!!!ระเบิดทำงานของมันได้อย่างซื่อสัตย์ กลบทุกอย่างบนดาดฟ้าให้อยู่ใต้เปลวเพลิงกัมปนาทรุนแรง พาหนะลอยฟ้ากระชากตัวเองพร้อมกับร่างโปร่งที่เกาะอยู่ข้างนอกออกมาจากรัศมีอย่างหวุดหวิด
ฟู่ เจ้าของผลงานพ่นลมออกจากปอดอย่างโล่งอก ก่อนจะก้มลงดูพื้นพสุธาเบื้องล่างแล้วกวาดตามองฮ่องกงยามพลบค่ำอย่างสบายใจ แม้จะเมื่อยแขนไปบ้าง แต่สายลมจากที่สูงปะทะกายก็ชวนให้ผ่อนคลายอย่างประหลาด(สำหรับคนabnormalอย่างเขาอ่ะนะ- -\")
วู้ ไอ้มิชชั่นนี้ทำชั้นห้อยโหนมาสองรอบแล้วแฮะ
ครืด เสียงเปิดประตูเหนือหัวดึงความสนใจให้หันขึ้นไปมองพลางยิ้ม เก็บกระบอกปืนเปล่าๆเข้าซองแล้วเอื้อมไปยึดแขนที่ยื่นลงมารับ...อาเดียโร่ดึงพรืดเดียวถึงภายในห้องโดยสารอย่างง่ายดาย โดยมีสายตาของใครคนหนึ่งจ้องมองด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวอก
เขาอยู่เบื้องหน้าเธอแล้ว คนที่รอคอยมาตลอด
เวลาเพียงไม่กี่วันดูเหมือนนานแสนนานเหลือ
แต่เขาก็กลับมา
\"มิคาอิล!!!\"
รีน่าโผเข้ากอดบุรุษที่รอคอยราวกับเด็กน้อยหลงทางพบกับพี่ชาย น้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลซึมปนกันน้ำเปียกโชกอยู่บนเสื้อ ชายหนุ่มตบหลังคนในอ้อมแขนเบาๆ ยิ้มเหมือนกับปลอบใจในที
\"อย่าร้องไห้น่า เด็กขี้แย \"
\"เรานึกว่านายจะไม่กลับมาแล้ว\"
\"นี่ \"มิคาอิลผลักไหล่อีกฝ่ายออกมาให้สามารถมองหน้ากันได้ชัดๆ\"เราเคยผิดนัดด้วยเหรอ?\"
คู่สนทนาสบตาแล้วส่ายหน้า โผเข้ากอดอีกครั้งแทนคำพรรณนาความห่วงใย บริตวาหัวเราะหึๆกับบรรยากาศแห่งการพบพานเหนือพื้นดินฮ่องกงแล้วเอนหลังพิงผนักเบาะ\"เอาล่ะ \"
เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงช้าๆอย่างเหนื่อยอ่อน\"จบเรื่องกันซะทีสินะ \"
ใช่ ทุกอย่างจบแล้ว
อาเดียโร่หันไปมองออกนอกหน้าต่างเหมือนกำลังเข้าภวังค์ มิคาอิลกลับมาแล้ว บริตวาไม่เป็นไร รีน่าพ้นอันตรายทันทีที่ถึงเซฟเฮาส์ และถ้าไม่ผิด ในวันพรุ่งนี้ โทยะจะต้องหาตั๋วเครื่องบินพาเธอกลับแอลเอได้อย่างปลอดภัย งานของพวกเขาก็เสร็จสิ้น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้นเอง
พระอาทิตย์ แตะขอบฟ้าด้านตะวันออกอีกครั้ง
\"เฮ้ย โพกหัวเป็นมอญมาเลยเหรอวะ? \"
คนถูกทักแตะผ้าก็อตบนศรีษะ เดินโผเผทรุดลงนั่งบนโซฟาข้างๆกันด้วยอาการเหมือนยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์ยาเท่าไหร่\"ไม่ต้องพูดเลย ชะ ไม่ช่วยเหลืออะไรกันซักอย่าง ยืนดูตลอดทำเป็นสะใจ โผล่มาทียังกะทอมครูซ หน้าตาเหมือนหน่อยจะไม่ว่าหรอก อันนี้อย่างกะจิ้งจก โอย มึน\"
คนทักพอโดยใส่เป็นชุดก็แหยงไปเหมือนกัน\"สวดใหญ่เชียวนะเฮ้ย \"
\"มันพูดก็ถูก \"อาเดียโร่หันไปถือหางบริตวาอย่างเต็มที่\"นายน่ะอู้งาน อยู่ๆทิ้งให้พวกชั้นรับผิดชอบงานให้นาย ได้ค่าตัวเท่ากันก็จริงแต่พวกชั้นทำงานหนักกว่าว่ะ แล้วนี่มันเรื่องอะไรต้องปล่อยให้คุณรีน่าเค้ารอนายอยู่ตั้งนานวะ?\"
คู่สนทนาส่ายนิ้วพลางหรี่ตาท่าทางเจ้าเล่ห์\" มันเป็นวิธีของชั้นเว้ย ถ้าชั้นช่วยนายออกมาซะดื้อๆตอนนั้นก็ตายเรียบอ่ะดิ ไอ้ชั้นมันไม่ใช่ขาบู๊เแหลกเหมือนพวกนายซะด้วย\"
\"ติดสันดานสายลับเก่ามาว่างั้น?\"ผู้เป็นสหายดักคอทันควัน
\"ช่างชั้นเหอะน่ะ\"
\"เฮ้ย เดี๋ยว \"อยู่ๆอาเดียโร่ก็กล่าวน้ำเสียงซีเรียสขึ้นมา\"นายมั่นใจได้ยังไงวะว่าคุณรีน่าจะปลอดภัย? นี่มันยังเป็นฮ่องกงนะโว้ยไม่ใช้ญี่ปุ่นอย่าลืม\"
\"ก็คงไม่ปลอดภัย ถ้าตอนนี้ชาง ลียังอยู่ที่นี่ \"บริตวาผู้คุ้นเคยกับกลไกในองค์กรดีเริ่มแถลงไข\"แต่ตอนนี้มิสเตอร์ชางอยู่ที่มอสโค เรื่องนี้ขนาดคาวิลหรือบรั้คยังไม่รู้ \"
\"แต่นายรู้?\"
คนเล่ายิ้มเศร้าๆ\"จะให้ชั้นบอกไหมล่ะว่าทำไมชั้นถึงรู้ทุกอย่างที่มิสเตอร์ชางทำ?\"
คนถามชะงักกึก ก่อนจะยกมือขึ้นเชิงขอโทษขอโพย\"โทษทีๆ ลืมว่ะ ว่าต่อไป \"
\"และเรด ดราก้อนถือเป็นสำนักงานที่ใหญ่และสำคัญที่นึง ตอนนี้คนระดับสั่งการได้ก็ไม่เหลือ คนของชางคงวุ่นวายกันอยู่ ถ้าเราออกจากเกาะฮ่องกงได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงเราจะปลอดภัย แต่ถ้านานกว่านั้นคงอันตรายหน่อย\"
สิ้นประโยค เจ้าของปุจฉาค่อยๆก้มหน้าลงมองพื้นอย่างรู้ชะตากรรม ความใจหายพุ่งแปลบเข้ามาในหัวใจ\"ช้ากว่านั้นไม่ได้สินะ \"
เวลา ยิ่งอยากเหนี่ยวรั้ง ยิ่งผ่านไปเร็วเสมอ
เพื่อนร่วมทีมที่เหลือมองสีหน้าซึมๆของชายหนุ่มชั่วครู่ ก่อนจะเงยขึ้นมองหน้ากันแล้วตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง\"เฮ้ย บริต นายไม่ไปส่งคุณรีน่ากับเราจริงๆเหรอวะ?\"
เจ้าของชื่อส่ายหน้าพลางยิ้มบางๆ\"ไม่ล่ะ วันนี้ชั้นมีธุระ \"
คู่สนทนาเหลือบมองฟ้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเหลือบไปเห็นปฏิทินบนผนัง\"อาฮะ ธุระสำคัญซะด้วย \"
อยู่ๆชายหนุ่มกลับเปลี่ยนคู่สนทนากลางอากาศเสียอย่างนั้น\"เฮ้ อาเดี้ยน \"เขาเรียกชื่อสั้นๆ อันมีน้อยคนนักที่จะเรียกได้ และนั่น ทำให้อีกฝ่ายหลุดจากภวังค์ความคิดตนเองขึ้นมา
\"หา ว่าไง?\"
มิคาอิลก้มลงจ้องแววตาของคู่สนทนานิดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะในคอราวกับกุมความลับสำคัญอะไรไว้อย่างเต็มกำลัง\"อยากรู้รึเปล่าว่ารีน่าจ้างชั้นเพราะอะไร?\"
ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย แต่แววตาที่ส่งมาบอกชัดว่าอยากรู้ไม่ใช่น้อย ผู้กุมความลับยิ้มพลางเลิกคิ้ว\"เพราะว่าเหงาไงล่ะ ขอบอกนะว่าคุณผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เค้ารู้หมดน่ะแหละว่าเราแต่ละคนเป็นคนยังไง มองตาแป็บเดียวความลับในหัวใจหายหมด ถึงเธอจะเก่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเพื่อนนี่
ภาพที่ทุกๆคนเห็นรีน่า คือนางพญาเชิดสนิทชนิดผู้ชายอกสามศอกดูด้อยค่า ทุกคนรอบข้างจึงคนหาสมาคมแบบเทิดทูนบูชามากกว่า หาคนที่จะปรับทุกข์เล่นหัวอย่างสนุกสนานที่เรียกว่า\"เพื่อน\"ไม่ได้ ชั้นไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ เธอเป็นคนบอกชั้น ตอนแรกเธอก็ไม่ได้มั่นใจอะไรว่าจะสามารถพึ่งพาอะไรชั้นได้รึเปล่า ชั้นเองก็สงวนท่าทีเห็นว่าเป็นนายจ้าง แต่พอปรับทุกข์กัน ชั้นก็เป็นอย่างที่เขาต้องการได้ ดังนั้น นายเลิกแปลกใจและมองชั้นด้วยสายตาประหลาดได้แล้ว ชั้นไม่แย่งสิ่งที่นายรักไปหรอกนะ\"
ประโยคผ่านๆง่ายๆเหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่พูดสะดุดใจคนฟังจนต้องย้อนถามซ้ำอีกครั้ง\"อะไรนะ?!\"
\"สะดุ้งเป็นปลาโดนช็อตเลยนะเฮ้ย \"ได้ทีขี่แพะไล่ มิคาอิลยิ้มเจ้าเล่ห์หน้าตากวนส้นสุดๆ\"ตาไม่บอดหูไม่หนวกใครเขาก็รู้เว้ยว่านายคิดยังไงกับเขา คิดให้ดีนะเพื่อนนะ ชั้นอุตส่าห์บอกไปแล้วว่าหัวใจของโฉมสะคราไม่ได้อยู่ที่ชั้น..\"
ฝั่งหนึ่งของโซฟา หนุ่มเพื่อนร่วมทีมที่นั่งฟังเงียบๆมานานหัวเราะกึกกับคำขนานนาม\"โฉมสะครา \"
\"ดังนั้น\"คนเล่าหาสนใจเสียงปูเสียงปลาไม่\"เลิกเถอะว่ะ อย่าเอาคำพูดง่ายๆทิฐิเก่าๆจำพวกเธอเป็นนายจ้าง เราเป็นลูกจ้าง แค่ร่วมงานกันชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จากกันไป มันน้ำเน่า ใช้เสียงหัวใจบอกสิวะ(\"ก็เน่าพอกัน \"เสียงคนจากอีกฝั่งโซฟาที่กลายเป็นมอญโพกผ้าไปเบรกไม่เลิก คนถูกเบรกถึงกับต้องหันมาท้า\"ต่อยกันหลังบ้านเลยมั้ย?\") อย่างตัวชั้นเองเป็นแค่เพื่อน ไปส่งเธอให้ถึงแอลเอตามที่ในสัญญาเขียนไว้ก็จบ เรายังเป็นเพื่อนกันต่อได้ แต่ชั้นไม่เคยคิดจะตามไปคุ้มครองเธอถึงที่ไหนๆของโลกถ้าไม่มีเงินรับจ้าง ไม่เหมือนนายนะโว้ย ทุกสิ่งที่นายทำ มันมาจากหัวใจ ไม่ใช่หน้าที่หรืออามิสนี่หว่า?
คิดให้ดี ชั้นขอเตือนอีกครั้ง เวลาน่ะ ยาวนานและรวดเร็วกว่าที่นายคิดไว้มากนัก \"
ความเงียบ เข้าปกคลุมอีกครั้ง ประโยคสุดท้ายที่ผู้เป็นเพื่อนกล่าวเตือนไม้ได้มีแววกะล่อนล้อเล่นเหมือนที่ผ่านมา ทุกสายตาหันมามองผู้อยู่ในวังวนแห่งการตัดสินใจอย่างจดจ้องราวกับอยากจะเห็นคำตอบที่อยู่ในใจ
เสียงฝีเท้าดังแทรกการสนทนาให้หยุดชะงักลงแค่นั้น สามทหารเสือเงยขึ้นมองผู้มาเยือนแล้วลุกขึ้นยืนเหมือนรู้หน้าที่ดี หัวหน้าโซนคาบสมุทรเกาหลีพยักหน้ากับบอดี้การ์ดทั้งสามเสียง่ายๆ
\"เอาล่ะ ไปกันเถอะ \"
บริตวายืนนิ่ง ปล่อยให้ทุกคนรอบกายเดินผ่านเขาไปโดยไม่ขยับตัวเหมือนยืนยันคำพูดของตัวเอง รีน่าหันมาสบตาชายหนุ่มที่เธอตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย หยั่งใจถามเป็นครั้งสุดท้าย
\"ไม่ไปส่งจริงๆหรอ?\"
คู่สนทนายิ้มพลางส่ายหน้า แววเย็นชาไร้ความรู้สึกละลายหายไปไหนไม่มีใครรู้ได้ ราวกับว่าตัวยาที่เขาได้รับเข้าไปจะออกฤทธิ์ละลายน้ำแข็งในจิตใจจนมลายไปหมดสิ้น\"ไม่ล่ะคุณผู้หญิง ผมบอกแล้ววันนี้ผมไม่ว่าง \"
\"นี่ \"คุณผู้หญิงกล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ\"เมื่อไหร่คุณจะเลิกเรียกชั้นว่าคุณผู้หญิงซะทีเฮอะ? พอได้แล้วนะ มันฟังดูยังไงไม่รู้ \"
อีกฝ่ายหัวเราะในคอเบาๆตามสไตล์\"จะพยายามครับ คุณผู้หญิง\"
อาการส่ายหน้าเหมือนยองยกธงให้เป็นสิ่งที่ได้ตอบกลับมา หญิงสาวแตะไหล่คู่สนทนาเป็นเชิงร่ำลาก่อนจะผละจากไป\"งั้น โชคดีนะบริต \"
บริต
น้อยคนนักที่จะเรียกได้อย่างสนิทใจ
เจ้าของชื่อมองตามหลังผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตนายจ้างด้วยแววตาส่องประกายลึกอยู่ข้างใน ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาผ่านสายลมโดยไม่มีใครได้รับรู้\"โชคดีเช่นกันนะ รีน่า \"
ห้านาที ถ้าเครื่องไม่เลท ก็น่าจะมาถึง
ชายหนุ่มลดนาฬิกาข้อมือลงด้วยความรู้สึกแสนจะหดหู่ ห้านาที งานของเขาจะสิ้นสุดลง เธอก็กลับสู่ถิ่นที่เธอจากมา เขาก็กลับไปล่องลอยอีกครั้ง ความสัมพันธ์จะกลายเป็นเส้นขนาน ทุกอย่างที่ผ่านมาทั้งหมด เวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน อีกสิบนาทีเท่านั้นที่มันจะกลายเป็นอดีตไปหมดสิ้น
เวลา รวดเร็วและเนิ่นนานทรมานเสมอ
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการจากลา เหมือนมีม่านอะไรบางอย่างขวางกั้นทั้งสองไว้ มิคาอิลนั่งมองสีหน้าเหม่อลอยที่ไม่เงยขึ้นมองกันเองแม้แต่แวบเดียวอย่างอึดอัด แต่จนใจนึกไม่ออกจริงๆว่าจะทำให้ทั้งคู่เงยขึ้นมาจากพื้นได้อย่างไรกัน ให้ตายสิ ไอ้การเป็นพ่อสื่อแม่ชักนี่ชั้นก็ไม่ถนัดซะด้วยสิ
R R R
อูย ตายล่ะหว่า เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูเบอร์แล้วหน้าแหยง มองซ้ายขวานิดหนึ่งก่อนจะยอมกดรับ\"เอ่อ ครับผม\"
\"มิคาอิล!!!\"
เสียงใสพ่นแว๊ดทันทีที่หูแนบโทรศัพท์ ทำเอาคนรับสะดุ้งผงะออกแทบไม่ทันแม้จะรู้ตัวอยู่แล้วก็ตาม\"ไหงบอกจะจ่ายต้นทบดอกไงยะ?!! รู้รึเปล่าไอ้อุปกรณ์ที่นายสั่งทำน่ะค่าต้นทุนเป็นหมื่น เอาไปใช้แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆอย่างงั้นหรอหา คราวที่แล้วก็ยังไม่จ่ายคราวนี้ยังเบี้ยวอีกนี่ไม่ต้องมีชีวิตอยู่เลยดีมั้ยฯลฯ \"
ชายหนุ่มตะครุบโทรศัพท์หน้าตาเลิกลั่กราวกับกลัวเสียงคนที่อยู่อีกฝั่งสายจะกระจายไปทั่วบริเวณ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงขอตัวและแยกออกไปเคลียร์กับเจ้าหนี้ ท่ามกลางสายตาของผู้เป็นเพื่อนที่ยอมเงยหน้าจากพื้นขึ้นมามองด้วยสายตาประหลาด\"โถ่..เซเรนจ๋า ฟังก่อนคืองี้..\"
ที่นั่งรอเครื่องบินเหลือเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น
สองหนุ่มสาวค่อยๆหันมามองหน้ากับด้วยความรู้สึกที่ ไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร(ซึ่งเป็นสิ่งที่อีกหลายวันต่อมาบริตวาหัวเราะหึๆแล้วอรรถาธิบายให้คนถามคลายกังขา\"แถวบ้านชั้นเรียกว่าเขิน \")แต่สิ่งที่รู้คือไอ้ที่วูบๆอยู่บนใบหน้านั้นลดความสามารถในการเจรจาลงไปได้อย่างมหาศาลเลยแฮะ
\"เอ่อ \"
ครั้งจะกล่าวออกมาก็ดันขึ้นพร้อมกันซะอีก อาเดียโร่ส่ายหน้าพลางลูบต้นคอตัวเองเผื่อไอ้อาการคำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้นมันจะเจือจางลงไปบ้าง ขณะที่คู่กรณีนั่งยิ้มรอฟังเหมือนให้โอกาสพูดก่อนอยู่กลายๆ
\"คือ คุณถึงแอลเอแล้วจะเอาไงต่อ?\"
\"ไม่รู้สิ อันดับแรกมิคาอิลคงลากชั้นเข้าโรงหนังฉลองการถึงบ้านอย่างปลอดภัย เขาบอกตั้งแต่รับมิชชั่นนี้มายังไม่ได้ดูเดอะลอร์ดฯเลย ไม่รู้จะเหลือโรงให้เข้ารึเปล่า \"
\"เหรอ \"
\"แล้วคุณล่ะ?\"
คู่สนทนากลืนน้ำลายพลางนิ่งคิดอนาคตตัวเอง\" ไม่รู้สิ พักร้อนมั้ง งานนี้จะว่าไปก็สาหัสสากรรจ์ไม่น้อย หรือไม่ก็ตามหาอะไรบางอย่าง\"
\"อะไรหรอ?\"
\"หัวใจตัวเองมั้ง \"
รีน่าก็รีน่าเถอะ เจอมุขนี้เข้าไปถึงแม้มันอาจจะไม่เกี่ยวกับตัวเธอด้วยซ้ำ แต่ก็อดสะดุดลึกๆในใจไม่ได้\"เหรอ \"หญิงสาวหัวเราะเหมือนพยายามเห็นเป็นเรื่องตลก แม้ในใจจะหวิวๆอย่างประหลาดด้วยสังหรณ์ส่วนตัวก็ตาม
\"ที่ไหนล่ะ?\"
\"แอลเอไง \"ถึงตรงนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าอะไรมาดลใจให้พูดออกไปเฉนนั้น แต่สิ่งที่ระลึกอยู่เสมอคือไม่ได้เสียใจเลยที่กล่าวคำนั้นออกไป\"ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะรู้ตัวรึเปล่า แต่ผมรู้แล้วกันว่าตอนนี้หัวใจของผมอยู่กับเขา รีน่า ถ้าคุณพบเขา ฝากบอกเขาด้วยว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน หรือรู้ตัวหรือเปล่าว่าหัวใจของผมอยู่กับเขา ขอให้เขาพึงระลึกไว้เสมอว่าถึงจะรังเกียจเดียดฉันท์หรือไม่ก็ตาม กรุณาอย่าทิ้งมัน ปล่อยให้มันอยู่ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าทิ้งมันไป มันก็คงจะไม่กลับมาหาผมอีกแล้ว ถ้ามันยังอยู่กับเขา อย่างน้อย ผมก็ยังรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน มันมีความสุขที่จะอยู่กับเขา มากกว่าอยู่อย่างเดียวดายอ้างว้างกับคนที่ไม่มีอะไรอย่างผม\"
แม้ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้ใกล้ชิด แต่แววตาวาววะวับจริงใจไร้การเสแสร้งก็ตรึงเธอให้อยู่ในภวังค์ราวกับเป็นอ้อมกอดบางเบาโอบล้อมกายเอาไว้\" ชั้นคิดว่าชั้นไม่ต้องบอก หัวใจที่ตามเขาไปทุกที่ก็คงจะป่าวร้องให้เขารู้สามเวลาอยู่แล้วล่ะ\"
เจอคำตอบแบบนี้ คนกำลังบิ้วท์อารมณ์ซึ้งๆถึงกับหัวเราะอย่างอดไม่ได้\"ครับ แต่บอกเขาหน่อยก็ดี ผมรู้น่าว่าเขาไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก \"
\"เที่ยวบินที TG850 \"เสียงประกาศถึงการมาเยือนของสายการบินที่รอคอยดังขึ้น เธอลุกขึ้นเตรียมเดินทางอย่างรวดเร็วเพราะรู้ดีว่าเครื่องบินไม่รอท่าเท่าใดนัก หากไม่มีมือของใครใครคนหนึ่งคว้าข้อมือไว้
\"นะครับ ผมฝากถึงเขาด้วย \"
ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่สัมผัสข้อมืออยู่ค่อยๆซึมเข้าไปถึงจิตใจอย่างรวดเร็ว คู่สนทนายิ้มบางๆให้กับสายตาอ้อนวอนรอคอยคำตอบก่อนจะพยักหน้า\"อื้ม ชั้นรับฝาก \"
แค่นี้แหละ
แค่คำเดียว ที่รอมานานแสนนาน
สีหน้าของคนได้รับคำตอบพลันเต็มตื้อไปด้วยความปิติและอะไรอีกหลายอย่างขึ้นมาพร้อมๆกัน จนเก็บอาการไว้ได้ลำบาก เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เจตนาดึงความสนใจอย่างเต็มที่ไม่ทำให้คนทำผิดหวัง ทั้งคู่หันไปมองผู้มาเยือนที่เลิกคิ้วเข้มเห็นมาแต่ไกลแล้วหยุดผายมือเชื้อเชิญผู้เป็นนายจ้างอย่างล้อเลียน
\"เชิญเสด็จสู่ราชยนตร์พะยะค่ะเจ้าหญิง \"
คนถูกเรียกว่าเป็นเจ้าหญิงหัวเราะให้กับคำขนานนามของอีกฝ่าย รอยยิ้มที่ให้กับผู้รับเป็นสหายแตกต่างกับที่ให้แก่เขาอย่างสิ้นเชิง เธอย่อลงนิดหน่อยเป็นเชิงรับมุขคู่สนทนา\"จ้า พ่ออัศวิน \"
แม้ทั้งคู่จะควงแขนเดินจากไป แต่อาเดียโร่กลับไม่รู้สึกผิดปรกติใดๆทั้งนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าแววตาที่เธอมองมิคาอิลไม่ใช่แบบที่เธอมองกับเขา ไม่ใช่ แบบที่เขาจะจดจำไปชั่วชีวิตก็ได้
มิคาอิลหันมาขยิบตาให้นิดหนึ่งทำนองว่า\"ใช้ได้นี่หว่า สำนวนขุนแผนใช่หยอก \"
ตั๋วเครื่องบินถูกยื่นให้กับพนักงานตรงหน้าปากอุโมงค์งวงช้าง ระหว่างที่กำลังถูกสำรวจพาสปอร์ตเป็นครั้งสุดท้ายเธอหันกลับไปมองเส้นทางที่จากมาช้าๆ
ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นอย่างที่คิดไว้
นึกแล้ว หญิงสาวยิ้มพลางหันไปรับเอกสารจากพนักงานตรงหน้า ความจริงเขาจะอยู่ตรงนั้นหรือไม่มันไม่สำคัญนักหรอก
แค่รู้สึกถึงหัวใจดวงหนึ่งที่อยู่กับเธอตลอดเวลาและไม่มีวันเลือนหาย..แค่นั้นก็พอแล้ว
ครืน
คลื่นลูกแล้วลูกเล่าเคลื่อนกระทบโขดหินเป็นระยะ ราวกับจะขับกล่อมหนึ่งดวงวิญญาณที่หลับไหลอยู่ตรงนี้นานนับอนันต์กาล ข้างป้ายหินอ่อน ลิลลี่สีกระดาษถูกรวยเป็นช่อเรียบๆแต่สวยงามและมีความหมาย ผู้นำมันมายืนมองภาพในป้ายหินอ่อนเหนือหลุมฝังศพคนที่เขารักที่สุดในชีวิตด้วยแววตาสงบ ไม่มีความอ้างว้าง ไม่มีความเย็นชา ไม่มีความโกรธแค้นใดๆเหลืออยู่
คุณพูดถูก
สิ่งที่ไม่ใช่ของเรา เราเหนี่ยวรั้ง ยึดถือไม่ได้
ความโกรธแค้น อดีต ความเจ็บปวดนั้นล่องลอยและไม่มีตัวตน ไม่ใช่สิ่งที่เราจะครอบครองได้ แต่ความทรงจำและความรัก
เราสามารถดูแลมันได้ แต่จะครอบครองมันไว้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับใจของเรา
แว่นใสในกระเป๋าถูกควักออกมาสวมอย่างง่ายๆ เงยขึ้นมองฟ้าราวกับจะให้มั่นใจว่าพระเจ้ายังดูแลเธออยู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก หันหลังให้กับพื้นหญ้า คลื่นลม แสงแดด กลับไปสู่ชีวิตในปัจจุบัน ไม่ใช่ในความทรงจำที่แสนงดงาม แต่เขาก็ไปได้ไม่นานหรอก
สักวันก็ต้องกลับมาอีกครั้ง ตามสัญญา
THE END
***
Special thank
D2B & artist of rs-promotion for character
Linkin park & soundtrack of mission impossible II & soundtrack of pirate of the Caribbean for soundtrack of Custodian devil
**ขอบคุณทุกๆท่านที่ทั้งคอมเมนท์และไม่คอมเมนท์ ขอบคุณทุกคะแนนและคำติชม ขอบคุณท่านโบว์(เชื่อว่าท่านอ่านมาจนถึงตรงนี้แน่)สำหรับคำปรึกษาที่ดีตลอดมา ขอบคุณท่านmorogcoที่เชียร์บริตวาจนออกนอกหน้า(ใจเดียวกันกับคนเขียน ฮ่า^^) ขอบคุณท่านอื่นๆที่ข้าบาทมิได้กล่าวขานเรียงนาม นั้นเป็นเพราะความจำอันน้อยนิดของข้าบาทหาใช่จิตใจไม่ ขอบคุณผีนิยายทั้งหลายที่เข้ามาอ่านโดยไม่โผล่ออกมาจากมุมมืด แต่เชื่อแน่ว่าทุกคะแนนที่อยู่ข้างบนมาจากท่านไม่มากก็น้อย และที่สำคัญคือทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ คำพูดมิอาจเสนอสิ่งที่อยู่ภายในจิตได้ทั้งหมด แต่คนเขียนอยากบอกทุกท่านอกครั้งว่า ขอบคุณทุกท่านจริงๆm(_ _)m
marvolo
เอี๊ยด!!!
รถแวนสีนิลเงาวับลากเบรกดักหน้าทั้งคู่จนชะงักกึกกลางลานจอดรถ แต่พอประตูรถเปิดออกมา
\"ซากิ!\"
\"ขึ้นรถอย่างด่วนครับคุณหนู!\"
ไม่ต้องอธิบายมากมาย หนึ่งนายจ้างและผู้คุ้มกันพลันกระโจนขึ้นพาหนะคุ้มภัยแล้วกระชากปราการปิดแน่น ก่อนคนขับรถจะกระแทกคันเร่งกระโจนหนีอริราชมาได้อย่างหวุดหวิด โดยมีลูกตะกั่ววิ่งกรูตามมาไม่ขาดสาย
ครู่หนึ่ง จนถึงระยะที่ปลอดภัย รีน่าหันไปมองคนสนิทของหัวหน้าโซนคาบสมุทรเกาหลีแล้วพูดเข้าประเด็นสำคัญทันที\"ซากิ เพื่อนชั้นยังอยู่ข้างในเราต้องกลับไปช่วยเขา!\"
\"อย่าเพิ่งครับ อย่าเพิ่ง \"ก่อนผู้เป็นนายจะโวยวายไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัยรีบยกมือขึ้นห้ามปราม\"ตอนนี้ให้ถึงเซฟเฮ้าส์ก่อนครับ คุณโทยะรออยู่ที่นั่น \"
\"แต่ \"
\"ให้ถึงที่ปลอดภัยก่อนครับ!\"
หญิงสาวชะงัก สูดหายใจลึกอย่างพยายามอดกลั้นความรู้สึก ว่าจะคำรามออกมาเบาๆ\"ชั้นเกลียดคำนี้ที่สุดเลย \"
เธอไม่รู้ตัวเลยว่า แววตาของใครบางคนที่มองทุกอากัปกิริยาอยู่ข้างกายนั้น ส่องประกายประหลาดลึกอยู่ภายใน ด้วยความรู้สึก ที่แม้แต่เจ่าตัวเองยังไม่เข้าใจ
\"ไม่ครับ! ทุกอย่างจบแล้ว เราได้ตัวคุณหนูแล้ว ต่อไปคือเราต้องพาคุณหนูกลับแอลเอให้เร็วที่สุดแค่นั้นพอ!!!\"
\"โทยะ นี่คือคำสั่งของชั้น!\"คัดค้านไปเถอะ มีรึคุณหนูรีน่าจะยอมง่ายๆ\"จัดกำลังคน บุกเรดดราก้อน เป็นประกาศิตเด็ดขาดเข้าใจไหม!\"
\"คุณหนูครับ \"น้ำเสียงของผู้มีอำนาจน้อยกว่ามีความลำบากใจปนอยู่มหาศาล\"แค่นี้ก็อันตรายสุดกู่แล้ว เราไม่มีทางจะเสี่ยงอะไรไปมากกว่านี้ แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปสู้กับบอสเคแล้วครับ \"
\"แต่เพื่อนชั้นยังอยู่ข้างในนั้น! และชั้นจะไม่มีวันไปไหนจนกว่าชั้นจะเห็นกับตาว่าเค้าออกมาจากตึกนรกนั่นได้อย่างปลอดภัย! อาเดียโร่!\"เธอเริ่มหันหาแนวร่วม ที่สีหน้าตอนนี้ก็ดูไม่ต่างจากโทยะ เรย์สักเท่าใดนัก\"พูดอะไรมั่งสิ!\"
บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจเฮือก ราวกับมีอะไรหนักๆกดปอดเขาไว้ยังไงยังงั้น\" งานพวกผมเสร็จสิ้นแล้วครับ คุ้มกันคุณจนถึงที่ๆปลอดภัย บอดี้การ์ดมีหน้าที่เพียงเท่านี้\"
หญิงสาวคอแข็ง จ้องคู่สนทนาตาค้าง สีหน้าราวกับเพิ่งได้ยินคำสบถผรุสวาทที่หยาบคายที่สุดในโลก ขณะที่หัวหน้าโซนคาบสมุทรเกาหลีเองยังไม่ละความพยายามในการเกลี้ยกล่อม\"เขาพูดถูกนะครับคุณหนู ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของพวกผมเองที่จะต้องปกป้องคุณหนู และผมคงไม่ยอมให้คุณรีน่าทำอะไรเฉียดเป็นเฉียดตายอย่างนั้นอีกเป็นอันขาด เรื่องเพื่อนคุณหนู เดี๋ยวผมจะส่งสายเข้าไป \"
ปัง! ลูกสาวของมิสเตอร์เคผู้แสนบอบบางและอ่อนโยนกระแทกฝ่ามือฟาดลงบนโต๊ะตรงหน้าคู่สนทนาจนสะดุ้งไปตามๆกัน\"คิดว่าแค่นั้นพอเหรอ! ฟังไว้นะคุณโทยะ เรย์ ชั้นเสียเพื่อนไปสองคนแล้วนะในการเดินทางครั้งนี้ ทุกคนเสียสละเพราะต้องการให้ชั้นปลอดภัย และตอนนี้ บัดนี้ ชั้นมีกำลัง มีอำนาจ มีพลังพอที่จะช่วยเขาออกมาได้ คุณคิดว่าชั้นนิสัยทรามพอจะทิ้งคนที่เสียสละเพื่อชั้นไว้เบื้องหลังอย่างงั้นหรอ? ชั้นทำตัวเป็นตัวซวยมามากพอแล้วโทยะ และชั้นจะไม่ยอมอยู่เฉยๆดูเพื่อชั้นล้มหายตายจากไปต่อหน้าต่อตาอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม!\"
อนาคตบอสใหญ่แห่งราชิต กรุ๊ปหอบหายใจแฮ่กหลังจากพูดออกมาเป็นชุดโดยไม่หยุดพัก ก่อนจะยืดตัวยืนเต็มความสูงอย่างสง่างามสมกับเป็นนางพญาอักครั้ง เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วสำหรับอาเดียโร่
\"ก็ได้ พวกคุณจะยืนดูอยู่เฉยๆในกระดองหลังนี้ก็เอานะ แต่สำหรับชั้น! \"เช็คเปล่าไม่ลงตัวเลขแต่สลักลายเซ็นเรียบร้อยถูกวางอยู่ตรงหน้าผู้คุ้มกันอิสระด้วยอาการกระแทกโครม\"ชั้นจ้างคุณ อาเดียโร่ คุ้มกันชั้นงานนี้งานเดียวเท่านั้น ส่วนพวกคุณที่เหลือชั้นไม่แคร์แล้ว!\"
สมาชิกจากฝั่งญี่ปุ่นทำหน้าเหวอ คนถูกจ้างใหม่สดๆร้อนๆมองเช็คบนโต๊ะอย่างอึดอัดใจ เงินขนาดไหนไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขา แต่ชายหนุ่มรู้ดีด้วยว่าเอาจริงแน่ ไม่มีใครสามารถห้ามคุณเธอได้
ตามไปช่วยให้เห็นกับตาว่าปลอดภัยจริงน่าจะสบายใจกว่า
\"ครับผม \"
อาเดียโร่คว้ากระดาษบนโต๊ะพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เดินตามผู้ว่าจ้างที่สืบเท้าสวบๆไปอย่างไม่แยแสสิ่งรอบข้างเงียบๆ ปล่อยให้ชาวราชิตกรุ๊ปที่เหลืออึ้งไปตามๆกัน
ซากิหันมาขอความเห็นกับผู้เป็นหัวหน้าอย่างประหวั่นใจ\"เอาไงดีครับท่าน?\"
เสียงเครื่องยนต์สตาร์ทวิ่งห่างออกไปแล้ว โทยะถอนหายใจเฮือก มือหนึ่งลูบขมับ มือหนึ่งสะบัดไล่เหมือนจะบอกกลายๆว่า\"เอาวะ ไปไหนก็ไป \"
คู่สนทนาทำหน้าปูเลี่ยนๆ หันไปตะโกนสั่งงานลูกน้องแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ผู้เป็นหัวหน้านั่งกุมหัวประสาทต่อไปอยู่คนเดียว ท่ามกลางความเงียบ เสียงของเขาแม้บ่นพึมพำก็ได้ยินชัดเจนเลยทีเดียว
\"แล้วตูจะบอกบอสเคยังไงดีวะเนี่ย? \"
ซู่
เอทิลแอลกอฮอล์เป็นถังถูกราดผ่านร่างอันโงนเงนและบาดแผลนับไม่ถ้วนสู่พื้นห้อง ความเย็นสะท้านบวกความปวดแสบทรมานราวกับเอาใบมีดโกนน้ำแข็งคมกริบเฉือนลงไปถึงกระดูกฉุดกระชากสติสัมปะชัญญะที่ร่ำๆจะเลือนหายให้ยังคงอยู่แม้จะเบาบางก็ตามที
กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์กระจายคละคลุ้งทุกอณูอากาศ หยาดน้ำสีแดงที่เกิดจากการผสมกันของโฮโมโกรบินและน้ำยาฆ่าเชื้อวิ่งไล่เรียงลงมาตามท่อนแขนที่ถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ก่อนหยดลงกระทบแอ่งน้ำเล็กๆบนพื้นกระเบื้องขาว สร้างวงคลื่นแข่งกับหยดอื่นๆจากทุกส่วนของร่างกาย
ใต้แสงนีออน นาฟวางถังน้ำไว้ข้างๆตัวแล้วยืนเงียบๆ ขณะที่ผู้เป็นนายเดินวนซ้ายวนขวาราวกับชะมดติดจั่น รังสีความหงุดหงิดพลุกพล่านฉายจรัสออกจากแววตาทั้งสองข้าง ถึงแม้จะใจเย็นขนาดไหน ก็ทนได้ยาก
ทั้งซ้อม ทั้งขู่ ทั้งหว่านล้อม ทำอยู่อย่างนี้มานานเป็นชั่วโมง ไอ้บ้านี่มันก็ไม่ยอมพูดอะไร พานท้ายปืนลูกซองที่โชกไปด้วยโลหิตจากร่างไร้ทางสู้ตรงหน้าถูกขว้างทิ้งไปตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วแล้วด้วยโทสะในหัวใจ จะยอมให้มันหมดสติก็ไม่ได้
เพราะเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมา น้ำเสียงราบเรียบเย็นๆของผู้ทรงอำนาจกว่าสั่งการผ่านคลื่นโทรศัพท์มา และเป็นคำสั่งที่ทำให้คนใจร้อนวู่วามอย่างเขาถึงกับแทบคลั่ง
\"ผมรู้จักเขา คุณคาวิล ผู้มั่นใจว่าเขารู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เราต้องการตัวอยู่ที่ไหน คุณอย่าลืมนะว่าคุณยังไม่ได้ข้อมูลและความลับเกี่ยวกับสารเสพย์ติดตัวนี้มาให้ผม ซึ่งคนที่รู้ดีที่สุดก็คือรีน่า ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คุณ ต้องพาลูกสาวของเค ราชิตมาให้ผมให้ได้ซะก่อน ซึ่งคนที่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนก็คือเขาคนที่อยู่ตรงหน้าคุณเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอกนะ
คนๆนี้คือแบบทดสอบ ถ้าคุณสามารถหาวิธีให้เขาพูดในสิ่งที่เราต้องการได้ โดยที่เขาไม่สิ้นสติหรือตายไปก่อน ผมถึงจะรับคุณเข้าองค์กรของผมได้ แต่ถ้ามันไม่เป็นตามนั้น ต่อให้คุณเอาตัวรีน่า ราชิตมาให้ผมได้ คุณก็ไม่มีสิทธิเป็นสมาชิกขององค์กร คนที่ทำงานเล็กๆแบบนี้ยังทำไม่ได้ คุณก็รู้ดี ว่าเราไม่มีโครงการเลี้ยงพวกไร้ประโยชน์!\"
เพราะเหตุนี้ เพราะคำสั่งงี่เง่าๆนี่ ทำให้เขาต้องหาทุกวิถีทางที่จะให้ไอ้เวรนี่ยังมีสติอยู่ตลอดเวลา เริ่มแรกคือคอยราดด้วยน้ำเย็นเมื่อท่าทางโงนเงนเต็มที เปลี่ยนมาเป็นน้ำเย็นปนน้ำแข็ง น้ำมันก๊าด และถึงบัดนี้ต้องใช้ระดับแอลกอฮอล์อันเป็นสารที่อุณหภูมิต่ำที่สุดแล้วในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อกระตุ้นประสาทอันอ่อนล้าแทบจะไร้การรับรู้ใดๆ
แต่ทุกอย่างยังเป็นศูนย์ สติไม่ขาดก็จริง แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลหลุดออกมาจากปาก ที่จริงคือ ไม่ง้างขากรรไกรเสียด้วยซ้ำ
\"ชั้นไม่รู้หรอดนะ ว่าแกเป็นใคร มาจากไหน และทำไมมิสเตอร์ชางถึงรู้จักแก \"
คาวิลทรุดกายลงตรงหน้า แววตาอันเต็มไปด้วยประกายแห่งความโกรธ ฉุนเฉียว กดดันประสานกับสายตาของคนที่แม้สติจะรับรู้อยู่เพียงครึ่งๆกลางๆ แต่ยังคงความเยือกเย็นว่างเปล่าอันเป็นสัญลักษณ์ไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้เศษเสี้ยว
\"แต่ชั้น อยาก เตือนแก เป็นครั้งสุดท้าย แกจะยอมบอกว่า ยัยคุณหนูนั่นอยู่ที่ไหน หรือว่า \"
ไลเตอร์ในกระเป๋าถูกควักออกมาจรดอยู่ปลายคางเป็นเชิงข่มขู่ แต่ดูท่าคู่สนทนาจะมิได้แยแสกับลูกไม้ใหม่ที่ใช้เลยด้วยซ้ำ เพราะสายตายังจับจ้องอยู่ที่คนขู่โดยไม่เหลือบไปมองวัตถุอันตรายที่จ่ออยู่แม้แวบเดียว
และมองด้วยแววตาไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความคิด ไม่มีอารมย์ ไม่มีอะไรทั้งนั้น
ราวกับไม่ใช่แววตาของมนุษย์
\"อยากตายนักใช่ไหม!\"
เพล้ง! ขวดบรั่นดีอย่างหนาบนโต๊ะข้างๆพลันแตกสลายไปตามแรงเหวี่ยงของเจ้าของห้อง เศษแก้วกระจายตกกระทบแอ่งน้ำสีแดงจางๆบนพื้นตามกฎแรงดึงดูด ใต้ไรผมผู้เป็นเชลย หยาดโลหิตสีคล้ำที่เคยหยุดไหลไปชั่วครู่หนึ่งเริ่มวิ่งไล่ลงมาตามโครงหน้าช้าๆ หยดลงบนคมเศษแก้วเบื้องล่าง ก่อนจะละลายเจือจางไปกับแอ่งน้ำรอบๆ
นาฟกระเดือกอะไรบางอย่างลงคออย่างฝืดฝืน
อดีตหัวหน้าโซนของราชิตกรุ๊ปหอบหายใจหนักด้วยโทสะจริตพวยพุ่งในฤทัย ต่างจากต้นเหตุที่ลมหายใจแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงเหมือนพร้อมจะฟุบลงแน่นิ่ง ณ วินาทีใดก็ได้ คาวิลกำไลเตอร์ประจำตัวแน่นราวกับจะให้แหลกลาญลงคามือ ก่อนตัดสินใจเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างเก่า
\"ก็ได้ แกจะยังหุบปากเงียบอยู่ก็ได้ วันนี้เป็นวันที่แกโชคดี นาฟ!\"
เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เกือบดึงตัวเองออกจากภวังค์ไม่ทัน\"ครับนาย\"
\"เอาปืนฉีดยามา \"
มือปืนคนสนิทถึงกับชะงักกึกเมื่อได้ยินคำสั่ง\"นายครับ มิสเตอร์ชางอนุญาตให้ใช้มัน \"
\"ถ้ายังถามซอกแซกอีกแกจะได้กินลูกตะกั่วเป็นอาหารเย็น!\"
เจอไม้นี้ ต่อให้คิดคัดค้านในใจขนาดไหนก็หาญกล้าท้วงติงไม่\"ครับ \"
ปึก กระเป๋าหนังถูกเปิดออกอีกครั้ง มือปืนหนุ่มหยิบหลอดบรรจุยาเสพย์ติดใสแจ๋วราวกับน้ำฝนบริสุทธิกดลงล็อกในตัวกระบอกปืน เหลือบมองผู้บัญชานิดหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยื่นให้แต่โดยดี
อุปกรณ์ในการฉีดสะท้อนอยู่ในแววตาอันแสนสะลึมสะลือ ผู้ที่เหนือกว่าทรุดลงนั่งข้างๆ ยื่นวัตถุในมือขึ้นให้ดูชัดๆพร้อมกับยิ้มแยกเขี้ยว ดูไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้าย
\"คราวที่กรุงเทพ ชั้นไม่ได้เห็นผลของมันกับตา แค่อยากลองทำอย่างที่บรั้คมันเสนอแค่นั้น แต่คราวนี้ ชั้นไม่รู้จะดีใจดีรึเปล่า ที่มีคนเดินมาให้ทดลองฟรีๆ แต่อย่างไรเสียชั้นจะบอกชะตากรรมแกให้รู้ไว้นะ เพราะจากนี้ไปแกคงไม่มีสติสัมปชัญญะพอจะฟังชั้นรู้เรื่องได้ ส่วนตัวชั้นไม่เชื่อหรอกนะ ว่าๆไอ้พวกราชิตกรุ๊ปหรือว่าเพื่อนคนไหนของแกจะยอมเดินเข้ามาขึ้นเขียงอย่างที่แกทำ สิบนาทีหลังจากนี่ หลังจากยาออกฤทธิ์เต็มที่ ชั้นคงจะใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบวินาทีในการเอาข้อมูลที่ชั้นอยากได้ แต่หลังจากนั้น แกคงเห็นเพื่อนตัวแสบของแกยืนยิ้มต้อนรับอยู่บนรถด่วนลายคราม ฝากบอกมันด้วยนะ ว่าอย่าเพิ่งไปไหน \"
ฉึก! น้ำในกระบอกปืนพุ่งปราดแทรกเข้าไปในเส้นเลือดดำบนต้นแขนที่ถูกล็อกตรึงไขว้หลังพนักเก้าอี้ไว้อย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้ออันไร้เรี่ยวแรงพลันกระตุกสะดุ้งตามฤทธิ์ของสารเคมีที่ผ่านผิวหนังเข้าไป ส่งผลให้ระบบหายใจสะดุดเล็กน้อยไปตามกัน
ความปวดชาแปลบปลาบราวกับมีประจุไฟฟ้านับร้อยวิ่งตามเส้นโลหิตขึ้นมา กระจายแพร่ไปทั่วทั้งร่างกายโดยไม่รีบร้อน ก่อนที่มันจะค่อยๆหายไป ความอบอุ่นผ่านคลายอันไร้ที่มาค่อยๆซึมผ่านทุกอณูอากาศ ละลายความเจ็บปวดรวดร้าวให้มลายหายไปทีละน้อย แต่สมองกลับมึนงง ล่องลอยไร้การบังคับตนเองเกือบสิ้นเชิง ภาพรอบกายเหมือนกับถูกกลืนด้วยแสงสว่างจ้า จนสุดท้าย ทุกอย่างก็มีเพียงความว่างเปล่า และความรู้สึก เหมือนกำลังจมลงไปในมหาสมุทรช้าๆ
\"อยู่รอนายจ้างแกก่อนแล้วกัน \"
เสียงบาดลึกสะท้อนอยู่ไกลๆ ก่อนจะหายไปในความรู้สึก สมาชิกคนใหม่ขององค์กรยืนขึ้นมองใบหน้าก้มนิ่งเหมือนน็อกไปเรียบร้อยแล้วด้วยสายสาเหยียดหยันปนๆกับความคลางแคลงอันเป็นอนุสัยส่วนตัวไปแล้ว ขณะที่ลูกน้องคนสนิทเหลือบมองนาฬิกาพลางกล่าว
\"ออกไปก่อนเถอะครับนาย รอซักสิบนาทีแล้วเราค่อยกลับเข้ามาใหม่ ถึงตอนนั้นคงได้เรื่องแล้วล่ะ\"
คาวิลยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะหันหลังให้ทุกสิ่งในห้องอย่างไม่แยแส
5 4 3 2 1
ปี๊บ
บึ้ม!!!!!!!
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่นั่งพิงลูกซองคู่กายตัวเองอยู่ในป้อมสะดุ้งเฮือก มองภาพรถจากัวร์ราคาหลายสิบล้านของคนระดับผู้บริหารบริษัทชิ้นส่วนกระจัดกระจานไฟลุกท่วมอย่างสวยงามด้วยดวงตาเบิกค้าง
\"อะไรวะ?!\"
บึ้ม!!
รถยนต์อีกคันข้างๆที่ราคาคงไม่ทิ้งห่างกันมากนักต้องสะเก็ดไฟจนถังน้ำมันระเบิดเสริมบารมีตามมาติดๆ เขาได้แต่หมอบหลบสะเก็ดลูกหลงที่อาจจะกระเด็นเข้ามาในป้อมด้วยความตื่นตระหนก ยกวิทยุขึ้นรายงานไปยังคนอยู่ภายในอาคารน้ำเสียงละล้าละลักทำอะไรไม่ถูก ขณะที่รอบกายเต็มไปด้วยความโกลาหนและเสียงโวยวาย
\"ฉุกเฉิน ฉุกเฉิน ระเบิด! มีการวางระเบิดที่ลานจอดรถ! ระเบิด! มีระเบิด!\"
บึ้ม! คันที่สามประกาศศักดาบ้าง ท่ามกลางฝูงชนแตกตื่นและฝูงพนักงานรักษาความปลอดภัยวิ่งสวนกับมือปืนขององค์กรไปมาดูอลหม่าน อาคันตุกะปริศนาที่เดินฝ่าความวุ่นวายเข้าไปกดลิฟต์ขึ้นชั้นบนซะดื้อๆแม้จะเด่นสง่าอยู่ตำตา
แต่กลับไม่มีใครใส่ใจเท่ากับพาหนะราคารวมกับหลายล้านที่กำลังวอดวายไปเรื่อยๆเลย
อีกมุมหนึ่งของออฟฟิศ ชั้นเจ็ด
\"ดับไฟให้เร็วที่สุด รถคันอื่นที่ยังไม่โดนให้ขนย้ายออกไปก่อนอย่างด่วน ฉีดโฟมไว้ พยายามอย่าเข้าใกล้กองเพลิงถ้าไม่จำเป็น\"คาวิลกรอกคำสั่งใส่เครื่องมือสื่อสารในมือ แข่งกับเสียงสปริงเกอร์ฉุกเฉินเหนือหัวที่พ่นน้ำลงมาราวกับฝนหลวง ก่อนจะเก็บมันเข้าซองข้างเอว แววตาใต้ละอองน้ำหรี่ลง ส่องประกายประหลาดราวกับสุนัขล่าเนื้อ
\"มันมาแล้วครับนาย \"นาฟเอ่ยเบาๆกับผู้มียศสูงกว่าเหมือนยืนยันความคิดตัวเอง
\"อุกอาจ อุกอาจจริงๆ งานนี้เป็นงานที่ชั้นพบกับศัตรูที่งี่เง่าที่สุด \"คู่สนทนารำพึงกับตัวเองด้วยประกายเนตรวาวโรจน์
\"จับรีน่ามา นอกนั้นฆ่าทิ้งให้หมด!\"
สิ้นคำประกาศิต ผู้ใต้บังคับบัญชาพลันสลายแยกย้ายไปทุกซอกหลืบของเรด ดราก้อนทันควัน คนสั่งหัวเราะหึๆ ฟังดูเหมือนเสียงคำรามของหมาป่าหิวโซอย่างไรอย่างนั้น\"ชั้นบอกตรงๆนะนาฟ ความคิดแกคราวนี้ชั้นประทับใจจริงๆ \"
คนถูกชมยิ้มรับ หากแต่แววตาหรี่ลงเล็กน้อย\"ผมแค่อยากโชว์ให้ทุกคนเห็นครับว่า ลูกน้องที่ดี ไม่ได้มีแต่ไอ้บรั้คเสมอไป \"
หลังบานประตูของห้องที่อยู่ไม่ไกลนัก แอ่งน้ำสีแดงกระเพื่อมหนักจากหยดน้ำบนเพดาน ค่อยๆเจือจางสีลงไปทีละน้อย ประพรมบนร่างที่ท่อนบนเปลือยเปล่าและถูกห่อหุ้มด้วยบาดแผลรอยบอบช้ำมากมาย หยดน้ำเกาะพราวบนใบหน้า ไรผม เรือนกาย
มิสามารถดึงเขาขึ้นมาจากภวังค์ได้
\"บริตวา \"
น้ำเสียงอ่อนโยน จากที่ไหนสักแห่งรอบกาย ผลักดันเปลือกตาหนักอึ้งให้เปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นแววตาของใครบางคนลอยเด่นอยู่ตรงหน้า
\"ไปทำอะไรมา? หลับเป็นตายเลยนะ?\"ผู้เรียกเขาออกจากนิทรากระเซ้าพลางหัวเราะเบาๆ ใบหน้าสวยหวาน ดูอ่อนต่อโลกเมื่อเติมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะลงไป ก็ราวกับโลกสว่างไสวมิมีคำว่ารัตติกาลกระนั้น
ชายหนุ่มยิ้มตอบบางๆ รู้สึกอยากหยุดเวลาตรงนี้ไว้ให้แสนนาน\"ไม่มีอะไรหรอก ช่วงนี้มันยุ่งๆ เหนื่อยหน่อย ไม่ค่อยได้นอน เจอบรรยากาศเย็นๆสงบๆเลยหลับไป\"บริตวาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ทำให้เหลือที่ว่างมากพอให้หญิงสาวร่างบางข้างกายได้นั่งสบายๆ\"มิซซาเสร็จแล้วเหรอ?\"
เธอพยักหน้า รอยยิ้มยังไม่จางไป\"ตั้งนานแล้ว เห็นหลับบนเก้าอี้สาธารณะได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยยืนมองอยู่ครู่ใหญ่แล้วล่ะ\"
อ้าว ตายแล้ว คู่สนทนาทำหน้าเหวอนิดหนึ่ง ก่อนยิ้มแหยงๆก้มหัวเชิงขออภัย\"โทษที ผมไม่รู้ \"
\"ช่างเถอะ ว่าแต่เป็นอะไรรึเปล่า ช่วงนี้ดูเหมือนไม่ค่อยสบายนะ \"ฝ่ามือบอบบางที่มักหมั่นประสานขอพรกับพระเจ้าเสมอเอื้อมมาแตะไหล่อย่างห่วงใย แต่ผลที่ได้คืออีกฝ่ายกลับสะดุ้งเฮือก
\"ขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่า!?\"
\"เปล่าๆๆ \"คนเจ็บปฏิเสธทันควัน เพราะสำหรับเขาสีหน้าเป็นกังวลของผู้หญิงตรงหน้าชวนเจ็บปวดมากกว่าแผลเล็กน้อยนี่ด้วยซ้ำ
\"ไปโดนอะไรมาเนี่ย?\"
\"คือ อุบัติเหตุน่ะ กรรไกรตัดซองจดหมายมันบาดเอา \"ชายหนุ่มยิ้มไร้แววเสแสร้ง แนบเนียนชนิดคนที่สนิทกับเขาที่สุดอย่างเธอยังมิอาจรับรู้ได้
ความจริงคือประดาบวัดระดับกับบรั้คแล้วพลาดนิดหน่อย แต่ใครจะบอกอย่างนั้นเล่า?
แต่หญิงสาวท่าทางจะยังไม่คลายกังวลเอาง่ายๆ\"ขอดูหน่อยนะ\"
\"ผมไม่ \"ชายหนุ่มทำท่าจะคัดค้าน แต่เมื่ออีกฝ่ายเลิกแขนเสื้อขึ้นสูง เผยให้เห็นผ้าก็อตขาวมีรอยแดงเปื้อนอยู่บางจุดถูกพันรอบหัวไหล่เรียบร้อยสวยงาม คนที่อยู่กับมิชชันนารี่มานานพอที่จะซึมซับความรู้การแพทย์มานิดหน่อยจึงถอยหายใจอย่างโล่งอก
\"แล้วไป นึกว่าไม่ยอมไปหาหมอเหมือนคราวที่แล้ว\"เธอเงยขึ้นมองคนข้างๆ แต่ก็ต้องชะงักนิดหนึ่งเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจกระทบใบหน้าแผ่วเบา เพราะคนเจ็บหันมายื่นหน้าดูในระยะกระชั้นชิด ชนิดปลายจมูก ห่างกันเพียงกระดาษบางกางกั้น ประกายวิบวับในดวงตาทั้งสองข้าง ราวกับกำลังร่ายมนต์อะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกวูบๆข้างในหัวใจ ไอร้อนแผ่ระเรื่อบนใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้
\"ไม่ใกล้ไปหน่อยเหรอ \"เธอกระซิบแผ่วเบา ใช่ว่ารังเกียจอะไร แต่ไออุ่นจากลมหายใจแวะดวงตาวิบวับตรงหน้านี่ชวนให้การเต้นของหัวใจทำงานผิดปกติจนน่ากลัวทีเดียว
อีกฝ่ายทำหน้าเหวอนิดหน่อย แต่แววตาไม่ได้เป็นไปด้วยเลย\"หรอ \"ดูพ่อเจ้าประคุณแกพูดเข้า ก่อนจะยิ้มล้อๆกับอาการแก้มแดงระเรื่อบนใบหน้าอ่อนโยน\"ผมว่าตอนคุณเขินนี่น่ารักออก \"
\"ไม่ต้องเลย \"คู่สนทนาทำท่าจะฟาดฝ่ามือเบาๆลงบนแผล หากแต่ชายหนุ่มกลับขยับหลบห่างออกไปพลางหัวเราะร่วน\"แกล้งกันนี่ ทำไมถึงชอบมีแผลโน่นแผลนี่มาฝากตลอดล่ะ?\"พยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย เผื่อไอร้อนๆบนใบหน้าจะจางหายไปบ้าง
\"ผมมันคนเอ๋อครับ แถมชอบซุ่มซ่ามเฉี่ยวโน่นเตะนี่ประจำ \"บริตวาอธิบายสั้นๆแต่เห็นภาพชัดแจ๋ว
\"วันนี้ว่างเหรอ?\"
\"ทั้งเดือน ก็ว่าง วันเดียว\"เขายิ้มเหมือนไม่ทุกข์ร้อนใจมากนัก\"วันนี้ไปกับผมนะ เพราะอีกนานเลยกว่าผมจะว่างอีกที\"
หญิงสาวยิ้มจริงใจ ทำเอาคนที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไหร่แทบลอยละล่องเป็นปุยนุ่นอย่างร่ำๆ\"ได้สิ \"
\"ฮ่องกงไม่ค่อยมีอะไรมาก เพราะแทบจะมีแต่ปูนปูเต็มเกาะไปหมด \"คู่สนทนาเปรยพลางมองดูรอบๆกาย\"หลิน ผมจะพาไปที่ๆพระเจ้าจะมองเห็นคุณชัดเจนที่สุด \"
ยังไม่ทันที่เจ้าของชื่อจะเข้าใจในคำพูดเท่าใดนัก ก็เป็นอันต้องโวยวายเล็กๆอีกครั้งเมื่อเขาพาดผ้าผูกตาอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วลุกขึ้นจูงมืออย่างสุภาพไปยังรถที่จอดรอไว้ เธอเองแทนที่จะตกใจ กลับก้าวเดินตามทางที่เขาพาไปทุกฝีก้าว
อย่างสนิทใจ
BMWสีนิลเงาวะวับถูกเปิดประตูออกต้อนรับผู้มาเยือนที่แม้จะปิดตาไว้ แต่ก็พอสัมผัสได้ว่าเป็นประตูรถ ถึงจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น แต่เจ้าของรถกลับก้มศรีษะให้ราวกับอัศวินทำความเครพเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์อย่างล้อเลียน ก่อนจะปิดประตูอย่างสุภาพ ยืนมองคนในรถด้วยสายตาประหลาด
เจ้าหญิงของผม
เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันน้อยนิดเหลือเกินในชีวิต ผมอยากจะทำให้ทุกวินาทีที่เราได้อยู่ด้วยกัน มีความหมาย และมีความสุขที่สุดเท่าที่สองมือของผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ถึงอยากจะอยู่ปกป้องคุณทุกวินาทีและทุกลมหายใจ แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกจะทำได้ โดยเฉพาะผม
คำใดที่ผมกล่าวเท็จ โปรดอภัยให้ผมด้วย
ผมไม่รู้จริงๆว่า วินาทีไหนที่ผมจะตาย
มือขวาคนล่าสุดของชาง ลีถอนหายใจยาว เดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งของรถ ก้าวเข้าไปประจำที่สารถี ก่อนจะดึงมันเข้ามาปิดไว้
กิ๊ง!
พนักงานในชุดซาฟารีสีน้ำเงินชักสีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อประตูลิฟต์เปิดอ้า!!!
พรืดดดดดด!!!!!
สองผู้มาเยือนกดไกอาวุธของตนเองระดมใส่ผู้ยืนขวางอย่างพร้อมใจสามัคคี อาเดียโร่ไขว้ปืนกลเบาในมือยิงกราดไปทั้งซ้ายขวาขณะที่ก้าวข้างศพชายผู้เคราะห์ร้ายไปอย่างไม่รีบร้อน โดยมีผู้เป็นนายจ้างคอยเก็บศัตรูที่มาจากด้านหน้าหรือด้านหลัง เดินทะลุทางเดินอันมีห้องแล็ปกระจกดารดาษอยู่ซ้ายขวาพร้อมๆกัน
เพล้งๆๆๆๆ!
กระจกใสอย่างหนาหลายสิบบานที่ใช้ต่างผนังพังครืนลงมาตามแรงอัดกระสุนของอาวุธในมือ บิกเกอร์เอย หลอดแก้วเอย พร้อมใจกับกระจุยกระจายไปแทบจะพร้อมๆกัน ร่างมือปืนอีกหลายคนทรุดอยู่ข้างหลังฝอยกระจกที่กระเด็นรอบๆกายอย่างสวยงาม
ปังๆๆๆๆ
บอดี้การ์ดหนุ่มกระชากคนในความคุ้มครองหลบมุมกระสุนจากพวกที่ขึ้นลิฟต์มาข้างหลังได้อย่างหวุดหวิด ทิ้งปืนกลสองกระบอกที่หมดลูกไปแล้วอย่างไม่แยแส ควักซิกซ์ ซาวเออร์อัตโนมัตขึ้นมาถือแทน
\"คุณจำทางเดิมที่เรามาได้ไหมเนี่ย?\"รีน่าหันมาหารือ ขณะที่มือก็เหนี่ยวไกเก็บพวกที่วิ่งมาทางซ้ายบ้าง ขวาบ้างอย่างเมามัน
\"ได้ แต่มันอ้อมตรงนี้ไป \"
\"งั้นก็ไปทางลัดแล้วกัน!\"
ปังๆๆ! กระจกประตูห้องตรงหน้าพังสะบั้นจากแรงกระสุน ดูเหมือนชายหนุ่มชักรู้ถึงจุดประสงค์ของคนข้างๆขึ้นมาบ้างแล้ว
\"มั่นใจนะว่าทางนี้ใกล้กว่า\"
\"ก็ไม่หรอก \"
\"งั้นอย่าไป!\"
ตูม! ถังสารเคมีระเบิดขึ้นกลางความวุ่นวายด้วยถูกลูกหลงจากการต่อสู้ องครักษ์หนุ่มกดร่างผู้ว่าจ้างให้หมอบหลบเศษถังโลหะคมกริบไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด\"ผมถามจริงๆนะ\"เขาเงยขึ้นมองเหตุการณ์รอยข้างพลางเหวี่ยงด้ามปืนเข้ากลางท้องผู้ตามล่าที่วิ่งลับมุมมาจากด้านหลัง\"เท่าที่ผมรู้จักคุณ คุณเป็นพวกใช้ปากเป็นอาวุธไม่ใช่หรอ?\"
ตุบ! หลังหมัดกระแทกครึ่งปากครึ่งจมูกอีกรอบ  ตอบท้ายด้วยการกระชากคอเสื้อทุ่มลงพื้นด้วยมือข้างเดียวอย่างชำนาญ\"แล้วทำไมคราวนี้ไม่ขอเจรจาอย่างที่ถนัดล่ะ?\"
\"เฮอะ!\"หญิงสาวร้องเสียงสูง มือก็เหนี่ยวไกไปเรื่อยๆ\"นี่ก็เจรจา ไม่เคยได้ยินเหรอ การเจรจาแบบอุกอาจน่ะ! \"
\"เหรอ\"คู่สนทนารับรู้คำตอบอย่างงงๆ ขณะที่ปลายเท้างัดกระบอกลูกซองลอยละลิ่วฟาดปลายคางคู่ต่อสู้อีกฝั่งหนึ่งราวกับทุอย่างที่ทำเป็นเรื่องของสัญชาติญาณ ไม่เกี่ยวกับการสนทนาแต่ประการใด\"ผมไม่ยักรู้ว่าคุณชอบดูหนัง \"
\"มิคาอิลชวนดู \"
\"มิน่าล่ะ \"อาเดียโร่รีบคว้าแขนร่างบางตรงหน้าเมื่อเห็นท่าทางที่กำลังจะวิ่งไป\"ซ้ายครับซ้าย\"
ปังๆๆๆว่าแล้วก็หันไปยิงเคลียร์ทางซ้ายหน่อย\"ไม่ใช่ขวา! ไป!\"
ทั้งคู่พร้อมใจกันวิ่งหมอบโดยไม่ต้องนัดหมายเมื่อเศษกระจกเหนือศรีษะแตกกระจายตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด
พรืดดดดด!!!!
ครืน
เกลียวคลื่นสาดกระทบโขดหิน กระจายฝอยน้ำทะเลขาวสะอาด ท่ามกลางสายลมแรง ผ้าผูกตาถูกคลายออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นภาพอันสวยงามตรงหน้า
ผาหินสูงชัน ละอองคลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดอยู่เบื้องล่าง ทะเลสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตากระทบกับแสงอาทิตย์ยามอัสดงทำให้ดูระยิบระยับราวกับโปรยด้วยเกล็ดรัตนชาติมากมาย ฟ้าสีทองอร่ามค่อยไล่แสงจากสว่างสุกใสที่ขอบฟ้า จนกระทั่งกลืนไปกับฟ้ายามใกล้วิกาลที่กลางนภา
สุริยันตร์ยามพลบค่ำลูกกลมโต แช่อยู่ในน้ำเกือบครึ่ง ณ ขอบมหาสมุทร
\"ผมไม่รู้ว่าคุณจะชอบรึเปล่านะ \"ชายหนุ่มออกตัว สูดหายใจเอากลิ่นละอองน้ำทะเลและสายลมพัดผ่านอย่างสบายใจ\"แต่คุณเคยเล่าว่า พวกอินคา ขอพรจากพระเจ้า ในที่ๆใกล้พระอาทิตย์ที่สุด ผมไม่รู้หรอกนะว่าในฮ่องกงมีที่ๆสวยกว่านี้รึเปล่า แต่เท่าที่ผมรู้จัก ก็มีที่นี่ ที่เดียว \"เขาหันมามองคนที่มาด้วยแต่ยืนอึ้งตั้งแต่วินาทีแรกที่แกะผ้าผูกตาออกเหมือนไม่มั่นใจ\"คุณไม่ชอบเหรอ? \"
\"เปล่าค่ะ สวยมาก \"หลินพึมพำออกมาเป็นประโยคแรกตั้งแต่ก้าวลงมายืนที่นี่ แววตายังเหม่มองภาพตรงหน้าที่สวยงาม อุบอุ่นราวกับรูปเขียนไม่ละสายตา\"ถ้าเป็นที่นี่ พระองค์คงเห็นเราชัดเจน \"
บริตวาเลิกคิ้ว เงยขึ้นมองบรรยากาศรอบกาย\" จะมืดแล้วนะ ผมว่าคุณคงไม่อยากมาขอพรกับพระผู้เป็นเจ้าคนเดียวที่นี่ในวันหลังใช่ไหม?\"
คู่สนทนาหันมายิ้มให้บ้าง\"จะมาถูกได้ไงล่ะ?\"
คนถูกท้วงเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเล่นปิดตาเขามาตลอดทาง\"จริงสิ เชิญครับ\"
หญิงสาวหัวเราะกับสีหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะประสานมือหลับตาพริ้ม โดยมีสายตาของคนข้างกายจ้องมองทุกอริยาบทอยู่เงียบๆ แม้จะเป็นภาพที่เห็นจนเจนตาแล้วก็ตาม
ทุกกิริยา ทุกคำพูด ทุกเสียงหัวเราะ เขาอยากจะเก็บมันไว้ในความทรงจำ
มันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดแค่อย่างเดียวที่เขาต้องการจากเธอ
ครู่ต่อมา คนในสายตาจึงเงยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นอาเมน หันไปมองบุรุษข้างกายเหมือนรู้อยู่แล้วว่าถูกจ้อง\" ไม่ขอพรมั่งหรอ?\"
เขายิ้มบางๆพลางส่ายหน้า\"ไม่หรอก พระเจ้ามีงานมากพอแล้ว ผมจะไม่ขอพรกับพระองค์ เพื่อให้พระองค์ ดูแลคุณได้อย่างเต็มที่ไงล่ะ\"
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก แววตาที่เคยสะท้อนประกายขี้เล่นอารมย์ดีถูกความกังวลใจแทรกเข้ามาแทนที่\"24ชั่วโมง ผมเพิ่งรู้สิกว่ามันน้อยขนาดไหน อีกไม่นานผมก็ต้องจากคุณไปอีก อาจจะเป็นเดือน เป็นปี หรือทั้งชีวิต ถึงแม้อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ แต่รู้ดีว่าไม่มีใครทำได้ วันข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมก็ยังไม่รู้\"
กลัว คำง่ายๆที่ลอยวนอยู่ในดวงตา ถึงเธอไม่เข้าใจนักว่ามันเกิดจากอะไร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
\"เวลา ไม่ใช่ของเรา เราถึงหยุด หรือเก็บมันไว้ไม่ได้\"หลินกล่าวเบาๆ แทรกสายลมและอากาศที่เริ่มหนาวเย็นในฤดูใบไม้ร่วง\"แต่หัวใจ ความรู้สึก เป็นของเรา เรารักษามันไว้ได้ เก็บไว้ได้ ดูแลได้ สิ่งที่เราครอบครองมันไม่ได้ก็ปล่อยไป แต่ สิ่งที่เป็นของเรา เราต้องดูแลให้ดีที่สุดนะบริตวา\"
โดยไม่คาดคิด จู่ๆเขากลับดึงร่างเล็ก บอบบางตรงหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนราวกับกลัวว่าจะมลายหายไปต่อหน้า
\"อย่าทิ้งผมไปไหนนะ \"
น้ำเสียงแผ่วเบา น่าใจหายออกมาจากปากของคนที่เธอไม่เคยนึกมาก่อนว่าเขาจะพูดคำนี้\"ผม ไม่เคยคิดว่าคุณเป็นของผม แต่ผมแค่อยากจะปกป้องและเฝ้ามอง ถ้าพรุ่งนี้ ผมตื่นขึ้นมาแล้วรู้กับความจริงว่าผม ไม่มีคุณให้เฝ้ามองหรือปกป้อง ผมไม่รู้จริงๆว่าชีวิตผมต่อไปจะอยู่ยังไง\"
เธอยิ้มปลอบหัวใจอันสับสนหวาดกลัวของคู่สนทนาเหมือจจะเข้าใจความรู้สึก ก่อนจะกระซิบใกล้ๆหูเหมือนจะให้ไออุ่นจากลมหายใจแทรกผ่านเข้าไปโอบล้อมหัวใจข้างในให้หายเหน็บหนาว
\"จ้ะ สัญญา \"
ปัง!
แววตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ร่างบอบบางราวกับแก้วละเอียดค่อยๆทรุดลงในอ้อมกอดของคนรักที่บัดนี้ประสาทชาดิกไปด้วยความตระหนก เลือดแดงฉาน ซึมผ่านเนื้อผ้าอาบมือผู้ประคองกอดอันสั่นระรัว
\"หลิน \"
บริตวาได้แต่พึมพำออกมาคำเดียวเหมือนกำลังจะไร้สติ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีเดียวเร็วเกินกว่าที่จะตั้งตัวได้ ลมกรรโชกหนักขึ้น พัดพาเอาความหนาวเหน็บแทรกเข้าไปในกระดูก เสียงมอเตอร์ไซค์ลอยห่างไปไกล โดยต้นเสียงเห็นหลักๆอยู่บนถนนเส้นยาวทอดอยู่ตรงหน้า
เขาได้แต่มองตามหลังผู้ประสงค์ร้ายด้วยสายตาวาวโรจน์
\"บอสต้องการอะไร? ผู้หญิงคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นคนของบอส \"กลางลานจอดรถของโรงพยาบาล ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินวนไปมาพลางตะคอกใส่โทรศัพท์มือถือราวกับกำลังบ้าคลั่ง
\"จุ๊ๆๆ อย่าตะคอกเสียงดังสิบริตวา \"ปลายสายอันไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ชายวัยกลางคนยังกระเซ้ากับคู่สนทนาด้วยน้ำเสียงเรียบๆเย็นๆได้อย่างไม่รู้สึก\"มันไม่ใช่นิสัยของคุณนี่นา \"
\"ผมรู้! หน้าที่ผมมี!\"ตรงกันข้ามกับผู้ด้อยอาวุโสกว่าที่ความเยือกเย็นสุขุมหายไปหมดแล้วตอนนี้\"ผมทำแน่! บอสไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้กับเธอก็ได้ เธอไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรกับงานของเรา\"
\"คุณพูดถูก แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวไม่ใช่ปัญหาสำหรับองค์กรของเรา \"ชาง ลียังคงอธิบายเสียงเรียบๆ พยายามใช้ความนิ่งสงบอารมย์ของอีกฝั่งสาย\"แต่เป็นปัญหาสำหรับคุณ และคุณก็เป็นตัวจักรสำคัญคนหนึ่งในองค์กรเรา \"
เพราะประโยคนี้เขาถึงกับชะงักนิ่ง ขณะที่อีกฝ่ายแถลงไขเหตุผลในการกระทำอย่างไม่รีบร้อน\"อย่าลืมนะคุณบริตวา ตอนนี้คุณอยู่ในสถานะไหน คุณคือมือขวาของผม และคนที่อยู่ตรงนี้ต้องสามารถอุทิศตนเองให้แก่องค์กรได้ มันก็เหมือนศาสนาน่ะแหละ แตกต่างกันอยู่นิดเดียว คือศาสนา ละได้ ถอนได้ แต่สำหรับองค์กรเรา ไม่มีการเลื่อนชั้นลง มีแต่เลื่อนขึ้น และกำจัดทิ้ง
มันไม่ได้เข้าใจยากเลยนี่นา คุณเป็นคนมีฝีมือ เป็นพญาเหยี่ยวที่นานๆทีถึงจะพบพานสักครั้ง ถือเป็นการเตือนกันฉันมิตรนะ ผมไม่คิดว่าเหยี่ยวบนฟ้า จะลงมาเดินบนดินมากนัก ดังนั้นคุณมีพันธะกับพวกเราไปแล้ว สรุปพูดง่ายๆให้ได้ใจความ ครั้งนี้ผมไม่ได้เอาถึงตาย เพราผมยังให้โอกาสคุณอยู่ \"
คนฟังแทบจะทรุดลงกับพื้น อาศัยค้ำหลังคารถคันข้างๆพยุงสังขารไว้เมื่อกระจ่างถึงความจริง
ทุกอย่าง เป็นเพราะเขาเหรอเนี่ย
ชายหนุ่มยืนฟุบกับแขนบนหลังคารถ กลืนความรู้สึกขื่นๆในคอลงไปอย่างยากลำบาก\"ผมเข้าใจแล้ว มิสเตอร์ชาง คุณต้องการให้ผมตัดขาดจากเธออย่างไม่มีข้อแม้ เพื่อจะได้ทำงานกับคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพะวงใดๆ โดยเอาชีวิตของหลินเป็นตัวประกัน\"สูดหายใจลึกเหมือนพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
\"ใช่รึเปล่า?\"
แม้จะไม่เห็นหน้า แต่บริตวาสามารถวาดภาพสีหน้าเปื้อนยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้\"คุณเข้าใจอะไรเร็วเสมอ ผมชอบคุณตรงนี้ มันเป็นแบบทดสอบสำหรับคุณ ที่ อาจจะดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ก็อย่างที่คุณรู้ ผมต้องการคนที่ทำทุกอย่างได้เพื่องาน\"
คู่สนทนาหัวเราะแค่นๆราวกับขำในโชคชะตาของตัวเอง เขาติดกรงแล้ว กรงทองแน่นหนาเย็นชาของชาง ลี ไม่ว่าจะเป็นพญานกสูงศักดิ์เก่งกาจสักปานไหน
ก็ไม่มีทางหนีออกไปได้ ทั้งที่ยังมีชีวิต
\"เลือกเอานะ ความผูกพันธ์ หรือชีวิต นกในกรงของผมไม่ค่อยมีใครได้ยินคำว่า\"ทางเลือก\"หรอกนะ \"
ผู้ด้อยศักดิ์ว่าถอนหายใจเฮือก ยิ้มสีหน้าขมขื่นกับสิ่งที่ตนได้รับ\"ขอบคุณครับบอส \"
สัญญาณวางสายดังก้องอยู่ในหู มือขวาคนล่าสุดปิดอุปกรณ์สื่อสารในมือลงอย่างอ่อนแรง เงยขึ้นดูท้องฟ้ามืดสนิทไร้แสงดาวด้วยสายตาว่างเปล่า
เกล็ดหิมะเบาบางค่อยๆโปรยลงสู่พื้นคอนกรีตอย่างอ้อยอิ่ง หน้าหนาวย่างกรายเข้ามาแล้ว
กึก
ประตูห้องพิเศษถูกงับปิดอย่างแผ่วเบา ผู้มาเยือนชะงักนิ่ง ยืนมองร่างบอบบางไร้สติที่ถูกฝังอยู่ในแสงสลัวด้วยแววตาเหนื่อยล้า ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างๆพลางเอื้อมมือไปกุมมือเย็นเฉียบไร้เรี่ยวแรง ก้มหน้านิ่งราวกับกำลังจะสารภาพบาป คำพูดหลายสิบคำจุกแน่นอยู่ตรงคอหอย มีหลายอย่างเหลือเกินอยากจะบอกกล่าว แต่ลำคอกลับตีบตันเกินกว่าจะกล่าวคำใดออกมาได้
ผมขอโทษ
ถึงแม้ผมจะรู้ดี ว่าคำขอโทษไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นก็ตาม แต่ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความจริงอันโหดร้ายมาเยือนแล้ว แม้จะรู้มาตลอดว่าสักวันหนึ่งมันต้องมาถึง แต่ผมไม่นึกว่ามันจะเป็นวันนี้
ผมโกหก ผมผิดคำสัญญา..ผมเคยบอกว่าผมจะเฝ้าดูแลปกป้องเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แต่ผมกลับทำไม่ได้ ผมไม่มีคำแก้ตัว ไม่ร้องขออภัยโทษ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากตัวผม ไม่ว่าคำแก้ตัวใดๆก็ลบล้างมันไม่ได้ ทำไม เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันถึงสั้นขนาดนี้นะ
พรุ่งนี้คือวันที่ผมกลัวที่สุด วันที่ผมจะตื่นขึ้นมา แล้วพบว่า ผมไม่มีคุณ
วันที่ผมจะไม่มีทางได้เฝ้ามอง
ไม่มีทางได้ปกป้อง
และเป็นวันที่ผมตื่นขึ้นมา และผมไม่รู้ ว่ามีชีวิตไว้เพื่ออะไร
\"ผมเสียใจ \"ในความเงียบสงัด เสียงกระซิบอันแสนเจ็บปวดได้ยินชัดเจน ร่างสูง โปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เหม่อมองดวงหน้าคนที่เขารักมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาลัย ก่อนจะหันหลังเดินลับกรอบประตูไปอย่างเงียบกริบไม่ต่างจากขามา
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอันอบอวนด้วยความหดหู่
เปลือกตาของใครคนหนึ่ง ค่อยๆเบิกขึ้นเผยแววตาเจ็บปวด ร้าวอาลัยในความมืด
\"รู้สึกเหตุการณ์นี้จะคุ้นๆไหม?\"
อีกฟากฝั่งของอาคาร ผู้คุ้มกันหนุ่มตะโกนถามเพื่อนร่วมทางแข่งกับเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวอยู่เบื้อหลัง
\"คุ้น!\"คู่สนทนาตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมย์\"คุ้นไปหน่อย!!!\"
สองหนุ่มสาวผู้อุกอาจนั่งคิดหนักอยู่ที่มุมเสา โดยมีกระสุนจากผู้ไม่หวังดีพุ่งกระแทกเสาจนกร่อนไปเกือบครึ่ง ที่น่าเจ็บปวดคือที่หมายก็อยู่แค่นี้ แค่วิ่งข้ามไปอีกฝั่ง แต่แค่จะยื่นอวัยวะส่วนใดออกจากที่กำบังก็หวาดเสียวที่จะพรุนไปทั้งตัวแล้ว
เหมือนที่มาคราวก่อนเด๊ะ แต่ซวยกว่านั้นนิดหน่อย
\"ไม่ได้เอาระเบิดมาเหมือนบริตวาซะด้วย\"อาเดียโร่บ่นอุบ ยกปืนสั้นที่ลูกลื่นเปิดอ้าทั้งสองมือขึ้นดูด้วยสีหน้าลำบากใจ\"คุณเหลือมั่งรึเปล่า?\"
\"หมดตั้งแต่หัวมุมที่แล้ว \"คำตอบน่าชื่นใจพิลึก\"พวกนั้นมีกี่คน?\"
ชายหนุ่มกลั้นใจเหลือบไปดูนิดหนึ่ง แต่ก็ต้องแยกเขี้ยวหันกลับมาเมื่อลูกปลายพุ่งเฉียดหน้าไปนิดเดียวจนสามารถรู้สึกถึงแรงอัดอากาศได้\"ห้า เอางี้\"ผู้คุ้มครองเสนอแผนอันสุดแสนฉุกละหุกและเฉพาะหน้าเหลือเกิน
\"ผมจะโยนปืนออกไปล่อ พวกมันจะเปลี่ยนเป้าหมายซักสองสามวินาที ช่วงนั้นคุณพุ่งข้ามไปเลยแล้วกัน\"
\"มั่นใจว่าจะได้ผล?\"
\"ก็ไม่หรอก \"พ่อเจ้าประคุณจะไม่ได้แม้แต่น้อยว่าไปเลียนแบบคำพูดเขาเข้าให้แล้ว\"แต่ก็ดีกว่าปัจจุบันนี้แล้วกัน เอานะ \"
เขาสูดหายใจลึก ทำตัวให้ผ่อนคลายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการฝากชีวิตไว้กับโชคชะตาไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยทำ\"หนึ่ง สอง สาม! \"
วูบ
วัตถุลึกลับถูกโยนออกมาจากมุมอับ สายตาของเหล่าผู้กวาดล้างคนบุกรุกตะลึงมองสิ่งที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศราวกับมองเห็นมัจุราช ก่อนที่เสียงโหยหวนจะดังขึ้น
ตูม!!!!
พร้อมกับเสียมกัปนาถปริศนาจากมุมมืด
ด้วยสัญชาติญาณบอดี้การ ชายหนุ่มพลันกดคนข้างกายหมอบลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตัวเองกลับยืดตัวขึ้นมองอย่างกังขากับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่ฝีมือเรานี่หว่า
กลุ่มคนที่นั่งตั้งป้อมดักยิงอยู่อีกฝั่งพลันกระเด็นกระจัดกระจายสลบเหมือดออกจากที่กำบัง แต่ตรงหน้าที่เห็นคือศัตรูหนึ่งคนที่กำลังพยุงตัวขึ้นยืนอย่างมึนงง
พร้อมกับปืนกลในมือ
ฟุบ!เร็วทันใจนึก ผู้มาเยือนดีดกายออกจากที่ซ่อน ซอนเท้าวิ่งสุดชีวิตไปยังร่างที่ยืนโงนเงนอยู่ข้างหน้า คนถูกปองร้ายได้แค่ไล่ความมึนงงออกจากประสาท สิ่งที่เห็นแวบเดียวคือปลายเท้าจากที่ไหนสักแห่งฟาดเปรี้ยงเข้ากระโดนคาง ผลักให้เข้าสู้ภาวะสิ้นสติไปโดยปริยาย!
\"อ็อก!\"
ตุบ! ร่างที่เพิ่งไร้สติล้มลงกับพื้นอย่างสวยงาม พร้อมกับอาวุธในมือที่กระเด็นไปอีกฝั่ง อาเดียโร่ยืนดูจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ลุกขึ้นมาอีก จึงค่อยเงยขึ้นมองรอบกาย แต่ภาพที่เห็น
ทำให้แทบหยุดหายใจชั่วขณะ
หลังเปลวเพลิงโชติช่วง เงาตะคุ่มของใครบางคนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาที่สะท้อนแสงอัคนีจนดูราวกับดวงตาคู่นั้นเป็นสีทองนั้น
เป็นคนที่ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะพบที่นี่
\"เฮ้ย \"
หน้อจอเลปท็อปสะท้อนอยู่บนเลนส์แว่นตาของผู้เป็นเจ้าของ เขามองมันเหมือนไม่สนใจมากนัก เพราะอีกเพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็ถอนใจเฮือก มองผ่านกระจกออฟฟิศไปยังเบื้องล่างด้วยอาการเหม่อลอย
วันแห่งแสงแดดหมดไปแล้ว เวรยามภายนอกตึกล้วนแต่ใส่โอเวอร์โค้ทอย่างหนาคลุมตลอดทั้งตัว หิมะที่เริ่มตกตั้งแต่เมื่อคืนตอนนี้หนาเป็นเมตร อากาศอึมครึม หน้าต่างทุกบานต้องปิดสนิทกันลมหนาวเสียดกระดูกที่กรรโชกแรงอยู่ภายนอกตึก
บูทคอมแบทอย่างหนาย่ำเกล็ดหิมะบนพื้นจนเป็นรอยลึก เวรยามลาดตระเวนพลันยืนตรงเคารพผู้มียศเป็นถึงมือซ้ายของบอสใหญ่ แต่ดูท่าคนถูกเคารพจะเคยชินไปเสียแล้ว
\"นายครับ\"เวรยามคนหนึ่งวิ่งมาจากประตูใหญ่ รายงานน้ำเสียงเหมือนแปลกใจอะไรบางอย่างกลายๆ บรั้คเลิกคิ้วเหมือนจะให้ขยายความ แต่ความกังขาพลันทวีหนักขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นร่างบางของใครคนหนึ่ง เดินเปลี่ยวดายฝ่าสายลมกระหน่ำ และที่สำคัญ มุ่งหน้าสู่อาณาบริเวณของเรด ดราก้อน
\"รายงาน มีคนกำลังเข้ามาในบริเวณของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต\"
น้ำเสียงซีเรียสปนไม่ไว้วางใจดังมาจากวิทยุบนโต๊ะ ฉุดชายหนุ่มให้ลุกขึ้นดูที่มาด้วยสังหรณ์อะไรบางอย่าง ก่อนที่ความใจหายวูบจะวิ่งพล่านไปทั่วไขสันหลัง
\"หลิน! \"
\"คุณผู้หญิง \"ภายนอกตึก บรั้คตะโกนแข่งกับเสียงลมไปยังผู้มาเยือนที่เดินด้วยท่าทางล่องลอยเคว้งคว้าง\"กรุณาออกไปจากบริเวณนี้ภายในห้าวินาที ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆควรออกเดินเพ่นพ่าน โดยเฉพาะในเวลาพายุหิมะโหมหนัก \"
เธอรู้ว่าเราอยู่ที่นี่
ความพลุ่กพล่านในใจเริ่มก่อกวนอีกครั้ง ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ทรุดลงนั่งกับเก้าอี้อย่างสับสน คำถาม อารมณ์ และอีกหลายสิบหลายร้อยอย่างผุดขึ้นมาในสมองโดยควบคุมหาได้ไม่ เธอรู้มาตลอดในทุกสิ่งที่เราพยายามปิดบัง รู้ว่าเราเป็นใคร ทำอะไรบ้าง ทุกๆอย่าง
แต่หลินไม่รู้รึไงว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย!
\"นายครับ \"อีกฝั่งของเหตุการณ์ มือปืนข้างๆกระซิบแทรกเสียงลมเหมือนเตือนในสิ่งที่ทุกคนในองค์กรรู้กันอยู่แล้ว ร่างโปร่งหรี่ตาลงมองเป้าหมายเล็กน้อยด้วยประกายตาที่ไม่ชอบใจเท่าใดนัก
\"ชั้นรู้น่า\"
ฆ่าผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้อย่างนั้นหรือ เป็นอีกหนึ่งคำสั่งที่คนห่วงเรื่องศักดิ์ศรีและความถูกต้องอย่างเขาคิดคัดค้านอย่างหัวชนฝา แต่ไม่สามารถที่จะกล่าวออกมาได้
\"ผู้หญิงคนนี้ หากพบที่ไหน กำจัดได้ทันที \"
บัญชาที่ไม่เคยแนบเหตุผล ไม่เคยบอกจุดประสงค์ใดๆ แต่ก็เป็นบัญชาที่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับมาจากเทพเจ้า หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ผู้นั้นคือคนไร้ประโยชน์สำหรับองค์กร
\"ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย หยุดอยู่ตรงนั้น!\"
กริ๊ก เสียงลดนกถูกกลบด้วยเสียงลมแห่งเหมันตร์ฤดู หญิงสาวยืนนิ่ง แหงนมองตึกระฟ้าตรงหน้าด้วยความสะเทือนใจ
นี่คือกรงทองที่ขังจิตใจของใครหลายคนไว้
สลักกลอนด้วยความกลัวอันแน่นหนา กลอน ที่ไม่มีใครเคยถอดมันออกมาได้
ร่างเพรียวบางก้าวออกมาอย่างไร้ความประหวั่น แม้ลมจะกรรโชกพัดจนแทบเซล้ม แต่เธอกลับยังมุ่งตรงเข้ามา ไม่ว่ากรงนี้จะเป็นของใคร ใส่กลอนล็อกกุญแจแน่นหนาสักปานไหน
เธอจะต้องถอดสลัก ปล่อยเขาออกมาสู่อิสระภาพให้ได้
บริตวา
ปัง!!!
เสียงกัมปนาทสะท้อนผนังปูนกึกก้อง ปลอกกระสุนปลิวตามแรงลมกรรโชกรอบกาย หล่นกระทบพื้นขาวโพลน ก่อนที่จะถูกสายลมระลอกหลังพัดพาเอาเกล็ดหิมะมาปกคลุมไว้
ร่างบอบบางของผู้เป็นเป้าหมายทรุดลงช้าๆ ต่อหน้าต่อตาใครบางคน
เป็นครั้งที่สอง ที่เขาช่วยอะไรไม่ได้เลย
\"ไม่!!!!!\"
ปังๆๆๆๆๆๆ!!!
กระสุนชุดต่อมาพุ่งออกจากลำกล้อง กระทบเป้าหมายเดิมทุกนัดอย่างไม่ปราณีปราศรัย เสียงกระแสลมลอดผ่านตึกปูนรอบข้างโหยหวนประสานกับเสียงปืนสะท้านก้อง ฟังดูเหมือนเสียงมิซซาในโบสถ์คาทอลิกอันเยือกเย็น
ตุบ! ผู้เป็นเจ้าของคมเคียวเกี่ยววิญญาณพลันถูกกระชากฟุบลงกับพื้นหิมะอย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางความงวยงงของบุคคลอื่นรอบข้าง ร่างสูง โปร่งวิ่งโผไปยังร่างของคนอันเป็นที่รักราวกับจะขาดใจตายไปด้วย
\"หลิน!\"
ร่างโชกเลือดที่ฝังอยู่ในหิมะถูกดึงขึ้นมาประคองกอดเหมือนเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต คนในอ้อมแขนยิ้มบางๆเหมือยอย่างทุกครั้งที่พบเจอกัน แต่มือโชกเลือดของชายหนุ่มกลับสั่นระริกเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ได้เห็นมัน
\"ไหล่เป็นยังไงมั่ง?\"
มือบอบบางไร้เรียวแรงเอื้อมมาแตะแผลของเขาอย่างแผ่วเบา แต่คราวนี้เขาไม่ขยับหลบอีกต่อไปแล้ว มือปืนหนุ่มหลับตากล้ำกลืนอะไรบางอย่างลงไปอย่างเจ็บปวด พยักหน้าให้กับคนที่เขากำลังจะสูญเสียไป\"ผมไม่เป็นไร ไม่เป็นไร \"
\"บริตวา คุณเห็นราชรถสีครามอยู่ตรงขอบฟ้าหรือเปล่า?\"
ความขมขื่นถาโถมเข้ามาพร้อมกับสายลมแห่งฤดูหนาวอีกครั้ง\"คุณสัญญาว่าจะไม่จากผมไปไหนไง \"
\"คุณบอกเองนะว่าชั้นไม่ได้เป็นของคุณ \"น้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงเหมือนกำลังจะดิ่งลงสู่นิทราตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังไม่เสื่อมคลาย\"สิ่งที่ไม่ใช่ของเรา เรายึดเหนี่ยว ถือรั้งอะไรไม่ได้หรอก ในที่สุดคุณก็ออกมาจากกรงนั้นได้\"
คู่สนทนาส่ายหน้า สมองตื้อมึนราวกับเส้นเลือดทั้งกายหดเล็กลงจนไปเลี้ยงไม่พอ กระซิบตอบกลับอย่างแผ่วเบาราวกับจะมีเพียงเสียงลมเท่านั้น\"ผมช้าเกินไป \"
บริตวาก้มหน้านิ่ง สะกดกลั้นหลากความรู้สึกในหัวใจไม่ให้ทะลักออกมา ก่อนจะสูดหายใจลึก\"หลับเถอะนะ \"คำพูดที่เค้นออกมาจากคอเริ่มแจ่มใส อบอุ่น แม้มันจะยากเย็นที่จะทำให้ได้เช่นนั้นก็ตาม
\"ผมอยู่ตรงนี้ จะไม่ไปไหน ถ้าคุณตื่นขึ้นมา คุณจะเจอผม ผมจะไม่โกหกคุณอีกแล้ว \"
สิ้นเสียงสัญญา เปลือกตาอันหนักอึ้งพลันปิดลงช้าๆ เข้าสู้การหลับไหลในอ้อมแขนของคนที่รักที่สุด แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่มีวันได้ทำตามสัญญา แต่แค่ได้ยินคำกล่าวนั้น
เธอก็ดีใจที่สุดแล้ว
วิ้ว วิ้ว
สายลมรอบข้างยังคงทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ เลือดสีแดงคล้ำที่ตัดกันอย่างชัดเจนกับสีของหิมะรอบข้างสะท้อนอยู่ในแววตาว่างเปล่า ใจอยากจะร้องตะโกนให้ก้องไปถึงพระเจ้า
แต่ลำคอกลับตีบตันแห้งผากเกินกว่าจะกล่าวคำใดออกมาได้
ร่างสูง โปร่งลุกขึ้นยืนโผเผราวกับทั้งร่างกายเบาโหวงไปหมด น้ำสีแดงโชกชุ่มบนมือปลิวกระจายเป็นละอองฝอยเมื่อมันกำลังจะหยดลงบนพื้น ความเยือกเย็นปะทะหน้า ราวกับจะแทรกเข้าไปถึงหัวใจ
เขาไม่มีใครแล้ว
เธอจากเขาไป ตลอดกาล
ปืนใต้ปกเสื้อถูกล้วงออกมาขึ้นนก สายตาว่างเปล่าหันไปมองฝูงชนที่กำลังพุ่งทะยานออกมา ทุกสิ่งที่เขาทำเหมือนไม่ได้ผ่านสมอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอะไร แต่สิ่งเดียวที่รู้สึกคือ
ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้
HKกึ่งอัตโนมัติถูกยกขึ้นช้าๆ แววตาที่มองผ่านศูนย์ปืนไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ปลายนิ้วชี้กระตุกเข้าหาด้ามปืนอย่างมั่นคง
ชั้นจะไม่อยู่ในกรงนี้อีกต่อไป
โครม!!!!
เสียงประตูห้องกระแทกเปิดดึงสติของเขาให้หลุดจากภวังค์ความทรงจำราวกับสับสวิต ความเจ็บปวดที่เลือนหายไปครู่ใหญ่พลันประทุกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มหอบหายใจหนักราวกับเพิ่งหลุดจากฝันร้ายเหลือคณา ขณะที่ผู้มาเยือนร้องเรียก
\"บริตวา\"
\"เฮ้ย บริต!\"
เจ้าของชื่อแยกเขี้ยวกับความทรมานที่ปกคลุมกาย แต่ยังพยักหน้ายืนยันสภาพตนเองทั้งๆที่โทรมจนดูขัดตา\"ชั้นโอเค \"
รีน่าสำรวจร่างกายคนตรงหน้าอย่างลวกๆ ขณะที่ผู้เป็นสหายปลดพันธนาการทีละอันจนหมดสิ้นแล้วปราดเข้าประคองคนละด้าน\"ลุกไหวไหมเนี่ย?\"
\"คิดว่าได้ \"แต่แค่พูดก็แทบจะทรุดลงอีกครั้ง ผู้เป็นนายจ้างถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นสภาพโชกเลือดที่เหนือว่าจินตนาการไว้มาก
\"คุณไม่ไหวหรอก \"
\"รึจะอยู่ให้ตายกันที่นี่หมดล่ะ?\"พอเริ่มมีสติกลับมา ความปากกล้าก็ดำเนินทันทีราวกับเป็นสัญชาติญาณ อาเดียโร่ส่ายหน้ากับอนุสัยของเพื่อนร่วมงานพลางพยุงออกจากห้องแห่งความทรมานอย่างทุกลักทุเล แต่เพียงแค่ลับขอบประตู
ปัง!
\"จะไปไหนพ้น!!!\"เสียงตะคองแข็งกร้าวของคู่ปรับตลอดกาลดังคล้อยหลังเสียงปืนไปนิดเดียว สามผู้หลบหนีมองรอบกายอย่างประหวั่นใจ ซวยแล้ว
ลิฟต์ไม่ได้ บันไดลงไม่ได้
\"ทางนี้!\"
ปังๆๆๆๆๆๆ!!!เสียงปืนถี่รัวฉุดให้บุรุษที่ยังฟื้นคืนสติได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ถึงกับชะงักกึก ภาพจากความทรงจำอันปวดร้าวผุดขึ้นมาตอกย้ำอีกครั้ง
\'คุณเห็นราชรถสีครามที่เส้นขอบฟ้าหรือเปล่า \'
ปัง! ผนังข้างๆกระจุยเป็นหลุมเฉียดศรีษะของใครบางคนเพียงเส้นยาแดง อาเดียโร่ที่ยังมีสติครบถ้วยตะโกนเร่งฝีเท้าทุกคนหนีการตามล่า
\"ไป เร็ว!!!\"
ลูกตะกั่วกระทบขั้นบันไดเหล็กไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด ชายหนุ่มกลั้นใจกระแทกประตูเหล็กตรงหน้าที่เป็นปราการสุดท้ายเปิดออกอย่างรวดเร็ว
โครม!
สายลมจากดาดฟ้าพัดกรรโชก แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางหนีไปไหนได้ แต่มันก็เป็นทางเดียวที่ไปได้ในตอนนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายในเฮือก ซิกซ์ ซาวเออร์อันว่างเปล่าสะท้อนแสงยามอาทิตย์อัสดงอยู่ในมือ หากแต่แววตาไม่ได้สะท้อนความเกรงกลัวหรือพ่ายแพ้ใดๆทั้งนั้น ตรงกันข้าม
กลับเผยประกายวาววะวับ เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง
แกร๊ก แมกกาซีนชุดใหม่ถูกกระแทกเข้าด้ามอาวุธในมือโดยไม่รีบร้อน คาวิลก้าวข้ามธรณีประตูออกมาพร้อมกับอาวุธครบมือและกำลังคนที่มากกว่าด้วยท่าทางผยองในชัยชนะของตนเอง
\"ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะสิ \"ผู้ทรยศกล่าวพลางยิ้มหยัน แววตาสว่างโรจน์ราวกับสุนัขป่าที่หิวกระหาย ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่ยังยืนดูพระอาทิตย์ตกท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่อย่างสงบ ราวกับไม่ได้รับรู้\"ชั้นนึกว่าพวกแกจะเก่งกว่านี้หน่อย \"
คำพูดนี้ทำให้มือที่ประคองคนเจ็บของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มกดแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำหรี่ตามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาประหลาด ก่อนจะหันมาประจัญหน้ากับคู่สนทนาช้าๆ
\"ขอเตือนอย่างหนึ่งนะคาวิล \"ปืนออโตเมติกในมือถูกโยนทิ้งไปราวกับมันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในชีวิตออกต่อไป\"ก่อนจะถากถางใคร ดูก่อนว่าตัวเองชนะจริงๆ!\"
ตึกๆๆๆๆๆๆ
เสียงใบพัดแหวกอากาศหยุดการสนทนาทั้งหมดไว้เพียงแค่นั้น ร่างโปร่งที่ยืนสงบนิ่งท้าทายความตายถูกเงาของเฮลิคอปเตอร์บดบังจนหมดสิ้น หลังบานประตูของพาหนะลอยฟ้าอันเปิดกว้าง
แววตาของซากิสะท้องความโกรธโชติช่วงอยู่หลังกระบอกปืนกล!!!
พรืดดดดดดด!!!!!
ด้วยสัญชาติญาณที่ใช้ได้ผลตลอดกาล สามผู้เพลี่ยงพล้ำพลันหมอบราบกับพื้นซีเมนต์พร้อมกันโดยมิต้องให้ใครคนใดคนหนึ่งกระชากลงเหมือนแต่ก่อน แนวกระสุนคมกริบกวาดชีวิตที่ขวางแนววิถีของมันอย่างซื่อสัตย์ ละอองเลือดถูกลมบนพัดผ่านกลืนหายไปกับแสงแห่งอาทิตย์ยามสุริยันตร์ เสียงปืนเกรียวกราว เสียงร่างทรุดกองพร้อมกับคำโหยหวน เสียงอาวุธหล่นกระแทกพื้นดาดฟ้า ปลอกทองเหลืองร่วงกรูกระทบกกลางอากาศก่อนจะถึงพื้นดินเบื้องล่าง และเสียงหวีดหวิวของสายลม
ส่งประสานพร้อมเพรียงราวกับจะเล่นเป็นทำนองได้
ครื้ก
ปลายกระบอกปืนกลหนักหมุนคว้าง หากแต่ไม่มีประกายไฟเจิดจรัสอย่างที่ผ่านมา เหยื่อคมกระสนนับสิบบัดนี้นอนจมอยู่กับแอ่งเลือดของตนเองราวกับเป็นแค่กองเศษผ้า ไม่มีร่างไหนสามารถลุกขึ้นคว้าอาวุธที่หล่นอยู่รอบๆกายขึ้นมาต่อกรได้
ทุกอย่าง จบลงอย่างรวดเร็ว
คนสนิทของโทยะ เรย์พยักหน้ากับนักบิน อีกฝ่ายรับคำสั่งแล้วดึงคันบังคับให้ลงเหนืออักษรHตรงหน้าอย่างชำนาญ
\"เร็วครับ ผมว่าเดี๋ยวพวกข้างล่างต้องตามมาอีกแน่ \"ชายหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัยเอ่ยเตือน ขณะที่คนรับพยายามพยุงผู้บาดเจ็บให้ลุกขึ้นอย่างยากเย็น
\"ลำบากนะอาเดียโร่ คุณดีกว่า\"
ทันใจนึก ผู้รับคำไหว้วานปราดเข้าหิ้วปีกสหายร่วมทีมที่ท่าทางจะน็อคไปอีกรอบอยู่ร่ำๆเข้าไปในเฮลิคอร์ปเตอร์ที่ยังติดเครื่องไว้เตรียมเคลื่อนตัวตลอดเวลา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นสภาพคนที่เคยยืนสง่าด้วยท่าทางเยือกเย็นปนผยองเดชกลับกลายเป็นทรุดโทรมแทบไม่เหลือเค้า เพราะเธอรู้ดีว่าเขาคือคนที่หนักแน่นแข็งแกร่งมิใช่น้อย แต่เป็นได้ขนาดนี้
เพราะเธอคนเดียว
\"มันยังไม่จบลงง่ายๆหรอกคุณหนู! \"
ฝีเท้าที่กำลังก้าวไปยังพาหนะเบื้องหน้าพลันชะงักกึก สายตาคนฝั่งราชิตกรุ๊ปเบิกโพลนด้วยความตะลึงงันกับภาพตรงหน้า ศัตรูก้าวออกมาจากหลังลังพัสดุอย่างอาจหาญราวกับเย้ยหยันในโชคชะตาของทุกคน โชคชะตา ของคนที่ไม่มีอาวุธหลงเหลืออยู่ในมืออย่างเขา
รอยยิ้มของคาวิลสะท้อนอยู่บนลูกลื่นเงาวันอันเปียกปอน
ปลายนิ้วแตะอยู่ที่ไกพร้อม ปลายกระบอกจับอยู่ที่หลังศรีษะ ทุกสายตาจับอยู่ที่หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มพร้อมกับลมหายใจหยุดนิ่งชั่วขณะ ภาวนาถึงปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะหยุดโศกนาฎกรรมอันเจ็บปวดที่พวกเขาต่อต้านมาตลอดได้
\"แต่คราวนี้ จบ ของจริงล่ะ!\"
ปัง!
ไม่มีปลอกกระสุนปลิวออกมาจากลำกล้อง จังหวะลั่นไกแบบซิกเกิลมิใช่ออโต้ สายตาของทุกคนยังคงความช็อกไม่เสื่อมคลาย หากแต่วินาทีต่อมาความมึนงงก็เข้าแทรกปนเป
โทกาเรฟ11มม.กึ่งอัตโนมัติ หล่นลงกระทบพื้นอีกหนึ่งกระบอก
รีน่าและคาวิลต่างหันไปมองต้นเหตุของกระสุนปริศนาพร้อมกันโดยมิได้ตั้งใจ แต่ความรู้สึกแตกต่างกัน เธอหันไปมองด้วยความงวยงงกังขาสุดจะอธิบาย แต่เขา นอกจากจะมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม โลหิตอุ่นๆที่ไหลพุ่งทะลักออกมาจากใต้แขนเสื้อจนแดงเถือกอาบมือข้างนั้นยังฉุดอารมณ์ให้โมโหหนักจนแทบคลั่ง
รีวอลเวอร์ชุบโครเมี่ยมเงาวับ มีไอดินปืนลอยออกมาจากลำกล้องจางๆ
\"นาฟ!!!\"
ชายหนุ่มผู้ทะเยอทะยานไม่เคยสำเหนียกเลยว่า วินาทีที่เขาตะโกนคำนั้นออกมาอย่างเคียดแค้นและไม่เข้าใจ อีกมุมหนึ่งของตึก หลังบานประตูห้องทดลองที่เปิดแง้มเล็กๆอยู่ท่ามกลางร่องรอยแห่งความวุ่นวาย
ร่างสูงใหญ่ อันแทบจะตรงกันข้ามกับคนในสายตาตอนนี้ นอนไร้วิญญาณอยู่หลังโต๊ะทดลองโดยไม่มีผู้ใดรับรู้
\"แก \"
เจ้าของกระสุนปริศนาส่ายหน้าเบาๆท่านกลางทะเลแห่งความสับสน และไม่ใช่มีแต่คาวิลเท่านั้นที่รู้สึก ทุกคนตอนนี้อึ้งสนิทราวกับเห็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิต ยกเว้น
แววตาสองคู่บนเฮลิคอปเตอร์ ที่ดูเหมือนจะเข้าใจเหตุการณ์อยู่กลายๆแม้จะไม่กระจ่างชัดก็ตาม
\"คาวิล คาวิลเอ้ย คาวิล \"น้ำเสียงสมเพศเวทนาอย่างบริสุทธิ์ใจไร้อารมย์อื่นเจือปนดังมาจากคนที่มีศักดิ์เป็นลูกน้องของตน และเป็นต้นเหตุของความงวยงงของทุกๆคน\"เกิดมาในชีวิตเนี่ยเคยดูหนังกับชาวบ้านเขาบ้างรึเปล่า? ไอ้เรื่อง \"
แผ่นโพลิก้อนที่จำลองผิวหนังมนุษย์ได้อย่างละเอียดถูกถลกออกจากหัว เผยให้เห็นสีหน้ากวนโอ๊ยอันเจนตาหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง แผ่นอิเล็กทรอนิกส์บนคอถูกลอกตามออกไป ปลดปล่อยน้ำเสียงที่แท้จริงให้ทุกคนประจักษ์
\"mission impossibleน่ะ \"
!!!
อย่าว่าแต่คนโดนหักหน้าเต็มๆเลย แม้แต่ผู้ร่วมเหตุการณ์ยังอดอ้าปากค้างไม่ได้ ความจริงที่ปรากฏทำให้สมองอันมึนตื้อของแต่ละคนอาการหนักไปกันใหญ่ โดยเฉพาะผู้เป็นนายจ้าง ที่ไม่ได้นึกมาก่อนเลยว่าคนที่หายสาปสูญไปแล้วในความคิด จะกลับมายืนอยู่ตรงนี้ และที่สำคัญคือหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด อนาคตบอสใหญ่แห่งราชิตกรุ๊ปกระเดือกน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ
\"มิคาอิล! \"
เฮอะๆ ว่าแล้วว่าต้องมาแบบพระเอกหนังฮอลลิวู้ดอีหรอบนี้ หนึ่งในผู้เฝ้ามองที่แม้สติจะกลับมายังไม่เต็มที่นัก แต่ก็พอดูเหตุการณ์ออกและนึกขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
\"ไอ้ตัวกินแรง \"
ผู้ทรยศแยกเขี้ยวด้วยความโกรธแค้น ความรู้สึกหลายร้อยประการพลุกพล่านอยู่ในใจจนการบรรยายเป็นคำกล่าวมิอาจระบายมันออกมาได้ มันตลบหลังชั้น! หลอกชั้น! อยู่ข้างหลังและคอยหัวเราะเยาะชั้นมาตลอด! ไอ้สุนัขรับจ้าง!!!
\"อ๊าคคคคค!!!!!!!\"
ปัง! กระสุนนัดที่สองในลูกโม่กระทบแขนพับอีกข้างจนใช้การไม่ได้ ก่อนที่นัดต่อๆมาจะกวาดปูพรมไปทั่วร่าง ประกายไฟจากปลายลำกล้องสว่างวาบเป็นระยะ สะท้อนอยู่ในแววตาเยือกเย็นไร้ความปราณีของผู้เป็นเจ้าของจนดูวาวโรจน์ ราวกับสายตาปีศาจ
2..3..4..5..6..7..8..9..10..11
12นัด
ลูกโม่ยุติการหมุนลง
เจ้าของปืนที่แท้จริงลดมันลงช้าๆ เหม่อมองอีกหนึ่งชีวิตที่นอนจมกองเลือดไร้วิญญาณอยู่ตรงหน้า ดวงตาที่เคยฉายแววเคียดแค้น ทะเยอทะยานจนเกินตัวบัดนี้เหลือกลานว่างเปล่า สองมือที่เคยไขว่คว้าหาอำนาจลาภยศ บัดนี้แม้แต่กำอาวุธในมือยังทำมิได้ ความโกรธเกลียด ชิงชัง หรือทุกสิ่งที่แสวงหาเจียนคลั่ง
สิ้นลมก็เท่านั้น เอากลับไปด้วยไม่ได้
มิคาอิลถอนหายใจเฮือก ยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางศพอริราชและกลิ่นคาวคละคลุ้งเหมือนไว้อาลัยแก่ทุกดวงวิญญาณ แต่ก็ต้องละกิริยานั้นโดยด่วนเมื่อเสียงฝีเท้ากระทบขั้นบันไดเหล็กดังเข้ามาในโสตประสาท
\"เอ้า! รีน่า \"กระเป๋าหนังถูกโยนไปให้เจ้าของชื่อที่ดูจะยังงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตระครุบไว้\"เดี๋ยวลืม!\"
โครม! พรืดดดดดด!!!!! ผู้มาเยือนล็อตใหม่กระแทกประตูเหล็กออกมาพร้อมกับเสียงปืนดังสนั่น อาเดียโร่กระชากนายจ้างสาวขึ้นบนพาหนะ หลบลูกตะกั่วจากผู้ปองร้ายได้อย่างหวิดหวิด ขณะที่คนอยู่เบื้องล่างโผหลบหลังลังพัสดุข้างๆอย่างรวดเร็วราวกับเรื่องการหนีตายเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดเรื่องหนึ่ง
\"ยกเครื่องขึ้นไปเลย! เดี๋ยวนี้!\"ท่ามกลางบรรยากาศเหมือนสงครามย่อมๆประทุขึ้นอีกครั้ง บอดี้การ์ดหนุ่มตะโกนแข่งกับเสียงใบพัดบวกเสียงปืนกลพลางโบกมือเป็นสัญญาณ ซากิหันไปพยักหน้ากับนักบินแล้วกระชากประตูปิดกันกระสุนไว้อีกชั้น ก่อนที่นักบินจะกระชากคันบังคับขึ้นอย่างไม่ลังเล
คนสั่งชะเง้อดูหลังที่กำบังเล็กน้อย คิดสะระตาวางแผนขึ้นมาลวกๆพลางบ่นในใจ ได้เล่นกายกรรมอีกแหงเลยชั้น เอาวะ!
วูบ กระบอกโลหะถูกโยนออกไปท่ามกลางดงศัตรู ชายหนุ่มฉวยโอกาสขณะที่ผู้ปองร้ายชะงักมองวัตถุปริศนาลอยคว้างกลางอากาศวิ่งกระโจนไปยังเฮลิคอปเตอร์ มือข้างหนึ่งเอื้อมหมายจะคว้าสกีของเครื่อง อีกมือวาด.357คู่กายไปยังกระบอกบรรจุไนโตรกลีซอรีนไว้ภายในพลางกลับตัวกลางอากาศ
ปัง กระสุนนัดที่13แล่นออกจากลำกล้อง
บึ้ม!!!!ระเบิดทำงานของมันได้อย่างซื่อสัตย์ กลบทุกอย่างบนดาดฟ้าให้อยู่ใต้เปลวเพลิงกัมปนาทรุนแรง พาหนะลอยฟ้ากระชากตัวเองพร้อมกับร่างโปร่งที่เกาะอยู่ข้างนอกออกมาจากรัศมีอย่างหวุดหวิด
ฟู่ เจ้าของผลงานพ่นลมออกจากปอดอย่างโล่งอก ก่อนจะก้มลงดูพื้นพสุธาเบื้องล่างแล้วกวาดตามองฮ่องกงยามพลบค่ำอย่างสบายใจ แม้จะเมื่อยแขนไปบ้าง แต่สายลมจากที่สูงปะทะกายก็ชวนให้ผ่อนคลายอย่างประหลาด(สำหรับคนabnormalอย่างเขาอ่ะนะ- -\")
วู้ ไอ้มิชชั่นนี้ทำชั้นห้อยโหนมาสองรอบแล้วแฮะ
ครืด เสียงเปิดประตูเหนือหัวดึงความสนใจให้หันขึ้นไปมองพลางยิ้ม เก็บกระบอกปืนเปล่าๆเข้าซองแล้วเอื้อมไปยึดแขนที่ยื่นลงมารับ...อาเดียโร่ดึงพรืดเดียวถึงภายในห้องโดยสารอย่างง่ายดาย โดยมีสายตาของใครคนหนึ่งจ้องมองด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวอก
เขาอยู่เบื้องหน้าเธอแล้ว คนที่รอคอยมาตลอด
เวลาเพียงไม่กี่วันดูเหมือนนานแสนนานเหลือ
แต่เขาก็กลับมา
\"มิคาอิล!!!\"
รีน่าโผเข้ากอดบุรุษที่รอคอยราวกับเด็กน้อยหลงทางพบกับพี่ชาย น้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลซึมปนกันน้ำเปียกโชกอยู่บนเสื้อ ชายหนุ่มตบหลังคนในอ้อมแขนเบาๆ ยิ้มเหมือนกับปลอบใจในที
\"อย่าร้องไห้น่า เด็กขี้แย \"
\"เรานึกว่านายจะไม่กลับมาแล้ว\"
\"นี่ \"มิคาอิลผลักไหล่อีกฝ่ายออกมาให้สามารถมองหน้ากันได้ชัดๆ\"เราเคยผิดนัดด้วยเหรอ?\"
คู่สนทนาสบตาแล้วส่ายหน้า โผเข้ากอดอีกครั้งแทนคำพรรณนาความห่วงใย บริตวาหัวเราะหึๆกับบรรยากาศแห่งการพบพานเหนือพื้นดินฮ่องกงแล้วเอนหลังพิงผนักเบาะ\"เอาล่ะ \"
เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงช้าๆอย่างเหนื่อยอ่อน\"จบเรื่องกันซะทีสินะ \"
ใช่ ทุกอย่างจบแล้ว
อาเดียโร่หันไปมองออกนอกหน้าต่างเหมือนกำลังเข้าภวังค์ มิคาอิลกลับมาแล้ว บริตวาไม่เป็นไร รีน่าพ้นอันตรายทันทีที่ถึงเซฟเฮาส์ และถ้าไม่ผิด ในวันพรุ่งนี้ โทยะจะต้องหาตั๋วเครื่องบินพาเธอกลับแอลเอได้อย่างปลอดภัย งานของพวกเขาก็เสร็จสิ้น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้นเอง
พระอาทิตย์ แตะขอบฟ้าด้านตะวันออกอีกครั้ง
\"เฮ้ย โพกหัวเป็นมอญมาเลยเหรอวะ? \"
คนถูกทักแตะผ้าก็อตบนศรีษะ เดินโผเผทรุดลงนั่งบนโซฟาข้างๆกันด้วยอาการเหมือนยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์ยาเท่าไหร่\"ไม่ต้องพูดเลย ชะ ไม่ช่วยเหลืออะไรกันซักอย่าง ยืนดูตลอดทำเป็นสะใจ โผล่มาทียังกะทอมครูซ หน้าตาเหมือนหน่อยจะไม่ว่าหรอก อันนี้อย่างกะจิ้งจก โอย มึน\"
คนทักพอโดยใส่เป็นชุดก็แหยงไปเหมือนกัน\"สวดใหญ่เชียวนะเฮ้ย \"
\"มันพูดก็ถูก \"อาเดียโร่หันไปถือหางบริตวาอย่างเต็มที่\"นายน่ะอู้งาน อยู่ๆทิ้งให้พวกชั้นรับผิดชอบงานให้นาย ได้ค่าตัวเท่ากันก็จริงแต่พวกชั้นทำงานหนักกว่าว่ะ แล้วนี่มันเรื่องอะไรต้องปล่อยให้คุณรีน่าเค้ารอนายอยู่ตั้งนานวะ?\"
คู่สนทนาส่ายนิ้วพลางหรี่ตาท่าทางเจ้าเล่ห์\" มันเป็นวิธีของชั้นเว้ย ถ้าชั้นช่วยนายออกมาซะดื้อๆตอนนั้นก็ตายเรียบอ่ะดิ ไอ้ชั้นมันไม่ใช่ขาบู๊เแหลกเหมือนพวกนายซะด้วย\"
\"ติดสันดานสายลับเก่ามาว่างั้น?\"ผู้เป็นสหายดักคอทันควัน
\"ช่างชั้นเหอะน่ะ\"
\"เฮ้ย เดี๋ยว \"อยู่ๆอาเดียโร่ก็กล่าวน้ำเสียงซีเรียสขึ้นมา\"นายมั่นใจได้ยังไงวะว่าคุณรีน่าจะปลอดภัย? นี่มันยังเป็นฮ่องกงนะโว้ยไม่ใช้ญี่ปุ่นอย่าลืม\"
\"ก็คงไม่ปลอดภัย ถ้าตอนนี้ชาง ลียังอยู่ที่นี่ \"บริตวาผู้คุ้นเคยกับกลไกในองค์กรดีเริ่มแถลงไข\"แต่ตอนนี้มิสเตอร์ชางอยู่ที่มอสโค เรื่องนี้ขนาดคาวิลหรือบรั้คยังไม่รู้ \"
\"แต่นายรู้?\"
คนเล่ายิ้มเศร้าๆ\"จะให้ชั้นบอกไหมล่ะว่าทำไมชั้นถึงรู้ทุกอย่างที่มิสเตอร์ชางทำ?\"
คนถามชะงักกึก ก่อนจะยกมือขึ้นเชิงขอโทษขอโพย\"โทษทีๆ ลืมว่ะ ว่าต่อไป \"
\"และเรด ดราก้อนถือเป็นสำนักงานที่ใหญ่และสำคัญที่นึง ตอนนี้คนระดับสั่งการได้ก็ไม่เหลือ คนของชางคงวุ่นวายกันอยู่ ถ้าเราออกจากเกาะฮ่องกงได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงเราจะปลอดภัย แต่ถ้านานกว่านั้นคงอันตรายหน่อย\"
สิ้นประโยค เจ้าของปุจฉาค่อยๆก้มหน้าลงมองพื้นอย่างรู้ชะตากรรม ความใจหายพุ่งแปลบเข้ามาในหัวใจ\"ช้ากว่านั้นไม่ได้สินะ \"
เวลา ยิ่งอยากเหนี่ยวรั้ง ยิ่งผ่านไปเร็วเสมอ
เพื่อนร่วมทีมที่เหลือมองสีหน้าซึมๆของชายหนุ่มชั่วครู่ ก่อนจะเงยขึ้นมองหน้ากันแล้วตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง\"เฮ้ย บริต นายไม่ไปส่งคุณรีน่ากับเราจริงๆเหรอวะ?\"
เจ้าของชื่อส่ายหน้าพลางยิ้มบางๆ\"ไม่ล่ะ วันนี้ชั้นมีธุระ \"
คู่สนทนาเหลือบมองฟ้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเหลือบไปเห็นปฏิทินบนผนัง\"อาฮะ ธุระสำคัญซะด้วย \"
อยู่ๆชายหนุ่มกลับเปลี่ยนคู่สนทนากลางอากาศเสียอย่างนั้น\"เฮ้ อาเดี้ยน \"เขาเรียกชื่อสั้นๆ อันมีน้อยคนนักที่จะเรียกได้ และนั่น ทำให้อีกฝ่ายหลุดจากภวังค์ความคิดตนเองขึ้นมา
\"หา ว่าไง?\"
มิคาอิลก้มลงจ้องแววตาของคู่สนทนานิดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะในคอราวกับกุมความลับสำคัญอะไรไว้อย่างเต็มกำลัง\"อยากรู้รึเปล่าว่ารีน่าจ้างชั้นเพราะอะไร?\"
ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย แต่แววตาที่ส่งมาบอกชัดว่าอยากรู้ไม่ใช่น้อย ผู้กุมความลับยิ้มพลางเลิกคิ้ว\"เพราะว่าเหงาไงล่ะ ขอบอกนะว่าคุณผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เค้ารู้หมดน่ะแหละว่าเราแต่ละคนเป็นคนยังไง มองตาแป็บเดียวความลับในหัวใจหายหมด ถึงเธอจะเก่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเพื่อนนี่
ภาพที่ทุกๆคนเห็นรีน่า คือนางพญาเชิดสนิทชนิดผู้ชายอกสามศอกดูด้อยค่า ทุกคนรอบข้างจึงคนหาสมาคมแบบเทิดทูนบูชามากกว่า หาคนที่จะปรับทุกข์เล่นหัวอย่างสนุกสนานที่เรียกว่า\"เพื่อน\"ไม่ได้ ชั้นไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ เธอเป็นคนบอกชั้น ตอนแรกเธอก็ไม่ได้มั่นใจอะไรว่าจะสามารถพึ่งพาอะไรชั้นได้รึเปล่า ชั้นเองก็สงวนท่าทีเห็นว่าเป็นนายจ้าง แต่พอปรับทุกข์กัน ชั้นก็เป็นอย่างที่เขาต้องการได้ ดังนั้น นายเลิกแปลกใจและมองชั้นด้วยสายตาประหลาดได้แล้ว ชั้นไม่แย่งสิ่งที่นายรักไปหรอกนะ\"
ประโยคผ่านๆง่ายๆเหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่พูดสะดุดใจคนฟังจนต้องย้อนถามซ้ำอีกครั้ง\"อะไรนะ?!\"
\"สะดุ้งเป็นปลาโดนช็อตเลยนะเฮ้ย \"ได้ทีขี่แพะไล่ มิคาอิลยิ้มเจ้าเล่ห์หน้าตากวนส้นสุดๆ\"ตาไม่บอดหูไม่หนวกใครเขาก็รู้เว้ยว่านายคิดยังไงกับเขา คิดให้ดีนะเพื่อนนะ ชั้นอุตส่าห์บอกไปแล้วว่าหัวใจของโฉมสะคราไม่ได้อยู่ที่ชั้น..\"
ฝั่งหนึ่งของโซฟา หนุ่มเพื่อนร่วมทีมที่นั่งฟังเงียบๆมานานหัวเราะกึกกับคำขนานนาม\"โฉมสะครา \"
\"ดังนั้น\"คนเล่าหาสนใจเสียงปูเสียงปลาไม่\"เลิกเถอะว่ะ อย่าเอาคำพูดง่ายๆทิฐิเก่าๆจำพวกเธอเป็นนายจ้าง เราเป็นลูกจ้าง แค่ร่วมงานกันชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จากกันไป มันน้ำเน่า ใช้เสียงหัวใจบอกสิวะ(\"ก็เน่าพอกัน \"เสียงคนจากอีกฝั่งโซฟาที่กลายเป็นมอญโพกผ้าไปเบรกไม่เลิก คนถูกเบรกถึงกับต้องหันมาท้า\"ต่อยกันหลังบ้านเลยมั้ย?\") อย่างตัวชั้นเองเป็นแค่เพื่อน ไปส่งเธอให้ถึงแอลเอตามที่ในสัญญาเขียนไว้ก็จบ เรายังเป็นเพื่อนกันต่อได้ แต่ชั้นไม่เคยคิดจะตามไปคุ้มครองเธอถึงที่ไหนๆของโลกถ้าไม่มีเงินรับจ้าง ไม่เหมือนนายนะโว้ย ทุกสิ่งที่นายทำ มันมาจากหัวใจ ไม่ใช่หน้าที่หรืออามิสนี่หว่า?
คิดให้ดี ชั้นขอเตือนอีกครั้ง เวลาน่ะ ยาวนานและรวดเร็วกว่าที่นายคิดไว้มากนัก \"
ความเงียบ เข้าปกคลุมอีกครั้ง ประโยคสุดท้ายที่ผู้เป็นเพื่อนกล่าวเตือนไม้ได้มีแววกะล่อนล้อเล่นเหมือนที่ผ่านมา ทุกสายตาหันมามองผู้อยู่ในวังวนแห่งการตัดสินใจอย่างจดจ้องราวกับอยากจะเห็นคำตอบที่อยู่ในใจ
เสียงฝีเท้าดังแทรกการสนทนาให้หยุดชะงักลงแค่นั้น สามทหารเสือเงยขึ้นมองผู้มาเยือนแล้วลุกขึ้นยืนเหมือนรู้หน้าที่ดี หัวหน้าโซนคาบสมุทรเกาหลีพยักหน้ากับบอดี้การ์ดทั้งสามเสียง่ายๆ
\"เอาล่ะ ไปกันเถอะ \"
บริตวายืนนิ่ง ปล่อยให้ทุกคนรอบกายเดินผ่านเขาไปโดยไม่ขยับตัวเหมือนยืนยันคำพูดของตัวเอง รีน่าหันมาสบตาชายหนุ่มที่เธอตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย หยั่งใจถามเป็นครั้งสุดท้าย
\"ไม่ไปส่งจริงๆหรอ?\"
คู่สนทนายิ้มพลางส่ายหน้า แววเย็นชาไร้ความรู้สึกละลายหายไปไหนไม่มีใครรู้ได้ ราวกับว่าตัวยาที่เขาได้รับเข้าไปจะออกฤทธิ์ละลายน้ำแข็งในจิตใจจนมลายไปหมดสิ้น\"ไม่ล่ะคุณผู้หญิง ผมบอกแล้ววันนี้ผมไม่ว่าง \"
\"นี่ \"คุณผู้หญิงกล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ\"เมื่อไหร่คุณจะเลิกเรียกชั้นว่าคุณผู้หญิงซะทีเฮอะ? พอได้แล้วนะ มันฟังดูยังไงไม่รู้ \"
อีกฝ่ายหัวเราะในคอเบาๆตามสไตล์\"จะพยายามครับ คุณผู้หญิง\"
อาการส่ายหน้าเหมือนยองยกธงให้เป็นสิ่งที่ได้ตอบกลับมา หญิงสาวแตะไหล่คู่สนทนาเป็นเชิงร่ำลาก่อนจะผละจากไป\"งั้น โชคดีนะบริต \"
บริต
น้อยคนนักที่จะเรียกได้อย่างสนิทใจ
เจ้าของชื่อมองตามหลังผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตนายจ้างด้วยแววตาส่องประกายลึกอยู่ข้างใน ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาผ่านสายลมโดยไม่มีใครได้รับรู้\"โชคดีเช่นกันนะ รีน่า \"
ห้านาที ถ้าเครื่องไม่เลท ก็น่าจะมาถึง
ชายหนุ่มลดนาฬิกาข้อมือลงด้วยความรู้สึกแสนจะหดหู่ ห้านาที งานของเขาจะสิ้นสุดลง เธอก็กลับสู่ถิ่นที่เธอจากมา เขาก็กลับไปล่องลอยอีกครั้ง ความสัมพันธ์จะกลายเป็นเส้นขนาน ทุกอย่างที่ผ่านมาทั้งหมด เวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน อีกสิบนาทีเท่านั้นที่มันจะกลายเป็นอดีตไปหมดสิ้น
เวลา รวดเร็วและเนิ่นนานทรมานเสมอ
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการจากลา เหมือนมีม่านอะไรบางอย่างขวางกั้นทั้งสองไว้ มิคาอิลนั่งมองสีหน้าเหม่อลอยที่ไม่เงยขึ้นมองกันเองแม้แต่แวบเดียวอย่างอึดอัด แต่จนใจนึกไม่ออกจริงๆว่าจะทำให้ทั้งคู่เงยขึ้นมาจากพื้นได้อย่างไรกัน ให้ตายสิ ไอ้การเป็นพ่อสื่อแม่ชักนี่ชั้นก็ไม่ถนัดซะด้วยสิ
R R R
อูย ตายล่ะหว่า เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูเบอร์แล้วหน้าแหยง มองซ้ายขวานิดหนึ่งก่อนจะยอมกดรับ\"เอ่อ ครับผม\"
\"มิคาอิล!!!\"
เสียงใสพ่นแว๊ดทันทีที่หูแนบโทรศัพท์ ทำเอาคนรับสะดุ้งผงะออกแทบไม่ทันแม้จะรู้ตัวอยู่แล้วก็ตาม\"ไหงบอกจะจ่ายต้นทบดอกไงยะ?!! รู้รึเปล่าไอ้อุปกรณ์ที่นายสั่งทำน่ะค่าต้นทุนเป็นหมื่น เอาไปใช้แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆอย่างงั้นหรอหา คราวที่แล้วก็ยังไม่จ่ายคราวนี้ยังเบี้ยวอีกนี่ไม่ต้องมีชีวิตอยู่เลยดีมั้ยฯลฯ \"
ชายหนุ่มตะครุบโทรศัพท์หน้าตาเลิกลั่กราวกับกลัวเสียงคนที่อยู่อีกฝั่งสายจะกระจายไปทั่วบริเวณ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงขอตัวและแยกออกไปเคลียร์กับเจ้าหนี้ ท่ามกลางสายตาของผู้เป็นเพื่อนที่ยอมเงยหน้าจากพื้นขึ้นมามองด้วยสายตาประหลาด\"โถ่..เซเรนจ๋า ฟังก่อนคืองี้..\"
ที่นั่งรอเครื่องบินเหลือเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น
สองหนุ่มสาวค่อยๆหันมามองหน้ากับด้วยความรู้สึกที่ ไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร(ซึ่งเป็นสิ่งที่อีกหลายวันต่อมาบริตวาหัวเราะหึๆแล้วอรรถาธิบายให้คนถามคลายกังขา\"แถวบ้านชั้นเรียกว่าเขิน \")แต่สิ่งที่รู้คือไอ้ที่วูบๆอยู่บนใบหน้านั้นลดความสามารถในการเจรจาลงไปได้อย่างมหาศาลเลยแฮะ
\"เอ่อ \"
ครั้งจะกล่าวออกมาก็ดันขึ้นพร้อมกันซะอีก อาเดียโร่ส่ายหน้าพลางลูบต้นคอตัวเองเผื่อไอ้อาการคำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้นมันจะเจือจางลงไปบ้าง ขณะที่คู่กรณีนั่งยิ้มรอฟังเหมือนให้โอกาสพูดก่อนอยู่กลายๆ
\"คือ คุณถึงแอลเอแล้วจะเอาไงต่อ?\"
\"ไม่รู้สิ อันดับแรกมิคาอิลคงลากชั้นเข้าโรงหนังฉลองการถึงบ้านอย่างปลอดภัย เขาบอกตั้งแต่รับมิชชั่นนี้มายังไม่ได้ดูเดอะลอร์ดฯเลย ไม่รู้จะเหลือโรงให้เข้ารึเปล่า \"
\"เหรอ \"
\"แล้วคุณล่ะ?\"
คู่สนทนากลืนน้ำลายพลางนิ่งคิดอนาคตตัวเอง\" ไม่รู้สิ พักร้อนมั้ง งานนี้จะว่าไปก็สาหัสสากรรจ์ไม่น้อย หรือไม่ก็ตามหาอะไรบางอย่าง\"
\"อะไรหรอ?\"
\"หัวใจตัวเองมั้ง \"
รีน่าก็รีน่าเถอะ เจอมุขนี้เข้าไปถึงแม้มันอาจจะไม่เกี่ยวกับตัวเธอด้วยซ้ำ แต่ก็อดสะดุดลึกๆในใจไม่ได้\"เหรอ \"หญิงสาวหัวเราะเหมือนพยายามเห็นเป็นเรื่องตลก แม้ในใจจะหวิวๆอย่างประหลาดด้วยสังหรณ์ส่วนตัวก็ตาม
\"ที่ไหนล่ะ?\"
\"แอลเอไง \"ถึงตรงนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าอะไรมาดลใจให้พูดออกไปเฉนนั้น แต่สิ่งที่ระลึกอยู่เสมอคือไม่ได้เสียใจเลยที่กล่าวคำนั้นออกไป\"ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะรู้ตัวรึเปล่า แต่ผมรู้แล้วกันว่าตอนนี้หัวใจของผมอยู่กับเขา รีน่า ถ้าคุณพบเขา ฝากบอกเขาด้วยว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน หรือรู้ตัวหรือเปล่าว่าหัวใจของผมอยู่กับเขา ขอให้เขาพึงระลึกไว้เสมอว่าถึงจะรังเกียจเดียดฉันท์หรือไม่ก็ตาม กรุณาอย่าทิ้งมัน ปล่อยให้มันอยู่ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าทิ้งมันไป มันก็คงจะไม่กลับมาหาผมอีกแล้ว ถ้ามันยังอยู่กับเขา อย่างน้อย ผมก็ยังรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน มันมีความสุขที่จะอยู่กับเขา มากกว่าอยู่อย่างเดียวดายอ้างว้างกับคนที่ไม่มีอะไรอย่างผม\"
แม้ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้ใกล้ชิด แต่แววตาวาววะวับจริงใจไร้การเสแสร้งก็ตรึงเธอให้อยู่ในภวังค์ราวกับเป็นอ้อมกอดบางเบาโอบล้อมกายเอาไว้\" ชั้นคิดว่าชั้นไม่ต้องบอก หัวใจที่ตามเขาไปทุกที่ก็คงจะป่าวร้องให้เขารู้สามเวลาอยู่แล้วล่ะ\"
เจอคำตอบแบบนี้ คนกำลังบิ้วท์อารมณ์ซึ้งๆถึงกับหัวเราะอย่างอดไม่ได้\"ครับ แต่บอกเขาหน่อยก็ดี ผมรู้น่าว่าเขาไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก \"
\"เที่ยวบินที TG850 \"เสียงประกาศถึงการมาเยือนของสายการบินที่รอคอยดังขึ้น เธอลุกขึ้นเตรียมเดินทางอย่างรวดเร็วเพราะรู้ดีว่าเครื่องบินไม่รอท่าเท่าใดนัก หากไม่มีมือของใครใครคนหนึ่งคว้าข้อมือไว้
\"นะครับ ผมฝากถึงเขาด้วย \"
ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่สัมผัสข้อมืออยู่ค่อยๆซึมเข้าไปถึงจิตใจอย่างรวดเร็ว คู่สนทนายิ้มบางๆให้กับสายตาอ้อนวอนรอคอยคำตอบก่อนจะพยักหน้า\"อื้ม ชั้นรับฝาก \"
แค่นี้แหละ
แค่คำเดียว ที่รอมานานแสนนาน
สีหน้าของคนได้รับคำตอบพลันเต็มตื้อไปด้วยความปิติและอะไรอีกหลายอย่างขึ้นมาพร้อมๆกัน จนเก็บอาการไว้ได้ลำบาก เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เจตนาดึงความสนใจอย่างเต็มที่ไม่ทำให้คนทำผิดหวัง ทั้งคู่หันไปมองผู้มาเยือนที่เลิกคิ้วเข้มเห็นมาแต่ไกลแล้วหยุดผายมือเชื้อเชิญผู้เป็นนายจ้างอย่างล้อเลียน
\"เชิญเสด็จสู่ราชยนตร์พะยะค่ะเจ้าหญิง \"
คนถูกเรียกว่าเป็นเจ้าหญิงหัวเราะให้กับคำขนานนามของอีกฝ่าย รอยยิ้มที่ให้กับผู้รับเป็นสหายแตกต่างกับที่ให้แก่เขาอย่างสิ้นเชิง เธอย่อลงนิดหน่อยเป็นเชิงรับมุขคู่สนทนา\"จ้า พ่ออัศวิน \"
แม้ทั้งคู่จะควงแขนเดินจากไป แต่อาเดียโร่กลับไม่รู้สึกผิดปรกติใดๆทั้งนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าแววตาที่เธอมองมิคาอิลไม่ใช่แบบที่เธอมองกับเขา ไม่ใช่ แบบที่เขาจะจดจำไปชั่วชีวิตก็ได้
มิคาอิลหันมาขยิบตาให้นิดหนึ่งทำนองว่า\"ใช้ได้นี่หว่า สำนวนขุนแผนใช่หยอก \"
ตั๋วเครื่องบินถูกยื่นให้กับพนักงานตรงหน้าปากอุโมงค์งวงช้าง ระหว่างที่กำลังถูกสำรวจพาสปอร์ตเป็นครั้งสุดท้ายเธอหันกลับไปมองเส้นทางที่จากมาช้าๆ
ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นอย่างที่คิดไว้
นึกแล้ว หญิงสาวยิ้มพลางหันไปรับเอกสารจากพนักงานตรงหน้า ความจริงเขาจะอยู่ตรงนั้นหรือไม่มันไม่สำคัญนักหรอก
แค่รู้สึกถึงหัวใจดวงหนึ่งที่อยู่กับเธอตลอดเวลาและไม่มีวันเลือนหาย..แค่นั้นก็พอแล้ว
ครืน
คลื่นลูกแล้วลูกเล่าเคลื่อนกระทบโขดหินเป็นระยะ ราวกับจะขับกล่อมหนึ่งดวงวิญญาณที่หลับไหลอยู่ตรงนี้นานนับอนันต์กาล ข้างป้ายหินอ่อน ลิลลี่สีกระดาษถูกรวยเป็นช่อเรียบๆแต่สวยงามและมีความหมาย ผู้นำมันมายืนมองภาพในป้ายหินอ่อนเหนือหลุมฝังศพคนที่เขารักที่สุดในชีวิตด้วยแววตาสงบ ไม่มีความอ้างว้าง ไม่มีความเย็นชา ไม่มีความโกรธแค้นใดๆเหลืออยู่
คุณพูดถูก
สิ่งที่ไม่ใช่ของเรา เราเหนี่ยวรั้ง ยึดถือไม่ได้
ความโกรธแค้น อดีต ความเจ็บปวดนั้นล่องลอยและไม่มีตัวตน ไม่ใช่สิ่งที่เราจะครอบครองได้ แต่ความทรงจำและความรัก
เราสามารถดูแลมันได้ แต่จะครอบครองมันไว้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับใจของเรา
แว่นใสในกระเป๋าถูกควักออกมาสวมอย่างง่ายๆ เงยขึ้นมองฟ้าราวกับจะให้มั่นใจว่าพระเจ้ายังดูแลเธออยู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก หันหลังให้กับพื้นหญ้า คลื่นลม แสงแดด กลับไปสู่ชีวิตในปัจจุบัน ไม่ใช่ในความทรงจำที่แสนงดงาม แต่เขาก็ไปได้ไม่นานหรอก
สักวันก็ต้องกลับมาอีกครั้ง ตามสัญญา
THE END
***
Special thank
D2B & artist of rs-promotion for character
Linkin park & soundtrack of mission impossible II & soundtrack of pirate of the Caribbean for soundtrack of Custodian devil
**ขอบคุณทุกๆท่านที่ทั้งคอมเมนท์และไม่คอมเมนท์ ขอบคุณทุกคะแนนและคำติชม ขอบคุณท่านโบว์(เชื่อว่าท่านอ่านมาจนถึงตรงนี้แน่)สำหรับคำปรึกษาที่ดีตลอดมา ขอบคุณท่านmorogcoที่เชียร์บริตวาจนออกนอกหน้า(ใจเดียวกันกับคนเขียน ฮ่า^^) ขอบคุณท่านอื่นๆที่ข้าบาทมิได้กล่าวขานเรียงนาม นั้นเป็นเพราะความจำอันน้อยนิดของข้าบาทหาใช่จิตใจไม่ ขอบคุณผีนิยายทั้งหลายที่เข้ามาอ่านโดยไม่โผล่ออกมาจากมุมมืด แต่เชื่อแน่ว่าทุกคะแนนที่อยู่ข้างบนมาจากท่านไม่มากก็น้อย และที่สำคัญคือทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ คำพูดมิอาจเสนอสิ่งที่อยู่ภายในจิตได้ทั้งหมด แต่คนเขียนอยากบอกทุกท่านอกครั้งว่า ขอบคุณทุกท่านจริงๆm(_ _)m
marvolo
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น