ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    custodian devil

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 47


    โลกรอบกายค่อยๆสว่างขึ้น…

    ภาพมัวๆเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง…

    อากาศรอบข้างเย็นเยือกด้วยอำนาจเครื่องปรับอากาศ…

    แต่ที่เธอไม่รู้ คือตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?

    หญิงสาวกระพริบตาช้าๆ ปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างยามทิวาอย่างมึนงง ก่อนจะหันไปมองรอบๆกาย…เตียงสีขาวแบบของโรงแรมชั้นหนึ่ง ผ้าห่มสีเดียวกับคลุมอยู่บนตัว แต่แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนผ้าห่ม และเมื่อไล่เรี่ยสายตาไปตามแขนเรียว บางของงตนเอง…

    ปลายเข็มที่กำลังถูกไล่อากาศกลับปรากฏในสายตา!

    !!!

    “ใจเย็น…”ก่อนที่เธอจะขยับด้วยอารามตกใจ มือลึกลับที่ไม่รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของมาอยู่ข้างเตียงอีกฝั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยื่นมากดไหล่ทั้งสองลงอย่างสุภาพพลางอธิบายน้ำเสียงเรียบเฉย”แค่จะฉีดยาลดไข้ ไม่มีอะไร…”

    หญิงสาวได้แต่กรอกตามองเข็มที่ปักลงบนแขน แล้วไล่น้ำใสในหลอดเข้าไปในเส้นเลือดช้าๆจนหมดหลอด…ชายหนุ่มดึงมันออก ใช้สำลีกดแผลไว้ เอื้อมมืออีกข้างวางบนซอกคอ แล้วถอดแว่นออกโดยมีสายตาผู้ป่วยมองตามทุกอากัปกิริยาด้วยหลากอารมย์ลอยคว้างอยู่ภายใน

    “ไข้ลดลงเกือบจะปรกติแล้ว แต่ผมฉีดดักไว้เข็มนึงเผื่อไข้ขึ้น…”บริตวารายงานพลางหยิบสำลีออกจากท้องแขน ขณะที่อาเดียโร่ปล่อยมือจากไหล่ทั้งสองของเธอ”โอเคมั้ย?”

    ดูจากสีหน้าอันตื่นงงและหวาดระแวงแล้ว ท่าทางสภาพจิตใจของอีกฝ่ายอาจจะยังไม่ดีนัก”พวกคุณ…เป็นทีมเดียวกันกับมิคาอิลอย่างนั้นหรอ?”

    “ผมอาเดียโร่ นี่บริตวา”ชายหนุ่มแนะนำตัวง่ายๆ”มิคาอิลติดต่อมาว่าจะมีอะไรบางอย่างให้พวกเราช่วยเหลือ ผมอยากจะรู้ว่ามันคืออะไร และมันเกิดอะไรขึ้น…”เขาทรุดลงนั่งข้างๆเตียง แววตาเย็นชาเหมือนน้ำแข็งเคลือบทำให้เธอรู้สึกหนาวขึ้นไปอีก”ถ้าคุณอธิบายได้ ผมอยากให้คุณพูด…”

    กลุ่มเดียวกันกับมิคาอิลเหรอ…

    ทำไมนิสัยถึงได้ต่างจากเขามากนักนะ?

    จริงอยู่ แววตามิคาอิลช่วงแรกก็ไม่ต่างกัน แต่เธอมองแล้วรู้ดี…มิคาอิลเพียงแค่”สงวนท่าที”แต่ผู้ชายคนนี้”เย็นชาเป็นน้ำแข็ง”ของจริง เธอผ่านการปกครองคนมามากพอควร รู้วิธีการมองว่าใคร เป็นอย่างไร

    ที่เธอเลือกมิคาอิลเป็นบอดี้การ์ดรับจ้างรอบนี้ก็เพราะเหตุนี้…

    รีน่าพบเขาบ่อยๆ…บางทีก็เขาเพียงคนเดียว บางทีก็ทั้งสามคน หรือไม่ก็มาเป็นคู่ รู้แค่คร่าวๆว่าทั้งสามเป็นบอดี้การ์ดอิสระ รับจ้างคุ้มครองตามแต่ที่อยากจะให้ไป บางที…เธอก็เห็นพวกเขาเดินวนเวียนเหมือนแขกทั่วไปตามงานโชว์อัญมณี บ้างก็นักธุรกิจระดับโลก หรือแม้กระทั่ง บางที…เห็นพวกเขาก้าวขึ้นมาจากเรือพร้อมกับเฮโรอีนจากแอฟริกาใต้ และหายไปอย่างไร้ร่องรอยมื่องานคุ้มกันสินค้าสำเร็จลง

    เธอรู้ ทุกคนรู้ว่าพวกเขาฝีมือดี ชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของโลก เธอจึงเลือกมิคาอิล หนึ่งในทีมฝีมือระดับพระกาฬ…

    แต่เหตุผลส่วนตัว ไม่มีใครรู้กับเธอด้วย…

    “มิคาอิลอยู่ที่ไหน?”อาเดียโร่แยกคำถาม และนั่นทำให้เธอหลุดจากภวังค์ได้…

    “ชั้นไม่รู้…”

    ความตกใจอยู่ในแววตาของทุกคน แต่พวกเขาก็นิ่งพอที่จะเปิดโอกาสให้เธออธิบายต่อไป”เราถูกคาวิล หัวหน้าราชิตกรุ๊ปโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทรยศ…เหมือนมิคาอิลจะรู้ตัวอยู่กลายๆ ทั้งที่วันนี้เราจะเริ่มการประชุมโซน แต่เมื่อคืนเขากลับลากชั้นไปเช็คเอาทแล้วบอกว่าเรากำลังถูกทรยศ พอเขาขับรถออกมา ก็มีคนสะกดรอยตามเรามา และไม่ใช่ตามเฉยๆท่าทางเตรียมมาเก็บโดยเฉพาะเลยล่ะ…

    ท่าทางมิคาอิลตอนนั้นอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนเป็นอะไรสักอย่าง ดูผิดสังเกตไป…ซักพักเขาก็ขับรถหลุดสายตาพวกมันครู่หนึ่ง เขาปล่อยชั้นลงตรงซอยเล็กๆข้างทาง ประโยคสุดท้ายที่ชั้นได้คุยกับเขาคือ”เรามีเวลา30วินาทีก่อนที่พวกนั้นจะพ้นหัวมุมถนนมาได้…เดินตามซอยนี้ไปจนถึงถนนใหญ่อีกฝั่ง คุณจะเห็นโรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุดในบริเวณนั้น ถึงแล้วขึ้นไปห้อง952 ทีมของผมอยู่ตรงนั้น ไปให้เร็วที่สุด ถอดเสื้อนอกทิ้งไป พวกมันจะจำคุณได้ถ้ามันเห็นคุณอยู่ไกลๆ…พวกมันตัดเครื่องติดตามไว้ที่รถคันนี้ ดีไม่ดีอาจจะมีระเบิดด้วย ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน แต่ผมจะล่อมันไปก่อน ผมจอดนานไม่ได้เดี๋ยวจะผิดสังเกต ดูแลตัวเองให้ดีนะ เดี๋ยวเคลียร์เรื่องนี้เสร็จผมจะตามไปสมทบ…”

    หลังจากนั้น ชั้นก็วิ่งฝ่าพายุฝนมาตลอด แม้ว่ามิคาอิลจะส่งชั้นลงในที่ๆใกล้และปลอดภัยที่สุด แต่ชั้นก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการมาที่นี่ ทั้งต้องคอยหลบพวกทรยศที่ขับรถพล่านทั่วกรุงเทพ ระยะทางที่ไกลเกือบเป็นกิโลที่ชั้นต้องอ้อมไปเพื่อหาเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด ถนนหนทางที่ไม่คุ้นเคย พายุฝนอันบดบังทัศนีย์ภาพ แต่ในทีสุดชั้นก็มาถึงตรงนี้ โดยที่ไม่มีลูกน้องของคาวิลคนไหนพบเห็นชั้น แต่มิคาอิล…ชั้นไม่รู้…”

    ประโยคสุดท้ายของหญิงสาวเลือนหายไปในคอพร้อมกับเสียงถอนหายใจ ขณะที่สองหนุ่มมองหน้ากันด้วยสายตาประหลาด ความเงียบ…ชนิดเสียงลมหายใจยังถูกกลืนหายไปกับความคิดของแต่ละคนแผ่ปกคลุมบรรยากาศยามเช้าจนรู้สึกถึงความตึงเครียด แต่สุดท้าย…เสียงเนื้อผ้าเสียดสีกับโซฟาเมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลันทำลายมันลง

    “เข้าใจล่ะ”อาเดียโร่กล่าวน้ำเสียงไม่แปลกใจ”เก็บของ เตรียมตัวกัน เราจะต้องเช็คเอาทออกจากที่นี่ภายในสิบนาที”

    “เดี๋ยว!”น้ำเสียงเด็ดขาดของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มดังขึ้นอย่างเฉียบขาด แม้จะไม่สามารถหยุดพวกเขาจากการแยกซ้ายแยกขวาเก็บข้าวของที่มีอยู่น้อยนิดได้ แต่เธอรู้ดีว่าพวกเขาฟังเธออยู่

    มิคาอิลก็เป็นอย่างนี้…

    “เราจะไปไหน? มิคาอิลกำลังจะตามขึ้นมาสมทบ เราจะหนีไปไหน?”

    “เราต้องทำตามกฎของบอดี้การ์ด คุณผู้หญิง…”บริตวาตอบน้ำเสียงสุภาพหากแต่เรียบเฉย แถมยังไม่ให้ความกระจ่างใดๆอีกต่างหาก

    “ชั้นรู้ว่าพวกคุณมีกฎของพวกคุณ แต่วางมันไว้ก่อน!”รีน่ายังคงดื้อรั้ง ถือกระเป๋าก้าวตามองร่างสูง โปร่งทั้งสองที่กำลังลับเหลี่ยมประตูไปอย่างไม่ยอมพ่าย”พวกคุณเป็นทีมเดียวกันทำไมไม่รอไปด้วยกัน และที่สำคัญตอนนี้ชั้นต้องการคำอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างนั้นให้กระจ่าง…”

    “คุณหนูรีน่า!…”อาเดียโร่หันมาค้ำวงกบประตู เผชิญสายตากับคนในอารักขาคนใหม่ด้วยน้ำเสียงซีเรียส”ผมขอบอกในสิ่งที่คุณไม่รู้นะ บอดี้การ์ดปกติ…ไม่ทิ้งคนในการคุ้มกับให้อยู่คนเดียวท่ามกลางดงศัตรูเกินห้านาทีหรอก ที่เขาปล่อยให้คุณมาหาพวกผมที่นี่เพราะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขามั่นใจว่าเขาไม่สามารถปกป้องคุณได้อีก นับตั้งแต่คุณก้าวเข้ามาในห้องนี้ ถือเป็นการแตะเปลี่ยนมือผู้คุ้มกันตามกฎของพวกผม ดังนั้น เมื่อตอนนี้คุณอยู่ในการปกป้องของเรา กรุณาให้ความร่วมมือหน่อย และอย่าเพื่องซักถามอะไรตอนนี้จนกว่าเราจะได้ที่กบดานแห่งใหม่ที่ปลอดภัยพอที่จะให้มานั้นเล่นปุจฉาวิสัชนากันได้ ซึ่งมันไม่ใช่ที่นี่! ชั่วชีวิตคุณมีบอดี้การ์ดมามากกว่าสิบคน ดังนั้นคุณคงเข้าใจ…”ผู้คุ้มกันหนุ่มลดแขนลง ขยับหลีบทางให้กับสุภาพสตรีก่อนอย่างผู้เป็นสภาพบุรุษและบอดี้การ์ดที่ดี”เชิญออกไปจากที่นี่เถอะครับ ถ้ามิคาอิลจะตามเรามา เขาจะรู้เองว่าเราจะไปที่ไหน…”

    เธอสบตากับบุรุษตรงหน้าครู่หนึ่ง อะไรบางอย่างในแววตาของเขาทำให้เธอ…ไว้ใจ และรู้สึก…ปลอดภัย…

    “ก็ได้ ชั้นจะไป…”

    หญิงสาวก้าวออกจากธรณีประตู ชายหนุ่มเอื้อมไปดึงลูกบิดงับปิด ก่อนเสียบการ์ดล็อกเป็นครั้งสุดท้าย…นิ่งมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่มีอะไรบางอย่างพุ่มวูบเข้ามาครู่หนึ่ง

    ก่อนที่น้ำแข็งในดวงตาจะแผ่เคลือบมันอีกครั้ง…



    “พวกแกพลาดใช่มะ?”

    ใต้สีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาลุกโชนของผู้มีอำนาจเหนือกว่า ทำเอาสองลิ่วล้อมองหน้ากันเองอย่างลำบากใจ ไม่มีใครกล้าให้คำตอบ

    คาวิลแค่นหัวเราะในคอ ฟังดูไม่ต่างกับเสียงคำรามของสุนัขจิ้งจอก”ชั้นว่าแล้ว…”น้ำเสียงของหัวหน้าโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของราชิตกรุ๊ปไม่มีความแปลกใจเจือจาง แต่มีความโทสะพลุกพล่านเต็มที่”อย่างพวกแกน่ะ จะไปงัดข้ออะไรกับไอ้หมาเฝ้าเจ้านายอย่างมันได้ แต่ที่ชั้นแค้นใจที่สุดแกรู้ไหมอะไร…”

    มาเฟียหนุ่มยืดตัวขึ้นจากท่ายืนพิงโต๊ะ ก้าวช้าๆไปยังคู่สนทนา…รังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมทุกอณูในห้องนั้น ผู้ด้อยอำนาจกว่ายืนก้มหน้านิ่งไม่มีใครกล้าสบตา ทั้งๆที่สีหน้าและน้ำเสียงของผู้กล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

    “พวกแกมีกันกี่คน? ห้า…มันล่ะ? สอง…ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวยังจัดการไม่ได้ ไล่กันอีท่าไหนโดนเก็บไปตั้งสามคนแถมเป้าหมายก็หายไปซะเฉยๆ เอ้อ…นี่ชั้นเลี้ยงมือปืนไว้ขายขนมครกเหรอวะ พวกแกอธิบายมาซิ ตอนนี้ชั้นอารมย์ดีผิดปรกติ อยากฟังว่าพวกแกชุ่ยกันยังไง…”

    ผู้ใต้บังคับบัญชามองหน้ากันอีกครั้ง เหมือนลำคอทั้งสองจะตีบตันพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย\"…มันล่อพวกเราขึ้นไปบนทางด่วน\"หนึ่งในสองกระเดือกน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก\"มันทำอีท่าไหนผมไม่รู้ แต่รถสามคันที่ตามมันขึ้นไปโดนเก็บหมด พวกผมตามไปข้างหลัง ยิงล้อมันจนเสียหลักพลิกคว่ำ แล้วมันทำยังไงรู้ไหมครับ…\"

    คนเล่าหยุดพักนิดหนึ่ง ภาพที่ยังติดตาทำให้เขารู้สึกจุดเสียดและขนลุกกับความบ้าระห่ำของคู่ต่อสู้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน\"มันคลานออกมาจากรถ…ตอนนั้นน้ำมันนองเต็มพื้นเลย แล้วมันก็ดึงปืนออกมายิงถังน้ำมันจนระเบิดไฟลุกขวางหน้าพวกเราไว้ พวกผมเบรกกึก เงยขึ้นมาอีกที…มันโดดลงไปจากทางด่วน หายไปในความมืดสูงลิบ ต่อหน้าต่อตา!\"

    เล่าจบ ผู้สาธยายถึงกับถอนหายใจพรืด ขณะที่คนฟังเลิกคิ้ว อ่านไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร…เสียงบานประตูเปิดอ้าเบาๆดึงความสนใจจากมาเฟียหนุ่มให้หันไปมองพลางขมวดคิ้ว

    \"มารยาทผู้ดีแกไปอยู่ไหนหมด บรั้ค? บ้านแกไม่มีประตูให้เคาะรึไง!\"

    \"ผมขอประทานโทษครับ\"ผู้มาเยือนกล่าวน้ำเสียงสุภาพ แต่ความจริงแค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น…

    เขาเป็นผู้ช่วยที่ชาง ลีส่งมาให้คำปรึกษาในปฏิบัติการทรยศราชิตกรุ๊ป พูดตามความจริงเขาน่าจะมีอำนาจมากกว่าคาวิลเสียด้วยซ้ำ แต่ชายหนุ่มก็เป็นผู้ใต้บังคับที่ดีพอจะสำเหนียกได้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ…

    \"ที่ท่านให้ผมไปเก็บร่องรอยและหลักฐานก่อนที่ตำรวจจะได้กลิ่น มันมีแค่ชิ้นเดียวครับ…\"

    รีวอลเวอร์.357แม็คนั่มเงาวับแต่เปื้อนเลือดถูกบรรจงวางบนโต๊ะ ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาพลิกดู ก่อนจะผลักโม่ออกดูกระสุน…ปลอกทองเหลืองชุดใหญ่ร่วงกรูออกมา หล่นแทบเท้ากระทบพื้นปูพรมโดยไร้เสียงใดๆ

    ไม่มีลูกน้องของเขาคนไหนใช้ปืนล้าสมัยอย่างรีวอลเวอร์เด็ดขาด ดังนั้น แน่นอนที่สุด…

    สมบัติของไอ้ร็อตไวเลอร์ตัวแสบนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย…มิคาอิล

    เขามองมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะส่งมันกลับสู่มือผู้นำมา…เอนหลังพิงโต๊ะทำงานตัวโปรดอีกครั้งพลางเอียงคอ ถอนหายใจเฮือก มองหน้าคนทำงานพลาดเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

    \"เสียใจที่ต้องบอกแกว่า…ตอนนี้ชั้นโอนสังกัดเข้ากับชาง ลีเรียบร้อยแล้ว พวกแกทำงานพลาด ชั้นก็ไม่รู้จะแก้ต่างยังไงดี และที่สำคัญนะ…ชั้นต้องดำเนินตามนโยบายของมิสเตอร์ชาง ใครทำงานพลาด ไม่มีออเดอร์เลี้ยงเสียข้าวสุก! นาฟ…\"

    อีกหนึ่งมือปืน ร่างปักหลั่งราวกับอับเฉาเรือเดินสมุทรมีปฏิกิริยาทันทีเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง\"เอาไอ้สองตัวนี้ลงไปข้างล่าง บรั้ค…สั่งการให้คนของเราไปดักมันที่สนามบิน ไม่ว่านังคุณหนูนั่นมันอยู่ที่ไหน เมื่อคืนมันต้องกบดานอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วรีบเดินทางออกจากกรุงเทพภายให้เร็วที่สุดภายในวันนี้ และไม่มีทางไหนเร็วกว่าเครื่องบิน!\"

    เหยี่ยวหนุ่มจากกรงของชาง ลีรูดีว่าเขาควรจะเตือนเรื่องใด แต่เขาก็ไม่ทำ…คาวิลเป็นเจ้าพ่อหนุ่มเลือดร้อนมั่นใจในตัวเองสูงและทะเยอทะยาน ไม่มีทางที่จะเชื่อคำเตือนจากคนที่ศักดิ์ต่ำกว่าไม่ว่ามันจะเหมาะสมสักปานใดก็ตาม…

    สองมือปืนผู้โชคร้ายหน้าซีด เหงื่อซึม คอตกอย่างรู้ชะตากรรมของตนเอง แต่ไม่โวยวาย…พวกเขารู้ตัวดีว่าจะต้องเจอกับอะไร จริงอยู่ที่ตึกนี้มีหลายชั้นรวมทั้งชั้นใต้ดิน หากแต่ถ้าเป็นชั้นปกติธรรมดาเจ้านายของเขาจะแทนด้วยหมายเลขชั้น แต่ถ้าเป็น\"ข้างล่าง\"ไม่มีใครที่จะไม่ครั่นคร้าม…

    ชั้นใต้ดินของปราสาทยุคกลางทำหน้าที่อะไร ที่นี่ก็ไม่แตกต่างกัน…

    คาวิลหันหลังให้กับประตู เสียงแท่งแก้วกระทบขอบภาชนะใส่เครื่องดื่มในมือดังปนกับเสียงฝีเท้าของผู้ใต้บังคับบัญชาที่พร้อมใจกันเดินออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูปิดสนิท โทรศัพท์มือถือข้างกายพลันดังขึ้นแทนที่…ชายหนุ่มยกขึ้นรับโดยไม่ลังเล เสียงริงโทนแบบนี้มีเพียงหมายเลขเดียว

    ผู้เป็นใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง คู่แข่งคนสำคัญของเค ราชิต…มิสเตอร์ชาง ลี…

    \"…สวัสดีครับ\"

    \"ว่าไงคุณคาวิล งานแรกสำหรับน้องใหม่ขององค์กรเราหนักหนาสำหรับคุณเกินไปรึเปล่าหืม?\"น้ำเสียงอารมย์ดีจากชายที่เขาคาดเดาอายุว่าคงไม่ต่ำกว่าสี่สิบปีดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะหึๆตามสไตล์

    \"เปล่าครับเปล่า\"อีกฝ่ายรีบปฏิเสธพลางวางแก้วมาร์ตินี่ในมือลง\"ผมแค่ชะล่าใจไปหน่อยครับท่าน รอซักนิดหนึ่งไม่นาน สิ่งที่ท่านต้องการผมจะนำไปวางตรงหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของผม…\"

    \"ให้สมราคาคุยหน่อยนะคุณคาวิล อย่าลืมว่าคุณเป็นคนเสนอขึ้นมาเองสำหรับข้อตกลงนี้ ชั้นไม่ชอบเลยจริงๆ…ที่จะทำตามนโยบายองค์กรของเราโดยที่คุณยังไม่เคยเห็นหน้าชั้นจริงๆเลยซักครั้งเดียว ชั้นว่ามัน…ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ โชคดีนะคุณคาวิล เจอกันคราวหน้าชั้นต้องได้รับข่าวดีสองข้อตามที่คุณสัญญาไว้\"

    ปลายสายตัดการสนทนาไปทันทีที่สิ้นประโยค เสียงสัญญาณบอกถึงการยุติการติดต่อแผ่วเบาลงไปเมื่อเขาลดมือลงมา แล้วกดปิดอุปกรณ์สื่อสารด้วยมืออันสั่นเทา

    เขากำลังเผชิญกับคำขู่…

    คำขู่ที่เป็นจริงเสมอของมิสเตอร์ชาง…

    ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเป็นสัน คนอย่างเขา…คนอย่างเขาพลาดท่าจนถูกคนอื่นข่มขู่! มันไม่ใช่ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาสมควรได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาเหตุทั้งหมดมาจากผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว!

    เพล้ง!

    …แก้วมาร์ตินี่ลอยละลิ่วจากแรงตบของเจ้าของห้อง กระแทกกระจกใสบานใหญ่จนแตกละเอียด แท่งแก้วและผลมะกอกกระเด็นไปยังอีกมุมห้อง ขณะที่เศษแก้วร่วงกรูลงบนพื้น โดยมีของเหลวใสที่สาดกระทบแผ่นแก้วไหลเคลือบลงมา…บานกระจกที่เพิ่งเกิดรอยร้าวเล็กๆ สะท้อนภาพชายหนุ่มยืนหอบฮั่กด้วยแววตาวาวโรจน์ เห็นชัดเจน ซ้อนกับภาพมหานครกรุงเทพจากภายนอก…

    รีน่า ราชิต…

    เธอจะต้องรับรู้ ว่าคนอย่างคาวิลร้ายกาจเพียงใด!…

    ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×