คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [Section08]-- Lost in Holistic Mind -หลงทางอยู่ในจิตองค์รวม
[Section08] Lose in Holistic Mind -หลงทางอยู่ในจิตองค์รวม
เหมือนที่ซ่งกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ เป็นความรู้สึกที่ยากอธิบายเป็นคำพูด หรือเป็นเพราะคำพูดต่างๆถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับสิ่งที่มีรูปลักษณ์ สามารถคิดตามได้ด้วยประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมา แต่ถ้านอกเหนือจากพื้นฐานความเป็นจริงหล่ะ.............เราอาจเรียกมันว่าจินตนาการ..................และไม่มีคำไหนอธิบายสิ่งอื่นใดต่อไปจากคำว่าจินตนาการนั้นอีกเลย..........หรือ?
[ความรู้สึกของเด็กหนุ่ม บันทึกเวลา 0.00 น.]
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
“ขอต้อนรับสู่มิติจิตองค์รวมค่ะ.............กรุณาตรงเดินตรงไปตามทางเดินด้านหน้า”
เสียงประกาศดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณพื้นที่วงกลมขนาดใหญ่ ผู้คนมากมาย เป็นร้อย เป็นพัน หลายเชื้อชาติ หลายศาสนา หลากหลายเผ่าพันธุ์ (ไม่ได้มีแต่มนุษย์)กระจายอยู่รอบบริเวณวงกลมขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอล หลายๆจุดในวงกลม บางแห่งมีแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นบริเวณ
เมื่อประเมินด้วยสายตา ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-25 ไม่น่าจะเกินนั้น บางคนรู้สึกสับสน บางคนตื่นเต้น บางคนงุงงง บางคนก็อาเจียนออกมา......
มีคนในวัยเดียวกันกับเด็กหนุ่มอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ปะปนไปกับคนในชุดสูทเดียวกับกลุ่มที่นำพวกเขามา หลายหน้าหลายตา
“ขอต้อนรับสู่มิติจิตองค์รวม”
ชายวัยกลางคนพูดขึ้น เมื่อคนทั้งหมดรู้สึกตัวว่าได้มายืนอยู่ท่ามกลางลานวงกลม ด้านบนเป็นแสงไฟขนาดใหญ่ส่องสว่างลงมา สว่างจ้าจนหญิงสาวต้องเอามือขึ้นมาป้อง
“เอาหล่ะตามชึ้นมา”
ชายกลางคนพูดขึ้น นำคนทั้งหมดแหวกกลุ่มฝูงชนตรงไปที่ทางเดินด้านล่าง คนทั้งหมดเดินไปตามทางเดินสีขาว ด้านข้างมีดวงไฟสีน้ำเงินสว่างอยู่สองทางเดิน
เด็กหนุ่มพบว่าสถานที่แห่งนี้ดูไปดูมาคล้ายห้องวิจัยบางอย่าง ทั้งสองข้างทางเป็นห้องทดลอง ประตูถูกแทนที่ด้วยลำแสงสีฟ้าอ่อนๆ มองเห็นภายในห้องแต่ละห้องเลือนราง
“เรามาจากทั่วทุกมุมโลก”
ชายกลางคนพูดขึ้นขณะเดินนำไปยังทางเดินที่เชื่อมต่อกัน
“เจ้าหน้าที่ในชั้นนี้ของเรามีสามรูปแบบ หนึ่งคือ ใส่ชุดสีขาว และสีฟ้า คนเหล่านี้ได้ถูกทาบทามมาให้ออกแบบระบบและเทรนนิ่งระบบ ส่วนพวกทหารส่วนใหญ่สวมชุดสีดำแบบพวกพี่นี่” เขาชี้มือไปที่ตัวเอง
คนทั้งหมดเดินมาจนถึงประตูสุดทางเดิน ประตูใหญ่เปิดออก
ด้านในเป็นห้องคล้ายห้องพัก มีมุมเก้าอี้นวมบุหนังสีขาวอยู่ที่มุมห้อง ตรงกลางเป็นรูปปั้นสีขาวทั้งตัวเป็นรูปหญิงสาวนั่งร้องไห้ มีน้ำตาไหลออกมาจากตาทั้งสอง ผ่านแก้มและลำตัวไปสู่ช่องระบายน้ำเล็กๆด้านล่าง
ที่กำแพงอีกมุมหนึ่งเป็นจอขนาดใหญ่มีอักษรบางอย่างเป็นตัวหนังสือวิ่งไปวิ่งมาดูไม่รู้เรื่องที่มุมพักผ่อนมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอยู่ บางคนก็มองมาทางเด็กหนุ่มด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ บางคนยิ้มทักทาย...
“นายยังได้ยินเสียงในหัวนายอยู่หรือเปล่า?”
ชายในแว่นตาหันมาถาม
“อะ.......อะไรนะ?” เด็กหนุ่มไม่ทันได้ฟังเพราะกำลังมองดูสิ่งต่างๆรอบๆตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“ที่นี่เรียกกันว่า อันคอลเชียสโครรีเซี่ยม[Unconcious Coliseum] เรียกยากหน่อย เข้าใจว่ามันคือจิตสำนึกรวม”
“จิตสำนึกรวม?”
“ใช่............จิตสำนึกรวมคือสถานที่ๆเราอาศัยจิตสำนึกของแต่คนประมวลผลออกมาโดยมีศูนย์กลางรวมอยู่ที่คนไม่กี่คน”
“แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหนคะ?”
หญิงสาวถามคำถามเท่าที่จะคิดได้ในขณะนั้น
“ในจิตใจของพวกเรา..............ย้ำ............ของพวกเรา ไม่ใช่ ของเรา”
“แล้วพาผมมาที่นี่ทำไมครับ?”
“บางคำถามเป็นคำตอบอยู่ในตัวมันเองหนุ่มน้อย”
ชายกลางคนตอบ
“คนทีจะตอบคำถามนายเดินมานู่นแล้ว”
เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางคนอีกสามคนที่เดินตรงเข้ามาที่พวกเขา ส่วนคนอื่นๆต่างแยกย้ายกันไป คนทั้งสามเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรยังไงต่อไป
“หน้าตี๋นี่ใคร?”
เด็กหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าปกติพร้อมกับดูดอมยิ้มที่ถืออยู่ในมือเหมือนกับว่าไม่ว่าจะได้คำตอบหรือไม่ หล่อนก็ไม่ยี่หร่ะซักนิด จริงๆแล้วลักษณะของเธอก็บ่งบอกได้ว่าเธอมีเชื้อสายจีน แม้ดูอายุน้อยกว่าซ่งเล็กน้อยแต่ท่าทางอาการของหล่อนดูเด็กยิ่งกว่านั้นอีก...
“เด็กมันเสียมารยาทหน่ะ..........อย่าถือสา”
เด็กชายอีกคนพูดพร้อมหยิกแก้มเด็กหญิงที่ถืออมยิ้ม
“โอ้ยยยยย........คิดว่าได้เป็นหัวหน้าทีมแล้วทำอะไรก็ได้หรอ?”
เด็กหญิงโวยวายขึ้นมา
“ถ้านายไม่ได้ชั้นช่วย...............นายตายตั้งแต่คราวที่แล้วแร้ววว”
”เฮ้อ.......” เด็กชายหนึ่งในสามอีกคนถอนหายใจ
“ถ้าจะต้องไปกับยัยนี่........ชั้นขอบาย”
“เดม่อนนน”
เด็กหญิงสบถคำขึ้นมาก่อนเดินจากไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดส่วนคนอื่นๆได้แต่ยืนมอง เด็กหญิงกลืนเข้าไปในกระแสคนที่หลั่งไหลเคลื่อนไปตามทางเดินอย่างไม่ขาดสาย
“ใครจะไปตามง้อ...........”
หนึ่งในสองที่เหลือพูดขึ้น
“ชั้นชื่อเดม่อน..........ส่วนนี่เจซ”
เด็กชายทั้งสองคนแนะนำตัว
เด็กชายที่ชื่อเจซดูไปไม่คล้ายคนไทยเลยซักนิด ลักษณะตัวที่ใหญ่ในชุดสูทสีดำ ทั้งผมสีทองที่ไว้ยาวประบ่านั้น ย้อมเองหรือเป็นสีธรรมชาติ ซ่งเองก็มองไม่ออก
แต่คนชื่อเดม่อนส่วนสูงพอๆกับซ่ง แต่ผิวคล้ำกว่า ทั้งการแต่งกายก็เรียบร้อยกว่าเจซมากดูเป็นคนไทยเหมือนกัน อายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน
“ผมซ่ง................ส่วนพี่สาวคนนี้ก็”
“ชื่อวา...............แต่ไม่ได้ชอบหรือเกี่ยวอะไรกับวาที่แปลว่าสงครามหรอกนะ ว่าแต่พวกเธออายุเท่าไหร่กันเนี่ย”
หญิงสาวหลังจากที่เงียบมานานได้เอ่ยขึ้นบ้าง เด็กหนุ่มทั้งสองได้แต่มองดูตาเป๋ง ก่อนหนึ่งในนั้นจะเอ๊ะใจ
“พี่สาวเป็นดารานี่นา”
เจซพูดขึ้น
“อืม.............ก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นนักหรอก”
หญิงสาวปัดมือบอก
“ประกาศถึงระดับหนึ่งทุกท่าน...................ให้ทุกท่านมารวมตัวกันที่โถงอีสามในเวลานี้ค่ะ”
เสียงประกาศดังก่องกังวาลมา ผู้คนเมื่อได้ยินต่างค่อยๆทะยอยเดินไปตามเสียงประกาศแจ้ง
“ระดับหนึ่ง?” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง
“เขาหมายถึงพวกเรานี่แหละพี่สาว” เจซตอบพร้อมกับยักหัวเป็นเครื่องหมายท่าทางให้คนทั้งหมดเดินตามเขามา
“ปฐมนิเทศน์หน่ะ.......แต่พวกเราแค่เป็นพี่เลี้ยงให้นายสองคน”
เขาขยายความ
“ผมรู้เพราะโอเปอเรเตอร์ในหัวบอก”
“โอเปอร์เรเตอร์?” ซ่งเอ๊ะใจ “เสียงที่ดังอยู่ในหัวอะนะ”
“ช่ายยยย” เจซพูดขึ้น
“คนที่มาที่นี่ไม่ว่าใครก็ตามจะมีเทรนนิ่งโอเปอร์เรเตอร์ซึ่งเป็นระบบคอยชี้แนะและฝึกสอนเรา..........หนึ่งคนต่อหนึ่งระบบเทรนนิ่ง”
“เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของชั้นเนี่ยนะ”
ซ่งเดินหลบผู้คนชุดขาวที่กำลังเดินสวนทางมา
“อืม...........ระบบอัจฉริยะที่จะคอยเตือนคอยแนะนำเราไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม........ก็ตั้งแต่นายถูกดูดพลังชีวิตไงเล่า”
“ชั้นไม่เห็นได้ยิน” หญิงสาวพูดขึ้น
“อืม..............ไม่รู้แฮะ..........แต่ผมกับเดม่อนก็ได้ยินเหมือนกัน”
“งั้นเรื่องเอเลี่ยน?” ซ่งพยายามทำความเข้าใจ “ชั้นไม่ได้ฝัน?”
หญิงสาวหยุดเดิน ยืนอยู่กับที่อย่างตะลึง เพราะหล่อนพึ่งนึกได้ว่า ที่แท้ฝันประหลาด
“ช่างเถอะ.........ยังไงพวกเราก็เหมือนเด็กใหม่........แต่ละวันมีคนเข้ามาในที่นี่เป็นร้อยเป็นพันคน.........ที่นี่พวกเขาสร้างร่างโคลนนิ่งซึ่งเป็นตัวแทนในการดำเนินชีวิตเอาไว้ให้เราข้างนอกนั่น แต่นั่นไม่ใช่
ประเด็น.......ประเด็นอยู่ที่ว่า เราต้องเข้าไปในนั้น”
“ในไหน?.....แล้วร่างโคลนของชั้นเป็นยังไง สวยไม๊?”
หญิงสาวถามขึ้น
“ใจเย็นพี่สาว...........ที่ๆเค้าจะส่งเราไปคือมิติที่เจ็ด...........นั่นเป็นที่ๆเราสามารถเก็บเกี่ยวพลังชีวิตได้อย่างเต็มที่ เหมือนเกมส์นะ........แต่ไม่ใช่”เดม่อนกล่าว
“พวกมันจะหั่นเราเป็นชิ้นๆ........แล้วดูดพลังชีวิตรวมทั้งวิญญาณเราไป”เจซพูดขึ้นบ้าง
“พวกไหน?” หญิงสาวถาม
“พวกซีค............ไอพวกเอเลี่ยนหัวโกร๋นไร้สาระพวกนั้นหน่ะ”
“เจซ พวกเค้าพึ่งมานะเว้ย”
เดม่อนพูดขึ้นขัดจังหว่ะ
“เค้ายังไม่เรียนรู้อะไรเลย..........ให้ตาย..............นายเสียสติไปแล้ว”
“.........”
หนุ่มร่างใหญ่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินนำคนทั้งหมดเข้าสู่ห้องโถงใหญ่
“ว่าแต่........ที่นี่เราเข้าใจภาษากันหมดเรอะ......ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม”
“ช่ายยยยยยย”
เจซตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“ที่นี่เป็นระบบเปิด......ระบบแปลภาษาให้อัตโนมัติ.............คนสร้างระบบนั้นมันเกินกว่าจะเรียกว่าอัจฉริยะ”
“แล้ว.............แสดงว่าพวกนายก็ถูกพวกเอเลี่ยน...”ซ่งถามขึ้น
“พ่อแม่ของเจซถูกพวกมันฆ่าตาย....”
เดม่อนพูด สังเกตเห็นสีหน้าของเจซเริ่มเศร้าลงเล็กน้อยจึงหยุดพูด
“เอาหล่ะถึงแล้ว”
เจซพูด
“พวกนายทั้งสองต้องเดินผ่านประตูสแกนนั้นไป” เขาชี้มือไปข้างหน้า เป็นช่องประตูด้านบนมีหมายเลขอยู่
“จากนั้นตรงไปตามทางเดิน” เขาพูดต่อ“แล้วไปฟังปฐมนิเทศสำหรับผู้มาใหม่” เดม่อนพูดต่อให้อีก
เด็กหนุ่มมองหน้าหญิงสาว ทั้งสองผ่านเรื่องที่แปลกประหลาดทั้งยังสับสนงุงงงต่างๆมามากพอ แต่ถ้าหากมันจะมียิ่งกว่านี้ พวกเขาก็พร้อมที่จะรับ หญิงสาวค่อยหันไปกล่าวขอบคุณคนทั้งสอง
“แล้วค่อยเจอกันพี่สาว” เดม่อนพูดพร้อมโบกมือเป็นเชิงให้โชคดี ค่อยมองดูคนทั้งสองเข้าไปต่อแถวเพื่อเข้าสู่ช่องประตูที่มีเรียงรายกันยาวไปหลายสิบช่อง
“ไอ้ตี๋นั่นโชคดีชะมัด......มีแฟนเป็นดารา” เดม่อนพูดกับเจซ
“ชั้นรู้สึกว่าไอ้ตี๋นั้นหน้าตามันคุ้นๆเหมือนชั้นเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?”
“คนหน้าตี๋มีเยอะจะตายไป.........นั่นหน่ะเด็กใหม่ ไม่รู้ว่าจะผ่านระบบทดสอบได้หรือเปล่า.........อีกอย่าง ระบบการทดสอบก็ปรับให้โหดขึ้นเรื่อยๆ คราวที่แล้วมีคนตายจากการทดสอบนี่เป็นสิบ.........คนอีกกว่าร้อยเกือบเป็นบ้า หรืออาจจะบ้าไปแล้วเพราะมัน”
“อืมมม”
เจซพยักหน้าเห็นด้วย ค่อยหันหลังกลับเดินฝ่าคลื่นฝูงชนหายไป
เดม่อนคล้ายนึกบางอย่างได้...................ทำไมหญิงสาวไม่มีโอเปอร์เรเตอร์เทรนนิ่ง?
แต่นั่นเป็นเพียงคำถามที่ค้างคาใจของเขาเท่านั้น เดม่อนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
ค่อยหมุนตัวกลับเดินกลับไปทิศทางเดิม ตามเพื่อนของเขาไป กลืนไปกับฝูงชน
ฝูงชนที่ทยอยเดินเข้าสู่ประตู
ที่ไม่รู้ว่าจะนำไปที่ใด?
C://Section08/<End>
/To be Continue.
ความคิดเห็น