ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    18DimensioN : : [จอมคนล่าสิบแปดมิติ]

    ลำดับตอนที่ #8 : [Section08]-- Lost in Holistic Mind -หลงทางอยู่ในจิตองค์รวม

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 54


     

    [Section08] Lose in Holistic Mind -หลงทางอยู่ในจิตองค์รวม

     

    เหมือนที่ซ่งกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้  เป็นความรู้สึกที่ยากอธิบายเป็นคำพูด หรือเป็นเพราะคำพูดต่างๆถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับสิ่งที่มีรูปลักษณ์  สามารถคิดตามได้ด้วยประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมา แต่ถ้านอกเหนือจากพื้นฐานความเป็นจริงหล่ะ.............เราอาจเรียกมันว่าจินตนาการ..................และไม่มีคำไหนอธิบายสิ่งอื่นใดต่อไปจากคำว่าจินตนาการนั้นอีกเลย..........หรือ?

    [ความรู้สึกของเด็กหนุ่ม บันทึกเวลา 0.00 น.]

    “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””

     

     

    “ขอต้อนรับสู่มิติจิตองค์รวมค่ะ.............กรุณาตรงเดินตรงไปตามทางเดินด้านหน้า”

       เสียงประกาศดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณพื้นที่วงกลมขนาดใหญ่ ผู้คนมากมาย เป็นร้อย เป็นพัน หลายเชื้อชาติ หลายศาสนา หลากหลายเผ่าพันธุ์ (ไม่ได้มีแต่มนุษย์)กระจายอยู่รอบบริเวณวงกลมขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอล หลายๆจุดในวงกลม บางแห่งมีแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นบริเวณ

     

       เมื่อประเมินด้วยสายตา ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-25 ไม่น่าจะเกินนั้น บางคนรู้สึกสับสน บางคนตื่นเต้น บางคนงุงงง บางคนก็อาเจียนออกมา......

      
       มีคนในวัยเดียวกันกับเด็กหนุ่มอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ปะปนไปกับคนในชุดสูทเดียวกับกลุ่มที่นำพวกเขามา หลายหน้าหลายตา

     

    “ขอต้อนรับสู่มิติจิตองค์รวม”

    ชายวัยกลางคนพูดขึ้น เมื่อคนทั้งหมดรู้สึกตัวว่าได้มายืนอยู่ท่ามกลางลานวงกลม  ด้านบนเป็นแสงไฟขนาดใหญ่ส่องสว่างลงมา สว่างจ้าจนหญิงสาวต้องเอามือขึ้นมาป้อง


    “เอาหล่ะตามชึ้นมา”
    ชายกลางคนพูดขึ้น นำคนทั้งหมดแหวกกลุ่มฝูงชนตรงไปที่ทางเดินด้านล่าง คนทั้งหมดเดินไปตามทางเดินสีขาว ด้านข้างมีดวงไฟสีน้ำเงินสว่างอยู่สองทางเดิน

     

      เด็กหนุ่มพบว่าสถานที่แห่งนี้ดูไปดูมาคล้ายห้องวิจัยบางอย่าง ทั้งสองข้างทางเป็นห้องทดลอง ประตูถูกแทนที่ด้วยลำแสงสีฟ้าอ่อนๆ มองเห็นภายในห้องแต่ละห้องเลือนราง


    “เรามาจากทั่วทุกมุมโลก”
    ชายกลางคนพูดขึ้นขณะเดินนำไปยังทางเดินที่เชื่อมต่อกัน


    “เจ้าหน้าที่ในชั้นนี้ของเรามีสามรูปแบบ หนึ่งคือ ใส่ชุดสีขาว และสีฟ้า คนเหล่านี้ได้ถูกทาบทามมาให้ออกแบบระบบและเทรนนิ่งระบบ ส่วนพวกทหารส่วนใหญ่สวมชุดสีดำแบบพวกพี่นี่”
     เขาชี้มือไปที่ตัวเอง


    คนทั้งหมดเดินมาจนถึงประตูสุดทางเดิน ประตูใหญ่เปิดออก


       ด้านในเป็นห้องคล้ายห้องพัก มีมุมเก้าอี้นวมบุหนังสีขาวอยู่ที่มุมห้อง ตรงกลางเป็นรูปปั้นสีขาวทั้งตัวเป็นรูปหญิงสาวนั่งร้องไห้ มีน้ำตาไหลออกมาจากตาทั้งสอง ผ่านแก้มและลำตัวไปสู่ช่องระบายน้ำเล็กๆด้านล่าง

       ที่กำแพงอีกมุมหนึ่งเป็นจอขนาดใหญ่มีอักษรบางอย่างเป็นตัวหนังสือวิ่งไปวิ่งมาดูไม่รู้เรื่องที่มุมพักผ่อนมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอยู่ บางคนก็มองมาทางเด็กหนุ่มด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ บางคนยิ้มทักทาย...


    “นายยังได้ยินเสียงในหัวนายอยู่หรือเปล่า?”
    ชายในแว่นตาหันมาถาม


    “อะ.......อะไรนะ?” เด็กหนุ่มไม่ทันได้ฟังเพราะกำลังมองดูสิ่งต่างๆรอบๆตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ


    “ที่นี่เรียกกันว่า อันคอลเชียสโครรีเซี่ยม[Unconcious Coliseum] เรียกยากหน่อย เข้าใจว่ามันคือจิตสำนึกรวม”


    “จิตสำนึกรวม?”


    “ใช่............จิตสำนึกรวมคือสถานที่ๆเราอาศัยจิตสำนึกของแต่คนประมวลผลออกมาโดยมีศูนย์กลางรวมอยู่ที่คนไม่กี่คน”


    “แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหนคะ?”
    หญิงสาวถามคำถามเท่าที่จะคิดได้ในขณะนั้น


    “ในจิตใจของพวกเรา..............ย้ำ............ของพวกเรา ไม่ใช่ ของเรา”

     
    “แล้วพาผมมาที่นี่ทำไมครับ?”


    “บางคำถามเป็นคำตอบอยู่ในตัวมันเองหนุ่มน้อย”
    ชายกลางคนตอบ

    “คนทีจะตอบคำถามนายเดินมานู่นแล้ว”
    เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางคนอีกสามคนที่เดินตรงเข้ามาที่พวกเขา ส่วนคนอื่นๆต่างแยกย้ายกันไป  คนทั้งสามเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรยังไงต่อไป

     

    “หน้าตี๋นี่ใคร?”

     เด็กหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าปกติพร้อมกับดูดอมยิ้มที่ถืออยู่ในมือเหมือนกับว่าไม่ว่าจะได้คำตอบหรือไม่ หล่อนก็ไม่ยี่หร่ะซักนิด  จริงๆแล้วลักษณะของเธอก็บ่งบอกได้ว่าเธอมีเชื้อสายจีน แม้ดูอายุน้อยกว่าซ่งเล็กน้อยแต่ท่าทางอาการของหล่อนดูเด็กยิ่งกว่านั้นอีก...

    “เด็กมันเสียมารยาทหน่ะ..........อย่าถือสา”
    เด็กชายอีกคนพูดพร้อมหยิกแก้มเด็กหญิงที่ถืออมยิ้ม


    “โอ้ยยยยย........คิดว่าได้เป็นหัวหน้าทีมแล้วทำอะไรก็ได้หรอ?”
    เด็กหญิงโวยวายขึ้นมา
    “ถ้านายไม่ได้ชั้นช่วย...............นายตายตั้งแต่คราวที่แล้วแร้ววว”


    ”เฮ้อ.......”  เด็กชายหนึ่งในสามอีกคนถอนหายใจ

    “ถ้าจะต้องไปกับยัยนี่........ชั้นขอบาย”


    “เดม่อนนน”
    เด็กหญิงสบถคำขึ้นมาก่อนเดินจากไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดส่วนคนอื่นๆได้แต่ยืนมอง เด็กหญิงกลืนเข้าไปในกระแสคนที่หลั่งไหลเคลื่อนไปตามทางเดินอย่างไม่ขาดสาย


    “ใครจะไปตามง้อ...........”
    หนึ่งในสองที่เหลือพูดขึ้น


    “ชั้นชื่อเดม่อน..........ส่วนนี่เจซ”
    เด็กชายทั้งสองคนแนะนำตัว


       เด็กชายที่ชื่อเจซดูไปไม่คล้ายคนไทยเลยซักนิด ลักษณะตัวที่ใหญ่ในชุดสูทสีดำ ทั้งผมสีทองที่ไว้ยาวประบ่านั้น ย้อมเองหรือเป็นสีธรรมชาติ ซ่งเองก็มองไม่ออก

       แต่คนชื่อเดม่อนส่วนสูงพอๆกับซ่ง แต่ผิวคล้ำกว่า ทั้งการแต่งกายก็เรียบร้อยกว่าเจซมากดูเป็นคนไทยเหมือนกัน อายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน


    “ผมซ่ง................ส่วนพี่สาวคนนี้ก็”


    “ชื่อวา...............แต่ไม่ได้ชอบหรือเกี่ยวอะไรกับวาที่แปลว่าสงครามหรอกนะ ว่าแต่พวกเธออายุเท่าไหร่กันเนี่ย”  
    หญิงสาวหลังจากที่เงียบมานานได้เอ่ยขึ้นบ้าง เด็กหนุ่มทั้งสองได้แต่มองดูตาเป๋ง ก่อนหนึ่งในนั้นจะเอ๊ะใจ


    “พี่สาวเป็นดารานี่นา”
    เจซพูดขึ้น


    “อืม.............ก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นนักหรอก”
    หญิงสาวปัดมือบอก

    ็ห๋กด็กกานสกนนฃkjkjkl


    “ประกาศถึงระดับหนึ่งทุกท่าน...................ให้ทุกท่านมารวมตัวกันที่โถงอีสามในเวลานี้ค่ะ”

    เสียงประกาศดังก่องกังวาลมา ผู้คนเมื่อได้ยินต่างค่อยๆทะยอยเดินไปตามเสียงประกาศแจ้ง


    “ระดับหนึ่ง?” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง

    “เขาหมายถึงพวกเรานี่แหละพี่สาว” เจซตอบพร้อมกับยักหัวเป็นเครื่องหมายท่าทางให้คนทั้งหมดเดินตามเขามา

    “ปฐมนิเทศน์หน่ะ.......แต่พวกเราแค่เป็นพี่เลี้ยงให้นายสองคน”
    เขาขยายความ

    “ผมรู้เพราะโอเปอเรเตอร์ในหัวบอก”


    “โอเปอร์เรเตอร์?” ซ่งเอ๊ะใจ “เสียงที่ดังอยู่ในหัวอะนะ”


    “ช่ายยยย” เจซพูดขึ้น
    “คนที่มาที่นี่ไม่ว่าใครก็ตามจะมีเทรนนิ่งโอเปอร์เรเตอร์ซึ่งเป็นระบบคอยชี้แนะและฝึกสอนเรา..........หนึ่งคนต่อหนึ่งระบบเทรนนิ่ง”


    “เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของชั้นเนี่ยนะ”
    ซ่งเดินหลบผู้คนชุดขาวที่กำลังเดินสวนทางมา


    “อืม...........ระบบอัจฉริยะที่จะคอยเตือนคอยแนะนำเราไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม........ก็ตั้งแต่นายถูกดูดพลังชีวิตไงเล่า”


    “ชั้นไม่เห็นได้ยิน” หญิงสาวพูดขึ้น


    “อืม..............ไม่รู้แฮะ..........แต่ผมกับเดม่อนก็ได้ยินเหมือนกัน”


    “งั้นเรื่องเอเลี่ยน?” ซ่งพยายามทำความเข้าใจ “ชั้นไม่ได้ฝัน?”

    หญิงสาวหยุดเดิน ยืนอยู่กับที่อย่างตะลึง เพราะหล่อนพึ่งนึกได้ว่า ที่แท้ฝันประหลาด


    “ช่างเถอะ.........ยังไงพวกเราก็เหมือนเด็กใหม่........แต่ละวันมีคนเข้ามาในที่นี่เป็นร้อยเป็นพันคน.........ที่นี่พวกเขาสร้างร่างโคลนนิ่งซึ่งเป็นตัวแทนในการดำเนินชีวิตเอาไว้ให้เราข้างนอกนั่น แต่นั่นไม่ใช่
    ประเด็น.......ประเด็นอยู่ที่ว่า เราต้องเข้าไปในนั้น”


    “ในไหน?.....แล้วร่างโคลนของชั้นเป็นยังไง สวยไม๊?”
    หญิงสาวถามขึ้น


    “ใจเย็นพี่สาว...........ที่ๆเค้าจะส่งเราไปคือมิติที่เจ็ด...........นั่นเป็นที่ๆเราสามารถเก็บเกี่ยวพลังชีวิตได้อย่างเต็มที่ เหมือนเกมส์นะ........แต่ไม่ใช่”เดม่อนกล่าว


    “พวกมันจะหั่นเราเป็นชิ้นๆ........แล้วดูดพลังชีวิตรวมทั้งวิญญาณเราไป”เจซพูดขึ้นบ้าง

    “พวกไหน?” หญิงสาวถาม


    “พวกซีค............ไอพวกเอเลี่ยนหัวโกร๋นไร้สาระพวกนั้นหน่ะ”


    “เจซ พวกเค้าพึ่งมานะเว้ย”
    เดม่อนพูดขึ้นขัดจังหว่ะ


    “เค้ายังไม่เรียนรู้อะไรเลย..........ให้ตาย..............นายเสียสติไปแล้ว”


    “.........”
    หนุ่มร่างใหญ่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินนำคนทั้งหมดเข้าสู่ห้องโถงใหญ่


    “ว่าแต่........ที่นี่เราเข้าใจภาษากันหมดเรอะ......ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม”


    “ช่ายยยยยยย”
    เจซตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม

    “ที่นี่เป็นระบบเปิด......ระบบแปลภาษาให้อัตโนมัติ.............คนสร้างระบบนั้นมันเกินกว่าจะเรียกว่าอัจฉริยะ”


    “แล้ว.............แสดงว่าพวกนายก็ถูกพวกเอเลี่ยน...”ซ่งถามขึ้น


    “พ่อแม่ของเจซถูกพวกมันฆ่าตาย....”
    เดม่อนพูด สังเกตเห็นสีหน้าของเจซเริ่มเศร้าลงเล็กน้อยจึงหยุดพูด


    “เอาหล่ะถึงแล้ว”
    เจซพูด

    “พวกนายทั้งสองต้องเดินผ่านประตูสแกนนั้นไป” เขาชี้มือไปข้างหน้า เป็นช่องประตูด้านบนมีหมายเลขอยู่

    “จากนั้นตรงไปตามทางเดิน” เขาพูดต่อ
    “แล้วไปฟังปฐมนิเทศสำหรับผู้มาใหม่” เดม่อนพูดต่อให้อีก


       เด็กหนุ่มมองหน้าหญิงสาว ทั้งสองผ่านเรื่องที่แปลกประหลาดทั้งยังสับสนงุงงงต่างๆมามากพอ แต่ถ้าหากมันจะมียิ่งกว่านี้ พวกเขาก็พร้อมที่จะรับ หญิงสาวค่อยหันไปกล่าวขอบคุณคนทั้งสอง


      “แล้วค่อยเจอกันพี่สาว” เดม่อนพูดพร้อมโบกมือเป็นเชิงให้โชคดี ค่อยมองดูคนทั้งสองเข้าไปต่อแถวเพื่อเข้าสู่ช่องประตูที่มีเรียงรายกันยาวไปหลายสิบช่อง


    “ไอ้ตี๋นั่นโชคดีชะมัด......มีแฟนเป็นดารา” เดม่อนพูดกับเจซ


    “ชั้นรู้สึกว่าไอ้ตี๋นั้นหน้าตามันคุ้นๆเหมือนชั้นเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?”


    “คนหน้าตี๋มีเยอะจะตายไป.........นั่นหน่ะเด็กใหม่ ไม่รู้ว่าจะผ่านระบบทดสอบได้หรือเปล่า.........อีกอย่าง ระบบการทดสอบก็ปรับให้โหดขึ้นเรื่อยๆ คราวที่แล้วมีคนตายจากการทดสอบนี่เป็นสิบ.........คนอีกกว่าร้อยเกือบเป็นบ้า หรืออาจจะบ้าไปแล้วเพราะมัน”


    “อืมมม”
    เจซพยักหน้าเห็นด้วย ค่อยหันหลังกลับเดินฝ่าคลื่นฝูงชนหายไป


    เดม่อนคล้ายนึกบางอย่างได้...................ทำไมหญิงสาวไม่มีโอเปอร์เรเตอร์เทรนนิ่ง?

      แต่นั่นเป็นเพียงคำถามที่ค้างคาใจของเขาเท่านั้น เดม่อนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

    ค่อยหมุนตัวกลับเดินกลับไปทิศทางเดิม ตามเพื่อนของเขาไป กลืนไปกับฝูงชน

     

    ฝูงชนที่ทยอยเดินเข้าสู่ประตู

     

    ที่ไม่รู้ว่าจะนำไปที่ใด?

     

    C://Section08/<End>

    /To be Continue.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×