ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    18DimensioN : : [จอมคนล่าสิบแปดมิติ]

    ลำดับตอนที่ #4 : [Section04] Uncommon --ออกจากสิ่งที่เป็นปกติ

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 54


    Section04  UnComMon [ออกจากสิ่งที่เป็นปกติ]

    .....................................................................................................................

       “เค้าทำให้เหมือนกับว่ามันเป็นฆาตกรรม..............คุณต้องเชื่อผมนะคุณตำรวจ......มันใส่ความผม มันใส่ความผม!!!!!”  
    แสงไฟส่องใบหน้าของผู้ต้องสงสัย ผู้ซึ่งพยายามแก้ต่างให้กับตนเอง


       “หลักฐานทุกอย่างมัดตัวแกแบบนั้น มันฟ้องว่าแกเป็นคนทำ”  เสียงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของความมืด

       “แล้วฆาตกรมันเป็นใคร...........ใครมันจัดฉากได้เหมือนจริงขนาดนั้น”
    เจ้าของน้ำเสียงพูดพร้อมค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากความมืด ใบหน้าของเขา กลับทำให้ดวงตาของผู้ต้องสงสัยเบิกโพลงขึ้น ค่อยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    “กะ.............ก็.........แกไงหล่ะ”


    [เท่าที่จำได้นั่นเป็นฉากสุดท้ายในละครน้ำเน่าที่เด็กหนุ่มรู้สึกว่าได้ดูก่อนนอน]
    .........................................................................



    [7:35]------สถานที่:ย่านสำเพ็ง


    "
    โอ่อาโย่ะ......โอ่อาโยโย่ะ"

       เสียงนาฬิกาปลุกรูปชินจังดังขึ้นต่อเนื่องฟังดูคล้ายไม่ใช่เสียงพูดของมนุษย์ไม่นานเจ้าของนาฬิกาปลุกสอดมือออกจากผ้าห่มนวมควานหาวัตถุต้นเสียงแต่กลับหาไม่พบ

     

    "ฮ้าวววว"

       เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมบิดตัวไปมา มองเห็นนาฬิกาปลุกอยู่ห่างจากช่วงแขนของตนไปเพียงไม่กี่คืบค่อยคว้ามาปิดอย่างไม่สบอารมณ์
      เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งนิ่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น


    "
    ฝัน..." ความคิดผุดขึ้นในสมองขณะที่มือหนึ่งขยี้ตาเบาๆ หรี่ตา


    "!!!!"
    อยู่ๆเขาคล้ายเอะใจว่าฝันอะไรเหมือนจริงขนาดนั้น

    เด็กหนุ่มยังพบอีกว่ามีบางอย่างผิดปกติแม้ว่าชุดนอนจะเป็นชุดที่เขาใส่โดยปกติแต่ไม่เคยติดกระดุมเม็ดบนเลย

    อีกอย่าง....

     

    ...มีบางคน...ขยับตำแหน่งของนาฬิกาปลุก....

     เพราะซ่งเองไม่เคยพลาดเรื่องนี้ระยะของนาฬิกาที่กว่าหลายปีมาไม่เคยกดพลาดมาก่อนเนื่องเพราะเขาไม่เคยขยับตำแหน่งของมันเลย....และห้องนี้ก็ไม่เคยมีใครเข้ามาหลายสิบปีแล้วด้วย


    ....
    หรือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเรื่องจริง!!...

    เด็กหนุ่มควานหาบางอย่างในผ้าห่มคว้าเอารีโมตทีวีขึ้นมาเล็งไปที่ทีวีสิบเจ็ดนิ้วที่มุมห้องนอน


    "
    ปิ๊บ.....ปิ๊ป....ปิ๊ป" ซ่งเปลี่ยนช่องทีละช่องจนไปหยุดอยู่ที่ช่องข่าว...


       เขาใจจดใจจ่อรอคอยดูว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับเอเลี่ยนหรืออะไรบางอย่างบ้างหรือไม่

      แต่เด็กหนุ่มต้องผิดหวังที่กลับไม่มีข่าวสารประเภทนี้เลย....ทีวีถูกปิดลง


    "
    เฮ้อ~ที่แท้ก็ฝัน"
    เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงค่อยๆก้าวข้ามสิ่งกีดขวางเต็มไปด้วยนิตยสารแฟชั่นและหนังสือการ์ตูนที่กระจายอยู่ทั่วห้อง ทั้งกระป๋องน้ำอัดลมรวมทั้งซีดีเพลงต่างๆเข้าสู่ห้องน้ำโดยไม่ได้รับบาดแผลหรือเหยียบโดนสิ่งแปลกปลอมใดๆ


    ผ่านไปหลายนาทีซ่งค่อยเดินตัวเปล่าออกมาจากห้องน้ำเมื่อเหลียวมองดูนาฬิกา
    ...

     

    "อาซ่งงงงงง........เจี่ยปึ้งเลี้ยววววว"


    เสียงดังมาจากด้านนอกเป็นเสียงที่เด็กหนุ่มได้ยินมาตลอดสิบแปดปี

    "รู้แล้วน่า ม่า อาม่าหิวก็กินไปก่อน" ซ่งตะโกนตอบกลับขณะที่กำลังพยายามก้าวข้ามสิ่งกีดขวางไปสู่ตู้เสื้อผ้า

    "ครืนนนนนน"
    เสียงเครื่องบินๆผ่านด้านบนของตึกแถวในย่านร้านค้า


    ผู้คนต่างกำลังเร่งรีบเพื่อออกไปทำงานภายนอก
    ....แข่งขัน....เบียดเสียด...วุ่นวาย.....


    "
    อาม่า...วันนี้อั้วต้องไปลงทะเบียนเรียนวันแรก....อั้วขอตังค์หน่อย"เด็กหนุ่มพยายามพูดด้วยเสียงดัง

     

      อาม่าเป็นหญิงชราอายุน่าจะประมาณ70หรือ75อันนี้ซ่งเองก็ไม่แน่ใจพอๆกับอาม่าเหมือนกันแต่อาม่าเป็นชาวจีนที่อพยพมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเส้นผมที่ขาวโพลนทั้งฟันหน้าเหลืออยู่เพียงไม่กี่ซึ่ของแกดูเหมือนอยากจะคงทนอยู่กับแกให้ได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

     

    อาม่านั่งนิ่งๆคล้ายกำลังไตร่ตรองคำพูดของหลานค่อยตอบกลับไป

     

    "อ้อ....ลื้อพูดอารายนะ..."

     

      เด็กหนุ่มสูดอากาศเข้าเต็มปอดค่อยพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า 
    "อั้ว...บอก...ว่า..วันนี้...อั้วต้องไป...ลงทะเบียนเรียน" 
    พูดจบเด็กหนุ่มหอบเล็กน้อย


    "เออ....กูไม่ได้อยากรู้ด้วย....เอ็งจะตะโกนบอกคนทั้งซอยหรือไงวะไอ้ซ่ง!!!"

     
    เสียงโหวกเหวกดังมาจากชายกลางคนห้องเช่าข้างๆที่กำลังรดน้ำต้นไม้บนระเบียงอยู่ตอบกลับมาอย่างฉุนเฉียว 
    แต่อาม่าไม่ได้พูดอะไร....ลุกจากเก้าอี้ไม้เดินไปที่ตู้เย็นค่อยหยิบกระป๋องขนมคุกกี้ไม่ใช้แล้วมาวางไว้บนโต๊ะ

     

       จริงๆแล้วซ่งเองก็รู้ว่าจะเอาเงินได้ที่ไหน...แต่...เด็กหนุ่มอยากขอตรงๆมากกว่า

     

       เศษเหรียญและธนบัตรใบละยี่สิบถูกเทออกมานับจนกระทั้งครบตามจำนวนที่เด็กหนุ่มบอกเด็กหนุ่มรีบโกยเงินใส่กระเป๋าเป้จากนั้นรีบพุ้ยข้าวในถ้วยเข้าปากจนหมดค่อยดื่มน้ำตาม


    "
    ไปแล้วนะม่า.....วันนี้อั้วกลับดึกนะ...เด๋วซื้อโจ๊กหมี่กรอบมาฝาก"


    “นั่นของโปรดชั้นเลย..............ไม่ได้กินมานานแล้ว”


    ซ่งหันขวับไปมอง
    “อาม่าว่าไรนะ...”


       มองไปทางอาม่าเห็นอาม่ากำลังพยายามเอากล่องคุกกี้วางไว้บนหลังตู้เย็นเช่นเดิม เหมือนไม่ได้สนใจที่ซ่งพูด

    “.........หรือว่าหูฟาด........” เด็กหนุ่มคิด

    “ช่างเหอะ”


    เขารีบผูกเชือกรองเท้า  คว้ากระเป๋าลุกขึ้นเดินออกจากห้องเช่าตรงสู่ถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถเมล์
    ....ผู้คนอัดแน่นบนรถราวกับปลากระป๋องไม่ปาน

    ...เป็นปลากระป๋องลมควัน....

     

     

     

     

    [8:46]--------------------[ห้องเรียน]

    "นาย....นักเรียนใหม่หรอ?"
    เสียงแหบแห้งและไม่สม่ำเสมอดังขึ้น


    "....."

    เจ้านี่นอกจากสายตาสั้นแล้วมันยังผิวเผือกด้วย...เหมือนเจ้าลิงเผือกในฝันไม่มีผิด


    อยากกระทืบมันตะหงิดๆแฮะ

     

    ...เด็กผิวเผือกท่าทางขี้โรคจ้องมองดูซ่งตาแป๋วก่อนเอามือแคะขี้มูกของตัวเอง..

     

    ...บ้าเอ้ยนอกจากต้องมาอยู่ห้องบ้วยที่สุดแล้วยังต้องมานั่งข้างไอ้มนุษย์ซกมกนี่อีกหรอวะเนี่ยแต่เท่าที่มองดูห้องนี้ก็ไม่เลวเท่าไหร่  ตารางสอนก็ไม่ค่อยมีวิชาเรียนเท่าไหร่ แบบนี้ก็ชั่วโมงว่างจมเลยแฮะ[เด็กหนุ่มคิด]

     

       ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิดนักเรียนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในห้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและมากขึ้นๆเพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเรียนทุกคนดูตื่นเต้น

       นักเรียนบางคนดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เด็กอายุ17-18ควรจะเป็นแต่นั่นไม่สำคัญ....เด็กหนุ่มตั้งเป้าว่าจะต้องไม่ย้ายโรงเรียนอีก


    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยืนหยัดอยู่ให้ได้นานที่สุด

     

    "เฮ้ย--อาจารย์มาแล้ว" เสียงตะโกนดังกลบเสียงทุกเสียง


    "
    ว๊าย...นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพอาจารย์เลยฮ้าาา" เด็กอีกคนยืนขึ้นบอกทำความเคารพ

     

    ...ให้ตายสิ...นี่หัวหน้าห้องหรอเนี่ย....เหอๆ..... ซ่งคิดในใจพร้อมยืนขึ้นทำความเคารพอาจารย์

     

    ชั่วโมงแรกเป็นวิชาเลข...อาจารย์สอนเป็นผู้หญิงหน้าตาดีพอใช้ได้...แบบนี้ค่อยน่าเรียนหน่อย(อิอิ)

     

    "เอาเป็นว่าสวัสดียามเช้าแล้วกันนักเรียน.....ก่อนที่จะเริ่มบทเรียนวันนี้เรามีนักเรียนใหม่....นายชนาธิปแซ่ซ่งยืนโชวตัวนิดนึงสิ"

    นักเรียนต่างคนต่างหันหน้ามองหากันเลิกลักค่อยมองไปที่เด็กหน้าจีนเป็นจุดเดียว

     

    "ซ่งติงเปล่าวะ....."
    เด็กนั่งหน้าคนหนึ่งหันมาแซวด้วยหน้าตาที่กวนพอๆกับผมที่ชี้ตั้งอย่างไร้อารยธรรมของมัน
    พร้อมกับเสียงหัวเราะครืนทั้งห้อง

     

    "เอาไว้แปะหน้าเอ็งอะดิ" ซ่งสวนคำพูดขึ้นมาอย่างไม่กลัวเกรงต่อสิ่งใดทั้งยังทำท่าหันไปมาเหมือนมองหาคนที่พูด


    ทั้งห้องเงียบกริบ
    ....จนอาจารย์ต้องรีบพูดขึ้น


    "
    เอาหละนักเรียนใหม่นั่งลงได้แล้ว......ที่เหลือเอาหนังสือขึ้นมา.....จากนั้นเปิดไปหน้า...."

     

      เด็กผู้ชายสองสามคนหันหน้ามามองเด็กหนุ่มราวกับต้องการมีเรื่อง

    แต่ซ่งไม่ต้องการพยายามตั้งใจเปิดหนังสือตามที่อาจารย์บอก

     

    "...ระวัง!!!!....ด้านหน้า"

    เสียงๆหนึ่งดังขึ้นเป็นเสียงของผู้หญิงคล้ายเสียงกระซิบที่ดังกังวาน

     

      ซ่งมองไปข้างหน้าเห็นวัตถุบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามาใส่หน้าด้วยความเร็วเขารีบเบี่ยงหัวหลบรอดอย่างหวุดหวิด

     

    "ตึงงง"
    วัตถุปะทะกับโต๊ะด้านหลังที่แท้เป็นรองเท้านักเรียนข้างหนึ่ง


    "
    นี่พวกเธอเล่นอะไรกัน!!!"
      อาจารย์ตวาดขึ้นมาคล้ายหมดความอดทน


    "
    พวกเธอลุกขึ้นทั้งหมด....เด็กใหม่ด้วย" อาจารย์ชี้มือไปทางกลุ่มเด็กชายหล่อนพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้  อาจารย์สาวไม่ได้พูดต่อแต่หันหลังหยิบชอล์กขึ้นมาเอาปลายชอล์กจรดพื้นกระดาน

     

       เสียงชอล์กกระทบกระดานดำถี่รัวไม่นานสำเร็จออกมาเป็นโจทย์เลขข้อหนึ่งค่อยโยนเศษชอล์คเข้ากล่องอย่างแม่นยำ

     

    "ไหนใครแก้โจทย์ข้อนี้ได้.....ถ้าแก้ไม่ได้แสดงว่าไม่ได้ฟังที่ครูพูด....หรือจะไปรอครูที่ห้องฝ่ายปกครอง"

    เด็กที่ยืนขึ้นได้แต่ก้มหน้าบางคนมองไปทางอื่นไม่สนใจ

     

    "...13คำตอบคือ13..."

    เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง ซ่งพยายามมองหาต้นเสียงแต่กลับไม่พบ  เขามองดูโจทย์เลขเต็มไปด้วยสัญลักษ์บนกระดานค่อยตอบออกมา

     

    ...ที่จริงแล้วโจทย์ข้อนี้เป็นแค่สิ่งที่อาจารย์นำมาเป็นเหตุเอาผิดเด็กอยู่แล้ว...

     

    "13ครับ" ซ่งตอบไปอย่างลอยๆไม่แน่ใจในคำตอบซักนิด

     

    อาจารย์สาวนิ่งพักหนึ่งมองดูโจทย์บนกระดานสลับกับมองดูเด็กหนุ่มอย่างไม่เชื่อว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการคิดค่อยพูดขึ้น


    "
    เก่งมากนายชนาธิป ทุกคนปรบมือให้เพื่อนเราหน่อย นั่งลงได้"

     

    "แปะๆๆๆๆๆ....."
    คนในห้องตบมือยินดีโดยเฉพาะเด็กแว่นที่นั้งอยู่ข้างๆดูปลาบปลื้มเป็นพิเศษ
     

    "เอาหละส่วนคนที่เหลือ...ไปหาครูหลังจบคาบเรียน"
    เด็กหนุ่มนั่งลงอย่างงงๆมองดูรอบๆตัวด้วยสงสัยว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไรกันแน่
    ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิดอาการหลอนหรืออะไรก็ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

    .....แปลก?....เหมือนกับมีคนคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา....ซ่งคิดในใจ

     

      เห็นนักเรียนหญิงหลายคนมองมาที่เขาบางคนยิ้มให้คล้ายสนใจเขาขึ้นมาบางคนมองด้วยความสงสัย บางคนมองเพราะเห็นคนอื่นมองตาม.....แต่บางคนคล้ายไม่สนใจ....ตั้งแต่เด็กหนุ่มเข้ามาตั้งแต่แรก

     

    .................

     

    "กริ๊งงงงงงงงงง" 
    สัญญานบ่งบอกว่าการเรียนของวันนี้สิ้นสุดลง
    นักเรียนทยอยกันกลับบ้านบางส่วนยังคงเตร็ดเตร่อยู่บางส่วนยังไม่รู้จะไปไหนดี

     

    [สถานที่:ห้องน้ำอาคารเรียนวิทยาศาสตร์]


    "
    ซ่าๆๆๆๆ"
     
    เด็กหนุ่มกวักน้ำล้างหน้าหลายครั้งค่อยเงยหน้ามองดูกระจกอีกครั้งหนึ่ง


       รอยฟกช้ำบนใบหน้าแม้ไม่มากแต่ถ้าสังเกตุดีๆก็จะพบว่าเขาไม่ได้เพียงสะดุดลื่นล้มในห้องน้ำแน่


    "
    กร๊วกๆๆๆๆ......โขลกกกก"
    ขาบ้วนน้ำที่เจือเลือดจางๆลงในอ่างค่อยล้างหน้าอีกหลายครั้ง

     

      ไม่ได้มีเพียงซ่งเท่านั้นที่อยู่ในห้องน้ำชายชั้นสามของอาคารเรียนแต่ยังมีเด็กผู้ชายอีกสองคนอยู่ในห้องน้ำนี้ด้วย  ซ่งหันไปมองเด็กชายสองคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำตามใบหน้ามีรอยฟกช้ำทั้งรอยเลือดเปอะไปทั่วใบหน้า เห็นชัดว่าหมดสติทั้งคู่

     

    "เฮ้อ~เอาจนได้แฮะเรา"
    เด็กหนุ่มสบถคำก้มลงมองดูอ้างล้างหน้าคล้ายกำลังสำนึกผิด...เขาสัญญากลับตัวเองว่าจะไม่มีเรื่องอีกแต่เด็กหนุ่มไม่ชอบที่จะถูกซ้อมอยู่ฝ่ายเดียวสามรุมหนึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับเขา แม้เขาจะไม่อัดเจ้าคนสุดท้ายแต่ว่า....นั่นแหละ....นี่อาจเป็นโรงเรียนสุดท้ายที่เขาจะโดนไล่ออก

     

    โลกนี้มีกฏอยู่อย่างหนึ่ง....

     

    ถ้าไม่เป็นผู้ล่าเราก็โดนล่าเองจากผู้แข็งแรงกว่ามีอำนาจมากกว่าแต่ในทางกลับกัน

    ผู้ล่าก็อาจเป็นเหยื่อของนักล่าอีกผู้หนึ่งเราเป็นทั้งนักล่าและเหยื่อที่โดนไล่ล่าในเวลาเดียวกัน...

     

      แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้หละ.....เด็กหนุ่มถามตัวเอง


      จริงๆแล้ว
    ....เขาก็ไม่รู้เหมือนกันไม่นานเสียงที่เขาเคยได้ยินเมื่อคาบเรียนแรกก็ดังขึ้น

    "..ออกไปจากห้องน้ำนี้ซะ..พวกมันตามล่าเธออยู่" 
    ซ่งยืนนิ่งอยู่กับที่ พยายามเงี้ยหูฟังหาแหล่งที่มาของเสียง

    "...
    ไม่มีเวลาแล้ว...ออกไปจากที่นี่...ทางไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ประตู"
    เป็นเสียงกระซิบที่ดังจนผิดปกติ

     

    "เดี๋ยว....นี่เสียงใคร?" ซ่งตะโกนถามอย่างสับสนในบางอย่าง

     

    "เอาไว้ทีหลัง....ตอนนี้หน้าที่ของคุณคือออกมาจากที่นั่น..."

     

    "ทางไหน?" เด็กหนุ่มมองไปรอบๆเห็นช่องกระจกระบายอากาศอยู่ด้านหลังห้องน้ำ

     

    "รีบเร็วเข้า.....พวกมันมากันแล้ว"

     

    "พวกไหน?"

     

    "....."

     

    สับสนว่าทำไมจู่ๆตนเองถึงได้ทำตามคำสั่งของที่ได้ยินแต่ไม่มีเวลาคิดแล้วเด็กหนุ่มใช้ถังขยะต่อแทนเก้าอี้ปีนขึ้นไปเกาะที่ขอบช่องระบายอากาศ ด้วยความยากลำบาก

     

    "เดี๋ยว......นี่เรากำลังทำอะไรเนี่ย?"
    เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองขณะที่คิดว่ากำลังจะทิ้งตัวลงสู่ที่เดิม

     

    "ตึงงงงงงง"
    เสียงเหมือนมีบางอย่างพยายามกระแทกประตูห้องน้ำเข้ามา

     

    ....เด็กหนุ่มรีบเกาะขอบช่องระบายอากาศมุดลอดไปครึ่งตัวออกสู่ภายนอก


      มองเห็นระเบียงที่ต่อกับอาคารเรียนยื่นออกมาเยื้องไปไม่กี่องศาจริงๆแล้วไม่น่าจะเสี่ยง

    แต่หากพลาดขึ้นมาแล้ว.....ผลที่ตามมาไม่น่าดูชมอย่างแน่นอน

     

     

    "ตึงงงงงงงง" เสียงกระแทกประตูอย่างรุนแรงครั้งที่สองดังขึ้น

     

       ซ่งไม่หันกลับไปมองกัดฟันกรอดดึงตัวออกไปภายนอกช่องระบายทั้งสองมือเกาะขอบช่องระบายก่อนค่อยๆสอดขาออกมาทีละข้าง

    แต่....เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

     

    "ว๊ากกกก"
    เด็กหนุ่มรีบคว้ามือทั้งสองเกาะขอบช่องระบายอากาศได้อย่างหวุดหวิดดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกโพลงขณะพยายามตั้งสติอีกครั้ง
    พยายามกระพริบตาไล่เหงื่อที่ไหลซึมเข้าสู่ดวงตาค่อยๆหันไปมองระเบียง

     

    หยดเหงื่อหยดหนึ่งค่อยๆหยดลงจากชั้นบนลงมาเบื้องล่าง ตกกระทบพื้นคอนกรีตสนามบาสด้านล่าง   แตกกระจาย............และเมื่อลองเข้าไปดูเหงื่อนั้นซูมเข้าไปพันเท่า [zoom 1000]หุ่นยนต์แบคทีเรียขนาดจิ๋วกำลังใช้ปากขนาดนาโนดูดโมเลกุลDNAของเด็กหนุ่มเข้าไป.....

     

    "ตึงงงง....."
    เสียงคล้ายกลอนประตูแตกหักออกจากกัน

     

    ซ่งเองพยายามยื่นเท้าไปตรงแตะที่ระเบียงแต่เด็กหนุ่มยังเกาะขอบช่องระบายอากาศไว้อยู่

     

    "มันหายไปไหนของมันวะ!!!" 
    เสียงโวยวายฟังดูก็รู้ว่าเป็นคนจำนวนมากเข้ามาในห้องน้ำ

     

    "ลูกพี่!!!....ดูนั่น" 
    หนึ่งในนั้นชี้ให้คนอื่นๆดูที่ช่องระบายอากาศ

     

    ...แย่กว่าที่คิด...พวกมันต้องรู้แน่ๆเลย

    เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามยื่นเท้าไปให้ได้มากที่สุดแต่ถึงแค่ปลายระเบียง

    ...เอาวะ.... 

    เด็กหนุ่มตัดสินใจเหวี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยจากนั้น.....

     

    "ย้าาา....ตุบ"
    เหวี่ยงตัวไปด้านระเบียงด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่เด็กวัยนี้มีพร้อมปล่อยมือทิ้งตัวลงไปบนระเบียงด้านข้างสำเร็จ

     

    "มันอยู่ตรงนั้น....มันหนีออกมาจากทางนี้"
    เด็กคนหนึ่งโผล่หัวออกมาร้องตะโกนบอกพรรคพวก

     

    "ไปดักมันอีกทางนึง!!"
    หนึ่งในนั้นออกความเห็นจากนั้นกรูกันออกจากห้องน้ำ

     

    เด็กหนุ่มวิ่งไปตามระเบียงด้านล่างมีเสียงนักเรียนที่มองขึ้นมาต่างพากันชี้ให้เพื่อนดู เด็กอีกสองสามคนปีนหน้าต่างลงมาที่ระเบียงเพื่อจะจับเด็กหนุ่ม

     

     

    "ลงมาจากระเบียงเดี๋ยวนี้นะครับนักเรียนครับ....มันอันตรายครับนักเรียนครับ" อาจารย์สอนวิชาพละตะโกนขึ้นไปด้านบนระเบียงแต่ไม่มีใครหยุดฟัง

     

    "...เข้าหน้าต่างบานด้านหน้า..."  สียงกระซิบดังเข้าสู่โสตประสาทของเด็กหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง ซ่งชะลอฝีเท้าหยุดที่หน้าต่างบานหนึ่งค่อยกระโดดเข้าไปในห้อง


       พบว่านี่เป็นห้องที่ใช้เก็บอุปกรณ์เคมีที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาตร์ส่วนประตูห้องนั้นล็อคจากภายนอก

     

    "...เห็นตู้เหล็กที่อยู่ตรงนั้นไหม..."เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง

     

    เด็กหนุ่มมองตามเห็นตู้เหล็กตั้งตะหง่านอยู่ใกล้ๆกับประตู

     

    ...เหอๆ....แล้วยังไงต่อ?...

    ]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]

     

       เด็กสามคนวิ่งมาหยุดตรงหน้าต่างค่อยกระโดดเข้ามาทีละคนแต่ละคนกวาดสายตามองหาเด็กหนุ่ม

     

    "เฮ้ยนั่นไง..." หนึ่งในสามชี้มือไปที่ตู้เหล็กที่งับไว้อยู่แต่มีปลายเสื้อนักเรียนโผล่ออกมา

     

    "อย่าให้มันรู้ตัว"
    เด็กอีกคนส่งสัญญาณบอกเพื่อนค่อยๆหยิบไม้กวาดจากมุมห้องย่องเข้าหาตู้เหล็กช้าๆ

     

    เด็กที่อยู่ด้านข้างตู้เหล็กค่อยๆเอื้อมมือเปิดตู้ออก

    "ฮ่าๆเสร็จจจจละ"

    ประตูตู้ถูกเปิดออกแต่สิ่งที่พบกลับเป็นเพียงเสื้อนักเรียนตัวหนึ่ง

     

    "ใครกันแน่เสร็จ"

      
       เด็กหนุ่มโผล่ออกมาจากใต้โต๊ะอาจารย์ใกล้กับหน้าต่างค่อยกระโดดออกจากห้องสู้ระเบียงแล้วปิดหน้าต่างที่มีอยู่บานเดียวโดยใช้ไม้บรรทัดเหล็กคั้นไว้

    เพื่อความหนาแน่นค่อยกระแทกหน้าต่างปิดสนิท

     

    "ตึงงงๆๆๆ" เสียงเคาะบานหน้าต่างดังต่อเนื่องอีกทั้งไม่มีใครกล้ากระโดดถีบหน้าต่าง

     

    "...คราวนี้เข้าไปในห้องข้างหน้าแล้ววิ่งลงบันไดลงไปชั้นสอง...."

    เ  สียงกระซิบบอกขณะที่เด็กหนุ่มปีนเข้ามาในห้องเรียนอีกห้องหนึ่งเห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสูบบุหรี่หันมามองเด็กหนุ่มเป็นจุดเดียวกัน

     

    "เอ่อ...ไม่บอกอาจารย์หรอก" ซ่งโบ้ยมือจากนั้นวิ่งออกมาจากห้องเห็นเด็กอีกกลุ่มกำลังวิ่งเข้ามาตัวเองรีบลงบันไดไปชั้นที่สอง เห็นเด็กแว่นที่นั่งอยู่ด้านข้างเดินสวนมาพอดี


    "
    ชั้นช่วยมะ?"
    ด็กแว่นพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

     

    แต่เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจรีบวิ่งลงบันไดไป

     

    "เฮ้ยไอ้แว่นอย่าขวาง"
    เด็กกลุ่มที่วิ่งตามมาร้องตะโกนบอกเด็กแว่นเบื้องหน้า


    "
    นายต้องช่วยชั้นนะ"
    เด็กแว่นบอกกับเด็กที่ตามมาพร้อมจับที่แขนเสื้อของเด็กที่วิ่งนำหน้ามา


    "
    มันทำอะไรเอ็งวะ" หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น


    "
    มันต่อยชั้น..แล้วมันก็วิ่งไปทางนู้น" เด็กแว่นชี้นิ้วหลอกให้ไปที่ทางเดินอีกฝั่งหนึ่ง

     

    "พวกเราไป!!!" พอลูกพี่ใหญ่สั่งการก็วิ่งตามกันไปเป็นขบวน

    เด็กแว่นมองตามพร้อมอมยิ้มคิดในใจว่าซ่งนั้นติดค้างบุญคุณตนเองแล้ว

     

    ..................

     

    "แฮกๆๆ"

    เด็กหนุ่มยืนหอบข้างตู้โทรศัพท์โชคดีที่ใส่เสื้อกล้ามมาไม่งั้นไม่กล้าออกมานอกโรงเรียนแบบนี้หรอก
    ซ่งคิดในใจ

    ที่แท้ที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นเพียงเสียงๆหนึ่งที่ดังขึ้นในหัวของเขา


    "
    เอาเป็นว่า....ว่างๆค่อยไปพบจิตแพทย์ละกัน"


    "
    ไปพบทำไม.."เสียงกระซิบดังขึ้น


    "
    ก็ชั้นได้ยินเสียงของผู้หญิงดังอยู่ในหัวนี่ไง!!!"
    เด็กหนุ่มตะโกนออกมาไม่ทันสังเกตว่ามีคนอยู่บริเวณนั้นจ้องเป๋งมาที่เด็กหนุ่มเป็นจุดเดียว


    ซ่งรู้ตัวได้แต่หันไปยิ้มเจื๊อนๆให้คนรอบข้าง

     

    "คุณไม่ได้บ้าซักหน่อย..." เสียงกระซิบนั้นดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


       เด็กหนุ่มทำเป็นไม่สนใจเดินเบียดผู้คนเข้าสู่รถไฟที่พึ่งเข้าเทียบชานชรา


    "
    คุณกำลังอยู่ในขั้นตอนเทรนนิ่ง[Training]......."
    เสียงดังขึ้นก่อนเงียบไปครู่หนึ่ง


    "
    เทรนนิ่ง?......เทรนนิ่งอะไร?"

     

    เด็กหนุ่มทวนคำถามอุบอิบขณะแทรกตัวเข้าไปด้านในตู้โดยสาร

     

    "นั่นเพราะคุณเป็นคนยอมรับเงื่อนไขของพวกเรา...........พร้อมจะรีเซตระบบแล้วหรือยัง?"

     

       ซ่งรู้สึกยิ่งมึนยิ่งสับสนใหญ่เข้าไปอีกเด็กหนุ่มมองควักเอาหูฟังขึ้นมากกหูสองข้างเผื่ออาการจะดีขึ้นบ้าง

     

    "คุณพร้อมหรือยัง?"  เสียงนั้นก็ยังคงดังเข้าสู่โสตประสาทของเด็กหนุ่มอยู่ดีเด็กหนุ่มสับสนมามากพอ

     

    "เออ....พร้อมแล้วจะทำไม?"  เด็กหนุ่มตอบกลับไปด้วยความหงุดหงิดอยากดูสิว่าเจ้าเสียงนี่มันจะทำอะไรได้

       คำพูดที่ตอบไปลอยๆโดยไม่คิดอะไรกลับทำให้ระบบคำสั่งชุดหนึ่งวิ่งเส้นประสาทเข้าสู่สมองของเด็กหนุ่ม เซลประสาทคล้ายถูกตัดวงจรโดยอัตโนมัติ........และ

    วูบบบบบบบบ

     

    "ปิ๊บ---.....โครมมม"

     

    สิ้นเสียงตอบเด็กหนุ่มล้มฟุบลงกับพื้นในทันทีร่างกายคล้ายไม่ไหวติงอีก

     

    ผู้โดยสารในรถไฟต่างแตกตื่นทั้งตู้โดยสาร

     

    ซ่งนอนนิ่งไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ

     

    .......................

    C://Section04 /<End>

    /To be Continue.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×