ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CLasH DimensioN Online-ท้าชนคนทะลุเกมส์

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter02-กลับสู่จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 54


    “แล้วคราวนี้เราจะทำยังไงต่อดีหล่ะคับ” อินเซนร้องตะโกนขึ้นพร้อมมองไปที่ไคเซอร์ที่กำลังหาวอยู่

    “อาจจะเป็นที่ระบบมั้ง เค้ากำลังซ่อมอยู่นา นายใจเย็นๆแล้วรอก่อนก็ได้นี่นา เกมส์ก่อนหน้าที่พวกเราเล่นมาก็เป็นแบบนี้นิไม่นานเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านไปหาแม่”

    ไคเซอร์พูดขึ้นด้วยหน้าตาเซ็งๆเล็กน้อย มองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่เยื้องไปแล้วพูดขึ้น “เธอโอเคนะ”

    “อะ อืม ชั้นไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นอยู่แล้วหล่ะ” หญิงสาวหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มพิมใจ ไคเซอร์ค่อยมองดูรอบๆ ตอนนี้แถบคะแนนก็หายไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงคนสามคนยืนอยู่ลานทรงกลมสีขาว กว้างเท่าสนามฟุตบอลเพื่อรอประตูเปิดออกไปข้างนอก

    “อ่า ถ้าผมออกไปได้เมื่อไหร่นะครับ ผมจะรีบตรงแน่วไปซื้อซิมดรีมออนไลน์มาเล่นทันทีเลย” วินเซนโพล่งขึ้น ไคเซอร์ได้แต่ส่ายหน้ายักไหล่ค่อยตอบกลับ

    “ไม่เอาน่า นั่นมันเกมส์ผู้หญิงเล่น” ไคเซอร์ยืนยัน     “ก็ผมชอบของผมนิครับ” วินเซนหันกลับไปตอบ  ส่วนหญิงสาวได้แต่ทำตาลอยอย่างลำคาญ

    ......วูบบบ.......

      หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในอากาศเหนือศีรษะของคนทั้งสาม มันเป็นคล้ายมิติขนาดใหญ่หมุนวนเป็นคลื่นสีดำ ไม่นานนักหุบลงไปเหมือนกับเตรียมจะคายสิ่งมีชีวิตบางอย่างออกมา..

    “หวา~!! นั่นมันอะไรหรือครับ?” วินเซนถามขึ้น มองไปที่ไคเซอร์เพื่อขอความเห็น ไคเซอร์เมื่อถูกถามขบคิดนิดหนึ่งค่อยตอบกลับ

    “ไม่รู้หว่ะ” เขาส่ายหน้าพร้อมกับจินตนาการว่ามันต้องเป็นเอเลี่ยนตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยสู้มาด้วย  เป็นเวลาเดียวกับที่หลุมดำพ่นเอาไข่ฟองหนึ่งออกมาตกลงมาตั้งไว้ด้านหน้าคนทั้งสาม คนทั้งสามมองดูหลุมดำที่ค่อยๆหดเล็กลงและหายไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงฟองไข่ที่ไม่ทราบว่าข้างในเป็นตัวอะไร

    “หวา ผมไม่รับเลี้ยงนะคร๊าบบ” วินเซนมองดูไข่ฟองสีขาวขุ่นตรงหน้าอย่างพะว้าพะวง พร้อมเดินไปรอบๆเพื่อพิจารณา

    “เปรี้ย~~” “ ฟองไข่เริ่มร้าวแตกออก สิ่งมีชีวิตด้านในฟองไข่ค่อยๆแทรกตัวออกมา ทีละน้อยๆ คนทั้งสามได้แต่ชมดูว่าตัวที่ออกมาคือตัวอะไรกันแน่ ในที่สุด

    “นะ น่ารักอ๊า~” อีเทอน่าส่งเสียงขึ้นก่อนเพื่อนเมื่อเห็นว่าที่แท้เจ้าสัตว์ในฟองไข่นั้นเป็นแพนกวิ้นน้อยตัวนึง ใบหน้าของมันกลับดูไร้เดียงสากว่าที่คาดไว้นัก

    แพนกวิ้นสีฟ้าทำหน้าตาเหรอหรามองดูคนทั้งสาม ดวงตาใสแจ๋วกลมโตของมันจ้องดูไคเซอร์อย่างสนใจ

    “มานี่ เจ้านกน้อย มานี่ๆ” อีเทอน่านั่งลงกวักมือเรียกสัตว์ต่างดาวรูปร่างแพนกวิ้นให้เข้าไปใกล้ เจ้าแพนกวิ้นหันไปมองหญิงสาวค่อยเดินต๊อกแต๊กเข้าหาหล่อน

    “อ่า แล้วทำไมระบบถึงส่งสัตว์โลกน่ารักอย่างนี้มาหล่ะคับ” วินเซนถามอย่างงุนงง แต่ไม่มีคำตอบจากไคเซอร์ เขากำลังสแกนบางอย่างโดยใช้ความสามารถวัดค่าพลังจากม่านตา ก่อนที่จะทำท่าตกใจพร้อมพูดขึ้น

    “จะ เจ้านี่เป็นเอเลี่ยนระดับเอ ทุกคนระวังไว้ให้ดี!!” ไคเซอร์เตือนอีเทอน่าที่กำลังลูบหัวแพนกวิ้นน้อยอย่างเอ็นดู หล่อนหันไปตอบด้วยอาการฉุนเล็กน้อย

    “ดูตามันซิ น่าสงสารออก โอ๋ๆอย่าร้องไห้น้า” อีเทอน่าโอบกอดแพนกวิ้นน้อย แนบชิดสนิทติดหน้าอกของหล่อน ทำให้ชายสองคนได้แต่มองด้วยความอิจฉาเล็กๆ

    “นั่นสิครับคุณไคเซอร์ นี่อาจจะเป็นไอเท่มพิเศษที่ทางระบบส่งมาให้เราก็ได้นะครับ” เด็กแว่นพูดพร้อมมองดูตาของเพนกวิ้นตัวนั้น

    “นี่นาย นายเกิดความเอ็นดูสัตว์โลกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” ไคเซอร์พูดด้วยเสียงดังขึ้น ทำท่าทางหงุดหงิด ทำให้วินเซนที่จ้องตาแพนกวิ้นเอ๋ออยู่ต้องหันกลับไปที่ไคเซอร์แล้วพูดด้วยเสียงดังขึ้นมากกว่า “คุณไดเซอร์ครับ ผมนับถือคุณเป็นกัปตันทีมมาตลอด คุณต้องให้เกียรติผู้ร่วมทีมของคุณบ้าง”

    ฮึ่ม ไคเซอร์เริ่มหงุดหงิดขึ้นบ้าง แม้ว่าจะพยายามรักษาความนิ่งของหัวหน้าทีมเอาไว้ก็ตาม แต่ยังพูดออกมา “ไอ้แว่น นายขึ้นเสียงกับชั้นนี่นา ตั้งแต่เราเรียนมัธยมต้นด้วยกันมา นายก็ไม่เคยขึ้นเสียงกับชั้นมาก่อนเลย ทำไมวันนี้ทั้งๆที่ชั้นพานายตะลุยผ่านมาทุกด่านแล้วแทนที่จะขอบคุณในความสามารถของชั้นหน่ะ ” ไคเซอร์พูดดังกว่าที่ผ่านมา จากนั้นหันหลังให้กับคนทั้งสอง

    “คุณไคเซอร์ครับ คุณว่าผมเสียงดังเรอะ ถ้ามีไอเท็มวัดเดซิเบลเสียง คุณถึงรู้ตัวใช่ไม๊ครับว่าคุณนั่นแหละขึ้นเสียง” วินเซนตอกกลับบ้าง ไม่ได้สนใจหญิงสาวที่กำลังเล่นกับแพนกวิ้นน้อยด้านหลัง

    “วินเซน!!” ไคเซอร์คล้ายหมดความอดทน เดินเข้ามาจับปกคอชุดเกราะนของวินเซนยกขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเข้าไปในดวงตาหลังเลนของวินเซนเหมือนกับจะเอาเรื่อง

    “พอได้แล้ว!! ทั้งสองคนนั่นแหละ ชั้นลำคาญพวกนายมาตั้งแต่เริ่มเกมส์นี้มาแล้วนะรู้ไม๊?” หญิงสาวยืนขึ้นพร้อมตะโกนขึ้นบ้าง แขนของหล่อนค่อยๆเปลี่ยนเป็นปืนเคลือบเป็นเนื้อเดียวกันกับแขนขวา พร้อมยกขึ้นเล็งไปที่คนทั้งสอง

    “เดี๋ยว อีเทอน่า เธอจะทำอะไรหน่ะ!!!” คนทั้งสองหยุดทะเลาะกันชั่วคราวเบิกตามองไปที่หญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตาว่าอีเทอน่าผู้เป็นดังเทพธิดา ซุปเปอร์สตาร์หญิงที่เกมเมอร์ทั่วโลกต่างยกให้ว่าน่ารักที่สุดจะกล้าพูดอย่างนั้น

     

    ........ตรึมๆๆ.........

    หล่อนลั่นไกยิงพลังแสงที่เหลือไม่กี่นัดออกจากปากกระบอกพุ่งตรงเข้าใส่คนทั้งสอง โดยไม่ได้ให้สัญญาณ

    ....ตูม...ตูม....ตูม....

    “แว๊กกก” “ว๊ากกกก” ไคเซอร์กับวินเซนกระโดดหลบกันไปคนละทิศทาง ไคเซอร์กลิ้งตัวไปด้านข้างหลบรอดแรงปะทุแตกของพื้นด้านข้าง วินเซนพุ่งตัวไถลไปกับพื้นไปนอนคว่ำหน้าอยู่อีกฝากหนึ่ง

    “บ้าไปแล้ว อีเทอน่าเธอทำบ้าอะไรเนี่ย” ไคเซอร์โพล่งขึ้นมา พยายามลุกขึ้นมาอย่างยากเย็น ทำหน้าตื่น

    “พวกนาย อยากให้เป็นแบบนี้ใช่ไม๊ครับ?” วินเซนพูดขึ้นขณะนอนคว่ำหน้าอยู่ พร้อมเปลี่ยนแขนทั้งแขนของตัวเองเป็นกระบอกปืน..

     

    .................................................................................................................................................................................................................

    ณ ภายนอกเกมส์

    “ชิ เจ้าแพนกวิ้นงี่เง่านั่นมัวทำอะไรอยู่เนี่ย ลงมือสักทีๆ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำจับที่พนักพิงแน่น มองดูหน้าจอขนาดใหญ่เบื้องหน้าของตนนำเสนอภาพของคนทั้งสามไล่ยิงกันโดยไม่สนใจบอสที่ตนพึ่งปล่อยออกไปไม่นานมานี้ พ่อบ้านสังเกตเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้น

    “นายหนูครับ นายหนูน่าจะดีใจนะครับที่พวกมันกัดกันเอง เพราะความสามารถของไอ้แพนกวิ้นนั่นคือสะกดจิตครับ...” ดีซ่านพูดขึ้นมาด้วยวาจาสุภาพราบเรียบ

    เด็กหนุ่มหันควับไปทางพ่อบ้านพร้อมโวยวายขึ้นมา “ที่ชั้นอยากดูคือเห็นพวกมันถูกเอเลี่ยนยักษ์กระตืบจมลงไปในดิน ไม่ได้มาดูไอแพนกวิ้นงี่เง่านี่เล่นปาหี่ สะกดจิตอะไรนั่น”

    โปรแกรมเมอร์ร่างท้วมหมุนเก้าอี้หันมาพร้อมพูดแทรก “แต่ท่านไวด์ครับ เจ้านี้แม้ว่ามันจะมีระบบที่ขัดข้อง แต่พลังแฝงของมันมากกว่าบอสตัวอื่นๆอีกนะครับ”

    แม้ว่าโปรแกรมเมอร์จะตักเตือนอย่างไรไวด์ก็ไม่ฟัง เขาเอนตัวลงไปบนพนักพิงพร้อมถามขึ้น “ดีซ่าน ขอโจทย์ยากๆมาข้อนึง”

    พ่อบ้านส่ายหัวเล็กน้อยค่อยถามขึ้น “หนึ่งจุดห้าบวกหนึ่งจุดห้าลบสามเท่ากับเท่าไหร่ครับ..”

    “ชิ ก็ศูนย์ไงหล่ะ นี่มันยากตรงไหน? อ๊ะเดี๋ยวก่อนนะ ศูนย์งั้นเรอะ?” ไวด็คล้ายคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขากวาดตามองที่หน้าจอเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว มองผู้เล่นในเลเวลต่างๆกำลังสู้กับพวกเอเลี่ยน เขาหันหน้าไปถามพ่อบ้านอีกครั้ง

    “ดีซ่าน ถ้าขั้นจะลบความจำของพวกมันออกจากระบบของเรา ให้มันกลับไปที่ศูนย์ใหม่หล่ะ ถ้ามันจำอะไรไม่ได้มันก็นึกว่ามันเริ่มเล่นเกมส์ใหม่” ไวด์เสนอความคิดพร้อมถูมือไปมา

    “นายหนูครับ “ ดีซ่านเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดคางคล้ายครุ่นคิดก่อนพูดต่อ “จากกฎหมายเกมส์ออนไลน์ข้อที่สามพันห้าร้อยสี่สิบแปด บอกไว้ว่า ผู้ใดที่ฝ่าฝืนโดยตั้งใจกระทำให้ผู้เล่นสูญเสียความทรงจำ โดยเจตนา โทษปรับสามพันล้านทั้งห้ามไม่ให้สร้างเกมส์ออนไลน์ใดๆอีกเป็นเวลาสิบปี”

    “อืมม”

    “พ่อของนายหนูคงไม่ยอมที่จะให้เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นมาแน่ครับ..”

    “.........”

    ไวด์เมื่อฟังดู เหมือนนึกบางอย่างได้พูดออกมาทันที “งั้นถ้าอย่างนี้หล่ะ เราก็แค่ทำให้มันกลับเข้าสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ทั้งตอนนี้พลังชีวิตมันก็ไม่เหลือแล้ว แค่นี้ชั้นกะจะมีเวลาในการเขียนเกมส์เพิ่มขึ้น เมื่อนั้นจะได้รู้กันว่าเกมส์ของชั้นหน่ะมันไม่หมูอย่างที่พวกนั้นคิด หึหึ” ไวด์พูดขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ

    “แต่ผู้เล่นจะเลือกเองนี่ครับว่าจะไปต่อหรือจะเล่นเกมส์?” พ่อบ้านพูด ไวด์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองไปที่หน้าจอพร้อมวาดมือไปในอากาศ เรียกคีย์บอร์ดขึ้นมาพร้อมกับป้อนคำสั่งบางอย่างลงไป...

     

    ..........................................................................................................................................................................................................................................

    กลับไปที่เกมส์อีกครั้งหนึ่ง

     

    “เหวออออ วินเซนนายก็บ้าไปแล้ว” ไคเซอร์ตะโกนขึ้นขณะกระโดดหมุนตัวกลางอากาศหลบรอดวิถีกระสุนแสงที่วินเซนยิงใส่

    ...ตรึมๆๆๆ...

     

    กระสุนยังคงสาดใส่กันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไคเซอร์คิดอะไรบางอย่างได้ เขารีบตะโกนบอกคนทั้งสอง

    “ทุกคนใส่เอียร์บล็อก พร้อมเปิดหน้ากากลำแสงขึ้นมาตอนนี้เลยย” ไคเซอร์บอกเพื่อนทั้งสองพร้อมกับที่หูของตนมีหูฟังคล้ายหูฟังคลอบหูใหญ่เลื่อนขึ้นมาจากเกราะเพื่อตัดขาดจากเสียงภายรอบ พร้อมหน้ากากลำแสงเลื่อนมาปิดหน้าเหลือเพียงดวงตาทั้งสอง ขณะที่วินเซนกับอีเทอน่ากำลังชาร์ตพลังงานเตรียมยิงใส่กันอีกทีหนึ่ง

    “หลบเก่งจริงนะ” อีเทอร์น่าเมื่อพลาดเป้ากลิ้งตัวหลบ เล็งปืนไปใหม่อีกรอบหนึ่ง ยิงกระสุนออก

     

    ...ตรึมๆๆๆ....

    “บ้าเอ้ย ทำไงดี เจ้าพวกไร้สติทั้งหลาย” ไคเซอร์สบถออกมา วิ่งไปทางแพนกวิ้นพร้อมยิงกระสุนแสงใส่มัน

     

    .....ตรึมๆๆๆ...

     

    วูบบบบ

     

     ผิดคาด!! แพนกวิ้นน้อยกระโดดขึ้นหมุนตัวในอากาศ หลบรอดกระสุนสังหารของไคเซอร์ที่ยิงใส่ได้อย่างหวุดหวิด ไม่น่าเชื่อว่ามันจะหลบได้  หญิงสาวได้แต่โวยวายว่าไคเซอร์รังแกสัตว์ ส่วนวินเซนไม่ได้สนใจอะไรยิงกระหน่ำเข้าใส่ไคเซอร์ได้ไม่นานเหมือนกับมีบางอย่างมาดลใจให้คิดได้

    “เอ๊ะ นี่ชั้นทำอะไรอยู่เนี่ยครับ?” วินเซนพูดกับตัวเองหลังจากรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มองไปที่ไคเซอร์

    “ปิดหน้ากาก ใส่เอียบล์อคสิวะ แพนกวิ้นตัวนี้มันทำให้เราสับสน”

    วินเซนค่อยได้สติขึ้นมารีบสั่งชุดเกราะปิดหน้ากากพร้อมคลอบหูด้วยเอียบล็อก ได้ยินเสียงดนตรีคลาสสิคที่เขาโปรดปราณดังมาจากเอียบล็อกทั้งสองข้างแทน

    “อีเทอน่า ปิดหน้ากากลง ใส่เอียบล็อกซะ เหวออออ” ชณะที่ไคเซอร์ร้องตะโกนบอกหญิงสาวเมื่อเงยหน้ามองไปที่แพนกวิ้นตัวเดิม ร่างของมันจากที่เคยเป็นแพนกวิ้นน้อยน่ารักค่อยๆขยายใหญ่ขั้น จากปีกเล็กบางกลายเป็นกล้ามมัดแผ่ไปถึงลำตัว กลายเป็นอสูรกายแพนกวิ้นชนิดหนึ่ง

    “หวา” หญิงสาวตกใจบ้าง เปลี่ยนทิศทางกระบอกปืนเล็งไปที่แพนกวิ้นยักษ์กลายพันธุ์พร้อมสาดกระสุนเข้าใส่

     

    “พะ พวกเราดูนั่น” ขณะที่สถานการณ์สับสนว่าจะทำอย่างไร วินเซนชี้มือไปที่ประตูตรงหน้าที่พึ่งปรากฏขึ้นมา  ช่องหนึ่งเขียนไว้ว่าทางออก กับอีกฝั่งหนึ่งของสนามมีช่องเขียนไว้ว่าเริ่มเล่นใหม่

    “อ่า ผมไม่เข้าใจเลยทำไมต้องมีสองประตู อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าแพนกวิ้นตัวนี้เป็นแค่โบนัสเพิ่มคะแนน  อยู่ที่เราว่าจะเก็บหรือเปล่า ตอนนี้พลังไม่เหลือแล้ว ผมว่าเราออกไปจากที่นี่ดีกว่า น่าจะประตูนู้นมากกว่า” วินเซนพูดขึ้นพร้อมชี้ให้เพื่อนดูประตูที่เขียนว่าทางออก

    “น่าจะตรงนั้นแหละ” ไคเซอร์พูดพร้อมกวักมือเรียกหญิงสาวให้วิ่งตรงไปยังทางออก ประตูค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆ

     

    “รีบหน่อยประตูกำลังจะปิด” เขาตะโกนบอกวินเซนอีกครั้งหนึ่ง ยักคิ้วส่งเป็นสัญญาณให้เร่งฝีเท้า

    ....

    ....กรี๊ซซซซซ.......

    อสูรกายแพนกวิ้นกู่ร้องขึ้นทิ้งตัวลงมาจากเบื้องบน วินเซนรีบกลิ้งตัวหลบในทันที

    ....ตูมมม......พื้นแตกกระจายออกเป็นตัวเลชดิจิตัล เมื่อวินเซนหลบรอดได้อย่างหวุดหวิดวิ่งตรงไปที่ทางออกบริเวณที่คนทั้งสองยืนรออยู่

    “เร็วเข้าเพื่อน” ไคเซอร์ตะโกนให้กำลังใจ “ออกจากทางนี้ไปคงจบเกมส์แล้ว” เขาเสริมอีก วินเซนมองดูไคเซอร์ด้วยสายตาสำนึกผิด เขายิ้มให้กับไคเซอร์

     

    ปีกใหญ่สีดำพุ่งตรงมาถึงในตำแหน่งที่คนทั้งสามยืนอยู่ เหวี่ยงกระแทกเด็กแว่นกระเด็นออกไป

    “วินเซนนนนนนนนนนนน” ไคเซอร์ร้องตะโกนพร้อมวิ่งออกไปเตรียมช่วยเพื่อน แต่ประตูมิตินั้นกลับดูดคนทั้งสองให้เข้าไปภายในแล้ว.......

    เหลือไว้เพียงใบหน้าสุดท้ายที่เจือไว้ด้วยรอยยิ้มของวินเซน.......ก่อนที่แสงสว่างจ้าจะนำไคเซอร์กับอีเทอน่าไปสู่อีกที่หนึ่ง

     

    .................................................................................................................................................................................................

    “ชิ เจ้าแพนกวิ้นบ้านั่นมันจู่ๆทำไมทำแผนชั้นเสียหมด แทนที่มันจะได้กลับออกมาที่จุดเริ่มต้นทั้งสามคน” ไวด์พูดขณะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อบิดขี้เกียจ

    “นายหนูครับ เมื่อกี้นายหนูทำอะไรครับ?” พ่อบ้านถามขึ้นขณะมองดูหน้าจอตรงหน้า

    “ก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่เปลี่ยนชื่อสับกันระหว่างประตูทางออกจากเกมส์กับไปเริ่มใหม่แค่นั้นเอง”

    “นายหนูครับ นายหนูยังไม่ได้ลบเซฟเลยนะครับ” พ่อบ้านเตือนขึ้นมา “ลบเซฟ? ลบเซฟอะไร” ไวด์หรี่ตามองไปที่พ่อบ้านเพื่อหาคำตอบ

    “ถ้าเมื่อกี้นายหนูไม่ได้ลบเซฟขณะที่ไคเซอร์กับอีเทอน่ากลับเข้าไปเริ่มเกมส์ใหม่ ทั้งเกราะและความสามารถก็ยังอยู่นะครับ แบบนี้เมื่อเวลาที่พลังของเขาเพิ่มขึ้นก็จะทำให้การผ่านในแต่ละด่านนั้นง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกนะครับ”

    “วะ ว่าไงนะ!!!” ไวด์โพล่งขึ้นมา พร้อมกับมองดูหน้าจอ เห็นวินเซนกำลังหลบหนีแพนกวิ้นที่ไล่ล่าไปรอบสนามประลองค่อยวิ่งเข้าไปในประตูที่เขียนว่าเริ่มใหม่เพราะประตูทางออกปิดไปเรียบร้อยแล้ว

     

    ........ทะ ท่านครับ........โปรแกรมเมอร์ร่างท้วมตกใจขึ้นมา หันมาบอกไวด์ “อะไรอีกเล่า” ไวด์ที่กำลังครุ่นคิดอยู่ถามขึ้นอย่างลำคาญเมื่อมีคนมาแทรกระหว่างที่ตนใช้ความคิด “มีไรว่ามา ชิ” ไวด์พูดกับโปรแกรมเมอร์

    “ประตูที่ท่านเปิดเอาไว้ เมื่อครู่นี้เจ้าแพนกวิ้นนั้นกระโดดเข้าไปตามเด็กแว่นนั่นไปแล้วครับ !!!

    “วะ ว่าไงน่ะ !!!“ ไวด์เกิดสับสนอีกครั้ง วันนี้เขาสับสนตัวเองหลายครั้งหลายครา เมื่อเขากลับลงไปนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เพราะทางออกนั่นหมายถึงออกมาจากเกมส์ ยังไงซะแพนกวิ้นที่เป็นแค่โปรแกรมนั่นก็ไม่มีทางหลุดออกมาโลกจริงได้อยู่แล้ว..”

    โอเปอร์เรเตอร์ด้านข้างหันมาแข้งในทันที “ท่านค่ะแต่ว่าประตูนั้นไม่ใช่ทางออกค่ะ มันเชื่อมโยงไปที่ด่านที่ห้า”

    คราวนี้ไวด์ได้ยินได้ฟังแทบล้มลงตกเก้าอี้ เพราะนั่นหมายถึงเอเลี่ยนแพนกวิ้นหัวหน้าใหญ่ต้องไปปรากฏตัวอยู่ในด่านผู้เล่นใหม่นั่นเอง

    “ว๊าก” ไวด์เอามือทั้งสองขึ้นมาขยี้ผม พร้อมสั่งการออกไป

    “ส่งบอทผู้พิทักษ์ไปจับมันกลับมา” ไวด์พูด “ไม่ก็ไปตามป๊ะป๊าชั้นมาที” เขาสั่งการ แต่เมื่อนึกได้ว่าถ้าผู้เป็นบิดารู้เรื่องนี้เข้าต้องแย่แน่เลยจึงรีบห้ามพนักงานที่กำลังติดต่อสายไป

    “ท่านไวด์ครับ บอทผู้พิทักษ์ถูกปล่อยออกไปแล้วครับสองตัว จากทั้งหมดสี่ตัวครับ”โปรแกรมเมอร์หันมาบอก

    “ไม่พอแน่ ส่งไปทั้งสี่ตัวเลย” พ่อบ้านเสนอขึ้นมา โปรแกรมเมอร์รีบทำการปลดปล่อยบอสผู้พิทักษ์ออกไปทั้งหมดเพื่อตามจับอสูรกายแพนกวิ้นกลับมา

    “ท่านค่ะ”

    “ชิ มีอะไร?” ไวด์ในตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหันไปถามโอเปอร์เรเตอร์สาวสวยที่พึ่งรับโทรศัพท์เมื่อครู่

    “มีคนจากกระทรวงกฎหมายเกมส์ออนไลน์อยากจะเข้ามาตรวจสอบความปกติของระบบค่ะ”

    “วะ ว่าไงนะ ชิ บอกให้รอไปก่อน ไม่ก็บอกว่าเอาไว้วันหลัง” ไวด์สบถคำออกมา ใบหน้าบูดบึ้ง

    “เค้าบอกกำชับมาว่า หากไม่ได้เข้ามาตรวจสอบวันนี้ต่อไปจะถือว่าสามารถใช้กฎกระทรวงมารื้อค้นที่นี่ได้ค่ะ” โอเปอร์เรเตอร์หันมาเตือนด้วยความห่วงใย

    “ชิ งั้นให้มันเข้ามา” ไวด์ยื่นมือรับน้ำแอปเปิ้ลกระป๋องจากพ่อบ้านมาเปิดฝากรอกเข้าไปในปากรวดเดียวก่อนโยนกระป๋องไปเบื้องหน้าใส่ถังขยะที่ตั้งไว้อย่างแม่นยำ

    ........คนจากกระทรวงเป็นผู้ชายวัยกลางคนผิวคล้ำไว้หนวดรุงรัง สวมไว้ด้วยแว่นตาดำ ในชุดริมทะเลชายหาด ดูคล้ายอาบังขายถั่วมากกว่าจะมาทำอาขีพนี้ ในมือของเขายังมืเครื่องคอมพิวเตอร์น็ตบุ๊คสีชมพูติดมือมาด้วย

    “แน่ใจนะว่าคนนี้  ไม่ชอบขี้หน้ามันเลย” ไวด์พูดกับพ่อบ้านในระยะเผาขน เมื่อมองดูคนแปลกประหลาดที่มาจากกระทรวงตั้งแต่หัวถึงเท้า คนที่มาจากกระทรวงยกมือขึ้นเพื่อขอจับมือกับไวด์ แต่ไวด์กลับหันเก้าอี้ไปอีกด้านหนึ่ง พร้อมพูดขึ้น

    “ขอโทษนะครับ ผมไม่อยากรู้จักกับคุณแม้แต่นิดเดียว เอางี้ คุณทำงานของคุณไปเงียบๆ ดีซ่านส่งข้อมูลให้เค้าตรวจสอบ” ไวด์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

       ผู้มาใหม่หาที่นั่งในบริเวณใกล้เคียงโดยไม่ได้พูดอะไร เขาต่อสายเชื่อมต่อที่รับมาจากพ่อบ้านเสียบเข้ากับเครื่องโน๊ตบุ๊คสีชมพูที่พกพามาด้วย พร้อมเอาหมากฝรั่งที่พกมาด้วยโยนใส่เข้าปากเคี้ยว ก่อนที่จะรัวนิ้วมือไปบนเครื่อง

    .....แท๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........

    เสียงรัวนิ้วถี่ยิบจนไวด์อดที่จะหันกลับไปมองไม่ได้ ไม่เคยเห็นใครป้อนคำสั่งได้เร็วขนาดนี้มาก่อน

    และไม่นานนั้นเสียงที่เหมือนกับเม็ดฝนกระทบพื้นก็หยุดยั้งลง ชายแว่นดำทรงผมแอฟโฟล์วค่อยๆหันหน้าขึ้นมามองไวด์อีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น

    “ผมว่าเราต้องคุยกันหน่อยแล้วนะครับคุณไวด์” น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบแต่เอาจริงเอาจัง

    “ชิ” ไวด์ได้แต่เค้นเสียงขึ้นมา

    ...........................................................................................................................................................................................................

    กลับเข้าสู่ภายในเกมส์

     

        ไคเซอร์เดินออกจากประตูพร้อมกับหญิงสาว เมื่อคนทั้งสองมองไปรอบๆรู้สึกคุ้นเคยสถานที่อย่างมาก คนในชุดเกราะกว่าร้อยคนกำลังยืนต่อแถวเพื่อรับอาวุธจากโปรแกรมจ่ายอาวุธฟรี ทั้งหญิงชายกว่าต่างหันขวับมองมาที่คนทั้งสองเป็นจุดเดียวกัน ขณะเดียวกับที่ประตูมิติด้านหลังค่อยๆหายไป

    ไคเซอร์หน้าซีดคล้ายเห็นผี ค่อยๆเบือนหน้าไปหาอีเทอน่าที่หล่อนเองก็ตกใจเช่นเดียวกันกับเขา ไคเซอร์ค่อยๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระอักกระอวนปนตื่นตะลึง

    “นี่มัน ด่านแรกก่อนเข้าเกมส์นี่นา!!+

    To be next

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×