คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter02-กลับสู่จุดเริ่มต้น
“แล้วคราวนี้เราจะทำยังไงต่อดีหล่ะคับ” อินเซนร้องตะโกนขึ้นพร้อมมองไปที่ไคเซอร์ที่กำลังหาวอยู่
“อาจจะเป็นที่ระบบมั้ง เค้ากำลังซ่อมอยู่นา นายใจเย็นๆแล้วรอก่อนก็ได้นี่นา เกมส์ก่อนหน้าที่พวกเราเล่นมาก็เป็นแบบนี้นิไม่นานเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านไปหาแม่”
ไคเซอร์พูดขึ้นด้วยหน้าตาเซ็งๆเล็กน้อย มองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่เยื้องไปแล้วพูดขึ้น “เธอโอเคนะ”
“อะ อืม ชั้นไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นอยู่แล้วหล่ะ” หญิงสาวหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มพิมใจ ไคเซอร์ค่อยมองดูรอบๆ ตอนนี้แถบคะแนนก็หายไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงคนสามคนยืนอยู่ลานทรงกลมสีขาว กว้างเท่าสนามฟุตบอลเพื่อรอประตูเปิดออกไปข้างนอก
“อ่า ถ้าผมออกไปได้เมื่อไหร่นะครับ ผมจะรีบตรงแน่วไปซื้อซิมดรีมออนไลน์มาเล่นทันทีเลย” วินเซนโพล่งขึ้น ไคเซอร์ได้แต่ส่ายหน้ายักไหล่ค่อยตอบกลับ
“ไม่เอาน่า นั่นมันเกมส์ผู้หญิงเล่น” ไคเซอร์ยืนยัน “ก็ผมชอบของผมนิครับ” วินเซนหันกลับไปตอบ ส่วนหญิงสาวได้แต่ทำตาลอยอย่างลำคาญ
......วูบบบ.......
หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในอากาศเหนือศีรษะของคนทั้งสาม มันเป็นคล้ายมิติขนาดใหญ่หมุนวนเป็นคลื่นสีดำ ไม่นานนักหุบลงไปเหมือนกับเตรียมจะคายสิ่งมีชีวิตบางอย่างออกมา..
“หวา~!! นั่นมันอะไรหรือครับ?” วินเซนถามขึ้น มองไปที่ไคเซอร์เพื่อขอความเห็น ไคเซอร์เมื่อถูกถามขบคิดนิดหนึ่งค่อยตอบกลับ
“ไม่รู้หว่ะ” เขาส่ายหน้าพร้อมกับจินตนาการว่ามันต้องเป็นเอเลี่ยนตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยสู้มาด้วย เป็นเวลาเดียวกับที่หลุมดำพ่นเอาไข่ฟองหนึ่งออกมาตกลงมาตั้งไว้ด้านหน้าคนทั้งสาม คนทั้งสามมองดูหลุมดำที่ค่อยๆหดเล็กลงและหายไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงฟองไข่ที่ไม่ทราบว่าข้างในเป็นตัวอะไร
“หวา ผมไม่รับเลี้ยงนะคร๊าบบ” วินเซนมองดูไข่ฟองสีขาวขุ่นตรงหน้าอย่างพะว้าพะวง พร้อมเดินไปรอบๆเพื่อพิจารณา
“เปรี้ย~~” “ ฟองไข่เริ่มร้าวแตกออก สิ่งมีชีวิตด้านในฟองไข่ค่อยๆแทรกตัวออกมา ทีละน้อยๆ คนทั้งสามได้แต่ชมดูว่าตัวที่ออกมาคือตัวอะไรกันแน่ ในที่สุด
“นะ น่ารักอ๊า~” อีเทอน่าส่งเสียงขึ้นก่อนเพื่อนเมื่อเห็นว่าที่แท้เจ้าสัตว์ในฟองไข่นั้นเป็นแพนกวิ้นน้อยตัวนึง ใบหน้าของมันกลับดูไร้เดียงสากว่าที่คาดไว้นัก
แพนกวิ้นสีฟ้าทำหน้าตาเหรอหรามองดูคนทั้งสาม ดวงตาใสแจ๋วกลมโตของมันจ้องดูไคเซอร์อย่างสนใจ
“มานี่ เจ้านกน้อย มานี่ๆ” อีเทอน่านั่งลงกวักมือเรียกสัตว์ต่างดาวรูปร่างแพนกวิ้นให้เข้าไปใกล้ เจ้าแพนกวิ้นหันไปมองหญิงสาวค่อยเดินต๊อกแต๊กเข้าหาหล่อน
“อ่า แล้วทำไมระบบถึงส่งสัตว์โลกน่ารักอย่างนี้มาหล่ะคับ” วินเซนถามอย่างงุนงง แต่ไม่มีคำตอบจากไคเซอร์ เขากำลังสแกนบางอย่างโดยใช้ความสามารถวัดค่าพลังจากม่านตา ก่อนที่จะทำท่าตกใจพร้อมพูดขึ้น
“จะ เจ้านี่เป็นเอเลี่ยนระดับเอ ทุกคนระวังไว้ให้ดี!!” ไคเซอร์เตือนอีเทอน่าที่กำลังลูบหัวแพนกวิ้นน้อยอย่างเอ็นดู หล่อนหันไปตอบด้วยอาการฉุนเล็กน้อย
“ดูตามันซิ น่าสงสารออก โอ๋ๆอย่าร้องไห้น้า” อีเทอน่าโอบกอดแพนกวิ้นน้อย แนบชิดสนิทติดหน้าอกของหล่อน ทำให้ชายสองคนได้แต่มองด้วยความอิจฉาเล็กๆ
“นั่นสิครับคุณไคเซอร์ นี่อาจจะเป็นไอเท่มพิเศษที่ทางระบบส่งมาให้เราก็ได้นะครับ” เด็กแว่นพูดพร้อมมองดูตาของเพนกวิ้นตัวนั้น
“นี่นาย นายเกิดความเอ็นดูสัตว์โลกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” ไคเซอร์พูดด้วยเสียงดังขึ้น ทำท่าทางหงุดหงิด ทำให้วินเซนที่จ้องตาแพนกวิ้นเอ๋ออยู่ต้องหันกลับไปที่ไคเซอร์แล้วพูดด้วยเสียงดังขึ้นมากกว่า “คุณไดเซอร์ครับ ผมนับถือคุณเป็นกัปตันทีมมาตลอด คุณต้องให้เกียรติผู้ร่วมทีมของคุณบ้าง”
ฮึ่ม ไคเซอร์เริ่มหงุดหงิดขึ้นบ้าง แม้ว่าจะพยายามรักษาความนิ่งของหัวหน้าทีมเอาไว้ก็ตาม แต่ยังพูดออกมา “ไอ้แว่น นายขึ้นเสียงกับชั้นนี่นา ตั้งแต่เราเรียนมัธยมต้นด้วยกันมา นายก็ไม่เคยขึ้นเสียงกับชั้นมาก่อนเลย ทำไมวันนี้ทั้งๆที่ชั้นพานายตะลุยผ่านมาทุกด่านแล้วแทนที่จะขอบคุณในความสามารถของชั้นหน่ะ ” ไคเซอร์พูดดังกว่าที่ผ่านมา จากนั้นหันหลังให้กับคนทั้งสอง
“คุณไคเซอร์ครับ คุณว่าผมเสียงดังเรอะ ถ้ามีไอเท็มวัดเดซิเบลเสียง คุณถึงรู้ตัวใช่ไม๊ครับว่าคุณนั่นแหละขึ้นเสียง” วินเซนตอกกลับบ้าง ไม่ได้สนใจหญิงสาวที่กำลังเล่นกับแพนกวิ้นน้อยด้านหลัง
“วินเซน!!” ไคเซอร์คล้ายหมดความอดทน เดินเข้ามาจับปกคอชุดเกราะนของวินเซนยกขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเข้าไปในดวงตาหลังเลนของวินเซนเหมือนกับจะเอาเรื่อง
“พอได้แล้ว!! ทั้งสองคนนั่นแหละ ชั้นลำคาญพวกนายมาตั้งแต่เริ่มเกมส์นี้มาแล้วนะรู้ไม๊?” หญิงสาวยืนขึ้นพร้อมตะโกนขึ้นบ้าง แขนของหล่อนค่อยๆเปลี่ยนเป็นปืนเคลือบเป็นเนื้อเดียวกันกับแขนขวา พร้อมยกขึ้นเล็งไปที่คนทั้งสอง
“เดี๋ยว อีเทอน่า เธอจะทำอะไรหน่ะ!!!” คนทั้งสองหยุดทะเลาะกันชั่วคราวเบิกตามองไปที่หญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตาว่าอีเทอน่าผู้เป็นดังเทพธิดา ซุปเปอร์สตาร์หญิงที่เกมเมอร์ทั่วโลกต่างยกให้ว่าน่ารักที่สุดจะกล้าพูดอย่างนั้น
........ตรึมๆๆ.........
หล่อนลั่นไกยิงพลังแสงที่เหลือไม่กี่นัดออกจากปากกระบอกพุ่งตรงเข้าใส่คนทั้งสอง โดยไม่ได้ให้สัญญาณ
....ตูม...ตูม....ตูม....
“แว๊กกก” “ว๊ากกกก” ไคเซอร์กับวินเซนกระโดดหลบกันไปคนละทิศทาง ไคเซอร์กลิ้งตัวไปด้านข้างหลบรอดแรงปะทุแตกของพื้นด้านข้าง วินเซนพุ่งตัวไถลไปกับพื้นไปนอนคว่ำหน้าอยู่อีกฝากหนึ่ง
“บ้าไปแล้ว อีเทอน่าเธอทำบ้าอะไรเนี่ย” ไคเซอร์โพล่งขึ้นมา พยายามลุกขึ้นมาอย่างยากเย็น ทำหน้าตื่น
“พวกนาย อยากให้เป็นแบบนี้ใช่ไม๊ครับ?” วินเซนพูดขึ้นขณะนอนคว่ำหน้าอยู่ พร้อมเปลี่ยนแขนทั้งแขนของตัวเองเป็นกระบอกปืน..
.................................................................................................................................................................................................................
ณ ภายนอกเกมส์
“ชิ เจ้าแพนกวิ้นงี่เง่านั่นมัวทำอะไรอยู่เนี่ย ลงมือสักทีๆ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำจับที่พนักพิงแน่น มองดูหน้าจอขนาดใหญ่เบื้องหน้าของตนนำเสนอภาพของคนทั้งสามไล่ยิงกันโดยไม่สนใจบอสที่ตนพึ่งปล่อยออกไปไม่นานมานี้ พ่อบ้านสังเกตเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้น
“นายหนูครับ นายหนูน่าจะดีใจนะครับที่พวกมันกัดกันเอง เพราะความสามารถของไอ้แพนกวิ้นนั่นคือสะกดจิตครับ...” ดีซ่านพูดขึ้นมาด้วยวาจาสุภาพราบเรียบ
เด็กหนุ่มหันควับไปทางพ่อบ้านพร้อมโวยวายขึ้นมา “ที่ชั้นอยากดูคือเห็นพวกมันถูกเอเลี่ยนยักษ์กระตืบจมลงไปในดิน ไม่ได้มาดูไอแพนกวิ้นงี่เง่านี่เล่นปาหี่ สะกดจิตอะไรนั่น”
โปรแกรมเมอร์ร่างท้วมหมุนเก้าอี้หันมาพร้อมพูดแทรก “แต่ท่านไวด์ครับ เจ้านี้แม้ว่ามันจะมีระบบที่ขัดข้อง แต่พลังแฝงของมันมากกว่าบอสตัวอื่นๆอีกนะครับ”
แม้ว่าโปรแกรมเมอร์จะตักเตือนอย่างไรไวด์ก็ไม่ฟัง เขาเอนตัวลงไปบนพนักพิงพร้อมถามขึ้น “ดีซ่าน ขอโจทย์ยากๆมาข้อนึง”
พ่อบ้านส่ายหัวเล็กน้อยค่อยถามขึ้น “หนึ่งจุดห้าบวกหนึ่งจุดห้าลบสามเท่ากับเท่าไหร่ครับ..”
“ชิ ก็ศูนย์ไงหล่ะ นี่มันยากตรงไหน? อ๊ะเดี๋ยวก่อนนะ ศูนย์งั้นเรอะ?” ไวด็คล้ายคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขากวาดตามองที่หน้าจอเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว มองผู้เล่นในเลเวลต่างๆกำลังสู้กับพวกเอเลี่ยน เขาหันหน้าไปถามพ่อบ้านอีกครั้ง
“ดีซ่าน ถ้าขั้นจะลบความจำของพวกมันออกจากระบบของเรา ให้มันกลับไปที่ศูนย์ใหม่หล่ะ ถ้ามันจำอะไรไม่ได้มันก็นึกว่ามันเริ่มเล่นเกมส์ใหม่” ไวด์เสนอความคิดพร้อมถูมือไปมา
“นายหนูครับ “ ดีซ่านเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดคางคล้ายครุ่นคิดก่อนพูดต่อ “จากกฎหมายเกมส์ออนไลน์ข้อที่สามพันห้าร้อยสี่สิบแปด บอกไว้ว่า ผู้ใดที่ฝ่าฝืนโดยตั้งใจกระทำให้ผู้เล่นสูญเสียความทรงจำ โดยเจตนา โทษปรับสามพันล้านทั้งห้ามไม่ให้สร้างเกมส์ออนไลน์ใดๆอีกเป็นเวลาสิบปี”
“อืมม”
“พ่อของนายหนูคงไม่ยอมที่จะให้เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นมาแน่ครับ..”
“.........”
ไวด์เมื่อฟังดู เหมือนนึกบางอย่างได้พูดออกมาทันที “งั้นถ้าอย่างนี้หล่ะ เราก็แค่ทำให้มันกลับเข้าสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ทั้งตอนนี้พลังชีวิตมันก็ไม่เหลือแล้ว แค่นี้ชั้นกะจะมีเวลาในการเขียนเกมส์เพิ่มขึ้น เมื่อนั้นจะได้รู้กันว่าเกมส์ของชั้นหน่ะมันไม่หมูอย่างที่พวกนั้นคิด หึหึ” ไวด์พูดขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ
“แต่ผู้เล่นจะเลือกเองนี่ครับว่าจะไปต่อหรือจะเล่นเกมส์?” พ่อบ้านพูด ไวด์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองไปที่หน้าจอพร้อมวาดมือไปในอากาศ เรียกคีย์บอร์ดขึ้นมาพร้อมกับป้อนคำสั่งบางอย่างลงไป...
..........................................................................................................................................................................................................................................
กลับไปที่เกมส์อีกครั้งหนึ่ง
“เหวออออ วินเซนนายก็บ้าไปแล้ว” ไคเซอร์ตะโกนขึ้นขณะกระโดดหมุนตัวกลางอากาศหลบรอดวิถีกระสุนแสงที่วินเซนยิงใส่
...ตรึมๆๆๆ...
กระสุนยังคงสาดใส่กันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไคเซอร์คิดอะไรบางอย่างได้ เขารีบตะโกนบอกคนทั้งสอง
“ทุกคนใส่เอียร์บล็อก พร้อมเปิดหน้ากากลำแสงขึ้นมาตอนนี้เลยย” ไคเซอร์บอกเพื่อนทั้งสองพร้อมกับที่หูของตนมีหูฟังคล้ายหูฟังคลอบหูใหญ่เลื่อนขึ้นมาจากเกราะเพื่อตัดขาดจากเสียงภายรอบ พร้อมหน้ากากลำแสงเลื่อนมาปิดหน้าเหลือเพียงดวงตาทั้งสอง ขณะที่วินเซนกับอีเทอน่ากำลังชาร์ตพลังงานเตรียมยิงใส่กันอีกทีหนึ่ง
“หลบเก่งจริงนะ” อีเทอร์น่าเมื่อพลาดเป้ากลิ้งตัวหลบ เล็งปืนไปใหม่อีกรอบหนึ่ง ยิงกระสุนออก
...ตรึมๆๆๆ....
“บ้าเอ้ย ทำไงดี เจ้าพวกไร้สติทั้งหลาย” ไคเซอร์สบถออกมา วิ่งไปทางแพนกวิ้นพร้อมยิงกระสุนแสงใส่มัน
.....ตรึมๆๆๆ...
วูบบบบ
ผิดคาด!! แพนกวิ้นน้อยกระโดดขึ้นหมุนตัวในอากาศ หลบรอดกระสุนสังหารของไคเซอร์ที่ยิงใส่ได้อย่างหวุดหวิด ไม่น่าเชื่อว่ามันจะหลบได้ หญิงสาวได้แต่โวยวายว่าไคเซอร์รังแกสัตว์ ส่วนวินเซนไม่ได้สนใจอะไรยิงกระหน่ำเข้าใส่ไคเซอร์ได้ไม่นานเหมือนกับมีบางอย่างมาดลใจให้คิดได้
“เอ๊ะ นี่ชั้นทำอะไรอยู่เนี่ยครับ?” วินเซนพูดกับตัวเองหลังจากรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มองไปที่ไคเซอร์
“ปิดหน้ากาก ใส่เอียบล์อคสิวะ แพนกวิ้นตัวนี้มันทำให้เราสับสน”
วินเซนค่อยได้สติขึ้นมารีบสั่งชุดเกราะปิดหน้ากากพร้อมคลอบหูด้วยเอียบล็อก ได้ยินเสียงดนตรีคลาสสิคที่เขาโปรดปราณดังมาจากเอียบล็อกทั้งสองข้างแทน
“อีเทอน่า ปิดหน้ากากลง ใส่เอียบล็อกซะ เหวออออ” ชณะที่ไคเซอร์ร้องตะโกนบอกหญิงสาวเมื่อเงยหน้ามองไปที่แพนกวิ้นตัวเดิม ร่างของมันจากที่เคยเป็นแพนกวิ้นน้อยน่ารักค่อยๆขยายใหญ่ขั้น จากปีกเล็กบางกลายเป็นกล้ามมัดแผ่ไปถึงลำตัว กลายเป็นอสูรกายแพนกวิ้นชนิดหนึ่ง
“หวา” หญิงสาวตกใจบ้าง เปลี่ยนทิศทางกระบอกปืนเล็งไปที่แพนกวิ้นยักษ์กลายพันธุ์พร้อมสาดกระสุนเข้าใส่
“พะ พวกเราดูนั่น” ขณะที่สถานการณ์สับสนว่าจะทำอย่างไร วินเซนชี้มือไปที่ประตูตรงหน้าที่พึ่งปรากฏขึ้นมา ช่องหนึ่งเขียนไว้ว่าทางออก กับอีกฝั่งหนึ่งของสนามมีช่องเขียนไว้ว่าเริ่มเล่นใหม่
“อ่า ผมไม่เข้าใจเลยทำไมต้องมีสองประตู อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าแพนกวิ้นตัวนี้เป็นแค่โบนัสเพิ่มคะแนน อยู่ที่เราว่าจะเก็บหรือเปล่า ตอนนี้พลังไม่เหลือแล้ว ผมว่าเราออกไปจากที่นี่ดีกว่า น่าจะประตูนู้นมากกว่า” วินเซนพูดขึ้นพร้อมชี้ให้เพื่อนดูประตูที่เขียนว่าทางออก
“น่าจะตรงนั้นแหละ” ไคเซอร์พูดพร้อมกวักมือเรียกหญิงสาวให้วิ่งตรงไปยังทางออก ประตูค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆ
“รีบหน่อยประตูกำลังจะปิด” เขาตะโกนบอกวินเซนอีกครั้งหนึ่ง ยักคิ้วส่งเป็นสัญญาณให้เร่งฝีเท้า
....
....กรี๊ซซซซซ.......
อสูรกายแพนกวิ้นกู่ร้องขึ้นทิ้งตัวลงมาจากเบื้องบน วินเซนรีบกลิ้งตัวหลบในทันที
....ตูมมม......พื้นแตกกระจายออกเป็นตัวเลชดิจิตัล เมื่อวินเซนหลบรอดได้อย่างหวุดหวิดวิ่งตรงไปที่ทางออกบริเวณที่คนทั้งสองยืนรออยู่
“เร็วเข้าเพื่อน” ไคเซอร์ตะโกนให้กำลังใจ “ออกจากทางนี้ไปคงจบเกมส์แล้ว” เขาเสริมอีก วินเซนมองดูไคเซอร์ด้วยสายตาสำนึกผิด เขายิ้มให้กับไคเซอร์
ปีกใหญ่สีดำพุ่งตรงมาถึงในตำแหน่งที่คนทั้งสามยืนอยู่ เหวี่ยงกระแทกเด็กแว่นกระเด็นออกไป
“วินเซนนนนนนนนนนนน” ไคเซอร์ร้องตะโกนพร้อมวิ่งออกไปเตรียมช่วยเพื่อน แต่ประตูมิตินั้นกลับดูดคนทั้งสองให้เข้าไปภายในแล้ว.......
เหลือไว้เพียงใบหน้าสุดท้ายที่เจือไว้ด้วยรอยยิ้มของวินเซน.......ก่อนที่แสงสว่างจ้าจะนำไคเซอร์กับอีเทอน่าไปสู่อีกที่หนึ่ง
.................................................................................................................................................................................................
“ชิ เจ้าแพนกวิ้นบ้านั่นมันจู่ๆทำไมทำแผนชั้นเสียหมด แทนที่มันจะได้กลับออกมาที่จุดเริ่มต้นทั้งสามคน” ไวด์พูดขณะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อบิดขี้เกียจ
“นายหนูครับ เมื่อกี้นายหนูทำอะไรครับ?” พ่อบ้านถามขึ้นขณะมองดูหน้าจอตรงหน้า
“ก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่เปลี่ยนชื่อสับกันระหว่างประตูทางออกจากเกมส์กับไปเริ่มใหม่แค่นั้นเอง”
“นายหนูครับ นายหนูยังไม่ได้ลบเซฟเลยนะครับ” พ่อบ้านเตือนขึ้นมา “ลบเซฟ? ลบเซฟอะไร” ไวด์หรี่ตามองไปที่พ่อบ้านเพื่อหาคำตอบ
“ถ้าเมื่อกี้นายหนูไม่ได้ลบเซฟขณะที่ไคเซอร์กับอีเทอน่ากลับเข้าไปเริ่มเกมส์ใหม่ ทั้งเกราะและความสามารถก็ยังอยู่นะครับ แบบนี้เมื่อเวลาที่พลังของเขาเพิ่มขึ้นก็จะทำให้การผ่านในแต่ละด่านนั้นง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกนะครับ”
“วะ ว่าไงนะ!!!” ไวด์โพล่งขึ้นมา พร้อมกับมองดูหน้าจอ เห็นวินเซนกำลังหลบหนีแพนกวิ้นที่ไล่ล่าไปรอบสนามประลองค่อยวิ่งเข้าไปในประตูที่เขียนว่าเริ่มใหม่เพราะประตูทางออกปิดไปเรียบร้อยแล้ว
........ทะ ท่านครับ........โปรแกรมเมอร์ร่างท้วมตกใจขึ้นมา หันมาบอกไวด์ “อะไรอีกเล่า” ไวด์ที่กำลังครุ่นคิดอยู่ถามขึ้นอย่างลำคาญเมื่อมีคนมาแทรกระหว่างที่ตนใช้ความคิด “มีไรว่ามา ชิ” ไวด์พูดกับโปรแกรมเมอร์
“ประตูที่ท่านเปิดเอาไว้ เมื่อครู่นี้เจ้าแพนกวิ้นนั้นกระโดดเข้าไปตามเด็กแว่นนั่นไปแล้วครับ !!!”
“วะ ว่าไงน่ะ !!!“ ไวด์เกิดสับสนอีกครั้ง วันนี้เขาสับสนตัวเองหลายครั้งหลายครา เมื่อเขากลับลงไปนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เพราะทางออกนั่นหมายถึงออกมาจากเกมส์ ยังไงซะแพนกวิ้นที่เป็นแค่โปรแกรมนั่นก็ไม่มีทางหลุดออกมาโลกจริงได้อยู่แล้ว..”
โอเปอร์เรเตอร์ด้านข้างหันมาแข้งในทันที “ท่านค่ะแต่ว่าประตูนั้นไม่ใช่ทางออกค่ะ มันเชื่อมโยงไปที่ด่านที่ห้า”
คราวนี้ไวด์ได้ยินได้ฟังแทบล้มลงตกเก้าอี้ เพราะนั่นหมายถึงเอเลี่ยนแพนกวิ้นหัวหน้าใหญ่ต้องไปปรากฏตัวอยู่ในด่านผู้เล่นใหม่นั่นเอง
“ว๊าก” ไวด์เอามือทั้งสองขึ้นมาขยี้ผม พร้อมสั่งการออกไป
“ส่งบอทผู้พิทักษ์ไปจับมันกลับมา” ไวด์พูด “ไม่ก็ไปตามป๊ะป๊าชั้นมาที” เขาสั่งการ แต่เมื่อนึกได้ว่าถ้าผู้เป็นบิดารู้เรื่องนี้เข้าต้องแย่แน่เลยจึงรีบห้ามพนักงานที่กำลังติดต่อสายไป
“ท่านไวด์ครับ บอทผู้พิทักษ์ถูกปล่อยออกไปแล้วครับสองตัว จากทั้งหมดสี่ตัวครับ”โปรแกรมเมอร์หันมาบอก
“ไม่พอแน่ ส่งไปทั้งสี่ตัวเลย” พ่อบ้านเสนอขึ้นมา โปรแกรมเมอร์รีบทำการปลดปล่อยบอสผู้พิทักษ์ออกไปทั้งหมดเพื่อตามจับอสูรกายแพนกวิ้นกลับมา
“ท่านค่ะ”
“ชิ มีอะไร?” ไวด์ในตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาหันไปถามโอเปอร์เรเตอร์สาวสวยที่พึ่งรับโทรศัพท์เมื่อครู่
“มีคนจากกระทรวงกฎหมายเกมส์ออนไลน์อยากจะเข้ามาตรวจสอบความปกติของระบบค่ะ”
“วะ ว่าไงนะ ชิ บอกให้รอไปก่อน ไม่ก็บอกว่าเอาไว้วันหลัง” ไวด์สบถคำออกมา ใบหน้าบูดบึ้ง
“เค้าบอกกำชับมาว่า หากไม่ได้เข้ามาตรวจสอบวันนี้ต่อไปจะถือว่าสามารถใช้กฎกระทรวงมารื้อค้นที่นี่ได้ค่ะ” โอเปอร์เรเตอร์หันมาเตือนด้วยความห่วงใย
“ชิ งั้นให้มันเข้ามา” ไวด์ยื่นมือรับน้ำแอปเปิ้ลกระป๋องจากพ่อบ้านมาเปิดฝากรอกเข้าไปในปากรวดเดียวก่อนโยนกระป๋องไปเบื้องหน้าใส่ถังขยะที่ตั้งไว้อย่างแม่นยำ
........คนจากกระทรวงเป็นผู้ชายวัยกลางคนผิวคล้ำไว้หนวดรุงรัง สวมไว้ด้วยแว่นตาดำ ในชุดริมทะเลชายหาด ดูคล้ายอาบังขายถั่วมากกว่าจะมาทำอาขีพนี้ ในมือของเขายังมืเครื่องคอมพิวเตอร์น็ตบุ๊คสีชมพูติดมือมาด้วย
“แน่ใจนะว่าคนนี้ ไม่ชอบขี้หน้ามันเลย” ไวด์พูดกับพ่อบ้านในระยะเผาขน เมื่อมองดูคนแปลกประหลาดที่มาจากกระทรวงตั้งแต่หัวถึงเท้า คนที่มาจากกระทรวงยกมือขึ้นเพื่อขอจับมือกับไวด์ แต่ไวด์กลับหันเก้าอี้ไปอีกด้านหนึ่ง พร้อมพูดขึ้น
“ขอโทษนะครับ ผมไม่อยากรู้จักกับคุณแม้แต่นิดเดียว เอางี้ คุณทำงานของคุณไปเงียบๆ ดีซ่านส่งข้อมูลให้เค้าตรวจสอบ” ไวด์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ผู้มาใหม่หาที่นั่งในบริเวณใกล้เคียงโดยไม่ได้พูดอะไร เขาต่อสายเชื่อมต่อที่รับมาจากพ่อบ้านเสียบเข้ากับเครื่องโน๊ตบุ๊คสีชมพูที่พกพามาด้วย พร้อมเอาหมากฝรั่งที่พกมาด้วยโยนใส่เข้าปากเคี้ยว ก่อนที่จะรัวนิ้วมือไปบนเครื่อง
.....แท๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........
เสียงรัวนิ้วถี่ยิบจนไวด์อดที่จะหันกลับไปมองไม่ได้ ไม่เคยเห็นใครป้อนคำสั่งได้เร็วขนาดนี้มาก่อน
และไม่นานนั้นเสียงที่เหมือนกับเม็ดฝนกระทบพื้นก็หยุดยั้งลง ชายแว่นดำทรงผมแอฟโฟล์วค่อยๆหันหน้าขึ้นมามองไวด์อีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น
“ผมว่าเราต้องคุยกันหน่อยแล้วนะครับคุณไวด์” น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบแต่เอาจริงเอาจัง
“ชิ” ไวด์ได้แต่เค้นเสียงขึ้นมา
...........................................................................................................................................................................................................
กลับเข้าสู่ภายในเกมส์
ไคเซอร์เดินออกจากประตูพร้อมกับหญิงสาว เมื่อคนทั้งสองมองไปรอบๆรู้สึกคุ้นเคยสถานที่อย่างมาก คนในชุดเกราะกว่าร้อยคนกำลังยืนต่อแถวเพื่อรับอาวุธจากโปรแกรมจ่ายอาวุธฟรี ทั้งหญิงชายกว่าต่างหันขวับมองมาที่คนทั้งสองเป็นจุดเดียวกัน ขณะเดียวกับที่ประตูมิติด้านหลังค่อยๆหายไป
ไคเซอร์หน้าซีดคล้ายเห็นผี ค่อยๆเบือนหน้าไปหาอีเทอน่าที่หล่อนเองก็ตกใจเช่นเดียวกันกับเขา ไคเซอร์ค่อยๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระอักกระอวนปนตื่นตะลึง
“นี่มัน ด่านแรกก่อนเข้าเกมส์นี่นา!!+
To be next
ความคิดเห็น