ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    18DimensioN : : [จอมคนล่าสิบแปดมิติ]

    ลำดับตอนที่ #2 : [Section02]--What Hell ? --ตัวอะไร?

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 54



    [Section2] What Hell?

    .
    .....ต่อไปเป็นข่าวต่างประเทศ...

    “ประธานนาธิบดีสหรัฐออกมาแถลงการณ์เรื่องของข้อความประหลาดที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเมื่อสามวันที่แล้วว่าอาจเกิดจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางจงใจเพื่อสร้างความปั่นป่วน ต่อไปเป็นรายงานของชายที่อ้างว่าตัวเองรู้เบาะแสในเรื่องนี้ค่ะ”


    นักข่าวสาวยิ้มหวานให้กับผู้ชมก่อนภาพบนหน้าจอจะตัดภาพไปที่ชายแก่คนหนึ่ง ชายผู้แต่งตัวคล้ายชาวไร่ข้าวโพดได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร้า


                “จริงๆแล้วมันไม่ใช้ผู้ก่อการร้ายอะไรนั่นหรอก  มันเป็นพวกมนุษย์ต่างดาว มันเป็นหายนะของมนุษย์ชาติ คุณรู้ไหมที่จริงแล้วพวกมันเข้ามาในโลกนี้ตั้งแต่พวกคุณยังไม่ลืมตามาดูโลกซะอีก พวกมันเข้าไปครอบครองจิตใจของคุณ เข้าไปอาศัยอยู่ในจิตสำนึกของพวกคุณ เพื่อรอเวลาที่มันสามารถเข้าไปบงการจิตใต้สำนึกของคุณได้เมื่อไหร่ โลกนี้ก็อยู่ในกำมือของพวกมันหน่ะสิ แล้วรู้อะไรไม๊?..............เมื่อวันก่อนลูกชายผมถามผมว่า อยากเป็นส่วนหนึ่งกับเค้าไม๊?”


    “แล้วลุงตอบว่าไงครับ?” นักข่าวที่ทำหน้าที่รายงานข่าวสัมภาษณ์ต่อ


    “ชั้นก็ตอบไปว่า...........ก็เอาสิ ฮ่าๆๆๆๆๆ ก็เอาสิ”
    ชายแก่พูดจากนั้นหัวเราะร่วนคล้ายคนไร้สติ 

    “แล้วจากนั้นหล่ะครับ...”


    “ก็รู้สึกดี” ชายแก่ตอบ “รู้สึกเหมือนคุณไม่ได้อยู่บนโลกนี้” ตอบพร้อมยิ้มอย่างภาคภูมิ


    “ครับเอาไว้แค่นี้ เดี๋ยวเราตัดภาพไปที่ห้องส่งครับ”

    ........แต๊นตะละแล๊นแต๊นแต๊นนนนนน........

     

    ....ทีวีจอยักษ์แขวนติดอยู่กลางห้างสรรพสินค้าเปลี่ยนเป็นโฆษณาถุงยางยี่ห้อหนึ่ง......


    สมัยนี้ถุงยางสามารถโฆษณาได้อย่างถูกกฎหมายแล้วตั้งแต่รัฐบาลออกนโยบายเพิ่มจำนวนประขากร


    ใครจะคาดคิดว่าประชากรในโลกลดลงไปมาก รัฐบาลกลัวว่ามนุษย์จะสูญพันธุ์ไปจากโลก

     

           “ตู๊ดๆๆๆๆ........ปิ๊บ”


    เด็กหนุ่มปิดมือถือสอดเก็บในกระเป๋ากางเกงยีนยี่ห้อลีวาย(ปลอม) ค่อยล้วงมือควานหาหูฟังในกระเป๋าเป้ขึ้นมาอัดกกหูทั้งสองข้างเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก

    “”We live in beautiful world……….Everytime……Everytime

    เสียงเพลงดังก้องเข้าสู่โสตประสาทของเด็กหนุ่ม เขาขยับนิ้วตามจังหว่ะของเสียงกลอง ปล่อยอารมณ์อย่างผ่อนคลายไปกับเสียงดนตรี บนม้านั่งยาวที่นำมาจัดวางเรียงรายอยู่หน้าโรงภาพยนตร์ ไม่สนใจสิ่งภายนอก แม้แต่เสียงประกาศปิดทำการของห้างสรรพสินค้าที่แว่วมา


    “...ท่านผู้มีอุปการคุณโปรดทราบ อีกครึ่งชั่วโมงห้างของเราจะปิดทำการแล้ว ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ”


    “ประกาศถึงท่านผู้มีอุปการคุณ.......”

     
           พนักงานเก็บตั๋วเริ่มเก็บของเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับ กลุ่มวัยรุ่นบางส่วนยังคงเดินทอดน่องพูดคุยหัวเราะคิกคักกัน ราวกับว่าพวกเขามีเวลาอย่างเหลือเฟือบนโลกใบนี้ ไม่ก็คิดไม่ออกว่าจะเอาเวลาที่มีอยู่อย่างมากมายไปทำสิ่งใดอื่นอีก
    เช่นเดียวกับเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มที่ใครต่อใครบอกว่าเขาเป็นเด็กมีปัญหา...

    ปัญหาของเด็กหนุ่มคนนี้มีอยู่สามปัญหาด้วยกัน

     
       ประการแรกเขาเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ ประการที่สอง เด็กหนุ่มพึ่งถูกย้ายโรงเรียนหลังจากที่เป็นหัวโจ๊กนำนักเรียนชายทั้งระดับชั้นยกพวกไปตีกับโรงเรียนฝั่งตรงข้าม และสาม เขากำลังจะตายด้วยโรคบางอย่างที่หมอก็ไม่ทราบว่ามันเป็นโรคอะไร แต่หมอก็ยังพยายามระบุว่าเขาเป็นลูคีเมียระยะที่สี่ ซึ่งเป็นระยะพิเศษที่น้อยคนจะเป็น พร้อมเรียกค่ายาราคาแพงลิ่ว ทั้งยืนยันว่าชีวิตของเด็กหนุ่มนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก....


    “ไอ้น้อง ห้างปิดแล้ว ยังไม่กลับบ้านกลับช่องอีกเรอะ.......มีบ้านให้กลับป๊ะ”
       
         คนในเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มกำลังพูดบางอย่าง เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นมาดูตัวเลขดิจิตัลบนหน้าปัดก่อนจะทำทีไม่สนใจ ยังคงกระดิกนิ้วปล่อยใจไปกับเสียงดนตรี รอจน รปภ เดินหลึกไปแล้วก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม


    “ห้ามแจกใบปลิวที่นี่ครับ”
        รปภ กำลังห้ามปรามชายในชุดนักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังเดินแจกใบปลิวผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ชั้นล่างของห้าง เด็กหนุ่มก็ได้ใบปลิวนี้เช่นกัน เขานำมันขึ้นมาอ่านดู  ใบปลิวที่มีสัญลักษณ์แปลกประหลาดพร้อมกับคำเชิญชวนให้สมัครสมาชิก

    “ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา..........โลกนี้ก็จะอยู่ในกำมือท่าน ติดต่อได้ที่เบอร์....”

        เด็กหนุ่มบรรจงค่อยๆพับใบปลิวเป็นรูปจรวดจากนั้นซัดไปที่ถังขยะตรงข้ามโดยไม่ได้สนใจป้ายรักษาความสะอาดที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนหลับตาลง

    “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่านั่งตรงนี้ได้ไม๊ค่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น

    “ขอโทษนะคะ...” เจ้าของเสียงเพิ่มความดังของเสียงขึ้นอีก แต่เด็กหนุ่มไม่ได้ยิน กลับได้กลิ่นหอมจางๆทั้งรู้สึกตัวว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ ค่อยลืมตาขึ้นมามองดู

    พร้อมเอาหูฟังออก  เมื่อนั้นลมหายใจของเด็กหนุ่มน้อยก็แทบขาดห้วง.....

      
       หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กหนุ่มเป็นคนๆเดียวกันกับที่อยู่ในโปสเตอร์โฆษณาหนัง เป็นหนังเรื่องที่พึ่งเข้าไม่กี่วันมานี้ กลับมาปรากฏตัวขึ้น มานั่งอยู่ข้างๆเขา สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องมองดูใบหน้าของหญิงสาว ลมหายใจเข้าออกนั้นแทบจะหยุดไปพร้อมๆกับระดับอัตราการเต้นของหัวใจ

      
       หญิงสาวคล้ายก็รู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมองอยู่ในระยะประชิดค่อยๆหันไปมองประสานตากับสายตาคู่ที่มองมาพร้อมรอยยิ้มพิมใจส่งไปที่เจ้าของสายตาคู่นั้น

      
       เด็กหนุ่มกระพริบตามองดูห้างสรรพสินค้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสวนดอกไม้กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา มีผีเสื้อบินเล่นดอกไม้หลากสี ต่างค่อยๆผลิดอกออกมาทีละน้อย มีเพียงคนสองคนนั่งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ หญิงสาวตรงหน้าคล้ายเทพธิดาค่อยๆขยับปากพูดบางอย่างออกมา.....


       “นี่นาย ขอยืมมือถือหน่อยสิ”
       หญิงสาวทำเสียงอ้อนวอนเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงเม่อมองดูหญิงสาวคล้ายหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง


    “นี่นายยย................นายยยยยย”
       หญิงสาวยกมือขึ้นมาปัดไปมาเบื้องหน้าชายหนุ่ม ภาพสวนดอกไม้ค่อยๆจางหายไปกลายเป็นห้างสรรพสินค้าตามเดิม เด็กหนุ่มพลันขยี้ตา

    “อะ......เอ่อ”


    “มีมือถือป๊ะ..................พอดีของชั้นแบตมันหมดหน่ะ”
    หญิงสาวแบมือออกรับโทรศัพท์ที่เด็กหนุ่มยื่นให้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย หญิงสาวรับโทรศัพท์มาก้มหน้าก้มตากดเบอร์ เด็กหนุ่มได้แต่นั่งมองหญิงสาวก่อนถามขึ้น


    “พี่เป็น ดาราไม่ใช่เรอะคับ แล้วทำไม...”


    หญิงสาวตอบโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเด็กหนุ่ม
    “ดาราก็มาเที่ยวห้างได้ไม่ใช่เรอะ มือถือของดาราก็แบตหมดเป็นนะเด็กน้อย” เด็กหนุ่มฟังพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยได้ยินเสียงหนึ่งดีงลอดมาจากมือถือของตัวเอง


    “ขออภัยค่ะยอดเงินของคุณไม่เหลือหลอ”


      หญิงสาวเงียบไปพักหนึ่งยื่นมือถือส่งคืนให้เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มรับคืนมาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก


    นี่เรียกว่า..........มาคุ........หรือว่าอะไร?


     [maku---
    เป็นชนเผ่าๆหนึ่ง ชนเผ่านี้วันๆมักจะนั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ยอมไปล่าสัตว์  ไม่ไปจับปลา ไม่xxx

    ไม่ทำอะไรเลย และตายไปในที่สุด สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ -----[ปล]------เป็นเรื่องโกหกหน่ะ]

    “”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””

     

       คนสองคนนั่งเงียบ ฟังเสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากห้างสรรพสินค้าขั้นล่าง


       “เฮ้ย พี่บอกน้องแล้วไงว่าที่นี้ไม่ให้แจกใบปลิว นี่สามรอบแล้วนะที่มาเตือนน้องเนี่ย เดี๋ยวห้างก็จะปิดแล้ว” รปภ ยังคงมีธุระกับนักศึกษาชายที่ยังคงยืนแจกใบปลิวอยู่

       “อ๊อคคคคคคค!!!!!!
      
    เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านล่าง ผู้คนต่างแตกตื่นมองดูนักศึกษาหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งบีบที่ต้นคอของ รปภ แล้วยกขึ้นสูง  รปภ ได้แต่ใช้มือทั้งสองพยายามตะกรุยเพื่อให้ดิ้นจากแรงบีบที่มหาศาลอย่างเหลือเชื่อของชายผู้นี้ ไม่นานตาทั้งสองหลุบขึ้นด้านบน น้ำลายไหลย้อยลงมาเป็นทาง


    “เฮ้ยยยยย ทำอะไรวะ”
      
       รปภ อีกสองคนวิ่งเข้ามาสมทบ หนึ่งในสองหวดกระบองลงไปบนศรีษะของนักศักษาหนุ่ม ค่อยคลายมือออก ค่อยจับกดลงไปกับพื้น  รปภ อีกคนพูดขึ้น  “พาไปที่ห้องก่อน ให้มันสงบสติอารมณ์”

       รปภ ที่ถูกบีบคอสำลักน้ำลายหลายครั้งก่อนคุมนักศึกษาหนุ่มลึกลับนี้ไป เหตุการณ์ค่อยคลี่คลายเข้าสู่ปกติ

       คนทั้งหลายต่างซุบซิบกันเป็นการใหญ่  หญิงสาวกับเด็กหนุ่มชั้นบนได้แต่มองดูเหตุการณ์ เด็กหนุ่มเลยเอ่ยขึ้นก่อน  “สงสัยเป็นเพราะ เรียนหนักไปมั้ง”

     

       หญิงสาวหัวเราะเล็กน้อย คล้ายว่าหล่อนคงเคยพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาพอสมควร ค่อยพูดขึ้น


    “จะเครียดกันไปถึงไหนนะ”

       ชายหนุ่มจึงรีบสวนขึ้น “เพราะคนเรามีทางเลือกไม่มากหน่ะสิ ถ้าเรามีทางเลือก เราก็คงไม่ต้องเลือก ที่เราต้องเลือก เพราะเราไม่มีทางเลือก” นั่นน่าจะเป็นคำพูดที่ฟังดูฉลาดที่สุดของเด็กหนุ่ม ตั้งแต่เกิดมา และที่คิดได้ในเวลานั้น

      หญิงสาวนิ่งไปพักหนึ่งคล้ายกำลังเดาใจเด็กหนุ่มว่าเขาต้องการจะบอกอะไรหล่อน แต่หล่อนก็สะบัดความคิดหลุดไปจากนั้นยืนขึ้น 

       “ชั้นต้องไปแล้วหล่ะ......ชอบคุณที่ให้ยืมมือถือ ถึงแม้ว่ามันจา........ ว่าแต่นายชื่ออะไรนะ”หญิงสาวถามขึ้นเป็นคำถามสุดท้าย

     

        เด็กหนุ่มมองดูหญิงสาวพร้อมตอบคำ
       “ผมชื่อซ่งคับ............อาม่าตั้งให้”
    [บ้าจริง.......เธอไม่ได้ถามซักหน่อย]

     

    หญิงสาวหัวเราะคิก

     

       ”ชื่อผมมันมีอะไรหรอคับ?”
      
       เด็กหนุ่มถามพร้อมทำหน้างุนงงเล็กน้อย.........ถ้าเป็นผู้ชายคำถามจะมีลักษณะใกล้เคียงกันแต่เปลี่ยนเพียงบางคำ นั่นคือ “ชื่อผมมันหนักส่วนไหนของพ่อคุณครับ” ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่สุภาพ

     “อ๋อเปล่าๆ”
       หญิงสาวปัดมือโบ้ยพร้อมยื่นมือมาข้างหน้าเด็กหนุ่ม 

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ...........นายซ่ง”


    เด็กหนุ่มมองดูมือขาวนวลตรงหน้าค่อยๆยื่นมือไปจับ และช่วงเวลานั้น......

     

    [กลอน: เวลาเอ๋ยช่วยหยุดนิ่ง ณ ตรงนี้........ตรงที่มีเพียงแค่เธอและฉัน..........เวลาเอ๋ยเจ้ารีบเดินไปไยกัน.......ช่วงเวลาสุขสันต์..............พลันจบลง] 

     

    หญิงสาวปล่อยมือเด็กหนุ่มพร้อมส่งยิ้มละมุน ก่อนหมุนตัวเดินลงบันไดเลื่อนไป


    เด็กหนุ่มคล้ายคิดบางอย่างได้.....


    (ละ.......ลืม..........ขอลายเซ็น) ช่างเถอะ เด็กหนุ่มก็กำลังจะกลับแล้วเหมือนกัน เขายืนขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย


    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

    เสียงกรี๊ดนั้นต่อเนื่องยาวนาน ฟังดูคุ้นหูมาก


       เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปดูที่ระเบียงมองลงไปชั้นล่างของห้าง เห็นผู้คนต่างแตกตื่นวิ่งหนีบางอย่าง บ้างผลักกัน บ้างเกลือกกลิ้ง อย่างเอาเป็นเอาตาย สายตาเด็กหนุ่มไล่ไปเรื่อยๆในที่สุดไปหยุดอยู่ที่สิ่งๆหนึ่งที่ในชีวิตไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
    !!!!!

          มันคือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ไม่สามารถจำแนกรูปแบบหรือรูปลักษณ์ชัดเจนได้ ลักษณะลำตัวใหญ่คล้ายคนอ้วนตัวใหญ่หน้าเกลียดหน้ากลัว  ลำตัวโชกไปด้วยเลือดส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั้วบริเวณ ตามตัวของมันคล้ายกับเป็นเศษซากชิ้นเนื้ออวัยวะต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกันอย่างไร้หลักการ ไร้รูปแบบ ทั้งบางแห่งของลำตัวกลับมีใบหน้าของคนแทรกอยู่รวมอยู่ด้วยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับลำตัวอ้วนฉุมหึมานั้น  ดูไปมาคล้ายเป็นใบหน้าของ รปภ สามคนเมื่อกี้นี้ เป็นใบหน้าที่ไร้ชีวิต เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ แม้ในยุคนี้.........ยุคที่เหตุผลก็ไร้ความหมาย

       เมื่อมองดูส่วนหัวของมัน  ส่วนหัวของมันดูไม่ทราบว่าเป็นมนุษย์หรือไม่ หรืออย่างไร หรือแบบไหน ดูไม่รู้เรื่องจริงๆให้ตายเหอะพับผ่า

     

       “ตัวเชี่ยยยยอะไรวะ” ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งพยายามประคองกระบอกปืนสั้นให้อยู่ในมือพบว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมมือได้อีกปล่อยปืนสั้นร่วงลงกับพื้น เจ้าของปืนวิ่งหนีออกทางประตูไปพร้อมกับผู้คนทั้งหลาย


    ป้าคนหนึ่งได้แต่กรี๊ดร้องยาวนานก่อนเป็นลมล้มฟุบลงไป มีลุงอีกคนพยายามฉุดกระฉากลากดึงออกจากบริเวณนั้น......


    “โฮกกกกกกก” อสูรกายประหลาดร้องโหยหวน เสียงของมันก้องกังวาลได้ยินไปทั้งห้างสรรพสินค้า มันค่อยๆลากอุ้งเท้าคู่ยักษ์เทอะทะของมันตรงไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังกรี๊ดร้องอยู่................เ
    ด็กหนุ่มจำได้ทันที


    .............เป็นหญิงสาวที่ชายหนุ่มพึ่งรู้จักเมื่อไม่นานมานี้.......

     

    C://Section02 /<End>

    /To be Continue.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×