คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Section02]--What Hell ? --ตัวอะไร?
[Section2] What Hell?
......ต่อไปเป็นข่าวต่างประเทศ...
“ประธานนาธิบดีสหรัฐออกมาแถลงการณ์เรื่องของข้อความประหลาดที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเมื่อสามวันที่แล้วว่าอาจเกิดจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางจงใจเพื่อสร้างความปั่นป่วน ต่อไปเป็นรายงานของชายที่อ้างว่าตัวเองรู้เบาะแสในเรื่องนี้ค่ะ”
นักข่าวสาวยิ้มหวานให้กับผู้ชมก่อนภาพบนหน้าจอจะตัดภาพไปที่ชายแก่คนหนึ่ง ชายผู้แต่งตัวคล้ายชาวไร่ข้าวโพดได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร้า
“จริงๆแล้วมันไม่ใช้ผู้ก่อการร้ายอะไรนั่นหรอก มันเป็นพวกมนุษย์ต่างดาว มันเป็นหายนะของมนุษย์ชาติ คุณรู้ไหมที่จริงแล้วพวกมันเข้ามาในโลกนี้ตั้งแต่พวกคุณยังไม่ลืมตามาดูโลกซะอีก พวกมันเข้าไปครอบครองจิตใจของคุณ เข้าไปอาศัยอยู่ในจิตสำนึกของพวกคุณ เพื่อรอเวลาที่มันสามารถเข้าไปบงการจิตใต้สำนึกของคุณได้เมื่อไหร่ โลกนี้ก็อยู่ในกำมือของพวกมันหน่ะสิ แล้วรู้อะไรไม๊?..............เมื่อวันก่อนลูกชายผมถามผมว่า อยากเป็นส่วนหนึ่งกับเค้าไม๊?”
“แล้วลุงตอบว่าไงครับ?” นักข่าวที่ทำหน้าที่รายงานข่าวสัมภาษณ์ต่อ
“ชั้นก็ตอบไปว่า...........ก็เอาสิ ฮ่าๆๆๆๆๆ ก็เอาสิ”
ชายแก่พูดจากนั้นหัวเราะร่วนคล้ายคนไร้สติ
“แล้วจากนั้นหล่ะครับ...”
“ก็รู้สึกดี” ชายแก่ตอบ “รู้สึกเหมือนคุณไม่ได้อยู่บนโลกนี้” ตอบพร้อมยิ้มอย่างภาคภูมิ
“ครับเอาไว้แค่นี้ เดี๋ยวเราตัดภาพไปที่ห้องส่งครับ”
........แต๊นตะละแล๊นแต๊นแต๊นนนนนน........
....ทีวีจอยักษ์แขวนติดอยู่กลางห้างสรรพสินค้าเปลี่ยนเป็นโฆษณาถุงยางยี่ห้อหนึ่ง......
สมัยนี้ถุงยางสามารถโฆษณาได้อย่างถูกกฎหมายแล้วตั้งแต่รัฐบาลออกนโยบายเพิ่มจำนวนประขากร
ใครจะคาดคิดว่าประชากรในโลกลดลงไปมาก รัฐบาลกลัวว่ามนุษย์จะสูญพันธุ์ไปจากโลก
“ตู๊ดๆๆๆๆ........ปิ๊บ”
เด็กหนุ่มปิดมือถือสอดเก็บในกระเป๋ากางเกงยีนยี่ห้อลีวาย(ปลอม) ค่อยล้วงมือควานหาหูฟังในกระเป๋าเป้ขึ้นมาอัดกกหูทั้งสองข้างเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก
“”We live in beautiful world……….Everytime……Everytime”
เสียงเพลงดังก้องเข้าสู่โสตประสาทของเด็กหนุ่ม เขาขยับนิ้วตามจังหว่ะของเสียงกลอง ปล่อยอารมณ์อย่างผ่อนคลายไปกับเสียงดนตรี บนม้านั่งยาวที่นำมาจัดวางเรียงรายอยู่หน้าโรงภาพยนตร์ ไม่สนใจสิ่งภายนอก แม้แต่เสียงประกาศปิดทำการของห้างสรรพสินค้าที่แว่วมา
“...ท่านผู้มีอุปการคุณโปรดทราบ อีกครึ่งชั่วโมงห้างของเราจะปิดทำการแล้ว ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ”
“ประกาศถึงท่านผู้มีอุปการคุณ.......”
พนักงานเก็บตั๋วเริ่มเก็บของเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับ กลุ่มวัยรุ่นบางส่วนยังคงเดินทอดน่องพูดคุยหัวเราะคิกคักกัน ราวกับว่าพวกเขามีเวลาอย่างเหลือเฟือบนโลกใบนี้ ไม่ก็คิดไม่ออกว่าจะเอาเวลาที่มีอยู่อย่างมากมายไปทำสิ่งใดอื่นอีก เช่นเดียวกับเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มที่ใครต่อใครบอกว่าเขาเป็นเด็กมีปัญหา...
ปัญหาของเด็กหนุ่มคนนี้มีอยู่สามปัญหาด้วยกัน
ประการแรกเขาเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ ประการที่สอง เด็กหนุ่มพึ่งถูกย้ายโรงเรียนหลังจากที่เป็นหัวโจ๊กนำนักเรียนชายทั้งระดับชั้นยกพวกไปตีกับโรงเรียนฝั่งตรงข้าม และสาม เขากำลังจะตายด้วยโรคบางอย่างที่หมอก็ไม่ทราบว่ามันเป็นโรคอะไร แต่หมอก็ยังพยายามระบุว่าเขาเป็นลูคีเมียระยะที่สี่ ซึ่งเป็นระยะพิเศษที่น้อยคนจะเป็น พร้อมเรียกค่ายาราคาแพงลิ่ว ทั้งยืนยันว่าชีวิตของเด็กหนุ่มนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก....
“ไอ้น้อง ห้างปิดแล้ว ยังไม่กลับบ้านกลับช่องอีกเรอะ.......มีบ้านให้กลับป๊ะ”
คนในเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มกำลังพูดบางอย่าง เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นมาดูตัวเลขดิจิตัลบนหน้าปัดก่อนจะทำทีไม่สนใจ ยังคงกระดิกนิ้วปล่อยใจไปกับเสียงดนตรี รอจน รปภ เดินหลึกไปแล้วก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“ห้ามแจกใบปลิวที่นี่ครับ”
รปภ กำลังห้ามปรามชายในชุดนักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังเดินแจกใบปลิวผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ชั้นล่างของห้าง เด็กหนุ่มก็ได้ใบปลิวนี้เช่นกัน เขานำมันขึ้นมาอ่านดู ใบปลิวที่มีสัญลักษณ์แปลกประหลาดพร้อมกับคำเชิญชวนให้สมัครสมาชิก
“ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา..........โลกนี้ก็จะอยู่ในกำมือท่าน ติดต่อได้ที่เบอร์....”
เด็กหนุ่มบรรจงค่อยๆพับใบปลิวเป็นรูปจรวดจากนั้นซัดไปที่ถังขยะตรงข้ามโดยไม่ได้สนใจป้ายรักษาความสะอาดที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนหลับตาลง
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่านั่งตรงนี้ได้ไม๊ค่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ขอโทษนะคะ...” เจ้าของเสียงเพิ่มความดังของเสียงขึ้นอีก แต่เด็กหนุ่มไม่ได้ยิน กลับได้กลิ่นหอมจางๆทั้งรู้สึกตัวว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ ค่อยลืมตาขึ้นมามองดู
พร้อมเอาหูฟังออก เมื่อนั้นลมหายใจของเด็กหนุ่มน้อยก็แทบขาดห้วง.....
หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กหนุ่มเป็นคนๆเดียวกันกับที่อยู่ในโปสเตอร์โฆษณาหนัง เป็นหนังเรื่องที่พึ่งเข้าไม่กี่วันมานี้ กลับมาปรากฏตัวขึ้น มานั่งอยู่ข้างๆเขา สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องมองดูใบหน้าของหญิงสาว ลมหายใจเข้าออกนั้นแทบจะหยุดไปพร้อมๆกับระดับอัตราการเต้นของหัวใจ
หญิงสาวคล้ายก็รู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมองอยู่ในระยะประชิดค่อยๆหันไปมองประสานตากับสายตาคู่ที่มองมาพร้อมรอยยิ้มพิมใจส่งไปที่เจ้าของสายตาคู่นั้น
เด็กหนุ่มกระพริบตามองดูห้างสรรพสินค้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสวนดอกไม้กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา มีผีเสื้อบินเล่นดอกไม้หลากสี ต่างค่อยๆผลิดอกออกมาทีละน้อย มีเพียงคนสองคนนั่งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ หญิงสาวตรงหน้าคล้ายเทพธิดาค่อยๆขยับปากพูดบางอย่างออกมา.....
“นี่นาย ขอยืมมือถือหน่อยสิ”
หญิงสาวทำเสียงอ้อนวอนเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงเม่อมองดูหญิงสาวคล้ายหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
“นี่นายยย................นายยยยยย”
หญิงสาวยกมือขึ้นมาปัดไปมาเบื้องหน้าชายหนุ่ม ภาพสวนดอกไม้ค่อยๆจางหายไปกลายเป็นห้างสรรพสินค้าตามเดิม เด็กหนุ่มพลันขยี้ตา
“อะ......เอ่อ”
“มีมือถือป๊ะ..................พอดีของชั้นแบตมันหมดหน่ะ”
หญิงสาวแบมือออกรับโทรศัพท์ที่เด็กหนุ่มยื่นให้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย หญิงสาวรับโทรศัพท์มาก้มหน้าก้มตากดเบอร์ เด็กหนุ่มได้แต่นั่งมองหญิงสาวก่อนถามขึ้น
“พี่เป็น ดาราไม่ใช่เรอะคับ แล้วทำไม...”
หญิงสาวตอบโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเด็กหนุ่ม
“ดาราก็มาเที่ยวห้างได้ไม่ใช่เรอะ มือถือของดาราก็แบตหมดเป็นนะเด็กน้อย” เด็กหนุ่มฟังพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยได้ยินเสียงหนึ่งดีงลอดมาจากมือถือของตัวเอง
“ขออภัยค่ะยอดเงินของคุณไม่เหลือหลอ”
หญิงสาวเงียบไปพักหนึ่งยื่นมือถือส่งคืนให้เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มรับคืนมาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก
นี่เรียกว่า..........มาคุ........หรือว่าอะไร?
[maku--- เป็นชนเผ่าๆหนึ่ง ชนเผ่านี้วันๆมักจะนั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ยอมไปล่าสัตว์ ไม่ไปจับปลา ไม่xxx
ไม่ทำอะไรเลย และตายไปในที่สุด สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ -----[ปล]------เป็นเรื่องโกหกหน่ะ]
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
คนสองคนนั่งเงียบ ฟังเสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากห้างสรรพสินค้าขั้นล่าง
“เฮ้ย พี่บอกน้องแล้วไงว่าที่นี้ไม่ให้แจกใบปลิว นี่สามรอบแล้วนะที่มาเตือนน้องเนี่ย เดี๋ยวห้างก็จะปิดแล้ว” รปภ ยังคงมีธุระกับนักศึกษาชายที่ยังคงยืนแจกใบปลิวอยู่
“อ๊อคคคคคคค!!!!!!”
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านล่าง ผู้คนต่างแตกตื่นมองดูนักศึกษาหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งบีบที่ต้นคอของ รปภ แล้วยกขึ้นสูง รปภ ได้แต่ใช้มือทั้งสองพยายามตะกรุยเพื่อให้ดิ้นจากแรงบีบที่มหาศาลอย่างเหลือเชื่อของชายผู้นี้ ไม่นานตาทั้งสองหลุบขึ้นด้านบน น้ำลายไหลย้อยลงมาเป็นทาง
“เฮ้ยยยยย ทำอะไรวะ”
รปภ อีกสองคนวิ่งเข้ามาสมทบ หนึ่งในสองหวดกระบองลงไปบนศรีษะของนักศักษาหนุ่ม ค่อยคลายมือออก ค่อยจับกดลงไปกับพื้น รปภ อีกคนพูดขึ้น “พาไปที่ห้องก่อน ให้มันสงบสติอารมณ์”
รปภ ที่ถูกบีบคอสำลักน้ำลายหลายครั้งก่อนคุมนักศึกษาหนุ่มลึกลับนี้ไป เหตุการณ์ค่อยคลี่คลายเข้าสู่ปกติ
คนทั้งหลายต่างซุบซิบกันเป็นการใหญ่ หญิงสาวกับเด็กหนุ่มชั้นบนได้แต่มองดูเหตุการณ์ เด็กหนุ่มเลยเอ่ยขึ้นก่อน “สงสัยเป็นเพราะ เรียนหนักไปมั้ง”
หญิงสาวหัวเราะเล็กน้อย คล้ายว่าหล่อนคงเคยพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาพอสมควร ค่อยพูดขึ้น
“จะเครียดกันไปถึงไหนนะ”
ชายหนุ่มจึงรีบสวนขึ้น “เพราะคนเรามีทางเลือกไม่มากหน่ะสิ ถ้าเรามีทางเลือก เราก็คงไม่ต้องเลือก ที่เราต้องเลือก เพราะเราไม่มีทางเลือก” นั่นน่าจะเป็นคำพูดที่ฟังดูฉลาดที่สุดของเด็กหนุ่ม ตั้งแต่เกิดมา และที่คิดได้ในเวลานั้น
หญิงสาวนิ่งไปพักหนึ่งคล้ายกำลังเดาใจเด็กหนุ่มว่าเขาต้องการจะบอกอะไรหล่อน แต่หล่อนก็สะบัดความคิดหลุดไปจากนั้นยืนขึ้น
“ชั้นต้องไปแล้วหล่ะ......ชอบคุณที่ให้ยืมมือถือ ถึงแม้ว่ามันจา........ ว่าแต่นายชื่ออะไรนะ”หญิงสาวถามขึ้นเป็นคำถามสุดท้าย
เด็กหนุ่มมองดูหญิงสาวพร้อมตอบคำ
“ผมชื่อซ่งคับ............อาม่าตั้งให้” [บ้าจริง.......เธอไม่ได้ถามซักหน่อย]
หญิงสาวหัวเราะคิก
”ชื่อผมมันมีอะไรหรอคับ?”
เด็กหนุ่มถามพร้อมทำหน้างุนงงเล็กน้อย.........ถ้าเป็นผู้ชายคำถามจะมีลักษณะใกล้เคียงกันแต่เปลี่ยนเพียงบางคำ นั่นคือ “ชื่อผมมันหนักส่วนไหนของพ่อคุณครับ” ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่สุภาพ
“อ๋อเปล่าๆ”
หญิงสาวปัดมือโบ้ยพร้อมยื่นมือมาข้างหน้าเด็กหนุ่ม
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ...........นายซ่ง”
เด็กหนุ่มมองดูมือขาวนวลตรงหน้าค่อยๆยื่นมือไปจับ และช่วงเวลานั้น......
[กลอน: เวลาเอ๋ยช่วยหยุดนิ่ง ณ ตรงนี้........ตรงที่มีเพียงแค่เธอและฉัน..........เวลาเอ๋ยเจ้ารีบเดินไปไยกัน.......ช่วงเวลาสุขสันต์..............พลันจบลง]
หญิงสาวปล่อยมือเด็กหนุ่มพร้อมส่งยิ้มละมุน ก่อนหมุนตัวเดินลงบันไดเลื่อนไป
เด็กหนุ่มคล้ายคิดบางอย่างได้.....
(ละ.......ลืม..........ขอลายเซ็น) ช่างเถอะ เด็กหนุ่มก็กำลังจะกลับแล้วเหมือนกัน เขายืนขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรี๊ดนั้นต่อเนื่องยาวนาน ฟังดูคุ้นหูมาก
เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปดูที่ระเบียงมองลงไปชั้นล่างของห้าง เห็นผู้คนต่างแตกตื่นวิ่งหนีบางอย่าง บ้างผลักกัน บ้างเกลือกกลิ้ง อย่างเอาเป็นเอาตาย สายตาเด็กหนุ่มไล่ไปเรื่อยๆในที่สุดไปหยุดอยู่ที่สิ่งๆหนึ่งที่ในชีวิตไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน!!!!!
มันคือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ไม่สามารถจำแนกรูปแบบหรือรูปลักษณ์ชัดเจนได้ ลักษณะลำตัวใหญ่คล้ายคนอ้วนตัวใหญ่หน้าเกลียดหน้ากลัว ลำตัวโชกไปด้วยเลือดส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั้วบริเวณ ตามตัวของมันคล้ายกับเป็นเศษซากชิ้นเนื้ออวัยวะต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกันอย่างไร้หลักการ ไร้รูปแบบ ทั้งบางแห่งของลำตัวกลับมีใบหน้าของคนแทรกอยู่รวมอยู่ด้วยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับลำตัวอ้วนฉุมหึมานั้น ดูไปมาคล้ายเป็นใบหน้าของ รปภ สามคนเมื่อกี้นี้ เป็นใบหน้าที่ไร้ชีวิต เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ แม้ในยุคนี้.........ยุคที่เหตุผลก็ไร้ความหมาย
เมื่อมองดูส่วนหัวของมัน ส่วนหัวของมันดูไม่ทราบว่าเป็นมนุษย์หรือไม่ หรืออย่างไร หรือแบบไหน ดูไม่รู้เรื่องจริงๆให้ตายเหอะพับผ่า
“ตัวเชี่ยยยยอะไรวะ” ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งพยายามประคองกระบอกปืนสั้นให้อยู่ในมือพบว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมมือได้อีกปล่อยปืนสั้นร่วงลงกับพื้น เจ้าของปืนวิ่งหนีออกทางประตูไปพร้อมกับผู้คนทั้งหลาย
ป้าคนหนึ่งได้แต่กรี๊ดร้องยาวนานก่อนเป็นลมล้มฟุบลงไป มีลุงอีกคนพยายามฉุดกระฉากลากดึงออกจากบริเวณนั้น......
“โฮกกกกกกก” อสูรกายประหลาดร้องโหยหวน เสียงของมันก้องกังวาลได้ยินไปทั้งห้างสรรพสินค้า มันค่อยๆลากอุ้งเท้าคู่ยักษ์เทอะทะของมันตรงไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังกรี๊ดร้องอยู่................เด็กหนุ่มจำได้ทันที
.............เป็นหญิงสาวที่ชายหนุ่มพึ่งรู้จักเมื่อไม่นานมานี้.......
C://Section02 /<End>
/To be Continue.
ความคิดเห็น