ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    18DimensioN : : [จอมคนล่าสิบแปดมิติ]

    ลำดับตอนที่ #11 : [Section11] –Kill By Imagine จินตนาการสังหาร

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 54


    [Section11] –Kill By Imagine จินตนาการสังหาร

     

    จดหมายจากยูริ ปล.ฉบับสุดท้าย

    ถึงท่านทั้งหลายผู้เป็นที่รักยิ่งของกระผม

                ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพวกท่านทั้งหลายที่ติดตามดูการแสดงของกระผมมาโดยตลอด

    มายาจิตของกระผมนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งสื่อมวลชนและวงการสื่อทุกแขนง

    เหตุที่กระผมต้องขอลาจากวงการเนื่องด้วยกระผมได้ค้นพบบุคคลผู้หนึ่งที่มีพลังจิตเหนือกว่ากระผมมาก

    เขาสามารถสะกดจิตคนที่อยู่ในทีวีช่องถ่ายทอดสดให้ทำตามคำสั่งของเขาได้ขณะที่เขารับประทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมทั้งสนทนากับกระผมอย่างออกรสชาดด้วยท่าทีเป็นมิตร  เขาเปลี่ยนช่องทีวีจากนั้นทำอย่างเดียวกันนี้ให้ผมดูหลายต่อหลายครั้ง เป็นสิ่งที่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่านี่เป็นพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดหรือเป็นแค่มายากลลวงหลอกผมให้เชื่ออีกชั้นหนึ่ง เพราะความทึ่งผมจึงตัดสินใจออกจากวงการเพื่อใช้เวลามาศึกษาความสามารถพิเศษของชายผู้นี้ ผมอาจจะหายตัวไปสักพักใหญ่และยังคงคิดถึงพวกท่านเสมอ

         หรือถ้านี่ผมกำลังโดนชายคนนี้สะกดจิตให้เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ที่มีพลังพิเศษเหนือกว่าชายผู้นี้มาปลดปล่อยผมออกไปจากบงการจิตของเขา

     

                                                               ยูริ  ชวาดอร์ฟ

          นักมายากลและนักวิจัยจิตศาสตร์ประจำกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

    ................................................................................................................................................................

     

        รอยประทับจูบเมื่อครู่นั้นแม้รู้สึกถึงความอ่อนโยนแต่กลับแฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าอย่างหนึ่ง

        ริมฝีปากเมื่อสัมผัสกันคล้ายเกิดทางเชื่อมผ่านไปสู่ดวงใจของคนสองคน ดวงใจที่สื่อสารข้อความบางอย่างถึงกัน

     

    “เหวออออออ..............ได้ไง” เจซยกมืออันหนาขึ้นกุมหัวของตน

    “นายนี่มัน.....”  เต้มองดูเด็กหนุ่มพร้อมพึมพำออกมา

    “เอ่อ......” อินแซนกำลังจะพูดบางอย่างออกมา เดม่อนรีบยกมือของตนขึ้นปิดปากเขาไว้ ส่วนวากับบีบีได้แต่ยืนอึ้ง

    “ชะ.....ชั้นไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเลย” ซ่งเอามือลูบที่ริมฝีปากของตัวเองค่อยๆหันไปมองวา

    หญิงสาวมองเด็กหนุ่มได้ไม่นานหล่อนรีบหันไปมองทางอื่น

    “สงสัยเค้าคงจำคนผิด...........ไม่ก็เคยเป็นกิ๊กนายมาก่อน” บีบีพูดกับหญิงสาวที่กำลังเดินออกไปข้างนอก

    “ชั้นเป็นนาย..............ชั้นจะใช้วิชานินจามุดดินหนีหายไป” เต้พูดขึ้นพร้อมเดินตามออกไปข้างนอก ขณะที่แสงไฟเริ่มหรี่ลงพร้อมเสียงดนตรีค่อยๆดังขึ้นอีกครั้ง

    ..........เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.......จากความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมดก็ไม่พบว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ในส่วนไหนของความทรงจำของเขาเลย แม้พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

    “นายนี่มันเจ๋งจริง” คนหลายคนที่ซ่งไม่รู้จักเข้าทักทายบ้าง “ขอเบอร์หล่อนบ้างดิ” บางคนเข้ามาใกล้

    “มีปัญหาอะไรกันกับลูกทีมของชั้น”
    เจซเดินเข้ามา คนรอบๆเมื่อเห็นร่างที่ใหญ่ของเขาค่อยพากันรีบเดินจากไป

       เจซตบไหล่เด็กหนุ่มพร้อมกล่าว “นายนี่มันมีอะไรเซอร์ไพร์ได้ตลอด” เขาพูดพร้อมพาเด็กหนุ่มเดินออกมาข้างนอกลานกว้าง


    คนอื่นๆก็มารวมกันครบหมดแล้ว นับคนทั้งหมดในทีมได้เจ็ดพอดี


    “นี่คือทีมเรา................นี่คือทีมเวริคคค” เจซพูดด้วยเสียงดังอย่างภูมิใจ

     

    “เวริคมากกกก”  บีบีพูดขึ้นควักอมยิ้มอันใหม่ขึ้นมาดูด



         “เอาหล่ะกลับไปเอาข้อมูลประชุมกัน” เดม่อนพูดขึ้นมา หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้าเงียบ จากนั้นหันไปมองเด็กหนุ่มก่อนจะพูดขึ้นท่ามกลางคนทั้งหมด


    “........ชั้นรู้จักผู้หญิงคนนั้น เค้าเคยเป็นแฟนกับฮารากิแต่เพราะฮารากิไม่สนใจ.......ผู้หญิงคนนั้นจึงชอบทักคนนู้นคนนี้ไปทั่วว่าเป็นแฟนเก่าบ้างหล่ะ..........เป็นกิ๊กบ้างหล่ะ..........วันนี้นายก็ซวยไป”
    เดม่อนพูดพร้อมตบไหล่เด็กหนุ่ม

    “อ๊ะ.........หรืออาจโชคดี” เขาทิ้งท้าย


       หญิงสาวค่อยหันกลับมามองซ่งอีกครั้ง คล้ายกับว่าเธออยากจะขอโทษในเรื่องที่เข้าใจผิดเมื่อครู่นี้    ว่าแต่หล่อนจะขอโทษเรื่องอะไร?


    เจซคว้าเดม่อนเข้ามาใกล้ กระซิบถามขึ้น “นั่นเรื่องจริงอ่ะ?”


    “แฮ่ๆ” เดม่อนยิ้มแทนคำตอบ

    ......................................................................................

    ทั้งหมดเดินมาถึงจุดที่ซ่งเคยมาประทับรอยมือไว้

    ....................................................................................

    [สถานที่:อาคารหลัก สถานีวาร์ป]

    ...คนในชุดรบรัดรูปสีดำมันวาวเดินมาจนถึงจุดเชื่อมต่ออาคารสถานีวาร์ป ชายชุดดำผู้เดินนำหันกลับไปถามหญิงสาวที่เขาเรียกเธอว่านามิ....


    “เจ้าเด็กหนุ่มนั้นมีส่วนคล้ายเขาหลายส่วนก็จริง...............แต่เธอไม่ควรทึกทักไปแบบนั้น
    !!!
    น้ำเสียงคล้ายปะปนอารมณ์โมโหอยู่บ้าง

       หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเดินโดยไม่ได้สนใจฟัง ประโยคที่สองจึงติดตามมา

    “เธอก็รู้ว่าคนที่คล้ายๆกันในโลกนี้มีถมเถไป.............อีกอย่างเค้าคนนั้นก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นเด็กหน้าตี๋ดูเงอะงะนั่น” ฮารากิพูด

    “เอาน่า.........ฮารากิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลา พวกเราแค่มาที่ระดับหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งเท่านั้น กลับไปถึงระดับสามเมื่อไหร่ค่อยคุยกันก็ได้หรือทะเลาะกันให้หนำใจไปเลย” ชายหนุ่มอีกคนด้านหลังฮารากิพูดขึ้น

    “ชิ.......คำสั่งนี่ผิดมาสามหนติดต่อกันแล้ว สัญญาณพวกนี้มันผิด พวกเราก็รู้”

    “ตั้งแต่เราเข้าไปถึงมิติที่สิบ” เสียงด้านหลังดังขึ้นสมทบ

    “นายก็เปลี่ยนเป็นคนละคน”


    “อาวุธของคนๆนั้นก็หายสาบสูญไปด้วย” อีกคนเสริมขึ้น


    “กระบองไร้สำนึก”
    ฮารากิเอ่ยชื่อๆหนึ่งขึ้นมา คล้ายมีเทวดามาดลใจให้นึกขึ้นมาได้


    “ กระบองไร้สำนึก...............อาวุธจากมิติที่สิบเจ็ด”
    ชายด้านหลังย้ำคำพร้อมเพิ่มเติม


       ฮารากิหยุดเดิน หันกลับมาที่พวกพ้อง ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ใครต่อใครไม่อาจคาดเดาได้

    เขาพูดขึ้นช้าๆ   “เราจะกลับไปที่มิติที่สิบเพื่อค้นหากระบองนั่น.”


    “ไร้สาระ..........เราเคยไปที่นั่นมาครั้งหนึ่งแล้ว.......ชั้นไม่มีวันกลับไปที่นรกนั่นอีก”
    หญิงสาวชื่อนามิพูดขึ้นบ้างหลังจากหล่อนเงียบมานาน


    “ไม่ได้เด็ดขาด...............ไม่มีคำสั่งจากหัวหน้าใหญ่ระดับสาม พวกเราไปโดยพละการไม่ได้แน่”
    ชายด้านหลังฮารากิพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล


    “ไอ้แก่นั่นบงการพวกเราได้ไม่นานนักหรอก พวกซีคมันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์อย่างเราได้แต่เฝ้ารอความตายงั้นเรอะ”
    ฮารากิพูดด้วยเสียงอันดัง

    “พวกเราเป็นทีมที่เก่งที่สุดของระดับสาม มีอะไรที่พวกเราทำไม่ได้” ฮารากิตอกย้ำ


    “แล้วนายจะทำยังไง.............พลังชีวิตนายเพียงพอที่จะทำอย่างนั้นหรือ?”

    ฮารากิมองมาที่พ้องเพื่อนก่อนพูดขึ้นช้าๆ

    “พวกนายคิดว่าร่างโคลนนิ่งใช้ได้เฉพาะในมิติที่ห้างั้นเรอะ?”


    “............”

    คนที่เหลือต่างนิ่งเงียบ


    “ปิ๊บๆๆๆ”


       สัญญาณบางอย่างดังขึ้นที่ข้อมือของฮารากิ ฮารากิบีที่ข้อมือของตนเบาๆ สัญญาณปรากฏขึ้นมาเป็นแผนที่ทั้งหมดของระดับหนึ่ง ในแผนที่มีจุดสีแดงกระพริบถี่รัว

        คนชุดดำทั้งหมดได้แต่มองหน้ากันเลิกลัก รอฟังคำตอบจากผู้นำทีม ที่บัดนี้คล้ายกำลังคิดใคร่ครวญบางอย่างอย่างหนัก

    ฮารากิมองหน้าลูกทีมก่อนพูดขึ้น “ศครูเผยตัวตนแล้ว..............กลับไปที่จุดระดมพล”

    “เยสเซอรรรรรรรรร” คนทั้งหมดตอบพร้อมเพรียงกันไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวชื่อนามิ

        คนในชุดดำเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งมุ่งไปตามทางเดินเชื่อมต่อกับอาคารระดมพล ที่แขนของแต่ละคนพลันเปลี่ยนเป็นอาวุธปืนกลืนเป็นเนื้อเดียวกับแขน.......

    ..............................................................................................................................................................

    ................................................................................................................................................................

    “เอาหล่ะนายคนสุดท้ายที่ต้องทาบฝ่ามือลงไป” เจซบอกกับเต้ เต้ค่อยวางฝ่ามือทาบลงบนแผ่นสแกน

    “ปิ๊บบบบ”

     เป็นสัญญาณว่าข้อมูลถูกส่งผ่านเข้าสู่ความทรงจำของเขาแล้ว หลังจากที่ทุกคนรับข้อมูลพร้อมเพรียง

    “เหลือเวลาอีกไม่กี่นาที..........เราต้องไปส่งพวกนายกลับสู่มิติที่ห้าที่พวกนายจากมา” เจซพูดขึ้น

    “หวังว่าจะเก็บเกี่ยวพลังชีวิตได้เต็มที่นะ” เต้พูดกับซ่งเอื้อมมือออกเพื่อขอจับมือกับเด็กหนุ่ม แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมจับ


      “รีบกลับไปเลยปะ..........พวกตาตี่”

       เด็กหญิงบีบีพูดพร้อมแลบลิ้นใส่ซ่ง ซ่งได้แต่ยิ้มตอบ ก่อนที่เดม่อนเอามือวางบนหัวเด็กหญิง เด็กหญิงรีบสะบัดหัวเพื่อให้เดม่อนปล่อยมือออกแต่กลับไม่มีผล

    “พอนายกลับไป............จากการประชุมกันของทีมเรา.........นายก็จะได้รู้ว่าพวกเราหารืออะไรกันไปบ้าง”
    เดม่อนพูด ขณะที่เด็กหญิงพยายามแกะมือของเขาออกจากหัวของตัวเอง


    “งั้นเดี๋ยวชั้นไปส่ง”
    เจซพูดพร้อมนำคนทั้งสองเดินตาม หลังจากที่การร่ำลาเสร็จสิ้น


    “แล้วร่างโคลนนิ่งข้างนอกนั่นหล่ะ?” หญิงสาวถามเจซ


    “หน่วยเก็บกวาดจะเก็บกลับมาชั่วคราวเมื่อพวกนายออกไปข้างนอกนั่น..................ระบบออเปอร์เรเตอร์จะคอยชี้แนะพวกนายอีกทีนึง”

    “โอเปอร์เรเตอร์ไหนกัน?” หญิงสาวถามขึ้น

    “ที่ดังอยู่ในหัวนายตอนนายใช้ชีวิตอยู่ในมิติที่ห้านั่นไง...........อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้ยิน”


    หญิงสาวส่ายหัวบอก


    “งั้นก็คงเป็นเพราะ.............เพราะ..............เพราะอะไรหว่า”
    เจซนึกไม่ออกเพราะบางอย่างเขาก็ไม่รู้จริงๆ


    .............คนทั้งสามเดินมาถึงทางเชื่อมต่อสู่อาคารขนส่งความเร็วแสงหรือเรียกกันว่าสถานีวาร์ปนั่นเอง.........

        สถานีแห่งนี้เป็นเพียงจุดเชื่อมต่อมิติที่ห้าและมิติองค์รวมทั้งสามระดับชึ้นไว้ด้วยกันเท่านั้น ไม่สามารถเดินทางไปสู่มิติอื่นได้อีก

     

       ผู้คนจอแจยิ่งนัก  คนที่มารวมตัวกันบนลานวงกลมขนาดใหญ่เท่าสนามฟุตบอลล้วนเป็นคนที่พึ่งมาครังแรกเหมือนพวกเขา ทั้งทุกคนล้วนผ่านการทดสอบวัดระดับจิตใจทั้งสิ้น...............บางคนเลือกที่จะกลับไปสู่โลกเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเดิมๆเหมือนกับที่เคยเป็นมา.................

       บางคนเพียงแค่ไปเพื่ออำลาจากมิติที่ตนเองเคยอยู่เพื่อต้องการค้นหาสิ่งที่นอกเหนือจากนั้น............แต่บางคนยังไม่รู้ว่าอดีตของตนเป็นเช่นไร

    เหมือนเด็กหนุ่ม

     

        เขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมจึงรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้นักทั้งๆที่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูแปลกใหม่สำหรับเขา

    ซ่งและวา.....

        หญิงสาวกับชายหนุ่มขึ้นไปยืนบนวงกลมเหมือนกับคนอื่นๆอีกเป็นร้อย ลดลงจากครั้งที่แล้วมาก....

    “โชคดีพรรคพวก อย่าพึ่งแต่งงานกันหล่ะ อายุยังน้อยๆกันอยู่”
    เจซแซวพร้อมโบกมือให้กับคนทั้งสอง


    .......”ถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วทั้งหมดเป็นแค่ความฝันหล่ะ............ซ่งคิดในใจเหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา


    มันก็ไม่มีความหมายอะไรหน่ะสิ?

       เด็กหนุ่มมองดูหญิงสาว ไม่นานแสงสว่างด้านบนค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆคล้ายกับเครื่องขนส่งกำลังทำงาน


    “ครืนนนนนนนน”


        แสงสว่างด้านบนหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นประกายไฟสีขาวพุ่งผ่านรอบๆบริเวณลานกว้างวงกลม คนทั้งหมดส่งเสียงอื้ออึงเมื่อเห็นแสงนั้นวิ่งเร็วขึ้น.......เร็วขึ้น.......เร็วขึ้น เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวค่อยๆยืดหด คล้ายไร้แรงโน้มถ่วง แขนขาเหมือนกำลังจะแยกออกจากกัน

     

    “ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”


        เสียงระเบิดดังกึกก้องยาวนาน ซ่งมองลงมาด้านล่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ค่อยพบว่ามีการปะทะบางอย่างเบื้องล่างนั่น

    “เป็นไปไม่ได้.............พวกซีคบุกมาถึงนี่!!!!!
    เจซตะโกนขึ้นขณะที่คนอื่นๆเบื้องล่างต่างสับสนอลม่าน

        เจซมองไปที่เด็กหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังจะหายไป เขาตะโกนบางอย่างไปที่เด็กหนุ่มแต่เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ

    เจซค่อยทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ทุกอย่างจะโอเคค่อยวิ่งไปพร้อมคนอื่นๆ และ.........

     

    “โพล๊ะ

    หัวของคนข้างๆเจซระเบิดออก เจซหมอบลงกับพื้น

     

    “วุบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ.............วุบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ........วุบบบบบบบบบ”

     

    “เจซซซซซซซซซซซซซซซซซ” เสียงเด็กหนุ่มร้องตะโกน

     

       แสงสีขาวขยายใหญ่ขึ้นหมุนเร็วขึ้นจนกระทั้งตอนนี้ชายหนุ่มมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว....

       เขารู้สึกว่าร่างกายหดเล็กลง รู้สึกคล้ายตัวนุ่มๆแต่...........ไม่สิ............ไม่มีความรู้สึกต่างหาก

     

    แสงสว่างจ้านั้นพาเขากลับมายังมิติที่ห้า(โลก)

    C://Section11 /<End>

    /To be Continue.




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×