คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [Section11] –Kill By Imagine จินตนาการสังหาร
[Section11] –Kill By Imagine จินตนาการสังหาร
จดหมายจากยูริ ปล.ฉบับสุดท้าย
ถึงท่านทั้งหลายผู้เป็นที่รักยิ่งของกระผม
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพวกท่านทั้งหลายที่ติดตามดูการแสดงของกระผมมาโดยตลอด
มายาจิตของกระผมนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งสื่อมวลชนและวงการสื่อทุกแขนง
เหตุที่กระผมต้องขอลาจากวงการเนื่องด้วยกระผมได้ค้นพบบุคคลผู้หนึ่งที่มีพลังจิตเหนือกว่ากระผมมาก
เขาสามารถสะกดจิตคนที่อยู่ในทีวีช่องถ่ายทอดสดให้ทำตามคำสั่งของเขาได้ขณะที่เขารับประทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมทั้งสนทนากับกระผมอย่างออกรสชาดด้วยท่าทีเป็นมิตร เขาเปลี่ยนช่องทีวีจากนั้นทำอย่างเดียวกันนี้ให้ผมดูหลายต่อหลายครั้ง เป็นสิ่งที่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่านี่เป็นพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดหรือเป็นแค่มายากลลวงหลอกผมให้เชื่ออีกชั้นหนึ่ง เพราะความทึ่งผมจึงตัดสินใจออกจากวงการเพื่อใช้เวลามาศึกษาความสามารถพิเศษของชายผู้นี้ ผมอาจจะหายตัวไปสักพักใหญ่และยังคงคิดถึงพวกท่านเสมอ
หรือถ้านี่ผมกำลังโดนชายคนนี้สะกดจิตให้เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ที่มีพลังพิเศษเหนือกว่าชายผู้นี้มาปลดปล่อยผมออกไปจากบงการจิตของเขา
ยูริ ชวาดอร์ฟ
นักมายากลและนักวิจัยจิตศาสตร์ประจำกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
................................................................................................................................................................
รอยประทับจูบเมื่อครู่นั้นแม้รู้สึกถึงความอ่อนโยนแต่กลับแฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าอย่างหนึ่ง
ริมฝีปากเมื่อสัมผัสกันคล้ายเกิดทางเชื่อมผ่านไปสู่ดวงใจของคนสองคน ดวงใจที่สื่อสารข้อความบางอย่างถึงกัน
“เหวออออออ..............ได้ไง” เจซยกมืออันหนาขึ้นกุมหัวของตน
“นายนี่มัน.....” เต้มองดูเด็กหนุ่มพร้อมพึมพำออกมา
“เอ่อ......” อินแซนกำลังจะพูดบางอย่างออกมา เดม่อนรีบยกมือของตนขึ้นปิดปากเขาไว้ ส่วนวากับบีบีได้แต่ยืนอึ้ง
“ชะ.....ชั้นไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเลย” ซ่งเอามือลูบที่ริมฝีปากของตัวเองค่อยๆหันไปมองวา
หญิงสาวมองเด็กหนุ่มได้ไม่นานหล่อนรีบหันไปมองทางอื่น
“สงสัยเค้าคงจำคนผิด...........ไม่ก็เคยเป็นกิ๊กนายมาก่อน” บีบีพูดกับหญิงสาวที่กำลังเดินออกไปข้างนอก
“ชั้นเป็นนาย..............ชั้นจะใช้วิชานินจามุดดินหนีหายไป” เต้พูดขึ้นพร้อมเดินตามออกไปข้างนอก ขณะที่แสงไฟเริ่มหรี่ลงพร้อมเสียงดนตรีค่อยๆดังขึ้นอีกครั้ง
..........เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.......จากความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมดก็ไม่พบว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ในส่วนไหนของความทรงจำของเขาเลย แม้พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“นายนี่มันเจ๋งจริง” คนหลายคนที่ซ่งไม่รู้จักเข้าทักทายบ้าง “ขอเบอร์หล่อนบ้างดิ” บางคนเข้ามาใกล้
“มีปัญหาอะไรกันกับลูกทีมของชั้น”
เจซเดินเข้ามา คนรอบๆเมื่อเห็นร่างที่ใหญ่ของเขาค่อยพากันรีบเดินจากไป
เจซตบไหล่เด็กหนุ่มพร้อมกล่าว “นายนี่มันมีอะไรเซอร์ไพร์ได้ตลอด” เขาพูดพร้อมพาเด็กหนุ่มเดินออกมาข้างนอกลานกว้าง
คนอื่นๆก็มารวมกันครบหมดแล้ว นับคนทั้งหมดในทีมได้เจ็ดพอดี
“นี่คือทีมเรา................นี่คือทีมเวริคคค” เจซพูดด้วยเสียงดังอย่างภูมิใจ
“เวริคมากกกก” บีบีพูดขึ้นควักอมยิ้มอันใหม่ขึ้นมาดูด
“เอาหล่ะกลับไปเอาข้อมูลประชุมกัน” เดม่อนพูดขึ้นมา หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้าเงียบ จากนั้นหันไปมองเด็กหนุ่มก่อนจะพูดขึ้นท่ามกลางคนทั้งหมด
“........ชั้นรู้จักผู้หญิงคนนั้น เค้าเคยเป็นแฟนกับฮารากิแต่เพราะฮารากิไม่สนใจ.......ผู้หญิงคนนั้นจึงชอบทักคนนู้นคนนี้ไปทั่วว่าเป็นแฟนเก่าบ้างหล่ะ..........เป็นกิ๊กบ้างหล่ะ..........วันนี้นายก็ซวยไป”
เดม่อนพูดพร้อมตบไหล่เด็กหนุ่ม
“อ๊ะ.........หรืออาจโชคดี” เขาทิ้งท้าย
หญิงสาวค่อยหันกลับมามองซ่งอีกครั้ง คล้ายกับว่าเธออยากจะขอโทษในเรื่องที่เข้าใจผิดเมื่อครู่นี้ ว่าแต่หล่อนจะขอโทษเรื่องอะไร?
เจซคว้าเดม่อนเข้ามาใกล้ กระซิบถามขึ้น “นั่นเรื่องจริงอ่ะ?”
“แฮ่ๆ” เดม่อนยิ้มแทนคำตอบ
......................................................................................
ทั้งหมดเดินมาถึงจุดที่ซ่งเคยมาประทับรอยมือไว้
....................................................................................
[สถานที่:อาคารหลัก สถานีวาร์ป]
...คนในชุดรบรัดรูปสีดำมันวาวเดินมาจนถึงจุดเชื่อมต่ออาคารสถานีวาร์ป ชายชุดดำผู้เดินนำหันกลับไปถามหญิงสาวที่เขาเรียกเธอว่านามิ....
“เจ้าเด็กหนุ่มนั้นมีส่วนคล้ายเขาหลายส่วนก็จริง...............แต่เธอไม่ควรทึกทักไปแบบนั้น!!!”
น้ำเสียงคล้ายปะปนอารมณ์โมโหอยู่บ้าง
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเดินโดยไม่ได้สนใจฟัง ประโยคที่สองจึงติดตามมา
“เธอก็รู้ว่าคนที่คล้ายๆกันในโลกนี้มีถมเถไป.............อีกอย่างเค้าคนนั้นก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นเด็กหน้าตี๋ดูเงอะงะนั่น” ฮารากิพูด
“เอาน่า.........ฮารากิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลา พวกเราแค่มาที่ระดับหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งเท่านั้น กลับไปถึงระดับสามเมื่อไหร่ค่อยคุยกันก็ได้หรือทะเลาะกันให้หนำใจไปเลย” ชายหนุ่มอีกคนด้านหลังฮารากิพูดขึ้น
“ชิ.......คำสั่งนี่ผิดมาสามหนติดต่อกันแล้ว สัญญาณพวกนี้มันผิด พวกเราก็รู้”
“ตั้งแต่เราเข้าไปถึงมิติที่สิบ” เสียงด้านหลังดังขึ้นสมทบ
“นายก็เปลี่ยนเป็นคนละคน”
“อาวุธของคนๆนั้นก็หายสาบสูญไปด้วย” อีกคนเสริมขึ้น
“กระบองไร้สำนึก”
ฮารากิเอ่ยชื่อๆหนึ่งขึ้นมา คล้ายมีเทวดามาดลใจให้นึกขึ้นมาได้
“ กระบองไร้สำนึก...............อาวุธจากมิติที่สิบเจ็ด”
ชายด้านหลังย้ำคำพร้อมเพิ่มเติม
ฮารากิหยุดเดิน หันกลับมาที่พวกพ้อง ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ใครต่อใครไม่อาจคาดเดาได้
เขาพูดขึ้นช้าๆ “เราจะกลับไปที่มิติที่สิบเพื่อค้นหากระบองนั่น.”
“ไร้สาระ..........เราเคยไปที่นั่นมาครั้งหนึ่งแล้ว.......ชั้นไม่มีวันกลับไปที่นรกนั่นอีก”
หญิงสาวชื่อนามิพูดขึ้นบ้างหลังจากหล่อนเงียบมานาน
“ไม่ได้เด็ดขาด...............ไม่มีคำสั่งจากหัวหน้าใหญ่ระดับสาม พวกเราไปโดยพละการไม่ได้แน่”
ชายด้านหลังฮารากิพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไอ้แก่นั่นบงการพวกเราได้ไม่นานนักหรอก พวกซีคมันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์อย่างเราได้แต่เฝ้ารอความตายงั้นเรอะ”
ฮารากิพูดด้วยเสียงอันดัง
“พวกเราเป็นทีมที่เก่งที่สุดของระดับสาม มีอะไรที่พวกเราทำไม่ได้” ฮารากิตอกย้ำ
“แล้วนายจะทำยังไง.............พลังชีวิตนายเพียงพอที่จะทำอย่างนั้นหรือ?”
ฮารากิมองมาที่พ้องเพื่อนก่อนพูดขึ้นช้าๆ
“พวกนายคิดว่าร่างโคลนนิ่งใช้ได้เฉพาะในมิติที่ห้างั้นเรอะ?”
“............”
คนที่เหลือต่างนิ่งเงียบ
“ปิ๊บๆๆๆ”
สัญญาณบางอย่างดังขึ้นที่ข้อมือของฮารากิ ฮารากิบีที่ข้อมือของตนเบาๆ สัญญาณปรากฏขึ้นมาเป็นแผนที่ทั้งหมดของระดับหนึ่ง ในแผนที่มีจุดสีแดงกระพริบถี่รัว
คนชุดดำทั้งหมดได้แต่มองหน้ากันเลิกลัก รอฟังคำตอบจากผู้นำทีม ที่บัดนี้คล้ายกำลังคิดใคร่ครวญบางอย่างอย่างหนัก
ฮารากิมองหน้าลูกทีมก่อนพูดขึ้น “ศครูเผยตัวตนแล้ว..............กลับไปที่จุดระดมพล”
“เยสเซอรรรรรรรรร” คนทั้งหมดตอบพร้อมเพรียงกันไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวชื่อนามิ
คนในชุดดำเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งมุ่งไปตามทางเดินเชื่อมต่อกับอาคารระดมพล ที่แขนของแต่ละคนพลันเปลี่ยนเป็นอาวุธปืนกลืนเป็นเนื้อเดียวกับแขน.......
..............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
“เอาหล่ะนายคนสุดท้ายที่ต้องทาบฝ่ามือลงไป” เจซบอกกับเต้ เต้ค่อยวางฝ่ามือทาบลงบนแผ่นสแกน
“ปิ๊บบบบ”
เป็นสัญญาณว่าข้อมูลถูกส่งผ่านเข้าสู่ความทรงจำของเขาแล้ว หลังจากที่ทุกคนรับข้อมูลพร้อมเพรียง
“เหลือเวลาอีกไม่กี่นาที..........เราต้องไปส่งพวกนายกลับสู่มิติที่ห้าที่พวกนายจากมา” เจซพูดขึ้น
“หวังว่าจะเก็บเกี่ยวพลังชีวิตได้เต็มที่นะ” เต้พูดกับซ่งเอื้อมมือออกเพื่อขอจับมือกับเด็กหนุ่ม แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมจับ
“รีบกลับไปเลยปะ..........พวกตาตี่”
เด็กหญิงบีบีพูดพร้อมแลบลิ้นใส่ซ่ง ซ่งได้แต่ยิ้มตอบ ก่อนที่เดม่อนเอามือวางบนหัวเด็กหญิง เด็กหญิงรีบสะบัดหัวเพื่อให้เดม่อนปล่อยมือออกแต่กลับไม่มีผล
“พอนายกลับไป............จากการประชุมกันของทีมเรา.........นายก็จะได้รู้ว่าพวกเราหารืออะไรกันไปบ้าง”
เดม่อนพูด ขณะที่เด็กหญิงพยายามแกะมือของเขาออกจากหัวของตัวเอง
“งั้นเดี๋ยวชั้นไปส่ง”
เจซพูดพร้อมนำคนทั้งสองเดินตาม หลังจากที่การร่ำลาเสร็จสิ้น
“แล้วร่างโคลนนิ่งข้างนอกนั่นหล่ะ?” หญิงสาวถามเจซ
“หน่วยเก็บกวาดจะเก็บกลับมาชั่วคราวเมื่อพวกนายออกไปข้างนอกนั่น..................ระบบออเปอร์เรเตอร์จะคอยชี้แนะพวกนายอีกทีนึง”
“โอเปอร์เรเตอร์ไหนกัน?” หญิงสาวถามขึ้น
“ที่ดังอยู่ในหัวนายตอนนายใช้ชีวิตอยู่ในมิติที่ห้านั่นไง...........อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้ยิน”
หญิงสาวส่ายหัวบอก
“งั้นก็คงเป็นเพราะ.............เพราะ..............เพราะอะไรหว่า”
เจซนึกไม่ออกเพราะบางอย่างเขาก็ไม่รู้จริงๆ
.............คนทั้งสามเดินมาถึงทางเชื่อมต่อสู่อาคารขนส่งความเร็วแสงหรือเรียกกันว่าสถานีวาร์ปนั่นเอง.........
สถานีแห่งนี้เป็นเพียงจุดเชื่อมต่อมิติที่ห้าและมิติองค์รวมทั้งสามระดับชึ้นไว้ด้วยกันเท่านั้น ไม่สามารถเดินทางไปสู่มิติอื่นได้อีก
ผู้คนจอแจยิ่งนัก คนที่มารวมตัวกันบนลานวงกลมขนาดใหญ่เท่าสนามฟุตบอลล้วนเป็นคนที่พึ่งมาครังแรกเหมือนพวกเขา ทั้งทุกคนล้วนผ่านการทดสอบวัดระดับจิตใจทั้งสิ้น...............บางคนเลือกที่จะกลับไปสู่โลกเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเดิมๆเหมือนกับที่เคยเป็นมา.................
บางคนเพียงแค่ไปเพื่ออำลาจากมิติที่ตนเองเคยอยู่เพื่อต้องการค้นหาสิ่งที่นอกเหนือจากนั้น............แต่บางคนยังไม่รู้ว่าอดีตของตนเป็นเช่นไร
เหมือนเด็กหนุ่ม
เขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมจึงรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้นักทั้งๆที่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูแปลกใหม่สำหรับเขา
ซ่งและวา.....
หญิงสาวกับชายหนุ่มขึ้นไปยืนบนวงกลมเหมือนกับคนอื่นๆอีกเป็นร้อย ลดลงจากครั้งที่แล้วมาก....
“โชคดีพรรคพวก อย่าพึ่งแต่งงานกันหล่ะ อายุยังน้อยๆกันอยู่”
เจซแซวพร้อมโบกมือให้กับคนทั้งสอง
.......”ถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วทั้งหมดเป็นแค่ความฝันหล่ะ............ซ่งคิดในใจเหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา
มันก็ไม่มีความหมายอะไรหน่ะสิ?
เด็กหนุ่มมองดูหญิงสาว ไม่นานแสงสว่างด้านบนค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆคล้ายกับเครื่องขนส่งกำลังทำงาน
“ครืนนนนนนนน”
แสงสว่างด้านบนหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นประกายไฟสีขาวพุ่งผ่านรอบๆบริเวณลานกว้างวงกลม คนทั้งหมดส่งเสียงอื้ออึงเมื่อเห็นแสงนั้นวิ่งเร็วขึ้น.......เร็วขึ้น.......เร็วขึ้น เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวค่อยๆยืดหด คล้ายไร้แรงโน้มถ่วง แขนขาเหมือนกำลังจะแยกออกจากกัน
“ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
เสียงระเบิดดังกึกก้องยาวนาน ซ่งมองลงมาด้านล่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ค่อยพบว่ามีการปะทะบางอย่างเบื้องล่างนั่น
“เป็นไปไม่ได้.............พวกซีคบุกมาถึงนี่!!!!!”
เจซตะโกนขึ้นขณะที่คนอื่นๆเบื้องล่างต่างสับสนอลม่าน
เจซมองไปที่เด็กหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังจะหายไป เขาตะโกนบางอย่างไปที่เด็กหนุ่มแต่เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ
เจซค่อยทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ทุกอย่างจะโอเคค่อยวิ่งไปพร้อมคนอื่นๆ และ.........
“โพล๊ะ”
หัวของคนข้างๆเจซระเบิดออก เจซหมอบลงกับพื้น
“วุบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ.............วุบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ........วุบบบบบบบบบ”
“เจซซซซซซซซซซซซซซซซซ” เสียงเด็กหนุ่มร้องตะโกน
แสงสีขาวขยายใหญ่ขึ้นหมุนเร็วขึ้นจนกระทั้งตอนนี้ชายหนุ่มมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว....
เขารู้สึกว่าร่างกายหดเล็กลง รู้สึกคล้ายตัวนุ่มๆแต่...........ไม่สิ............ไม่มีความรู้สึกต่างหาก
แสงสว่างจ้านั้นพาเขากลับมายังมิติที่ห้า(โลก)
C://Section11 /<End>
/To be Continue.
ความคิดเห็น