ตอนที่ 6 : CHAPTER.︱5
เมื่อคืนผมกลับคอนโดโดยมีโปรเฟสเซอร์เป็นคนขับรถมาส่ง ตลอดทางเราไม่ได้คุยอะไรกันนัก เขาถามแค่ว่าผมพักที่ไหน หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นอีก จนกระทั่งลงจากรถอีกฝ่ายเมื่อมาถึงที่หมายแล้วนั่นแหละ
ในตอนนั้นผมคิดแค่ว่ามันไม่ใช่เวลาจะมาคุยอะไรกันเลย เพราะเอาจริง ๆ แล้วผมกำลังพยายามอดกลั้นอย่างเต็มที่ พยายามที่จะ...ไม่อ้วกใส่รถเขาให้ต้องอับอายขายขี้หน้าไง! ผมเมาจะตายอยู่แล้วจะให้มาคงมาคุยอะไรอีก ขนาดขอบคุณสักคำผมยังไม่ทำจะเอาอะไรมาก
แถมวันนี้ยังต้องตื่นให้ไหวเพราะมีเรียนเช้าบ่ายด้วย ผมขาดจนครบทุกวิชาแล้ว เพราะแบบนั้นต่อให้จะตายแค่ไหนก็ต้องไปเรียนให้ได้
คะ...คลื่นไส้ชะมัด
“ไอ้รณ ทำไมสภาพเป็นงี้วะ? ใกล้ตายยังมึง” เสียงนกเสียงกาที่ฟังดูคล้ายนายของแถมเพื่อนนายภาคินดังอยู่ไม้ใกล้ไม่ไกล หรืออาจจะข้างหูเลยด้วยซ้ำ
“เมาค้างมาอีกล่ะมั้ง กูก็เห็นเป็นงี้ทุกที” และแน่นอนว่าเสียงนี้ต้องเป็นเสียงของนายภาคินคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“.....”
ผมไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาเถียงกับสองคนนั้นให้เปลืองเวลาหรอก ตอนนี้ที่ต้องการที่สุดคือนอน พยายามห้ามตัวเองไม่ให้อ้วกออกมาอย่างสุดความสามารถอยู่ เวียนหัวสุด ๆ ไม่น่าดื่มเยอะขนาดนั้นเลยจริง ๆ
“อาจารย์เข้าแล้ว ลุกมาเรียน”
“.....”
“รณ อย่ามาหลับในห้องสิวะ”
“.....”
ใครก็ได้ช่วยปิดปากหมอนี่ให้ผมที ขอร้องล่ะ
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่เจอใครอยู่ในห้องเรียนแล้ว สงสัยคงจะเลิกคลาสแล้วนั่นแหละ ผมหาวอีกหวอดใหญ่ก่อนจะยกมือขยี้ตาพลางสะบัดหัวแรง ๆ เพื่อไล่อาการมึนหัวออกไป ตัดสินใจลุกขึ้นยืนหลังจากที่รู้สึกว่าเริ่มหิวจนแสบท้องไปหมด
ในจังหวะนั้นเอง สายตาก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะตัวที่ฟุบหลับมาตลอดทั้งคาบเข้าเสียก่อน ยื่นมือออกไปคว้ามันขึ้นมาพินิจดูก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็น
สมุด?
แปลกใจนิดหน่อยเพราะมันไม่ใช่ของผมแน่ล่ะ ตั้งแต่เข้าห้องเรียนมาก็เอาแต่ฟุบหน้าหลับมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าสิ่งนี้จะเป็นของผม
ด้วยความที่ไม่ได้ใส่คอนแทกต์เลนส์ และก็ไม่ได้หยิบแว่นมาด้วยจึงทำให้ลืมสังเกตไปว่ามันมีกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ แปะไว้ตรงหัวมุมสมุดเล่มนั้น ข้อความบนกระดาษเขียนไว้ว่า...
‘เล็กเชอร์วันนี้ ให้ยืม คืนด้วย
บ่ายยกคลาส จารย์ประชุม’
P.
ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
แม้ในหัวจะคิดแบบนั้น ทว่าผมก็โยนมันกลับเข้าไปในกระเป๋าตัวเองอยู่ดี แต่ผมขอปฏิเสธเรื่องที่มุมปากมันยกสูงขึ้น นั่นก็แค่กล้ามเนื้อบริเวณแก้มมันกระตุกเท่านั้น...มันไม่ใช่ว่าผมกำลังยิ้มอะไรแบบนั้นหรอกนะ
เป็นปกติที่ผมจะออกไปดื่มข้างนอกแทบทุกคืน ดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ชอบ นั่งฟังเพลงที่มีดนตรีหนัก ๆ แต่กลับไม่ค่อยปลื้มมันเท่าไหร่ สุดท้ายก็คว้าใครสักคนกลับไปนอนด้วยเมื่อเมาได้ที่แล้ว
นั่นแหละผมล่ะ
แต่ช่วงนี้มันแตกต่างออกไปจากเดิมนิดหน่อย ตรงที่ผมไม่อยากนอนกับใครหน้าไหนอีกแล้ว
“ดื่มมากเกินไปแล้วนะครับ”
เสียงที่คุ้นเคยทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนพูดนิ่ง ๆ ผมรู้จักเขา แต่จำชื่อเขาไม่ได้ คนคนนี้เป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผสมเครื่องดื่มให้ผมอยู่บ่อยครั้งยามที่อยากจะดื่มอย่างอื่นนอกจากวอดกา เราคุยกันบ้างตามโอกาสแต่ไม่ได้บ่อย เขามักจะสุภาพกับผมเสมอ และเพราะท่าทางที่ไม่ได้คุกคามหรือแสดงออกว่าต้องการอะไรจากผม เลยทำให้รู้สึกสบายใจนิด ๆ ที่ได้คุยกับอีกฝ่าย
อย่างน้อย ๆ เขาก็เป็นเพื่อนคุยที่รู้ตัวว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดอะไร
“อยากเมาน่ะ”
ผมตอบคำถามพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา จริง ๆ เขาก็เป็นคนดูดีใช้ได้เลยนะ อายุก็ดูจะมากกว่าผมไม่เท่าไหร่ แถมรอยยิ้มสุภาพนั่นก็น่ามองไม่น้อยทีเดียว แต่ทำไมผมถึงไม่เคยสังเกตเห็นมันเลยสักครั้ง
“เมื่อวานเกิดเรื่องงั้นเหรอครับ?”
“อืม ผมไม่เห็นคุณเลย”
“เมื่อวานเป็นวันหยุดของผมน่ะครับ”
“อ้อ”
ผมตอบสั้น ๆ แค่นั้นก่อนจะกระดกเหล้าในมือเข้าปากเงียบ ๆ ชีวิตผมช่วงนี้มันมีเรื่องให้เครียดเต็มไปหมด ไหนจะพวกในห้องที่ชอบกวนประสาท ขาดเซ็กซ์ แถมยังถูกปฏิเสธจากคนเดียว ๆ ตั้งหลายหนอีก อยากจะถอนหายใจแล้วตายไปเลย น่าเบื่อชะมัด
“คุณดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจให้คิด”
เขาถามขึ้นมาอีกหน ผมก็ทำเพียงแค่เหลือบสายตามองคนพูดเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่ได้มองมาขณะตั้งคำถาม สายตาของอีกฝ่ายยังจดจ่ออยู่กับการผสมเครื่องดื่มในมือ ผมเองที่ไม่ได้สนใจอะไรนักก็หันมาสนใจแก้วเหล้าของตัวเองต่อเช่นกัน
“ดูออกเหรอ?”
“คุณขมวดคิ้วน่ะ ข้างกายก็ไม่มีใครด้วย”
“นั่นสิ ปกติผมต้องอยู่กับใครสักคนแล้วสินะในเวลานี้”
ยกแก้วเหล้าสีอำพันในมือขึ้นมาในระดับสายตา แล้วจ้องมองมันอยู่แบบนั้นเหมือนคนไร้สติ จริง ๆ ผมแค่กำลังใช้ความคิด และสีของแอลกอฮอล์ในมือมันก็พอจะช่วยได้บ้าง แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องจากใครสักคนที่ยืนอยู่อีกฟากของเคาน์เตอร์บาร์ ผมเบนสายตาจากแก้วไปยังที่มาของมัน และก็ใช่อย่างที่คิด...
“มองผมแบบนั้นทำไมครับ?”
เป็นคุณบาร์เทนเดอร์ไร้นามจริง ๆ ด้วย
“คุณเหมาะกับที่แบบนี้จริง ๆ ด้วยสินะครับ”
“หืม คุณกำลังจะบอกว่าผมดูสกปรกเหมาะกับสถานที่ที่มีแต่มลทินพวกนี้น่ะเหรอ?” ผมถามกลับยิ้ม ๆ ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของอีกฝ่ายมากนัก หากจะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิดอะไร ผมน่ะสกปรกไปทั้งกาย ทั้งใจ และทั้งความคิดเลยล่ะ แล้วแบบนี้จะปฏิเสธยังไงไหว ทำแบบนั้นอาจจะตกนรกจริง ๆ ก็ได้...ถ้ามีจริงน่ะนะ
“เปล่าครับ”
“.....”
“คุณดูเจิดจ้าท่ามกลางแสงไฟสลัวยามราตรีต่างหาก”
“หึ ช่างคิดนะ”
ผมยิ้มบาง ๆ หลังได้ยินคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน เป็นแค่บาร์เทนเดอร์ไม่มีชื่อแท้ ๆ แต่กลับรู้จักใช้คำพูดให้ลูกค้าแอบใจสั่นเสียได้ ร้ายกาจไม่เบาเหมือนกันนะ
ผมชักจะอยากลองอะไรสักอย่างแล้วสิ
“คุณเลิกงานตอนไหนเหรอ คุณบาร์เทนเดอร์”
“เรียกผมว่าโชก็ได้ครับ”
“ผมไม่จำชื่อคู่นอนน่ะ”
“.....”
“ตกลงเลิกงานตอนไหนเหรอครับ?”
ผมยังสบตากับอีกคนเช่นเดิม แววตาของเขามันดูร้ายกาจขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบทสนทนามันเริ่มจะมาไกลกว่าทุกครั้ง ผมกระตุกยิ้มบางเบาอย่างใจเย็น ไม่แน่ว่ากับคนนี้ผมอาจจะสุขสมตามที่ต้องการก็ได้นะ
“จริง ๆ ผมจะเลิกตอนไหนก็ได้ครับ”
“หืม?”
“ก็นี่มันผับผม”
“.....”
อา...อย่างนั้นเองสินะ ก็ดี กับเจ้าของผับก็เร้าใจไปอีกแบบนะว่าไหม?
“คุณแน่ใจเหรอครับว่าอยากจะให้ผมเป็นคู่นอนของคุณ?”
“คุณจะปฏิเสธก็ได้นะ เพราะผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าคุณจะสามารถทำให้ผมถึงขีดสุดของความต้องการได้”
“.....”
ผมพูดจริง ๆ ผมบอกว่าจะลอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำให้ผมเสร็จได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คนก็ไม่สามารถทำให้ผมพอใจได้ แต่ที่เลือกเขาก็เพราะว่ายังหวังว่าเขาจะเป็นเพียงหนึ่งในคนพวกนั้น ที่สามารถทำให้ผมมีเซ็กซ์ที่ต้องการได้จริง ๆ
“ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับ ออกจะยินดีที่คุณยื่นข้อเสนอนี้ให้ด้วยตัวเอง”
“ถ้างั้นก็ออกมาจากเคาน์เตอร์สิครับ แล้วมาทำให้ผมเห็นได้แล้ว...ว่าคุณน่ะมีอะไรดี”
อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ คุณบาร์เทนเดอร์
“อื้อ…..อ่าห์~”
สัมผัสจากฝ่ามือร้อนที่วนเวียนอยู่แถวสะโพกเรียกเสียงร้องของผมได้เป็นอย่างดี เขารู้วิธีล่อเหยื่อให้ติดกับ เขารู้วิธีปรนเปรอให้เหยื่อยอมจำนนอยู่ใต้ร่างของตัวเอง ใช่...เขารู้ดีเลยล่ะ
“คุณยั่วแบบนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่า”
แน่ล่ะว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะยั่วใครทั้งนั้น ผมแค่ปลดปล่อยอารมณ์ดิบเถื่อนของตัวเอง และชอบเซ็กซ์จนสามารถทำมันกับใครก็ได้
“คุณควรพูดให้น้อยลง แล้วจัดการทำอะไรที่มัน...อะ! อ๊า~”
“หึ รู้สึกดีใช่ไหม?”
ใช่ รู้สึกดีเป็นบ้า จุดเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว สัมผัสเนิบนาบที่ค่อย ๆ เพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นมันทำให้ผมหัวหมุน เราทั้งคู่กอดก่ายกันอยู่แบบนั้น ผมถูกพลิกตัวให้ขึ้นมาอยู่ด้านบน ทุกอย่างเป็นไปได้สวยจนเผลอกัดปากกลั้นอารมณ์ดีใจอย่างช่วยไม่ได้
ผมเป็นฝ่ายคุมเกมในตอนนี้ โดยส่วนตัวไม่ได้ชอบอยู่ด้านบนเพื่อทำให้ใครนัก แต่ในเวลานี้ผมไม่อยากจะสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้นสักเท่าไหร่ มันควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือไง เซ็กซ์ที่ผมจะทำกับใครก็ได้ เซ็กซ์ที่ผมอยากจะให้มันเป็น...
‘คุณรณกฤตครับ’
ไม่…
‘ดื้อครับ...ดื้อด้าน’
หยุด!
‘เงยหน้ามองผมครับ’
คุณมัน...
‘ผมกำลังถามคุณว่าทำไมต่างหาก ทำไมผมต้องยิ้มเหรอครับคุณรณกฤต’
คนเห็นแก่ตัว
“หืม? หยุดทำไมครับ เหนื่อยเหรอ? คุณนอนเฉย ๆ ก็ได้ เดี๋ยวผมทำเอง”
“คุณชื่ออะไรครับ?”
“ครับ?”
“ชื่อน่ะ”
“...โชครับ”
ผมโน้มตัวเข้าไปหาคนใต้ร่างก่อนจะแตะริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายแผ่วเบา ซบใบหน้าลงที่ซอกคอของเขาพร้อมกับพรมจูบสองสามครั้ง และซบหน้าลงข้างลำคอหนาอยู่แบบนั้นแค่ครู่เดียว ก่อนจะเอ่ยปากบอกเสียงกระซิบ
“ขอโทษครับคุณโช”
“.....”
“แต่ผมทำต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
“.....”
“เขารบกวนจิตใจผมมากเกินไป”
มันเป็นแบบนี้ทุกที เขาชอบเข้ามาวุ่นวายในหัวผมไม่หยุด ทุก ๆ ครั้งที่กำลังจะสุขสม เขาก็มักจะโผล่เข้ามาในหัวอยู่เรื่อย! ทำไมกันล่ะ ทั้ง ๆ ที่ปฏิเสธเองแท้ ๆ แต่ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยผมให้ได้ทำตามสิ่งที่ต้องการ
ขี้โกง...คุณมันขี้โกงโปรเฟสเซอร์
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งแล้วกัน”
“ขอโทษจริง ๆ ครับ”
“ไม่ได้โกรธครับ ผมเข้าใจ”
“ขอโทษครับ"
“.....”
“ขอโทษ”
อ้อมกอดที่ไม่ได้อุ่นอะไรของคุณโช สัมผัสที่ผมไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ ฝ่ามือที่ลูบแผ่นหลังไม่ได้นุ่มนวลอย่างที่คิด แต่มัน...ก็ทำให้ผมรู้สึกผิดน้อยลงกว่าเดิมได้บ้างเล็กน้อย
ไม่มีเซ็กซ์ที่ผิดพลาดครั้งไหน...ที่ผมรู้สึกผิดเท่าครั้งนี้อีกแล้ว
บ้านหลังเดิมที่มาเมื่อวันก่อน ที่เดิม ๆ ที่เคยยืนเมื่อไม่นาน
หลังจากบอกลาคุณโชและขอกลับเองแม้ว่าอีกฝ่ายอาสาจะมาส่ง แต่ผมก็ปฏิเสธไป และสุดท้ายก็มาโผล่ที่นี่อีกจนได้ แถมมาทำไมก็ยังไม่รู้เลย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาเจ้าของบ้าน รอสายไม่นานอีกฝ่ายก็รับด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย
(สวัสดีครับ นนนครับ)
“ผมอยู่หน้าบ้าน”
(คุณรณกฤต?)
“ออกมาเจอกันหน่อย”
(ดึกมากแล้วครับ กลับไปเถอะ)
“ผมจะรอ”
ผมวางสายไปโดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย แค่อยากบอกเฉย ๆ ว่าจะรอ ถ้าเขาไม่ออกมาก็เรื่องของเขา ผมแค่จะรอ รออยู่ตรงนี้มันทั้งคืนจนกว่าจะได้เห็นหน้าเขานั่นแหละ
“คุณรณกฤต”
ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่กำลังรออยู่ รอยยิ้มบางถูกยกขึ้นมาใช้ทันทีโดยไม่ต้องฝืนพยายามอะไรเลยสักนิด ผมยิ้มง่ายกว่าทุกครั้งเมื่อคนตรงหน้าเป็นเขา
“มาแล้วเหรอครับ”
“คุณก็ขยันก่อกวนผมจังเลยนะครับ”
“ผมเปล่าสักหน่อย ก็แค่อยากเจอหน้า”
“เจอแล้วก็กลับไปได้แล้วครับ ผมจะนอน”
ในสมองเขาติดโปรแกรมไล่ผมไว้หรือไง ทำไมแต่ละวันคำไล่ไม่เหมือนกันสักวันเลยนะ แล้วใบหน้ายับย่นเป็นถุงก๊อบแก๊บนั่นมันอะไร ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย!
“เพิ่งมาถึงเองจะไล่ผมไปไหนเล่า ขออยู่ต่ออีกนิดนะ”
“.....”
“นะครับ”
ผมยิ้มอ้อนพลางเกาะรั้วคุยกับเขาไปด้วย ไม่รู้ทำไมหรอกนะ แต่อารมณ์หม่น ๆ ตึง ๆ เมื่อก่อนหน้านี้มันหายไปหมดแล้วตั้งแต่เจอหน้าเขา ผมเพิ่งรู้ว่ายาวิเศษที่ทำให้เลิกฟุ้งซ่านได้ ก็คือตัวการที่ทำให้ผมวุ่นวายใจจนแทบบ้าตรงหน้านี่เอง
“คุณดื่มมาอีกแล้วเหรอ?”
“ผมก็ดื่มทุกวันนั่นแหละครับ”
“ดื่มแล้วก็อย่าทำตัวเป็นภาระคนอื่นสิครับ กลับบ้านคุณไปสักที”
คำพูดคำจา มันเจ็บนะโปรเฟสเซอร์ คุณนี่มัน...
“ไม่เอาหรอก ก็อยากเจอนี่”
“คุณรณกฤต”
“ครับบบ”
“กลับบ้านไปครับ พรุ่งนี้ผมมีงานต้องทำ”
“คุณไม่มีสอนพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอครับ?” ใช่ วันพรุ่งนี้เขาว่างสุด ๆ เลยต่างหาก แผนนี้ของคุณมันไม่เนียนเสียแล้วครับโปรเฟสเซอร์
“ผมไม่ได้เป็นแค่อาจารย์ของคุณนะครับ งานอื่นผมก็มี กลับไปได้แล้วครับ”
เขาบอกแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินกลับไปเลย บทจะร้ายก็ร้ายจนใจหาย บทจะดีก็ดีจนกลัวว่าผีเข้าหรือเปล่า คุณน่ะร้ายกาจมากกว่าผมอีกรู้ตัวไหมครับโปรเฟสเซอร์
“ให้ผมนอนด้วยไม่ได้เหรอ ผมกลับไม่ไหวหรอกนะคุณ”
“มาเองได้ไม่ใช่เหรอครับ งั้นตอนกลับก็อย่าลำบากคนอื่นสิ”
ขนาดหันหลังให้เขายังสามารถพูดทำร้ายจิตใจผมได้เลยคิดดู ปากคอช่างเราะร้ายนัก ไม่เสียแรงที่ผมหลงใหลจนจะเป็นบ้าตายอยู่แบบนี้
“ถ้างั้นก็ไปส่งผมหน่อยสิโปรเฟสเซอร์”
“.….”
“โปรเฟสเซอร์!”
เข้าบ้านไปแล้ว
“.….”
จะไม่ไปส่งจริง ๆ น่ะเหรอ?
“.....”
จริง ๆ สินะ เหอะ!
“จำไว้เลยนะโปรเฟสเซอร์!”
“เสียงดังโว้ยคนจะหลับจะนอน!!”
เสียงที่ดังมาจากข้างบ้านทำให้ผมต้องหันหลังแล้วออกวิ่งทันที บ้าจริง! มีเพื่อนบ้านเป็นมนุษย์ป้าก็ไม่บอกกันเลยนะโปรเฟสเซอร์! คอยดูนะ พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่
ผมไม่ยอมแพ้หรอก! ไม่มีวัน!
ผมทำอย่างที่บอกไว้จริง ๆ เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น วันต่อมาผมก็ไปหาเขาเวลาเดิม แม้จะโดนสายตาดุมองแรงแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อ ผมทั้งโดนเขาด่า ทั้งไล่ตะเพิด บางวันมีเดินออกมาพร้อมไม้เรียวด้วย นี่เขาเห็นผมเป็นเด็กประถมหรือไง! ใช้ไม้เรียวเพื่อ!
กิจวัตรประจำวันของผมเพิ่มเข้ามาอีกอย่าง สิ่งนั้นคือการไปหาโปรเฟสเซอร์ทุก ๆ วันในยามวิกาล วันจันทร์ที่ได้เรียนกับเขา ผมก็ยังไม่หยุดก่อกวนเขาอย่างสุดความสามารถเท่าที่คนกวนประสาทคนหนึ่งจะทำได้ ผมกวนเขา เขาก็ใช้คำพูดรุนแรงตอบกลับมา เห็นไหมครับ เราสองคนเหมาะสมกันจะตาย ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้สักที ทั้ง ๆ ที่ตลอดสองสัปดาห์มานี้ผมก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผมพูดจริงทำจริง!
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมเมามายและมาจบลงที่บ้านหลังเดิม ผมเมาแล้วมาหาเขาทุกวันนั่นแหละ อยู่ที่ว่าแต่ละวันจะเมามากเมาน้อยแค่นั้น
“โปรเฟสเซอออร์!”
ติดที่วันนี้เมาหนักไปหน่อยเพราะมันเป็นวันศุกร์ยังไงล่ะ ทุก ๆ วันศุกร์ที่ผับมักจะมีปาร์ตี้น่ะ และผมก็ดื่มเข้าไปเยอะกว่าทุกทีเสียด้วย เพราะแบบนั้นร่างกายมันเลยเบลอ ๆ แปลก ๆ คล้ายว่าจะยืนให้ตรงไม่ได้ยังไงไม่รู้
“โปรเฟสเซอร์ครับบ~ ผมมาแล้ววว~”
ผม...ยืนไม่ไหว ขอนั่งแล้วกัน
ผมนั่งลงตรงหน้าบ้านเขานั่นแหละ พักตั้งสตินิดหนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะกดโทรออกหาคนในบ้าน แต่ก็พบความจริงข้อหนึ่งว่า...แบตฯ หมด
ฉิบหายละ
“โปรเฟสเซอร์!”
“เบาเสียงลงหน่อยครับ คุณกำลังรบกวนเพื่อนบ้านคนอื่นอยู่นะรู้ตัวไหม”
“โปรเฟสเซอออร์~”
ผมพยายามลุกขึ้นยืนด้วยการปีนรั้วบ้านขึ้นไปคุยกับอีกฝ่ายดี ๆ มันค่อนข้างจะทุลักทุเลพอสมควร แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี ในตอนนี้ผมสามารถเห็นใบหน้าถมึงทึงของโปรเฟสเซอร์ชัดเจนแล้ว หึ ๆ หล่อจังเลยโปรเฟสเซอร์ของผมมม
“คุณเมามากเลยนะวันนี้”
“ช่ายยย ปาร์ตี้ ๆ ~”
โยกตัวเต้นเบา ๆ แต่ทำได้ไม่นานก็ต้องหยุดมันลงก่อนที่อะไร ๆ ในท้องจะไหลกลับออกมาทางเดิมเสียก่อน อึก คลื่นไส้ชะมัด
“เวียนหัวจังเลยครับ”
“ถ้าเมามากขนาดนั้นแล้วคุณยังจะมาทำไมอีกครับ กลับบ้านคุณไปสิ ผมจะพักผ่อน”
“ไม่เอา! คุณไม่คิดถึงผมเหรอโปรเฟสเซอร์~”
“ไม่ครับ ไม่เลยสักนิด”
ไม่เห็นต้องตอบอย่างหนักแน่นขนาดนั้นเลยก็ได้นี่ แหะ แต่ผมชอบจัง ท่าทางไม่ไยดีของคุณน่ะ มันทำให้หัวใจผมเต้นยุบยิบ ๆ เลย แปลกดีใช่ไหมล่ะ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“แต่ผมคิดถึงคุณ”
“.....”
“มาก”
“…..”
“จูบหน่อย”
“ไม่! กลับไปครับ”
ทำไมขยันไล่จังนะ ก็เห็นทำแบบนี้ทุกวัน แล้วผมไปไหม? ก็ไม่ไง ไม่เหนื่อยเหรอเอาแต่พูดคำเดิม ๆ อยู่ได้ ผมไม่อยากไปจากคุณไม่เข้าใจหรือไงโปรเฟสเซอร์ แสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้วก็เลิกใจแข็งสักทีสิ!
ผมอยากจะกอดคุณแล้วนะ...แค่จับมือก็ได้ คุณมันใจร้ายโปรเฟสเซอร์
“ทำไมคุณไม่ใจอ่อนเลยล่ะครับโปรเฟสเซอร์?”
“คุณรณกฤต”
“เพราะผมไม่ใช่ผู้หญิงเหรอ?”
ก็ผมไม่ใช่ผู้หญิงจริง ๆ ไม่มีทางใช่ ไม่มีวันใช่ และก็ไม่ได้อยากเป็นด้วย เป็นผู้หญิงน่ะลำบากจะตาย พวกเธอต้องเป็นประจำเดือน ต้องปวดท้อง พอแต่งงานยังต้องอุ้มท้องให้พวกผู้ชายอีก ผมไม่มีทางทำเรื่องพวกนั้นได้แน่ การที่ต้องเสียสละตัวเองมากมายขนาดนั้น ผมไม่ถนัดจริง ๆ
“.....”
“เงียบนี่คือไม่ปฏิเสธรึไง”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
ใจผมแอบเต้นแรงอีกครั้งกับคำตอบของเขา เงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาคู่คม มันยังคงดูลึกลับเดายากไม่เปลี่ยน แต่เพราะแบบนั้นแหละผมถึงชอบมันนัก ผมคลั่งเขาขนาดนี้แล้วทำไมเขายังเอาแต่ผลักไสผมอีก มันไม่เหนื่อยหรอกกับการวิ่งตามน่ะ แต่มันก็แอบท้อนะเวลาคุณผลักไสผมซ้ำ ๆ
เฮ้อ แค่มีอะไรกันให้จบ ๆ ไปทำไมต้องทำให้มันยากด้วยก็ไม่รู้
“แล้วมันแบบไหนล่ะครับ?”
“ผมเป็นอาจารย์ของคุณนะครับคุณรณกฤต”
คำก็อาจารย์ สองคำก็อาจารย์ มันทำไมนักคนเป็นอาจารย์เนี่ย
“ไม่เห็นจะสนเลย”
“คุณรณกฤต!”
“ก็อยากได้นี่นา! ถ้าเพื่อคุณแล้วจะอะไรก็จะข้ามมันไปให้หมดนั่นแหละ ผมไม่สนใจหรอก!”
ผมอายุยี่สิบเอ็ดแล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้ว ปัญหาของเราตอนนี้มันคืออะไร คือตำแหน่งอาจารย์ของเขาใช่ไหม? ใช่...มันก็เรื่องนี้เรื่องเดียวนี่แหละ เป็นเรื่องเดียวที่เราทั้งคู่รู้ว่าข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด ทั้ง ๆ ที่เข้าใจ แต่ผมกลับไม่อยากเข้าใจมันเลยสักนิด
“แต่ผมสนครับ”
“ก็อย่าสนสิ”
“ผมต้องสนครับ เพราะคุณคือลูกศิษย์ของผม”
ผมเกลียดสถานะนี้ของตัวเองที่สุด เกลียดสถานะเขาด้วย และที่เกลียดที่สุด...คือสถานะของเรา ผมอยากจะทำลายมันให้หมด มันเอาแต่ขวางทางไม่เลิก น่ารำคาญ
“งั้นถ้าลาออกจะยอมนอนด้วยไหม?”
“รณกฤต!”
“ผมล้อเล่น ทำไมต้องจริงจังด้วย”
ไม่หรอก เมื่อกี้ผมคิดจริง ๆ ต่างหาก แต่เพราะรู้ตัวว่ากำลังขาดสติเลยต้องแก้คำพูดตัวเองด้วยการบอกว่าล้อเล่นแทน อา...ปวดหัวจัง คิดอะไรไม่ออกแล้ว พอแค่นี้ก่อนดีไหมนะ เวลาเมาผมควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนเวลามีสติครบถ้วนเสียด้วย
“กลับบ้านได้แล้ว มันดึกมากแล้ว”
“ไม่เห็นต้องไล่”
“ไม่ไล่ไม่ได้ครับ คุณรบกวนผมอยู่”
“ถ้ารบกวนมากงั้นผมมาอยู่กับคุณเลยดีไหม?”
จู่ ๆ ความคิดนี้ก็แล่นขึ้นมาในหัว ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว
“นี่คุณ”
“เราจะได้นอนคุยกันบนเตียงแทนการยืนคุยกันข้ามรั้วไง ไม่ดีเหรอ?”
“อย่าคิดจะทำอะไรแบบนั้นเชียวนะ”
“หึ ๆ ก็ไม่แน่หรอกครับ ผมอาจจะทำจริง ๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะเนอะ”
แม้แต่ตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายตัวเองจะได้มาลงเอยที่บ้านหลังนี้ในฐานะใหม่จริง ๆ เมาขนาดนี้ยังสร้างสถานการณ์ที่ตัวเองจะได้เปรียบเอาไว้ได้ เยี่ยมจริง ๆ อดีตลูกเสือสำรองหมู่พันท้ายนรสิงห์
“กลับไปเถอะครับ ผมเหนื่อย”
“จะไม่ไปส่ง?”
“กลับเองครับ ไม่ได้ขอร้องให้มา”
“.....”
พูดจบเขาก็เดินหนีเข้าบ้านไปเลย มันก็เหมือนกับทุกวันนั่นแหละ พอสาดคำพูดร้ายกาจใส่จนพอใจก็เดินหายเข้าไปในบ้านตัวเอง เขาทำแบบนั้นเสมอ
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาใจร้ายมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังจะใจสั่น ใจเต้น ใจแตกไปกับการกระทำไร้หัวใจของเขาอยู่วันยังค่ำ ผมน่ะ...เป็นทาสของเขาไปเสียแล้วล่ะ
บ้ามากเลยใช่ไหม?
ตึง!
“โอ๊ย! เจ็บบบ!”
ผมคิดว่าจะเตะประตูแล้วเดินจากไปเท่ ๆ เหมือนในหนัง แต่ลืมอะไรไปอย่าง...นี่มันชีวิตจริงของคนดวงซวยอย่างผมนี่นะ ก่อนกลับก็ยังจะเจ็บตัว แถมเดินออกมาหน้าปากซอยก็ถูกหมาวิ่งไล่อีก
ถ้าต้องลำบากขนาดนี้นะ ถ้าจะต้องลำบากขนาดนี้...ก็หอบเสื้อผ้าหนีมาอยู่กับเขาก็สิ้นเรื่อง! หึ ๆ ผมหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้ก็ตอนวิ่งหนีหมา ที่ตรงปลายเท้ายังปวดหนึบเพราะเตะประตูมาเนี่ยแหละ!
“ไอ้หมาบ้า! อย่าตามมาสิโว้ย!”
โฮ่ง ๆ ๆ กรรจ์!
“บอกว่าอย่า! พูดไม่รู้เรื่องรึไง แม่งเอ๊ยยย!”
โฮ่ง ๆ ๆ แง่งงง!
ผมจะไม่อ่อนข้อให้คุณอีกแล้วโปรเฟสเซอร์!! เราจะได้เห็นดีกันแน่!

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องน่าสงส่ารนะ