ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    $_Fic.The Prince of Tennis [Unlimited]_$

    ลำดับตอนที่ #2 : เกมส์การกลั่นแกล้ง [การพยายาม+การอดทน] เริ่มขึ้น... ช่วงโหมโรงก่อนยกที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 460
      0
      17 ธ.ค. 49

    Story: $_Fic.The Prince of Tennis [Unlimited]_$

    Step 2: เกมส์การกลั่นแกล้ง [การพยายาม+การอดทน] เริ่มขึ้น... ช่วงโหมโรงก่อนยกที่ 1

     

                    เอาล่ะ...ถ้างั้นซากุจัง ฉันส่งแค่หน้าห้อง แล้วจะรออยู่จนฉันนับ 1-10 ถ้าซากุจังไม่วิ่งออกมาหรือร้องออกมา ฉันจะกลับเข้าห้องอยู่แค่ข้างๆกันนี่ล่ะ มีอะไรร้องออกมาได้เลยโมโมะว่า

     

                    ค่ะ...งั้นฉันไปนะค่ะ ไว้ค่อยเจอกันซากุโนะตอบ ก่อนหันหน้าเข้าประตูไม้สีน้ำตาลสวยเธอยกมือขึ้นเคาะประตู ทำเอาโมโมะหลุดขำแต่โดนสายตาซากุโนะมองเคืองเลยหยุดแกล้งทำเป็นไอ

     

                    เชิญ..ประตูไม่ได้ล็อค...”ผู้เป็นเจ้าของห้องส่งเสียงบอก ซากุโนะจึงเปิดประตูเบามือ เท้าของเธอก้าวเข้ามาภายในห้องและปิดลับหลังโมโมะไป...งั้นเราเองคงเริ่มนับสิ 1......2......3......

     

                    ซากุโนะที่เข้ามาจนถึงทางเดินห้องที่ปูด้วยพื้นไม้ขัดเงา ในห้องเป็นระเบียบเธอสำรวจภายในห้องไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่ที่โต๊ะเล็กๆโต๊ะหนึ่งบนนั้นมีกรอบรูปตั้งอยู่เรียงรายแต่มันกลับมีฝุ่นเกาะ...คงไม่ได้ทำความสะอาดเลยน่ะสิ...เธอคิดจึงหยิบกรอบรูปที่เป็นแนวตั้งสีเงินเห็นเป็นภาพเลือนรางของคนสองคน

     

                    เป็นทันที่มือใหญ่บางคนเข้าจับข้อมือเล็กของซากุโนะ ซากุโนะมองตั้งแต่มือใหญ่นิ้วเรียวยาวสวยกับผิวสีขาวๆของแขนไล่จนคางจมูกโด่งๆดวงตาสีฮาเซลมันวาวสวยๆ ใบหน้าหน้าคมคาย ทำให้ซากุโนะคิดว่าผู้ชายคนนี้ทำไมดูดีจังเสียเพียงแต่ใบหน้าของเขาที่ดูจะไม่รับแขก คิ้วของเขาที่เลิกขึ้นอย่างไม่พอใจ ฉายให้เห็นถึงความโกรธ

     

                    ห้ามยุ่งกับของในห้องนี้เด็ดขาด...ยัยคนเสียมารยาท...”เสียงที่เปล่งออกมานั้นแสนเย็นชา โดยเฉพาะคำที่พูดว่า...ยัยคนเสียมารยาท...ดูเหมือนเขาจะเน้นเสียงให้ดังเป็นพิเศษ เล่นเอาซากุโนะสะเทือนที่จิตใจไปเลยทีเดียว

     

                    คะ...เข้าใจแล้วค่ะเรียวมะปล่อยมือที่จับซากุโนะออก ซากุโนะจึงพูดต่อแต่ฉันไม่ได้ชื่อยัยคนเสียมารยาทซะหน่อย ฉันชื่อริวซา...”ยังไม่ทันที่ซากุโนะจะพูดแนะนำตัว แต่เรียวมะกลับพูดตัดบท

     

                    เธอจะชื่อก็อะไรช่าง...”เรียวมะพูดออกมาอย่างรำคาญ ก่อนจะเหลือบมองซากุโนะแล้วพูดต่อ แต่เมื่อกี้เธอบอกว่าเข้าใจ ทั้งที่ฉันเรียกเธอว่า ยัยคนเสียมารยาท มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะมาแนะนำตัวกับฉัน จริงมั๊ย...ยัยคนเสียมารยาท...”เรียวมะพูดจบรอยยิ้มอย่างเหยียดหยาม (มีท่านใดนึกไม่ออกมั๊ย ถ้ามีก็จงเป็นแบบนั้นต่อไปค่ะ เพราะฉันไม่สามารถ) ก็ส่งให้ซากุโนะ

     

                    ซากุโนะ ที่ถูกตอกย้ำด้วยคำว่ายัยคนเสียมารยาท ตัวของเธอสั่นด้วยความโกรธ แต่สีหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่นั้นไม่ได้ทำให้เรียวมะรู้สึกสงสารแต่อย่างใด เขากลับพูดต่อไปว่า

     

                    ถึงจะอยากร้องไห้ ฉันคงไปเป็นที่ซับน้ำตาให้เธอหรอกนะน้ำเสียงแสนเย็นชากล่าวจากบุคคลที่เธอกำลังคิดว่า เป็นหัวหน้าหอพัก แต่กลับพูดจาดูถูกคนอื่นอย่างนั้นเรอะ คนแบบนี้...คนแบบนี้

     

                    คนแบบคุณเรียวมะน่ะ...”ซากุโนะเริ่มการตอบ เรียวมะหันมองซากุโนะที่กำลังก้มหน้าอยู่ คนแบบคุณน่ะ...ต่อให้ต้องอดทนแค่ไหน ฉันก็ไม่ยอมให้เห็นน้ำตาของฉันหรอกซากุโนะว่าอย่างเหลืออด

     

                    เฮอะ...นึกว่าจะพูดอะไร...เธอคิดว่าน้ำตาของเธอมีค่าแค่ไหนเรียวมะตอบไม่ใส่ใจเขาหันกลับเตรียมที่จะเดินออกซากุโนะที่รู้สึกเจ็บปวด จึงเอ่ยไปว่า

     

                    คนแบบคุณเรียวมะ...คงไม่เคยมีสิ่งที่รักน่ะสิ...เรียวมะหยุดเดินกับคำว่า ไม่มีสิ่งที่รัก’ “คุณน่ะ...มันคนเย็นชา...ฉันมั่นใจว่าถึงคุณมีสิ่งที่รัก คุณคงไม่สามารถปกป้องไว้ได้สินะเรียวมะรีบสาวเท้าเดินเข้าใกล้ซากุโนะ ใช้มือทั้งสองข้างยกขึ้นกั้นทางหนี ซากุโนะที่กำลังทำหน้าตื่นตระหนก หลังของเธอชิดติดกำแพงอย่างจนมุม ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นว่ากำลังโกรธ เพราะคำพูดของซากุโนะ มันดันไปจี้ใจดำของเรียวมะ             

     

                    แล้วคนอย่างเธอจะไปรู้อะไร...เธอไม่เข้าใจการสูญเสียสิ่งที่รักไปน่ะ...น้ำเสียงที่ดูเหมือนกับโกรธแต่ประโยคด้านหลังกับลดเสียงลงต่ำอย่างเศร้า ซากุโนะจู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองทำผิด ริมฝีปากของเธอขยับที่จะพูดขอโทษ...

     

                    แต่ยังไม่ทันที่จะพูด เรียวมะกับเงยขึ้นกระทันหัน เธอจึงไม่ทันที่จะพูดขอโทษ เธอมองเข้าไปในดวงตาสีฮาเซลนั้น เมื่อเธอมองเข้าไปในดวงตาฮาเซลนั้นตอนแรกที่ดูเหมือนกับน่ากลัวแต่มันดูเศร้าและอ้างวาง เรียวมะถอยออกห่างจากซากุโนะ

     

                    เธอน่ะ...คงจะชอบรุ่นพี่โมโมะ สินะเรียวมะพูด เหมือนกับกระแสไฟฟ้าเบาๆแล่นใส่สมองจู่ๆพูดอะไรออกมาน่ะซากุโนะคิด

     

                    ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ชอบโมโมะคุง สักหน่อยซากุโนะรีบพูดปฏิเสธ แต่ซากุโนะดันรู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นแรงผิกปกติ หรือว่าเธอกำลังร้อนตัวกัน

     

                    ไม่ใช่?...ทั้งๆที่เรียกซะสนิทปาก แบบนั้นน่ะเรอะน้ำเสียงของเรียวมะพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้ที่ใบหน้าของซากุโนะขึ้นสี มันอะไรกันความรู้สึกหัวใจเต้นแรงๆเนี่ย

     

                    ค่ะ...โมโมะคุง เขาบอกให้ฉันเรียกแบบนั้น”…แล้วนี่ทำไมเราต้องมาอธิบายให้คุณเรียวมะฟังเนี่ย...แล้วมันมีอะไรหรือไงค่ะดูท่าเรียวมะจะอึ้งกับคำตอบของซากุโนะ

     

                    ไม่มีอะไร...ฉันแค่อยากบอก...อย่างเธอน่ะไม่ใช่สเป็คของรุ่นพี่โมโมะ เขาหรอก ยัยเด็กน้อย

     

                    อะไรของคุณ...ตอนแรกก็ว่าฉันยัยคนเสียมารยาท คราวนี้ก็ ยัยเด็กน้อย ตกลงคุณคิดจะตั้งฉายาให้กับฉันสักกี่ชื่อ

     

                    มันเรื่องของฉันเป็นคำพูดแสนชัดเจนห้องนอนของเธอน่ะอยู่ด้านโน้นเรียวมะว่าชี้ไปที่ประตูห้องสีขาวให้ใช้เตียงด้านซ้ายซึ่งมันเคยเป็นเตียงที่...เฮ้อ....ช่างเถอะจะใช้ก็ใช้ไป แต่ห้ามเธอเคลื่อนย้ายของในห้องนั้นเด็ดขาดเรียวมะสั่งก่อนจะหันเดินออกไปข้างนอก ทิ้งให้ซากุโนะยืนอยู่คนเดียวในห้อง

     

                    เฮ้อ...คนอะไรนิสัยไม่ดีเลย อ๊ะ แต่เขาก็บอกให้เราอยู่นี่ได้ เขาอาจจะเป็นคนดีแต่เขาอาจจะคิดอะไรไม่ดีกับเราก็ได้ หวา....ให้ตายสิ เดาความคิดไม่ถูกเลย แล้วบอกว่าให้ใช้อะไรก็ใช้ไปแต่ห้ามเคลื่อนย้ายแล้วทำไง เดี๋ยวจัดของเสร็จแล้วไปปรึกษาโมโมะคุงดีกว่า...ซากุโนะที่สับสนเธอเดินเข้าไปในห้องนอนที่เรียวมะชี้ให้ดูเมื่อสักครู่

     

    ส่วนเรียวมะก็ไปกระจายข่าวให้เตรียมการ หัวข้อ เกมส์กลั่นแกล้งแม่บ้านคนใหม่ของหอพักเซชุนภายใน 3 วันต้องทำให้ออกไปให้ได้ (พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ต้องไปเรียนวันแรกของซากุโนะ) ไปดู(อ่าน)ที่โมโมะกับซากุโนะดีกว่า

     

    ...โมโมะที่กำลังเดินไปหยิบแก้วน้ำมาให้ซากุโนะ ถึงกับขำออกมาเรื่องที่ซากุโนะเล่า...

     

    ก็บอกแล้วว่า เจ้าเอจิเซนน่ะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ แต่ซากุจังก็ใจกล้าดีนะซากุโนะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้โมโมะฟัง ยกเว้นเรื่องที่เรียวมะถามว่าชอบโมโมะ

     

    ไม่หรอกค่ะ เพียงแต่มันแค่เหลืออดน่ะค่ะซากุโนะตอบ

     

    อืมคราวหลังน่ะ อย่าไปพูดเรื่องสิ่งที่รักให้หมอนั้นฟังดีกว่าโมโมะว่าพลางส่งแก้วน้ำให้ซากุโนะ ในฐานะแขกของห้อง

     

    ฉันก็คิดว่าฉันจะไม่พูดดีกว่า เพราะว่า ฉันน่ะรู้สึกผิดมากๆเลยเวลาที่ต้องพูดเลยที่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่น่ะซากุโนะ

     

    ดีแล้วล่ะที่รู้สึกแบบนั้น ฉันคงให้คำปรึกษาอะไรไม่ได้มากมีอะไรก็พยายามอดทนไว้ แต่ถ้าเดือดเมื่อไร่ก็ลุยได้ทันทีโมโมะว่าพลางใช้มือลูบหัวซากุโนะ ในตอนนั้นซากุโนะหน้าแดงไปหมดด้วยความอาย รอยยิ้มบางๆปรากฏที่ใบหน้าว่าแต่ซากุจังเถอะ ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่ล่ะ

     

    รอยยิ้มบางๆหุบลง เธอก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากบางระรื่นขยับขึ้นพูดเพื่อน้องกับแม่ค่ะ เป็นเพราะฉันน่ะถูกเลี้ยงและโตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าริวซากิ ที่นั้นนับวันเด็กๆเพิ่มขึ้น ฉันต้องการหาเงินเพื่อเอาไปช่วยทุกคน มันอาจจะดูเป็นเหตุผลที่ธรรมดาไปสักหน่อย แต่ฉันมีความสุขที่ได้ทำอะไรเพื่อทุกคน

     

    ไม่หรอกเหตุผลของเธอมันดูดีมากเลยซากุโนะดีใจที่โมโมะไม่ได้ดูถูกเธอ ว่าแต่...เงิน? ทำไมถึงต้องการขนาดนั้นล่ะโมโมะถามขึ้นอีกครั้ง

     

    สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าริวซากิน่ะ กำลังจะถูกยึด นายหน้าค่าที่ดินเห็นว่าสถานที่ตรงนั้นเป็นจุดทำเลที่ดี แล้วก็เลยชอบเอาเงินมาล่อว่า ถ้าขายที่ตรงนี้ให้ ฉันจะให้เงินชนิดที่พวกเธอไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันกับแม่ปฏิเสธเขาไป หลังจากนั้นพวกเขาพยายามที่จะยังหว่านล้อมแม่ของฉัน แต่ท่านก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง ในไม่ช้าคนพวกนั้นเริ่มเปลี่ยนวิธีการ อย่างเช่นการเขียนจดหมายขู่ว่าให้ออกไปซะบ้าง ไม่ก็มาแอบทำร้ายข้าวของที่นั้นซากุโนะเล่าเรื่องออกมาอย่างช้าๆ น้ำตาใสๆเริ่มคลอ ปากของเธอพยายามขยับเพื่อจะพูดต่อแต่กรามปากขากรรไกรดูมันจะช้าๆและแล้วน้ำตาของเธอก็ไหล

     

    โมโมะที่ตั้งใจฟังอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ ฝามือใหญ่อุ่นๆของเขายกขึ้นลูบศีรษะ จากนั้นมือทั้งสองข้างยกจับใบหน้าที่น้ำใสใสกำลังไหลริน นิ้วโป้งปาดสายน้ำตาที่ไหลพราก โมโมะมองซากุโนะและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้

     

    ไม่เป็นไรไม่ต้องเล่าต่อแล้วล่ะ...พูดจบซากุโนะก็ยังคงร้องไห้ต่อไป เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอยภัยที่ได้อยู่ใกล้กับคนคนนี้ เป็นเด็กขี้แยจริงๆเลยนะ ซากุจังน่ะโมโมะพยายามพูดแหย่ซากุโนะให้รู้สึกดี ซากุโนะยิ้มบางๆต้องการที่จะบอกว่า...ไม่เป็นไรแล้ว...

     

    ขอบคุณนะค่ะที่ฟังเรื่องฉัน แล้วยังไม่ดูถูกอีกซากุโนะว่า

     

    ไม่เป็นไรครับโมโมะตอบ ทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยความสนุกสนานต่างมีความรู้สึกที่ดีๆให้กัน จากนั้นซากุโนะก็ออกจากห้องของโมโมะ กลับไปยังห้องของเธอและเรียวมะ

     

    ซากุโนะเปิดประตูห้องออกเธอไปนั่งที่โซฟาสีดำเป็นนิลที่หันหน้าขนาบเข้าหากัน เธอมองสำรวจภายในห้องอย่างพินิจพิเคราะห์...ดูเหมือนที่นี่จะมีความทรงจำมากมายเหลือไว้เพียงอดีตแสนสุข...บรรยากาศอบอุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้องนี้ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย...ภายในใจเธอคิดอย่างนั้นแล้วเธอเคลิ้มหลับไป เวลาผ่านไปนานสมควร

     

    กริ๊งๆๆ

     

    เสียงโทรศัพท์ด้านข้างที่โต๊ะดังขึ้น เธอรู้สึกตกใจจนสะดุ้งตื่นและลังเลที่จะยกโทรศัพท์นั้นขึ้น...จะรับดีหรือเปล่าน้า..เกิดเป็นโทรศัพท์ที่โทรหาคุณเรียวมะล่ะ...ทำยังไงดีล่ะ...แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดับลงเธอถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องรับโทรศัพท์ไม่รู้ว่าเป็นใครโทรมา แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง...โทรมาอีกแล้วทำไงดี...เธอกระวนกระวาย แต่เธอก็ตัดสินใจรับสายโทรศัพท์ที่โทรมา

     

    สะ...สวัสดิ์ดะ...ดีค่ะ...ซากุโนะกรอกเสียงลงในโทรศัพท์อย่างสั่นเครือ ภายในใจของเธอก็ตื่นเต้นอย่างกังวล...รับไปแล้วทำไงดีล่ะ ถะ...ถ้าเกิดว่าโทรหาคุณเรียวมะล่ะ

     

    ไม่ต้องทำเสียงหวานใส่...ฉันไม่ชอบ...เสียงอันแสนเย็นชาที่ตอบกลับมาจากโทรศัพท์ ทำให้ซากุโนะรู้ทันทีว่าเป็นใคร

     

    ฉันไม่ได้ทำเสียงหวาน...สักหน่อยฉันก็แค่ไม่รู้ว่าเป็นคุณซากุโนะตอบ

     

    ช่างเถอะ...คราวหลังน่ะ รับโทรศัพท์ให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ ยัยแม่บ้านน้ำเสียงเรียบๆแต่สำหรับซากุโนะมันกลับช่างกวนประสาทซะจริงๆ...ยัยแม่บ้าน...นี่มันฉายาที่ 3 ของวันนี้แล้วนะ ตานี่ (เริ่มเปลี่ยนสรรพนามการเรียก) ท่าทางจะชอบตั้งฉายาให้คนอื่น...ซากุโนะนึกแค้นในใจ

     

    แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าคนที่โทรมาจะเป็นคุณ เกิดเป็นคนอื่นที่เขามีธุระหาคุณ จะให้ตอบพวกเขาว่าอะไรล่ะค่ะซากุโนะตั้งใจที่จะพูดประชด นึกซะใจที่ได้พูดประชด

     

    เฮอะ...ช่างเขาสิ...คำตอบที่ตอบกลับมาของเรียวมะ ทำเอาซากุโนะนึกสลดในใจที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรเรียวมะได้ เธอจึงพูดออกไปว่า

     

    แล้วคุณเรียวมะ...มีอะไรค่ะ...

     

    ฉันจะกำลังจะกลับไป...ทำกับข้าวไว้รอซะด้วย...แค่นี้นะเรียวมะพูด เตรียมที่จะกดตัดสายทิ้งแต่ซากุโนะกับพูดไปว่า...

     

    เอ๊ะ...ดะ เดี๋ยวสิค่ะ แล้วคุณอยู่ที่ไหนล่ะค่ะ... ซากุโนะรีบพูด เรียวมะที่นึกว่ามีอะไรสำคัญจึงพูดอย่างรำคาญตอบไป

     

    ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องตอบเธอ มีหน้าที่ให้ทำอะไรก็ทำไปซะ ยัยแม่บ้านเรียวมะว่าจบจบนิ้วเรียวของเขาก็กดวางทันที เสียงที่ซากุโนะได้ยินอยู่ในตอนนี้จึงมีแค่เสียงของโทรศัพท์ที่กำลังตัดเข้าสู่ระบบฝากข้อความโทรกลับเท่านั้น เธอจึงวางโทรศัพท์ลงเดินไปที่ครัว

     

    เธอเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่เป็นวงกลมสีดำติดกำแพงมุมหนึ่งในห้อง ตอนนี้เป็นเวลา 5 เย็นโมงกว่าๆเกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว เธอเปิดตู้เย็นจัดแจ้งนำวัตถุดิบมาทำอาหารเย็นที่เธอพยายามคิดว่า เรียวมะน่าจะยอมกิน เมื่อทำเสร็จซากุโนะยกอาหารทั้งหมดไปวางที่โต๊ะ เธอตัดสินใจที่จะรอการกินข้าวคนเดียวมันไม่ใช่บรรยากาศที่ดีเท่าไรเลย...เพิ่งจะ 6 โมง 20 เองรอสักหน่อยคงไม่เป็นไร...

     

    5 นาที...10-15-25 นาทีผ่านไปในที่สุด 1 ทุ่ม...

     

    ...ทำไมคุณเรียวมะถึงยังไม่กลับมา...ซากุโนะที่ตอนนี้นั่งเปลี่ยนจากท่านั่งที่ตั้งความหวังจดจ่อรอให้ผู้เป็นหัวหน้าหอพักมากินตอนนี้กับอยู่ในท่าเท้าคาง ที่สำคัญอาหารเย็นร้อนๆกลายเป็นอาหารเย็นธรรมดาที่ไม่มีความร้อนเหลือ

     

    เมี๊ยว...เมี๊ยว (ปกติแมวมันร้องแบบนี้ ว่าแต่เขียน[พิมพ์]อย่างนี้หรือ เหมี๊ยว..เนี่ย หนักใจแฮะ: ผู้แต่ง) ซากุโนะหันดูตามเสียงร้องเธอรู้ว่ามันคือแมว แต่เธอกลับไม่เห็นว่ามันอยู่ไหนเพราะเธอมองไปรอบๆแต่กลับไม่เจอเลย

     

    ว้าย...!?”ซากุโนะอุทานขึ้นเบาเบา เมื่อมีสิ่งผิดปกติที่ขนนุ่มนิ่มของอะไรบางอย่างมาสี (เรียกคลอเคลียคงถูกกว่า)ถูกที่ขา เธอลุกออกจากเก้าอี้ย่อลงดูใต้โต๊ะ เธอยิ้มออกมา อยู่นี่เองหรอเจ้าเหมียว มานี่มา...เมี๊ยวๆซากุโนะเรียกเจ้าเหมียว เจ้าเหมียวตัวนั้นร้องออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะเดินออกมา ซากุโนะจึงอุ้มแมวตัวนั้นแนบอก

     

    ว่าแต่เจ้าเหมียวนี่มาจากไหน...อ๊ะ จะว่าไปมีริบบิ้นด้วยนี่นา...ซากุโนะคิดพลางจับริบบิ้นสีม่วงซึ่งป้ายชื่อติดอยู่ด้วยเขียนชื่อภาษาอังกฤษว่า...คาลปิ้น...ชื่อน่ารักดีจัง สงสัยจะเป็นของคนหอนี่ล่ะมั้ง แต่มันคงหิวสิท่า...

     

    ซากุโนะที่อุ้มคาลปิ้นเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง เธอลองเปิดตู้บานซิงค์ที่เป็นส่วนด้านบนพบอาหารแมว...หรือว่าคาลปิ้นจะเป็นแมวของคุณเรียวมะ...เธอคิดในขณะที่หยิบชามอาหารแมวที่วางอยู่ข้างๆเธอนั่งย่องๆมองคาลปิ้นกินอาหารท่าทางน่าอร่อย เธอยิ้มออกอย่างเอ็นดูพลางลูบหัวของคาลปิ้น แล้วเธอก็ละจากคาลปิ้นมองดูอาหารเย็นที่เย็นชืดอย่างเศร้าใจ

     

    แกร็ก

     

    เสียงประตูเปิดดังขึ้นซากุโนะจึงเดินไปดูที่หน้าประตูพบคนที่เธอกำลังรออยู่เกือบชั่วโมง คนคนนั้นมองเธอกลับด้วยสีหน้าเฉยชา ไม่แสดงอาการใดใดเขาเดินผ่านซากุโนะไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ซากุโนะรู้สึกตัวช้าไปหมดตอนที่เรียวมะเดินผ่าน ไม่เพียงเท่านั้นเรียวมะกลับกำลังเดินเข้าห้องซากุโนะจึงรีบเรียก

     

    ดะ...เดี๋ยวค่ะ กับข้าวไม่ทานแล้วหรอค่ะซากุโนะรวบรวมความกล้าที่จะขยับพูดกับคนที่เฉยชา เรียวมะมองที่ซากุโนะใบหน้ายังคงเย็นชาเหมือนเดิม ปากของเขาขยับพูด

     

    ไม่กิน...ไม่ต้องการ ฉันกินมาเสร็จจากข้างนอกเรียวมะตอบ จากนั้นใบหน้าของซากุโนะก็ร้อนผ่าวความรู้สึกชาๆบริเวณที่หน้าเริ่มเกิดขึ้น

     

    ตะ...แต่ คุณบอกให้ฉันทำไว้รอไม่ใช่หรอ ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่โทรมาบอกล่ะ ที่สำคัญ...ซากุโนะหยุดพูดประโยคที่เธอจะพูดต่อคือ...ที่สำคัญฉันอุตส่าห์รอคุณ...

     

    ที่สำคัญ? เธอกำลังจะบอกว่ารอฉันมากินพร้อมกันสินะ...ฮึ...เรียวมะตอบเหมือนรู้ทันความคิดของซากุโนะ ซากุโนะหน้าแดงที่ถูกอ่านใจออกแต่เรียวมะยังคงพูดต่อ แล้วใครเขาใช้ให้รอกันล่ะ ยัยแม่บ้านเหมือนดั่งคำพูดแทงเข้าที่ในใจ จากนั้นเรียวมะก็เดินกลับไปในห้องด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยาม(อีกแล้ว)

     

    ซากุโนะยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น หยดน้ำใสใสเริ่มไหลออก...เราจะต้องอดทนคนเย็นชาอย่างคุณเรียวมะให้ได้ ใครจะยอมแพ้ล่ะ...เธอคิดให้กำลังใจตนเองปาดน้ำตาที่ใบหน้าออก เธอกลับไปนั่งกินอาหารเย็นที่เย็นชืดฝีมือของเธอกินไปมาน้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง...กินข้าวคนเดียวนี่มันเหงาจังเลยนะ ป่านนี้แม่กับน้องๆจะกินข้าวกันหรือยัง...แล้วเธอกินข้าวต่อไปในส่วนของเรียวมะที่เธอตั้งใจทำเธอก็จัดการกินจนหมดเธอล้างและเก็บเข้าที่

     

    คาลปิ้นที่เดินเข้ามาคลอเคลียเหมือนกับรู้ว่าซากุโนะรู้สึกไม่ดี ส่วนซากุโนะก็อุ้มคาลปิ้นขึ้นซุกใบหน้าไปกับขนนุ่มของคาลปิ้น...คาลปิ้นยังนิสัยน่ารักกว่าคุณเรียวมะซะอีก...แล้วซากุโนะเดินเข้าห้องน้ำส่วนเสื้อผ้าเธอเตรียมออกมาตั้งแต่ทำกับข้าวเสร็จแต่เนินๆ

     

    หลังจากที่ซากุโนะอาบน้ำเสร็จเธอก็อุ้มเจ้าคาลปิ้นไปนอนด้วย เธอเปิดประตูอย่างเบามือกลัวคนในห้องตื่น เธอค่อยเดินย่องๆมาที่เตียงพบกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้ที่หมอน เธอหยิบขึ้นมาหลังจากที่นั่งลงไปบนเตียงเรียบร้อยแล้ว หัวข้อของมัน...หน้าที่/กฎระเบียบของแม่บ้านของหอพักเซชุนทั้วไป...

     

    1.ในวันธรรมดาขอให้ไปเรียนปกติ หลังจากเลิกเรียนแล้วให้ไปรายงานตัวที่ตึกผู้คุ้มช่วยผู้คุมที่นั่นเตรียมอาหารและยกไปที่โรงอาหาร ห้ามไปไหนนอกโรงเรียนโดยพลการเด็ดขาด

     

    2.ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 6 โมงให้ไปเตรียมอาหารที่ตึกผู้คุ้มช่วยเตรียมอาหาร

     

    3.เรื่องของการทำความสะอาดให้จัดการ เฉพาะพื้นทางเดินเท่านั้น แต่ต้องทำให้เสร็จก่อนนักเรียนในหอพักคนอื่นๆจะตื่น นอกจากนี้ต้องทำความสะอาดห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับโรงอาหารด้วย

     

    4.เครื่องแต่งกายถูกเก็บไปไว้ในตู้เสื้อผ้า ส่วนรองเท้ากับถุงเท้าวางไว้ที่ข้างตู้

     

    5.ขอย้ำอีกครั้งในวันปกติการเรียนภาคเช้าเรียนตามปกติห้ามหนีออกนอกโรงเรียนโดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษ ส่วนห้องเรียนอยู่ห้องเดียวกับหัวหน้าหอ

     

    6.เวลาที่โรงเรียนเปิด-เลิก คือเวลา 6.00-17.00 น.(แต่เฉพาะบางวัน)  มีเวลาพักกลางวัน 50 นาที

     

    ต่อไปจะสิ่งที่ผอ.อยากบอก

     

    1.ห้องเรียนของเธอในฐานะแม่บ้านปี 1 ของหอพักเซชุนอยู่ห้อง 2

     

    2.ขอให้โชคดี ระวังตัวพยายามหาเพื่อนให้ได้จะได้ช่วยกัน

     

    3.อีก 3 วัน ถ้าเธอยังสามารถอยู่ที่นี่ได้จะได้รับเงินพิเศษล่วงหน้าก่อน 1 ครั้งและฉันจะพาเธอไปส่งที่ที่ฉันไปรับเธอมา

     

    แล้วซากุโนะก็กลับมาคิด...สงสัยคุณเรียวมะจะเอามาวางไว้ให้ ว่าแต่ผอ.แปลกๆแฮะทำไมถึงรู้ว่าเราจะกลับบ้านภายใน 3 วันล่ะเราบอกเรื่องนี้กับคุณลุงขับรถคนนั้นนี่นา เฮ้อ...แต่ก็ช่างเถอะ...เธอคิดแบบนั้นก่อนทำทาจะนอนแต่ก็ลุกขึ้นอีกครั้ง ไปดูที่ตู้เสื้อผ้าที่บอกว่ามีเครื่องแบบไว้ในนั้น ตอนแรกเธอไม่ทันสังเกตแต่แล้วเธอก็เจอมันอยู่ในห่อพลาสติก แต่เธอไม่ได้หยิบมันออกมารู้ว่ามีอยู่จริงเธอก็สบายใจแล้ว เธอกลับไปนอนที่เตียงพร้อมฟุ่บหลับลงไปในทันทีพร้อมกับคาลปิ้น

     

    เรียวมะที่แกล้งหลับ(เน้นว่าแกล้งหลับ)ลุกขึ้นมา เขามองซากุโนะที่หลับไปใบหน้าของเธอไม่หันเข้าหาเขาแต่หันเข้ากำแพงแทน เรียวมะเรียกคาลปิ้นที่นอนคดอยู่ที่ซากุโนะเจ้าคาลปิ้นที่รู้ตัวด้วยความซื่อสัตย์ก็เดินจากซากุโนะมาหาเรียวมะมันเข้าคลอเคลียผู้เป็นเจ้านาย เรียวมะอุ้มเจ้าคาลปิ้นขึ้นมามองหน้าของมันพร้อมกับพูดอย่างประหลาดใจ

     

    นี่...ยัยแม่บ้านนี่น่ะ ไม่ใช่นานาโกะที่นายคิดถึงหรอกนะ...ทำไมถึงมีแต่คนบอกว่ายัยนี่เหมือนนานาโกะนักนะ รุ่นพี่โมโมะเองคงเห็นยัยนี่ซ้อนกับหน้าของนานาโกะสิท่า...แต่เอาเถอะอีก 3 วันใครมันจะทนได้นานกว่ากัน น่าสนุกแฮะ...

     

    ....แล้วนิทราของเรียวมะและคาลปิ้นก็มาถึง อนาคตของซากุโนะในวันพรุ่งนี้กำลังจะเริ่มขึ้น...

    …The end step 2 To be continue in step 3…

     

    ************************************************************************************************************

    คุยกันสักนิด

                    ขอกล่าวสวัสดิ์ดีทุกท่านนะค่ะ ในที่สุด Step 2: เกมส์การกลั่นแกล้ง [การพยายาม+การอดทน] เริ่มขึ้น... ช่วงโหมโรงก่อนยกที่ 1ก็จบลงด้วยประกาศฉะนี้ รู้สึกเป็นยังไงน่ะหรอตอนนี้ ตื่นเต้นค่ะเพราะไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ แต่งเองกันตื่นเต้น ไม่รู้ว่ามันจะทำได้ดีสักแค่ไหน แต่มันก็ออกมาแบบนี้ ส่วน Step 3 ที่จะเข้าการกลั่นแกล้งจริงๆคงต้องใช้เวลานานกว่านี้เป็นแน่ที่จำทำให้มันออกมาเร็ว จบล่ะค่ะ

    _@#นักเขียนขี้โรค#@_

    23 / October / 2006

    ************************************************************************************************************

    P.S.ถ้ามันไม่เกินความสามารถขอคอมเม้นด้วยค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่อ่านจนจบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×