คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Yamato x Taichi [1] :: Valentines Day
ll What's up ll
26/07/2015
- ลบเนื้อหา
01/08/2015
- ลงเนื้อหา,
- เพิ่มบทสนทนา, เกลาภาษาใหม่
Story: [Fiction] Digimon Yaoi
Chapter2:
Valentine’s
Day [Yamato + Taichi] 1…
14 February…
Valentine’s Day เทศกาลเกี่ยวกับความรัก ที่คนคนหนึ่งต้องการที่จะมอบสิ่งบางอย่างให้อีกคน
เพื่อแทนความรู้สึก สิ่งนั้นมันคงเป็น “การสื่อสารทางความรู้สึก”
ออกมาเป็นรูปแบบของการให้สิ่งของ
สำหรับคนที่มีคนรักคงเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง
คนที่ยังโสดอยู่ก็จะมองหาใครสักคนที่เหมือนกันแล้วเข้าไปทักทาย
แต่ว่า...กับใครสองคนที่อยู่กันมานานเกือบจะรู้ใจกันเสียทุกเรื่อง
หากใครคนใดในสองคนนั้นเกิดหลงรักอีกฝ่าย
...โดยทีเจ้าตัวไม่รู้
ความรักแบบนั้นจะเป็นยังไงกันนะ...
โรงเรียนโอไดบะ
[ ก่อนวันงานวาเลนไทน์ 2 วัน]
โรงเรียนสหศึกษามีตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมต้นถึงระดับชั้นมัธยมปลาย
ข้ามเลยจากตึกเรียนแยกยังอีกตึก
ห้องซ้อมดนตรี
เสียงดนตรีจากเครื่องสายที่เรียกว่ากีต้าร์เริ่มคลอขึ้นอย่างเอื่อยๆ พร้อมกันกับปลายนิ้วที่เคาะที่ไมค์สองสามครั้ง
ตามมาด้วยเสียงฮัมเบาๆ แต่ก็ยังชวนให้เคลิ้ม
ก่อนเสียงกลองชุดจะกระหึ่มขึ้นพร้อมกับเสียงเบสหนัก นักร้องหนุ่มผู้นำวง เริ่มออกท่วงทาง
เปล่งเสียงร้องอันทรงพลัง
เส้นผมสีทองประกายเงาสะบัดพริ้วไหวตามจังหวะของการขยับศีรษะขึ้นลงที่ไม่ได้มากนัก
จากนั้นไม่นานเสียงกลุ่มสาวๆจากหน้าประตูห้องซ้อมก็กรี๊ดลั่นจนในที่สุดการซ้อมจึงไม่เป็นการซ้อม
“วันนี้เอาเท่านี้ก่อน...ไม่ไหวเลยจริงๆเด็กนักเรียนสาวพวกนี้นิ”อาจารย์ผู้เป็นคู่ฝึกสอนและควบตำแหน่งที่ปรึกษาชมรมกล่าว เขาส่ายหน้าไปมาพร้อมกับที่ยังยืนกอดอก
หลังจากเห็นท่าไม่ดีหากยังซ้อมต่อมีหวังประตูอันแสนบอบบางของห้องชมรมคงได้ซ่อมอีกเป็นแน่
เทอมหน้าต้องหาที่ซ้อมใหม่ซะแล้ว..
เขาคิดในใจ
“ขอโทษนะครับอาจารย์”
เด็กหนุ่มผู้เป็นนักร้องนำของวงว่าอย่างขบขำ
ซึ่งเจ้าตัวรู้ดีว่าเป็นเพราะความหน้าตาดีของตัวเองนั้นล่ะที่ทำให้การซ้อมมีปัญหา
แน่นอนว่าไม่ได้พูดเกินจริงเลย
ยิ่งเพราะล่าสุดเจ้าตัวและวงมีโอกาสไปเล่นนอกโรงเรียนเลยยิ่งทำให้เป็นที่รู้จักไปใหญ่
“ใช่
เพราะเจ้ายามาโตะมันหน้าตาดี” เสียงหนึ่งในสมาชิกวงว่าสมทบ
“ไม่รู้ว่าเพราะประตูเรามันเก่า
หรือพวกผู้หญิงแรงมหาศาลกันแน่” อีกคนว่าต่อแล้วพากันหัวเราะร่วน
อาจารย์ได้แต่ส่ายหัวซ้ำ
“พอเลยพวกนาย.. รู้มั้ยพวกผู้หญิงน่ะน่ากลัว…..”เว้นวรรคหยุดนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ “ยิ่งเวลาที่พวกหล่อนโกรธ”
ก่อนจะพากันหน้าซีด “อย่าพูดอะไรไม่เข้าท่า…”
“ครับ..” พากันขานรับเงียบๆ
“ดี..”ผู้เป็นอาจารย์ยิ้มอย่างพอใจ
“…ถ้างั้นพวกผมขอตัวกลับนะครับ” หนุ่มร่างสูงผมทองว่าพลางโค้งให้กับอาจารย์พร้อมกับเพื่อนๆ
ก่อนจะเดินพ้นกันไปอาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงที่นึกขึ้นได้
“เออนี่...อิชิดะคุง วาเลนไทน์ปีนี้ก็ขอแรงอีกนะ”
หนุ่มเจ้าของชื่อหันมายิ้ม พยักหน้าแทนคำตอบ
.
.
.
.
.
ทั้งกลุ่มออกมาทางประตูด้านหลังของห้องซ้อม
ร่ำลากันพอเป็นพิธีแล้วแยกย้าย
ตัดไปที่เด็กร่างสูงนักร้องประจำวงในชุดนักเรียนที่ไม่ได้ถูกระเบียบนัก
เชิ้ตขาวปลดกระดุมบนทับด้วยเสื้อนอกสีเขียว สีประจำโรงเรียนโอไดบะ สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องไปที่ใดเป็นพิเศษ
เขาเดินกลับบ้านในเส้นทางที่ใช้เป็นประจำวัน แต่อีกสิ่งที่เป็นประจำคือระหว่างทางเด็กหนุ่มมักตรงเป็นเป้าสายตา
แน่นอนว่าเจ้าตัวเฉยชาจนเรียกได้ว่าไร้ความรู้สึกเลยล่ะ กับสายตานับสิบคู่จากสาวๆเขายังคงเดินเตร่ไปเรื่อยจนหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะเขามองมันสักครู่ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งชิงช้า
เขานั่งนิ่งรองเท้าหนังดำเหยียบติดพื้นดิน
สักพักลมยามเย็นตบกระทบกับผิวหน้า ดวงตาปิดลงอย่างช้าๆ
หลายอาทิตย์มานี่เขาต้องซ้อมดนตรีจนหนัก
แถมยังต้องทำให้ดีควบคู่กับเรื่องเรียน
โอเคมันไม่แย่
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหนื่อยใช้ได้เลยล่ะ
เด็กหนุ่มยกมือแล้วใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือและชี้กึงแถวหว่างหัวคิ้วทั้งสอง
รู้สึกปวดหนึบเล็กน้อย “เฮ้อ~…” พ่นลมยาวออกมาก่อนก้มหน้า ..
พร้อมกับที่รองเท้าผ้าใบกีฬามาหยุดตรงหน้า
เขารู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเงย
และยังรู้อีกด้วยว่าเป็นใคร
“ถอนหายใจเป็นคนแก่เลยยามาโตะ” เจ้าของรองเท้าผ้าใบเอ่ยอย่างอารมณ์เหย้าแหย่
หากแต่เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“พูดมากน่า ไทจิ”
อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะอาการข้างต้น เขาอาจเลือกใช้คำที่ดี และน้ำเสียงดีกว่านี้
“อะไรกัน
เหนื่อยกับงานซ้อมดนตรีเหรอ?”ไทจิถามต่อไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับน้ำเสียง
หรือท่าทางหงุดหงิดของยามาโตะ ก็เพราะเป็นเพื่อนกันนั้นแหละนะ ..ทำเอานึกระอาในใจ ยามาโตะตอบโดยพยักหน้านิดหน่อย “ไม่ไหวเลยนะ
นายจะทุ่มเทอะไรฉันก็ไม่ว่าหรอก แต่น่าจะดูแลตัวเองด้วย นายทำได้ดีในเรื่องกิจกรรม
การเรียน ยกเว้นเรื่องตัวเอง”
ยามาโตะปล่อยให้ไทจิร่ายยาวราวกับอีกฝ่ายเป็นแม่(??)เขา
“งั้นทำไมนายไม่มาดูแลฉันเลยล่ะ”
นึกถามอย่างติดตลก
แต่อีกฝ่ายก็สวนในทันที
“เรื่องสิ” นั้นทำให้ยามาโตะเบ้ปาก ส่วนไทจิก็หัวเราะท่าทีนั้น
“...แล้วทำไมไม่เห็นโผล่ไปที่ห้องซ้อมฉันบ้างเลย”
ยามาโตะว่าน้ำเสียงน้อยใจใส่เพื่อนคนสนิท
พวงด้วยอาการกระเหง้ากระงอน(??)กอดอก
“ไปทำบ้าอะไรล่ะ
เสียงพวกผู้หญิงกรี๊ดกร๊าด หนวกหูออก...จริงฉันก็อยากไปนะ แต่ว่า...ช่วงนี้ฉันเองก็ยุ่งกับการเตรียมงานของห้องด้วย
เลยไม่มีเวลา” ไทจิพูดเร็วๆพลางยกมือเกาตรงกกหู
“งานห้องเหรอ?...ห้องนายทำอะไร”
ใช่.. ในวาเลนไทน์ทุกปีของโรงเรียนมัธยมโอไดบะ (จริงๆไม่ใช่แค่เทศกาลหรอก
มันแล้วแต่ผอ.จะนึกครึ้มอยากจัดมากกว่า)
จะให้เด็กนักเรียนในแต่ละห้อง ตั้งแต่ชั้นปี 1
ของระดับมัธยมปลายออกร้าน ซึ่งใช้ห้องเรียนของตัวเองนั้นล่ะ
ส่วนในระดับชั้นมัธยมต้นจะให้จัดเป็นบูธเล็กๆ
ที่ตั้งแถวหน้าทางเข้าโรงเรียนของโรงเรียน แน่นอนว่างานนี้
ปล่อยให้คนนอกได้สามารถเข้ามาร่วมในงานได้อีกด้วย
ถือว่าเป็นการหารายได้ให้โรงเรียนและเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียนให้กับเด็กๆ
เรื่องรักษาความปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วง พลันพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ..
“Coffee Shop น่ะ พรุ่งนี้คงเริ่มจัดของ แต่บ้าชะมัด ยัยโซระ ดันให้ฉันเป็นเด็กเสริฟ
น่ะสิ”ไทจิว่าเสียงบ่น...
“ ทำไมกัน แค่เด็กเสริฟ”
ยามาโตะเลิกคิ้วมองสงสัย
เมื่อเพื่อนของเขามีสีหน้ายุ่งยากราวกับว่ามันเป็นงานยากระดับท็อปคลาส
“ถ้าเด็กเสริฟ
ธรรมดาๆก็ดีสิ”คราวหน้านี้หน้าของไทจิเหยเก
นักร้องหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างนึกสนุก
“งั้นถึงวันงานฉันจะไปดูที่ห้องนาย”แล้วลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง
“เอ๊ะ...ไม่ต้องมาเลยนะ
ยามาโตะ ในวันงานน่ะ นายยุ่งไม่ใช่เหรอ?”ไทจิรีบร้องปราม...
“ยิ่งนายห้ามฉันยิ่งรู้สึกว่าต้องไปดูให้ได้”ยามาโตะว่าพลางยิ้มกริ่ม
“ก็บอกว่าไม่ต้องไปไงเล๊า”ไทจิร้องห้ามอีกครั้ง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เขากำลังรู้สึกอับอาย
และเขารู้สึกว่ามันจะยิ่งน่าอายมากขึ้นแน่ๆหากยามาโตะมาเห็นเข้า
...ยัยโซระ
ฉันแค่หลับนิดเดียวทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้...ไทจินึกกล่าวโทษโซระ
เพื่อนสาวคนสนิทของเขาอีกคนนอกจากเด็กหนุ่มผมทองตรงหน้า
ทั้งที่ตัวเองดันหลับ
ตอนทั้งห้องประชุมกัน
ขณะที่ไทจิกำลังภวังค์กับความคิดตัวเอง
เสียงตอบเรียบๆก็แว่วมา “เรื่องสิ...”
เอาคืนเรอะ?! ไทจิถลึงตาใส่แทบจะทันทีแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“..................................”กวนประสาท...ยังคงคิดต่อด้วยความที่ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใด
มาห้ามคนหัวดื้อตรงหน้า พร้อมส่งสายตาที่บ่งบอกความไม่พอใจไปให้
“เอาน่า...ฉันก็อยากไปดูนายเองนะ
ไทจิ”ยามาโตะว่ายิ้มแล้วเขาก็อยากรู้ด้วยว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงมีท่าทีแบบนั้น
“คิ้วนายจะผูกโบว์ได้แล้ว” ว่าต่ออย่างติดตลก
ไทจิหยุดชะงักไปชั่วครูกลายเป็นว่าตอนนี้เขาเป็นฝ่ายอารมณ์เสียซะเอง
แต่นั้นล่ะ ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยหม่นลงเล็กน้อย ผ่อนคลายหน้ายุ่งของตัวเอง...ยามาโตะอยากมาดู
แต่เราไม่อยากให้มานิ...
“แต่ฉันไม่อยากให้นายมาเลย”
ไทจิว่าก้มหน้า...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงไม่อยากให้เห็นเสียขนาดนั้น
อันที่จริงความรู้สึกที่เริ่มเรียกว่าอายเนี่ย ทำไมมันถึงเกิดขึ้นมากันนะ
เขาก็แค่อายที่จะต้องถูกหัวเราะเยาะ
และล้อจากเพื่อนผมทองคนนี้ใช่รึเปล่า...
“นายต้องหัวเราะฉันแน่ๆ”
“ไม่หรอกน่า”
“……….”
“ทำไมนายถึงได้ไม่อยากให้ฉันไปดูขนาดนั้นกันนะ”
นั้นฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน…
ไทจิคิดในใจแต่ก็ไปเพียงแค่
“ไม่รู้สิ...”
ยามาโตะเห็นท่าทางของไทจิเป็นแบบนั้น
เขาอดคิดในใจอย่างเสียไม่ได้...คนที่ท่าทางดูเป็นผู้นำอย่างหมอนี่ ทุกครั้ง ทำไมจู่ๆในตอนนี้กับมีท่าทางแบบนี้กันนะ...
อาการประหม่าแถมเหมือนจะเห็นริ้วเส้นแดงเล็กๆที่แก้มด้วย
มันเป็นเวลานานทีเดียวที่ทั้งคู่คุยกันและยืนตรงกันข้าม
เสียงลมพลิ้วไหวพัดผ่าน
ไทจิเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบทสนทนาของพวกเขานั้นเงียบหาย
เป็นจังหวะเดียวกับที่นัยน์ตาสีน้ำตาล คู่สวยของตนสบเข้าอย่างบังเอิญกับนัยน์ตาสีฟ้าประกายสวยอันเป็นสัญญาลักษณ์ของคนเป็นลูกครึ่ง
ใบหน้าของคนตรงกันข้ามทั้งสองกำลังสะท้อนกันไปมา ต่างจ้องกันอย่างไม่ว่าง เหมือนดั่งไม่เคยมองกันด้วยสายตาแบบนี้
[ อาจจะเป็นเพราะหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งเราทั้งไทจิต่างปฏิบัติตัวกันเป็นเพื่อนมาตลอด
ในตอนนี้พอจู่ๆหมอนั้นเริ่มแสดงท่าทีแบบแปลกๆให้เห็น
ทำให้รู้สึกว่าแปลกตาดีแค่คิดก็เริ่มรู้สึกว่าสนุก รู้สึกอยากเห็นให้มากกว่านี้
อา..ผมกำลังรู้สึกแปลกๆขึ้นมาซะแล้วล่ะ : yamato]
[ อาการอาย…
อาจจะเป็นตั้งแต่ช่วงที่เริ่มเข้าม.ปลายด้วยกันล่ะมั้ง ถึงจะรู้ว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันมาตลอด
แต่ไม่ค่อยได้เจอนักหรอก เพราะทั้งเราทั้งยามาโตะต่างก็เป็นเด็กกิจกรรมทั้งคู่
ที่จริงในวันนี้ก็ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเจอ
เพราะไม่ค่อยเจอความอายมันก็เลยเกิด
เหมือนกับตอนพิ่งเจอกันใหม่ๆ : Taichi]
“นี่...ไทจิ”ยามาโตะเริ่มเปิดบทสนทนาจากที่เงียบกันหลายนาที
“มีอะไร
ฮ่ะ...เฮ้ย! ยามาโตะ”ไทจิร้องเสียงหลงที่จู่ๆ ยามาโตะก็รวบตัวเขากอด
ยังไม่พอเอาศีรษะของตนมาเกยไปกับไหล่ของเขาอีกต่างหาก “จู่ๆทำอะไรเนี่ย”
“กอดไง”ว่าเสียงเรียบ
แต่กระตุ้นอารมณ์คนถูกกอดได้ดี
“นั้นฉันรู้.. แต่หมายถึงทำไมนายถึงกอดฉัน”พูดเองก็อดจะหน้าร้อนขึ้นมาอีกไม่ได้
“ตอนนี้ฉันเหนื่อยนะ...ช่วยอยู่นิ่งๆสักพัก”ยามาโตะว่าเสียงเอาแต่ใจ “เมื่อก่อนยังกอดกันบ่อยๆเลย”
“เมื่อก่อนของนายมันตอนเราประถม”ไทจิสวน ไม่ใช่ตอนที่นายสูงนำฉันไปแล้วแบบนี้..อันนี้นึกในใจ
“เงียบน่า”กระชับกอดแนบแน่นขึ้นอีก
“นายเอาแต่ใจขึ้นนะ”
“นายก็ขี้บ่นขึ้นเหมือนกันแหละ”
“ฮึ่ม..”
“ลูบหัวฉันด้วย”
ไอ่นี่….
“เร็วๆ” ยังมีหน้ามาเร่งอีก
“อ่ะ...เอ่อ
ก็ได้ๆ”ไทจิว่าอย่างจำยอม มันใช่เรื่องมั้ยเนี๊ยแถมนี่ที่สาธารณะ
ไทจิยกมือขึ้นมาอย่างเก้งก้างหน้าก็ขึ้นสีน้อยๆ ไม่รู้ว่าเขินอะไรแน่ ก่อนจะวางมือลงไปที่กลุ่มผมสีทองที่คลอเคลียให้จั๊กจี้คอ
อา..ผมของเขานุ่มมากเลย แล้วเริ่มลูบมันอย่างเพลินมือ
ยามาโตะอาศัยช่วงระยะใกล้นั้น
เริ่มพูดบางอย่าง
“วาเลนไทน์ปีนี้
ฉันจะไปดูนาย”แล้วทำไมต้องกระซิบกดเสียงต่ำขนาดนั้นหืมมมมม //////// ..กรีดร้องถามในใจ
“นี่นายยังไม่เลิกคิดอีก...ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องน่ะ”ไทจิห้ามอีกครั้งและรู้สึกแปลกๆถ้าตัวเองอยู่นานกว่านี้ “ฉันว่าพอได้แล้วล่ะ นายเหนื่อยก็ไปนอนที่บ้านดีกว่า สบายกว่าเยอะ”
“ไม่หรอก ไทจิ...แบบนี้น่ะทั้งสบายกายแล้วก็สบายใจออก”ยามาโตะพูดสบายๆถูหัวกับลาดไหล่ แต่นั้นกลับทำให้หัวใจของอีกฝ่ายเต้นผิดจังหวะ
ใบหน้าขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจน “หื้อ..เหมือนเสียงหัวใจนายเต้นผิดปกตินะ”
“...............อึก..............”
อึดอัดชะมัด...ไทจิคิดขณะที่ยามาโตะเริ่มขยับ แล้วแนบศีรษะของตนลงมาฟังเสียงหัวใจของเขา
หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นซะระรัวเลย
…เขาจะทำไงดี
“เต้นหนักกว่าเก่าอีกนะ
เป็นอะไรหรือเปล่า...”เออรู้…
ถอยไปเส่ะ //// เหมือนเพื่อนผมทองจะรับรู้เขาถอยออกไป
ไทจิอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก “เฮ้อ...” ฉับพลันก็ช็อกอีกระรอกเมื่อคนตรงหน้าเอาหน้าผากมาชนกับของตน...
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างและยืนค้างเติ่งอยู่แบบนั้น
ชักเข้าใจความรู้สึกเวลาช็อกจนหัวใจหยุดเต้นแล้วสิ...
”อืม...ตัวก็ไม่ร้อน
แต่แปลกโน้ะ..” เว้นวรรคพูด ทั้งยังเบนสายตาลงมาสบตา “หน้านายแดงมากเลย” แล้วยังมาทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ใส่อีก
ก็เพราะนายนั้นแหละเฟ้ย...คนเสียเปรียบคิดพลางอยากตะโกนใส่หน้า
แต่ปากก็พูดแค่
“น...นายรู้สึกไปเองต่างหาก”ไทจิตอบด้วยเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่น พลางหลบสายตาที่จ้องเขา
“หืมม หรออ...”ยามาโตะลากเสียงยาวยียวนเหมือนไม่เชื่อ ก่อนจะยกยิ้มเล็กๆ
หมอนี่มันจงใจแน่ๆ.. ไทจิคิดแล้วขบเคี้ยวฟันกรอด ต่อยหน้าสักเปรี้ยงได้ไหม
ไม่ได้สิหน้าหมอนี่ต้องใช้งาน ใช่..ที่ท้องไง ระยะประชิดงี้ไม่พลาดชัวร์…หึหึ ยังไม่ทันที่จะทำให้ความต้องการเป็นจริง
คล้ายเด็กหนุ่มทองเองจะล่วงรู้ความนัยจากรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมาเพราะเจ้าตัวถอยออกไปก้าวนึง
หรือหน้าเขาแสดงออกชัดว่ามีแผนในใจ?
=
^=
“เอาล่ะ...เรากลับบ้านกันเถอะ”ยามาโตะพูดต่อ คว้ามือของไทจิมาจับ
อีกฝ่ายก็ยังไม่ทันตั้งตัว
ตอบกลับอย่างมึนงง “กลับบ้าน?...บ้านใคร”
“บ้านนายไง
หรือจะไปบ้านฉันดี”
“ตลก..พรุ่งนี้ฉันซ้อมเช้า.. แล้วนายจะไปไหนล่ะ”ไทจิถาม ขณะที่ยามาโตะเริ่มก้าวเท้าเดินนำ
“ส่งนาย...นี่นายโดนลูกบอลที่ชมรมอัดหัวมารึไง
สมองส่วนโต้ตอบชำรุด?”
“หยาบคาย! ฉันเป็นถึง(ว่าที่)กัปตันของทีมจะโดนได้ไง”ว่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจสุดๆ
ไม่แพ้หน้าตา
“อ้อหรอคุณกัปตันคนเก่ง”นักร้องหนุ่มว่าเสียงยียวน
“นายประชดฉัน”(ว่าที่)กัปตันรีบสวนทันควัน
“ฉันเปล่า~ร้อนตัวนะ”
“ฮึ่ย”
อะไรของยามาโตะกันนะ
ตะกี้ยังทำตัวโรแมนติก(?)อยู่เลย แล้วจู่ๆก็กลับมาชวนทะเลาะ ยียวนกวนบาทา(??)
แถมยังแอบกัดเขาอีก
แม้จะเถียงกันอย่างงั้นแต่มือที่จับกันอยู่ก็ไม่ได้ปล่อยออกจากกัน
หรือสะบัดออก
แล้วระหว่างทางกลับบ้านก็ไม่มีเสียงของการพูดสนทนาใดใดต่อจากนั้น...เขารู้สึกสนุกดีเหมือนได้กลับไปเป็นสมัยเด็ก
จนกว่าจะนึกได้ว่าทำไมผู้ชายด้วยกันที่อายุอยู่ม.ปลายแล้วถึงต้องมาเดินจับมือกันแบบนี้ได้...ก็เดินมากลางทางแล้วครั้นจะบอกให้ปล่อยก็กระไร..
ไทจิคิดพลางสลด
แต่..
สัมผัสจากฝ่ามือของยามาโตะนั้นอบอุ่นมากเลย
มันส่งความอบอุ่นไปถึงหัวใจของเขา.. และไทจิอมยิ้มไปตลอดทาง
.
.
.
.
.
YAGAMI home
เมื่อมาถึงที่หมาย
ไทจิและยามาโตะหยุดยืนกันอยู่หน้ารั้วของบ้านกั้นระหว่างทั้งสอง ซึ่งมันคงเป็นอะไรที่แปลกตาอยู่สำหรับผู้พบเห็น
ยิ่งเวลาทุ่มหน่อยๆแบบนี้แล้วด้วย เพื่อนชายสองคนที่มาส่งกัน ราวกับแฟนหนุ่มที่มาส่งแฟนสาวที่บ้าน
“งั้นฉันไปนะ”ยามาโตะกล่าวลา
“อืม...”ไทจิรับพลางมองแผ่นหลังของยามาโตะที่กำลังจะเดินหันไป “เดี๋ยว!”
“มีอะไร...”ยามาโตะรู้สึกตกใจทีเดียวที่โดนเรียก
แต่คงท่าทีไว้ แล้วหันกลับมาตามเสียงเรียก
“ขะ...ขอบใจเรื่องที่มาส่งนะ”บ้าจริงทำไมเขาต้องมารู้สึกเขินเพื่อนตัวเองอีกแล้วนะ …เพราะไทจิว่าเสียงเบา
ทำให้อีกฝ่ายที่พยายามจะฟังต้องบอกให้พูดอีกรอบพลางเดินเข้ามาใกล้
“นายว่าอะไรนะ”
“ขอบคุณที่มาส่ง...นะ”ไทจิว่าอย่างเขินๆบนใบหน้าปรากฏริ้วแดงขึ้น ท่าทางของคนตรงหน้าเรียกยิ้มให้กับยามาโตะได้เป็นอย่างดี
นักร้องหนุ่มผมทองกระดิกนิ้วเป็นเชิงเรียก
คุณว่าที่กัปตันทีมคนเก่งทำหน้าเอ๋อ(?)
แต่ก็เดินไปหาอย่างว่าง่าย
“ไม่เป็นไร แต่ว่า...ค่าตอบแทนน่ะ…”ยามาโตะหยุดเว้นวรรค
โชคดีที่รั้วอยู่ต่ำกว่าพวกเขาไปในระดับที่พอดี จึงไม่เป็นการยากนักที่จะดึงใบหน้าของไทจิมาขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่
โอ๊ะ ไม่ใช่สิ ค่าตอบแทนต่างหาก “ฉันชอบแบบนี้”
ยิ้มหวานที่หวานไปถึงดวงตา “ไปนะ ราตรีสวัสดิ์ไทจิ”
หันหลังเดินโบกมือ ไกลไปจนลับสายตา
“ราตรีสวัสดิ์...ยามา...โตะ”ไทจิตอบเสียงขาด โดยไม่หวังให้อีกฝ่ายได้ยิน
พอตั้งสติได้เขาก็รีบวิ่งเข้าบ้านตัวเองอย่างรวดเร็ว
ปึง!
เสียงประตูที่ปิดเข้ามาอย่างดังทำให้น้องสาว
ยางามิ ฮิคาริ (15) ต้องวิ่งมาดูอาการประตูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
แล้วพี่ชายของเธอทำอะไรมัน
“พี่ค่ะ...กลับมาแล้วหรอ
แล้วทำอะไรประตูน่ะ”ฮิคาริถามขึ้นพลางมองพี่ชายที่ตอนนี้ทรุดลงหลังพิงอยู่ที่หน้าประตู
“พี่หน้าแดงด้วย”
“อ่ะ! ไม่ได้เป็นอะไรหรอก(คิดว่านะ)”ไทจิตอบทั้งที่ใจยังเต้นระทึก
เขาก้มหน้าลงพยายามซ่อนใบหน้าที่ถูกแซว
“ไหนๆ”ฮิคาริว่าแล้วเดินมาหาไทจิ เธอจับใบหน้าของพี่ชายตัวเองเงยขึ้นด้วยสองมือประคอง
แล้ววางหน้าผากตนทาบกับหน้าผากพี่ชาย
ไทจิผงะเล็กน้อยที่ฮิคาริทำเหมือนกับยามาโตะแต่ในความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน แน่ล่ะก็นี่น้องสาวของเขานี่นา
“ตัวก็ไม่ร้อน...คงจะเหนื่อยสินะคะ”
“ไม่เหมือนกัน...”ไทจิว่าเสียงเบา
“เอ๊ะ...พี่ว่าอะไรนะคะ”ฮิคาริทวน
“ปะ...เปล่า พ่อกับแม่ล่ะ”ไทจิตอบพลางเฉไฉไปเรื่องอื่น
“อยู่ข้างในนั้นแหละค่ะ...ว่าแต่...พี่คะ”ฮิคาริเรียกพี่ของเธออีกรอบ
“หืมม...อะไรเหรอ
ฮิคาริ”ไทจิเอียงคอถามน้องขณะที่ตนถอดร้องเท้าผ้าใบ พอถอดเสร็จก็มองหน้าฮิคาริอีกครั้ง
ฮิคาริยิ้มให้อย่างมีเล่ห์นัย พลางเอามือวางบนไหล่ไทจิแล้วบีบเบาๆ
“เมื่อตะกี้...พี่โซระ
โทรมาบอกหนูว่า...พี่ได้รับเลือกให้เป็นเด็กเสริฟสินะคะ....”...ชักสังหรณ์ใจชอบกล...ไทจิคิดอย่างหวาดๆ
“ล...แล้วทำไมเหรอ ฮิคาริ”ไทจิภาวนาว่า
โซระคงไม่ได้บอกเรื่องที่นอกเหนือจากการที่เขาเป็นพนักงานเสริฟหรอกนะ
ซึ่งนั้นก็คือการที่เขาต้องแต่งหญิงคนเดียวในหมู่ผู้ชาย!!
“ฮิ...ฮิ”ฮิคาริหัวเราะมีเล่ห์นัยให้พี่ชายของเธอแน่นอนว่าแบบนี้มันต้องมีอะไร
ดูเหมือนสังหรณ์เขาจะแม่นสินะ...คราวเคราะห์มาเยือนแล้วสิเรา...”พี่โซระ เล่าทุกเรื่องให้ฟังหมดแล้ว เพราะงั้น พ่อคะ! แม่คะ! มาช่วยหนูจับพี่ไทจิหน่อย!!”ครั้นเสียงฮิคาริเรียกจบ คุณพ่อคุณแม่ที่แสนใจดีและเคารพรัก
ก็ยิ้มหน้าระรื่นมาหาไทจิพร้อมกับตรงเข้าล็อคจับแขนของเขาทันที
“จะทำอะไรพี่น่ะ
ฮิคาริจัง พ่อกับแม่ก็ด้วย”ไทจิที่เริ่มรู้สึกไม่ดีเรียกชื่อน้องสาวต่อท้ายด้วยสรรพนามอย่างน่ารักด้วยคำว่าจัง
ด้วยหวังอย่างยิ่งว่าจะได้หลุดพันธนาการนี้
“จะทำอะไร แกสิทำอะไร หนูโซระน่ะ
บอกพ่อว่า ‘คุณพ่อคะไทจิแอบหลับทั้งที่ห้องของเรากำลังประชุมค่ะ’
นี่แกไม่ให้ความร่วมมือกับห้อง
เพราะงั้นเลยได้รับให้ปฏิบัติหน้าที่พิเศษ ก็เลย...”พ่อว่า...หน้าที่พิเศษอะไรล่ะครับพ่อ…
ถ้าพ่อรู้ความจริงพ่ออาจไม่ให้ความร่วมมือขนาดนี้ก็ได้
นี่มันทำลายความมั่นใจในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่งเลยนะ
แต่นั้นแหละ เขาก็ไม่กล้าพูดเอง
“ก็เลย...ขอร้องให้พวกเราช่วยกันวัดตัวของลูกยังไงล่ะจ๊ะ
ไทจิ”คุณแม่เสริมต่อจนจบ...ม่าย นี่ยัยโซระ
มาบอกทั้งครอบครัวเลยเหรอ?...
“เพราะงั้นนะคะพี่…. ยอมให้วัดซะดีๆ”ฮิคาริว่าพลางหยิบสายวัดตัวยืดไปมาพร้อมกับยิ้มตรงหน้าไทจิ
“ตะ..แต่พี่เป็นผู้ชายนะ
เรื่องจะให้วัดตัวเนี่ยไม่ต้องก็ได้มั้ง แหะ แหะ”ไทจิตอบพลางยิ้มแห้ง
“ไม่!!!”คูณ 3 ไทจิหน้าซีด
สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้นกับการแต่งชุดนั่นจริงๆสินะ...บ้าที่สุด ยัยโซระ
พรุ่งนี้เธอเดี้ยงแน่!...โอ้ว ม่ายยยยยย....
ในคืนนั้นสุดท้ายการวัดตัวไทจิก็เริ่มขึ้น โดยที่ไทจิต้องยอมโดยดี
เพราะยังไงเสียเขาก็หนีไม่รอด แล้วนี่มันก็บ้านเขาเองจะหนีไปไหนได้ล่ะ พลางนึกเศร้าในใจที่ตัวเองไม่น่าหลับ
แต่อีกนัยหนึ่งก็ยังนึกกล่าวโทษโซระที่มาบอกเรื่องนี้กับครอบครัวอยู่ดี
แล้วสรุปพ่อรู้รึเปล่าว่าลูกชายคนเดียวของบ้านต้องแต่งหญิงน่ะ?!!!
… To be continue
& Coming soon...
สวัสดีค่ะ -////- ไม่ได้พบกันซะนานเลย (หัวเราะ)
ไม่รู้ควรจะทักทายอะไรดี ไม่รู้ยังเหลือรีดอยู่กี่ท่านด้วย
ต้องอภัยที่หายไป (หลายปี) นี่กลับมาแล้วค่ะ รับฟังคำติชมของทุกท่าน
ถ้าสนุก หรือมีความรู้สึกเช่นไร โปรด Comment ไว้
ปี2015 นี้..ไทจิและยามาโตะของเราเลเวลอัพความโหด(???)ความเกรียน
สกิลเนียนกันน่าดู (ฮา)
ไม่ค่อยมั่นใจเลยค่ะ เพราะไม่ได้แต่งนาน พอกลับมาอ่านตอนเก่าๆก็รู้สึกว่าน่าอายจังน้า
( ///// )
บทหลังๆยิ่งแล้วใหญ่ แต่ยังจะเข็นมาให้อ่านกัน เรา(??)
จะไปกันแบบเรื่อยๆ slow life
ขอบคุณที่กรุณาเข้ามาอ่าน และอ่านมาถึงตรงนี้
หากพบคำผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้
Sleep_love
ความคิดเห็น