การผจญภัยของคุณพริกสามใบเถา
เมื่อทุกสิ่งในโลกมีชีวิตตามแบบที่มันเป็น!!!!! ในแบบที่มนุษย์อย่างเราไม่เคยเห็น... พริกหวาน พริกหยวก พริกขี้หนูและหนูนา อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ลองเขามาดูสิคุณจะอึ่ง และทึ่ง!!
ผู้เข้าชมรวม
245
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
การผจญภัยของคุณพริกสามใบเถา
ในยามที่แสงจันทร์สาดส่องเข้ามายังห้องๆหนึ่ง มีเงาดำ 3 เงาไหววูบวาบ เงาทั้งสามนั้นกำลังนั่งล้อมวงคุยกันอยู่
“พี่หยวก พวกนั้นต้องกินเราแน่ๆเลย ทำไงดี” เสียงจากร่างเงาๆหนึ่งพูดกับร่างเงาที่สองซึ่งชื่อว่า ‘พริกหยวก’
“หนูนี่ก็ พี่จะรู้ไหมละ...” พริกหยวกตอบร่างเงาที่หนึ่งซึ่งชื่อว่า ‘พริกขี้หนู’
“เราหนีกันดีไหม พี่หวานคิดว่าไงค่ะ” พริกขี้หนูถามร่างเงาที่สามที่ชื่อว่า ‘พริกหวาน’
“แล้วแต่พี่หยวกเถอะจ้ะ หวานให้พี่ตัดสินใจ” พริกหวานพูดจบทั้งสองก็หันไปหาพริกหยวกรอการตัดสินใจ
“พี่ก็ว่าดีนะ เราไปกันเถอะ ก่อนที่พวกมนุษย์จะจับเรากิน” พริกหยวกพูดจบก็รีบพาน้องๆของตนหนีออกไปทางประตูเพื่อออกสู่โลกภายนอกที่พวกเขาไม่เคยย่างออกไปโดยไม่รู้ว่าพวกตนจะพบเจออะไรอีกบ้างในกาลข้างหน้า
เหล่าพริกทั้งสามหลังจากที่หนีออกมาแล้วพวกเขาก็ได้พบเจอแต่สิ่งที่ไม่เคยเห็น มันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างมากสำหรับพวกเขา พวกเขาเดินทางอย่างสนุกสนานตั้งแต่ออกมา แต่ตอนนี้พวกเขาเหนื่อยสุดโดยเฉพาะพริกหวานที่แทบจะเดินต่อไปไม่ไหว
“พี่หยวกพักสักนิดได้ไหมค่ะ หวานจะไม่ไหวแล้ว” พริกหวานร้องเรียกพี่ชายที่เดินนำหน้าไป
“อืม พักก่อนก็ได้จ้ะ นี่เราก็เดินมานานแล้ว” พริกหยวกพูดก่อนจะเดินมานั่งข้างพริกหวานโดยที่พริกขี้หนูเดินสำรวจรอบๆด้วยความซุกซน
หลังจากที่พริกขี้หนูสำรวจรอบข้างเสร็จ เธอก็เดินกลับมาหาพี่หยวกกับพี่หวานที่ตอนนี้กำลังนั่งพิงโคนต้นไม้ใหญ่อยู่
“พี่หวานๆ หายเหนื่อยหรือยังค่ะ หนูเบื่อแล้วนะ ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนุกเลย” พริกขี้หนูบอกอย่างเซ็งๆ
“เอ๊ะ เจ้าหนูนี่ ไม่เห็นหรือว่าหวานเขาเหนื่อยขนาดไหน ไม่ได้แข็งแรงเกินหญิงอย่างเจ้านะ” พริกหยวกพูดเหน็บพริกขี้หนู
“พี่หยวก!!! พี่หวานดูสิ พี่หยวกว่าน้องละ” พริกขี้หนูหันไปกอดพริกหวานที่นั่งอยู่อย่างออดอ้อน
“พี่หยวกค่ะ ทำไมว่าน้องหนูอย่างนี้ละ น้องหนูเขาแข็งแรงก็ดีแล้วนี่ค่ะ ขอโทษน้องหนูเดี๋ยวนี้เลยนะค่ะ” พริกหวานพูด
“ขอ...โทษ..ก็ได้” พริกหยวกพูดอย่างจำใจก่อนที่จะกัดฟันแน่นเมื่อเจ้าน้องตัวดีแลบลิ้นใส่อย่างเยาะเย้ย
“พี่หวานค่ะ พี่หยวกพูดไม่เห็นจริงใจเลย คนเขาต้องพูดอย่างจริงใจสิค่ะ ถึงจะเรียกว่าขอโทษนะ” พริกขี้หนูเมื่อได้ทีก็เอาใหญ่
“น้องหนูนี่ น้องก็เหมือนกันนะ เอาใหญ่เชียว ที่พี่ให้พี่หยวกขอโทษก็เพราะเขาพูดไม่ดีจริงๆนะ รู้ไหม” พริกขี้หนูพูดอย่างสั่งสอน แต่หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นการแลบลิ้นปลิ้นตาของพี่หยวกที่ทำใส่น้องหนูซึ่งเธอก็แสนจะเซ็งเช่นกัน
“ทีร่วมมือกันละก็ เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่พอแบบนี้แล้ว...เฮ้อ ไม่ไหวๆ” พริกหวานแอบบ่นเบาๆโดยไม่ให้สองพี่น้องได้ยิน
เหล่าพริกทั้งสามเมื่อพักได้ไม่นานนัก ทั้งสามก็ออกเดินทางอีกครั้ง สองข้างทางที่เดินผ่านเริ่มมืดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่าได้เวลาล่วงเข้าสู่ค่ำคืนแล้ว
พรึบ.....
พรึบ.....
เมื่อกลางคืนได้ย่างเข้ามา เสียงแปลกๆก็ดังขึ้นรอบตัวของเหล่าพริกสามใบเถา พริกหวานค่อยๆขยับไปอยู่ข้างหลังของพริกหยวก โดยที่ทั้งพริกหยวกและพริกขี้หนูค่อยๆขยับเข้าใกล้พริกหวานเพื่อเป็นกำบังให้สาวน้อยผู้ที่เป็นพี่และน้องของพวกเขา
“เสียงอะไรกันค่ะ พี่หยวก” พริกหวานถามพริกหยวกด้วยความกลัว
“ชู่.. เงียบก่อนนะ พริกหวาน” พริกหยวกพยายามเงี่ยหูฟังหาทิศทางที่เกิดเสียงเหล่านั้น แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอราวกับว่าเสียงนี้เกิดขึ้นรอบๆตัวของพวกเขา.... ก่อนที่พริกหยวกจะคิดอะไรมากกว่านี้ หมอกควันที่ไม่เคยมีก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่เหล่าพริกจะค่อยๆล้มลงและหมดสติไป
ฮูฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
“ก๊ากกกก ในที่สุดเราก็ได้ยาอายุวัฒนะมาแล้ว ยาที่ร่ำลือกันว่ากินแล้วจะทำให้คงกระพัน ฮ่าๆๆๆ”
เสียงที่น่ารังเกียจดังขึ้นปลุกเหล่าพริกทั้งสามให้ลืมตาตื่น สิ่งที่ปรากฏในสายตาอย่างแรกคือดวงตาสีแดงเรืองแสงอยู่รายรอบเต็มไปหมด สร้างความหวาดหวั่นแก่เหล่าพริกที่ถูกจับมัดไว้ที่เสาอย่างมาก
“น้องหนู น้องหวานเป็นอย่างไรบ้าง” พริกหยวกถามขึ้นด้วยเสียงอันเบาแต่...เสียงของเขาก็ยังดังพอที่จะทำให้ดวงตาสีแดงๆหลากหลายคู่หันมาจ้องพริกหยวกกันเป็นตาเดียว
“หึหึ ตื่นแล้วรึเจ้ายาน้อยๆของข้า” เสียงอันชั่วร้ายดังขึ้นก่อนที่จะมีเงาๆหนึ่งขยับเข้ามาใกล้จนกระทั่งสามารถเห็นหน้าตาได้ชัดเจน ท้งจมูกอันแหลมที่ยื่นออกมากับหนวดเส้นยาวๆที่อยู่ปลายจมูกอันเป็นลักษณะเฉพาะของมัน...ใช่แล้วมันคือ!! หนูนั่นเอง!!!!
“อะไรกัน!! แกจับพวกเรามาทำไม!!!” พริกขี้หนูพูดขึ้น
“อ้อ พวกเจ้าคงไม่รู้สินะ จะบอกให้เอาบุญก็ได้ พวกเราก็แค่จะกินพวกเจ้าเท่านั้น หึหึ ...ฮ่า ฮ่าๆๆๆ” เจ้าหนูตัวนั้นพูดก่อนจะหัวเราะขึ้นโดยมีพวกมันอีกหลายตัวร่วมหัวเราะผสมกันไปด้วย
“อ่า ลูกน้องที่น่ารักของข้าช่วยดูแลเจ้าตัวน้อยพวกนี้ด้วยนะ อีกสามวันเท่านั้น เราจะจัดงานเลี้ยงฉลองกินพวกมันกัน!!!” เจ้าหนูตัวนั้นตะโกนขึ้นมาก่อนที่เหล่าลูกน้องจะโห่ร้องด้วยความดีใจ
“จะทำยังไงกันดี อีกสามวันเท่านั้น” พริกหวานพูดด้วยความเศร้าใจโดยที่ตอนนี้มีเพียงพวกเธอเท่านั้นเพราะหนูพวกนั้นได้ออกไปกันหมดแล้ว
“ต้องหนีสิ...แต่ว่าเราจะออกไปยังไงละ” พริกหยวกพูดด้วยความจนใจ
แกร๊กๆ เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นที่หน้าประตู
แอ๊ดดดด
ประตูที่เคยปิดได้ถูกเปิดขึ้นท่ามกลางความตกใจของพวกพริก ข้างหลังประตูที่เปิดนั้นปรากฏหนูตัวหนึ่งขึ้นแต่นั่นคงไม่สร้างความยินดีให้แน่ ถ้าหนูตัวนั้นเป็นหนูบ้านที่พวกพริกทั้งสามเคยเจอในบ้านมนุษย์
“เฮล!!”พริกทั้งสามประสานเสียงเรียกหนูเพศชายที่พวกเขารู้จักและหลงใหลในชีวิตอันอิสระของเขา...ใช่ เขาเป็นคนที่มีอิสรเสรีอย่างมาก เป็นคนที่คอยท่องเที่ยวไปตามที่ต่างอย่างที่ใจต้องการ เป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนของพวกเขา
“โอ๊ะ ไงจ๊ะ เพื่อนรักบอกสิทำยังไงถึงมาอยู่นี่” เฮลค่อยๆเดินมาด้วยท่าทางที่น่าถีบเป็นอย่างมากสำหรับพริกหยวกกับพริกขี้หนู แต่สำหรับพริกหวานนั้นเธอรู้สึกราวกับวีรบุรุษผู้ช่วยชีวิต
“เฮอะ ไม่เห็นหน้ามานานยังเหมือนเดิมนะ” พริกหยวกพูดขณะที่เฮลช่วยแกะเชือกที่มัดไว้ให้
“อ่าหะ แต่ช่วยบอกหน่อยสิ หนีออกมาทำไมกัน”เฮลถามอีกรอบ
“ก็พวกมนุษย์จะจับเรากินนะสิ เราก็เลยหนีออกมา” พริกหวานตอบ
“ไม่น่าเลยนะ ทั้งๆที่นั่นปลอดภัยที่สุด”
“แล้วจะให้เราโดนกินหรอ”
“ไม่รู้สิ ต้องถามพวกเธอต่างหาก พริกอื่นๆที่ผมรู้จักนะ มีหลายคนที่ยอมให้มนุษย์กิน พวกเขาบอกว่าการเกิดมาแล้วมีประโยชน์ย่อมดีกว่ามีชีวิตและอยู่ไปวันๆเท่านั้น และมีอีกหลายคนที่เลือกหนีไปแต่ก็นะ...ชีวิตเรามันไม่ยืนอยู่แล้ว” เมื่อเฮลพูดจบเขาก็แกะเชือกเสร็จพอดี
“หรือค่ะ” พริกหวานพูดด้วยสีหน้าสลดลง มันก็จริงพวกมนุษย์เลี้ยงเรามาก็สมควรทดแทนบุญคุณไม่สมควรอกตัญญู อีกทั้งเราเป็นพริก..เขาบอกกันว่าพริกมีประโยชน์หลากหลายอย่างทั้งลดอาการบาดเจ็บ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างสุขภาพต่างๆนานา
“งั้นเราก็สมควรกลับไปใช่ไหมค่ะ คุณเฮล” พริกหวานพูดโดยที่สองศรีพี่น้องที่คิดตามด้วยต่างก็พยักหน้า
“แล้วแต่สิจ๊ะ” เฮลพูด “เอาละ เราออกจากที่นี่กันเถอะ”
หวอๆๆๆ
“หายไปแล้วๆๆ ตามหาเร็วเข้า”
“เร็วๆ เจอแล้วมันอยู่ทางนูน”
แฮกๆๆ....
“หวานวิ่งไม่ไหวแล้วค่ะ พวกพี่กับน้องหนูไปกันก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหวานตามไป” พริกหวานพูดเมื่อเธอเริ่มวิ่งไม่ไหว
“ไม่ได้นะ ไปไหนไปกันสิหวาน” พริกหยวกพูด
“ใช่ๆ” พริกขี้หนูเสริมพร้อมกับการพยักหน้าของเฮล
“เร็วเข้า!!!”
หึหึ....ฮ่าๆๆๆๆๆ
“ในที่สุดพวกเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น” เจ้าหนูตัวร้ายพูด “โอ้ แล้วนี่อะไร หนูบ้านรึ เหตุใดถึงไปช่วยเจ้าพริกทั้งสามนี่เล่า”
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า!!!” เฮลตวาดใส่ ขณะที่พวกเขาถูกล้อมไว้ด้วยกองทัพหนูโดยที่ข้างหลังเป็นแม่น้ำสายใหญ่
“งั้นก็ไม่เป็นไร เอาละ ลูกน้องข้าจับพวกมันเร็ว!!!” เจ้าหนูตะโกนสั่งลูกน้อง
“รีบโดดลงน้ำเร็ว!!!” เฮลสั่งพริกทั้งสาม
“แต่ว่า....”
“ไม่มีแต่!! เร็ว!! กระโดดแล้วเกาะขอนไม้ไว้”
ตูม ตูมตูม!!!!!
พริกทั้งสามกระโดดลงน้ำแล้วรีบว่ายไปเกาะที่ขอนไม้ใหญ่ที่ลอยมาตามน้ำ แต่ทว่า....
“เฮล!!!!!!!!!!!!!!!” พริกหวานตะโกนเรียกผู้ที่ยังยืนบนฝั่งโดยหันหน้าประจันกับเหล่าหนูที่วิ่งเข้าหาด้วยอาวุธครบมือ
เฮลคอยสกัดกั้นไม่ให้หนูพวกนี้ตามพวกพริกได้ จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าไม่สามารถตามได้ เขาจึงกระโจนลงน้ำและว่ายไปหาท่อนไม้ที่ลอยออกไปไกลมาก ซึ่งโชคดีของเขาที่ออกท่องโลกกว้างจนสามารถว่ายน้ำได้ผิดกับหนูพวกนั้น..
ขณะที่ดีใจอยู่นั่นเอง บางอย่างก็แหวกอากาศมาปักเข้าที่กลางหลังเขาอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนเขาไม่สามารถว่ายน้ำได้และเกือบจะจมน้ำถ้าไม่เพราะเขาถูกน้ำพัดเข้าหาขอนไม้ที่สามพี่น้องเกาะอยู่และช่วยเขาไว้ได้
ส่วนพวกหนูพวกนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยิ่งธนูซึ่งไปโดนหลังเฮลแล้ว พวกมันก็ไม่สามารถว่ายน้ำได้จนต้องไปพริกทั้งสามไปอย่างเสียดาย
“เฮลๆๆ” พริกหวานร้องเรียกเฮลอย่างใจไม่ดี เมื่อพวกเธอลอยมาจนกระทั่งขึ้นบกได้และรากเฮลขึ้นฝั่งมาโดยที่อาการของเฮลนั้นสาหัสอย่างมาก เพราะเสียเลือดไปเป็นเวลานาน
“หวะ...หวาน” เฮลพูดด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เฮล เป็นยังไงบ้าง” หวานพูดด้วยอาการที่สั้นสะท้าน เมื่อคิดว่าเขาจะต้องตาย
“มะ...ไม่เป็นไรหรอก ผะ..ผมหนังเหนียวจะตาย” เฮลพูดพร้อมทั้งปรือตาขึ้นมามองพริกทั้งสามที่นั่งล้อมรอบเข้าไว้
“อย่าพูดเล่นสิ” หวานกล่าวเสียงสั่นก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลลงมา
“เด็กน้อย...แฮก.. ยะ..อย่าร้องสิ พี่รู้ว่า..ตะ..ต้องตายแน่ๆ...มะ.. ไม่มีทางที่รอด...ระ.หรอก แต่อย่างน้อยยะ..ยิ้มให้พี่..สะ...สักหน่อยก่อนตายได้ไหม...” เฮลพูดยิ้มๆทั้งที่เขาใกล้จะตายแล้ว แต่ทำยังไงได้เมื่อเด็กน้อยที่เขาดูแลมาตลอดร้องไห้ถึงขนาดนี้....เด็กน้อยที่พบเจอโดยบังเอิญขณะที่แอบเขาบ้านของมนุษย์ เด็กน้อยที่เขาชอบแต่แรกเห็น เด็กน้อยตาสีเขียวสดใส ผมหลากสีที่ผสมไปด้วยส้มแดงเหลืองซึ่งผสมกันอย่างลงตัวโดยที่เขาไม่เคยพบมาก่อน เด็กน้อยที่เข้ามาทักเขาเพราะไม่เคยเจออะไรที่มีลักษณะแบบเขา เด็กน้อยแสนน่ารักของเขา....ใช่ ของเขา
แม้จะเป็นความรักที่ไม่มีวันสมหวัง รักที่ผิดเผ่าผิดพันธ์ รักที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เมื่อเขารักแล้วจะให้เขาทำยังไงละ ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่มีวันรักเขาก็ตาม
“เฮล หวานไม่อยากให้เฮลตายนี่ หวะ หวานรักเฮลนะ หวานไม่อยากให้เฮลตาย” หวานพูดด้วยน้ำตานองหน้าก่อนที่จะก้มลงกอดเฮลแน่น
...ให้ตายสิ มันไม่น่าเป็นไปได้นี่ แต่ก็เป็นไปแล้ว พระเจ้า เขาขอบคุณจริงๆ ขอบคุณอย่างมากที่เด็กน้อยคนนี้รักเขาทั้งที่เขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับเธอ...
“พะ...พี่ก็รักเธอนะหวาน พี่รักเธอ ตั้งแต่แรกเห็น” เฮลตอบก่อนที่จะโอบกอดหญิงคนรักไว้แม้จะเป็นนาทีสุดท้ายที่เขาได้รู้ใจกันแต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าพวกเขาใจตรงกัน ดีกว่าเก็บเอาไว้จริงๆ
“งะ...งั้นยิ้มให้พี่หน่อย...นะ ครั้ง...สะ..สุดท้ายแล้วละ..ยะ..อย่างน้อยพี่ก็จะเก็บยิ้มของเธอ..ปะ..ไปด้วย” เฮลพูด โดยที่พริกหวานก็ยอมมอบยิ้มที่สวยงามที่สุดในชีวิตให้เขาไป ก่อนที่เฮลจะค่อยๆหลับตาและจากไปตลอดกาล
“หวาน” พริกหยวกเรียก
“ค่ะ เขาไปแล้วละพี่ เขาไปแล้วบนฟ้านั้น” หวานพูดก่อนจะชี้ไปยังฟากฟ้า ที่ๆชายคนรักของเธอไป ชายที่เธอหลงรักตั้งแต่แรกเห็น สัตว์รูปร่างแปลกตาที่เธอพบในสมัยยังเด็ก แต่เธอก็รู้สึกว่าเขาช่างเท่ห์เหลือเกิน ใบหน้าที่ออกคล้ำหน่อยๆ เส้นผมสีน้ำตาลกับตาสีดำแวววาว มีหูที่ยาวแหลมและเขาก็ใส่ชุดคาวบอย สำหรับมนุษย์อาจจะเห็นเราเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง แต่อย่างเราๆแล้ว เราจะเห็นเป็นรูปกายที่คล้ายมนุษย์แต่ก็ไม่คล้ายไปเสียหมด เราจะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์หรือรูปร่างที่มนุษย์เห็นนั้นแล้วแต่จิตของสิ่งๆนั้นเพราะเรามองคือเรามองที่จิตใจยิ่งสวยยิ่งงามเท่าไหรจิตใจก็งามตามนั้น หมายความว่าเราจะมองก็มองที่จิตใจแต่รูปร่างที่มนุษย์เห็นนั้นเหมือนกันหมด...
เธอเชื่อว่าคนที่มีจิตใจอย่างเขานั้นต้องไปอยู่บนนั้นแน่นอนแล้วเราอาจจะได้พบกัน แต่ถึงจะเชื่ออย่างนั้นมันก็...อดที่จะเจ็บไม่ได้ เจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นราวกับหัวใจไม่ได้อยู่กับร่างกายมันถูกกระชากไปซะแล้ว
“หวานเราไปกันเถอะ” พริกหยวกเรียก
“ค่ะ ไปกัน มีคุณต้องทดแทนนี่ค่ะ อีกอย่างชีวิตหนึ่งก็ไม่ได้ยาวนานยังไงก็ขอทำประโยชน์หน่อยเถอะ ดีกว่าอยู่อย่างไร้ประโยชน์ไปวันๆ”
หลังจากนั้นทั้งสามก็กลับไปยังบ้านเดิมบ้านของมนุษย์โดยที่มนุษย์ไม่มีวันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและพริกทั้งสามได้เคยหายไป
ลัลลา ~~~~~~~
ลัน ลั้น ละ ลั่น ละ ลัน ละ ลันลา ~~~~
ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงามเด็กสาวคนหนึ่งผู้มีผมสีส้มดั่งแสงตะวัน ตาสีเขียวสดใสดั่งมรกตเม็ดงามกำลังวิ่งและร่ายรำอย่างสนุกสนานท่ามกลางดอกไม้และเหล่าผีเสื้อแสนสวย ชุดสีขาวพิสุทธิ์ทำให้เด็กสาวงดงามราวนางฟ้า เสียงเพลงร่ายรำนั้นปลุกให้ผู้ที่มานอนอยู่ก่อนหน้าตื่นขึ้นและมองไปทางต้นเสียง ก่อนที่จะก้าวเดินไปหาต้นเสียงที่กำลังร่ายรำอยู่
“อ๊ะ” เสียงเด็กสาวอุทาน เมื่อเธอเกือบหมุนชนชายหนุ่มเข้า ชายหนุ่มผู้มีผมสีน้ำตาลและดวงตาสีดำแวววาว ทำไมกันนะรู้สึกคุ้นเคยจัง
“เธอ...ใครนะ” ชายหนุ่มถาม
“เราพึ่งมานะ ชื่อ เอ่อ จำไม่ได้นะ” เด็กสาวตอบ
“ฮิฮิ ก็เหมือนกันแหละ ทุกคนที่มาที่นี่ไม่มีใครจำอะไรได้หรอกนะ แต่เขาบอกว่าให้เลือกทางเดินของตนเอง โดยจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือจะลงไปข้างล่างเพราะสำหรับพวกเรานั้นได้เวลาเริ่มต้นใหม่แล้ว”
“แล้วทำไมนายไม่เลือกละ”
“ไม่รู้สิ เหมือนต้องอยู่รอก่อนนะ”
“แล้วรอใครละ”
“อาจจะรอเธอ...มั้งนะ”
“แต่เราไม่เคยเจอกันนะ”
“ก็ไม่เป็นไรนี่ เขาบอกให้เริ่มต้อนใหม่นะ เอาเป็นว่า... ฉันเรียกเธอว่า ‘หวาน’ ละกัน”
“งั้น ฉันเรียกนายว่า ‘เฮล’ นะ”
“ได้สิ”
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะท่าน ขอให้ท่านมีความสุข
จำไว้เถิดทางที่เราเดินแต่ละเส้นย่อมมีความหมายเสมอ
บางครั้งท่านอาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่โชคชะตามักมีความหมายของมันเอง
อีกทั้งทางเดินของท่านที่ท่านเลือก
ท่านอย่าได้เสียใจเลยไม่ว่าทางที่ท่านเลือกจะถูกหรือผิด
ไม่ว่าจะเจ็บปวดสักเพียงใดในชีวิตที่ว่าทุกข์ย่อมมีความสุขมาปะปนเสมอ
แต่อาจเป็นท่านเองที่ไม่มองมัน จนคิดว่าชีวิตนี้มีแต่ความทุกข์ไร้ความสุข
ปล.รักษาสุขภาพด้วย (บางทีอาจมีคนข้างกายที่ท่านมองไม่เห็นว่ากำลังแอบเป็นห่วงท่านอยู่ลึกๆนะ)
ผลงานอื่นๆ ของ maya-zen ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ maya-zen
ความคิดเห็น