คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ..::::: 00 :::::..
..00..
สองนาฬิกาเศษ คาเยนน์สีเขียวขี้ม้าความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกำลังมุ่งหน้าออกสู่ถนนเลียบชานเมือง ถูกรถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสองคันขับติดตามมาด้วยความเร็วไม่แพ้กัน หนึ่งในสองนั้นพยายามเร่งเครื่องจนสามารถเบียดเข้าประชิดทางด้านซ้ายของคนขับได้ เอสยูวีคันใหญ่สูญเสียการทรงตัวเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งทะยานฉีกหน้าคู่แข่งออกไป
เกมแมวจับหนูที่กินเวลานานเกือบสองชั่วโมงเต็ม ควรจะดำเนินมาจนถึงตอนจบเสียที ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้เจ้าหนูเจอรี่อาจจะหนีแมวเหมียวทอมหายเข้ากลีบเมฆไปเลยก็ได้ และวิธีที่มักจะใช้ได้ผลกับคู่ต่อสู้ที่มาคนเดียวก็คือการกระหน่ำยิงให้เสียหลักแล้วตามไปยิงซ้ำ
ไม่เคยเห็นรอดสักราย
แรงกระแทกจากลูกกระสุนเจาะผ่านกระจกหลังเฉียดหัวเขาไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร เล่นเอาเสียววาบไปทั้งหลัง แต่ผู้ล่าก็เว้นช่องว่างให้ผู้ถูกล่าทำใจโล่งได้เพียงไม่นาน พวกมันก็ส่งนัดที่สองสามและสี่ตามมาปลอบใจเขาทันที
“ไอ้สวะเอ๊ย!” หนุ่มชองประท้วงเสียงลั่น หลังจากถูกชนท้ายเข้าจังเบอเร้อ “พวกแกรู้ไหมว่ารถฉันราคาคันล่ะกี่ร้อยล้าน”
นี่อาจเป็นกลลวงของศัตรูหรือไม่ชายหนุ่มเองก็คงจะลืมไปเสียสนิทว่าเขาถูกตามประกบด้วยรถถึงสองคัน เมื่อความสนใจถูกเบี่ยงเบนไปยังรถคันแรก อีกคันจึงได้จังหวะเข้าจู่โจมทันที
“ไอ้พวกหมาหมู่! เล่นทีเผลอเลยเหรอวะ!”
“Shit!” ข้อมือแกร่งรีบหักพวงมาลัยเมื่อเห็นว่าข้างหน้าเป็นทางโค้ง พร้อมกับถอนเท้าออกจากคันเร่งแล้วเหยียบเบรกทันที พลางสบถถ้อยคำหยาบคายออกมากอีกครั้ง
ตัวถังด้านข้างถูกพุ่งชนโดยแรง ส่งผลให้วิถีทางรถหลุดจากการบังคับควบคุม ไถลออกจากเลนส์ทันที ยางรถยนต์เสียดสีกับพื้นถนนเสียจนเกิดประกายไฟและกลุ่มควันคละคลุ้ง ความเร็วลดลงกว่าครึ่งแต่กระนั้นตัวรถก็ไม่ยอมหยุดง่าย ๆ จนกระทั่งชนเข้ากับราวเหล็กบริเวณทางโค้งทุกอย่างจึงได้ดูสงบลง
ชายในชุดดำสองคนเปิดประตูลงจากรถโตโยต้าอีกคันที่ขับตามมาจอดข้างกัน ยืนดูสภาพผลงานชิ้นใหญ่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แบบสุด ๆ หนึ่งในนั้นพยักหน้าเบา ๆ ก่อนเสียงปืนจะดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด
“หลับให้สบายนะครับคุณชอง”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยุนโฮแทบไม่อยากจะคิดว่าตัวเขาเองรอดจากเหตุการณ์เมื่อคืนวานมาได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ จากการประเมินสภาพร่างกายด้วยสายตาคร่าวๆ ก็คงจะหนักเอาการณ์ ยืนยันได้จากผ้าพันแผลที่พันรอบกายท่อนบนตั้งแต่ใต้อกจนถึงหน้าท้อง ไหนจะขาข้างซ้ายกับข้อมือขวาที่ถูกเข้าเฝือกไว้อย่างดิบดี และก็อย่าให้พูดถึงรอยเย็บเกือบสามสิบเข็มที่หน้าผาก รวมไปถึงรอยบาดของเศษกระจกตรงเนินแก้มซ้าย นี่รอดมาได้ก็บุญวาสนาแค่ไหนแล้ว
เห็นทีจะต้องไปทำบุญล้างซวยครั้งใหญ่เสียแล้วชองยุนโฮ
ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของตัวเองเบา ๆ เพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ นี้มันจะไปทำให้แผลกระทบกระเทือนแล้วจะเจ็บเองเสียเปล่า ๆ
“ว่าไงพ่อพระเอกหนังบู๊” เสียงทักทายดังขึ้นก่อนที่เจ้าของจะปรากฏตัวเสียด้วยซ้ำ ปาร์กยูชอนเดินเข้ามาพร้อมกับคนสนิทอีกสองคนที่ถือกระเช้าผลไม้มาเป็นของเยี่ยมไข้คนป่วย
“ก็คงจะหายซ่าไปอีกนานล่ะมั้ง” คนตอบหัวเราะแกน ๆ
“แล้วนี่จำหน้าพวกมันได้บ้างรึเปล่า”
“จำไม่ได้ว่ะ” หนุ่มชองส่ายหน้า พลางหยิบแอปเปิ้ลที่เมื่อตอนสาย ๆ คุณพยาบาลได้ปอกเปลือกเอาไว้ให้เข้าปากเขี้ยวตุ้ยๆ ดูน่าอร่อย
“พอจะนึกออกบ้างไหมว่าไปมีเรื่องกับใครเอาไว้บ้าง”
“เยอะแยะ”
“ฉันว่าแกน่าจะมีบอดี้การ์ดติดตัวเอาไว้สักคน เผื่อ...”
“ฉันดูแลตัวเองได้น่ายูชอน” คนเจ็บหัวดื้อยังคงรั้นไม่เข้าท่าในความคิดของปาร์กยูชอน นี่ขนาดดูแลตัวเองได้อาการยังสาหัสซะขนาดนี้ มองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ร่างใหญ่บนเตียงผู้ป่วยที่ได้เห็นสีหน้าอาการของเพื่อนรักแล้วจึงได้ยกมือข้างที่ไม่เจ็บขึ้นโบกไหว ๆ “ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ฉันจะไม่เป็นห่วงสักนิด ถ้าแกไม่ได้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท”
“ไอ้ขี้งกเอ๊ย!”
“เอาน่า~ มีไว้สักคนก็ไม่ได้เสียหายอะไร” เห็นทีงานนี้หนุ่มปาร์กคงจะตื้อไม่เลิกแน่ ๆ
“แต่ฉันไม่ชอบนี่หว่า”
“อยู่ๆ กันไปเดี๋ยวก็ชอบกันเองแหละน่า”
“พูดเหมือนจะหาเมียให้” อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับอมยิ้มทำท่าทำทางเหมือนมีลับลมคมนัยน์เสียจนน่าหมั่นไส้ ชายหนุ่มรับแฟ้มสีดำมาจากลูกน้องพลางส่งต่อให้กับหนุ่มชองที่นอนคิ้วขมวดรอคำตอบอยู่บนเตียง “อะไรวะ”
‘เมีย...’
ยูชอนขยับปากตอบแบบไร้เสียง คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างกวนประสาทพร้อมกับฉีกยิ้มอวดรอยบุ๋มข้างแก้มที่เจ้าตัวแสนจะภูมิใจ ทิ้งท้ายด้วยเสียงหัวเราะร่วนก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ก็ไหนว่าจะหาบอดี้การ์ดให้สักคนไง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สนามบินนานาชาติอินชอนในเวลานี้พลุกพล่านไปด้วยผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก ชายหนุ่มร่างเพรียวในสูทสีดำเป็นทางการดึงดูดสายตาจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้ไม่ยาก แม้ใบหน้าด้านบนจะถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีชาไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ความน่ามองนั้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มความน่าดูให้มากขึ้นเสียด้วยซ้ำ นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าเสน่ห์เฉพาะตัวที่มีเฉพาะคนเท่านั้น
ซึ่งเสน่ห์อันดึงดูดของชายคนนี้ก็คือความลึกลับ
ชายในชุดสูทภูมิฐานะดูภายนอกคล้ายกับนักธุรกิจทั่วไปที่เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แต่ใครจะรู้กันเล่าว่าเขาเป็นหนึ่งในบุตรบุญธรรมของตระกูลปาร์กซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในเกาหลี โชกโชนด้านการเจรจากว้านซื้อที่ดินขั้นหาตัวจับยาก และด้วยอำนาจที่ล้นมือไปจนถึงอิทธิพลในมุมมืดก็ได้ทำให้กลายเป็นตระกูลที่มั่งคั่งได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
เป็นเพราะเขาถูกส่งตัวไปเรียนต่อยังซีกโลกอีกด้านหนึ่งตั้งแต่ยังเล็ก จึงไม่แปลกนักที่ผู้คนในแวดวงสังคมธุรกิจหรือแม้กระทั่งพนักงานในบริษัทจะไม่รู้จักหรือแม้แต่คุ้นหน้า และนี่ก็คงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะกลับมารับใช้ตระกูลอย่างเต็มตัวเสียที
ริมฝีปากบางระบายรอยยิ้มทันทีเมื่อเห็นเป้าหมาย และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะเห็นเขาเข้าแล้วเช่นกันถึงได้กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงรี่มายังจุดที่ยืนอยู่ พลางโค้งศีรษะลงเล็กน้อย
เยซองยืนมองบุคคลตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งดีใจและแปลกใจในคราวเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่าเด็กชายวัยแปดขวบเศษที่เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยคราบเลือดในวันนั้นที่พบกันครั้งแรกจะเติบโตกลายกลายเป็นชายหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ในวันนี้
เป็นหนุ่มแล้วสินะครับนายน้อย
“สวัสดีครับคุณเยซอง” แล้วก็เป็นชายหนุ่มตรงหน้าที่เอ่ยขึ้นทักทายเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาครั้งแรกในรอบยี่สิบปี “สบายดีใช่ไหมครับ”
“สวัสดีครับนายน้อย” ชายสูงวัยกว่าโค้งศีรษะให้อีกครั้ง “ผมสบายดีครับ แล้วนายน้อย...”
“ผมก็เช่นกัน” คนถูกเรียกกว่านายน้อยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับกลับสู่บ้านนะครับนายน้อยฮันแจจุน” เยซองเอ่ยขึ้นพลางวาดวงแขนออกไปด้านข้าง หมุนกายเล็กน้อยพอได้องศาก่อนจะโค้งกายลงอย่างนอบน้อม
“คุณเยซองครับ”
“ครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
“หลังจากนี้ กรุณาเรียกผมว่า...”
ความคิดเห็น