คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เข้าพบเรน่า
ความเงียบงันผ่านไปเนิ่นนาน แต่ยังคงมีเสียงขับร้องของนกนานาชนิดที่ส่งเสียงผสานกันราวกับเพลงแห่งพงไพร
“แล้วจะให้ฉันทำยังต่อไป เรเนส” ในที่สุดเวอร์วินก็เงยหน้าขึ้นมาทำลายความเงียบระว่างหนึ่งคนหนึ่งสัตว์เลี้ยง
“ตอนนี้หมู่บ้านของเรเนสน่าจะยินดีต้อนรับท่านเป็นอย่างยิ่ง เพราะ สิ่งที่เรเนสได้ทำลงไปจะประกาศให้กระรอกทุกตัวในหมู่บ้านได้ยิน เพราะฉะนั้นเรเนส อยากให้ท่านเวอร์วินไปหาแม่ของเรเนสสักครั้ง เผื่อท่านจะมีอะไรตอบแทนท่านที่รับเรเนสเป็นข้ารับใช้” เรเนสน้อยอยากกลับไปดูหมู่บ้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางไปพร้อมกับนายใหม่ของมัน
“อยากกลับไปดูหมู่บ้านเป็นครั้งสุดท้ายใช่รึเปล่า” เวอร์วินเดาใจกระรอกน้อยได้ถูก
“สมแล้วที่เป็นท่านเวอร์วิน รู้ใจเรเนสตลอด” เรเนสน้อยตอบกลับ
“ฮ่าๆๆ ก็เธอเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันนี่ เรื่องแค่นี่ฉันต้องมองออกอยู่แล้ว” เวอร์วินว่าพลางหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ก็เอาสิ นำทางฉันไปหมู่บ้านของเธอได้เลย” เวอร์วินเอ่ยนำทางให้กระรอกน้อยพาเขาไปยังหมู่บ้านลับของเผ่ากระรอก
“ได้ค่ะ ท่านเวอร์วิน” เรเนสรับคำ
“เอ่อ... ต่อไปนี้เรียกฉันว่าท่านวินก็พอนะรู้สึกชื่อที่ตั้งนี่มันจะแหม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ แล้วเธอก็ขึ้นมานั่งบนบ่าฉันนี่” เวอร์วินหรือนามใหม่ที่เขาคิดขึ้นเองว่าวินขอแกมบังคับ ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวจ้อยขึ้นมานั่งที่บ่าของเขาเอง
“ค่ะ ท่านวิน” เรเนสรับคำก่อนจะชี้ตรงไปข้างหน้าให้วินเดินไป
ทั้งสองเดินลึกเข้าไปในป่าส่วนที่ไม่เคยมีใครเข้าไปเลย เพราะแม้ข้างนอกนี้จะมีสัตว์อสูรระดับต่ำ แต่ก็เคยมีข่าวลือว่าใครที่เข้าไปในป่าที่อยู่ในเขตนี้ล้วนไม่ได้กลับไปด้วยการเดินทางกลับ แต่ต้องกลับไปยังจุดวาร์ป มีคนเคยสอบถามแล้วว่าในนั้นมีอะไร แต่ทุกคนก็ตอบไปในทางเดียวกันว่าจำอะไรไม่ได้เลย ช่วงหลังมานี้จึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปลองของอีก เว้นแต่ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ระดับ 1 คนนี้ที่เข้าไปโดยการนำทางของกระรอกแห่งสายลม
“ถึงแล้วค่ะท่านวิน” เวลาผ่านไปไม่ถึง 20 นาทีเรเนสก็พาวินมาถึงที่โล่งความกว้างประมาณสนามเทนนิส ที่มีต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นล้อมรอบโดยที่ ต้นไม้ทุกต้นมีโพรงอยู่หลายโพรง เวอร์วินคาดว่าประชากรกระรอกน่าจะมีเท่าที่โพรงนั้นปรากฎอยู่
“ท่านแม่คะ เรเนสกลับมาแล้ว” เรเนสตะโกนขึ้นไปยังเบื้องบน ทำให้เวอร์วินตั้งแหงนหน้าขึ้นมองตาม และสิ่งที่ทำให้เขาต้องแปลกใจก็คือ กระรอกที่โผล่ออกมาจากโพรงนั้น มีไม่ถึง 1 ใน 10 ของโพรงด้วยซ้ำ
“ทำไมทุกคนถึงไม่โผล่ออกมาล่ะ” เวอร์วินถามเรเนส
“นี่คือทั้งหมดที่เผ่าเราเหลืออยู่ค่ะ” เรเนสตอบน้ำเสียงเศร้าลงเล็กน้อย
“มีไม่ถึง 30 ตัวด้วยซ้ำ” เวอร์วินกะคร่าวๆ จากสายตาแล้วเขาก็เหลือบไปเห็นกระรอกน้อยตัวหนึ่งไต่ลงมาจากยอดบนสุดของต้นไม้ต้นที่ใหญ่ท่าสุด
“กลับมาแล้วเหรอ เรเนส แม่คิดว่าเจ้าต้องตายแล้วซะอีก แม่ดีใจเหลือเกินที่ลูกทำภารกิจสำเร็จ” แม่กระรอกตัวนั้นวิ่งเข้ามาสวมกอด บุตรสาวของตนที่ยังคงยืนอยู่บนบ่าของเวอร์วิน ส่งให้เขาต้องชำเรืองสายตามามอง ก่อนจะจับแม่ลูกทั้ง 2 ไปไว้บนกิ่งไม้ที่อยู่ระดับออกของเขา
“สวัสดี เจ้านายของเรเนส เราขอขอบคุณที่ท่านเสียสละรับลูกสาวเราเป็นสัตว์เลี้ยง ข้ามีนามว่าเรน่า เป็นราชินีแห่งปวงกระรอกแห่งสายลม” กระรอกผู้มาใหม่กล่าวขอบคุณเวอร์วินพลางผงกหัวให้เล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับเรื่องเล็กน้อย....” เวอร์วินตอบกลับอย่างสุภาพ
“นี่!! เรเนสเป็นเจ้าหญิงของกระรอกแห่งสายลมเหรอ” เวอร์วินต้องตกใจอีกครั้ง
“ค่ะ” ถ้าเรเนสยิ้มได้คงยิ้มตอบกลับไปแล้ว
“เอ่อ... ถึงกับมีราชวงศ์แล้วทำไมถึงเป็นแค่หมู่บ้านล่ะ” เวอร์วินถามด้วยความสงสัย
“เมื่อก่อนประชากรชาวกระรอกแห่งสายลม มีมากกว่านี้ถึง 100 เท่า แต่สุดท้ายแล้วการที่ทุกคนทำภารกิจกันไม่ผ่านเลย ก็ส่งผลให้เราเหลือประชาชนอยู่แค่นี้” เป็นเรน่าที่ตอบคำถามของเวอร์วินแทนเรเนส
“แล้วราชาของท่านไปไหนล่ะ ราชินีเรน่า” เวอร์วินถามคำถามที่ไม่ควรถามออกไป
“ราชาได้ออกไปทำภารกิจ เมื่อไม่กีปีที่ผ่านมา และก็เป็นอย่างที่ทุกคนเป็น ทุกคนที่ออกไปทำภารกิจล้วนเสียชีวิตยกเว้นแต่เรเนสที่ได้พบเจอกับท่าน” เรน่าตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าที่ต้องเสียพระสวามีไป
“ผม เสียใจด้วยนะ” เวอร์วินกล่าวแสดงความเสียใจ
“ไม่เป็นไรหรอกท่าน ทุกคนล้วนเกิดมาต้องตายตามอายุขัยไม่มีผู้ใดจะอยู่ค้ำฟ้าหรอกท่าน” เรน่าพูดก่อนจะเข้าไปกอดเรเนสอีกครั้ง
“นี่เป็นของที่ท่านควรจะได้หลังจากที่เป็นเจ้านายแห่งเผ่าเรา” เรน่าส่งกล่องที่มาจากไหนก็ไม่รู้ให้กับเวอร์วิน
มันเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมมันมีขนาดเท่ากับฝ่ามือของกระรอกน้อยแต่พอมันเคลื่อนย้ายมาอยู่ในมือเวอร์วิน มันก็ขยายขนาดขึ้นจนมีขนาดเท่ากับฝ่ามือของเวอร์วินเช่นกัน พอรับมาเวอร์วินก็ทำการเปิดกล่องออกดู พบว่าข้างในนั้นมีกำไลหยกที่เปล่งประกายอย่างน่างดงาม
“มันเป็นกำไลศักดิ์สิทธิ์ ที่ท่านต้องเข้าไปพบกับจิตวิญญาณแห่งสายลมที่ปกป้องเผ่าเราอยู่นี้ แต่เส้นทางที่เข้าไปนั้นล้วนต้องอาศัยปัญญา” เรน่ากล่าวถึงจุดประสงค์ที่เธอต้องมอบกำไลให้
“ตะ..แต่ ผมแค่ระดับ 1 เองนะมันจะไม่เป็นอันตรายเหรอ ทักษะอะไรก็ยังไม่มี” เวอร์วินถามด้วยความกลัวเพราะให้เข้าไปคนเดียวโดยไม่มีใครช่วยย่อมอันตรายแน่นอนอยู่แล้ว
“ตลอดทางจนไปถึงทางเข้า ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายท่านได้ อย่าได้กังวลไปเราจะให้เรเนสเป็นคนนำทางท่านไปสู่ทางเข้าเอง” เรน่ากล่าวให้เวอร์วินคลายความกลัว
“ถ้างั้นผมก็จะลองดูก็แล้วกัน” เวอร์วินปลงใจคิดว่าอย่างไรเขาก็คงต้องทำ ก่อนจะก้มหลังลงให้เรเนสเดินขึ้นมาบนบ่าของเขา
“แม่ดีใจที่ได้พบลูก แต่ลูกต้องเข้าใจนะ มันเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ท่านวินต้องไปทำ แม่จึงไม่อาจรั้งลูกให้อยู่ด้วยกันต่อได้ ถ้าท่านวินมีวาสนาจริง เราคงได้พบกันอีก แล้วก็ท่านวิน ขอให้โชคดี” เรน่ากล่าวกลับลูกสาวของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวอวยพรให้เวอร์วิน
“ค่ะ ท่านแม่” เรเนสรับคำ
“ขอบคุณครับ” เวอร์วินตามน้ำไปด้วย
“ถ้าเช่นนั้น เราขอตัวก่อนนะ วันนี้หมู่บ้านเราต้องจัดการฉลองให้กับความสำเร็จน่ะ” เรน่ากล่าว ก่อนที่จะปีนขึ้นไปยังที่เดิมที่เธอมา
“ครับ!! ว่าแล้วเราไปกันเถอะเรเนส จะได้กลับมาทันงานฉลองไง” เวอร์วินกล่าวกับเรเนสแม้จะรู้ในใจว่าถึงเขาจะเข้าร่วมงานฉลองแต่ก็คงไม่มีอะไรให้เขาได้กินอยู่ดี นอกจากลูกวอลนัทที่เหล่ากระรอกทั้งหลายชอบกิน
“ไปทางนั้นเลยค่ะ” เรเนสชี้มือไปยังจุดหมายใหม่ที่ทั้งสองต้องมุ่งหน้าไป
ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังจุดหมายใหม่ที่โดยทั้งสองข้างทางล้วนเป็นกำแพงต้นไม้ที่สูงเหนือศีรษะขึ้นไป โดยข้างหน้าของทั้งสองนั้นเป็นทางตัน
“นี่คือทางเข้าที่จะเข้าไปหาจิตวิญญาณแห่งสายลมค่ะ แม่เรเนสเคยเข้าไปครั้งหนึ่ง ท่านได้มอบกำไลวงนี้ให้กับแม่ของเรเนส พร้อมกับบอกว่า ระหว่างนี้ท่านจงปกป้องดูแลหมู่บ้านของเรา จนกว่าจะมีผู้มาเยือนที่เหมาะสมค่อยให้กำไลวงนี้แก่เขา ซึ่งคนๆ นั้นก็คือท่านวินนี่แหละค่ะ” เรเนสกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ส่งให้เวอร์วิ้นเหยอยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนจะเอามือไปลูบหัวกระรอกตัวน้อยที่อยู่บนบ่าเขา
“แล้วต่อไปเราจะทำอย่างไรล่ะ ข้างหน้านี่ก็เป็นทางตัน” ว่าแล้วก็มองสำรวจไปทั่วอาณาบริเวณที่เขาเคยอยู่ จนพบกับข้อความ ที่แกะสลักอยู่บนเปลือกของต้นไม้ด้านหน้า
“ไม่ได้ไปแน่นอนขอให้เชื่อ ครั้นพบเรือกลับกลายคล้ายยักษา
ทําเสแสร้งดัดจริตเพราะติดยา เมื่อทหารตามมาจึงเรียบร้อย”
“ยังไงล่ะเนี่ย มีแต่คำกลอน อะไรบอกใบ้ก็ไม่มี” เวอร์วินตีหน้าเซ็งทันทีเพราะปริศนาที่ได้มานั้นไม่มีคำบอกใบ้อะไรเลย
“ถ้าอย่างนี้ล่ะคะ ‘ไม่ได้ไปแน่นอนขอให้เชื่อเนี่ย’ เราคงเข้าไปไม่ได้จริงๆ ให้นั่งรออยู่ที่นี่” เรเนสลองเดาดู
“แล้วที่เหลือล่ะ มันจะตีความหมายเป็นอะไร” ถึงแม้จะถามไปอย่างนั้นแต่ตอนนี้ในความคิดของเวอร์วินไม่ได้เชื่อตามที่เรเนสบอกแม้แต่น้อย แต่ก็เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ เวอร์วินจึงคะยั้นคะยอให้เรเนสตีความหมายต่อไป แต่เขาก็คิดแก้ปริศนาเองอีกทีหนึ่ง
“น่าจะเป็น ถ้ามีเรือผ่านมา ให้เราแกล้งทำตัวเหมือนคนเมายาหรืออะไรสักอย่าง จะได้ไม่กลายเป็นยักษ์ จนสุดท้ายแล้วพวกทหารก็จะตามมาพวกเราถึงจะเข้าไปได้ค่ะ” เรเนสคิดให้จนจบ
“ฉันว่าไม่น่าจะใช่นะเรเนส - - บนบกอย่างนี้เรือที่ไหนจะมาเหรอ” เวอร์วินถอนหายใจขณะถามเรเนสในใจเขาก็คิดถึงปริศนาประโยคนี้ เหมือนเคยเห็นหรือเคยอ่านที่ไหนมาก่อน
“ก็เรือบินไงคะ” เรเนสยังแถต่อไป
“โอะ เธอว่าเราจะมองเห็นเหรอ ป่ารกทึบขนาดนี้ แถมแถวนี้ก็ไม่น่าจะมีคนหรือทหารที่ไหนผ่านไปมาหรอกมั้ง” เวอร์วินว่าให้จนจบ
“นั่นสิคะ” เรเนสพยักหน้าเห็นด้วยแล้วก้มหน้าลงคิดต่อทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจกับสิ่งที่ตัวเองพึ่งตอบไป
= = เวอร์วินทำสีหน้าหนักใจ
“เหมือนฉันจะเคยเห็นปริศนานี้มาก่อนนะ” เวอร์วินยกมือขึ้นมาลูบคางของเขาเป็นท่าที่เขาใช้จนติดเป็นนิสัยเวลาจะใช้ความคิดแต่ล่ะครั้ง ส่งผลให้เรเนสเงยหน้าขึ้นมามองเจ้านายของมัน
“มันน่าจะเป็นปริศนาให้ทายคำนะ ประโยคที่ว่า ‘ไม่ได้ไปแน่นอนขอให้เชื่อ’ น่าจะเป็นถ้า ‘ไม่ได้ไป’ ก็ต้อง ‘มา’ ถูกไหม” เวอร์วินทายก่อนจะหันไปทางเรเนส เรเนสก็พยักหน้าเพราะตัวเองไม่อยากคิดอะไรแล้วคิดไปก็ปวดหัว
“ประโยคต่อไป ‘ครั้นพบเรือกลับกลายคล้ายยักษา’ ครั้นพบเรือก็น่าจะเป็น ‘มาร’ ซึ่งคล้ายๆ ยักษ์” เวอร์วินว่า เรเนสก็พยักหน้าตามอีกครั้ง
“ประโยคต่อไป ‘ทําเสแสร้งดัดจริตเพราะติดยา’ ติดกับยา ก็น่าจะเป็น ‘มารยา’ มารยามันดัดจริตอยู่แล้ว” เวอร์วินแก้ปริศนาไปทีละประโยค
“สุดท้าย ‘เมื่อทหารตามมาจึงเรียบร้อย’ ก็น่าจะเป็น ‘มารยาท’ นะเพราะมันดูเรียบร้อยดีว่าไหม” เวอร์วินหันไปถามเรเนสอีกครั้ง เธอก็ทำได้แค่พยักหน้าตาม
“มารยาท” เวอร์วินกล่าวเสียงดังไปยังต้นไม้ที่แกะสลักปริศนานั้นไว้ ไม่นานนักต้นไม้ต้นนั้นก็ทอแสงสีเขียวออกมา มันทำให้เวอร์วินอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เวลาผ่านไปสักพักก้ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นนอกจากแสงสีเขียวที่เปล่งออกมาเท่านั้น
“ยังไงต่อล่ะ” เวอร์วินลองเอามือไปทาบกับตัวต้นไม้เผื่อมันจะเป็นจุดเทเลพอร์ตเหมือนในเกมออนไลน์อื่นๆ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเมื่อเขาเอามือไปแตะมัน มันก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“เหอ ยังไงล่ะนี่” เวอร์วินยังคงสงสัยต่อไป
“เรเนสว่า น่าจะพูดอะไรสักหน่อยนะคะ” เรเนสลองเสนอความคิดดูแบบกล้าๆ กลัวๆ เพราะเธอเคยทำให้นายของมันต้องปวดหัวมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ความคิดดีนี่เรเนส” ว่าพลางเอามือลูบหัวสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เรเนสก็ดีใจไม่ใช่น้อยที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย
‘มารยาทเหรอ คงต้องกล่าวด้วยความสุภาพสินะถึงจะเข้าไปได้ เอาแบบไหนดีล่ะ’ เวอร์วินคิดในใจมือก็ลูบคางตัวเองไปด้วย
“ขอความกรุณาเข้าไปข้างในหน่อยครับ” ไม่นานนักเวอร์วินก็ลองใช้คำสุภาพที่สุดที่เขาคิดได้ในเวลานี้ออกไป แสงสีเขียวจึงส่องสว่างมากขึ้นก่อนที่มันจะดับไปในเวลาไม่นานและทุกอย่างก็เงียบเชียบ
ครืนนนนนนนน
เกิดแผ่นดินไหวขึ้นบริเวณที่พวกเขาอยู่ ทั้งสองต่างตกใจรีบออกห่างจากตัวต้นไม้ต้นนั้นให้มากที่สุดเพราะดูลักษณะแล้วมีต้นไม้ต้นนั้นต้นเดียวที่ขยับ มันเริ่มขยับออกข้างๆ ตามแรงที่แผ่นดินสั่นเสทือนและไม่นานนักต้นไม้ต้นนั้นก็หลบเข้าไปอยู่ในแถวกับต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ เผยให้เห็ยช่องทางเดินที่มันบังอยู่ โดยที่ทุกสายตามไม่อาจจะเชื่อได้เลยว่า ข้างหลังต้นไม้ต้นนั้นจะมีเส้นทางเดินซุกซ่อนอยู่
“เราคงต้องเข้าไปใช่ไหม” หลังจากทุกอย่างเงียบสงบเวอร์วินจึงกล่าวถามเรเนสด้วยใจที่เต้นแรง
“คงต้องเป็นเช่นนั้นค่ะ” เรเนสเองก็เช่นกันกล่าวสนับสนุนเจ้านายของมันด้วยความตกใจ แล้วทั้งสองก็จำใจต้องมุ่งหน้าต่อไปดดยไม่รู้เลยว่ามีอะไรรอกพวกเขาอยู่ข้างหน้าอีกหรือเปล่า นี่คงเป็นแค่เบาะๆ แค่นี้ก็ทำให้หัวใจจะวายแล้ว
เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปต้นไม้ต้นเดิมก็เคลื่อนตัวเข้ามาปิดทางเดินไว้อย่างเงียบเชียบผิดกับที่เคลื่อนตัวออกไป นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้เล่นหลายๆ คนเคยหลงเข้ามาและจำใจต้องเดินกลับทางเดิมและด้วยความที่ไม่มีกระรอกให้สายลมเป็นผู้นำทาง จึงไม่ได้รับการปกป้องจากจิตวิญญาณแห่งสายลม และพื้นที่แห่งนี้นั้นเอง ก็มีสัตว์อสูรที่ทุกคนต่างไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว
..................................................................................................................................................
ความคิดเห็น