คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เรเนส
แสงสีขาวที่สว่างจ้าเข้าตาของเวอร์วิน เริ่มจางหายไปจากสายตาของเขาแล้วและในที่สุด ผู้เล่นมือใหม่ก็ถูกส่งตัวมายังจุดเกิดภายในเมืองเริ่มต้น เขาที่มาใหม่ได้สอดส่ายสายตาชมทัศนียภาพตัวเมือง เมืองเริ่มต้นเป็นเมืองธรรมดาๆ ที่มีผู้คนอยู่กันมากมาย บ้างก็เดินเที่ยวเล่น บ้างก็นั่งขายของตามอาชีพพ่อค้าที่ตนได้รับ จุดเด่นของตัวเมืองคงหนีไม่พ้น ตึกสูงที่อยู่ใจกลางเมือง ที่สูงประมาณ 5 ชั้น ส่วนอาคารหลังอื่นๆ สูงอย่างมากก็แค่ 2 ชั้น
ชายหนุ่มที่มาใหม่รู้สึกว่าเกมนี้เป็นเกมที่สมจริงมากเกมหนึ่ง จนทำให้เขาเหม่อมองทัศนียภาพอยู่นานจนมีคนมาสกิลที่แผ่นหลังของเขา
“เฮ่ น้องชาย หลบทางหน่อย ไม่งั้นจะเผาให้เป็นจุลเลยนะ” ชายหนุ่มกล้ามโต ตัวสูงกว่า เวอร์วินเล็กน้อย ทักทายอย่างไม่เป็นมิด ถ้าถามถึงเรื่องหน้าตาคงเทียบ กับเวอร์วินได้แบบไม่ติดฝุ่น แต่แค่นั้นก็ทำให้ตัวเวอร์วินเองต้องหลบฉากออกไปด้วยความตกใจ
“ดี ทำตัวว่าง่ายให้สมกับเป็นมือใหม่หน่อย” ชายคนนั้นยิ้มให้เวอร์วิน ที่เห็นว่ามือใหม่คนนี้นั้นว่าง่ายกว่าหลายๆ คนแล้วจึงใช้มืออันใหญ่โตนั้น ผลักให้ เวอร์วินถอยหลังไปอีกหน่อย พร้อมทั้งเดินผ่านไป ด้านหลังชายคนนั้น มีคนเดินตามไปอีกประมาณ 5 คน โดยแต่งกายคล้ายๆ กัน คือ มีผ้าคลุม สีดำ ขลิบ ส้ม และคนตรงกลาง นั้นมี ฮู้ดคลุมหัวอยู่ด้วย
ด้านผู้เล่นในเมือง เมื่อเห้นกลุ่มคนเหล่านี้ ต่างก็เข้าไปแสดงความยินดี กับพวกเขา ไม่รู้ว่าสาเหตุอะไร แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้ เวอร์วินคิดได้ว่า บุคคลเหล่านี้น่าจะเป็นที่รู้จักของคนในเมืองและน่าจะเป็นถึงคนระดับสูงๆ ที่ได้รับความนิยมด้วย
‘เฮ้อ ทางเราเองคงจะทำให้ถึงแบบนั้นได้ยากแน่ๆ’ เวอร์วินถอนหายใจก่อนจะเดินจากจุดเดิมไป เพื่อเดินสำรวจเมืองอีกครั้งหนึ่ง
เวลาล่วงเลยไปจนถึง บ่ายโมงกว่าๆ ตามเวลาในเกม เวอร์วินรู้สึกหิวจัด จึงมีความคิดว่าตนต้องหาอะไรกินสักหน่อย จะได้สำรวจตัวเมืองที่เหลือได้ เขาจึงเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยไม่รู้เลยว่า ชตาชีวิตของตัวเองต้องเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก
ด้าน พนักงาน NPC ในร้านอาหารเมื่อเห็นว่ามีลูกค้าใหม่เข้ามาภายในร้าน จึงออกไปต้อนรับ และเชิญเวอร์วินให้มานั่งโต๊ะ ตัวที่ยังว่างอยู่ และจัดการสั่งอาหารที่คิดว่าถูกที่สุดในร้านมาเพื่อรับประทาน ที่ทำอย่างนี้นั้น เขาสั่งเพื่อความรวดเร็วและเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าของเขาที่มีไม่ถึง 1,000 เหรียญ แต่อาหารที่ถูกที่สุดนี่ก็ปาเข้าไปตั้ง 200 เหรียญแล้ว เกมนี้มันช่างไม่เหมาะสมที่จะเข้ามาเล่นคนเดียวจริงๆ
“นี่ น้องชาย รู้ไหมว่า ผู้เล่นมือใหม่อย่างนายน่ะ มีหน้าที่อะไร” ระหว่างรออาหารก็มีคนเข้ามาทัก เวอร์วินที่โต๊ะ มาด้วยกัน สามคน เวอร์วินดูก็รู้แล้วว่าไม่น่าจะมาดี
ชายทั้งสามหน้าตาคล้ายกัน เดาได้ว่าน่าจะเป็นพี่น้องกัน ทั้งสามใส่เสื้อคลุมที่ทำจากหนังสัตว์ไม่รู้ว่าจะร้อนกันหรือเปล่า เพราะเท่าที่ชุดที่เวอร์วินใส่อยู่นั้นก็รู้สึกว่ามันร้อนพออยู่แล้ว และการที่เขาจ้องมองพวกนี้นานๆ ก็เป็นเหตุให้พวกนี้อารมณ์ครุกรุ่นทันที
“นี่พี่ฉันถาม ไม่ได้ยินหรือไง” ชายอีกคนที่อยู่ด้านหลังตะคอกใส่ เพื่อถามย้ำอีกครั้ง ทำให้คนไม่รู้อะไรอย่างเวอร์วินต้องตกใจ แต่ก็ไม่มีอะไรหลุดออกจากปากของเขา
“พอเถอะ เจ๊ฟ น้องคนนี้คงเป็นมือใหม่เอี่ยมอ่องเลยล่ะมั้ง คงมีเงินติดตัวไม่เท่าไรหรอก และพี่จะบอกให้น้องรู้ไว้ด้วย การเป้นมือใหม่น่ะ มันยากกว่าที่คิด เพราะฉะนั้น พี่จะขอคิดคำเตือนกับน้องสัก 500 เหรียญละกันนะ” ชายคนแรกที่เข้ามาทักหันไปปรามคนที่อยู่ในกลุ่มของเขา ก่อนจะหันมาเพื่อเตือน และแบบมือยื่นไปที่หน้าของเวอร์วิน
“ผมมีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้เงิน กับคนที่ไม่รู้จักด้วยล่ะครับ” เวอร์วินถามออกไป ทั้งที่ใจเขาก็รู้อยู่แล้วว่า ให้หรือไม่ให้มันก็มีค่าไม่ต่างกัน ให้ไปก็ไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร ไม่ให้ก็มีแต่จะเจ็บตัวหรือหนักกว่านั้น
“ไม่ให้ น้องก็ต้องตายสักหนึ่งครั้งนะ จะได้รู้ว่าโลกนี้มันโหดร้ายสำหรับมือใหม่แค่ไหน” ชายคนเดิมกล่าวเตือนเวอร์วินอีกครั้ง ทำให้เวอร์วินต้องคิดหาทางเอาตัวรอดให้เร็วที่สุด
“ผมไม่อยากตายครับพี่ชาย แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีไม่ถึงเท่าที่พี่ต้องการหรอกครับ ผมมีอย่างมากก็แค่ 300 เหรียญเท่านั้น เพราะผมยังไม่ได้ออกไปล่าสัตว์อสูรเลย” เวอร์วินโกหก ออกไป เพื่อที่จะเก็บเงินส่วนที่เหลือไว้สำหรับค่าอาหารที่เขาพึ่งสั่งไป
“งั้นก็เอา 300 เหรียญนั้นมา แล้วพวกพี่จะได้ไป ไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นมือใหม่จริงๆ ฉันไม่รู้นะว่าแกโกหกหรือเปล่า แต่ถ้าพวกฉันจับได้ว่ายังเห็นแกเดินเล่นอยู่ในเมือง แล้วไปซื้อนู่นนี่นั่น ฉันจะถือว่าแกโกหกพวกฉัน เข้าใจไหม” ชายคนนั้นรีดไถเงินจากเวอร์วิน ก่อนจะเตือนเวอร์วินอีกครั้ง
“ครับพี่ชาย” เวอร์วินรับคำด้วยสีหน้าเศร้าใจ ก่อนจะทำการโอนเงินให้กับ ชายที่มาขู่ไป 300 เหรียญ และเก็ยสำรองเอาไว้เพื่อจ่ายค่าอาหาร เมื่อทำการเสร็จสิ้นทุกอย่าง
ตูมม..............โครม 300!
เสียงของแรกกระแทกระหว่างหมัดกับใบหน้าดังขึ้น พร้อมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโดนชก ส่งผลให้ร่างของเวอร์วินกระเด็นไปกระแทกโต๊ะที่อยู่ข้างๆ
“นี่คือ 200 เหรียญที่แกไม่ให้ฉัน เข้าใจนะ” แล้วพวกเขาทั้งสามก็เดินออกจากร้านไปและซุ่มดูอยู่หน้าร้านเพื่อดูว่า เวอร์วินยังจะกินอาหารต่อหรือเปล่า ถ้ากินต่าแสดงว่ายังมีเงินเหลืออยู่
ด้านในร้านอาหาร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้เล่นหลายๆคน มองไปยังโต๊ะที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งแต่อย่างใด เพราะมันไม่ใช่เรื่องของตัวเอง และพวกเขาก็ต้องโทษว่า ผู้เล่นคนที่โดนหาเรื่องนั้นผิดเองที่ดันไปใส่ชุดผู้เล่นมือใหม่ ที่มันง่ายต่อการรีดไถเป็นอย่างมาก และหลังจากเกิดเหตุแล้วนั้นทุกคนก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่มีใครเลยที่คิดจะช่วยเวอร์วิน
“คุณลูกค้าครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” NPC คนที่มารับออเดอร์จาก เวอร์วิน เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ แต่พี่ช่วยห่อของที่ผมสั่งไปมาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ เอาเร็วๆ เลยนะ” เวอร์วินยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับขอร้องอะไรบางอย่างกับ พนักงาน พร้อมกับยื่นเงินค่าอาหารให้กับพนักงาน ก่อนที่พนักงานคนนั้นจะเดินหายเข้าไปในครัว
“นี่ครับ ข้าวไข่เจียวที่คุณลูกค้าสั่ง” ไม่ถึง 2 นาที ของที่เวอร์วินสั่งก็ได้มารูปกล่องโฟม
“ขอบคุณครับ” เวอร์วินรีบรับแล้วรีบออกจากไปทันทีโดยไม่สนสายตาของผู้เล่นคนไหนทั้งสิ้น ในใจก็คิดว่าขืนไม่รีบหาเงินคงได้หิวตายแน่ๆ และทำไมตัวเองถึงได้ซวยอย่างนี้ รู้อย่างนี้รอเข้ามาพร้อมกับ สามเกลอดีกว่า
ทางด้านสามหนุ่มที่เข้ามาหาเรื่องเมื่อเห็น เวอร์วินเดินออกมาแบบไม่ผิดสังเกตุจึงละจากไปจากจุดที่ซ่อนตัวอยู่
“หาที่กินเงียบๆ คนเดียวดีกว่า” หลังจากเดินออกมาจากร้านเวอร์วินก็หาทำเลที่กินอาหาร แต่หารเท่าไรก็หาไม่พบ เพราะทุกที่ล้วนแล้วแต่มีผู้คนเดินผ่านไปมา จะเข้าไปในโรงแรมก็ใช่ที่ เพราะตัวเองไม่มีเงินเหลือเลย เวอร์วินจึงจำใจเดินออกนอกเมือง
เวลา ล่วงเลยไปถึงบ่ายสาม เวอร์วินก็เดินมาหาจุดเงียบๆ ของตัวเองได้ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกมา โดยเวอร์วินรู้ว่าแถวนี้ไม่น่าจะมีผู้เล่นคนไหนเข้ามาหาค่าประสบการณ์กัน เพราะแถวนี้มีแต่สัตว์อสูรระดับต่ำๆ ไม่เหมาะที่จะเสียเวลามาหาเก็บค่าประสบการณ์
เวอร์วินจัดแจงนั่งลงก่อนจะหยิบกล่องโฟมออกมาจากหน้าต่างไอเท็ม และเริ่มบรรจงรับประทานข้าวไข่เจียวอย่างหิวโหย แต่เริ่มลงมือได้ไม่นาน
“ผู้เล่นเวอร์วิน พบสัตว์อสูร กระรอกน้อยระดับ 1” เสียงเตือนดังขึ้นทำให้เวอร์วินต้องเงยหน้าขึ้นจากเหยื่ออันโอชะที่กำบังจะเข้าปาก มองไปเบื้องหน้า เจอสัตว์อสูรตามที่ประกาศขึ้นในหัวของเวอร์วิน
มันมองมาที่เขาอย่างใจจดใจจ่อเหมือนกำลังรอคอยอาหารที่อยู่ในมือของเขา
“โทษทีนะ ฉันเองก็หิวอยู่ไม่ใช่น้อยคงจะให้นายไม่ได้หรอก” เวอร์วินกล่าวออกไปเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่กระรอกน้อยต้องการแต่เขาเองก็ไม่มีให้
ทางด้านกระรอกน้อยเมื่อเห็นว่ามนุษย์ไม่มีท่าอันตรายจึงเดินเข้ามาใกล้เวอร์วินอีก และจ้องมองเขาเหมือนเดิมอีกครั้ง
‘เฮ้อ สงสัยต้องแบ่งให้สักหน่อย’ เวอร์วินคิดในใจก่อนจะโยนชิ้นไข่เจียวชิ้นเล็กๆ ไปให้กระรอกน้อย
“อ่ะ นี่ของนายฉันไม่มีจริงๆ แต่พอจะแบ่งให้นายได้ หวังว่ากินแล้วก็จงไปซะ” เวอร์วินกล่าวกับกระรอกน้อยอีกครั้ง และขู่มันออกไป
‘ขอบคุณ ค่ะ’ เสียงผู้หญิงดังขึ้นในหัวของเวอร์วิน
“ไม่เป็นไร” เวอร์วินก้มลงกินเหยื่อของตัวเองอีกครั้งพลางตอบกลับไปโดยไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น
“!@#$” แต่ไม่นานเวอร์วินก็ต้องสำลักข้าวที่พึ่งกินเข้าไป
“นี่นายสื่อสารกับมนุษย์ได้งั้นเหรอ แล้วนายเป็นตัวเมีย 0_0” เวอร์วินกล่าวกับกระรอกอีกครั้ง
“ฉันไม่เคยเห็นได้ข่าวเลยว่า ในโลก CEO จะมีสัตว์อสูรที่สื่อสารกับมนุษย์ได้” เวอร์วินกล่าวตามความจริงเพราะเขาได้ศึกษาเกมนี้มาบ้างแล้วก่อนที่จะเข้าเกม
‘จริงๆ มีอยู่ไม่กี่เผ่าพันธุ์หรอกที่สื่อสารกับมนุษย์ได้ เราเป็นเผ่าลับที่ไม่ลับ บางเผ่าก็เป็นเผ่าลับที่ลับมากจนแม้แต่ปัจจุบันมนุษย์เองยังไม่เคยเห็น’ กระรอกน้อยไขข้อข้องใจให้กับเวอร์วิน
‘และที่ไม่มีข่าวว่าเราสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้นั้น เพรามนุษย์ไม่เคยเปิดโอกาสให้เราสื่อสาร บ้างเห็นเราแล้วฆ่าทิ้งเลย ไม่ใจบุญเช่นท่าน บ้างเห็นเรา ว่าเราน่ารักแต่จะเก็บไปเลี้ยงก็ไม่มีประโยชน์ได้แต่เตะเราทิ้งไปโดยไม่ฆ่าเท่านั้น’ กระรอกน้อยไขข้อข้องใจให้อีกครั้ง
“แล้วเธอมีอยู่กี่ตัวล่ะในป่านี้” เวอร์วินถามขึ้นอีกครั้ง
‘พวกเรามีอยู่ไม่กี่ตัวหรอก เมื่อก่อนอาจจะเยอะ แต่ด้วยระดับต่ำและมีภารกิจที่พวกเราจักทำให้จงได้คือเป็นข้ารับใช้ให้กับมนุษย์ โดยเต็มใจ พวกเราจึงล้มหายตายจากกันไปมาก ที่กำเนิดใหม่ก็ไม่ทัน พักหลังมานี่พวกเราเลยไม่ค่อยได้ออกมาพบมนุษย์สักเท่าไร เพราะเกรงว่าอาจเกิดการสูญพันธ์ของเผ่าพันธ์เรา’ กระรอกน้อยมองหน้าเวอร์วินหลังจากกินไข่เจียวคำสุดท้าย
“แล้วทำไมเธอถึงออกมาพบเราล่ะ” เวอร์วินถาม
‘เมื่อมีผู้เกิดใหม่ก็ต้องมีผู้ลองท้าทายภารกิจ วันนี้เป็นคิวของเรา โชคดีที่ได้พบท่าน ถ้าไม่พบท่านเราก็จะรอจนกว่าจะได้พบใครสักคน แล้วหลังจากนั้นก็แล้วแต่ดวงชะตาจะลิขิต’ กระรอกน้อยตอบมีสีหน้าเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักคนที่รู้จักไปมากมาย และวันนี้เองก็ได้มาถึงคิวของเธอ
“แล้วทำไมพวกเธอถึงไม่ สื่อสารกับมนุษย์ไปเลยล่ะก่อนที่พวกเขาจะทำอันตรายพวกเธอ” เวอร์วินยังสงสัยไม่ให้ด้วยความเป็น คนฉลาด
‘พวกเราไม่มีสิทธิทำแบบนั้น เพราะมันเป็นภารกิจ ท่าเราคิดฝ่าฝืนร่างกายของเราจะสลายกลายเป็นผงทันที และที่เราสามารถสื่อสารกับท่านได้นั้น เพราะคุณสมบัติของท่านได้บรรลุให้เราสามารถสื่อสารกับท่านได้’ กระรอกน้อยตอบอีกครั้ง
“แล้วถ้าเธอทำภารกิจสำเร็จ พวกเธอจะได้อะไรเหรอ” เวอร์วินถามหาถึงจุดประสงค์ของภารกิจที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อทำมันให้สำเร็จ
‘พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้น จะมีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับพวกเราได้ พวกเราไม่สามารถเป็นข้ารับใช้ของมนุษย์คนใดได้อีก ทำให้พวกเราไม่ต้องเสี่ยงชีวิตมาทำภารกิจอีก และอัตราการเกิดของพวกเราจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น’ กระรอกน้อยเดินเข้ามาจนขึ้นมาบนตักของเวอร์วินที่นั่งอยู่
“แล้วจะให้เราทำอย่างไรต่อไป” เวอร์วินคิดว่านี่น่าจะเป็นคำถามสุดท้ายของเขาแล้ว
‘ข้า เรเนส แห่งเผ่าพันธุ์ลับกระรอกแห่งสายลม ขอรับใช้ท่าน...’ กระรอกน้อยกล่าว
“เวอร์วิน” เวอร์วินต่อให้
‘ท่านเวอร์วิน ด้วยความเคารพและเต็มใจ หากข้าคิดไม่ซื่อต่อท่านเวอร์วินแต่ประการใดขอให้ข้าสลายกลายเป็นเถ้าธุลี’ กระรอกน้อยจบประโยค
“ยินดีด้วยค่ะ ท่านได้ กระรอกแห่งสายลม เผ่าพันธุ์ลับ ระดับ 1 เป็นสัตว์เลี้ยง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงของท่านเป็นเผ่าพันธุ์ลับ สัตว์เลี้ยงตัวต่อไปของท่านจะเป็นเผ่าพันธุ์ธรรมดาไม่ได้ โปรดตั้งชื่อให้ สัตว์เลี้ยงของท่าน ถ้าไม่ระบุจะใช้ชื่อเดิมของสัตว์อสูร” เสียงดังขึ้นในหัวของเวอร์วิน
“เรเนส” เวอร์วินกล่าวกับเสียงของระบบ
“สัตว์เลี้ยงของท่านชื่อว่าเรเนสนะคะ กรุณายืนยัน” เสียงของระบบดังขึ้นอีกครั้งเพื่อยืนยันความแน่ใจ
“ยืนยัน” เวอร์วินตอบกลับ
“ยินดีด้วยค่ะสัตว์เลี้ยงของท่านชื่อ เรเนส” เสียงของระบบดังขึ้นอีกครั้งจนหายไป
“เรเนส ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าถ้าฉันรับเธอเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ตัวต่อไปก็ต้องเป็นเผ่าพันธุ์ลับเหมือนเธอ แล้วจะมีหมาน้อยตัวไหนไหมที่มันเป็นเผ่าพันธุ์ลับ” เวอร์วินทำท่าจะร้องไห้ เพราะเขาตั้งใจไว้ว่า เขาจะเอาหมาน้อยมาเป็นสัตว์เลี้ยง
‘ก็ท่านเวอร์วินไม่ได้ถามนี่คะ แต่เรเนสว่าน่าจะมีนะคะ ในฐานข้อมูลบอกมาอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ไหน’ เรเนสตอบเวอร์วินด้วยดวงตาใสซื่อ และด้วยความสามารถของเผ่าพันธ์ลับจะสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลของระบบได้ แต่ก็มีจำกัดเฉพาะพื้นฐานเท่านั้น สูงกว่านั้นผู้เล่นต้องค้นด้วยตัวเอง
“โธ่ แล้วเราจะไปหามันจากที่ไหนได้ล่ะเนี่ย” เวอร์วินก้มลง เอาหน้าฟุบกับเข่า แล้วทำท่าร้องไห้เหมือนเด็กๆ
สายลมเย็นปลิวโบกสะบัดให้ใบไม้เหนือศีรษะเวอร์วินพริ้วไหว แต่ทั้งสองก็นิ่งอยู่ในอาการเช่นนั้นต่อไปอีกนาน โดยหนึ่งคนนั่งร้องไห้ อีกหนึ่งตัวเอียงคอสงสัยด้วยความน่ารัก
………………………………………………………………………………………………………..
ความคิดเห็น