ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [Main Character] ฮาคุเรย์ เรย์มุ
[C]http://sabre.exteen.com/20090427/gms-reimu
มิโกะแห่งสรวงสวรรค์
{ฮาคุเรย์ เรย์มุ Reimu Hakurei }
อาชีพ : มิโกะ
ความสามารถ : บินไปบนท้องฟ้า
ที่อยู่อาศัย : ศาลเจ้าฮาคุเรย์
มิโกะคนปัจจุบันแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนเกนโซวเคียว
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ เป็นศาลเจ้าที่คอยเฝ้าดูมหาเขตแดนซึ่งจำเป็นต่อเกนโซวเคียวในปัจจุบัน
มิโกะแห่งฮาคุเรย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ต่างยึดเอางานคลี่คลายเหตุวิปลาสเป็นอาชีพ*
*1[เพราะไม่สามารถคาดหวังอะไรกับเงินทำบุญได้]
ในบรรดามิโกะทุกรุ่นที่ผ่านมา จัดว่าเธอบกพร่องด้านการรับรู้ถึงสิ่งอันตราย และฝึกฝนไม่เพียงพออย่างที่สุด
แต่พลังที่แท้จริงของเธอนั้นมากมายพอสมควรเลยทีเดียว
โยวไคจำนวนมากถูกกำราบลงด้วยดวงดีที่มีมาแต่เกิดและลางสังหรณ์อันเฉียบคมของเธอ
{นิสัย}
เป็นคนสบายๆที่ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนต่อสิ่งต่างๆอย่างมาก จึงบกพร่องด้านการรับรู้ถึงสิ่งอันตราย
ไม่ว่ากับผู้ใดก็ติดต่อคบหาด้วยท่าทางอย่างเดียวกัน คือ ไม่อ่อนโยนและไม่เข้มงวด
อาจเพราะนิสัยแบบนี้จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของโยวไคที่แข็งแกร่งได้ง่าย, ในแต่ทางตรงข้ามก็เป็นที่ครั่นคร้ามของโยวไคที่ไร้พลัง
หากแต่, เธอคิดว่าการกำราบโยวไคโดยไม่ปริปากบ่นถือเป็นงานของเธอ
{ความสามารถ}
เป็นอิสระจากแรงดึงดูด จึงสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ตามใจนึก
ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจผูกมัดเธอได้
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในฐานะมิโกะแห่งฮาคุเรย์อยู่ด้วย
มิโกะแห่งฮาคุเรย์เป็นผู้ควบคุมดูแลมหาเขตแดนฮาคุเรย์ และคอยเฝ้าคุ้มครองเกนโซวเคียว
หากมหาเขตแดนถูกทำลาย ไม่ว่าจากภายในหรือภายนอก, เกนโซวเคียวคงไม่สามารถยืนยงโดยสวัสดิภาพได้
ศาลเจ้าฮาคุเรย์และมิโกะ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการค้ำจุนเกนโซวเคียวให้มีสภาพดังเช่นปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีโยวไคตนใดที่สามารถต่อต้านมิโกะได้
แม้ไม่อาจทราบได้จากลักษณะภายนอกอันแสนเย็นใจไร้กังวลของเธอว่าเธอรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้หรือไม่
แต่โดยเนื้อแท้แล้วมิโกะแห่งฮาคุเรย์ก็คือผู้ที่กุมอำนาจเหนือเกนโซวเคียวนั่นเอง
{Spell Card Rule}
ไม่ว่าโยวไคหน้าไหนก็มิอาจโค่นมิโกะแห่งฮาคุเรย์ลงได้, ความหมายในการมีตัวตนของเหล่าโยวไคจึงเริ่มจะหายไป
แต่เธอก็ได้นำเอาหนหางสู่ศักราชใหม่มาแก้ปัญหานี้
นั่นคือ การนำ Spell Card Rule เข้ามาใช้
Spell Card Rule คือ กฎการต่อสู้ประชันความงามของท่าที่ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น
มีเนื้อหาคร่าวๆดังนี้
・Spell Card คือ การตั้งชื่อให้กับท่าที่ตนภาคภูมิใจ และตอนที่จะใช้ท่านั้นจำเป็นต้องประกาศชื่อออกมาเสียก่อน
・ทั้งสองฝ่ายต้องแสดงจำนวนการ์ดล่วงหน้าก่อนการต่อสู้
・เมื่อการ์ดทั้งหมดที่มีอยู่ในมือถูกทำลาย จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
・ผู้ชนะจะไม่ได้รับสิ่งใด นอกจากสิ่งตอบแทนที่ตกลงกันไว้ก่อนต่อสู้, หากไม่ถูกใจสิ่งตอบแทนที่อีกฝ่ายเสนอมาก็สามารถปฏิเสธได้
・ผู้ชนะควรตอบรับความต้องการที่จะแก้มือของผู้แพ้อย่างกระตือรือร้น
・เตรียมใจไว้ก่อนว่าอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ
ด้วยสิ่งนี้, ทำให้สามารถต่อสู้กันได้ โดยให้ความรู้สึกคล้ายกับการเล่นกีฬา
การนำกฎนี้มาใช้ทำให้แม้แต่มนุษย์ที่มีพลังอ่อนแอกว่าก็สามารถท้าประลองกับโยวไคได้
ในขณะเดียวกัน การโค่นมิโกะ ก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ, และในทางตรงข้าม เหล่าโยวไคก็สามารถทำตัวเหลวไหลได้เต็มที่
{กิจวัตรประจำวัน}
ในเวลาที่ไม่มีเหตุวิปลาสเกิดขึ้น เธอก็คือมนุษย์ที่ธรรมดาสุดๆคนหนึ่ง*
*2[ความเย็นใจไร้กังวลน่าจะสูงกว่าคนธรรมดา]
เธอไม่ค่อยเอาใจใส่ศาลเจ้าที่มีผู้มาทำบุญน้อย, จึงดื่มน้ำชาบ้างล่ะ แสร้งทำเป็นกวาดพื้นบ้างล่ะ
เธอโผล่หน้ามาที่หมู่บ้านอยู่บ่อยครั้งเพื่อทำธุระบางอย่างเช่น ซื้อของ
ระหว่างทางหากพบเห็นโยวไคก็จะทำการลงโทษสั่งสอนอยู่ทุกครั้งร่ำไป
ตรงจุดนี้ล่ะที่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา
{งาน}
เป็นผู้เชี่ยวชาญการคลี่คลายเหตุวิปลาส
เมื่อเกิดเหตุวิปลาสขึ้น* ความเย็นใจไร้กังวลตามปกติจะหายไปไหนไม่รู้ แล้วมุ่งหน้าไปตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
*3[เหตุวิปลาส คือ ปรากฏการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้วถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อเกนโซวเคียว โดยมีสาเหตุที่ไม่แน่ชัด]
*3[โดยทั่วไปเกิดจากอารมณ์แปรปรวนของโยวไค หรือเป็นฝีมือของผู้มาใหม่]
เดิมทีมีเพียงมิโกะแห่งฮาคุเรย์เท่านั้นที่ทำการคลี่คลายเหตุวิปลาส
แต่ในช่วงนี้ เมื่อมีเหตุวิปลาสเกิดขึ้น จะมีผู้ที่ออกมาหาทางคลี่คลายเหตุวิปลาสเลียนแบบมิโกะเป็นจำนวนมาก
{ศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่มองเห็นจากโลกภายนอก}
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ตั้งอยู่เพื่อเป็นชายแดนระหว่างเกนโซวเคียวกับโลกภายนอก จึงสามารถเดินทางไปยังศาลเจ้าได้จากทั้งสองโลก
หากแต่, โดยทั่วไปแล้วจะไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้
มนุษย์ที่มีสามัญสำนึกของเกนโซวเคียวจะไปได้ถึงแค่ศาลเจ้าฮาคุเรย์แห่งเกนโซวเคียว
มนุษย์ที่มีสามัญสำนึกของโลกภายนอกก็จะไปได้ถึงแค่ศาลเจ้าฮาคุเรย์แห่งโลกภายนอก
ว่ากันว่า ศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่มองเห็นจากโลกภายนอกนั้น เป็นศาลเจ้าร้างขนาดเล็กที่แทบไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมเยือนจนเงียบเหงาซบเซา
แม้ว่าก่อนที่มหาเขตแดนจะสร้างเสร็จนั้น ศาลเจ้าจะมิได้รกร้าง แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน
ว่ากันว่า ศาลเจ้าฮาคุเรย์ของโลกภายนอกถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในสภาพเหมือนกับตอนที่เขตแดนถูกกางกั้นขึ้น
{ตัวอย่างการคลี่คลายเหตุวิปลาส}
・เหตุหมอกแดงวิปลาส
เหตุวิปลาสที่มีหมอกสีแดงฉานปกคลุมเกนโซวเคียวไปทั่ว จนแสงแดดส่องลงมาไม่ถึงพื้น
เหตุวิปลาสนี้เป็นเหตุวิปลาสที่ก่อขึ้นโดย เรมิเลีย สคาร์เลท
เธอเกลียดแสงแดด จึงปกคลุมเกนโซวเคียวด้วยหมอก
ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่ากันว่ามิโกะเดินทางไปยังคฤหาสน์มารแดงเพียงลำพัง และแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ค่อนข้างรุนแรง
การที่คฤหาสน์มารแดงกลายเป็นสถานที่เลื่องชื่ออย่างก้าวกระโดด ก็เพราะการเปิดเผยตัวคนร้ายหลังการคลี่คลายเหตุวิปลาสครั้งนี้นั่นเอง
・เหตุผลิหนาววิปลาส
เหตุวิปลาสที่หิมะยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่มีดอกไม้บาน และไม่มีทีท่าว่าฤดูหนาวจะจบสิ้นลง ทั้งๆที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ไม่มีการเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุวิปลาสครั้งนี้
เท่าที่ฟังจากเธอ ดูเหมือนว่าคนร้ายคือชาวโลกวิญญาณ จึงได้แก้ปัญหาโดยการลงโทษด้วยวิธีการบางอย่างไป
แม้จะไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโลกวิญญาณกับฤดูหนาวที่ยาวนานได้
แต่เธอกล่าวว่า 「กลีบดอกซากุระร่วงโรยมาจากโลกวิญญาณก็เลยรู้น่ะ」
การที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยที่มนุษย์ธรรมดาไม่รู้สึกตัวได้นั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
・เหตุราตรีนิรันดร์วิปลาส
เหตุวิปลาสที่ฟ้าไม่ยอมสาง, จนรุ่งอรุณไม่มาเยือนเป็นระยะเวลาหนึ่ง
แม้ร่ำลือกันว่าเธอเป็นคนคลี่คลายเหตุวิปลาสครั้งนี้ แต่เมื่อถามถึงต้นเหตุและคนร้าย ก็จะได้รับคำตอบที่กำกวมกลับมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เป็นเหตุวิปลาสที่ยังคงมีปริศนาอยู่มาก จึงไม่อาจลงบันทึกได้
・เหตุมหาเขตแดนวิปลาสครบรอบหกสิบปี
มหาเขตแดนสร้างขึ้นจากเขตแดนอันมั่นคงซึ่งกั้นแบ่งสิ่งมายากับสิ่งไม่มายา แต่เป็นที่รู้กันว่าทุกๆหกสิบปีจะมีครั้งเดียวเท่านั้นที่มันคลายออก
เมื่อเร็วๆนี้ได้เกิดการคลายออกครั้งที่สองขึ้น และเกิดเหตุวิปลาสเล็กๆขึ้นทั่วเกนโซวเคียวในเวลาเดียวกัน
แม้ว่านี่จะเป็นเหตุวิปลาสที่ปล่อยไว้เฉยๆมันก็จะคลี่คลายไปได้เอง
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้เรื่องนั้น จึงมุ่งหน้าออกไปคลี่คลายเหตุวิปลาสเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
・เหตุผีดูดเลือดวิปลาส
ความหมายแรกสุดในการมีตัวตนของโยวไคก็คือการทำร้ายมนุษย์
แต่หลังจากที่มหาเขตแดนถูกสร้างขึ้น โยวไคก็ไม่สามารถทำร้ายมนุษย์ได้โดยง่าย นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ทำหน้าที่จัดหาอาหารให้แก่โยวไค
กำลังใจของเหล่าโยวไคในตอนนั้นจึงลดต่ำลงเรื่อยๆ
โยวไคทรงพลังจากโลกภายนอก, ผีดูดเลือด, ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันในเกนโซวเคียวที่มีสภาพดังกล่าว
และใช้เวลาเพียงพริบตาก็ได้เหล่าโยวไคมากมายมาเป็นลูกน้อง
แต่สุดท้ายความวุ่นวายนี้ก็จบลงโดยโยวไคที่ทรงพลังที่สุดได้โค่นผีดูดเลือดลงด้วยกำลัง และประนีประนอมกันโดยทำสัญญาเกี่ยวกับข้อห้ามต่างๆนาๆ
เหล่าโยวไคที่ยังหลงเหลือกำลังใจรู้สึกว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ดีแน่ จึงมาปรึกษากับมิโกะแห่งฮาคุเรย์
มิโกะเองก็กำลังเฉื่อยชากับวันคืนที่ไร้เหตุวิปลาสรุนแรง จึงเห็นด้วยกับแนวคิดของโยวไคที่ว่า การได้ต่อสู้เป็นครั้งคราวคือสิ่งจำเป็นที่ขาดเสียมิได้
สิ่งที่คิดออกมาได้ในตอนนั้นก็คือ Spell Card Rule ที่ทำให้สามารถต่อสู้กันอย่างเต็มที่อย่างกับว่าจะเอาชีวิตเข้าแลกได้*
*4[แม้ว่าจะมีกฎอื่นๆถูกคิดออกมามากมาย แต่กฎอื่นๆนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก]
*4[ทั้งนี้เพราะสาวๆและโยวไคถูกใจความหลากหลายและความงดงามของห่ากระสุนเป็นอย่างมาก]
ว่ากันว่าการก่อเหตุวิปลาสโดยใช้ Spell Card Rule เป็นครั้งแรกสุดนั้นคือ เหตุหมอกแดงวิปลาสที่ก่อขึ้นโดยผีดูดเลือดจอมเอะอะโวยวาย
นับแต่นั้นมาก็เกิดเหตุวิปลาสขึ้นด้วยความถี่พอประมาณ และเมื่อการคลี่คลายเหตุวิปลาสจบสิ้นลงก็จะไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้
มิโกะจะต่อสู้ไปจนกว่าจะชนะ และเมื่อชนะได้สักครั้งหนึ่งแล้ว การละเล่นครั้งนั้นก็จะจบลง
มิโกะแห่งสรวงสวรรค์
{ฮาคุเรย์ เรย์มุ Reimu Hakurei }
อาชีพ : มิโกะ
ความสามารถ : บินไปบนท้องฟ้า
ที่อยู่อาศัย : ศาลเจ้าฮาคุเรย์
มิโกะคนปัจจุบันแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนเกนโซวเคียว
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ เป็นศาลเจ้าที่คอยเฝ้าดูมหาเขตแดนซึ่งจำเป็นต่อเกนโซวเคียวในปัจจุบัน
มิโกะแห่งฮาคุเรย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ต่างยึดเอางานคลี่คลายเหตุวิปลาสเป็นอาชีพ*
*1[เพราะไม่สามารถคาดหวังอะไรกับเงินทำบุญได้]
ในบรรดามิโกะทุกรุ่นที่ผ่านมา จัดว่าเธอบกพร่องด้านการรับรู้ถึงสิ่งอันตราย และฝึกฝนไม่เพียงพออย่างที่สุด
แต่พลังที่แท้จริงของเธอนั้นมากมายพอสมควรเลยทีเดียว
โยวไคจำนวนมากถูกกำราบลงด้วยดวงดีที่มีมาแต่เกิดและลางสังหรณ์อันเฉียบคมของเธอ
{นิสัย}
เป็นคนสบายๆที่ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนต่อสิ่งต่างๆอย่างมาก จึงบกพร่องด้านการรับรู้ถึงสิ่งอันตราย
ไม่ว่ากับผู้ใดก็ติดต่อคบหาด้วยท่าทางอย่างเดียวกัน คือ ไม่อ่อนโยนและไม่เข้มงวด
อาจเพราะนิสัยแบบนี้จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของโยวไคที่แข็งแกร่งได้ง่าย, ในแต่ทางตรงข้ามก็เป็นที่ครั่นคร้ามของโยวไคที่ไร้พลัง
หากแต่, เธอคิดว่าการกำราบโยวไคโดยไม่ปริปากบ่นถือเป็นงานของเธอ
{ความสามารถ}
เป็นอิสระจากแรงดึงดูด จึงสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ตามใจนึก
ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจผูกมัดเธอได้
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในฐานะมิโกะแห่งฮาคุเรย์อยู่ด้วย
มิโกะแห่งฮาคุเรย์เป็นผู้ควบคุมดูแลมหาเขตแดนฮาคุเรย์ และคอยเฝ้าคุ้มครองเกนโซวเคียว
หากมหาเขตแดนถูกทำลาย ไม่ว่าจากภายในหรือภายนอก, เกนโซวเคียวคงไม่สามารถยืนยงโดยสวัสดิภาพได้
ศาลเจ้าฮาคุเรย์และมิโกะ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการค้ำจุนเกนโซวเคียวให้มีสภาพดังเช่นปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีโยวไคตนใดที่สามารถต่อต้านมิโกะได้
แม้ไม่อาจทราบได้จากลักษณะภายนอกอันแสนเย็นใจไร้กังวลของเธอว่าเธอรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้หรือไม่
แต่โดยเนื้อแท้แล้วมิโกะแห่งฮาคุเรย์ก็คือผู้ที่กุมอำนาจเหนือเกนโซวเคียวนั่นเอง
{Spell Card Rule}
ไม่ว่าโยวไคหน้าไหนก็มิอาจโค่นมิโกะแห่งฮาคุเรย์ลงได้, ความหมายในการมีตัวตนของเหล่าโยวไคจึงเริ่มจะหายไป
แต่เธอก็ได้นำเอาหนหางสู่ศักราชใหม่มาแก้ปัญหานี้
นั่นคือ การนำ Spell Card Rule เข้ามาใช้
Spell Card Rule คือ กฎการต่อสู้ประชันความงามของท่าที่ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น
มีเนื้อหาคร่าวๆดังนี้
・Spell Card คือ การตั้งชื่อให้กับท่าที่ตนภาคภูมิใจ และตอนที่จะใช้ท่านั้นจำเป็นต้องประกาศชื่อออกมาเสียก่อน
・ทั้งสองฝ่ายต้องแสดงจำนวนการ์ดล่วงหน้าก่อนการต่อสู้
・เมื่อการ์ดทั้งหมดที่มีอยู่ในมือถูกทำลาย จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
・ผู้ชนะจะไม่ได้รับสิ่งใด นอกจากสิ่งตอบแทนที่ตกลงกันไว้ก่อนต่อสู้, หากไม่ถูกใจสิ่งตอบแทนที่อีกฝ่ายเสนอมาก็สามารถปฏิเสธได้
・ผู้ชนะควรตอบรับความต้องการที่จะแก้มือของผู้แพ้อย่างกระตือรือร้น
・เตรียมใจไว้ก่อนว่าอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ
ด้วยสิ่งนี้, ทำให้สามารถต่อสู้กันได้ โดยให้ความรู้สึกคล้ายกับการเล่นกีฬา
การนำกฎนี้มาใช้ทำให้แม้แต่มนุษย์ที่มีพลังอ่อนแอกว่าก็สามารถท้าประลองกับโยวไคได้
ในขณะเดียวกัน การโค่นมิโกะ ก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ, และในทางตรงข้าม เหล่าโยวไคก็สามารถทำตัวเหลวไหลได้เต็มที่
{กิจวัตรประจำวัน}
ในเวลาที่ไม่มีเหตุวิปลาสเกิดขึ้น เธอก็คือมนุษย์ที่ธรรมดาสุดๆคนหนึ่ง*
*2[ความเย็นใจไร้กังวลน่าจะสูงกว่าคนธรรมดา]
เธอไม่ค่อยเอาใจใส่ศาลเจ้าที่มีผู้มาทำบุญน้อย, จึงดื่มน้ำชาบ้างล่ะ แสร้งทำเป็นกวาดพื้นบ้างล่ะ
เธอโผล่หน้ามาที่หมู่บ้านอยู่บ่อยครั้งเพื่อทำธุระบางอย่างเช่น ซื้อของ
ระหว่างทางหากพบเห็นโยวไคก็จะทำการลงโทษสั่งสอนอยู่ทุกครั้งร่ำไป
ตรงจุดนี้ล่ะที่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา
{งาน}
เป็นผู้เชี่ยวชาญการคลี่คลายเหตุวิปลาส
เมื่อเกิดเหตุวิปลาสขึ้น* ความเย็นใจไร้กังวลตามปกติจะหายไปไหนไม่รู้ แล้วมุ่งหน้าไปตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
*3[เหตุวิปลาส คือ ปรากฏการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้วถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อเกนโซวเคียว โดยมีสาเหตุที่ไม่แน่ชัด]
*3[โดยทั่วไปเกิดจากอารมณ์แปรปรวนของโยวไค หรือเป็นฝีมือของผู้มาใหม่]
เดิมทีมีเพียงมิโกะแห่งฮาคุเรย์เท่านั้นที่ทำการคลี่คลายเหตุวิปลาส
แต่ในช่วงนี้ เมื่อมีเหตุวิปลาสเกิดขึ้น จะมีผู้ที่ออกมาหาทางคลี่คลายเหตุวิปลาสเลียนแบบมิโกะเป็นจำนวนมาก
{ศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่มองเห็นจากโลกภายนอก}
ศาลเจ้าฮาคุเรย์ตั้งอยู่เพื่อเป็นชายแดนระหว่างเกนโซวเคียวกับโลกภายนอก จึงสามารถเดินทางไปยังศาลเจ้าได้จากทั้งสองโลก
หากแต่, โดยทั่วไปแล้วจะไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้
มนุษย์ที่มีสามัญสำนึกของเกนโซวเคียวจะไปได้ถึงแค่ศาลเจ้าฮาคุเรย์แห่งเกนโซวเคียว
มนุษย์ที่มีสามัญสำนึกของโลกภายนอกก็จะไปได้ถึงแค่ศาลเจ้าฮาคุเรย์แห่งโลกภายนอก
ว่ากันว่า ศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่มองเห็นจากโลกภายนอกนั้น เป็นศาลเจ้าร้างขนาดเล็กที่แทบไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมเยือนจนเงียบเหงาซบเซา
แม้ว่าก่อนที่มหาเขตแดนจะสร้างเสร็จนั้น ศาลเจ้าจะมิได้รกร้าง แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน
ว่ากันว่า ศาลเจ้าฮาคุเรย์ของโลกภายนอกถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในสภาพเหมือนกับตอนที่เขตแดนถูกกางกั้นขึ้น
{ตัวอย่างการคลี่คลายเหตุวิปลาส}
・เหตุหมอกแดงวิปลาส
เหตุวิปลาสที่มีหมอกสีแดงฉานปกคลุมเกนโซวเคียวไปทั่ว จนแสงแดดส่องลงมาไม่ถึงพื้น
เหตุวิปลาสนี้เป็นเหตุวิปลาสที่ก่อขึ้นโดย เรมิเลีย สคาร์เลท
เธอเกลียดแสงแดด จึงปกคลุมเกนโซวเคียวด้วยหมอก
ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่ากันว่ามิโกะเดินทางไปยังคฤหาสน์มารแดงเพียงลำพัง และแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ค่อนข้างรุนแรง
การที่คฤหาสน์มารแดงกลายเป็นสถานที่เลื่องชื่ออย่างก้าวกระโดด ก็เพราะการเปิดเผยตัวคนร้ายหลังการคลี่คลายเหตุวิปลาสครั้งนี้นั่นเอง
・เหตุผลิหนาววิปลาส
เหตุวิปลาสที่หิมะยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่มีดอกไม้บาน และไม่มีทีท่าว่าฤดูหนาวจะจบสิ้นลง ทั้งๆที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ไม่มีการเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุวิปลาสครั้งนี้
เท่าที่ฟังจากเธอ ดูเหมือนว่าคนร้ายคือชาวโลกวิญญาณ จึงได้แก้ปัญหาโดยการลงโทษด้วยวิธีการบางอย่างไป
แม้จะไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโลกวิญญาณกับฤดูหนาวที่ยาวนานได้
แต่เธอกล่าวว่า 「กลีบดอกซากุระร่วงโรยมาจากโลกวิญญาณก็เลยรู้น่ะ」
การที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยที่มนุษย์ธรรมดาไม่รู้สึกตัวได้นั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
・เหตุราตรีนิรันดร์วิปลาส
เหตุวิปลาสที่ฟ้าไม่ยอมสาง, จนรุ่งอรุณไม่มาเยือนเป็นระยะเวลาหนึ่ง
แม้ร่ำลือกันว่าเธอเป็นคนคลี่คลายเหตุวิปลาสครั้งนี้ แต่เมื่อถามถึงต้นเหตุและคนร้าย ก็จะได้รับคำตอบที่กำกวมกลับมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เป็นเหตุวิปลาสที่ยังคงมีปริศนาอยู่มาก จึงไม่อาจลงบันทึกได้
・เหตุมหาเขตแดนวิปลาสครบรอบหกสิบปี
มหาเขตแดนสร้างขึ้นจากเขตแดนอันมั่นคงซึ่งกั้นแบ่งสิ่งมายากับสิ่งไม่มายา แต่เป็นที่รู้กันว่าทุกๆหกสิบปีจะมีครั้งเดียวเท่านั้นที่มันคลายออก
เมื่อเร็วๆนี้ได้เกิดการคลายออกครั้งที่สองขึ้น และเกิดเหตุวิปลาสเล็กๆขึ้นทั่วเกนโซวเคียวในเวลาเดียวกัน
แม้ว่านี่จะเป็นเหตุวิปลาสที่ปล่อยไว้เฉยๆมันก็จะคลี่คลายไปได้เอง
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้เรื่องนั้น จึงมุ่งหน้าออกไปคลี่คลายเหตุวิปลาสเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
・เหตุผีดูดเลือดวิปลาส
ความหมายแรกสุดในการมีตัวตนของโยวไคก็คือการทำร้ายมนุษย์
แต่หลังจากที่มหาเขตแดนถูกสร้างขึ้น โยวไคก็ไม่สามารถทำร้ายมนุษย์ได้โดยง่าย นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ทำหน้าที่จัดหาอาหารให้แก่โยวไค
กำลังใจของเหล่าโยวไคในตอนนั้นจึงลดต่ำลงเรื่อยๆ
โยวไคทรงพลังจากโลกภายนอก, ผีดูดเลือด, ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันในเกนโซวเคียวที่มีสภาพดังกล่าว
และใช้เวลาเพียงพริบตาก็ได้เหล่าโยวไคมากมายมาเป็นลูกน้อง
แต่สุดท้ายความวุ่นวายนี้ก็จบลงโดยโยวไคที่ทรงพลังที่สุดได้โค่นผีดูดเลือดลงด้วยกำลัง และประนีประนอมกันโดยทำสัญญาเกี่ยวกับข้อห้ามต่างๆนาๆ
เหล่าโยวไคที่ยังหลงเหลือกำลังใจรู้สึกว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ดีแน่ จึงมาปรึกษากับมิโกะแห่งฮาคุเรย์
มิโกะเองก็กำลังเฉื่อยชากับวันคืนที่ไร้เหตุวิปลาสรุนแรง จึงเห็นด้วยกับแนวคิดของโยวไคที่ว่า การได้ต่อสู้เป็นครั้งคราวคือสิ่งจำเป็นที่ขาดเสียมิได้
สิ่งที่คิดออกมาได้ในตอนนั้นก็คือ Spell Card Rule ที่ทำให้สามารถต่อสู้กันอย่างเต็มที่อย่างกับว่าจะเอาชีวิตเข้าแลกได้*
*4[แม้ว่าจะมีกฎอื่นๆถูกคิดออกมามากมาย แต่กฎอื่นๆนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก]
*4[ทั้งนี้เพราะสาวๆและโยวไคถูกใจความหลากหลายและความงดงามของห่ากระสุนเป็นอย่างมาก]
ว่ากันว่าการก่อเหตุวิปลาสโดยใช้ Spell Card Rule เป็นครั้งแรกสุดนั้นคือ เหตุหมอกแดงวิปลาสที่ก่อขึ้นโดยผีดูดเลือดจอมเอะอะโวยวาย
นับแต่นั้นมาก็เกิดเหตุวิปลาสขึ้นด้วยความถี่พอประมาณ และเมื่อการคลี่คลายเหตุวิปลาสจบสิ้นลงก็จะไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้
มิโกะจะต่อสู้ไปจนกว่าจะชนะ และเมื่อชนะได้สักครั้งหนึ่งแล้ว การละเล่นครั้งนั้นก็จะจบลง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น