คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 : นักเรียนเยอะไปรึเปล่า และความลับที่ถูกเปิดออก
2
นักเรียนเยอะไปรึเปล่า และความลับที่ถูกเปิดออก
“เข้าไปในโรงเรียนกันเถอะ” ซีนัสชวนฉันเมื่อเราสองคนได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้แล้ว
“อืม” ฉันตอบรับ
เราสองคนมุ่งตรงไปยังที่หน้าประตูโรงเรียนด้วยบรรยากาศแจ่มใส หมู่นกน้อยกำลังบินหาอาหารในยามเช้า แสงอรุ่นของดวงอาทิตย์สาดส่องทอแสงอุ่นๆ ให้มนุษย์ทุกคนได้รับ เมฆบนท้องฟ้ามีไม่มากในสำหรับยามเช้าเช่นนี้ ส่วนมากจะเป็นริ้วๆ กระจัดกระจายซะมากว่า ท้องฟ้าสีสดที่มองแล้วจะให้ความสดชื่นกระปี้กระเป่าในช่วงเวลานี้
นักเรียนมากมายกำลังเดินเข้าไปโรงเรียนด้วยสีหน้าแจ่มใสสดชื้นอย่างทุกวันที่ผ่านมา บ้างก็เดินหัวเราะไปกับเพื่อนข้างๆ บ้างก็เล่นยอกล้อกับไปตามประสาเด็กไม่โต แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เลย มันดูแปลกมาก ในโรงเรียนมีอากาศอึมขรึมผิดปกตินะ มันดูหมองๆ แบบบอกไม่ถูกแหะ
โรงเรียนฉันมีพื้นที่มากว่า หนึ่งพันไร่ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกป่าซะมากกว่าตัวอาคารเรียนซะอีก ถือได้เลยว่าใช้พื้นที่ปลูกอาคารเรียนไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำไป รอบๆ โรงเรียนจะมีกำแพงปูนก่อตั้งสูงไว้ถึงระดับอก ถัดจากปูนด้านบนจะเป็นเหล็กสีแดงกล้ายาวปลายแหลมคมเสียบอยู่กับปูนโดยที่จะมีเหล็กเชื่อมต่อกันอยู่ ดูแล้วหวาดเสียวชะมัดกับพวกที่ชอบโดดเรียน ไม่รู้กระโดดข้ามกันไปได้ไง
“เอ้า! ลินทร์นภาและสุภาวดีทำไมมาโรงเรียนเช้าอย่างนี้!!” อาจารย์หญิงชราประจำหน้าประตูทักขึ้น อาจารย์แกดูมีสีหน้าตื่นตนกตกใจเหมือนว่าพวกฉันมากสายตลอดทั้งชาติยังงั้นแหละ
“สวัสดีค่ะอาจารย์” เราสองคนยกมือไว้กล่าวคำสวัสดีพร้อมกัน
“มีน่าละ! ทำไมเมื่อคืนฝนถึงได้ตกแรงนัก!” อาจารย์สาวอีกคนที่อยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นบ้าง
“อาจารย์ทำเหมือนหนูไม่เคยตื่นเช้ามาโรงเรียนเลยนะค่ะ”
“ก็จริงนะสิสุภาวดี” อาจารย์ชราตอบ
ฉันขำเล็กน้อยกับการสนทนาของอาจารย์เพ็ญสารกับยัยซีนัส ก่อนจะโดนยัยซีนัสเอ็ดเล็กน้อย
“แกไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ! ฉันอายว้อย!” ซีนัสกระซิบ เธอเริ่มหน้าแดงจัดขึ้นตามลำดับ
“อาจารย์เพ็ญสาร อาจารย์จัตุพรค่ะ คือ...ทำไมโรงเรียนเราดูหมองๆ จังเลยอะค่ะ” ฉันถามก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปในโรงเรียน
“เพราะโรงเรียนเราไม่ได้ใช้โอโม้นะสิ” อาจารย์จัตุพรตอบทันควัน
“ขอบคุณค่ะ!” ฉันรีบแสดงเคารพทันทีที่ได้ยินคำตอบ ขอบคุณกับคำตอบของแกเถอะ ขอบคุณจริงๆ ฉันละรักอาจารย์คนนี้เป็นที่สุดเลย
“คิกๆ” ซีนัสขำเบาๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ นักเรียนก็เข้ากันไปในโรงเรียนเยอะแล้วนิ นี่ออดก็กำลังจะดังอีกไม่กี่นาทีอีกด้วย งั้นชวนซีนัสเข้าไปในโรงเรียนดีกว่า
“งั้นพวกหนูขอตัวเข้าในโรงเรียนก่อนนะค่ะ สวัสดีค่ะ” ฉันยังคงพูดทิ้งท้ายด้วยคำสุภาพถึงแม้อาจารย์จัตุพรจะกวนประสาทฉันก็ตาม
“นี่แกก็ตลกดีนะไปขอบคุณอาจารย์จตุพรเขาอีก” พอเดินเข้ามาในโรงเรียนไม่กี่ก้าว ซีนัสก็เปิดประเด็นทันที
“หระ...” ฉันหยุดเดินพร้อมกับหยุดคำพูดที่กำลังจะเปล่งออกมาจากปาก เมื่อพบกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“หื้ม~ ว่าไงนะ” ซีนัสเดินเลยผ่านไปฉันไปนิดหน่อยก่อนจะเดินกลับหลังมาก้าวสองก้าวเพื่อมาหยุดอยู่ข้างฉัน
“...”
“แกเป็นไรอีกวะลันลา แกอย่าบอกนะว่าอย่าให้ฉันเข้าไปในโรงเรียน!” ซีนัสเริ่มตกใจอีกครั้ง
“เปล่าหรอก” ฉันตอบสั้นๆ
“เอ๋!”
“แกรู้สึกมั้ยว่าโรงเรียนเรามีนักเรียนเยอะขึ้น” ทำไมฉันถึงถามยังงั้นนะหรอ เหอะๆ คำตอบง่ายๆ เลยไม่ยากหรอก ก็ฉันเห็นคนมากมายที่ไม่เคยเห็นหน้าเดินมาก่อน มาเดินกันไปทั่วในโรงเรียนเลยนะสิ
“อะไรของแก นักเรียนมันก็เท่าเดิมแหละ นี่แกคิดมากไปรึเปล่า”
“แกสิตาเซ่อ! คนเดินจนจะไม่มีที่ให้เดินอยู่แล้ว เอ๊ะ!!” สายตาฉันไปปะทะจังหวะที่คนสองคนเดินผ่านกันพอดี ไม่สิ! ไม่เรียกว่าผ่านหรอกแต่ควรเรียกว่าเดินทะลุผ่านมากว่า!
พอฉันหันไปหายัยซีนัสอีกทียัยนั่นก็เล่นกระเถิบเข้ามาใกล้ตัวฉันเรื่อยๆ
“รึว่าแกจะเห็นอย่างว่าอีกแล้ว!!”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่แน่ใจ”
“ไม่หรอกม้างงง! ผีเผลอที่ไหนจะมาให้เห็นตอนเช้าเยอะแยะเป็นร้อยๆ ฉันว่าแกตาฝาดเลือนลางซะมากกว่า ฉันว่าเรารีบไปเข้าแถวกันดีกว่านะ” ซีนัสพล่ามอยู่คนเดียว ฉันเลยเออออไปตามนั้น ก่อนที่จะถูกยัยบ้านี่ลากไปรอเข้าแถวที่หน้าเสาธง
“ประเทศไทยรวม...” เสียงคนขับร้องเพลงชาติดังขับขานขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ แต่ขอโทษเถอะ!! ฉันยังเห็นหลายคนยังไม่ยอมอยู่กับที่เลยนะ!!
ใช่แล้ว!! บางคนที่ฉันเห็นก็เดินว่อนไปว่อนมาเหมือนไม่ได้ยินเสียงเพลงชาติ แล้วที่เห็นไม่หยุดนิ่งนี่ไม่ใช่แค่คนสองคนนะ แต่มันเป็นร้อยๆ !!!
“นี่ๆ พิล” ฉันหันหน้าไปทางพิลที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน ที่โรงเรียนฉันจะเข้าแถวตามห้อง โดยที่จะเอานักเรียนชายทั้งหมดไว้ด้านหน้าแล้วเอานักเรียนหญิงไว้ด้านหลัง ส่วนยัยพิลอยู่ห้อง 2 ที่อยู่ใกล้ฉันมากที่สุด ฉันเลยต้องเรียกยัยนี่แหละถึงจะได้ถามอะไรได้ง่าย
“อะไร” เธอตอบเบาๆ แต่เสียงเพลงชาติยังคงเคล้าคลอกันไปตามเสียงคุยกันของนักเรียนบางกลุ่ม
“เธอ! เดี๋ยวนี้นักเรียนไม่ต้องยืนตรงเข้าแถวเคารพธงชาติกันแล้วหรอ”
“บ้าหรอ! เพลงชาตินะ!! ใครได้ยินก็ต้องยืนตรงตามสัญชาตญาณกันทั้งนั้นแหละ!”
“หรอ” ฉันพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะพบว่าเขาไปท่าไหว้พระกันแล้ว แต่นะ...ฉันว่า ฉันเห็นคนเดินไปมาไม่ยืนตรงเคารพเพลงชาติจริงๆ นะ แต่พอจะสัมผัสเท่านั้น
วูบ!!!
พระเจ้าช่วย!! ขอบคุณเถอะ!! มือฉันทะลุผ่านคนที่เดินผ่านหน้าฉันไปเมื่อกี้อย่างง่ายดายโดยไม่ถูกสัมผัสเนื้อต้องตัวเลยแม้แต่น้อย!
ไม่ใช่คน! ไม่ใช่คน! สิ่งมีชีวิตที่ฉันเห็นเด่นชัดบางอย่างไม่ได้มีลมหายใจบนโลกนี้แล้ว! อีกอย่างสิ่งที่ฉันเห็นกลับเดินว่อนไปมาเหมือนคนทั่วไปอีกต่างหาก! นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ฉันไม่เคยเห็นวิญญาณมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยนะ!!
“ซีนัส! ฉันมีอะไรจะบอกแก!” ฉันรีบวิ่งเข้าไปหายัยซีนัสที่อยู่ห่างฉันไม่มากนัก
“อะไรของแก ทำหน้ายังกะเห็นผีเชียวนะ”
“ก็ฉันเห็นนะสิ!!” ฉันตอบเสียงแข็ง
“หา!!!”
“ไม่มีเวลาหาของตอนนี้หรอกนะ! ฉันมีเรื่องจะ
” ฉันหยุดชะงักทันทีที่พบว่ามีวิญญาณสาวสวย ผมยาวตนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้นักเรียน ม.3 ห้อง 10 (แถวอยู่ติดกันห้อง ม.3/10)วิญญาณตนนั้นได้อยู่ข้างหลังของเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย ถึงแม้ว่าช่วงนี้อาจารย์ที่ขึ้นไปหน้าเสาธงจะพูดเรื่องสำคัญมากเพียงใดฉันก็ไม่ฟังหรอก เพราะดีแต่เอาเรื่องมาด่านักเรียน ใครจะไปฟังเนอะ!
“มีอะไร ทำไมแกหยุดพูดละ”
“...” วิญญาณสาวคนนั้นค่อยๆ ใช้มือที่แห้งหยาบกร้านมีเลือดแห้งเกรอะติดตามซอกมือไปจับที่คอเด็กสาวอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้านหน้า เด็กสาวคนนั้นไม่รู้สึกตัวสักนิด เธอมัวแต่ยืนคุยตามประสาเด็กสาวรักสวยรักงาม อีกอย่างเธอไม่มีวันรู้สึกตัวหรอก เพราะสิ่งที่จับคอเธออยู่ไม่ได้มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว!!
“ลันลา~” ซีนัสเธอยังคงเรียกฉันต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ฉันไม่ได้สนใจในเสียงเธอสักนิด เพราะฉันใช้สมาธิทั้งหมดจ้องไปที่ยัยผีสาวคนนั้นกับเด็กที่กำลังเป็นเหยื่อของเธอ
“นี่แก ฉันไปซื้อที่ทาสีเล็บมาใหม่ด้วยแหละ” เด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อพูด
“มิ้น! บ้านแกนี่รวยเป็นบ้าเลยเนอะ แม่ง! ซื้อเหี้ยนู่นเหี้ยนี่อยู่ได้” เพื่อนที่อยู่ข้างซ้ายเธอพูด
แต่มือนั้นเท่าที่ฉันสังเกตเห็น มันค่อยๆ บีบรัดแรงมากขึ้นจนเด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อเริ่มมีอาการหายใจติดขัดบ้าง
“อีน้ำผึ้ง มึงนี่โง่จริงเลยนะ ก็อีมิ้นมันมีเสี่ยเลี้ยงนี่หว่า จะไม่ให้มันซื้อนู่นซื้อนี่ได้ไงละ” เพื่อที่อยู่ข้างขวาพูดขึ้นอีกคน
“นี่พวกแก! ฉันรู้สึก...เจ็บคอวะ” มิ้นพูดพลางลูบคอตัวเองโดยทะลุผ่านมือเหี่ยวแห้งหุ้มกระดูกนั้น
“แกกินน้ำเสี่ยนั่นมากรึเปล่าวะ” น้ำผึ้งบอกกับมิ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“อีเวรนี่! พูดดังฉิบ! เดี่ยวแม่ได้ซวยกันหมดหรอก!” หึๆ ไม่ทันแล้วละ มันดังเข้าทะลุหูฉันไปแล้วละว่ายัยมิ้นนั่นมันถูกเสี่ยเลี้ยง
“ลันลาแกกำลังทำให้ฉันกลัวอีกแล้วนะ!!!”
กร๊อก
“อึก” เด็กสาวผู้ตกเป็นเหยื่อเริ่มดิ้นพล่านไขว่คว้าหาอากาศบริสุทธิ์ เมื่อมือนั้นเริ่มลงมือรัดคอเธอแน่น ดวงตาเด็กสาวผู้ตกเป็นเหยื่อเริ่มฉายแสงลุกโผลงเบิกกว้าง เส้นเลือดสีแดงอ่อนๆ ค่อยขึ้นให้เห็นเด่นชัดตามขอบลูกตาเธอ เธอรีบเอามือทั้งสองมาจับที่ต้นคออีกที และล้มไปกับพื้น
“มิ้นแกเป็นไร!!” น้ำผึ้งรีบนั่งยองๆ ลงไปดูมิ้นทันที และตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจกับมิ้นเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่บริเวณนี้นั่งฟังอาจารย์ที่ขึ้นไปพูดหน้าเสาธง
“เหอะๆ มันคงแกล้งนะสิ ถ้าจะแกล้งละก็ ก็ช่วยให้มันเนียนๆ หน่อยสิย๊ะ”
“จะบ้ารึไงมีน แกก็เห็นมันบ่นว่าเจ็บคอไม่ใช่หรอ!!”
“นี่อีมิ้น มึงจะแกล้งอีกนานไหมวะ” เด็กที่ชื่อมีนเริ่มหัวเราะกับพฤติกรรมของเพื่อน เธอคิดว่าเพื่อน ‘แกล้ง’ ให้เธอหัวเสียเล่นๆ แต่ความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่เลยสักนิด!!
“ตรงนั้นมุงอะไรกันนะ!” เสียงอาจารย์ที่ขึ้นไปพูดหน้าเสาธงชี้นิ้วมายังกลุ่มนักเรียนที่เริ่มมุงดูเด็กที่ชื่อมิ้นกำลังตกอยู่ในอันตราย
“มิ้นมันไม่ตลกแล้วนะ!!” มีนยังคงมั่นคงในคำตอบของเธอต่อไปว่านั่นคือการ...แกล้ง
“มีน!! มิ้นมันไม่ได้แกล้งนะเว้ย! มันเหมือนกำลัง จะ...จะ..จะขาดใจ” น้ำผึ้งลังเลคำพูดของเธอก่อนจะพูดอกมาในที่สุด
“ชะ..ช
อึก...อา”
“มึงว่าอะไรนะมิ้น” มีนถาม เธอเริ่มนั่งลงไปดูเพื่อนเธออีกคน
“ช่วยยยย....ด้วยยยยย...หะ...หายใจ....มะ...ไม่ออก” ในที่สุดคำตอบก็หลุดออกมาจากเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย
“ช่วยด้วยค่ะมีคนกำลังเป็นลม!!!” เสียงคณะกรรมการนักเรียนที่เดินเข้ามาดูเห็นเหตุการณ์ เริ่มร้องให้อาจารย์ช่วย ก่อนจะกั้นให้นักเรียนที่มุงดูให้ถอยห่างออกไป
“ไม่ใช่!! มันกำลังจะตาย!!” มีนร้องขึ้นพลางกระโดดหนีออกจากร่างของมิ้น
“อีบ้ามีนมึงพูดห่าอะไรวะ!! ช่วยด้วยค่ะ!!!! ใครก็ได้ช่วยเพื่อนหนูที!!” เสียงร้องของน้ำผึ้งในครั้งนี้เริ่มทำให้นักเรียนเริ่มมาดูเหตุการณ์มากขึ้นก่อนจะตามมาด้วยอาจารย์ประจำห้องพยาบาล
“เป็นอะไรกัน!” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลนั่งลงข้างมิ้นก่อนจะตั้งคำถามไปที่เพื่อนสาวของเธอ
“หนูไม่รู้ค่ะ หนูเห็นมันบีบคอตัวเองแล้วล้มลงไป หนูไม่รู้ ฮือๆๆๆ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูทำดีแล้ว เอาละเดี๋ยวอาจารย์จะช่วยเพื่อนหนูเอง”
หึๆๆ ไม่หรอก ไม่ใครจะช่วยยัยเด็กคนนี้ได้แล้วละ ฉันเห็นแล้ว!! ฉันเห็นอนาคตของยัยเด็กชื่อมิ้นนี่แล้ว ไม่มี!! ไม่มีใครแล้วที่จะช่วยเธอได้ นอกจากเธอจะต้องตายด้วยน้ำมือของผีสาวที่กำลังบีบคอเธออยู่!!
กร๊อก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!” เสียงกรี๊ดร้องของมิ้นดังขึ้นเมื่อผีสาวเริ่มลงมือบีบรัดคอแรงขึ้นเป็นเท่าตัว ดวงตามิ้นเริ่มมีน้ำใสๆ ออกมาจากดวงตา ดวงตาเธอเริ่มทะลักออกมาจากเบ้าเล็กน้อย เธอพยายามจะแกะมือใครสักคนออกจากคอเธอ แต่...ก็ไม่สามารถทำได้เลยสักนิด
“มิ้น!!!” น้ำผึ้งเริ่มกรี๊ดร้อง รีบผละตัวเข้าหามิ้นก่อนจะจับร่างที่ยังเหลือลมหายใจอันน้อยนิดไว้
“นักเรียนทุกคนออกไป!!!” อาจารย์ประจำห้องปกครองรีบมาดูเหตุการณ์ก่อนจะเริ่มไล่นักเรียนเมื่อสถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้นเต็มที
หึ! มีหรอที่ใครเขาจะไปจากเหตุการณ์ ต่อให้ขู่จะไปเผาบ้านฉันก็ไม่มีวันไป!!!!
“ไปซะไม่งั้นครูจะหักคะแนนพวกเธอ!!” อาจารย์ห้องปกครองยังคงทำหน้าที่ตัวเองต่อไป แต่เด็กนักเรียนกลับไม่ทำตามคำสั่งแก นักเรียนจำนวนมากยังคงยืนดูกับเหตุการณ์ บ้างก็เดินหนี ทนกับเหตุการณ์ไม่ได้ บ้างก็เอามือปิดตาตัวเอง แอบมองผ่านช่องนิ้วมือที่แง้มไว้น้อยๆ
“ตายแน่” ฉันพูด
“แกว่าไงนะ!!” ซีนักร้องเสียงสูงที่ได้ยินคำพูดของฉัน
“เด็กคนนี้...ตาย...ฉันเห็นมัน” ซีนักได้ยินคำตอบถึงอึ้ง สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นสีฝาดทันที
กร๊อก!
“กรีด...อึก...” เสียงร้องของมิ้นดังติดหูทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ ผีสาวต้นเหตุในครั้งนี้มองดูเหตุการณ์ก่อนจะค่อยๆ คลายมือจากออกรอบคอของมิ้น เธอหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะค่อยๆ หายตัวไปจากตรงนั้น
ลิ้นของมิ้นเริ่มจุปากออกมา ดวงตาของเธอได้หลุดกลิ้งไปตามพื้นปูน เลือกสีสดเริ่มทะลักออกมาจากปากของเธอ รอยบุ๋มที่ดวงตาเริ่มมีเลือดสีแดงฉานออกมาเช่นกัน เลือดนั้นค่อยๆ ไหลไปตามพื้นปูนที่ใช้เข้าแถวเคารพธงชาติ นักเรียนบางคนที่เห็นการณ์ถึงกับอ้วก บางคนถึงกับรีบวิ่งหนีทนกับเหตุกาณณ์ไม่ได้
“มิ้น” น้ำผึ้งเรียกชื่อเพื่อนเธอเบาๆ พลางเขย่าร่างกายที่ไร้ดวงวิญญาณ
“ทุกคนบอกให้กลับห้องไง!!!!” อาจารย์ประจำห้องปกครองเริ่มหาไม้มาขู่นักเรียนก่อนที่นักเรียนจะเริ่มหนีออกจากตรงนั้นไป บางคนถึงกับอ้วกที่เห็นเหตุการณ์ บางคนถึงสลบไปก็มี
“ลันลา~ ฉัน...ฉัน...มันไม่จริงใช่ไหม” ซีนัสมองดูเหตุการณ์อย่างหวาดๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีออกไปให้ไกลที่สุด
“มิ้น แกตื่นมาคุยกับฉันสิ แกอย่าทำเป็นเล่นเลย”
“หนู ครูเสียใจด้วย เพื่อนหนู...ตาย...แล้ว” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลบอกเสียงอ่อยก่อนจะมองศพมิ้นด้วยแววตาโศกเศร้าเสียใจ
“ใช่! มันตายแล้ว มันตายแล้ว!!” มีนกรีดร้องก่อนจะล้มตัวลงข้างๆ น้ำผึ้ง ก่อนจะหัวเราะเหมือนคนบ้า
“มันยังไม่ตาย หึๆ แกดูจิ ดวงตามันสวยดีจัง” น้ำผึ้งเริ่มหยิบดวงตาของมิ้นมาดูก่อนที่จะ...
พละ!!
น้ำผึ้งบีบเข้าที่ดวงตามิ้นก่อนจะมีเลือดสีแดงเต็มไปมือของเธอ เธอมองดูมันเหมือนเป็นศิลปะชิ้นเอกของเธอก่อนจะหัวเราะลั่น
“หึๆๆ เลือดๆๆ เย้ๆ แกดูดิมีน”
“ไหนๆ เออๆๆ อึๆๆ สวยจิงๆ ด้วย”
“พวกหนู!!” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลถึงตกใจทันทีที่เห็นเด็กสองข้างหน้าเริ่มเสียสติ
หึๆ เสียสติไปอีก 2 หลังจากตาย 1 สินะ
ฉันมองดูเลือดสีแดงฉานตรงนั้นก่อนจะนึกถึงข้อความในหนังสือเล่มนั้นที่เขียนเอาไว้ว่า
‘ความลับจะเปิดเมื่อเลือดคนตายหยด’
“ลันลาไปกันเถอะ” ซีนัสเรียกฉันเบาๆ
“...”
“นี่พวกเธอสองคนยังไม่ไปอีกหรือไง! ไปขึ้นห้องเดี๋ยวนี้!!!” ตามมาด้วยเสียงอาจารย์ประจำห้องปกครอง
“ค่ะๆ เดี๋ยวไป ...เอ๋! ลันลานั่นแกจะทำอะไรนะ”
ฉันนั่งลงกับพื้นก่อนจะค่อยๆ เอานิ้วมือจุ่มลงไปที่เลือดสีแดงตรงนั้นแล้วค่อยๆ หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา แล้วเอาปลายนิ้วที่มีเลือดป้ายลงไปที่หนังสือสีดำ ก่อนจะพบว่าหนังสือเล่มนี้มันดูดกลืนเลือดสีแดงนั้นลงไป!!
“ลันลาสกปรก! แกทำบ้าอะไรของแกเนี่ย!!” ซีนัสร้องเสียงสูงก่อนจะตีเข้าที่บ่าฉันเบาๆ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ฉันค่อยๆ เปิดหนังสือออก แต่! พระเจ้าเถอะ!! ตัวหนังสือมากมายจากที่ไหนก็ไม่รู้ผุดขึ้นมาจากกระดาษสีขาว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมีมาก่อนเลย!!
“นี่เธอทำอะไรน่ะ!! ไปล้างมือเดี๋ยวนี้!! ใครบอกให้เอานิ้วไปจุ่มกับเลือด!!” อาจารย์ประจำห้องปกครองสั่งก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัวกับเหตุการณ์ปันจุบัน
“อ๋อ~ ค่ะๆ ขอโทษด้วยค่ะ” ฉันรีบขอโทษขอผายก่อนจะดึงยัยซีนัสมา แต่ก็มิวายได้ยินอาจารย์ประจำห้องปกครองพูดต่อ
“เด็กสมัยนี้เล่นอะไรพิเรนจริงๆ แต่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ!!”
‘ความลับจะเปิดเมื่อเลือดคนตายหยด’ หรอ
ฉันไม่รู้หรอกนะ รู้แต่ว่าในตอนนี้หนังสือที่ว่ามันมีตัวหนังสือโผล่ขึ้นมาแล้วละ!!
ความคิดเห็น