ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kill Ruthless : ตำราอาถรรพ์ กระชากวิญญาณหลอน

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 : นักเรียนเยอะไปรึเปล่า และความลับที่ถูกเปิดออก

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 52



    2
    นักเรียนเยอะไปรึเปล่า  และความลับที่ถูกเปิดออก

         “เข้าไปในโรงเรียนกันเถอะ”  ซีนัสชวนฉันเมื่อเราสองคนได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้แล้ว
         “อืม”  ฉันตอบรับ
         เราสองคนมุ่งตรงไปยังที่หน้าประตูโรงเรียนด้วยบรรยากาศแจ่มใส  หมู่นกน้อยกำลังบินหาอาหารในยามเช้า  แสงอรุ่นของดวงอาทิตย์สาดส่องทอแสงอุ่นๆ ให้มนุษย์ทุกคนได้รับ  เมฆบนท้องฟ้ามีไม่มากในสำหรับยามเช้าเช่นนี้  ส่วนมากจะเป็นริ้วๆ กระจัดกระจายซะมากว่า  ท้องฟ้าสีสดที่มองแล้วจะให้ความสดชื่นกระปี้กระเป่าในช่วงเวลานี้ 
         นักเรียนมากมายกำลังเดินเข้าไปโรงเรียนด้วยสีหน้าแจ่มใสสดชื้นอย่างทุกวันที่ผ่านมา  บ้างก็เดินหัวเราะไปกับเพื่อนข้างๆ  บ้างก็เล่นยอกล้อกับไปตามประสาเด็กไม่โต  แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เลย มันดูแปลกมาก  ในโรงเรียนมีอากาศอึมขรึมผิดปกตินะ  มันดูหมองๆ แบบบอกไม่ถูกแหะ
         โรงเรียนฉันมีพื้นที่มากว่า หนึ่งพันไร่   ส่วนใหญ่จะเป็นพวกป่าซะมากกว่าตัวอาคารเรียนซะอีก  ถือได้เลยว่าใช้พื้นที่ปลูกอาคารเรียนไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำไป  รอบๆ โรงเรียนจะมีกำแพงปูนก่อตั้งสูงไว้ถึงระดับอก  ถัดจากปูนด้านบนจะเป็นเหล็กสีแดงกล้ายาวปลายแหลมคมเสียบอยู่กับปูนโดยที่จะมีเหล็กเชื่อมต่อกันอยู่  ดูแล้วหวาดเสียวชะมัดกับพวกที่ชอบโดดเรียน  ไม่รู้กระโดดข้ามกันไปได้ไง
         “เอ้า! ลินทร์นภาและสุภาวดีทำไมมาโรงเรียนเช้าอย่างนี้!!” อาจารย์หญิงชราประจำหน้าประตูทักขึ้น  อาจารย์แกดูมีสีหน้าตื่นตนกตกใจเหมือนว่าพวกฉันมากสายตลอดทั้งชาติยังงั้นแหละ
         “สวัสดีค่ะอาจารย์”  เราสองคนยกมือไว้กล่าวคำสวัสดีพร้อมกัน
         “มีน่าละ! ทำไมเมื่อคืนฝนถึงได้ตกแรงนัก!”  อาจารย์สาวอีกคนที่อยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นบ้าง
         “อาจารย์ทำเหมือนหนูไม่เคยตื่นเช้ามาโรงเรียนเลยนะค่ะ”
         “ก็จริงนะสิสุภาวดี”  อาจารย์ชราตอบ
         ฉันขำเล็กน้อยกับการสนทนาของอาจารย์เพ็ญสารกับยัยซีนัส  ก่อนจะโดนยัยซีนัสเอ็ดเล็กน้อย
         “แกไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ!  ฉันอายว้อย!” ซีนัสกระซิบ  เธอเริ่มหน้าแดงจัดขึ้นตามลำดับ
         “อาจารย์เพ็ญสาร  อาจารย์จัตุพรค่ะ  คือ...ทำไมโรงเรียนเราดูหมองๆ  จังเลยอะค่ะ”  ฉันถามก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปในโรงเรียน
         “เพราะโรงเรียนเราไม่ได้ใช้โอโม้นะสิ” อาจารย์จัตุพรตอบทันควัน
         “ขอบคุณค่ะ!”  ฉันรีบแสดงเคารพทันทีที่ได้ยินคำตอบ ขอบคุณกับคำตอบของแกเถอะ  ขอบคุณจริงๆ ฉันละรักอาจารย์คนนี้เป็นที่สุดเลย
         “คิกๆ”  ซีนัสขำเบาๆ  แต่ก็ช่างมันเถอะ  นักเรียนก็เข้ากันไปในโรงเรียนเยอะแล้วนิ  นี่ออดก็กำลังจะดังอีกไม่กี่นาทีอีกด้วย  งั้นชวนซีนัสเข้าไปในโรงเรียนดีกว่า
         “งั้นพวกหนูขอตัวเข้าในโรงเรียนก่อนนะค่ะ  สวัสดีค่ะ”  ฉันยังคงพูดทิ้งท้ายด้วยคำสุภาพถึงแม้อาจารย์จัตุพรจะกวนประสาทฉันก็ตาม
         “นี่แกก็ตลกดีนะไปขอบคุณอาจารย์จตุพรเขาอีก” พอเดินเข้ามาในโรงเรียนไม่กี่ก้าว  ซีนัสก็เปิดประเด็นทันที
         “หระ...”  ฉันหยุดเดินพร้อมกับหยุดคำพูดที่กำลังจะเปล่งออกมาจากปาก  เมื่อพบกับภาพที่เห็นตรงหน้า
         “หื้ม~ ว่าไงนะ” ซีนัสเดินเลยผ่านไปฉันไปนิดหน่อยก่อนจะเดินกลับหลังมาก้าวสองก้าวเพื่อมาหยุดอยู่ข้างฉัน
         “...”
         “แกเป็นไรอีกวะลันลา  แกอย่าบอกนะว่าอย่าให้ฉันเข้าไปในโรงเรียน!”  ซีนัสเริ่มตกใจอีกครั้ง
         “เปล่าหรอก” ฉันตอบสั้นๆ
         “เอ๋!”
         “แกรู้สึกมั้ยว่าโรงเรียนเรามีนักเรียนเยอะขึ้น” ทำไมฉันถึงถามยังงั้นนะหรอ  เหอะๆ คำตอบง่ายๆ เลยไม่ยากหรอก  ก็ฉันเห็นคนมากมายที่ไม่เคยเห็นหน้าเดินมาก่อน  มาเดินกันไปทั่วในโรงเรียนเลยนะสิ
         “อะไรของแก  นักเรียนมันก็เท่าเดิมแหละ  นี่แกคิดมากไปรึเปล่า”
         “แกสิตาเซ่อ!  คนเดินจนจะไม่มีที่ให้เดินอยู่แล้ว  เอ๊ะ!!”  สายตาฉันไปปะทะจังหวะที่คนสองคนเดินผ่านกันพอดี  ไม่สิ!  ไม่เรียกว่าผ่านหรอกแต่ควรเรียกว่าเดินทะลุผ่านมากว่า!
         พอฉันหันไปหายัยซีนัสอีกทียัยนั่นก็เล่นกระเถิบเข้ามาใกล้ตัวฉันเรื่อยๆ
         “รึว่าแกจะเห็นอย่างว่าอีกแล้ว!!”
         “ไม่รู้สิ  ฉันไม่แน่ใจ”
         “ไม่หรอกม้างงง! ผีเผลอที่ไหนจะมาให้เห็นตอนเช้าเยอะแยะเป็นร้อยๆ ฉันว่าแกตาฝาดเลือนลางซะมากกว่า  ฉันว่าเรารีบไปเข้าแถวกันดีกว่านะ”  ซีนัสพล่ามอยู่คนเดียว ฉันเลยเออออไปตามนั้น  ก่อนที่จะถูกยัยบ้านี่ลากไปรอเข้าแถวที่หน้าเสาธง

         “ประเทศไทยรวม...” เสียงคนขับร้องเพลงชาติดังขับขานขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ แต่ขอโทษเถอะ!!  ฉันยังเห็นหลายคนยังไม่ยอมอยู่กับที่เลยนะ!!
         ใช่แล้ว!!  บางคนที่ฉันเห็นก็เดินว่อนไปว่อนมาเหมือนไม่ได้ยินเสียงเพลงชาติ  แล้วที่เห็นไม่หยุดนิ่งนี่ไม่ใช่แค่คนสองคนนะ  แต่มันเป็นร้อยๆ !!!
         “นี่ๆ พิล”  ฉันหันหน้าไปทางพิลที่ยืนอยู่ข้างๆ  ฉัน  ที่โรงเรียนฉันจะเข้าแถวตามห้อง  โดยที่จะเอานักเรียนชายทั้งหมดไว้ด้านหน้าแล้วเอานักเรียนหญิงไว้ด้านหลัง  ส่วนยัยพิลอยู่ห้อง 2 ที่อยู่ใกล้ฉันมากที่สุด  ฉันเลยต้องเรียกยัยนี่แหละถึงจะได้ถามอะไรได้ง่าย
         “อะไร”  เธอตอบเบาๆ  แต่เสียงเพลงชาติยังคงเคล้าคลอกันไปตามเสียงคุยกันของนักเรียนบางกลุ่ม
         “เธอ! เดี๋ยวนี้นักเรียนไม่ต้องยืนตรงเข้าแถวเคารพธงชาติกันแล้วหรอ”
         “บ้าหรอ!  เพลงชาตินะ!! ใครได้ยินก็ต้องยืนตรงตามสัญชาตญาณกันทั้งนั้นแหละ!”
         “หรอ” ฉันพยักหน้าเบาๆ  ก่อนที่จะพบว่าเขาไปท่าไหว้พระกันแล้ว  แต่นะ...ฉันว่า ฉันเห็นคนเดินไปมาไม่ยืนตรงเคารพเพลงชาติจริงๆ นะ  แต่พอจะสัมผัสเท่านั้น
         วูบ!!!
         พระเจ้าช่วย!!  ขอบคุณเถอะ!!  มือฉันทะลุผ่านคนที่เดินผ่านหน้าฉันไปเมื่อกี้อย่างง่ายดายโดยไม่ถูกสัมผัสเนื้อต้องตัวเลยแม้แต่น้อย!

         ไม่ใช่คน!  ไม่ใช่คน! สิ่งมีชีวิตที่ฉันเห็นเด่นชัดบางอย่างไม่ได้มีลมหายใจบนโลกนี้แล้ว! อีกอย่างสิ่งที่ฉันเห็นกลับเดินว่อนไปมาเหมือนคนทั่วไปอีกต่างหาก!  นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ฉันไม่เคยเห็นวิญญาณมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยนะ!!
         “ซีนัส!  ฉันมีอะไรจะบอกแก!”  ฉันรีบวิ่งเข้าไปหายัยซีนัสที่อยู่ห่างฉันไม่มากนัก 
         “อะไรของแก  ทำหน้ายังกะเห็นผีเชียวนะ”
         “ก็ฉันเห็นนะสิ!!” ฉันตอบเสียงแข็ง
         “หา!!!”
         “ไม่มีเวลาหาของตอนนี้หรอกนะ!  ฉันมีเรื่องจะ…”  ฉันหยุดชะงักทันทีที่พบว่ามีวิญญาณสาวสวย   ผมยาวตนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้นักเรียน ม.3 ห้อง 10 (แถวอยู่ติดกันห้อง ม.3/10)วิญญาณตนนั้นได้อยู่ข้างหลังของเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย  ถึงแม้ว่าช่วงนี้อาจารย์ที่ขึ้นไปหน้าเสาธงจะพูดเรื่องสำคัญมากเพียงใดฉันก็ไม่ฟังหรอก  เพราะดีแต่เอาเรื่องมาด่านักเรียน  ใครจะไปฟังเนอะ!
         “มีอะไร   ทำไมแกหยุดพูดละ”
         “...”  วิญญาณสาวคนนั้นค่อยๆ  ใช้มือที่แห้งหยาบกร้านมีเลือดแห้งเกรอะติดตามซอกมือไปจับที่คอเด็กสาวอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้านหน้า  เด็กสาวคนนั้นไม่รู้สึกตัวสักนิด  เธอมัวแต่ยืนคุยตามประสาเด็กสาวรักสวยรักงาม   อีกอย่างเธอไม่มีวันรู้สึกตัวหรอก  เพราะสิ่งที่จับคอเธออยู่ไม่ได้มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว!!
         “ลันลา~”  ซีนัสเธอยังคงเรียกฉันต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  แต่ฉันไม่ได้สนใจในเสียงเธอสักนิด  เพราะฉันใช้สมาธิทั้งหมดจ้องไปที่ยัยผีสาวคนนั้นกับเด็กที่กำลังเป็นเหยื่อของเธอ
         “นี่แก  ฉันไปซื้อที่ทาสีเล็บมาใหม่ด้วยแหละ” เด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อพูด
         “มิ้น!  บ้านแกนี่รวยเป็นบ้าเลยเนอะ  แม่ง! ซื้อเหี้ยนู่นเหี้ยนี่อยู่ได้”  เพื่อนที่อยู่ข้างซ้ายเธอพูด
         แต่มือนั้นเท่าที่ฉันสังเกตเห็น  มันค่อยๆ บีบรัดแรงมากขึ้นจนเด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อเริ่มมีอาการหายใจติดขัดบ้าง
         “อีน้ำผึ้ง  มึงนี่โง่จริงเลยนะ  ก็อีมิ้นมันมีเสี่ยเลี้ยงนี่หว่า   จะไม่ให้มันซื้อนู่นซื้อนี่ได้ไงละ”  เพื่อที่อยู่ข้างขวาพูดขึ้นอีกคน
         “นี่พวกแก!  ฉันรู้สึก...เจ็บคอวะ”  มิ้นพูดพลางลูบคอตัวเองโดยทะลุผ่านมือเหี่ยวแห้งหุ้มกระดูกนั้น
         “แกกินน้ำเสี่ยนั่นมากรึเปล่าวะ”  น้ำผึ้งบอกกับมิ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
         “อีเวรนี่!  พูดดังฉิบ!  เดี่ยวแม่ได้ซวยกันหมดหรอก!”  หึๆ ไม่ทันแล้วละ  มันดังเข้าทะลุหูฉันไปแล้วละว่ายัยมิ้นนั่นมันถูกเสี่ยเลี้ยง
         “ลันลาแกกำลังทำให้ฉันกลัวอีกแล้วนะ!!!”
         กร๊อก
         “อึก” เด็กสาวผู้ตกเป็นเหยื่อเริ่มดิ้นพล่านไขว่คว้าหาอากาศบริสุทธิ์  เมื่อมือนั้นเริ่มลงมือรัดคอเธอแน่น  ดวงตาเด็กสาวผู้ตกเป็นเหยื่อเริ่มฉายแสงลุกโผลงเบิกกว้าง  เส้นเลือดสีแดงอ่อนๆ ค่อยขึ้นให้เห็นเด่นชัดตามขอบลูกตาเธอ   เธอรีบเอามือทั้งสองมาจับที่ต้นคออีกที  และล้มไปกับพื้น
         “มิ้นแกเป็นไร!!”  น้ำผึ้งรีบนั่งยองๆ ลงไปดูมิ้นทันที  และตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจกับมิ้นเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย   มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่บริเวณนี้นั่งฟังอาจารย์ที่ขึ้นไปพูดหน้าเสาธง
         “เหอะๆ  มันคงแกล้งนะสิ  ถ้าจะแกล้งละก็  ก็ช่วยให้มันเนียนๆ หน่อยสิย๊ะ”
         “จะบ้ารึไงมีน  แกก็เห็นมันบ่นว่าเจ็บคอไม่ใช่หรอ!!”
         “นี่อีมิ้น  มึงจะแกล้งอีกนานไหมวะ”  เด็กที่ชื่อมีนเริ่มหัวเราะกับพฤติกรรมของเพื่อน  เธอคิดว่าเพื่อน ‘แกล้ง’ ให้เธอหัวเสียเล่นๆ  แต่ความเป็นจริงแล้ว  มันไม่ใช่เลยสักนิด!!
         “ตรงนั้นมุงอะไรกันนะ!”  เสียงอาจารย์ที่ขึ้นไปพูดหน้าเสาธงชี้นิ้วมายังกลุ่มนักเรียนที่เริ่มมุงดูเด็กที่ชื่อมิ้นกำลังตกอยู่ในอันตราย
         “มิ้นมันไม่ตลกแล้วนะ!!”  มีนยังคงมั่นคงในคำตอบของเธอต่อไปว่านั่นคือการ...แกล้ง
         “มีน!!  มิ้นมันไม่ได้แกล้งนะเว้ย!  มันเหมือนกำลัง จะ...จะ..จะขาดใจ”  น้ำผึ้งลังเลคำพูดของเธอก่อนจะพูดอกมาในที่สุด
         “ชะ..ช…อึก...อา”
         “มึงว่าอะไรนะมิ้น” มีนถาม  เธอเริ่มนั่งลงไปดูเพื่อนเธออีกคน
         “ช่วยยยย....ด้วยยยยย...หะ...หายใจ....มะ...ไม่ออก”  ในที่สุดคำตอบก็หลุดออกมาจากเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย 
         “ช่วยด้วยค่ะมีคนกำลังเป็นลม!!!”  เสียงคณะกรรมการนักเรียนที่เดินเข้ามาดูเห็นเหตุการณ์  เริ่มร้องให้อาจารย์ช่วย  ก่อนจะกั้นให้นักเรียนที่มุงดูให้ถอยห่างออกไป
         “ไม่ใช่!!  มันกำลังจะตาย!!”  มีนร้องขึ้นพลางกระโดดหนีออกจากร่างของมิ้น
         “อีบ้ามีนมึงพูดห่าอะไรวะ!! ช่วยด้วยค่ะ!!!! ใครก็ได้ช่วยเพื่อนหนูที!!”  เสียงร้องของน้ำผึ้งในครั้งนี้เริ่มทำให้นักเรียนเริ่มมาดูเหตุการณ์มากขึ้นก่อนจะตามมาด้วยอาจารย์ประจำห้องพยาบาล
         “เป็นอะไรกัน!”  อาจารย์ประจำห้องพยาบาลนั่งลงข้างมิ้นก่อนจะตั้งคำถามไปที่เพื่อนสาวของเธอ
         “หนูไม่รู้ค่ะ  หนูเห็นมันบีบคอตัวเองแล้วล้มลงไป  หนูไม่รู้  ฮือๆๆๆ”
         “ไม่เป็นไรจ้ะ   หนูทำดีแล้ว  เอาละเดี๋ยวอาจารย์จะช่วยเพื่อนหนูเอง”
         หึๆๆ ไม่หรอก  ไม่ใครจะช่วยยัยเด็กคนนี้ได้แล้วละ  ฉันเห็นแล้ว!!  ฉันเห็นอนาคตของยัยเด็กชื่อมิ้นนี่แล้ว  ไม่มี!! ไม่มีใครแล้วที่จะช่วยเธอได้  นอกจากเธอจะต้องตายด้วยน้ำมือของผีสาวที่กำลังบีบคอเธออยู่!!
         กร๊อก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
         “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!”  เสียงกรี๊ดร้องของมิ้นดังขึ้นเมื่อผีสาวเริ่มลงมือบีบรัดคอแรงขึ้นเป็นเท่าตัว  ดวงตามิ้นเริ่มมีน้ำใสๆ ออกมาจากดวงตา   ดวงตาเธอเริ่มทะลักออกมาจากเบ้าเล็กน้อย เธอพยายามจะแกะมือใครสักคนออกจากคอเธอ  แต่...ก็ไม่สามารถทำได้เลยสักนิด
         “มิ้น!!!”  น้ำผึ้งเริ่มกรี๊ดร้อง  รีบผละตัวเข้าหามิ้นก่อนจะจับร่างที่ยังเหลือลมหายใจอันน้อยนิดไว้
         “นักเรียนทุกคนออกไป!!!”  อาจารย์ประจำห้องปกครองรีบมาดูเหตุการณ์ก่อนจะเริ่มไล่นักเรียนเมื่อสถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้นเต็มที
         หึ!  มีหรอที่ใครเขาจะไปจากเหตุการณ์  ต่อให้ขู่จะไปเผาบ้านฉันก็ไม่มีวันไป!!!!
         “ไปซะไม่งั้นครูจะหักคะแนนพวกเธอ!!”  อาจารย์ห้องปกครองยังคงทำหน้าที่ตัวเองต่อไป  แต่เด็กนักเรียนกลับไม่ทำตามคำสั่งแก  นักเรียนจำนวนมากยังคงยืนดูกับเหตุการณ์  บ้างก็เดินหนี  ทนกับเหตุการณ์ไม่ได้  บ้างก็เอามือปิดตาตัวเอง  แอบมองผ่านช่องนิ้วมือที่แง้มไว้น้อยๆ
         “ตายแน่”  ฉันพูด
         “แกว่าไงนะ!!”  ซีนักร้องเสียงสูงที่ได้ยินคำพูดของฉัน
         “เด็กคนนี้...ตาย...ฉันเห็นมัน”  ซีนักได้ยินคำตอบถึงอึ้ง  สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นสีฝาดทันที
         กร๊อก!
         “กรีด...อึก...”  เสียงร้องของมิ้นดังติดหูทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ   ผีสาวต้นเหตุในครั้งนี้มองดูเหตุการณ์ก่อนจะค่อยๆ  คลายมือจากออกรอบคอของมิ้น  เธอหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก  ก่อนจะค่อยๆ  หายตัวไปจากตรงนั้น
         ลิ้นของมิ้นเริ่มจุปากออกมา  ดวงตาของเธอได้หลุดกลิ้งไปตามพื้นปูน  เลือกสีสดเริ่มทะลักออกมาจากปากของเธอ  รอยบุ๋มที่ดวงตาเริ่มมีเลือดสีแดงฉานออกมาเช่นกัน  เลือดนั้นค่อยๆ ไหลไปตามพื้นปูนที่ใช้เข้าแถวเคารพธงชาติ  นักเรียนบางคนที่เห็นการณ์ถึงกับอ้วก  บางคนถึงกับรีบวิ่งหนีทนกับเหตุกาณณ์ไม่ได้
         “มิ้น”  น้ำผึ้งเรียกชื่อเพื่อนเธอเบาๆ พลางเขย่าร่างกายที่ไร้ดวงวิญญาณ
         “ทุกคนบอกให้กลับห้องไง!!!!”  อาจารย์ประจำห้องปกครองเริ่มหาไม้มาขู่นักเรียนก่อนที่นักเรียนจะเริ่มหนีออกจากตรงนั้นไป  บางคนถึงกับอ้วกที่เห็นเหตุการณ์ บางคนถึงสลบไปก็มี
         “ลันลา~ ฉัน...ฉัน...มันไม่จริงใช่ไหม”  ซีนัสมองดูเหตุการณ์อย่างหวาดๆ  ก่อนจะเบือนหน้าหนีออกไปให้ไกลที่สุด
         “มิ้น  แกตื่นมาคุยกับฉันสิ  แกอย่าทำเป็นเล่นเลย”
         “หนู  ครูเสียใจด้วย  เพื่อนหนู...ตาย...แล้ว”  อาจารย์ประจำห้องพยาบาลบอกเสียงอ่อยก่อนจะมองศพมิ้นด้วยแววตาโศกเศร้าเสียใจ
         “ใช่! มันตายแล้ว  มันตายแล้ว!!”  มีนกรีดร้องก่อนจะล้มตัวลงข้างๆ น้ำผึ้ง  ก่อนจะหัวเราะเหมือนคนบ้า
         “มันยังไม่ตาย  หึๆ แกดูจิ ดวงตามันสวยดีจัง”  น้ำผึ้งเริ่มหยิบดวงตาของมิ้นมาดูก่อนที่จะ...
         พละ!!
         น้ำผึ้งบีบเข้าที่ดวงตามิ้นก่อนจะมีเลือดสีแดงเต็มไปมือของเธอ  เธอมองดูมันเหมือนเป็นศิลปะชิ้นเอกของเธอก่อนจะหัวเราะลั่น
         “หึๆๆ  เลือดๆๆ เย้ๆ แกดูดิมีน”
         “ไหนๆ เออๆๆ  อึๆๆ  สวยจิงๆ ด้วย”
         “พวกหนู!!”  อาจารย์ประจำห้องพยาบาลถึงตกใจทันทีที่เห็นเด็กสองข้างหน้าเริ่มเสียสติ
         หึๆ เสียสติไปอีก  2  หลังจากตาย 1 สินะ
         ฉันมองดูเลือดสีแดงฉานตรงนั้นก่อนจะนึกถึงข้อความในหนังสือเล่มนั้นที่เขียนเอาไว้ว่า
         ‘ความลับจะเปิดเมื่อเลือดคนตายหยด’
         “ลันลาไปกันเถอะ”  ซีนัสเรียกฉันเบาๆ
         “...”
         “นี่พวกเธอสองคนยังไม่ไปอีกหรือไง!  ไปขึ้นห้องเดี๋ยวนี้!!!”  ตามมาด้วยเสียงอาจารย์ประจำห้องปกครอง
         “ค่ะๆ  เดี๋ยวไป  ...เอ๋! ลันลานั่นแกจะทำอะไรนะ”
         ฉันนั่งลงกับพื้นก่อนจะค่อยๆ เอานิ้วมือจุ่มลงไปที่เลือดสีแดงตรงนั้นแล้วค่อยๆ หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา  แล้วเอาปลายนิ้วที่มีเลือดป้ายลงไปที่หนังสือสีดำ  ก่อนจะพบว่าหนังสือเล่มนี้มันดูดกลืนเลือดสีแดงนั้นลงไป!!
         “ลันลาสกปรก!  แกทำบ้าอะไรของแกเนี่ย!!” ซีนัสร้องเสียงสูงก่อนจะตีเข้าที่บ่าฉันเบาๆ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
         ฉันค่อยๆ  เปิดหนังสือออก  แต่!  พระเจ้าเถอะ!! ตัวหนังสือมากมายจากที่ไหนก็ไม่รู้ผุดขึ้นมาจากกระดาษสีขาว  ทั้งๆ  ที่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมีมาก่อนเลย!!
         “นี่เธอทำอะไรน่ะ!!  ไปล้างมือเดี๋ยวนี้!!  ใครบอกให้เอานิ้วไปจุ่มกับเลือด!!” อาจารย์ประจำห้องปกครองสั่งก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัวกับเหตุการณ์ปันจุบัน
         “อ๋อ~ ค่ะๆ  ขอโทษด้วยค่ะ”  ฉันรีบขอโทษขอผายก่อนจะดึงยัยซีนัสมา  แต่ก็มิวายได้ยินอาจารย์ประจำห้องปกครองพูดต่อ
         “เด็กสมัยนี้เล่นอะไรพิเรนจริงๆ  แต่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ!!”
         ‘ความลับจะเปิดเมื่อเลือดคนตายหยด’ หรอ
         ฉันไม่รู้หรอกนะ  รู้แต่ว่าในตอนนี้หนังสือที่ว่ามันมีตัวหนังสือโผล่ขึ้นมาแล้วละ!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×