ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kill Ruthless : ตำราอาถรรพ์ กระชากวิญญาณหลอน

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1 : ดวงตาฉันมันไม่เหมือนคนอื่น

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 52


         7 : 50 น. วันต่อมา
         “ว่าไงนะ!!”  เสียงทุ้มเข้มในวัยชราดังขึ้นด้วยเสียงที่สูงแหลม  เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่เขาได้ยินมันคือความจริง!
        “ค่ะ”  หญิงวัยชราตอบด้วยอาการสั่นเทาก่อนจะเลื่อนมือสองข้างมาจับเข้าด้วยกันแล้วพูดต่อว่า “ตำราบลายได้ถูกขุดไปจากใต้ต้นโพธิ์พันปีแล้วค่ะ  เราเพิ่งไปพบเมื่อเช้านี้เอง”
         “เป็นไปไม่ได้! ในเมื่อเรื่องนี้รู้เพียงไม่กี่คนไม่ใช่หรือไง ! แล้วทำไม!  ทำไมมันถูกเจอได้ละ!”  เสียงเข้มชายวัยชราพูดต่อจากผู้จัดการของตนเอง   เขาเริ่มหวั่นวิตกกลัวว่ามันจะเกิดเหตุร้ายที่คาดไม่ถึงขึ้น  เขาเดินออกมาจากโต๊ะทำงานก่อนจะมาหยุดที่หน้าผู้จัดการของตนเอง
         “แต่ท่าน ผอ. ค่ะ เราไม่รู้นี้จริงๆ ค่ะ”  หญิงวัยชราเริ่มไม่สบตายผู้เป็นเจ้านาย
         “เอางี้ละกัน!!  อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด   แม้แต่อาจารย์คนเดียวก็อย่าให้รู้เข้าใจไหม!!”  ผู้เป็นเจ้านายสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
        “ค่ะ!” หญิงวัยชราตอบรับก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของ ผอ.

    1
    ดวงตาฉันมันไม่เหมือนคนอื่น

        ในห้องที่เงียบสงบ  ณ  บ้านหลังหนึ่งที่ตั้งตระง่ายอยู่ภายใต้เขตแดนกรุงเทพมหานครฯ  ฉันกำลังหวีผมสีดำอมน้ำตาลของตัวเองที่ยาวไปถึงกลางหลัง   มันยาวมากๆ เลยนะ  แถมยังสวยด้วยละ  นี่ฉันก็หวีผมมาได้สัก 5 นาทีแล้วนะ  แต่ก็ยังไม่สวยตามใจฉันสักที  ทำไมนะหรอ? หึๆๆ คำตอบง่ายๆ เลยคือ...
        ...มีผีบ้านผีเรือนกำลังเล่นเส้นผมฉันอยู่นะสิ!!
        อย่าคิดว่าเรื่องอย่างนี้ฉันจะไม่รู้และฉันไม่เคยสนใจนะ!  ก็ฉันมันเป็นพวกสายตาไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขานิ  ดวงตาฉันมันสามารถมองเห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นได้มานานแล้ว  ตั้งแต่จำความได้เลยทีเดียว  อีกอย่างนะ...ฉันยังสามารถมองเห็นอนาคตที่กำลังจะเกิดอันใกล้นี้ได้ด้วย!!!
        “ลันลาลูก!!  เสร็จรึยังจ้ะ!”
        “ค่า~  ใกล้เสร็จแล้ว  เดี๋ยวลงไปนะแม่”  ฉันตะโกนตอบกลับผู้เป็นมารดาก่อนจะหยุดนิ่งแล้วรวบรวมสมาธิของฉันให้เป็นหนึ่งเดียวกับจิตใจ  ต่อจากนั้นก็ค่อยๆ พ่นลมหายใจออกมาทางปาก  แล้วพูดต่อว่า...
        “หนูขอความเป็นส่วนตัวสักพักได้ไหมค่ะ!!!”  ฉันพูดอย่างมีน้ำโหน้อยๆ ก่อนจะพบว่าร่างหญิงสาวงามที่ปรากฏอยู่ด้านหลังฉันสะดุ้งตกใจก่อนจะหายวับไปในพริบตา
         ...ก็เท่านี้แหละ...
         ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วรีบจัดการทรงผมให้เข้าที่เข้าทางด้วยการหวีผมให้ยาวสลวยแล้วม้วนเป็นลอนน้อยๆ  ที่ปลายผม ก่อนจะเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง  พอพบว่าไม่มีอะไรที่ต้องแก้ไขแล้วจึงเรียบคว้ากระเป๋าเตรียมตัวที่จะวิ่งลงไปด้านล่างข้างบ้าน แต่...
         เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับสมุดดำสนิทที่หน้าปกทำจากผ้ากำมะหยี่   มันดูแปลกๆ  นะกับไอ้หนังสือบ้าๆ  ที่ฉันได้มากจากปู่ของฉัน ทั้งๆ  ที่พ่อแม่ฉันได้ข้าวของทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และพี่ชายฉันก็ได้ข้าวของทุกอย่างที่อยู่ในห้องใต้ดิน  ส่วนย่าฉันไม่ต้องพูดถึง  ท่านได้ที่ดินบ้านหลังนี้  แต่ดูฉันสิกลับได้หนังสือเพียงเล่มเดียวที่ขาวโพลนไม่มีอะไรขีดเขียนไว้ในนั้นเลย  มันคุ้มกันรึเปล่านะ  อ๊ะ! ฉันคงได้รับสายตาบ้าๆ ที่มองเห็นอะไรแปลกๆ จากคุณปู่สินะ  ใครเขาอยากได้กันละค่ะปู่ไอ้ดวงตาแบบเนี่ย  ปู่ไม่น่ามองเห็นแบบนี้เลย
         ฉันเดินไปโต๊ะหนังสือก่อนจะค่อยๆ  บรรจงหยิบหนังสือสีดำคลับขึ้นมามองอย่างพินิจ   พิจารณา  อา~ ลืมบอกอะไรไปไอ้สมุดหนังสือบ้านี่มันมีอะไรเขียนแปลกๆ ไว้อยู่ด้านหลังหนังสือด้วยละ มันน่าขำซะจริงๆ กับไอ้ประโยคว่า
         ‘ความลับจะเปิดเมื่อเลือดคนตายหยด’
         ฮ่าๆ คิดแล้วก็ขำทำยังกะเป็นหนังสือผียังไงยังงั้นเลยเนอะ
         “ลันลา! เสร็จรึยังระวังจะไปโรงเรียนสายนะลูก!!!!”  เสียงตะโกนจากแม่ฉันคราวนี้ดังกว่าปกติแหะ  สงสัยแม่ฉันเริ่มหงุดหงิดเข้าแล้วสิ  ถ้าไม่ลงไปมีหวังโดนด่าเละแน่เลย
         ว่าแล้วฉันจึงรีบลงไปข้างล่างของบ้านทันทีแต่ก็มิวายหยิบสมุดที่ได้จากคุณปู่ที่รักใส่เข้ากระเป๋าไปด้วย

         “จอดตรงนี้แหละพี่เลลัน”  ฉันบอกให้พี่ฉันหยุดรถตรงหน้าบ้านยัยซีนัสที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงเรียน  หึๆๆ สบายนักนะแกยัยเพื่อนบ้า  ก็บ้านหล่อนเล่นอยู่ตรงข้ามโรงเรียนเลยที่นา  แต่หล่อนสิเล่นตื่นสายซะเขาจะเข้าแถวเคารพธงชาติกันจะเสร็จอยู่แล้ว
         “อืมๆ” พี่ชายฉันจอดหน้าบ้านยัยซีนัสก่อนที่ฉันจะผลักประตูรถให้เหวี่ยงเปิดออก  แต่พี่ชายฉันกลับพูดขัดจังหวะกันซะงั้น “ไม่รู้ว่าแกคบเพื่อนบ้าๆ  อย่างนี้ไปได้ยังไง  ตื่นสายเป็นบ้าเลย”
         “นั่นสิเนอะ”  ฉันตอบเป็นพิธีก่อนจะผละตัวออกมาจากรถแล้วปิดประตูรถไว้ดังเดิม
         ว่าแล้วพี่ฉันก็ยิ้มให้ก่อนจะขับรถข้ามถนนเพื่อเข้าไปตัวโรงเรียน แหวะ! ทำเป็นพูดดีไปนะพี่เลลันทีแท้พี่ก็ชอบยัยซีนัสนะสิ  น้องสาวคนนี้รู้น้า...
         แล้ววันนี้ฉันต้องนั่งรอยัยซีนัสกี่ชั่วโมงเนี่ย  คนสวยยิ่งเบื่อง่ายซะด้วยสิ ฮะๆๆ
         “ว่าไงลันลามาช้าจังนะวันนี้”  เสียงใสเล็กอันคุ้นเคยดังมาจากในตัวบ้านทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวสะอาดที่ดูมีฐานะดังแว่วเข้ามาในระบบประสาทฉัน
         “เออ...คุณเป็นใครกันค่ะ”  ฉันหันหน้าไปยังต้นเสียง  อา...ยัยซีนัสจริงๆ ด้วย ตามที่คิดไว้เลยแหะ  แต่ว่าทำไมวันนี่ยัยนี่ตื่นเช้าผิดปกติแหะแกล้งสักหน่อยดีกว่าหวังคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
         “อ้อ! คนสวยนะค่ะ  แล้วคุณมายืนทำอะไรหน้าบ้านฉันค่ะ”
         น่าน! หล่อนมีการเล่นมุขตามน้ำด้วย
         “อ้อหรอค่ะ! คือฉันมาหาคนที่สวยอยู่บ้านหลังนี้นะค่ะ  สงสัยคงจะไม่มี  เสียดายจังเลยนะค่ะ”  ฉันพูดจบยัยซีนัสก็เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ตัวฉัน
         “คนสวยที่คุณว่ากำลังยืนคุยกับคุณนี่ไงค่ะ” เธอว่าพลางยักคิ้วข้างขวาให้
         “ไม่มีนี่ค่ะ  ฉันเห็นแต่กิ้งกือเน่ายืนอยู่ค่ะ”
         “แง~ ยัยลันลาแกเล่นแรงไปมั้ย” ซีนัสพูดก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพลางทำสีหน้าน้อยใจ
         “แหม~ ดูเข้าสิย่ะ  ก็วันนี้แกตื่นเร็วผิดปกตินี่นา  ไอ้ฉันก็นึกว่าไม่ใช่แก  ดีไม่ดีคิดฉันคิดด้วยซ้ำว่าที่ฉันยืนคุยอยู่นี่คือคนหน้าเหมือนคนชื่อซีนัสละ” ฉันร่ายยาวก่อนจะก้าวขึ้นสะพานลอยที่ทอดยาวอยู่สูงไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง  ซึ่งจะมีโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่โดยมียัยซีนัสเดินอยู่ข้างๆ กาย
         “แกก็พูดเข้าไปนั่น  ก็เมื่อวานอะดี้... ลมแรงเป็นบ้าแถมฟ้าก็ดังลั่นสนั่นบ้าน  ฉันก็กลัวมากเลย  เลยรีบเข้านอน” ซีนัสผงกหัวไปด้านข้างเล็กน้อยพลางมองไปด้านหน้า  เหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่
         “...”
         “แต่เมื่อวานนี้มันน่ากลัวจริงๆ  นะพอได้มองเข้าไปในโรงเรียนอะ  แถมบรรยากาศเมื่อคืนก็ดูแปลกตาไปด้วย... เอ๊ะ!  ลันลาแกหยุดเดินทำไม”  ซีนัสหยุดเดินเมื่อเห็นฉันหยุดเดินก่อนหน้านี้  เธอค่อยๆ เอี้ยวตัวกลับแล้วเดินตรงเข้ามาหาฉัน
         “...”
         “ซีนัสทำไมแกเงียบละ”
         “...”
         “นี่แกทำให้ฉันกำลังกลัวนะ!!”  ซีนัสร้องลั่นทันที แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
         ภายใต้สะพานลอยจะมีรถมากมายแล่นไปมาเพื่อไปยังที่หมายของแต่ละคนในตอนเช้า  แต่นี่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกเช่นกัน  แต่ในสายตาฉัน  ภาพที่ฉันได้เห็นตรงหน้าคือภาพที่มีคนมากมายกำลังกระโดดเล่นอยู่นบสะพานลอยเหมือนอยากจะให้สะพานลอยพังถล่มลงไปให้ได้ยังไงยังงั้น  ที่สำคัญแต่ละคนจะมีเลือดกระโชกเต็มร่างกาย  บ้างก็มีรอยแผลกรีดอยู่ตามใบหน้า  บ้างก็หน้าเน่าเละเปื่อยยุ่ยเหมือนถูกครูดกับพื้นซีเมนมาก็ไม่ปาน!
         อยู่ดีๆ ก็มีภาพซ้อนขึ้นมาอีกภาพมันยิ่งทำให้ตัวฉันสั่นมากขึ้น!!   ภาพที่ฉันเห็นคือสะพานลอยที่ฉันกับซีนัสและนักเรียนคนอื่นๆ กำลังยืนอยู่นี้  จู่ๆ มันก็ได้พังทลายลงไปทับถนนและรถยนต์จนได้รับความเสียหาย  มีคนมากมายที่ต้องล้มตายกับเหตุการณ์นี้!  ฉันเห็นมัน!  ฉันเห็นมันแล้ว!!!!
         “กรี๊ดดดดดดดดดด!!”  ฉันกรีดร้องออกมาเบาๆ ตาเริ่มโบกโพลงมากขึ้นกับภาพที่ได้เห็น  ภาพมันน่ากลัวเกินกว่าที่เด็ก ม.4 อย่างฉันจะเห็นมากนัก! 
         “แกเป็นอะไรรึเปล่าลันลา!  แกทำให้ฉันประสาทเสียนะ!  แกหยุดได้แล้ว!  ฉันกลัวแล้วนะ!” ยัยซีนัสเริ่มเข้ามายืนชิดกับตัวฉัน  เธอเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัวพลางเอามือมาเกาะที่ไหล่ฉัน  เธอค่อยๆ ใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ กาย ก่อนจะพบว่านักเรียนที่กำลังเดินข้ามสะพานลอยเริ่มหันมามองที่ฉันกับยัยซีนัสด้วยสีหน้าแปลกใจปนตลก
         “เราต้องรีบลงจากสะพานลอยนี้ซะ!” ฉันตวาดลั่นใส่ยัยซีนัส
         “อะ...อะไรของแก!!”  ซีนัสถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
         “บอกให้รีบลงไปจากที่นี้ไงเล่าไม่ได้ยินหรือไง!!”
         “!!!”  ซีนัสตกใจงงกับเหตุการณ์ก่อนจะถูกฉันคว้าข้อมือลงมาจากสะพานลอยได้สำเร็จ  เธอเริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น  เธอกลืนน้ำลายตัวเองก่อนจะตั้งคำถามมาที่ฉัน
         “เธอเป็นอะไร…ลันลา”
         “ช่างมันเถอะ”  ฉันตอบแบบปัดๆ
         “มันไม่ตลกนะลันลา!  แกบอกฉันเองไม่ใช่หรอว่า ...แก! มีดวงตาที่ไม่เหมือนใคร!  แกสามารถมองเห็นวิญญาณและอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นได้!  มันต้องมีเกิดขึ้นอะไรแน่ๆ แกบอกฉันมาเถอะ!  เราเป็นเพื่อนกันนะ!”
         “แกสัญญากับฉันได้ไหม”
         “เอ๋? หมายความว่าไง  สัญญาอะไร?”  ซีนัสเริ่มสงสัยมากขึ้น
         “ว่าวันนี้ทั้งวันแกจะไม่ใช้สะพานลอยข้ามกลับบ้าน!”
        “แกจะบ้ารึไงลันลา!  แล้วจะให้ฉันกลับบ้านยังไงถ้าไม่...”
        “แกสัญญากับฉันสิซีนัส  แกเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุดนะ”
        “...”
        “สัญญากับฉันสิ”
        “ก็ได้! โอเค...วันนี้ฉันจะไม่ใช้สะพานลอยอย่างแน่นอน  พอใจยังรึยัง”
         “...” ฉันไม่ว่าอะไรได้แต่ยิ้มให้ให้ซีนัสเพื่อสาวที่ฉันสนิทมากที่สุด พวกเราสองคนมีความลับอะไรมักจะเปิดเผยให้กันรู้เสมอ   เรารักกันเหมือนเป็นญาติกันจริงๆ 
         “แกสัญญากับฉันแล้วนะ”  ฉันถามถึงสัญญาที่ให้กันไว้ที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง
        “อื้ม”  เธอตอบรับด้วยสีหน้าสดใส
         ดีแล้วละ   ฉันยังไม่อยากให้แกต้องจากฉันไปด้วยเหตุการณ์สะพานลอยถล่มลงมา  แกต้องอยู่เป็นเพื่อนสนิทของฉันนะซีนัส   แต่ตัวฉันไม่อาจรู้ได้หรอกว่าสะพานมันจะถล่มเวลาไหน  แต่สิ่งเดียวที่ฉันและมั่นใจมากๆ เลยคือมันจะต้องเกิดขึ้นวันนี้อย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×