ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องวุ่นๆ ของเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #5 : เหตุผล

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 48


    ตอนที่ 5 เหตุผล



    หลังจากที่เยริน่าหลบเข้าห้องอักษรไปแล้ว เจอิลก็นั่งหัวเราะอยู่ที่ประตูมือก็ยังคงกุมช่วงล่างของตนด้วยความเจ็บปวดอยู่



    “สมแล้ว เจ้านั่นหน้าหวานอย่างไรก็ยังเป็นผู้ชาย ข้าทำอะไรลงไปกันเนี่ยะ”



    ทันใดนั้นเองประตูที่กำลังพิงอยู่ก็เปิดออก เจ้าชายยูจีนโผล่ออกมายืนค้ำศีรษะคนที่นั่งอยู่ก่อน



    “อ้าว! ท่านเจอิล ท่านมานั่งทำอะไรตรงนี้ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่สู้ดีเลย ท่านเจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า” แต่สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความห่วงใย กลับมีแต่รอยยิ้มบางๆ อยู่บนใบหน้าคมคายนั่น



    เจอิลมองคนพูดด้วยสายตาปานจะเผาผลาญคนตรงหน้าให้สิ้นไป พยายามลุกขึ้นเต็มความสูงของตนเพื่อให้ทัดเทียมกับบุรุษผมสีน้ำตาลทองตรงหน้า “ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอก เห็นตรงนี้มันน่านั่งก็เลยพักซักหน่อย ปราสาทของท่านนี่กว้างดีนะ” พลางชะเง้อเข้าไปในห้องเพื่อมองหาอะไรบางอย่าง



    “ถ้าท่านมองหาองครักษ์ของข้าล่ะก็ ไม่อยู่ไปแล้ว”



    เจอิลหันขวับมาทันทีด้วยความลืมตัว “ไปไหน ไปเมื่อไร ก็ข้ารออยู่ตรงนี้ตลอด ทำไมไม่เห็น”



    แต่กลับได้พบแต่รอยยิ้มของยูจีนที่เจอิลคิดว่ากวนประสาทเสียจริง “เค้าก็ไปทำงานตามที่ข้าสั่งให้ไปทำ เพราะเขาเป็นองครักษ์ของข้านะสิ ส่วนทำไมท่านไม่เห็น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”



    แววตาโกรธวูบวาบขึ้นมาในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นทันที “งั้นขอข้าตัวก่อนล่ะ”



    “เดี๋ยวก่อน ท่านเจอิล” ยูจีนเรียกไว้เมื่อเห็นบุรุษอีกคนทำท่าจะจากไปในทันที



    “ข้าต้องขอบอกอะไรท่านอย่างหนึ่ง เยียเป็นผู้ชายและเป็นทหารที่ดีของข้า กรุณาเข้าใจด้วย”



    เจอิลหันขวับมาทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายเป็นสีทองแดง “ท่านหมายความว่าข้าวิปริตอย่างนั้นใช่หรือไม่”



    “ก็แล้วแต่ท่านจะคิดแล้วกัน ข้าเพียงแต่อยากให้ท่านตรึกตรองให้ดี ข้าไม่อยากเสียเพื่อนที่เพิ่งรู้จัก และไม่อยากเสียทหารที่ดีไปเช่นกัน” แล้วกลับเข้าห้องอักษรไป ทิ้งให้เจอิลจมอยู่กับความคิดคนเดียว



    ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอแสงอ่อนลง พิจารณาถึงสิ่งที่บุคคลตรงหน้าเพิ่งจะพูดไป “ขอบใจท่านมากที่ช่วยเตือนสติข้า”

    ..........................................................................



    “ลาปิส... ข้าจะทำอย่างไรดี” กษัตริย์ยาฟาถามมหาดเล็กผู้ซื่อสัตย์หลังจากได้ถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟัง



    “ข้าขอถามอย่างนะ ท่านยาฟ” เมื่ออยู่ตามลำพัง ลาปิสจะได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นการใช้ราชาศัพท์และสามารถคุยกับกษัตริย์ได้ดังเช่นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง



    กษัตริย์ผู้สูงส่งมองหน้าเพื่อนด้วยแววสับสนและรอคอย



    “เจ้าหญิงเยริน่า เป็นลูกของท่านหรือไม่”



    “เอ๊ะ! อย่าเพิ่งทรงพิโรธข้า ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจท่านหญิงยูเรียน่านะ” รีบพูดต่อทันทีที่เห็นดวงตาของผู้กุมชะตาชีวิตของโทเรอาวาววาบขึ้นมา



    “ก็ต้องเป็นลูกสาวของข้าแน่นอนน่ะสิ” พระองค์สะบัดเสียงขุ่นมัว



    “ไม่ว่านางจะอัปลักษณ์หรืออย่างไร ท่านก็รักนางใช่หรือไม่”



    “ไม่ว่านางจะเป็นอย่างไร คนทั้งแผ่นดินจะรังเกียจนางแค่ไหน ข้าก็รักนางเพราะนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้ากับคนที่ข้ารัก” พระเนตรเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง นึกถึงวันเวลาเก่าๆ ที่เคยได้อยู่กับราชินีที่รักยิ่ง



    “ท่านพอใจให้นางมีชีวิตอยู่ในตอนนี้หรือไม่”



    “ทำไม เจ้าถึงถามเช่นนี้กับข้า ข้าเป็นบิดาของนาง ก็ย่อมต้องการเห็นนางมีชีวิตอยู่ต่อไปตลอดกาลน่ะสิ”



    “งั้นท่านคงพิจารณาอะไรทั้งหมดได้เองแล้วสินะ ผู้ให้กำเนิดเช่นท่านคงไตร่ตรองอะไรๆ ได้ดีกว่าข้าแน่นอน”



    คำกล่าวเรียบๆ จากคู่สนทนาส่งผลให้กษัตริย์แห่งโทเรอาเงียบไปสักครู่ ก่อนที่แววตาสับสนนั้นจะค่อยเลือนจางลง และเอ่ยแกมหัวเราะออกมาได้อย่างยอมรับในที่สุด



    “ใช่! อย่างไรนางก็เป็นลูกสาวของข้ากับยูเรียน่า นางคือนางฟ้าของข้า นางสดใสดั่งแสงตะวันยามเช้าทีเดียว และที่สำคัญนางเป็นเด็กดี สง่างามสมเป็นเชื้อสายแห่งโทเรอา และตลอดเวลาแรมปีที่นางมาทำหน้าที่องครักษ์ประจำของยูจีน ก็ทำได้ไม่มีที่ติ”



    “ข้าพระองค์ขอแสดงความยินดีที่พระธิดาในพระองค์กับองค์ราชินียูเรียน่า เจ้าหญิงเยริน่าหายจากโรคภัยที่เบียดเบียนมาเป็นเวลานาน ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองเจ้าหญิงให้ปลอดภัยตลอดไปพะย่ะค่ะ” ลาปิสกล่าวพลางยิ้มแสดงความยินดีในคำตอบของพระองค์ผู้ทรงเป็นประมุขของโทเรอา



    “ขอบใจมากนะลาปิส ปัญหาง่ายเพียงนิด ข้ากลับคิดไม่ออก เอาล่ะ ไปปราสาททิศใต้ ไปทักทายนางอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง” กษัตริย์ยาฟาทรงลุกขึ้นเหยียดพระวรกายสูงสง่าดังเดิม ไม่เหลือเค้าบุรุษผู้จมอยู่กับความสับสนเหมือนเมื่อชั่วโมงก่อนแม้แต่นิดเดียว



    “เป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้วพะย่ะค่ะ เออ... ฝ่าบาท จะทรงบอกเจ้าชายยูจีนหรือไม่พะย่ะค่ะ”



    “แน่นอน เยริน่าเป็นน้องสาวของยูจีน และยังเป็นองครักษ์ด้วย ยูจีนคงไม่อยากให้น้องได้รับอันตรายก่อนตนเองแน่นอน และถึงแม้ว่ายูจีนจะยอม ข้าก็ไม่ยอมหรอก!!!”

    ..........................................................................



    “เจ้าหญิงทำไมวันนี้กลับแต่วันละเพคะ” ชีล่าทักอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเยริน่ากลับปราสาทตั้งแต่ยังไม่สายดี



    “น้าชีล่า ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้ว” เยริน่าสบตาสีฟ้าในของตนกลับผู้เลี้ยงดู



    “เรื่อง... เรื่อง อะไรเพคะ อย่าบอกข้านะว่าเรื่องที่ท่านปลอมตัวเป็นผู้ชาย”



    เยริน่าพยักหน้ารับ



    “โอย!!! แล้วพระองค์ว่าอย่างไรบ้างเพคะ ทรงลงโทษท่านหรือเปล่า หม่อมฉันจะไปรับผิดเอง” ชีล่าลุกพรวดตั้งท่าจะวิ่งออกไป แต่ชะงักทันที เมื่อมือขาวของเยริน่าคว้าหมับที่ท่อนแขนเรียวของนาง



    “น้าชีล่า... ท่านไม่ผิดจะไปรับโทษอะไร ข้าผิดเอง ท่านกับน้าเชสรีบหนีไปให้ไกลที่สุด แล้วให้ทหารนางกำนัลที่ประจำปราสาททิศใต้หนีไปให้ไกลที่สุด ข้าว่าถ้าพวกท่านไปเซรอน ท่านน้าบียาร์ต้องปกป้องพวกท่านได้แน่นอน” เยริน่าพูดทั้งน้ำตา



    “ข้าไม่ไป! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! เจ้าหญิง ถ้าจะตาย ข้าจะตายก่อนท่าน ท่านแม่ฝากท่านไว้กับข้า” ชีล่าประคองใบหน้าหวานที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตาของเยริน่าขึ้นมา



    “เจ้าหญิง ถ้าจะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าจะตายข้าพร้อมจะตายก่อนท่าน”



    “น้าชีล่า... ไม่นะ... ท่านอย่าทำอย่างนี้ ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงไม่มีชีวิตมาถึงบัดนี้ อย่าให้ข้าต้องทำให้ท่านและอีกหลายๆ คนต้องมาจบชีวิตลงเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของข้าเลย”



    “อย่าพูดอย่างนี้อีกนะ” เสียงสะอื้นของชีล่าตวาดใส่ผู้ที่ตนเลี้ยงดู “เป็นเพราะข้าสอนท่านไม่ดีเอง ไม่ปรามเมื่อท่านคิดจะทำ ข้าต้องเป็นคนรับผิดชอบถึงจะถูก”



    “ใคร... ใครจะรับผิดชอบอะไร” เสียงทรงอำนาจแทรกขึ้นมาทันที



    “เสด็จพ่อ!!!”



    “ฝ่าบาท!!!”



    ทั้งเยริน่าและชีล่าตกใจที่กษัตริย์โทเรอาเสด็จมาโดยที่ไม่มีทหารให้สัญญาณและยิ่งตอนนี้กำลังมีความผิด เหงื่อจึงผุดออกมาเต็มหน้า ทั้งสองคนกอดกันกลม สีหน้าซีดเซียว



    “น้าชีล่า หนีไปเร็ว ข้ารับผิดชอบเอง” เยริน่าผลักชีล่าไปยืนเบื้องหลังตน



    แต่ชีล่าไม่ยอมกลับแย่งที่จะไปอยู่เบื้องหน้า “ไม่! เจ้าหญิงน่ะ หลบไปก่อน ข้ารับผิดชอบเอง”



    กษัตริย์ยาฟาเห็นการกระทำทั้งหมด ก็ให้นึกขัน เพราะพระองค์ไม่คิดจะมาลงโทษหรือเอาผิดใครอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการฟังเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งและวางแผนว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปดีเท่านั้น แต่สิ่งที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรอยู่ตอนนี้ก็คือ สายสัมพันธ์ของคนสองคน หรืออาจจะมากกว่าสองก็ได้ เพราะตอนที่พระองค์เสด็จเข้ามา ทหารของปราสาททิศใต้ก็พยายามที่จะส่งสัญญาณเข้ามาแจ้งแก่เจ้าหญิงของพวกเขา แต่พระองค์ห้ามไว้ รวมถึงนางกำนัลทั้งหมดด้วย



    “พอ! พอแล้ว! เจ้าทั้งสองคนทำข้าปวดหัวไปหมดแล้ว!”



    “เชสไปไหน ลาปิส ไปตามเชสมาพบข้าที่ห้องอักษร” เมื่อสอดส่ายสายตาแล้ว ไม่เจอแพทย์ประจำพระองค์หญิง กษัตริย์ยาฟาจึงหันไปสั่งคนสนิท



    “เอ้อ.. เสด็จพ่อ น้าเชสไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะเพคะ” เยริน่าร้องห้ามทันที



    “เจ้ายังไม่ต้องพูดอะไรตอนนี้ ทั้งสองคน ตามข้ามา” พระองค์เสด็จนำเยริน่าและชีล่าไปยังห้องอักษรของปราสาท



    เชสเดินตามเข้ามาในห้องอักษร หลังจากคนทั้งสามมาถึงได้ไม่นาน



    “ขอจงทรงพระเจริญพะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้” เชสแสดงความเคารพโดยยังไม่ได้สังเกตุถึงบุคคลอื่นในห้องนอกจากกษัตริย์แห่งโทเรอาพระองค์เดียว



    “ลาปิส ปิดประตู และไปเฝ้าหน้าประตูไว้”



    บัดนี้ในห้องเหลือเพียง กษัตริย์ยาฟา เจ้าหญิงเยริน่า ชีล่า และเชสเท่านั้น



    “ลุกขึ้นได้เชส”



    เมื่อเชสยืนขึ้นก็พบกับเยริน่าในชุดองครักษ์ และภรรยาตนเองชีล่ายืนกุมมือกันอยู่ จึงพอเดาเรื่องราวลางๆ ได้



    “เจ้าเป็นใคร” เป็นคำถามแรกที่ตรัสออกมาของกษัตริย์แห่งโทเรอา



    เชสรู้แน่แล้วว่าเรื่องมาถึงตอนนี้คงไม่ต้องปิดบังอะไรทั้งสิ้น จึงเล่าให้ฟังแต่ต้นว่าตนและชีล่าเป็นใคร ติดตามราชินียูเรียน่ามาเพื่ออะไร



    กษัตริย์ยาฟาประทับนั่งฟังอย่างสงบ ดวงตาทั้งสองของพระองค์ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น จนเยริน่าไม่รู้ว่าทรงคิดอะไรอยู่ หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็ทรงตรัสเสียงเรียบๆ ออกมา



    “ทำไมเจ้าถึงไม่เคยบอกข้ามาก่อน ท่านทั้งสองคนสามารถอยู่ในโทเรอาด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ที่มากกว่าแพทย์และพี่เลี้ยงได้”



    “เพราะพวกกระหม่อมคิดว่า อยู่ในฐานะนี้ก็ดีแล้วพะย่ะค่ะ พวกหม่อมฉันสองคนต้องการอยู่อย่างสงบตามประสาผัวเมีย ไม่อยากไปแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใครอีกพะย่ะค่ะ” เชสตอบเรียบๆเช่นกัน แต่แววตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพูดจริง



    “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่เซ้าซี้เจ้าให้มากความไปอีก ข้าขอถามอีกข้อ แล้วทำไมต้องปิดบังข้าเรื่องเยริน่า” พร้อมตวัดสายตามาทางเจ้าหญิงตัวต้นเหตุ



    “พระองค์ทรงคิดถึงเด็กคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีมารดาคอยประคบประหงมแต่เล็กหรือไม่ เด็กคนนั้นต้องการความรักความเอาใจใส่จากผู้ให้กำเนิดอีกคนนอกจากมารดาหรือไม่ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่โหยหาอ้อมกอดของบิดา ความรักของบิดา แต่กลับเจอแต่ความว่างเปล่าในตอนกลางคืน ต้องต่อสู้กับปีศาจความเหงา ความว้าเหว่ และปีศาจแห่งความกลัวตลอดเวลาเพียงลำพัง ถึงแม้ว่าจะมีบิดาก็เสมือนไม่มี”



    แววตาสีเข้มของกษัตริย์วาววาบขึ้นมาทันทีคล้ายกับว่าถ้อยคำเหล่านั้นไปกระทบเข้ากับความจำอะไรบางอย่าง แต่เชสไม่หยุดพูด



    “นางต้องทำอย่างไร เพื่อดึงความสนใจของผู้ให้กำเนิดที่เหลืออยู่ของนาง นางต้องการความรักความอบอุ่นของบิดา พอนางไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วย บิดานางก็จะมาเยี่ยมแสดงความเป็นห่วง นั่นแล่ะ เป็นหนทางเดียวที่นางจะได้ความรักจากบิดาได้”



    พอพูดถึงตอนนี้ เสียงสะอื้นไห้ของเยริน่าก็ดังขึ้นมาเบาๆ ดวงตาสีฟ้าสดใสมาบัดนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาทั้งสองดวง ชีล่ากอดประคองหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดพร้อมปลอบประโลม ทั้งๆ ที่นางก็ร้องไห้เช่นกัน



    กษัตริย์ยาฟาทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็ไตร่ตรองถึงการกระทำที่ผ่านมาของตนเอง ตั้งแต่เสียพระราชินีคู่พระทัยไป พระองค์ก็หมดอาลัยตายอยาก พระองค์ยังทรงเคยคิดว่าถ้าไม่มีเยริน่า พระราชินีก็คงไม่จากไป จึงสร้างกำแพงระหว่างพระองค์กับเจ้าหญิงองค์น้อย และให้เจ้าหญิงอยู่ในความดูแลของชีล่าให้มาอยู่ที่ปราสาททิศใต้ โดยใช้เหตุผลทางร่างกายมาเป็นข้ออ้าง เมื่อกาลเวลาผ่านไป ถึงแม้ว่าความรู้สึกเช่นนั้นจะเบาบางจางลงไป แต่ก็ยังคงเหลืออยู่อยู่นั่นเอง พระองค์จึงทรงมาเยี่ยมเมื่อได้ข่าวว่าเจ้าหญิงป่วย ประทับอยู่ไม่นานก็เสด็จกลับ ไม่เคยเลยที่จะอยู่เฝ้าด้วยตนเอง น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดไหลคลอออกมาที่พระเนตร



    “ข้าขอบใจพวกเจ้ามากที่ช่วยข้ามาตลอด ข้าผิดเองแต่ต้น ข้าคิดถึงแต่ตนเองฝ่ายเดียวไม่ได้คิดถึงใจของเยริน่าเลยทั้งๆ ที่ยูเรียน่าต้องการให้ลูกคนนี้แก่ข้ามากแค่ไหน” พอตรัสถึงตอนนี้พระอัสสุชลก็ไหลออกมามากขึ้น เยริน่าวิ่งเข้ามากอดพระบิดาทันที



    “เสด็จพ่อ ไม่ผิดเลยเพคะ หม่อมฉันเองที่ผิด หม่อมฉันไม่น่าปิดบังเสด็จพ่อ”



    กษัตริย์ยาฟากอดตอบพระธิดา “พ่อขอโทษ เยริน่า พ่อไม่เคยเข้าใจลูกเลย ยกโทษให้พ่อได้ไหม”



    “เสด็จพ่อไม่ผิด แล้วจะให้หม่อมฉันยกโทษอะไรให้เพคะ”



    เมื่อเชสเห็นดังนั้น ก็กวักมือเรียกชีล่าให้ออกจากห้อง เพื่อให้พ่อลูกได้คุยกันให้เข้าใจ



    ลาปิสผู้ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องทักทายทันทีที่เห็นทั้งสองเดินประคองกันออกมา



    “เอ้า! ประหารหรือว่าเนรเทศล่ะ” ถามเสียงแกมหัวเราะ



    “ท่านลาปิส ข้ากับเมียเพิ่งผ่านช่วงวิกฤตของชีวิตมานะ ท่านยังมาล้อเล่นอยู่อีก ท่านลาปิสท่านรู้ผลอยู่แล้วนี่” เชสตอบเสียงขุ่นมัว



    “ท่านลาปิส เป็นท่านใช่ไหมเจ้าคะที่ทำให้ฝ่าบาทไตร่ตรองได้เช่นนี้” ชีล่าหันมาถามผู้อาวุโสบ้าง



    “ไม่ใช่ข้าหรอก ฝ่าบาททรงพิจารณาได้เอง ท่านเป็นบิดาที่ดี พวกท่านก็รู้ เพียงแต่บางทีก็หลงลืมไปช่วงขณะเพราะอารมณ์เท่านั้นเอง” ลาปิสตอบยิ้มๆ



    “อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณท่านทั้งสองมากที่เลี้ยงดูเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งโทเรอาได้สวยสง่า กล้าหาญเยี่ยงชายชาตรีเช่นนี้”



    “ข้าทั้งสองจะถือเป็นคำชมได้หรือเปล่ากันนะท่าน” เชสตอบพลางหัวเราะ เป็นเหตุให้มีเสียงหัวเราะอีกสองเสียงตามมา

    ....................................................................................



    ภายในห้องอักษร เยริน่าและพระบิดากำลังคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต เสียงร้องไห้สะอื้นถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของทั้งสอง



    “แล้วทำไมเจ้าถึงมาเป็นองครักษ์”



    “เพราะทำให้หม่อมฉันสามารถอยู่ใกล้ๆ เสด็จพ่อและเสด็จพี่ได้มากที่สุดเพคะ”



    “เจ้านี่นะ ทำอะไรเกินตัวจริงๆ ถ้าเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร” กษัตริย์ยาฟามองพระธิดาด้วยสายตาตำหนิ หากแฝงไปด้วยความรัก



    “ไม่มีใครสามารถทำอะไรหม่อมฉันได้หรอกเพคะ ฝีมือดาบของน้าเชสและน้าชีล่าเก่งมากนะเพคะ”



    “แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเก่งไปด้วยไม่ใช่รึ?” กษัตริย์กล่าวยั่วเย้า



    “แหม๋! เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันเป็นลูกศิษย์ของท่านทั้งสองก็ต้องเก่งอยู่แล้ว เสด็จพ่อก็เคยทอดพระเนตรเห็นนี่เพคะ ท่านเปอร์โต้ยังแพ้ให้หม่อมฉันเลย” เยริน่าแสดงกิริยาอาการงอน หันข้างให้พระบิดาทันที ส่งผลให้เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นจากพระบิดาได้



    “แล้วเจอิล เจ้าชายรัชทายาทแห่งแองการ์ล่ะ เจ้าสู้เขาได้มั้ย?”



    พอได้ยินชื่อเจอิล หัวใจของเยริน่าก็เกิดอาการกระตุกเล็กน้อย “ทำไมเสด็จพ่อถึงกล่าวถึงเขาขึ้นมาล่ะเพคะ”



    “เมื่อวานเขาก่อกวนเจ้าไม่ใช่หรือไง หรือเจ้าไปก่อกวนเขาก่อนกันแน่”



    “หม่อมฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย เจ้าปีศาจตาดุคนนั้นก็มาหาเรื่องหม่อมฉันก่อน ไม่เอาแล้วไม่อยากคุยถึงเรื่องเขาแล้ว เสด็จพ่อไม่ต้องตรัสถึง...”



    คำพูดนั้นสะดุดลงกะทันหัน เมื่อกษัตริย์ยาฟาหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ อากัปกิริยาที่ทำให้เยริน่าทำตาขวาง



    “เจ้าเรียกเจอิลว่าอะไรนะ ปีศาจตาดุหรือนี่ เจ้าคิดได้อย่างไร พ่อว่าตาของเขาดูเป็นคนเอาจริงเอาจัง ซื่อสัตย์ ต่อไปภายภาคหน้าเจอิลจะได้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทีเดียว” ยังคงพยายามกลั้นยิ้มจนมุมปากกระตุก... และปลายเสียงสั่นด้วยความขันในแบบที่ทำให้อีกฝ่ายส่งเสียงฉุนเฉียว กึ่งๆ จะพาลขึ้นมาทันที



    “เสด็จพ่อนะเพคะ ไม่มีกษัตริย์ที่ไหนยิ่งใหญ่กว่าเสด็จพ่อ และไม่มีเจ้าชายรัชทายาทคนใดดีกว่าเสด็จพี่ยูจีนอีกแล้ว แล้วปีศาจตนนั้นนะเพคะ ยังจิตวิปลาส ผิดเพศด้วย”



    เสียงหัวเราะของกษัตริย์ยาฟาหยุดทันที “เจ้าว่าอะไรนะ เจอิลนะเหรอวิปริต ผิดเพศ”



    “ก็ใช่นะสิเพคะ วันนี้หม่อมฉันเพิ่งขอหยุดงานกับเสด็จพี่ยูจีนเอง เพราะไม่อยากจะเจอเขาอีก”



    “เขาทำอะไรลูก? เยริน่า” กษัตริย์ยาฟาลุกพรวดขึ้นทันที



    “เขา... เออ... เขา....” เยริน่าเห็นอาการของพระบิดาเป็นแบบนั้นก็ไม่กล้าพูด



    “พูดมาว่าเจอิลทำอะไรอูก?” ทรงคาดคั้นทันที เมื่อเห็นเยริน่าไม่ตอบ



    “เออ... พยายามที่จะ... จูบหม่อมฉันเพคะ แต่ไม่สำเร็จนะเพคะ” เมื่อพูดไปแล้วก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก



    “แค่นั้น?” เสียงถอนใจของกษัตริย์ยาฟาดังขึ้น



    “เพคะ แต่หม่อมฉันอยู่ในร่างเยียนะเพคะ”



    “แต่ว่าเมื่อวานนี้เจอิลเพิ่งถามหาหญิงสาวผมสีน้ำตาลทองในป่าทางทิศใต้อยู่เลยนี่นา”



    เยริน่าเบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ยินเรื่องป่าทิศใต้และเมื่อวานนี้!!!



    “เสด็จพ่อ ว่าอย่างไรนะเพคะ”



    “พ่อว่าเจอิลถามหาหญิงสาวผมสีน้ำตาลทอง... เอ๊ะ!!! เป็นลูกใช่หรือไม่เยริน่า”



    “ใช่เพคะ แต่ว่า... ปีศาจตาดุคนนั้นมาเจอหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ”



    “พ่อก็ไม่รู้แน่ชัด แต่คิดว่าเจอิลคงเดินออกมาเที่ยวรอบๆ ปราสาทมากกว่า ถ้าเจอิลถามหาผู้หญิงแล้วทำไมต้องไปตอแยลูกด้วยนะ” คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก กษัตริย์จึงคิดว่าอย่างนั้นคงต้องเก็บไปปรึกษาลาปิสซะแล้ว ลาปิสคงมีคำตอบดีๆ ให้พระองค์ได้



    “อ๊า.....” เยริน่าร้องเสียงหลงขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย



    “เป็นอะไรไปเยริน่า” กษัตริย์ทรงตกพระทัยไปด้วย



    “เออ... ไม่มีอะไรเพคะ พอดีหม่อมฉันนึกถึงเรื่องที่เคยลืมไปแล้วออกน่ะเพคะ” (i)‘จะให้บอกได้อย่างไรเพคะ ว่านึกได้ว่าคนที่หม่อมฉันปามีดใส่คือเขาเอง ดีนะที่หลบได้ไม่อย่างนั้น หม่อมฉันคงเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายไปแล้ว’(/i)



    “ถ้าอย่างนั้น เย็นนี้ไปกินอาหารกับพ่อที่ปราสาททิศเหนือ”



    “หา! เพคะ แล้ว..เออ.. มีใครบ้างเพคะ”



    “พ่อ เจ้าและก็ยูจีน” ทรงตรัสตอบยิ้มๆ “ทำไม ลูกหวังจะให้มีใครร่วมโต๊ะด้วยอย่างนั้นรึ?”



    “ไม่มีเพคะ แต่เสด็จพ่อแน่พระทัยแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้เสด็จพี่ยูจีนทราบเรื่องด้วย”



    “....” ไม่มีคำตอบจากผู้ให้กำเนิด นอกจากรอยยิ้มบางๆ

    ................................................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×