ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องวุ่นๆ ของเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #4 : ความลับ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 48


    ตอนที่ 4 ความลับ



    ระหว่างทางเสด็จกลับปราสาททิศเหนือขององค์ประมุขแห่งโทเรอา ท่านทรงดำริถึงสิ่งที่เจ้าชายเจอิลได้ถามถึง และเจ้าหญิงน้อยของพระองค์ที่ทรงบรรทมด้วยพิษไข้



    ผมสีน้ำตาลทองและดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ของเซรอนเท่านั้น!!! ถ้าที่เจ้าชายเจอิลพูดเป็นความจริงนั้น หญิงสาวปริศนาคนนั้นควรเป็นใครกันแน่???

    ....................................................................



    “เจ้าชายเจอิล ท่านทรงเป็นอะไรไปพะย่ะค่ะ วันนี้ดูท่านไม่เหมือนเป็นตัวท่านเองเลย” ลูอิสอดถามไม่ได้เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของเจ้าชายร่วมแม่นม



    “และท่านยังไปผิดใจกับเจ้าชายรัชทายาทของโทเรอาแต่วันแรกถึงสองครั้งด้วยกัน ด้วยเรื่องที่ไม่ธรรมดาเสียด้วยสิ” ประโยคหลังกลับพูดเสียงอ่อยลงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก



    “ท่านเจอิล ข้าพูดกับท่านอยู่นะ ท่านเป็นอะไรของท่านน่ะ เห็นทีข้าคงต้องตามหมอหลวงมาดูอาการท่านหน่อยซะแล้ว อากาศของโทเรอาร้อนกว่าแองการ์ อาจทำให้ท่านไม่สบายได้”



    “ลูอิส...”



    “พะย่ะค่ะ”



    “ข้าอยากอยู่คนเดียว เจ้าจะช่วยออกไปหน่อยได้ไหม แล้วไม่ต้องตามใครหน้าไหนมาทั้งนั้น ข้ารู้ตัวข้าดีว่าเป็นอะไรอยู่” เจอิลพูดเสียงเรียบแต่สีหน้าที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ไม่เรียบดั่งเช่นสีหน้าด้วย



    “เออ...ท่าน”



    “ออกไปได้แล้ว!!!”  เจอิลตวาดด้วยเสียงอันดัง



    “พะย่ะค่ะ” ลูอิสรีบรับคำแล้วออกจากห้องไปทันที แต่ยังมิวายบ่นเบาๆ ‘สงสัยอากาศที่นี่จะทำให้นิสัยเปลี่ยนแฮะ’



    “ทำไมเสด็จลุงและท่านยูจีนถึงไม่อยากให้ข้าพบกับเจ้าหญิงเยริน่านะ ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าโทเรอามีรัชทายาทอื่นนอกจากเจ้าชายยูจีนด้วย นางอัปลักษณ์มากเสียจนน่าอายที่จะเปิดเผยหรือไง” ทำอย่างไรเจอิลก็คิดไม่ออกสักที ว่าทำไม ทั้งกษัตริย์ยาฟาและเจ้าชายยูจีน ถึงปฏิเสธไม่ให้ตัวเขาเองเข้าพบเยริน่า



    “ถ้าจะเป็นเพราะนางป่วยมาก จนถึงกับเยี่ยมไม่ได้ ข้าก็ต้องเคยได้ยินข่าวมาบ้างสิ ว่าที่โทเรอามีเจ้าหญิง เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็มีสัมพันธภาพอันดีกับเสด็จลุงมาตลอดนี่นา ไม่เคยเห็นตรัสถึงเลยสักครั้ง”



    จริงๆแล้วเป็นเพราะว่าทั้งกษัตริย์แห่งแองการ์และราชินีแทสทาเนีย ไม่ต้องการถามถึงเจ้าหญิงเยริน่าต่อหน้าใครๆ เนื่องจากไม่อยากเห็นพระพักตร์ที่เศร้าหมองของกษัตริย์แห่งโทเรอา ส่วนใหญ่จะสอบถามเป็นการส่วนพระองค์มากกว่า จึงไม่แปลกนักที่ทางแองการ์จะไม่มีใครทราบเรื่องราวของเจ้าหญิงรัชทายาทอีกคนของโทเรอา



    “เมื่อไม่ให้ข้าพบตรงๆ ข้าก็ต้องขอพบด้วยวิธีของข้าเองล่ะ” คิดได้ดังนั้น เจอิลก็คว้าผ้าคลุมสีดำขึ้นมาเพื่อคลุมตนเองให้พ้นจากแสงแห่งรัตติกาล พร้อมมีดสั้นเหน็บที่เอว แล้วออกจากห้องทางระเบียงปีนสู่เบื้องล่าง จุดหมายปลายทางคือ ปราสาททิศใต้ของเจ้าหญิงเยริน่า!!!

    ...................................................................



    เจอิลหลบอยู่หลังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง อาศัยความมืดเป็นเกราะกำบังตนจากแสงสว่างของคบเพลิงหน้าประตูปราสาททิศใต้



    “ปราสาทนี้มีทหารรักษาการณ์ไม่มากอย่างที่ข้าคิด”



    ปราสาททิศใต้จะอยู่ไกลจากปราสาทอื่นๆ มากและห่างจากกำแพงเมืองทางทิศใต้ไม่มากซึ่งมีทหารที่มีฝีมืออยู่ประจำป้อมอยู่แล้ว จึงมีทหารรักษาการณ์ประจำปราสาทน้อยว่าปราสาททางทิศอื่นๆ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ กษัตริย์ยาฟาต้องการให้พระธิดาอยู่อย่างสงบเรียบร้อย จึงไม่ให้มีคนพลุกพล่านนัก  แต่ทหารที่ประจำการณ์ที่นี่ได้ถูกคัดสรรมาอย่างดี เพื่อรักษาความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน



    เจอิลอาศัยความมืด ค่อยๆ เดินเลาะไปกับกำแพงปราสาทพร้อมระวังไม่ให้ทหารพบเห็นด้วย

    .......................................................................



    “เจ้าหญิงทรงยังไม่บรรทมหรือเพคะ” ชีล่าถามเยริน่าเมื่อเห็นนางยังคงนั่งอยู่ที่ระเบียงตั้งแต่กษัตริย์ยาฟาทรงเสด็จกลับไป



    “ข้ายังไม่ง่วงเลย อากาศก็เย็นกำลังดี น้าชีล่าไปนอนก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก” เยริน่าตอบโดยไม่หันหลังกลับมา ดวงตาคู่สวยมองทอดไปยังปราสาททิศเหนือ ในใจของเธอกำลังคิดถึงพระบิดาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว



    ตั้งแต่เยริน่าเกิดมาก็ไม่เคยพบหน้าพระมารดา เนื่องจากนางสิ้นพระชนม์ไปเมื่อให้กำเนิดเธอ บุพการีที่รู้จักก็มีเพียงเสด็จพ่อเท่านั้น เสด็จพ่อให้ความรัก ความเมตตา และเอาใจใส่เสมอมา ทำเสมือนเธอเป็นแก้วบางก็มิปาน ทะนุถนอมตลอดเวลา แต่สิ่งที่เสด็จพ่อไม่ทรงทราบเลยก็คือ



    “ลูกไม่ได้อ่อนแออย่างที่เสด็จพ่อทรงดำรินะเพคะ ลูกแข็งแรงดี ลูกอยากเสวยอาหารเช้า กลางวัน และเย็นพร้อมท่าน ลูกอยากถวายการรับใช้ท่าน ลูกอยากไปส่งเสด็จท่านให้บรรทมทุกคืนมากกว่าที่จะให้ท่านเสด็จมาเยี่ยมลูกอย่างนี้”



    “เมื่อไร ลูกจะทูลท่านได้สักที ลูกไม่อยากปิดปังท่านอีกแล้ว” หยดน้ำตาใสๆ เอ่อล้นดวงตาสีฟ้าแล้วรินไหลลงมาตามแก้มสีชมพู



    “ท่านเยริน่า...ยังไม่ทรงบรรทม ออกมาตากลมอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้ไม่สบายกันไปจริงๆ หรอก” เชสเอาผ้ามาคลุมไหล่มาให้เยริน่า



    “ข้า... ข้าแข็งแรงออก น้าเชส” เยริน่ารีบปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานทันทีก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้ากับผู้ที่ให้การเลี้ยงดูเธอมาแต่เล็กแต่น้อยอีกคนหนึ่ง



    เชสบีบจมูกเยริน่าด้วยความเอ็นดู “แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรตากลม ตากน้ำค้าง ไม่ว่าแข็งแรงแค่ไหน ทุกคนก็มีสิทธิ์ล้มป่วยด้วยกันทั้งนั้น” แต่เมื่อสัมผัสโดนความรู้สึกเปียกชื้นที่ข้างจมูก ก็ประคองใบหน้าหวานให้สบตากับตนเองทันที



    “ท่านกรรแสงหรือนี่ มีเรื่องอะไรคับแค้นใจ มีใครทำอะไรท่านหรือเปล่า”



    เยริน่าย่นจมูกไม่กล้าสบตาเชส “ไม่มีอะไรหรอกน้าเชส ผงมันเข้าตาน่ะ”



    “อย่าหลอกข้า เด็กน้อย ข้าไม่ใช่ยูจีนนะ พูดอะไรไปก็เชื่อไปหมด น้องสาวตนเองยืนอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังจำไม่ได้”



    พอได้ยินชื่อพี่ชาย ทำนบน้ำตาก็พังทลาย โผเข้าซบอกของเชสทันที “ฮือ...ฮือ...น้าเชส ข้าไม่อยากปิดบังเสด็จพ่อกับเสด็จพี่แล้ว”



    เชสลูบศีรษะเยริน่าเบาๆ “ท่านอยากบอกเมื่อไรก็ย่อมได้ ท่านยาฟากับท่านยูจีน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนพ่อกับพี่ของท่านเอง ทำไมท่านต้องปิดบังหรือกลัวอะไรด้วยล่ะ”



    “ข้า... ข้า...” เยริน่าอึกอักไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร



    “ท่านเป็นนักวางแผนที่ดีเยริน่า วันนี้ไปนอนคิดให้ดีก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยวางแผนกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดีกว่ามั้ย วันนี้ท่านยังคงสับสนอยู่ มีอะไรมากวนใจท่านหรือเปล่า ท่านถึงได้คิดเรื่องนี้ขึ้นมา”



    เชสก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี เพราะความลับนี้ได้ถูกปิดบังมาตั้งแต่เยริน่าอายุได้ห้าชันษา เมื่อทั้งเชสและชีล่าตกลงใจที่จะสอนวิชาการต่อสู้ทั้งหลายให้ จวบจนวันนี้ก็กว่าสิบสี่ปีเข้าไปแล้ว ไม่เคยเลยสักครั้งที่เยริน่าจะแสดงความอ่อนแอออกมาได้ขนาดนี้



    “วันนี้ ข้าไปรับเจ้าชายรัชทายาทแห่งแองการ์ เขาวุ่นวายกับข้ามาก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆ อย่างไรไม่รู้ ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อเขาจ้องมองข้า แล้ววันนี้ในป่าข้ารู้สึกว่ามีคนเห็นข้าโดยที่ข้าไม่รู้ว่าคนนั้นคือใครและมาแอบดูข้าโดยมีจุดประสงค์อันใด แล้วเสด็จพ่อยังทรงแสดงความห่วงใยในขณะที่ข้ากำลังหลอกท่านอยู่ ข้ารู้สึกสับสนและกังวลใจไปสารพัด”



    เจอิลได้ยินเสียงคนคุยกันเหนือหัวของตนเอง พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบระเบียง มีแสงสว่างส่องออกมาจากห้อง คงมีคนอยู่บนนั้นและกำลังสนทนากันอยู่ จึงพยายามปีนขึ้นไป “อาจเป็นห้องของเจ้าหญิงเยริน่าก็ได้”



    ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเจอิลคือ หญิงสาวนางหนึ่งในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มผมสีดำดุจสีแห่งรัตติกาลหน้าตาคมคายทีเดียว และชายหนุ่มคนนั้นทำท่าเหมือนปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมแขนตนเองอยู่ น่าเสียดายที่ไม่เห็นหญิงสาวคนนั้น



    “ไม่ต้องกลัว เด็กน้อย เสด็จพ่อท่านไม่ทรงลงโทษแน่ ถ้าได้รู้เรื่อง” ชายหนุ่มผมดำพูดพร้อมกับลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ



    “ข้าจะทูลเสด็จพ่อ เรื่องของเราทั้งหมดได้มั้ย” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาชายหนุ่ม แต่เจอิลไม่เห็นหน้าของหญิงสาวนางนี้เนื่องจากนางหันหลังให้ แต่สันนิษฐานว่าคงเป็นเจ้าหญิงเยริน่า เพราะเรียก ‘เสด็จพ่อ’



    “ย่อมได้อยู่แล้ว เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ต้องกลัวอยู่แล้ว” เชสตอบเยริน่า แต่ในใจพลางคิดว่า ‘ข้อหาหลอกลวงกษัตริย์มาหลายปี โทษคงไม่น้อยล่ะหัวข้าหัวเดียวคงไม่พอตัดซะแล้ว เฮ้อ!’



    บุคคลที่สามในการสนทนาจับต้นชนปลายสันนิษฐานได้ว่า เจ้าหญิงเยริน่ากำลังพลอดรักอยู่กับคู่รักตามลำพัง ช่างน่าอายเสียจริง เป็นสาวเป็นนางกลับมากอดกับผู้ชายในที่รโหฐาน เจ้าหนุ่มคนนี้คงเป็นสามัญชนต่ำต้อย หวังลาภยศบรรดาศักดิ์ของเจ้าหญิงช่วยเสริมส่งบารมีให้ตนเอง  ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเห็นโฉมหน้าของเจ้าหญิงเยริน่ายิ่งนัก จึงขยับเข้าไปใกล้อีก...



    “วันนี้ทรงบรรทมก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยคิดกันต่อ” เชสประคองเยริน่ากลับเข้าไปในห้องบรรทมแล้วปิดประตูระเบียงเพื่อไม่ให้ลมเย็นพัดเข้าไปมากกว่านี้



    “ประคองกันเข้าไปด้วย ชายหญิงถูกเนื้อต้องตัวกันในยามวิกาล เฮ้อ!!! คงไม่ใช่เจ้าหญิงที่ดีนักหรอก สมแล้วที่ใครๆ ไม่เคยและไม่อยากพูดถึง” เมื่อเจอิลไม่สบความสำเร็จในการพิสูจน์หน้าตาของเจ้าหญิงเยริน่าก็ปีนลงมาจากระเบียงและกลับไปยังพักของตนเอง แต่ก็คิดว่า ได้รู้จักเจ้าหญิงเยริน่ามานิดหนึ่งแล้ว



    “เจ้าหญิงที่ดีที่ไหนจะมาอยู่ในที่รโหฐานกับชายคนที่ไม่ใช่สามีตามลำพังยิ่งในยามวิกาลด้วยแล้ว หรือว่า.... เป็นสามี!!!”

    ........................................................



    เช้านี้เยริน่ามาเข้าเฝ้าถวายการรับใช้กษัตริย์ยาฟาแต่เช้าตรู่ ก่อนไปพบกับเจ้าชายยูจีนที่ห้องทรงพระอักษร เช่นเคยด้วยชุดองรักษ์และวิกผมดำของเชส



    “ฝ่าบาททรงเสวยพระกระยาหารเช้าหรือยังพะย่ะค่ะ”



    “เรียบร้อยแล้ว แล้วเจ้าล่ะ เยีย....” ทรงถามด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา



    “ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ หม่อมฉันทานมาเรียบร้อยแล้ว”



    “ทำไมวันนี้เจ้ามาแต่เช้า มีธุระอะไรกับข้าเป็นการเร่งด่วนหรือไม่ หรือว่า...เมื่อวานนี้มีปัญหาอะไรกับเจอิลหรือเปล่า”  



    ‘ปัญหาน่ะมีแน่เพคะ แต่ไม่ใช่กับเจ้าปีศาจตาดุคนนั้น’



    “ไม่มีอะไรพะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าเมื่อวานเห็นฝ่าบาทไม่ค่อยสบาย วันนี้ข้าเลยอยากมาถวายการรับใช้ ก่อนจะไปพบกับเจ้าชายยูจีนที่ห้องทรงพระอักษรพะย่ะค่ะ” เยริน่าสบตากษัตริย์ยาฟาด้วยดวงตาที่ใสกระจ่างของตนเอง



    กษัตริย์ยาฟาทรงรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นั้น พลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อวานที่เจอิลไปเจอหญิงสาวปริศนาที่มีผมและตาเหมือนกับเชื้อพระวงค์ของเซรอนซึ่งมีแค่สองคนในอาณาจักรของพระองค์ หนึ่งคือเจ้าชายยูจีน และเยริน่าเจ้าหญิงน้อยของพระองค์เอง รอยยิ้มพรายขึ้นที่ริมฝีปากของผู้สูงวัยกว่า “ข้าสบายดี ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วง”



    “เอ้อ! เยีย พ่อแม่เจ้าเป็นใครนะ”



    เยริน่าสะดุ้งสุดตัวที่เจอคำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อน “เอ่อ... คือ... แม่ของกระหม่อมเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนพ่อ... เอ่อ...”



    “พ่อเจ้าเป็นอะไรรึ”



    “เอ่อ... คือว่า... เอ่อ... คือ...”



    “ถ้าเจ้าไม่ต้องการพูดถึงเค้าก็ไม่เป็นไร แต่อย่างไรเจ้าก็เติบโตมาได้ด้วยดี ทั้งๆที่เจ้าไม่มีแม่ แล้วเจ้ามีญาติพี่น้องอื่นหรือเปล่า”



    “กระหม่อมมีพี่ชายอีกคนหนึ่งพะย่ะค่ะ”



    “เจ้ามีพี่ชาย!!! ดีเลย แล้วเค้าเป็นทหารด้วยรึเปล่า”



    “ก็ไม่เชิงน่ะพะย่ะค่ะ แต่ก็ยังรับใช้พระองค์อยู่เช่นกัน”



    “ข้าเคยเห็นเขาไหม เขาเป็นใคร” ทรงถามด้วยความอยากรู้ทันที พระองค์คงเคยคุ้นดวงตาคู่นั้นจากคนรับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทของพระองค์นั่นเอง



    เยริน่าไม่สามารถตอบคำถามของผู้สูงวัยกว่าได้มากกว่านี้แล้ว ไม่ใช่เพราะกลัวความลับจะเปิดเผย แต่เป็นเพราะความอ่อนแอในใจของนางเริ่มเกาะกินมามาก ทำให้มีน้ำหน่วยใสๆ มาคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองของนาง เยริน่าก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาที่จ้องตรงมาของกษัตริย์ยาฟา



    กษัตริย์ยาฟาสังเกตุเห็นดังนั้นจึงตรัสถาม “เจ้าเป็นอะไรไป หรือพี่ชายเจ้าตายไปแล้วงั้นรึ”



    “ไม่ใช่พะย่ะค่ะ!!!” เยริน่าส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรงทันที เป็นผลให้ปอยผมสีน้ำตาลทองปอยเล็กปอยหนึ่งของเธอหลุดออกมาจากวิกผม แต่เยริน่ายังคงไม่รู้สึกถึงความผิดปรกติที่เกิดขึ้น นอกจากสายตาขององค์กษัตริย์แปรเปลี่ยนเป็นงุนงงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะกลับเป็นดังปรกติ



    กษัตริย์ยาฟาเห็นความผิดปรกตินั้นจึงตรัสสั่งให้เยริน่าเข้ามาใกล้ๆ “เยีย... เจ้าเข้ามาใกล้ๆ ข้าซิ”



    “มีอะไรหรือพะย่ะค่ะ” เยริน่าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ไปใกล้ๆ แต่ตอนนี้ระยะห่างของเธอกับกษัตริย์ห่างเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น



    “คุกเข่าลง”



    เยริน่าคุกเข่าลงตรงหน้ากษัตริย์ยาฟาที่ทรงประทับอยู่บนเก้าอี้ ในขณะที่ผู้สูงวัยประคองใบหน้าของเยริน่าไว้



    “เอ๊ะ!!!”



    “อย่าขยับ!” เสียงทรงอำนาจขององค์ประมุขของโทเรอามีผลให้เยริน่าไม่กล้าขยับ



    กษัตริย์ยาฟาเอื้อมมือไปจับวิกผมสีดำของเยริน่าและดึงเบาๆ ผมสีน้ำตาลทองก็สยายลงมาตามหลังของหญิงสาวทันที มือทั้งสองของเยริน่าที่กุมไว้ที่หน้าตักชุ่มไปด้วยเหงื่อทันที



    “เจ้าเป็นใครกันแน่???” ทรงตรัสถามอีกครั้งหนึ่งด้วยเสียงที่เรียบเฉย



    เยริน่าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาพ่อของตนเอง จึงยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น



    “ข้าถามว่า... เจ้าเป็นใคร!!!” ทีนี้เป็นเสียงตวาดดังและจุดประสงค์ต้องการรู้คำตอบทันที คนที่ไม่เคยโกรธ... โกรธทีจะน่ากลัวแค่ไหน



    หยดน้ำตาใสๆ ไหลลงมาตามร่องแก้ม เยริน่าตัดสินใจเงยหน้าสบตาสีฟ้าของเธอกับดวงสีน้ำตาลของกษัตริย์ยาฟา “หม่อมฉันคือ... เยริน่าเพคะ” พลางกัดริมฝีปากตนเองเพื่อสกัดกั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดแสดงความอ่อนแอออกมาและบีบมือตนเองแรงขึ้นเพื่อสร้างความเข็มแข็ง



    ดวงตาขององค์ประมุขของอาณาจักรเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือทั้งสองของพระองค์ทรงกุมอยู่ที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของเยริน่าซึ่งตอนนี้ออกแรงบีบมากขึ้น



    “เจ้าว่าอะไรนะ”



    ด้วยที่ว่าไม่เคยทรงคิดว่าพระธิดาของพระองค์จะแข็งแรง และออกมาเดินได้อย่างคนปรกติ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ตรงหน้าพระพักตร์ตอนนี้ เป็นถึงราชองครักษ์ซึ่งผ่านการประลองและได้รับชัยชนะเหนือผู้ใดในอาณาจักร แต่เมื่อพินิจพิจารณาดวงหน้าหวานตรงหน้าแล้วเหมือนเห็นพระราชินียูเรียน่ากลับชาติมาเกิดใหม่



    “เจ้าเป็นคนมาจากเซรอนหรือเปล่า บียาร์ส่งเจ้ามาใช่มั้ย” มันยากที่จะทำใจให้เชื่อได้ จึงลองถามไปว่าน้องชายของราชินียูเรียน่า หรือองค์ประมุขแห่งเซรอนเป็นคนส่งเธอมาที่โทเรอาหรือไม่



    “หม่อมฉันคือเยริน่าจริงๆ เพคะ หม่อมฉันมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดีมาตลอดเวลา หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนขี้โรคดั่งที่เสด็จพ่อทรงเห็นมาตลอด หม่อมฉันไม่ได้ถูกส่งมาจากเซรอน เสด็จน้าไม่ได้ทำอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้โกหกนะเพคะ เสด็จพ่อต้องทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ” เยริน่าพูดโดยไม่หยุดหายใจ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยมากขึ้น เยริน่าไม่สามารถสกัดกั้นมันได้อีกต่อไป



    ถึงแม้ว่าบุคคลตรงหน้าจะบอกพระองค์ว่าถูกส่งตัวมาจากเซรอน พระองค์ก็ไม่ทรงเชื่อ เพราะสีผมและสีตาก็ฟ้องชาติกำเนิดอยู่แล้ว กษัตริย์บียาร์ของเซรอนและพระราชินียังไม่มีรัชทายาท ดังนั้นคนที่มีลักษณะแบบนี้รวมบียาร์ด้วยในขณะนี้ก็มีแค่สามคนเท่านั้น ยกเว้นแต่บียาร์จะไปมีลูกนอกสมรส ซึ่งเป็นไปไม่ได้อีกเพราะบียาร์รักและให้เกียรติราชินีของตนเองมาก



    “เชสกับชีล่ารู้เรื่องนี้มั้ย ข้าทาสบริวารที่อยู่ในปราสาททิศใต้รู้เรื่องนี้รึเปล่า แล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีก!!!” สุรเสียงทรงอำนาจของพระองค์ดังขึ้นเรื่อย พระองค์ทรงกำพระหัตถ์ของตนเองเอาไว้แน่นเพื่อข่มอารมณ์ ดวงตาที่จ้องมองบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง



    “เสด็จพ่อ...  น้าเชสกับน้าชีล่าไม่ผิดนะเพคะ หม่อมฉันให้ท่านทั้งสองปิดบังเสด็จพ่อเองเพคะ ทรงลงโทษหม่อมฉันที่ปิดบังและหลอกลวงเสด็จพ่อเพียงคนเดียวเถิดนะเพคะ ถ้าไม่มีน้าเชสกับน้าชีล่า หม่อมฉันคงไม่สามารถมาอยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อได้อย่างนี้” เยริน่าร้องไห้กอดขาบิดาเพื่ออ้อนวอนให้ยกเว้นโทษให้แก่เชสและชีล่า



    “น้าเชสกับน้าชีล่าช่วยสอนให้หม่อมฉันรู้ถึงวิธีการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรูที่ไม่ประสงค์ดีต่อเชื้อพระวงค์ และถือเป็นการออกกำลังกายด้วยเพคะ หม่อมฉันถึงหายจากโรคร้ายต่างๆที่รุมเร้ามาแต่เด็กได้”



    “เจ้าออกไปก่อน” กษัตริย์ยาฟาทรงต้องการเวลาเพื่อข่มพระอารมณ์และไตร่ตรองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่ต้องการเห็นหน้าของเยริน่าตอนนี้



    “แต่... เสด็จพ่อ ได้โปรดทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ” เยริน่าคว้าวิกผมสีดำมาสวมดังเดิม



    “หม่อมฉันทูลลาเพคะ ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะทรงตัดสินใจอย่างไร แต่ลูกขอให้เสด็จพ่อเชื่อเถิดว่าที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง”



    กษัตริย์ยาฟาเพียงโบกมือไล่เบาๆ โดยไม่มองหน้า



    เยริน่ายืนหันหลังพิงกำแพงประตูห้องของกษัตริย์ยาฟา หยาดน้ำตาในดวงตาคู่สวยเหือดแห้งไปแล้วคงเหลือเพียงแต่ร่องรอยอยู่บนใบหน้าหวานเกินชายเท่านั้น



    “ท่านเยีย... ทำไมท่านมาอยู่ตรงนี้ขอรับ เจ้าชายยูจีนรอท่านอยู่ที่ห้องทรงพระอักษรนานแล้ว” มหาดเล็กผู้สูงวัยประจำพระองค์ของกษัตริย์ยาฟาทักขึ้น



    เยริน่าปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้าเพียงแต่มาเฝ้าฝ่าบาทตอนเช้านะ นั่นอะไร ท่านลาปิสนำเครื่องดื่มมาให้ฝ่าบาทใช่หรือไม่”



    “ใช่แล้วล่ะท่าน ข้าต้องขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวฝ่าบาทจะทรงคอยนาน” ลาปิสขอตัวแล้วร้องขออนุญาตกษัตริย์ยาฟาเพื่อเข้าไปในห้องที่เยริน่าเพิ่งออกมาเมื่อสักครู่



    เยริน่าจ้องมองบานประตูที่ปิดลงด้วยความเศร้าสร้อย แล้วเดินมุ่งไปทางห้องทรงพระอักษรที่เจ้าชายยูจีนคอยอยู่



    “ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ หม่อมฉันนำเครื่องดื่มมาให้แล้วพะย่ะค่ะ เอ๊ะ! ฝ่าบาททรงเป็นอะไรพะย่ะค่ะ” ลาปิสรีบวางถาดเครื่องดื่มที่ยกมาบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ตัวทันที เมื่อก้าวเข้ามาเห็นภาพองค์ประมุขผู้งามสง่าของตนนั่งงอตัว มือทั้งสองกุมขมับอยู่ที่เก้าอี้ที่ประทับ



    “ใครอยู่ข้างนอกน่ะ!!! ตามหมอหลวงด่วน!!!”



    “ลาปิส ไม่... ไม่ต้อง... ข้าไม่เป็นไร ข้ามีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยเลยรู้สึกปวดหัวน่ะ” กษัตริย์ยาฟาจับมือมหาดเล็กของพระองค์ผู้ทรงดูแลพระองค์เหมือนพี่เลี้ยงตั้งแต่เล็กจนจวบจนปัจจุบัน



    ลาปิสรู้สึกถึงมือที่ชื้นเหงื่อของพระองค์ แสดงว่าเรื่องที่กำลังขบคิดอยู่คงไม่น้อยดั่งที่กล่าวออกมาแน่



    “ทรงมีอะไรในใจหรือพะย่ะค่ะ... ไม่ไว้ใจลาปิสคนนี้แล้ว... หรือ...ท่านยาฟ” ลาปิสตบหลังพระหัตถ์เบาๆ



    กษัตริย์ยาฟารู้แน่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่รู้จะปรึกษาใครได้ นอกจากลาปิส ผู้ซึ่งคอยอยู่ข้างกายพระองค์เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นตอนยังเป็นรัชทายาทองค์น้อยของโทเรอา ตอนขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา ตอนอภิเษกสมรสกับราชินียูเรียน่า ตอนที่พระโอรสยูจีนถือกำเนิด หรือแม้แต่ตอนที่ราชินีอันเป็นที่รักยิ่งจากโลกนี้ไป ทิ้งพระธิดาองค์น้อยไว้พร้อมกับความรักของพระองค์ ลาปิสเป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่สนิทที่สุดคนเดียวที่พระองค์มีอยู่ตอนนี้ และถ้าถามว่าใครที่จงรักภักดีกับพระองค์ที่สุด ไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์คนไหนทั้งนั้น แต่เป็นมหาดเล็กเฒ่าคนนี้!!!



    “ลาปิส... ข้าไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร... ข้าสับสนไปหมดแล้ว...”

    ...........................................................



    “เอ... ไอ้ห้องอักษรของที่นี่มันอยู่ตรงไหนกันแน่นะ” หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เจอิลก็ตั้งใจที่จะไปพบองครักษ์ตัวน้อยที่ห้องอักษรตามที่ได้ยินยูจีนสั่งเมื่อวานนี้



    “เฮ้! นายคนนั้นน่ะ มานี่หน่อยสิ” เจอิลร้องเรียกนายทหารนายหนึ่งที่ผ่านมาพอดี



    “มีอะไรหรือท่าน” ผู้มาใหม่เจ้าของรูปร่างกำยำล่ำสันมองผู้ที่เรียกตนด้วยสายตาสงสัย



    “ข้าต้องการไปที่ห้องอักษรที่เจ้าชายยูจีนทรงงานอยู่ แต่ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน เจ้าจะช่วยพาข้าไปหรือบอกทางแก่ข้าหน่อยได้หรือไม่”



    “อ้อ...ท่านต้องการไปพบเจ้าชายยูจีน ได้สิข้าจะพาไปเอง ข้าคือเปอร์โต้ หัวหน้าราชองครักษ์ ไม่ทราบว่าท่านคือใคร และมีธุระอะไรถึงต้องการพบเจ้าชายตอนนี้” เปอร์โต้แนะนำตนเองต่อบุคคลผู้มีดวงตาสีน้ำตาลเข้มตรงหน้า



    “ท่านหัวหน้าราชองครักษ์เปอร์โต้ ข้าเป็นแขกของเจ้าชายยูจีน เจอิลแห่งแองการ์ ส่วนเรื่องที่ต้องการพบเจ้าชาย ข้าต้องขอไม่บอกล่ะน่ะ” คิ้วเข้มของชายหนุ่มยกสูงก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะค่อย ๆ ผุดขึ้นบนมุมปากหยักงามของเขา



    เปอร์โต้รู้สึกไม่ชอบมาพากลที่เห็นรอยยิ้มแบบนี้จากเจ้าชายรัชทายาทของแองการ์ เมื่อวานนี้ตอนนี้พบกับท่านยูจีน ท่านก็ได้เล่าพฤติกรรมแปลกของเจ้าชายองค์นี้ให้รู้บ้าง สงสารก็แต่เจ้าองครักษ์หน้ามนที่อยู่ภายใต้บัญชาของตนนั่นแหละ



    “อ้อ... กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ไม่ทราบว่าท่านคือเจ้าชายเจอิล กระหม่อมจะนำเสด็จไปเอง เชิญทางนี้เลยพะย่ะค่ะ” เปอร์โต้ผายมือเชื้อเชิญ



    เปอร์โต้พาเจ้าชายรัชทายาทของแองการ์มาหยุดตรงหน้าประตูบานใหญ่บานหนึ่ง



    “เจ้าชายยูจีนทรงประทับอยู่ในนี้ ขอให้กระหม่อมได้แจ้งเจ้าชายก่อนนะพะย่ะค่ะ”



    “ไม่ต้อง เดี๋ยวข้าจัดการเอง ท่านเปอร์โต้มีธุระอะไรก็ไปทำต่อเถอะ ข้ารบกวนเวลาของท่านแล้ว”



    “ไม่เป็นไร มิได้พะย่ะค่ะ เป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้ว อย่างนั้นกระหม่อมขอทูลลาเลยนะพะย่ะค่ะ” เปอร์โต้ตอบพลางทำความเคารพแล้วเดินกลับไปทางที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสักครู่



    เจอิลกำลังจะเคาะประตู ชะงักทันทีเมื่อได้ยิน....



    “อ้าว... ท่านเยีย จะไปไหนแต่เช้าล่ะ” เปอร์โต้ทักลูกน้องหน้ามนของตนเอง



    “เอ่อ... ข้าจะมาพบเจ้าชายยูจีนน่ะ ท่านให้มาพบเช้านี้” เยริน่าตอบบุคคลตรงหน้า แต่ยังไม่กล้าสบสายตาเนื่องจากกลัวว่าเปอร์โต้จะสังเกตุเห็นร่องรอยของความเสียใจที่ยังคงเหลือค้างอยู่



    “สีหน้าท่านดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่า อืม... ไปหาหมอหลวงให้ตรวจดูดีกว่า เดี๋ยวข้าจะไปแจ้งเจ้าชายเองว่าท่านไม่สบาย” เปอร์โต้บอกด้วยความเป็นห่วง     



    “ไม่.. ไม่เป็นไร ท่านเปอร์โต้ ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ”



    เปอร์โต้ก็ยังคงเป็นเปอร์โต้อยู่ดี ตำแหน่งหัวหน้าราชองครักษ์ของเขาได้มาด้วยคุณสมบัติพิเศษ นอกจากจะมีฝีมือทางการต่อสู้แล้วยังมีความเฉลียวฉลาดและสังเกตุการณ์เก่งเป็นเลิศอีกด้วย



    “อะฮ้า! หนุ่มน้อย... สงสัยว่าโรคนอนไม่หลับของท่านต้องแก้ไขด้วยความอบอุ่นจากเนื้อหนังขาวๆของหญิงสาวสักคนแล้วล่ะนะ ให้ข้าแนะนำให้มั้ย ลูเทน่าก็ดีนะ ข้าเห็นนางลอบมองท่านบ่อยๆ” เปอร์โต้กล่าวถึงนางกำนัลของเจ้าชายยูจีนคนหนึ่ง



    “ขอบใจนะท่านเปอร์โต้ แต่ข้าไม่ใช่ท่าน ข้าคิดว่าข้ารักษาได้โดยไม่ต้องอาศัยผู้หญิงหรอก” แล้วเยริน่าก็เดินจากไปทิ้งให้เปอร์โต้จมอยู่กับความคิดของตนเอง



    “ไม่อาศัยผู้หญิง ก็ต้องอาศัยผู้ชายหรือไง พ่อหนุ่มน้อย แล้วทำไมวันนี้เจ้าไม่หันมาต่อว่าข้าที่เรียกว่าหนุ่มน้อยน่ะ แปลกจริง!!!” การได้เห็นดวงตาสีฟ้าของเยริน่าเปล่งประกายด้วยความไม่พอใจเมื่อถูกเรียกว่าหนุ่มน้อย เป็นการสร้างความสุขอย่างหนึ่งให้กับเปอร์โต้ ตั้งแต่รู้จักกับเยริน่า ซึ่งเปอร์โต้เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

    ...................................................................



    “ว่าอย่างไร หนุ่มน้อย จะไปไหนรึ”



    “ปีศาจตาดุ มาทำอะไรแถวห้องทรงพระอักษรนะ” เยริน่าพีมพำเบาๆ



    “อรุณสวัสดิ์ เจ้าชายเจอิล กระหม่อมชื่อเยีย กรุณาเรียกชื่อกระหม่อมแทนคำว่าหนุ่มน้อยด้วยพะย่ะค่ะ”



    ใบหน้าคมคายของเจอิลตึงขึ้นมาทันที “ทำไม ทีหัวหน้าราชองค์รักษ์เปอร์โต้ยังเรียกท่านว่าหนุ่มน้อยได้ แล้วทำไมข้ามียศศักดิ์สูงกว่าเขาเสียอีกจึงจะเรียกท่านว่าหนุ่มน้อยไม่ได้”



    “ท่านเปอร์โต้เป็นข้อยกเว้นพะย่ะค่ะ อย่างไรก็ตามต่อจากนี้ไป กรุณาเรียกกระหม่อมด้วยชื่อของกระหม่อมเถิดพะย่ะค่ะ” เยริน่าตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย จึงไม่เห็นดวงตาสีน้ำเข้มเปลี่ยนเป็นสีทองแดงด้วยความไม่พอใจด้วยความอิจฉาริษยาเปอร์โต้



    “ข้าจะเรียกเจ้าอย่างไร มันก็เป็นเรื่องของข้า!!!”



    “อย่างนั้นก็แล้วแต่พระประสงค์แล้วกัน กระหม่อมต้องขอตัวไปเฝ้าเจ้าชายยูจีนก่อน ขอตัวนะพะย่ะค่ะ” เยริน่าไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยจึงรีบตัดบทแล้วหันหลังเพื่อเคาะประตูห้องอักษร



    ทันใดนั้นเอง มือใหญ่สีน้ำตาลก็จับหมับเข้าที่มือขาวของเยริน่า จนเธอต้องหยุดชะงักและหันมามองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มดุที่จ้องมาซึ่งยามนี้มันเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งมีแววเว้าวอนและอ่อนล้าก่อนที่น้ำเสียงเย็นๆจะเอ่ยคำพูดแผ่วเบา  “เราจะพูดกันดีๆ บ้างไม่ได้หรืออย่างไร ท่านเยีย”



    “เอ่อ.... เจ้าชายปล่อยกระหม่อมก่อนเถิดพะย่ะค่ะ” เยริน่าจัดว่าสูงแล้ว แต่ยังได้แค่เลยไหล่ของเจอิลมานิดหน่อย ตอนนี้ก็เลยดูเหมือนเยริน่าอยู่ในอ้อมกอดของเจอิล



    กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาเข้าจมูกของคนตัวใหญ่กว่า เจอิลก้มหน้าลงเพื่อสูดกลิ่นหอมให้มากกว่านี้ กลับได้พบเห็นดวงหน้าหวานซึ่งขณะนี้มีสีเลือดฝาดขึ้นที่พวงแก้มทั้งสองของคนตัวเล็ก สายตาสีน้ำตาลเข้มสบดวงตาสีฟ้าใส จนตนเองเผลอนึกไปถึงนางฟ้าที่ริมทะเลสาปเมื่อวานนี้ จึงค่อยๆ ก้มหน้าลงเพื่อจะจุมพิต ริมฝีปากสีแดงรูปกระจับเล็กๆนั่น...



    “โอ้ย!!!”



    เจอิลปล่อยเยริน่าทันที เมื่อถูกกระแทกเข้าที่กลางลำตัว “เจ้า... เจ้า....”



    “กระหม่อมขออภัยพะย่ะค่ะ ถ้ามีผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่บิดามาเข้าใกล้กระหม่อมอย่างนี้ สัญชาตญาณจะสั่งให้ตอบโต้โดยอัตโนมัติ ได้โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วยนะพะย่ะค่ะ” ว่าพลางรีบเปิดประตูห้องอักษรเข้าไปแล้วปิดอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจ้าชายเจอิลนอนตัวงอด้วยความเจ็บปวดอยู่หน้าประตูเพียงลำพัง



    เจ้าชายยูจีนกำลังก้มหน้าอ่านเอกสารราชการ เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ ที่มีคนพรวดพราดเข้ามาในห้องโดยไม่ขออนุญาต



    “อ้าว! เยีย ถึงจะเป็นเจ้าแต่ก็ควรขออนุญาตก่อนเข้ามานะ” ยูจีนพูดเสียงเรียบพลางจ้องหน้าองครักษ์ด้วยสายตาตำหนิ



    “ขอประทานอภัยฝ่าบาท กระหม่อมมีความจำเป็นจริงๆพะย่ะค่ะ” เยริน่ารีบเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของยูจีน หน้าตาซีดเซียว



    “เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมดูลุกลี้ลุกลน หน้าตาก็ซีดๆ ไปทำอะไรมาอีกแล้วหรือไง” ยูจีนวางเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ สังเกตุหน้าตา กิริยาอาการขององครักษ์คนสนิท แล้วยังการไม่พูดไม่จาอะไรอีก ปรกติเจ้าตัวพูดเป็นต่อยหอยทุกที “เจ้าไม่สบายหรือเปล่า เหงื่อออกเต็มหน้าเลย”



    “ถ้าเจ้าไม่สบายก็กลับไปเถอะ ข้าไม่มีอะไรด่วนหรอก” ยูจีนอนุญาตให้เยริน่ากลับไปพักผ่อนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เยริน่าต้องการอยู่แล้วในตอนนี้ แต่ว่า....



    “เออ.... เจ้าชายพะย่ะค่ะ กระหม่อม.... เออ.... มีเรื่องให้ช่วยหน่อยพะย่ะค่ะ” เยริน่าพูดเบาๆขึ้นมา



    “มีอะไร ก็ว่ามา”



    “ตอนนี้ มีปีศาจตนหนึ่งอยู่ที่หน้าห้องพะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่สามารถต่อกรกับมันได้”



    “หา!!! เจ้าว่าอย่างไรนะ ปีศาจอะไร” เจ้าชายยูจีนลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าที่ที่ประทับอยู่ทันที



    “ปีศาจตาดุ เฮ้ย! ไม่ใช่ เจ้าชายเจอิลพะย่ะค่ะ” เยริน่ารู้สึกตัวรีบแก้สรรพนามที่ใช้เรียกผู้คุกคามตนใหม่



    “ฮ่า... ฮ่า... ฮ่า... เจ้าคิดได้ยังไงนะ ปีศาจตาดุ ฮ่า... ฮ่า... ฮ่า...” เสียงหัวเราะของเจ้าชายยูจีนกังวานไปทั้งห้องอักษร



    มือทั้งสองของเจ้าชายรัชทายาทกุมท้องนั่งอยู่บนที่ประทับหลังจากหัวเราะจนหมดแรง “โอ้ย! เหนื่อย... เจ้าจะให้ข้าช่วยอย่างไรล่ะ องครักษ์คนเก่ง” น้ำตาแห่งความหฤหรรษ์ ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ที่หางตา



    “ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพะย่ะค่ะ มันเป็นความปลอดภัยของหม่อมฉันเชียวนะพะย่ะค่ะ” หรือ ‘เสด็จพี่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ขนาดหม่อมฉันเป็นผู้ชาย ไอ้ปีศาจตาดุยังมาทำชีกอใส่ นี่มันวิปริตแล้ว’ เยริน่าพูดด้วยความเหนื่อยหน่าย



    “ข้ารู้แล้ว แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าชายเจอิลจะผิดเพศจริงๆ หรอก เจ้าออกไปทางหน้าต่างก็ได้ แค่นี้เจ้าทำได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” เสียงของเจ้าชายยูจีนกลับมาเป็นการเป็นงานอีกครั้งหนึ่ง เมื่อรู้แน่แล้วว่าองครักษ์ของพระองค์คงไม่สนุกกับตลกร้ายเช่นนี้



    “จริงด้วยสิพะย่ะค่ะ หม่อมฉันลืมนึกไปได้อย่างไร” เยริน่ากำลังตั้งท่าจะปีนลงหน้าต่าง ก่อนไปก็หันมามององค์รัชทายาทของตนเองด้วยสายตาเว้าวอน



    “ฝ่าบาทจะทรงรังเกียจมั้ยพะย่ะค่ะ ถ้าหม่อมฉันจะขอลาหยุดจนกว่าเจ้าชายอะไรนั่นจะกลับประเทศไป” เยริน่าก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกัน รู้แต่เพียงว่าไม่อยากพบหน้าเจ้าชายรัชทายาทแห่งแองการ์อีกต่อไป



    ด้วยสายตาเช่นนั้นทำให้ใจของเจ้าชายรัชทายาทกระตุกเล็กน้อย เนื่องจากเห็นว่าเป็นท่าทางที่ดูน่ารักเหลือเกิน ถึงแม้ว่าผู้ที่ทำท่าทางอย่างนั้นในตอนนี้จะเป็นผู้ชายก็ตามที



    “เออ... ขอข้าคิดดูก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้หลังเวลาอาหารเย็น เจ้ามาพบข้าที่ห้องแล้วกัน” ยูจีนแบ่งรับแบ่งสู้ การที่จะให้คนมีฝีมืออย่างเยริน่าหยุดไปแบบไม่มีกำหนด เพราะตนเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้าชายเจอิลจะอยู่ถึงเมื่อไร เป็นการน่าเสียดายยิ่งนัก แต่ไม่ให้หยุด ก็อาจเป็นปัญหาได้



    เยริน่าพยักหน้ารับก่อนเหวี่ยงตัวข้ามขอบหน้าต่าง และวิ่งออกไปตามสนามหญ้านุ่ม ไม่ไยดีต่อสายตาของทหารที่เฝ้าอยู่โดยรอบ



    “เฮ้อ! ข้าชักเข้าใจความรู้สึกของท่านแล้วสิ ท่านเจอิล แต่เสียดาย...ที่เขาเป็นผู้ชาย!” แล้วเจ้าชายก็โคลงศีรษะตัวเองเบาๆ เพื่อเป็นการเรียกสติของตนเองกลับคืน

    ................................................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×