ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องวุ่นๆ ของเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #3 : นางฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 48


    ตอนที่ 3 นางฟ้า



    “ท่านเจอิล ทำไมท่านถึงต้องการให้หนุ่มน้อยคนนั้นมารับใช้ด้วยพะย่ะค่ะ” ลูอิสถามสิ่งที่กำลังค้างคาใจตนอยู่



    พอคิดถึงคำว่าหนุ่มน้อย รอยยิ้มพรายของชายหนุ่มก็กว้างขึ้นทุกที “เจ้าอย่าได้ไปเรียกต่อหน้าเยียเชียวนะ บางทีข้าก็ไม่อาจรักษาหัวให้เจ้าได้ เจ้าอารมณ์ขนาดนั้น ตัวก็เล็กนิดเดียว”



    “ฝีมือคงไม่ใช่เล่น และดูเหมือนว่าจะเป็นองครักษ์คนโปรดของเจ้าชายยูจีนด้วย”



    “อย่าพูดชื่อนั้นต่อหน้าข้าตอนนี้!!!” สีหน้าที่กำลังยิ้มเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยโดยฉับพลันเมื่อได้ยินคำว่า ‘องครักษ์คนโปรด’



    “ข้ารู้สึกถูกชะตากับหนุ่มน้อยคนนี้และข้าปรารถนาจะให้เขามารับใช้ข้า ข้ารู้สึกว่าข้าจะไม่รู้สึกเบื่อแน่ๆ เมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ”



    ลูอิสจ้องหน้ารัชทายาทแห่งแองการ์และเพื่อนสนิทของตน ด้วยดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกกว้างของตนเอง เพราะไม่คิดว่าสิ่งที่กำลังสันนิษฐานอยู่จะเป็นความจริง ‘โอย...เจ้าชายของข้าที่มิเคยนิยมชอบสตรีคนใดเลย กลับมาสนใจหนุ่มน้อยหรือนี่’



    เจอิลเห็นอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเพื่อนก็หัวเราะออกมา



    “เฮ้ย! เจ้าคิดอะไรอยู่ ข้ายังไม่ลักเพศหรอกนะ ข้ารู้แล้วว่าเจ้านั่นน่ะ ผู้ชาย...และข้าก็ยังคงชอบผู้หญิงอยู่ แต่เพียงว่า... ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าถูกชะตาก็แล้วกัน คงเหมือนข้ากับเจ้าล่ะนะ” พูดไปแล้วในใจก็รู้สึกโหวงเหวงที่รู้ว่าคนที่ถูกชะตาเป็นผู้ชาย และยังไม่สามารถให้คำตอบแก่ตนเองได้เช่นกัน



    แต่ลูอิสก็ยังคงเชื่อในสิ่งที่เห็นและสัญชาตญาณของตนอยู่ดี ‘มันจะไปเหมือนได้อย่างไรฝ่าบาท   เฮ้อ! หม่อมฉันขอสาบานด้วยเกียรติว่าจะไม่ให้องค์รัชทายาทของแองการ์ผิดแผกไปจากชายฉกรรจ์อื่นๆเด็ดขาด’ ลูอิสสาบานในใจ

    ........................................................................        



    “ท่านเยีย วันนี้ทำไมเสด็จเร็วจังเพคะ” ชีล่าถามผู้อ่อนวัยกว่าด้วยสายตาอ่อนโยน



    “วันนี้ เสด็จพี่ให้พักได้น่ะ ร้อนเหลือเกิน น้าชีล่าช่วยข้าเอาเจ้าวิกนี้ออกไปทีเถอะ”



    พอวิกผมสีดำพ้นศีรษะไป ผมสีน้ำตาลทองเป็นประกายสลวยก็สยายลงมาตามแผ่นหลัง “ขออาบน้ำก่อนล่ะนะ เหนียวตัวไปหมดแล้ว”



    ชีล่าส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ‘เป็นเจ้าหญิงอยู่ในปราสาทดีๆ ก็ดีอยู่แล้ว กลับออกไปตะลอนทำตัวเป็นผู้ชาย สักวันหนึ่งเถอะจะถูกจับได้เสียก่อน’



    พอเยริน่าถอดเสื้อผ้าออก รอยช้ำม่วงออกคล้ำๆ ก็ปรากฏแก่สายตาของชีล่า เธอรีบคว้าแขนของเยริน่ามาดู “ท่านเยีย!!! แขนท่านไปโดนอะไรมา ทำไมมันเป็นรอยช้ำอย่างนั้นเพคะ ตายแล้วไปโดนอะไรมา”



    “ยังไม่ตาย โถ... ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ช้ำนิดหน่อยเดี๋ยวเดียวก็หาย” เยริน่าชักแขนกลับในใจพลางนึกไปถึงตัวการที่ทำให้เป็นรอยอย่างนี้ ป่านนี้คงพักผ่อนนอนสบายอยู่ในห้องรับรองแล้วสิ

    ..............................................................



    เจ้าตัวการที่ว่ากำลังมองออกไปนอกหน้าต่างห้องรับรองฝั่งทิศตะวันออก เห็นลานฝึกฝีมือของพวกทหารและองครักษ์กำลังฝึกซ้อมกันอยู่หลายคนทีเดียว แต่ในกลุ่มนั้นกลับไม่มีคนที่ต้องการพบ ราชองครักษ์ประจำองค์รัชทายาทแต่รูปร่างเหมือนเด็กหนุ่มเพิ่งแตกพาน ป่านนี้คงจะกลับไปนอนพักแล้วล่ะสิ ‘พักที่ไหน? ห้องเจ้าชายยูจีน ห้ององค์กษัตริย์ หรือห้องของใคร’  



    พอรู้ตัวว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่ ก็สงสัยตัวเองยิ่งนัก พยายามสลัดความคิดพิลึกนี้ออกจากหัวด้วยการสลัดหัวไปมา แต่หน้าตาของเจ้าองครักษ์หน้าหวานคนนั้นก็ยังคงลอยอยู่ในความคิดคำนึงตลอดเวลา



    “สงสัยต้องออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว เกิดมาจนป่านนี้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน หรือว่าตั้งแต่มาโทเรอานี่ก็เจอแต่เยียคนเดียว ที่มีนิสัยแปลกๆ ขึ้นๆ ลงๆ ผิดวิสัยทหารทั่วไปไม่เหมือนคนอื่นก็เลยรู้สึกติดใจ คงไม่มีอะไรมากหรอก ข้าคงคิดมากไปเอง”



    ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป

    …………………………………



    “น้าชีล่า ข้าจะออกไปซ้อมปามีดในสวน ถ้าน้าเชสกลับมา ช่วยบอกให้ไปฝึกดาบให้ข้าด้วยนะคะ” หญิงสาวรูปร่างอรชรสมส่วน อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าเหมือนดวงตา ผมสีน้ำตาลทองสวยสยายเป็นลอนลงมาที่กลางหลังบอกแก่ผู้แก่วัยกว่าเพื่อให้นางบอกแก่สามีนาง ซึ่งตั้งแต่เยริน่าไปเป็นองครักษ์ ก็ฆ่าเวลาช่วงบ่ายที่ว่างของตนด้วยการไปหาสมุนไพรในป่าบ้าง บนภูเขาบ้าง



    “เจ้าหญิง จะออกไปทั้งชุดนั้นเลย หรือเพคะ เดี๋ยวเผื่อเสด็จท่านมาเห็นเข้า ความลับก็แตกหรอกเพคะ”



    “เสด็จพ่อ ไม่มาแล้วแน่ๆ วันนี้ เพราะทรงพักผ่อน และคาดว่าคงตื่นบรรทมอีกทีก็คงนู่น ก่อนเวลาเสวยน่ะ ไม่เป็นไรหรอก แถวนี้ก็มีแต่คนของเราทั้งนั้น” คนของเราที่เยริน่าพูดถึงก็คือ คนสวน นางกำนัลที่คอยดูแลเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย คนครัว และก็ทหารประจำปราสาททิศใต้ ซึ่งแต่ละคนก็รักและเทิดทูน องค์หญิงของตนเป็นที่หนึ่ง เรื่องความลับแตกจากคนพวกนี้ย่อมไม่มีแน่นอน



    “เจ้าหญิง ทรงเสด็จไปไหนพะย่ะค่ะ” ทหารเฝ้าประตูปราสาททิศใต้ทักเยริน่า ที่ปรกติจะออกมานอกปราสาทด้วยชุดองครักษ์หรือชุดเด็กรับใช้ผู้ชาย ไม่ใช่ชุดสวยสง่าเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าองค์หญิงจะทรงสวมอะไร ก็ทรงงดงามอยู่เสมอ



    “ข้าจะไปซ้อมปามีด ในป่าด้านตะวันออกหน่อย ตอนนี้ปลอดภัย ทางสะดวกหรือไม่ ซาก้า”



    “ปลอดคนพะย่ะค่ะ ตอนนี้ทหารและองครักษ์ พร้อมด้วยองค์ยูจีน อยู่ที่ลานฝึกพะย่ะค่ะ”



    “ขอบใจเจ้ามาก ซาก้า”



    “ด้วยความยินดีพะย่ะค่ะ”    



    บางทีเยริน่าก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าคนในเขตปราสาททิศใต้ ไม่ได้ออกไปไหนกัน แต่ทำไมถึงได้รู้เห็นสถานการณ์นอกปราสาทตลอด อย่างไรก็ตามมันก็เป็นประโยชน์กับเธออยู่ดี

    ..........................................................................



    “ฟ้าว.... ปึก     ฟ้าว.... ปึก ...............” เสียงมีดสั้นเล่มเล็กทั้งสิบเล่มพุ่งแหวกอากาศไปหยุดลงที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง



    เยริน่าเดินไปหยิบมีดที่หยุดนิ่งสนิทยังจุดหมายเบื้องหน้า แล้วเดินกลับมาที่เก่าเพื่อเริ่มต้นปาอีกครั้ง และเหมือนเดิม เป้าหมายทั้งหมด ไม่มีพลาด!!! มีดทั้งสิบอยู่บนต้นไม้ต้นเดิมและจุดเดิม!!!



    “มีดชุดนี้ดีจริงๆ คม เบา และเหมาะมือ อาวุธที่น้าเชสจัดให้ ข้าไม่เคยผิดหวังเลยจริงๆ”



    “สวบ.... สวบ....”



    “นั่นใครน่ะ !!! น้าเชสหรือเปล่า” เยริน่าเดินไปทางทิศต้นเสียง  



    “แควก...”



    “โอ้ย!!!” เยริน่าร้องเบาๆ เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาวิ่งชนที่เท้า พอก้มลงไปมองก็พบหมาจิ้งจอกตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง นอนหมอบอยู่ จึงย่อตัวลงเพื่อจะดูให้ชัดๆ



    เจ้าหมาจิ้งจอกตัวนี้ทำไมมันไม่วิ่งหนีไป ผิดวิสัยหมาจิ้งจอกจริง พอพิจารณาดูก็พบว่าที่ขาหลังของมันมีแผลอยู่



    “คงจะโดนใครล่ามา แล้ววิ่งหนีมาทางนี้ล่ะสิ” เยริน่าอุ้มเจ้าหมาจิ้งจอกขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินไปหาที่พักใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง



    “นี่เจ้าหมาจิ้งจอกน้อย นับว่าเจ้ามีบุญนะ ที่ได้ชายผ้าของข้าน่ะ” เยริน่าฉีกปลายแขนเสื้อมาเป็นทางยาวเพื่อทำแผลให้เจ้าจิ้งจอก



    “ใครนะ ช่างใจร้าย ทำได้แม้กระทั่งลูกหมาจิ้งจอก เอ้า เสร็จแล้ว อย่าให้ใครจับเจ้าได้อีกล่ะ” เมื่อพันผ้าทำแผลให้เจ้าหมาจิ้งจอกเสร็จก็ปล่อยมันลงที่พี้น



    “ทำไมยังไม่ไปอีก ไปซิ แล้วเข้าไปให้ลึกๆ นะ” เจ้าหมาจิ้งจอกน้อยก็ยังคงอยู่กับที่ ตาของมันจ้องแป๋วมาที่เยริน่า



    “ทำไมเจ้าต้องการบอกอะไรข้าเหรอ เจ้าอยากไปอยู่กับข้าหรือ ข้าไม่เคยเลี้ยงสัตว์อื่นนอกจากม้าเลยนะ”



    เยริน่าไม่รู้ตัวเลยว่ามีบุคคลที่ 3 อยู่ในเหตุการณ์สนทนาของตนกับลูกหมาจิ้งจอกด้วย

    ...........................................................................



    “ป่าของโทเรอาช่างอุดมสมบูรณ์ดีจริง เขียวชะอุ่มและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ บ้านเมืองร่มเย็น แล้วทหารก็มีจำนวนมาก ท่านลุงปกครองบ้านเมืองได้ดีจริง”



    “.....”



    “เสียงอะไรน่ะ ในป่าลึกขนาดนี้ยังมีคนอาศัยอยู่หรือนี่” เจอิลเดินมุ่งตรงไปยังต้นเสียงทันที



    เจอิลได้ยินเสียงคนคุยกัน แต่มีเพียงเสียงเดียวนี่??? จึงค่อยๆ แหวกพุ่มไม้ด้านหน้าเพื่อลอบสังเกตุการณ์ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ หญิงสาวนางหนึ่งในอาภรณ์สีฟ้าสดใส ผมสีน้ำตาลทองยาวสลายลงมาตามแผ่นหลัง นั่งก้มหน้าสนทนากับอะไรบางอย่าง ข้างๆ นางคือ ทะเลสาปใสสะอาดเมื่อต้องแสงแดดแล้วก็ส่องประกายระยิบระยับ เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องมายังหญิงสาว ผมสีน้ำตาลทองก็สะท้อนออกมาเป็นสีทองล้อมกรอบดวงหน้าที่มีผิวขาว ช่างเป็นภาพที่ดูเหมือนนางฟ้าอยู่ในสรวงสวรรค์ยังไงยังนั้นทีเดียว



    “นางฟ้า....!!! ” เจอิลหลับตา แล้วลืมตามาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ยังคงอยู่เช่นเดิม  “นางฟ้ากำลังสนทนาอยู่กับหมาจิ้งจอก ถ้าในแผ่นดินนี้จะมีอะไรที่สามารถพูดกับสัตว์ได้คงมีแต่นางฟ้าเท่านั้น”



    เจ้าหมาจิ้งจอกน้อยรู้โดยสัญชาตญาณว่าตนไม่ได้อยู่เพียงลำพังกับมนุษย์ตรงหน้าแล้วจึงรีบหนีไปทันที



    “อ้าว!!! บทจะไปก็ไป อย่างนั้นก็ขอให้เจ้าโชคดีนะ เจ้าจิ้งจอกน้อย แล้วคอยหลบพวกมนุษย์ใจร้ายให้ดีล่ะ” เยริน่าตะโกนไล่หลังจิ้งจอกน้อยไป



    “จริงแน่เชียว นางฟ้าให้เจ้าสัตว์น้อยตัวนั้นระวังมนุษย์!!! แต่เสียงของนางฟ้าคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน คงไม่ละมั้ง ข้าคงคิดไปเอง” เจอิลค่อยๆ ย่องเข้าไปเพื่อจะดูหน้าให้ชัดๆ “หน้าตาจะสวย เหมือนเสียงที่ได้ยินรึเปล่านะ”



    “สวบ.... สวบ....”



    “นาง... นาง... ช่างงาม นัก ผิวขาว แก้มสีชมพูดั่งสาวแรกแย้ม ผมสีน้ำตาลทองเมื่อต้องแสงแดดแล้วกลายเป็นสีทองส่องประกาย ช่างเข้ากันดีกับดวงหน้าหวานละมุน สีตาของนางเป็นสีดั่งสีน้ำทะเล รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น”



    เยริน่าได้ยินเสียงเหมือนมีคนเข้ามาใกล้ แล้วเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เพิ่งวิ่งหนีไป มิตรหรือศัตรูกันแน่นะ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่คนของปราสาททิศใต้แน่นอน เพราะทุกคนไม่ค่อยๆ ลอบเข้ามาแน่นอน ทุกคนต้องส่งเสียงเรียกเธอก่อน ป้องกันตัวไว้ก่อนดีกว่า มีดสั้นเล่มน้อยในมือกระชับมั่น เมื่อสิ่งที่กำลังเข้ามาใกล้โผล่พ้นเข้ามาในรัศมี อาวุธเล่มน้อยก็ถูกซัดออกจากมือมุ่งไปทางเป้าหมายทันที



    “ปึก!!!”



    เจอิลหลบมีดสั้นที่เยริน่าเขวี้ยงมาอย่างฉิวเฉียด ทำให้มีดสั้นเล่มนั้นพลาดเป้าไปอยู่บนต้นไม้เบื้องหลังแทน ชายหนุ่มหันกลับมาทางทิศทางที่มีดเล่มน้อยถูกขว้างมาก็เจอแต่ความว่างเปล่า



    ชายหนุ่มหยิบมีดสั้นออกจากต้นไม้พลางพิจารณา “มีดสั้นเล่มนี้มีลวดลายแปลกตา น้ำหนักเบา มีความแวววาว และคมทีเดียว เอ๊ะ!..แต่ทำไมนางต้องทำร้ายข้า....” พลันนั้นเองสมองของเจอิลก็เริ่มทำงาน หลังจากหลุดออกจากโหมดเจ้าชายผู้ชาญฉลาดรอบคอบไปตั้งแต่ได้พบกับเยริน่าในตลาด



    “ทำไมข้าไม่คิดว่านางเป็นมนุษย์ล่ะ นางฟ้าที่ไหนจะพกมีดสั้น!!!” รอยยิ้มผุดที่ริมฝีปากชายหนุ่ม “แล้วข้าจะตามหาเจ้าเอง”

    .............................................................................



    “เฮ้อ! ตามมาหรือเปล่าเนี่ย? ใครก็ไม่รู้  คงไม่ใช่องครักษ์คนไหนนะ ก็ตอนนี้ทุกคนต้องซ้อมอยู่ในลานนี่นา” เยริน่าหยุดหลบหลังพุ่มไม้ใหญ่พุ่มหนึ่ง สังเกตุไปทางที่เพิ่งผ่านมาว่ามีคนแปลกหน้าตามมาหรือไม่



    “หมับ!!!” มือใหญ่จับที่ไหล่ของเยริน่า ในขณะเดียวกับที่มีดสั้นในมือของหญิงสาวจ่ออยู่ที่คอหอยของเจ้าของมือปริศนา



    “เฮ้ย!!! ข้าเอง เยีย ลดมีดลงเถอะ มันเสียวนะ... เจ้านี่ไวเหลือเกิน”



    “โธ่... น้าเชสนี่เอง ท่านผิดเองนะ ลอบมาข้างหลังข้าแล้วยังไม่ให้สุ่มให้เสียงอีก” เยริน่าต่อว่าคนที่มาใหม่



    “อ้าว! กลายเป็นข้าผิดไป ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ก็ดีใจที่เจ้าไวได้อย่างนี้ แต่ว่า...” เชสนิ่วหน้าใส่เยริน่า “ถ้าอยู่ในสนามรบเจ้าปล่อยให้ศัตรูมาแตะตัวเจ้าได้ มันก็หมายถึงความตาย....”



    “ข้าทราบแล้ว ข้าประมาทไปหน่อย ขอโทษด้วย” เยริน่าก้มหน้าสำนึกผิด เพราะมัวแต่ไประวังคนแปลกหน้าเลยประมาทไปหน่อย



    เชสมองหญิงสาวตรงหน้า ขณะนี้อยู่ในอาภรณ์ที่บ่งบอกเพศชัดเจน เป็นสาวน้อยที่เขาและภรรยาให้การดูแลมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ ไม่ใช่ลูกสาวก็เหมือนใช่ นางควรจะเติบโตมาอย่างเพียบพร้อม เป็นกุลสตรีที่ดี เป็นเจ้าหญิงที่สง่างามของอาณาจักร อะไรดลใจให้เขาและภรรยาสอนวิชาการต่อสู้ทั้งหลายให้นะ



    “น้าเชส คิดอะไรอยู่ เหม่อเชียว” เยริน่าทักเมื่อเห็นผู้เลี้ยงดูและอาจารย์ของตนจ้องตนเขม็ง



    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ว่าไง จะฝึกดาบหรือ ไม่ดีล่ะมั้ง เจ้าใส่กระโปรงด้วย แล้วข้าก็ไม่อยากปะทะดาบกับเจ้าตอนนี้ด้วย ข้าว่ากลับปราสาทกันก่อนดีกว่า ข้าหิวแล้ว”



    “แหม๋! สุดท้ายแล้วก็เพราะท่านหิว เชอะ! วันนี้ไม่ฝึกก็ได้ นี่แหละน้า ข้าถึงไม่ชอบคนแก่” หลังจากพูดเสร็จเยริน่าก็รีบวิ่งหนีไปทางปราสาททิศใต้ ปล่อยให้เชสขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธน้อยๆ ที่ลูกศิษย์ตัวจ้อยมาล้อว่าตนแก่



    “อย่าให้ข้าจับได้นะ ข้าจะตีให้ก้นลายเลย”



    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... ถ้ายังไม่แก่ ก็ตามข้าให้ทันสิ”

    ......................................................................



    บนโต๊ะอาหารในห้องเสวย ประกอบด้วย กษัตริย์ยาฟา นั่งเป็นประธานอยู่ที่หัวโต๊ะ ถัดมาทางซ้ายมือเป็นเจ้าชายยูจีน และทางขวามือเป็นเจ้าชายเจอิล ถัดจากเจ้าชายเจอิลเป็นลูอิส ซึ่งได้รับเกียรติให้ร่วมโต๊ะเสวยได้ เนื่องจากเป็นองครักษ์ของเจ้าชายรัชทายาทแองการ์



    “กินเยอะๆ นะ หลานชาย อาหารมีมาก ถูกปากไม่ถูกปากอะไรก็บอกมหาดเล็กได้ หรืออยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกได้นะ” กษัตริย์ยาฟาแจ้งแก่เจอิล



    “อาหารถูกปากกระหม่อมมากพะย่ะค่ะ กระหม่อมโชคดีที่เป็นคนกินอะไรง่าย เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหารมาก่อนพะย่ะค่ะ” เจอิลตอบองค์ประมุขของโทเรอา โดยที่ไม่อยากให้กังวลกับอาหาร เนื่องจากตนเป็นคนกินง่าย อยู่ง่ายอยู่แล้ว



    “เจ้าชายยูจีนพะย่ะค่ะ ทางทิศใต้มีป่าอยู่ไม่ทราบมีคนอาศัยอยู่ในละแวกนั้นหรือไม่พะย่ะค่ะ”



    ทั้งกษัตริย์ยาฟา เจ้าชายยูจีนและลูอิสหยุดชะงักทันที แต่เป็นด้วยต่างเหตุผลระหว่างคนทั้งสองเมือง



    ลูอิสนั้นแปลกใจว่าเจอิลออกไปตอนไหน ทำไมจึงเล็ดลอดสายตาเขาซึ่งเป็นองครักษ์ไปได้ ส่วนกษัตริย์ยาฟาและเจ้าชายยูจีนนั้น....



    “ท่านไปทางปราสาททิศใต้มาหรือ เจ้าชายเจอิล” ยูจีนทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะ



    “ทางทิศใต้มีปราสาทด้วยหรือท่าน ข้าไปไม่ถึงปราสาทหรอก”  



    “เออ... คือ”  ยูจีนอึกอัก ในใจก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่รู้ว่าควรบอกหรือไม่



    “ปราสาททางทิศใต้เป็นที่พำนักของธิดาของเราเอง เจ้าหญิงเยริน่า นางอาศัยอยู่กับพี่เลี้ยงและแพทย์ประจำพระองค์” กษัตริย์ยาฟาจึงเป็นผู้ตอบปัญหาเสียเอง “ทำไม เจ้าไปพบใครมาหรือ”



    “หม่อมฉันพบหญิงสาวนางหนึ่งพะย่ะค่ะ สตรีผู้มีผมสีน้ำตาลทองและมีฝีมือขว้างมีดสูงมาก”



    “เอ๋?” กษัตริย์ยาฟาและเจ้าชายยูจีนอุทานพร้อมกัน ส่วนลูอิสได้แต่ทำตาเบิกกว้างอย่างสงสัย



    “ท่านคงไปพบสตรีที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นกระมัง เพราะน้องสาวของข้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง นางไม่สามารถออกมาเดินท่ามกลางแสงแดดได้ ยิ่งขว้างมีดด้วยแล้วคงไม่มีทาง และพี่เลี้ยงของเยริน่า ท่านชีล่าก็เป็นเพียงนางกำนัลที่ติดตามเสด็จแม่ของข้ามาจากเมืองเซรอนและนางก็มีผมสีดำด้วย”



    ยูจีนตอบ ในขณะที่กษัตริย์ยาฟาทรงนึกถึงพระธิดาองค์น้อยผู้น่าสงสารของพระองค์อยู่



    “เจอิล หลานทานให้มากๆ นะ ลุงขอตัวก่อนล่ะ” พระองค์ทรงลุกจากโต๊ะเสวย “ยูจีน พ่อจะไปเยี่ยมเยริน่าหน่อย เจ้ารับรองเจอิลด้วยล่ะ”



    “เออ...พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”



    “เสด็จลุงพะย่ะค่ะ หม่อมฉันขอไปเยี่ยมเจ้าหญิงด้วยได้ไหมพะย่ะค่ะ” เจอิลอยากไปตรวจสอบปราสาททิศใต้ด้วยตนเอง เพราะนางฟ้าที่พบนั้นมีดวงตาและสีผมเหมือนกับเจ้าชายยูจีนไม่มีผิด!!!



    กษัตริย์ยาฟาชะงักเล็กน้อย ตรัสตอบว่า “ตอนนี้อย่าเพิ่งเลย เจอิล เยริน่าไม่ค่อยแข็งแรง คงไม่พร้อมที่จะรับแขกเท่าไรนัก ขอบใจแทนนางด้วยที่เจ้ามีใจเมตตา” แล้วทรงเดินจากไปทิ้งให้เจอิลสะดุดกึก คิ้วทั้งคู่ขมวดเข้าหากันจนยุ่ง



    เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ของหวานหลังอาหารจะถูกจัดให้ขึ้นโต๊ะเป็นลำดับต่อไป



    “เจ้าชายยูจีนไม่ทราบว่าจะเสียมารยาทหรือเปล่า... แต่หม่อมฉันมีข้อข้องใจอยากจะถามท่านซักหน่อย” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง  



    “เชิญถาม เจ้าชายเจอิล” ยูจีนพูดเรียบๆ มือประสานกันบนโต๊ะด้วยท่าทางสนใจ



    “เจ้าหญิงเยริน่า น้องสาวของท่าน ป่วยเป็นโรคอะไรไม่ทราบ เผื่อข้าจะได้ช่วยตามหมอมารักษาให้ได้ ข้าพอรู้จักหมอผู้มีฝีมือหลายท่านด้วยกัน”



    “นางอ่อนแอมาตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากเสด็จแม่ของข้าเป็นคนอ่อนแออยู่แล้ว และสิ้นพระชนม์เมื่อให้กำเนิดเยริน่า ถ้านางโดนลมหรืออากาศเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ก็ทำให้ไม่สบายได้ เสด็จพ่อจึงให้มาพักที่ปราสาททางทิศใต้ ซึ่งสงบและอากาศร่มรื่น พร้อมทั้งให้แพทย์ประจำพระองค์ของเสด็จแม่คอยดูแลอยู่ พร้อมด้วยภรรยาซึ่งเป็นนางกำนัลของเสด็จแม่ด้วยเช่นกัน”



    “แล้วนางมีลักษณะรูปร่างอย่างไรหรือท่านยูจีน”



    ยูจีนเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ “ทำไมท่านถึงอยากรู้ล่ะท่านเจอิล ท่านคงไม่คิดว่าหญิงสาวที่ท่านพบในป่านั่นคือ น้องสาวของข้าหรอกนะ ข้าไม่เคยเห็นนางเดินออกมานอกห้องของนางเลยตลอด 19 ปีที่ผ่านมา ที่ที่ไกลที่สุดที่นางไปก็คือระเบียงห้องของนางเอง” ยูจีนพูดเรียบๆ ยกชาขึ้นดื่ม



    “ข้าเพียงแต่แปลกใจเล็กน้อยที่หญิงสาวนั่นมีสีผมและสีตา เหมือนท่านไม่มีผิด”



    ยูจีนสำลักน้ำชาพรวด!!!



    “ข้าไม่รู้หรอกนะ ว่าท่านต้องการสอบถามถึงหญิงสาวปริศนาคนนั้นไปทำไม แต่ที่แน่ๆ อย่ามายุ่งกับเยริน่า น้องสาวของข้าเลย แค่นี้นางก็น่าสงสารพออยู่แล้ว หรือ...ท่านคิดว่าข้าและเสด็จพ่อพูดปดกับท่านหรืออย่างไร” คราวนี้ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสของเจ้าชายยูจีนแวววาวขึ้นมาในทันที



    เจอิลเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ พลางส่งสายตาหยันๆ “นั่นจะไม่เป็นการเกินไปหน่อยหรือเจ้าชาย อันที่จริงข้าก็แค่สงสัยที่ท่านและหญิงสาวคนนั้นมีสีผมและสีตาที่เหมือนกันไม่มีผิด หรือท่านมีความเห็นอื่นใด”



    “อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า เจ้าชายเจอิล ข้ายังสงสัยในพฤติกรรมของท่านตั้งแต่มาถึงโทเรอา ตอนเช้าท่านวุ่นวายกับองครักษ์ของข้า ตอนเย็นท่านมาถามหาหญิงสาวอีกนางหนึ่ง ไม่ทราบว่ารสนิยมของท่านจริงแท้แล้วเป็นอย่างไรกันแน่”



    “เจ้า!!!” เจอิลใบหน้าแดงจัด ไม่รู้ว่าจะเป็นด้วยโกรธหรือว่าอาย



    ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นรวดเร็วจนเก้าอี้ล้มดังโครม ใบหน้ายามนี้เผยให้เห็นถึงโทสะเต็มเปี่ยม ดวงตาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีน้ำตาลที่เคยดุอยู่แล้ว ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีกพร้อมที่จะแผดเผาคนตรงหน้าให้มอดไหม้ไปในพริบตา



    ลูอิสพอได้ฟังถึงกับกุมขมับ!!! แล้วอย่างนี้ชื่อเสียงของรัชทายาทแห่งแองการ์จะไม่มัวหมองได้อย่างไร!!!



    “โอ๊ะ! นี่ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ข้าคงต้องขอตัวไปสะสางงานราชการที่คั่งค้างอยู่ก่อนนะเจ้าชายเจอิล เชิญท่านพักผ่อนให้สำราญใจนะ” ยูจีนกล่าวเสร็จก็เดินออกจากห้องเสวยไป ทิ้งให้เจอิลยืนนิ่งอย่างกับรูปปั้นเพียงลำพังกับลูอิสซึ่งตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    .....................................................................



    “พระราชาเสด็จ......” เสียงนายทหารประจำปราสาททิศใต้ตะโกนแจ้งให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในปราสาททราบและเตรียมการต้อนรับ



    หญิงสาวนางหนึ่งในชุดนอนสีครีมกำลังยืนทอดอารมณ์อยู่ที่ระเบียงห้องของนางเองถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเตือนดังกล่าว



    “น้าชีล่า....” เยริน่าตะโกนเรียกแม่นมทันที  “เมื่อวานก็เพิ่งเสด็จ ทำไมวันนี้ถึงเสด็จได้อีกนะ”



    ชีล่าและเชสวิ่งมาที่ห้องเยริน่าโดยพร้อมเพรียงกัน ชีล่าจัดให้เยริน่านอนในเตียงของเธอเองอย่างเรียบร้อยโดยห่มผ้าให้ถึงคอ ในขณะที่เชสดับแสงเทียนในห้องให้เหลือส่องแสงสว่างเพียงเล่มเดียวที่อยู่หน้าห้องเท่านั้น นางกำนัลอีกคนเอาผ้าชุบน้ำร้อนมาส่งให้ชีล่าเพื่อใช้เช็ดหน้าตา และร่างกายของหญิงสาวให้ดูเหมือนมีอาการเป็นไข้นิดๆ ทั้งหมดนี่ใช้เวลาทำการเพียงชั่วครู่เดียวก่อนที่กษัตริย์ยาฟาจะทรงเสด็จมาถึงห้องบรรทมของเจ้าหญิงเยริน่าเท่านั้น



    “เยริน่า เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหญิงของพ่อ” กษัตริย์ทรงเสด็จมาใกล้พร้อมกับเอาพระหัตถ์ลูบไล้ไปตามหน้าตาของหญิงสาวผู้เป็นธิดา



    เยริน่าแสร้งค่อยๆ ลืมตาอย่างยากลำบาก “เสด็จพ่อ... ทรง...มาเยี่ยม.... หม่อมฉัน... หรือเพคะ.....”



    “เจ้ามีไข้นี่!!! เชส...ลูกหญิงของเราเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อสัมผัสถึงความร้อนจากฝ่าพระหัตถ์ จึงถามต่อแพทย์ประจำพระองค์ของเจ้าหญิง



    “ทรงมีไข้นิดหน่อยพะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งให้เสวยยา และทรงบรรทมพะย่ะค่ะ” เชสก้มหน้าตอบ ในใจก็สารภาพบาปต่อพระเจ้าไปพร้อมกัน ‘พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงได้โปรดยกโทษบาปที่ข้าได้กระทำในตอนนี้ด้วยเถิด ข้าทำไปเพราะความจำเป็น’



    “วันนี้เจ้าหญิงออกไปนั่งพักที่ระเบียงเพราะเห็นอากาศดีน่ะเพคะ” ชีล่าเสริม



    “นางฟ้าของพ่อ ระมัดระวังรักษาสุขภาพด้วย เจ้าไม่เหมือนคนอื่น พ่อเป็นห่วง ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป พ่อจะทำอย่างไรล่ะ” กษัตริย์ยาฟาทรงทอดพระเนตรพระธิดาด้วยความรักที่เปี่ยมล้นและด้วยความสงสายในชะตากรรมของเจ้าหญิง



    “พ่อไม่กวนเจ้าแล้วนะ นอนเถอะ พักผ่อนให้มากๆ นะ นางฟ้าของพ่อ” แล้วก้มลงจุมพิตที่พระนลาฏของพระธิดา ก่อนจะเสด็จกลับไปที่ปราสาทที่ประทับทางทิศเหนือ



    น้ำตาหยดใสๆ ไหลออกจากดวงตาคู่สวยของเจ้าหญิงเยริน่า ด้วยความสำนึกผิดที่ปิดบังบิดาผู้ให้กำเนิด และทำให้ท่านเป็นห่วง “เสด็จพ่อ หม่อมฉันขอโทษเพคะ สักวันหนึ่งหม่อมฉันจะทูลท่านเป็นคนแรก!”



    ................................................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×