ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องวุ่นๆ ของเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #2 : เสือพบสิงห์

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 48


    ตอนที่ 2  เสือพบสิงห์



    “ฝ่าบาท คนของโทเรอามาแล้วพะย่ะค่ะ”



    “อย่างนั้นก็เตรียมตัวเดินทางได้”



    ขบวนของแขกพิเศษเมืองโทเรอาตั้งกระโจมที่พักที่ป่านอกเมืองตั้งแต่เมื่อวาน หลังจากทหารประจำชายแดนแองการ์อารักขามา มีรองแม่ทัพใหญ่ของแองการ์ ลูอิส เป็นผู้คุ้มครองกองขบวนมา และบุคคลสำคัญที่ทำให้มีการคุ้มครองที่แน่นหนาขนาดนี้คือ เจ้าชายรัชทายาทเมืองแองการ์ ภารกิจของเจ้าชายในการเดินทางมาที่โทเรอาครั้งนี้คือ การเรียนรู้และเยี่ยมชมการบริหารงานแผ่นดินของกษัตริย์ยาฟา และเจริญสัมพันธไมตรีกับเจ้าชายรัชทายาทเพื่อประโยชน์ในอนาคตต่อไป



    ความจริงแล้วเจ้าชายต้องการมาเป็นส่วนพระองค์มากกว่า แต่ราชินีแทสทาเนีย ซึ่งเป็นพระมารดาทรงเป็นห่วงด้วยทรงมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียว แม้เจ้าชายจะทรงค้านและบอกว่าฝีมือพระองค์ไม่เป็นรองใคร แต่ก็ไม่สามารถขัดพระประสงค์ได้ จึงให้รองแม่ทัพลูอิส ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทร่วมแม่นมตามมาคุ้มครองพร้อมทหารรักษาพระองค์ที่ฝีมือดีอีก 4 นาย



    “ฝ่าบาท ทางโทเรอาไม่รู้คิดอะไรอยู่ ส่งเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมารับเราเข้าปราสาท แค่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะคุ้มครองได้หรือเปล่า ฮึ” ลูอิสบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ



    เจ้าชายรัชทายาทแห่งแองการ์ยิ้มให้เพื่อนสนิทเล็กน้อย พลางนึกไปถึงหนุ่มน้อยหน้ามนที่พระองค์ทรงชนล้มไปเมื่อวาน ตอนหนีเข้าไปเที่ยวในเมืองเมื่อวานนี้แล้วรอยยิ้มก็มีมากขึ้น “มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นละมั้ง”



    “พระองค์ว่าอะไรนะพะย่ะค่ะ”



    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก รีบออกไปเถอะ เดี๋ยวคนของโทเรอาจะคอยนาน”



    ทหารราชองครักษ์ของโทเรอาที่จัดมาเพื่ออารักขาแขกคนสำคัญนำโดยเยริน่าและแน่นอนต้องมีชัค ซึ่งวันนี้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาของลูกพี่ชอบกลแล้ว ก็ยังมีองครักษ์หลวงอีก 3 นาย คัดมาอย่างดีโดยชัค ซึ่งย้ำให้เยริน่าฟังแต่เช้าแล้วว่าฝีมือใช้ได้ ไม่รู้ว่าใช้ไปไหน เฮ้อ!



    เมื่อเยริน่ามาถึงกระโจมที่พักแล้ว ก็ให้ชัคไปสืบว่าคนที่ต้องอารักขาคือใคร สำคัญแค่ไหน และมาทำไม ชัคสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามอะไร รีบไปทำงานที่สั่งโดยเร็วด้วยเกรงอารมณ์ของลูกพี่ที่แสดงชัดออกมาทางดวงตาสีฟ้ากระจ่างคู่นั้นว่า ถ้าถาม... เจ้าเจอดีแน่!!!



    เพียงไม่นานชัคก็กลับมารายงาน “ท่านเยียขอรับ คนที่เรามาอารักขาวันนี้คือเจ้าชายรัชทายาทของเมืองแองการ์ เจ้าชายเจอิลขอรับ”



    “เจ้าชายรัชทายาทของแองการ์ เจ้าชายเจอิล .... เจอิล... ชื่อนี้มันคุ้นหูอยู่นะ” เยริน่าพยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนกัน



    “ท่านเยียก็ กิตติศัพท์ของเจ้าชายรัชทายาทองค์นี้ใช่ย่อยเสียเมื่อไรกันล่ะ” เมื่อเห็นว่าเยริน่าไม่ค้านอะไร ชัคก็รีบสาธยายสรรพคุณต่อทันที



    “เจ้าชายน่ะ ได้ชื่อว่าโมโหร้าย เจ้าอารมณ์ เงียบขรึม ไม่ค่อยพูดค่อยจา วันๆ เอาแต่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ชอบเห็นเลือดสดๆ เแม้เด็กร้องไห้พบเห็นยังต้องหยุดร้องไห้เลย แต่ฝีมือทางการปกครองและการทำสงครามไม่เป็นสองรองใคร มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด จนถึงขั้นแกมโกงทีเดียว แล้วฝีมือการต่อสู้ก็มีพอตัว สรุปแล้ว เหมือนปีศาจน่ะท่าน อ่านใจคู่ต่อสู้ออกด้วยคล้ายมีเวทมนตร์” ชัคบรรยายรวดเดียว ทำให้เยริน่าอดหมั่นไส้ไม่ได้ จะมีคนประเภทนี้อยู่ในโลกด้วยหรือไง ใครกันที่จะเก่งกว่าเสด็จพ่อและเสด็จพี่ยูจีนของข้าน่ะ



    “ไม่มีสงครามมาเป็นเวลานานแล้ว แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเก่งกาจทางด้านการรบน่ะ ชัค แล้วถ้าเด็กพบเห็นองค์รัชทายาทของประเทศแล้วเป็นอย่างนั้นน่ะ ใครจะยอมรับให้เป็นกษัตริย์เพื่อปกครองพวกเค้าต่อไปกันเล่า แล้วถ้าเวลาฝึกซ้อมแล้วต้องมีเลือดสดๆ มาสังเวยทุกครั้งน่ะ ทหารของแองการ์คงพิกลพิการกันหมดแล้วมั้ง”



    “โธ่! ท่านไม่เชื่อข้าก็คอยดูแล้วกัน มิน่า วันนี้ข้ารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ พิกล”



    เยริน่าส่ายหน้าด้วยความระอาในตัวลูกน้องคนสนิท????



    “อ้าว! พ่อหนุ่มน้อย เจ้าเองรึที่ทางโทเรอาส่งมารับข้า” เจอิลกล่าวด้วยความดีใจที่ได้พบหนุ่มน้อยเจ้าอารมณ์อีกครั้ง



    “อย่ามาเรียกข้าว่าหนุ่มน้อยนะ!!!” เยริน่าหันขวับไปยังต้นเสียงด้วยความโกรธ



    “เอ๊ะ! เจ้าอีกแล้วหรือนี่” เยริน่าอุทานด้วยความแปลกใจที่พบปีศาจตาสีน้ำตาลดุคนนั้นยืนยิ้มอยู่ที่หน้ากระโจมของเจ้าชายรัชทายาทของแองการ์ เขาเป็นทหารองครักษ์ประจำองค์รัชทายาทหรือนี่ ก็เหมาะแล้วล่ะ ตัวออกโต ขี้บ่นด้วยเหมือนเปอร์โต้หรือน้าเชสเลย



    “ทหารของโทเรอานี่เป็นอย่างไรกันนะ พบเจ้าชายรัชทายาทแล้วยังไม่ทำความเคารพอีก ช่างไม่มีมารยาทเลย” ลูอิสตำหนิเยริน่าด้วยความที่ไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วที่โทเรอาส่งเด็กหนุ่มมาอารักขาบุคคลสำคัญของแองการ์ ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกแล้วก็ตามว่าเจ้าชายรัชทายาทองค์นี้ไม่ต้องมีผู้คุ้มกันก็ได้ แต่ก็ไม่ควรประมาท



    “หา! เจ้าซุ่มซ่ามนี่อะนะ เจ้าชายรัชทายาท” ดวงตาสีฟ้าของเยริน่าเบิกกว้างด้วยความแปลกใจ “ไหน ชัคเจ้าบอกว่าเด็กร้องไห้เห็นก็ยังหยุด ไงกลายเป็นเจ้าซุ่มซ่ามคนนี้ไปได้” เยริน่าหันไปไล่เบี้ยกับชัค ที่ตอนนี้ทำหน้างงยิ่งนัก เพราะไม่มีใครเคยบอกว่าเจ้าชายรัชทายาทของแองการ์หน้าตาดีเหมือนรูปสลักขนาดนี้



    เจอิลกลั้นหัวเราะเต็มที่ที่คนตัวเล็กแต่งดงามดังอิสตรีทำกิริยาที่ดูแล้วอย่างไรก็ยังน่ามองอยู่ดีถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันเองก็ตาม ในขณะที่ลูอิสตาโตด้วยความตกใจ และความโกรธก็พลุ่งพล่านทันทีที่มีคนมาลบหลู่องค์รัชทายาทที่เคารพรักของพวกเขา จึงสาวเท้าเข้าไปหาเยริน่าอย่างรวดเร็ว พร้อมชักดาบเตรียมจ่อไปที่ลำคอขาวผ่องของเยริน่าโดยที่ทหารของโทเรอาไม่ทันขยับแม้แต่คนเดียว....



    “เคร้ง!” มีดสั้นกระชับมือของเยริน่าถูกยกขึ้นมากันดาบของลูอิสไว้ได้ทันก่อนที่ดาบจะถึงจุดหมายเพียงเสี้ยววินาที สร้างความแปลกใจให้ทั้งเจอิลและลูอิส รวมถึงทหารทุกคนของแองการ์ แต่กลับไม่มีผลอะไรกับทหารของโทเรอา เพราะรู้ถึงฝีมือของเยริน่าอยู่แล้ว



    “ข้าต้องขออภัยที่ทำกิริยาไม่ดีต่อองค์รัชทายาทของท่าน ข้าเพียงแต่แปลกใจ หม่อมฉันต้องขออภัยพะย่ะค่ะ เจ้าชายเจอิล ขอได้โปรดทรงอภัยกับกิริยาที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงของข้าด้วย” เยริน่าหันไปคำนับขออภัยต่อเจ้าชายรัชทายาท และลูอิส ในใจรู้สึกเสียใจที่ทำกิริยาเปิ่นๆ ออกไปแบบนั้นเป็นเพราะแปลกใจมาก และไม่คิดว่าเจ้าชายรัชทายาทจะไปเดินในเมืองโดยไร้ผู้คุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชนกันเมื่อวานมันอยู่หน้าหอนางฟ้า....... โดยที่ไม่คิดเหมือนกันว่าตนเองก็เป็นเจ้าหญิงเดินในเมืองในคราบของเด็กผู้ชายและไม่มีผู้คุ้มกันเช่นกัน



    “ลดดาบลงเถอะ ลูอิส เขาก็ขอโทษข้าแล้ว เมื่อวานนี้ข้าก็ทำตัวไม่สมเป็นรัชทายาทด้วย”



    เจอิลไกล่เกลี่ยให้ลูอิสเก็บดาบและสงบสติอารมณ์มากขึ้น หลังจากเห็นความเร็วในการเอามีดสั้นขึ้นกั้นดาบที่กำลังพุ่งไปด้วยความเร็วขนาดนั้นได้ทัน ในแองการ์ฝีมือดาบของลูอิสเป็นที่สองรองแค่ตนเองเท่านั้น และดวงตาสีฟ้าคู่สวยที่เคยสุกใสเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ บัดนี้เปลี่ยนเป็นเอาจริงทำให้คนมองเปลื่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน???



    ลูอิสก็คิดเช่นเดียวกับเจอิลจึงเก็บดาบเข้าฝักดังเดิมและเริ่มจะเปลี่ยนความคิดแล้วว่าเจ้าหน้าอ่อนนี้คงมีฝีมือที่ไม่อ่อนดังหน้าซะแล้ว



    “หม่อมฉัน เยีย ราชองครักษ์ประจำองค์รัชทายาทยูจีน พร้อมด้วยชัค องครักษ์ประจำราชวงศ์และองครักษ์หลวงอีก 3 นายมาถวายการอารักขา ตามพระประสงค์ขององค์รัชทายาทพะย่ะค่ะ” เยียหันไปทำความเคารพเจอิลอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง



    เจอิลรู้สึกแปลกใจและขัดหูขัดตาอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นเยริน่า ทำความเคารพตนในแบบทหาร ‘หนุ่มน้อยคนนี้ได้เป็นถึงองครักษ์ขององค์รัชทายาทที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือเก่งกาจ ก็ คงมีฝีมือไม่น้อย ไม่เข้ากับหน้าตาที่มีเลยแฮะ



    ลูอิสก็คิดอย่างเช่นเจอิลเช่นกัน และความคิดที่อยากจะทดสอบฝีมือกับหนุ่มหน้าสวยก็ผุดขึ้นมาทันที ตามประสาชายชาติทหารที่เมื่อพบคนเก่งก็ต้องการวัดฝีมือกัน



    “ข้าชื่อลูอิส เป็นองครักษ์ของรัชทายาท ขอประลองฝีมือกับท่านเยียหน่อยได้หรือไม่ ก่อนที่ท่านจะนำพาพวกข้าเข้าเมือง” ลูอิสลดตนเองเป็นองครักษ์และท้าประลองกับเยริน่าทันที



    “เอาไว้ไปประลองกันในลานประลองของเหล่าองครักษ์ก็แล้วกันนะท่านลูอิส ตอนนี้คงไม่เหมาะ ข้าต้องส่งเสด็จเจ้าชายรัชทายาทให้เรียบร้อยก่อน” เยียปฏิเสธพร้อมเหวี่ยงตัวขี้นหลังม้าของตนเอง



    เมื่อชัคเห็นเยริน่าขึ้นม้าแล้ว จึงเดินมาจูงม้าของเจอิลและรอส่งบังเหียนให้ หลังจากนั้นทหารของโทเรอาทั้งหมดก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อมเดินทาง ทำให้ลูอิสที่ตอนนี้หน้าบูดบึ้งแสดงความไม่สบอารมณ์ เหมือนเด็กที่อยากได้ของเล่นแต่ไม่ได้ ต้องขึ้นม้าตามเช่นกัน



    เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของเจอิล พลางคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้ไม่เลว ดูอายุไม่เท่าไร แต่มีนิสัยเยือกเย็นได้เกินตัวในบางครั้ง ถึงแม้ว่าบางทีจะมีหลุดอาการแปลกๆ มาบ้าง แล้วพอหันมาเห็นเพื่อนสนิททำหน้าแบบนั้นแล้ว เจ้าชายก็กลั้นหัวเราะแทบตาย นานแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกแบบสองวันนี้ ตั้งแต่ได้เจอเจ้าหนูนี่



    คาราวานเข้าเมืองครั้งนี้จัดเป็นรูปข้าวหลามตัดโดยมีเยริน่าเป็นผู้นำขบวน ต่อจากนั้นตามด้วยเจ้าชายเจอิล ขนาบข้างด้วยองครักษ์หลวง 2 นาย แล้วจึงมีทหารของแองการ์ทั้งหมดตามมารวมถึงลูอิสด้วย ปิดท้ายขบวนด้วยชัคและองครักษ์หลวงที่เหลืออีกหนึ่งคน



    เยริน่าควบม้าด้วยความเร็วปรกติ ผ่านเส้นทางในป่าที่ดูแล้วถ้าไม่ชำนาญทางอาจจะหลงป่าได้ พอมาถึงตลาดในเมือง เยริน่าก็เลี่ยงเดินทางไปอีกเส้นทางหนึ่ง ทำให้เจอิลแปลกใจยิ่งนักว่าทำไมไม่เดินทางไปเลยตามที่ได้มาสำรวจเมื่อวานนี้แล้วครั้งหนึ่ง  ทะลุตลาดก็จะพบกำแพงพระราชวังแล้ว จึงร้องถาม



    “เยีย!!! เจ้าจะไปไหน ทะลุตลาดนี้ก็ถึงแล้วไม่ใช่หรือ”



    “เขตชุมชนพะย่ะค่ะ!!! เราไม่ควรขี่ม้าฝ่าไป เดี๋ยวจะมีคนได้รับอันตราย หรือม้าอาจตื่นคนได้ มาทางนี้อ้อมนิดหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกับทุกฝ่ายนะพะย่ะค่ะ” เยริน่าตะโกนตอบกลับมา



    เจอิลแปลกใจมากขึ้นที่ได้รับเหตุผลที่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนมากกว่า ความปลอดภัยของคนที่ตนต้องการอารักขาของเยริน่า ทำให้ยิ่งถูกใจองครักษ์ตัวน้อยนี้มากขึ้นกว่าเดิมอีกมากเลยทีเดียว



    เพียงไม่นานเยริน่าก็นำทุกคนมาถึงกำแพงพระราชวังทางด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นประตูที่ใช้ต้อนรับแขกเมืองคนสำคัญ



    “ท่านเยีย มาแล้วหรือขอรับ แล้วนั่นแขกจากแองการ์ใช่มั้ยขอรับ” ทหารเฝ้าประตูปราสาทนายหนึ่งทักเยริน่าด้วยความเคารพ



    “อืม... เปิดทางให้ข้านำเสด็จเจ้าชายรัชทายาทและคณะเข้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และเจ้าชายยูจีนด้วย” เยริน่าแจ้ง



    ทหารเฝ้าประตูปราสาททางด้านทิศเหนือ เปิดทางให้เยริน่าและคณะเข้าไปในเขตพระราชวัง จากนั้นจึงมีทหารมหาดเล็กจำนวนหนึ่งมาคอยรับม้าไปดูแล



    “แปรงขนให้ซีซ่าร์ด้วยล่ะ มองเต้ แล้วอย่าลืมให้แครอทมันด้วยล่ะ” เยริน่าสั่งมหาดเล็กมองเต้ให้ดูแลม้าเป็นอย่างดี ซึ่งมองเต้ก็รับมาด้วยความยินดีเช่นเคย ที่ได้มีโอกาสมาดูแลม้าที่สง่างามของราชองครักษ์ผู้มีฝีมือ



    “เจ้าสั่งเด็กเลี้ยงม้าอย่างนี้เสมอรึ เยีย” เจอิลถาม เพราะคิดว่าคนเลี้ยงม้าน่าจะรู้จักวิธีการเลี้ยงดีอยู่แล้ว



    “มันเป็นความเคยชินน่ะพะย่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอกพะย่ะค่ะ คงมีคนไปแจ้งข่าวการมาถึงของฝ่าบาทแล้ว ขอเชิญไปรอที่ท้องพระโรงชั้นในเถอะพะยะค่ะ หม่อมฉันจะนำทางไปเอง” เยริน่าตอบ แล้วเดินนำทางไปทางเขตพระราชฐานชั้นใน โดยทหารของแองการ์แยกไปกับชัคและองครักษ์หลวง ซึ่งนำทางไปทางที่พักของทหาร



    ระหว่างที่เดินทางไป เจอิลและลูอิสก็สังเกตุเห็นว่า เมื่อเยริน่าเดินผ่านที่ใดก็ตาม ที่มีทหารอยู่ ทุกนายจะมองด้วยสายตาที่เชื่อมั่น และทำการเคารพอย่างนอบน้อม และถ้าเดินผ่านนางใน นางกำนัลทั้งหลาย นางเหล่านั้นก็จะมีกิริยาที่เขินอาย ไม่กล้าสบสายตาเธอเลยแม้แต่คนเดียว และเยริน่าก็ไม่พูดอะไรอีกเลยตลอดทางตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในเขตพระราชฐานชั้นใน พอเจอิลถามก็จะตอบแบบนับคำได้ อย่างเช่น



    “เจ้าเป็นองครักษ์มานานแค่ไหนแล้ว”



    “ปีหนึ่งพะย่ะค่ะ” หรือ



    “เจ้าขี่ม้าได้ดีทีเดียว ใครสอนเจ้าเหรอ และม้าของเจ้าก็สวยมาก ได้มาจากไหนล่ะ”



    “น้า พะย่ะค่ะ”



    ทำให้เกิดพายุตั้งเค้าในอารมณ์ขององค์รัชทายาทแองการ์ แล้วว่า หนุ่มน้อยเจ้าอารมณ์ คนที่มีดวงตาแสดงความรู้สึกที่มีชีวิตชีวาคนนั้นหายไปไหนแล้ว เป็นผลให้ลูอิสซึ่งเฝ้ามองการสนทนาของทั้งคู่ เอ้อ ไม่ใช่ฝ่ายเดียวของเจ้าชายของตนเองต้องแปลกใจขึ้นมาที่เจ้าชายผู้เงียบขรึมของตน กลับเป็นฝ่ายชวนคนอื่นคุยเสียมากมาย และจะออกอาการอารมณ์เสียเมื่อคนที่กำลังพูดด้วยไม่ยอมตอบ



    “น้าเจ้าเป็นคนเลี้ยงม้าหรือเปล่า เป็นคนที่มีสายตาที่ดีมาก ที่เลือกม้างามขนาดนี้ให้เจ้า”



    “....” ไม่มีเสียงตอบจากผู้ที่เดินอยู่เบื้องหน้า



    “ในปราสาทนี้ มันมีกฏห้ามเจ้าพูดหรือไง เยีย... เยีย..!!! เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ”



    ‘ไอ้ปีศาจตาดุนี่ ทำไมถึงพูดมากจังนะ หรือที่ชัคเล่าให้ฟังเป็นเรื่องโกหก ไหนว่าเงียบขรึมไม่ค่อยพูดไง นี่มันตัวปลอมหรือไงแล้วทำไมวันนี้ท้องพระโรงมันอยู่ไกลจังนะ’ เยริน่าบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นหูคนที่กำลังฟังอยู่ได้



    “เจ้าว่าอะไรนะ ข้าไม่ค่อยได้ยิน พูดดังอีกนิดซิ”



    “เปล่า พะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ได้พูดอะไรพะย่ะค่ะ”



    ลูอิสประเมินสถานการณ์การต่อล้อต่อเถียงของเจ้าชายกึ่งเพื่อนสนิท



    “ท่านเยีย ฝ่าบาทกำลังทรงรออยู่เลยขอรับ” ทหารวังคนหนึ่งเดินตรงมาทางที่ทั้งสามกำลังเดินอยู่แล้วทำความเคารพ



    เยริน่าพยักหน้ารับ “เจ้าชายเจอิล ท่านลูอิส เชิญเสด็จที่ท้องพระโรงได้เลย นายทหารท่านนี้จะเป็นผู้นำเสด็จไป ส่วนข้าพระองค์ขอตัวก่อน จะไปดูแลเรื่องที่พักให้ท่าน ขอตัวก่อนพะย่ะค่ะ” เยริน่าโยนทั้งสองให้ทหารวังรับไปดูแลทันที



    หยุดก่อน!!!... เจ้าจะไปไหนไม่ได้ ในเมื่อเจ้ารับหน้าที่อารักขาข้ามา ก็ต้องทำหน้าที่ให้จบ ส่งข้าให้ถึงมือของเจ้าชายยูจีนซิ”

    เสียงอันทรงอำนาจและกังวานของเจอิลดังขึ้นเมื่อเห็นเยริน่าหันหลังพร้อมเดินจากไป เป็นผลให้เยริน่าสะดุดกึก



    ลูอิสได้ยินน้ำเสียงของเจอิลเป็นเช่นนั้นก็ทราบแน่ว่าผู้ที่เจ้าชายกำลังพูดด้วย คงจะไม่ดีแน่หากขัดใจ แต่เยริน่าไม่รู้ถึงสัญญาณนี้ จึงหันขวับมายังต้นเสียงทันที แต่สิ่งที่เธอได้พบคือ หน้านิ่งสนิท มีเพียงแต่ประกายจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นอย่างกับมีดประหารก็ไม่ปาน



    ดวงตาคมกริบสบตาเธออย่างแน่วแน่และจ้องลึกราวกับเยริน่าทำความผิดอะไรใหญ่หลวงที่ไม่อาจอภัยให้ได้ เยริน่ารู้สึกไม่พอใจกอปรกับการอยากเอาชนะ ทำให้หญิงสาวพลั้งปากออกไป



    “หม่อมฉันมีหน้าที่อารักขาพระองค์มาจนถึงปราสาท นี่ก็ถึงปราสาทแล้ว ภารกิจของหม่อมฉันก็เสร็จสิ้นแต่เพียงเท่านี้พะย่ะค่ะ ทหาร เจ้าจงรีบนำเสด็จไป เจ้าชายจะได้รีบไปพักผ่อน ท่าทางพระองค์จะทรงเหนื่อยมากแล้วจากการเดินทาง”



    ทหารวังผู้น่าสงสารได้แต่มองทั้งสองไปมา เนื่องจากไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เลยยังไม่ออกเดิน



    เยริน่าหันหลังกลับเพื่อเดินจากไป หลังจากดูท่าทีแล้วว่าเจ้าชายเจอิลยังไม่ยอมไปก่อนแน่ๆ ทันใดนั้นเอง มือใหญ่แข็งแกร่งของชายหนุ่มก็เอื้อมมาคว้าท่อนแขนเรียวบางของเยริน่าไว้  เยริน่าสะดุ้งสุดตัวพยายามสะบัดให้หลุดจากการจับกุม แต่ไม่เป็นผล เลยใช้สายตาจ้องไปที่หน้าของเจอิลเพื่อให้รู้ตัว กลับพบแต่รอยยิ้มกวนๆ



    “นี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ข้าได้ยินตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในปราสาทนี้เลย” เจอิลหันไปสั่งทหารที่กำลังรอรับใชและกำลังงงๆ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่



    “เอ้า! นำไปซิ ท้องพระโรงอยู่ทางไหน ลูอิสอย่าทำหน้าอย่างนั้น รีบตามมาเร็ว” หันไปไล่เบี้ยกับลูอิสอีก เมื่อเห็นสหายกำลังกลั้นยิ้มอยู่กับการกระทำแปลกๆของพระองค์ กิริยากึ่งลากกึ่งจูงให้เจ้าตัวน้อยเดินตามไปมันดูแปลกๆ เหมือนว่าเป็นการลากอย่างเดียวมากกว่า จะดีอยู่หน่อยก็ตรงที่เจ้าองครักษ์หน้ามน ยังคงเดินได้ด้วยขาของตนเอง



    “ปล่อยหม่อมฉันนะพะย่ะค่ะ!!!”



    แต่คราวนี้ไม่มีคำตอบจากคนช่างพูด เยริน่าต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งให้ทันก้าวยาวๆ ของคนข้างหน้าที่กำลังประทุษร้ายแขนของเธออยู่ ตลอดทางเยริน่าพยายามสะบัดแขนเพื่อให้เป็นอิสระ แต่ก็ไม่เป็นผลกลับรู้สึกว่ามือนั้นยิ่งกระชับมั่นแน่นขึ้นยิ่งกว่ากาวซะอีก จนทั้งหมดมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้โค้งที่สลักด้วยลวดลายวิจิตรตระการตาบานหนึ่ง ทหารเฝ้าท้องพระโรงเปิดทางให้ทั้งหมดผ่านเข้าไปอย่างสะดวก



    “ฝ่าบาท เจ้าชายเจอิล รัชทายาทแห่งแองการ์ ละรองแม่ทัพลูอิสขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” ทหารวังกราบทูลให้กษัตริย์และเจ้าชายยูจีนทราบ



    เยริน่าพยายามส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เจ้าชายยูจีนทรงแก้ไขสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนใจของเธออยู่



    ยูจีนมองบุคคลผู้มาใหม่ 3 คน หนึ่งคือองครักษ์ของพระองค์เอง และคนที่กำลังกึ่งลากกึ่งจูงคนของพระองค์ด้วยท่วงท่าการเดินที่องอาจแล้ว คงเป็นเจ้าชายเจอิล รัชทายาทแห่งแองการ์ และที่รั้งขบวนคงเป็นรองแม่ทัพของแองการ์ ดูแล้วอายุยังน้อยอยู่ คงมีฝีมือพอตัวที่เดียวจึงได้เป็นรองแม่ทัพตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้



    แต่ที่น่าแปลกใจที่สุด ทำไมเจ้าชายเจอิลต้องลากเยียมาอย่างนั้นด้วย รึเยียไปล่วงเกินอะไรท่านนะ และแล้วรอยขมวดน้อยๆ ก็ปรากฏขึ้นระหว่างพระขนงของเจ้าชายยูจีน



    เจอิลพินิจพิเคราะห์องค์กษัตริย์ยาฟา ดูองอาจมีสง่าราศีถึงแม้ว่าจะมีพระชนมายุที่มากแล้วก็ตาม และเจ้าชายยูจีน ดูสง่างาม อายุคงไม่หากจากพระองค์เท่าไร ผมสีน้ำตาลออกทองดูสว่างไสว หน้าตาคมคายคงต้องตาต้องใจอิสตรีมากมาย ดวงตามีสีฟ้ากระจ่างใส เหมือนคนที่อยู่ข้างกายพระองค์ตอนนี้ ท่าทางองอาจสมชาติเชื้อขัติยะวงศ์ คงดูแลตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องมีองครักษ์ แล้วทำไม สีหน้าของเจ้าชายดูสงสัยอะไรกันนะ



    “ยินดีต้อนรับสู่โทเรอานะเจอิล เจ้าจะมีหน้าตาองอาจ คมคายคล้ายบิดาเจ้าจริงๆ” กษัตริย์ยาฟาทักทายเจอิล พร้อมทั้งเอ่ยในสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงออกไป



    “เจ้ามีปัญหาอะไรกับราชองครักษ์ของข้าหรือเปล่า หลานชาย เขาไปล่วงเกินอะไรเจ้าหรือเปล่า จึงต้องจับกุมไว้เช่นนั้น รึว่าอย่างไร เยีย เจ้าไปล่วงเกินอะไรเจอิลหรือเปล่า”



    หลังสิ้นคำขององค์กษัตริย์ เจอิลก็สะดุ้งแล้วรีบปล่อยแขนเยริน่าให้เป็นอิสระทันที เยริน่าปฏิเสธกับกษัตริย์ทันทีพร้อมลูบแขนตัวเองคลายอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น “ไม่ได้ทำอะไรพะย่ะค่ะ เพียงแต่หม่อมฉันจะล้มแล้วเจ้าชายช่วยพยุงไว้พะย่ะค่ะ”



    เป็นคำแก้ตัวที่ไม่ได้เรื่องที่สุดในตอนนั้น แต่เยริน่าก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี เรียกรอยยิ้มจากทั้งกษัตริย์ยาฟา เจ้าชายเจอิลและลูอิสผู้ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ยังคงไม่เข้าใจในการกระทำของรัชทายาทของตนเองอยู่นั่นเอง และบุคคลอีกคนที่กำลังสงสัยในคำแก้ตัวแบบไม่มีเหตุผลจากคนที่มีเหตุผลตลอดเวลาอย่างเยริน่า นี้คือ ยูจีน เพราะลักษณะอาการเป็นการลากกันมากกว่าจะเป็นการพยุงเพื่อไม่ให้ล้ม



    “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ของเจ้าไปอย่างไรบ้างล่ะ” กษัตริย์ยาฟายังคงเป็นผู้ผูกขาดบทสนทนาต่างๆ



    “ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ดีพะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง ที่หม่อมฉันมาโทเรอาครั้งนี้ก็เพื่อเป็นทูตเพื่อสานสัมพันธไมตรีระหว่างสองเมือง และขอศึกษาการบริหารงานราชกิจและบริหารบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนอยู่กันอย่างสะดวกสบายจากเสด็จอาด้วยพะย่ะค่ะ”



    “หลานชาย เจ้ายอข้ามาไปแล้ว แองการ์เองก็ร่มเย็นเป็นสุข ประชากรอยู่ดีกินดีเหมือนกัน บางทีข้าอาจต้องเป็นฝ่ายเรียนรู้จากแองการ์ก็ได้นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” กษัตริย์ยาฟาทรงสรวลอย่างมีความสุข ด้วยรู้สึกชอบในอิริยาบทของเจ้าชายรัชทายาทแองการ์ และพระองค์ก็มีความสนิทสนมกับกษัตริย์และราชินีของแองการ์มาเป็นเวลานานแล้ว



    “ตลอดเวลาที่พำนักอยู่ที่นี่ ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่องก็ขอให้แจ้งแก่ยูจีนนะ ตอนนี้อาคงต้องขอตัวไปพักก่อน อายุมากขึ้นร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง” ว่าแล้วกษัตริย์ยาฟาก็ดำเนินออกจากท้องพระโรงไปพักยังห้องชั้นใน



    “ส่งเสด็จพะย่ะค่ะ” ทั้งหมดกล่าวพร้อมกัน โดยมิได้นัดหมาย



    เยริน่ารู้สึกเป็นห่วงเสด็จพ่อ จึงมองตามด้วยสายตาที่เอื้ออาทรยิ่งนัก อาการทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของบุรุษผมสีดำดุจรัตติกาลตลอดเวลา



    ‘เป็นองครักษ์ของเจ้าชายยูจีนแต่ทำไม มององค์กษัตริย์ด้วยสายตาแบบนั้น รึว่าเจ้านั่นเป็นพวกอย่างว่า’ คิดแล้วก็ให้เจอิลก็รู้สึกโมโห อยากเข้าไปเขย่าตัวการที่ทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ยิ่งนัก



    “ยินดีต้อนรับสู่โทเรอา ข้ายูจีน ถ้ามีสิ่งใดขาดตกบกพร่องก็แจ้งข้าหรือมหาดเล็กได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจนะเจ้าชายเจอิล” เสียงของยูจีนช่วยเรียกสติของเจอิลกลับมา



    ยูจีนสังเกตุเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเช่นเดียวกับลูอิสก็พอจะประเมินสถานการณ์พิลึกพิลั่นนี้ได้ตามประสบการณ์ที่ผ่านๆมา ผิดตรงที่เหตุการณ์ตอนนี้มันเกิดกับผู้ชายและผู้ชายด้วยกัน.....



    “เยีย วันนี้ขอบใจมาก เจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้เช้ามาพบข้าที่ห้องอักษรด้วย” อย่างนี้ต้องตัดไฟแต่ต้นลม เจ้าชายเจอิลจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ข้าต้องช่วยองครักษ์ของข้าก่อนล่ะ



    ดั่งเสียงสวรรค์ เยริน่าไม่เคยรู้สึกอยากขอบคุณพี่ชายเหมือนครั้งนี้มาก่อน “งั้นกระหม่อมทูลลาเลยนะพะย่ะค่ะ”



    “หยุดก่อน... เจ้าจะไปไหนไม่ได้!!!” เสียงของปีศาจตาดุประกาศออกมาดังลั่น หยุดทุกการเคลื่อนไหวในที่นั้นทันที



    ‘เอาอีกแล้ว ปีศาจตนนี้ต้องการอะไรกันแน่ วันนี้ข้าต้องโดนคำสั่งแบบนี้จากคนๆเดียวกันถึง สองครั้งหรือนี่ ข้าไปเหยียบตาปลาของตานี่เข้าตอนไหนกันนะ’ เยริน่าพึมพำออกมาเบาๆ แล้วสบตายูจีนเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง



    “มีอะไรหรือเปล่าท่านเจอิล องครักษ์ของข้าไปทำอะไรล่วงเกินท่านหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะลงโทษเขาด้วยตัวเองเลยทีเดียว”



    ‘องครักษ์ของข้า!!!’ ประกายตาจัดจ้านเปล่งออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มทันทีที่ได้ยินคำคำนี้ “เขาไม่ได้ล่วงเกินอะไรข้าหรอก ข้าต้องการให้เขาพาข้าไปพักน่ะ” เจอิลตอบผู้สูงวัยกว่า



    “อย่างนั้นเองหรอกรึ ให้มหาดเล็กพาไปสะดวกกว่านะ นี่!!! มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง เรียกอลิสเตอร์มาพบข้าเดี๋ยวนี้” ยูจีนหันไปสั่งทหารทันทีโดยไม่สนใจสายตาเอาเรื่องที่กำลังจ้องตนอยู่



    “ไม่เป็นไรหรอกท่านยูจีน องครักษ์คนนี้ก็สามารถทำหน้าที่นี้ได้ ไม่ต้องตามใครมาพื่อให้มากความหรอก” เจอิลแย้งเสียงเรียบ



    มหาดเล็กรูปร่างสันทัดคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในท้องพระโรง “เจ้าชายยูจีน ให้หาหม่อมฉันหรือพะย่ะค่ะ”



    “ใช่ เจ้านำเสด็จเจ้าชายเจอิลพร้อมท่านลูอิสไปที่พักฝั่งตะวันออก”



    โดยไม่รอให้เจอิลปฏิเสธ “ให้อลิสแตร์นำเสด็จนะท่านเจอิล องครักษ์ของข้าคงเหนื่อยเช่นกัน ช่วงหลายวันมานี้ข้าใช้งานเขาหนักทีเดียว แล้วข้าจะให้อลิสแตร์นำเสด็จท่านไปห้องอาหารตอนอาหารค่ำอีกที”



    ‘องครักษ์ของข้า!!! ครั้งที่ 2 แล้ว’ คิ้วของชายหนุ่มขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ



    ‘เด็จพี่ เยี่ยมไปเลย ปีศาจตาดุทำอะไรท่านไม่ได้เลย’ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเรียวงามของเยริน่าที่เห็นเจอิลจนมุมต่อยูจีน



    ใบหน้าของชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าตึงขึ้นมาในทันที ที่เห็นรอยยิ้มที่เยริน่าส่งให้แก่ยูจีน และตนเองไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมารั้งอีก



    คำถามว่าทำไมเจ้าชายผู้ชาญฉลาด สามารถต้อนขุนนาง ข้าหลวงให้จนมุมได้ตลอดเวลา กับไม่สามารถต่อกรกับเจ้าชายรัชทายาทของโทเรอาได้ ทั้งๆที่บทสนทนาก็สุดแสนจะธรรมดา ผุดขึ้นมาในใจของลูอิส แต่เมื่อเห็นทิศทางของสายตาของเจ้าชายแล้ว ลูอิสก็ไม่อยากจินตนาการอะไรต่อไปอีก นอกจากต้องการพาเจ้าชายของตนเองไปให้ห่างๆ หนุ่มน้อยหน้ามนคนนี้ให้ไกลที่สุด



    “ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ เจ้าชายยูจีน หม่อมฉันและ เจ้าชายเจอิลต้องขอไปพักผ่อนก่อน เนื่องจากเราเดินทางมาเป็นเวลานานหลายวัน แล้วเราจะมาพบท่านอีกทีตอนเวลาอาหารค่ำนะพะย่ะค่ะ” ลูอิสรีบตัดบทก่อนที่พายุลูกสีน้ำตาลเข้มจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า



    เมื่อเจอิลและลูอิสเดินจากไปแล้ว ยูจีนก็หันมาไล่เบี้ยเจ้าองครักษ์ตัวดี “เจ้าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า เยีย”



    ‘อ้าว! เสด็จพี่ไหงมาลงที่ข้าอย่างนี้ล่ะ’ “โธ่! ท่านยูจีน ตัวข้าเองยังไม่รู้สาเหตุเลย ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งสัญญาณให้ท่านช่วยข้าทำไมล่ะพะย่ะค่ะ” เยริน่าทำสีหน้างงๆ



    เจ้าชายยูจีนส่ายหน้าระอากับองครักษ์ทำไมองครักษ์ผู้ชาญฉลาดกลับไม่เข้าใจสถานการณ์แบบนี้เลย หรือว่าเจ้ามันไร้เดียงสาจริง “เฮ้อ! เจ้าไปได้ แล้วพรุ่งนี้มาพบข้าด้วย”



    เยริน่ารีบรับคำทันทีและขอตัวออกไปทันทีเพราะตอนนี้กำลังนึกถึงที่นอนอุ่นๆ ของตนเองและอยากให้น้าชีล่าช่วยนวดแขนที่ถูกปีศาจลากเมื่อกี้ด้วย

    ................................................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×